อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 14

14

สายบัวเดินลงมาพร้อมกับปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด เมื่อไปถึงหน้าร้านก็พบว่าบนโต๊ะของคุณอารักษ์มีจานอาหารวางอยู่เกลื่อนกลาด พอเห็นหน้าเธอเขาก็เรอออกมาอย่างไม่ได้อายสายตาใคร ๆ หรือกลัวว่าภาพเนี๊ยบของตนจะเสียหายไปอย่างไร

“มื้อนี้ฉันไม่จ่ายนะ เลี้ยงตอบแทนฉันแล้วกัน”

สายบัวเบ้หน้าให้ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่า มัดมือชกกันนี่

“ยังโกรธฉันอยู่เหรอ”

สายบัวยังเงียบ เธอโกรธเขาอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่วันที่เธอเอาไม้กวาดฟาดเขาจนเลือดอาบและเธอเองนั่นแหละที่ไปร้องเรียกคนบ้านใหญ่ให้ขับรถพาคุณอารักษ์ไปเย็บแผล ระหว่างทางเขายังแกล้งเกลือกกลิ้งอยู่บนตักเธอแล้วก็ร้องโอย ๆ ทำให้เธอตกอกตกใจยกใหญ่

จนกระทั่งพากลับมาที่บ้าน เธอก็ถูกคุณจารุวรรณเนรเทศออกจากบ้าน มามีร้านอาหารใหญ่โตมีอาชีพเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนคนปกติทั่วไป ส่วนคุณอารักษ์ เธอเก็บไว้ที่มุมไหนของหัวใจนะ เธอมองแทบไม่เห็นเขาเลย รู้แต่ว่า ไม่มีเขาในห้วงความคิดคำนึง มันเป็นความว่างเปล่าที่อยู่ในความมืดมิด เธอรู้ว่ามีเขาอยู่กับเธอเสมอ แต่เธอกลับไม่เคยได้นึกถึงเขาเลย

สายบัวจ้องหน้าเขาจนเต็มตา เขาจ้องตอบ ในนั้นมีอะไรมากมายที่สายบัวคิดไม่ออก

“ยังโกรธฉันอยู่ไหม ตอบหน่อยซิ” น้ำเสียงนั้นคล้ายตัดพ้อ

“ดิฉัน” สายบัวใช้สรรพนามแทนตนไม่ถูก เธอรู้สึกงุนงงขึ้นมาเฉย ๆ

“บัวไม่ได้โกรธอะไรคุณอารักษ์นี่คะ” เมื่อพูดไปแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ

“ไม่โกรธก็ดีแล้ว แต่ถ้าโกรธ ฉันอยากบอกเธอว่า” เขานิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วสายบัวก็ไม่คิดว่าจะได้ยินถ้อยคำนี้จากคำพูดของเขา

“ฉันขอโทษ” สีหน้าและน้ำเสียงของเขาสำนึกผิดจริง ๆ

“งั้นวันนี้ฉันกลับก่อนนะ ขอบใจสำหรับอาหาร” ว่าแล้วเขาก็ทำท่าลุกขึ้น สายบัวอยากจะเรียกเขาไว้ แต่ก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร จนกระทั่งเขายืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจแล้วก็หมุนตัวออกจากร้านไป


แล้วสายบัวก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอน่าจะขอบคุณเขาเรื่องคุณดุจเดือน หรือเขาทำอย่างไรให้คุณดุจเดือนกลับออกไปได้ เขาพูดอะไรกัน

ค่ำคืนนั้นสายบัวนั่งมองโทรศัพท์ของตนเองที่มีเบอร์ของคุณอารักษ์ เธอจะโทรไปถามเขาดีไหมนะ เอาเป็นว่าเธอออกไปหาเขาในที่ที่เคยพบเขาดีกว่า คิดแล้วสายบัวก็ลุกขึ้นแต่งตัวโดยไม่ได้คิดร้องเรียกวิลาวัลย์ให้ไปเป็นเพื่อน
เมื่อไปถึงในสถานที่ ที่เคยพบเขา สายบัวพยายามเพ่งมองผ่านแสงไฟสลัวและควันบุหรี่ เผื่อบางทีคืนนี้เขาจะมาที่นี่

“มาคนเดียวหรือ” เป็นเนตรนภัสนางแบบรุ่นน้องซึ่งมีข่าวกับอารักษ์อยู่ช่วงหนึ่งร้องขึ้นทักเธอ

“นั่งด้วยกันซิ” สายบัวจำต้องนั่ง เธอคิดผิดหรือเปล่านะที่มาที่นี่

“เป็นไง งานเดินแบบเวทีใหญ่ในเดือนหน้าที่สยามมีชื่อเธอไหม น่าจะมีอยู่แล้วเพราะเส้นสายดี มีพี่ต้นหนุนหลังทั้งคน” เนตรนภัสสูบบุหรี่แล้วก็พ่นออกมาเหมือนพยายามเอาความทุกข์ออกจากอกไปด้วย

“เธอมาคนเดียวเหรอ มานั่งรอใครหรือเปล่า”

“มาคนเดียว แต่มานั่งรอใครบางคน” เนตรนภัสพูดให้เป็นปริศนา สายบัวไม่ได้ตามข่าวจึงไม่ได้รู้ว่าบัดนี้นางแบบรุ่นน้องคนนี้ คบหาอยู่กับใคร เพราะเรื่องบางเรื่องเธอรู้ไว้ใช่ว่าจะมีประโยชน์ อยู่ในวงการนี้จะว่าตัวใครตัวมันก็ได้ ถึงคราวขึ้นใครก็ฉุดไม่อยู่ แต่ถ้าตกลงมาหวังจะเดินขึ้นไปอีกรอบ มันไม่ง่ายนัก

“ฉันอิจฉาเธอจังสายบัว วางตัวไว้ดีไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเธอก็เลยไม่เคยตก” สายบัวยิ้มแหย ๆ ให้

“เธอคิดมากไปเองมากกว่า เธอก็ยังมีงานอยู่นี่ ได้เล่นละครเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“แค่เพื่อนนางร้าย แล้วก็จะพลิกเป็นนางร้าย ฉันหยุดแค่นั้นแหละ คิดแล้วมันเสียภาพนางแบบ พวกนางเอกมาเป็นนางแบบมันดูดีไง แต่เราไปเล่นละครแล้วมันไม่ใช่ภาพเรา สู้อย่างนี้ดีกว่า เธอว่าไหม”

“ใช่”

เนตรนภัสยังชวนสายบัวคุยเรื่องคนวงการจนกระทั่งสายบัวเห็นว่าได้เวลา เธอจึงขอตัวกลับ

“บัวกลับก่อนนะ แล้วค่อยคุยกันวันหลัง” ขณะสายบัวลุกขึ้น สายตาของเธอก็ปะทะกับคุณอารักษ์ซึ่งนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องอย่างจัง เขามองมาที่เธอนัยน์ตานั้นกรุ้มกริ่มจนสายบัวรู้สึกสะท้านในหัวอก เธอมาที่นี่เพื่อต้องการพบเขา เขานั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอกล้าเดินไปหาเขาไหม สายบัวเลือกไปที่ประตูขาออก แล้วผลักมันออกไป เธอไม่กล้าหรอก เธอกลัวเนตรนภัสจะเข้าใจผิด
สายบัวเดินออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าถนน แล้วรถคันที่เธอไม่คิดว่าจะมาพอดีก็เลี้ยวเข้าสู่ลานจอด ถ้าสายบัวมองไม่ผิด มันเป็นรถของหมอโกมุท ตุ๊กตาหน้ารถเป็นใครสักคนหนึ่งที่ไม่ใช่ภรรยาเขา

ผู้ชายมันเป็นอย่างนี้กันหมดรึไง

ใจของสายบัวปวดร้าวกับความรักอีกรอบ แล้วลิลลี่ที่เขามอบให้เธอในตอนเช้านั้นเพื่ออะไร เมียของเขาที่ไปหาเรื่องเธอในร้านนั่นอีกล่ะ




ในวันรุ่งขึ้นสายบัวต้องแปลกใจอีกครั้งเพราะที่บนโต๊ะบัญชีของเธอมีทั้งช่อลิลลี่และช่อกุหลาบสีขาวไร้นามเจ้าของวางอยู่เหมือนเคย

“เอากระจายออกแล้วจัดใส่แจกันวางไว้ให้ทั่ว ๆ ร้าน” สายบัวตัดใจ เธอจะไม่ปล่อยให้ใครมาเล่นเกมส์กับเธออีกแล้ว เธอจะต้องคุมเกมส์ชีวิตของเธอเอง เธอต้องการความสุข ใครที่จริงใจกับเธอ เขาต้องเข้ามาและจะไม่มีหน้าไหว้หลังหลอกกับเธออีก

เมื่อคิดได้ดังนั้น วันนั้นทั้งวันสายบัวจึงมีใบหน้าสดชื่นตลอดการถ่ายภาพนิ่ง

“บัว คุณโชติพันธ์ ผู้นำเข้าสินค้าต้องการพบเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหม”
สายบัวถอนหายใจออกมา แล้วมองหน้าพี่ต้น

“ถ้าบัวบอกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องงานบัวไม่ไป พี่ต้นจะว่าบัวไหมค่ะ”

“บัว รวยนะ” พี่ต้นพูดตรง ๆ

“แต่บัวก็พอมีของบัวแล้วเหมือนกัน อีกอย่างบัวไม่เคยคิดขายด้วย” สายบัวอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เธอไม่คิดว่าพี่ต้น จะไม่รู้ใจเธอ เธอคิดว่าพี่ต้นน่าจะปัดออกไปให้ไม่ควรเอาเรื่องนี้มาถามเธอหรอก

“เออ ไม่ไปก็ไม่ไป แต่ให้รู้ไว้นะว่าเขาสนใจตัว”

สายบัวผลักนิตยสารอีกเล่มไปตรงหน้า

“แล้วข่าวนี้ล่ะคะ กับน้องโมจิเนี่ยว่าไง”

“เมจิ ไม่ใช่โมจิ นั่นมันขนม เธอนี่มั่วเรื่อย” พี่ต้นพยายามทำให้มันตลกเข้าไว้



แล้ววันรุ่งขึ้นหลังจากที่สายบัวได้รับดอกไม้ทั้งสองช่อเหมือนเคย สายบัวจึงต้องถือปิ่นโตข้ามสะพานลอยกลับไปที่โรงพยาบาล ด้วยอยากรู้นักว่า คุณหมอคิดกับเธออย่างไรกันแน่ แต่เมื่อไปถึงพบว่า เจ้าหน้าที่หน้าห้องบอกว่าคุณหมอไม่มาทำงาน

สายบัวมองปิ่นโตในมืออย่างห่อเหี่ยว

เธอคงเป็นเกมส์อะไรสักเกมส์ที่คนรวย ๆ เขากำลังเล่นกัน สายบัวเดินกลับออกมาด้วยรู้สึกเบาหวิวในหัวอก ลมหายใจที่เคยหายใจเข้าออกเป็นคุณหมอเริ่มหายไป

สายบัวกลับขึ้นห้องพัก เข้าห้องอาบน้ำ แล้วเสียงของคุณอารักษ์ก็แว่วมาให้หวนไห้

“คุณหมอเขาไม่ชอบผู้หญิงตัวดำ ๆ อย่างเธอหรอก แต่ฉันชอบ”

สายตาคู่นั้น น้ำเสียงนั้น สายบัวพยายามเร่งความแรงของน้ำเพื่อไม่ให้นึกถึงใครบางคนที่เธอเฝ้าบอกกับใจตัวเองว่าเกลียด ๆ มาหลายปีดีดัก



และขณะที่รูปเซ็ทสุดท้ายจะจบลง พี่ต้นก็ได้รับโทรศัพท์จากอาภัสวรรณ หลังจากวางโทรศัพท์สีหน้าของพี่ต้นไม่ค่อยดีนัก เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนงานเสร็จเรียบร้อย

“ไป กลับบ้านกัน”

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” สายบัวพยายามซักไซ้ และก็เหมือนทุก ๆ ครั้งที่พี่ต้นอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็จะเงียบไปเฉย ๆ

ร้านอาหารของสายบัวอยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล สายบัวแปลกใจที่คนขับไม่ไปยูเทิร์น รถหากแต่เลี้ยวเข้าไปจอดในโรงพยาบาลเลย

“คนรู้จักกันดันมาป่วย ลงไปด้วยกันหน่อยเถอะ เธอก็รู้จัก “

สายบัวสาวเท้าตามพี่ต้นไปที่หน้าห้อง icu แล้วหญิงสาวก็ได้พบคุณศิรินทิพย์ คุณจารุวรรณ คุณอาภัสวรณ คุณนันทพร และคุณชวนชม แต่ละคนมีสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดี สายบัวรู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่

“สายบัว” แล้วคุณชวนชมก็กรากเข้าไปสวมกอดสายบัวแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น สายบัวงุนงงเธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร” เกิดอะไรขึ้นกับใครหรือคะ” สายบัวพยายามตั้งสติ

“คุณหมอโกมุท ประสบอุบัติเหตุ เธออยู่ข้างใน” คุณชวนชมชี้ไปยังห้อง icu
น้ำตาของสายบัวหยดเผาะ

เพราะเมื่อตอนสาย ๆ คุณหมอโทรศัพท์มาหา

“สายบัว ฉันจะไปหาเธอที่สตูดิโอนะ เราจะไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”
แล้วคุณหมอก็เงียบหายไป หายไปแล้วมานอนนิ่งอยู่ในห้องนั้น
สายบัวกอดคุณชวนชมร้องไห้เสียงดังสุดจะกลั้นความรู้สึกเหมือนเมื่อครั้งเสียผู้เป็นตาและยาย

“ทำใจดี ๆ เธอไม่เป็นอะไรหรอก คุณหมอต้องได้แต่งงานกับเธอตามแผนที่ได้วางไว้”

“แผนอะไร” สายบัวยังงง

“เมื่อเช้า หมอโกมุท มาขอแหวนจากฉัน บอกว่าจะไปหมั้นสาวเอาไว้ก่อน”
เมื่อได้ยินเรื่องที่คุณศิรินทิพย์บอกเล่า สายบัวร้องไห้จนตัวโยน
ไม่ใครก็ใครสักคนที่กำลังหลอกลวงกัน

คนอื่น ๆ กลับบ้านไปหมดแล้ว ด้วยบ้านอยู่ตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล สายบัวจึงยังนั่งเฝ้าคุณหมอโกมุทอยู่หน้าห้องผู้ป่วยหนัก

“กลับไปนอนเถอะหนู” คุณหมอกมล ผู้พ่อ ออกจากห้องนั้นแล้วร้องบอก
สายบัวปฏิเสธ เธอรอเขามานานแล้วนี่ แล้วจะรอต่ออีกนิดไม่ได้หรือ รอให้รู้ว่าถ้าไม่มีหมอจริง ๆ สำหรับกรุงเทพก็จะไม่มีคนชื่อสายบัวอีกต่อไปเช่นกัน



หลายวันแล้วที่สายบัวไปนั่งนิ่ง ๆ อยู่เป็นเพื่อนคุณ ๆ ที่หน้าห้องผู้ป่วย พี่ต้นเองก็ดูกระวนกระวายที่สายบัวทิ้งงานไปถึงสองงาน

“มีงานที่รับไว้อีกนะบัว ยังต้องทำในวันพรุ่งนี้” สายบัวรู้ว่าเงินเยอะด้วย แต่เธอทิ้งคุณหมอไปไหนไม่ได้ เธออยากอยู่กับคุณหมอตลอดเวลา

“ถ้ายกเลิกงาน ฉันแย่นะบัว ฉันเสียชื่อนะ” พี่ต้นเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ทำเสียงคล้ายกับว่าเห็นใจเข้าใจสายบัวแต่ก็เห็นใจปากท้องและชื่อเสียงของตนเองมากกว่า สายบัวถอนหายใจออกมา แล้วเธอก็ใจอ่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นอีกครั้ง

“งานที่รับไว้แล้ว เท่านั้นนะคะ หมดงานแล้วบัวขออยู่กับคุณหมอให้ถึงที่สุด”

“ได้ซิได้”

‘ได้’ ของพี่ต้นสายบัวรู้สึกว่ามันหลายงานเหลือเกิน

“ไม่รู้ตัวรึ เธอดังมากนะ คุณหมอยังอยู่อย่างนั้น ยังไม่รู้หรอกว่า ใครมาเฝ้ามาเยี่ยมบ้าง รอให้ได้รู้สึกตัวก่อนค่อยว่ากัน”

ไม่จำเป็นที่คุณหมอจะรู้ หรือไม่รู้ เธอรู้ตัวเองดีว่า เต็มใจจะทำอย่างนั้น เต็มใจที่จะรัก เต็มใจรอแม้หมดหวัง จากที่คิดไว้อย่างนั้น วันนี้เธอยังมีสิทธิ์ได้บอกกับใคร ๆ ว่า รักคุณหมอ และคุณหมอเองก็กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ

เธอชื่อว่าอานุภาพของความรักมีจริง

ความรักของพ่อแม่ พี่ น้อง คนอื่น ๆ มันน่าจะดึงให้เขากลับมาได้เหมือนเก่า


ในตอนกลางวันสายบัวจะออกไปทำงานกับพี่ต้น ทางร้านให้วิลาวัลย์ดูแล ส่วนตอนกลางคืนเธอจะนั่งเฝ้าคุณหมออยู่ที่หน้าห้อง อาการยังไม่ปลอดภัยยังเป็นตายเท่า ๆ กัน กะโหลกร้าว สมองถูกกระทบกระเทือน ปากฉีกและกรามหัก

แล้วคืนนั้นสายบัวก็ได้พบกันคนที่เธอรออยู่ว่าจะมาเมื่อไหร่

“เพิ่งรู้ข่าว คุณหมอเป็นอย่างไรบ้าง” ดูเหมือนจะพูดสาด ๆ ไปอย่างนั้น
สายบัวถอนหายใจออกมา จะตอบว่าอย่างไร

“เอ๊ะ ทำไมไม่ตอบฉัน ฉันเป็นเมียเขานะ”

เมื่อได้ยิน ยิ่งกว่าใช้ฝ่ามือตบหน้าเสียอีก เขาเป็นผัวเมียกัน เธอต่างหากเป็นคนอื่น

“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ดิฉันได้แต่นั่งเฝ้าไม่รู้อะไรมากนัก”

“ก็แสดงว่าหนักอย่างที่คนอื่น ๆ พูดกัน เวรกรรมอะไรของหมอหนอ ทำไมต้องเจอเรื่องร้าย ๆ อย่างนี้ด้วย ดีนะที่ฉันยังไม่ได้เซ็นหย่าให้ ไม่งั้น”

สายบัวรู้สึกว่ามือและเท้าของเธอเย็นไปหมด ถ้าเรื่องของเธอกับคุณหมอเป็นไปได้ ก็เท่ากับเธอผิดคำปฏิญาณตนไว้ว่าจะไม่กินน้ำใต้ศอกใครเด็ดขาด



“สายบัว คุณหญิงท่านไปให้แม่ชีดูให้ว่าเป็นเพราะกรรมอะไร คุณหมอถึงได้เป็นอย่างนี้”

“ดูอย่างไร”

“นั่งสมาธิไปดูอดีตชาติ ระลึกชาติไปดูไง” คุณนันทพร พูดให้ฟังขณะมาเยี่ยมไข้

“ชาติก่อนโน้น คุณหมอเคยใช้ไม้หน้าสามตีน้องด้วยความโมโห แต่ว่าชาตินั้นเธอก็เป็นหมอด้วย พอสำนึกผิดแล้วก็ทำการรักษาเยียวยาจนกระทั่งหายเป็นปกติ”

“ก็แสดงว่า มีสิทธิ์หาย”

“มีสิทธิ์ที่จะหาย แต่ต้องทำบุญให้กับคู่กรรมคู่เวร ให้เขาใจอ่อนอโหสิกรรม แล้วก็ทำบุญให้คนเจ็บเยอะๆ ด้วย” และสายบัวก็เพิ่งจะรู้ว่า คุณหมอไม่ใช่คนชอบทำบุญกับพระสงฆ์องคเจ้ามากนัก คุณหมอชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากมากกว่า เป็นอีกเรื่องที่ทำให้สายบัวเริ่มได้รู้สึกตัว
เมื่อก่อนเธอเฝ้าหลงรูปจูบเงา ไม่ได้คิดถึงวันที่จะเดินไปด้วยกันข้างหน้า เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

แต่เมื่อรู้ว่ามันมีโอกาสจะเป็นไปได้ เธอเพิ่งจะฉุกคิดว่า เธอกับเขา หรือว่าเขากับคุณดุจเดือนทำไมถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าคุณหมอเจ้าชู้เหมือนอย่างคุณพ่อ ถ้าเธอต้องอยู่ในฐานะอย่างคุณศิรินทิพย์ คงไม่ชื่นนักหากต้องได้ตำแหน่งเมียหลวง อยากเป็นเมียเดียวเท่านั้น




อาการของคุณหมอถือว่าหนักมาก ตอนที่สายบัวเข้าไปเยี่ยม คุณหมอถูกโกนผมบนศีรษะ กะโหลกข้างซ้ายที่ร้าวได้ทำการผ่าเอาออกไปแล้ว ศีรษะจึงยุบบ๋อมลงไปทำให้หน้าเสียรูปทรง แม้ปากที่เคยได้รูปก็ถูกเย็บ แถมมีสายยางอีกเส้นเพื่อช่วยให้หายใจได้ ส่วนช่องจมูกก็มีสายยางเพื่อให้อาหาร บนแขนมีสายน้ำเกลือ

“คงเจ็บ”

“เจ็บ”

คุณศิรินทิพย์เมื่อเห็นถึงกับเป็นลมในทันที

“โกมุทลูกแม่ ให้แม่เป็นเสียยังดีกว่า”

หัวอกของคนเป็นแม่ ลูกเจ็บอย่างไรก็ต้องเจ็บกว่า

หลายสิบวัน คุณหมอยังไม่ฟื้นคืนสติ

เพื่อนฝูงที่มาเยี่ยมกันบ่อย ๆ เริ่มหายไป มีแต่สายบัวคนเดียวเท่านั้น ที่เพียรนั่งเฝ้าดูอาการ

“พักบ้างเถอะ นอนบ้างเถอะสายบัว” คุณศิรินทิพย์ต้องเข้ามาขอร้อง “ทำใจไว้บ้าง ถ้าฟื้นขึ้นมาได้ ทางหมอก็ยังไม่มั่นใจว่า จะเหมือนเดิมหรือเปล่า ฉันไม่ว่าอะไรเธอหรอก หากเธอจะเปลี่ยนไป ถ้าเป็นฉันเองฉันก็คงคิดหนัก”

สายบัวไม่ตอบ เธอถามใจตัวเองอยู่ว่า ถ้าคุณหมอไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปจากรูปที่เธอเคยเห็น เธอจะทนได้ไหม ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า




“บัว มีงานที่ต้องไปต่างประเทศ ไปไหม”

“พี่ต้น บัวไม่รับงานใด ๆ จนกว่า คุณหมอจะพูดรู้เรื่อง”

“เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายนะบัว กว่าที่คุณหมอจะพูดรู้เรื่อง ดูแล้วมันเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ เกือบเดือนแล้วนะบัว”

“แค่ไหนบัวก็จะรอ”

“เธอโง่หรือบ้ากันแน่ คุณหมอเธอรู้เธอคงไม่ดีใจหรอก”

“บัวทั้งโง่และบ้ามานานแล้วค่ะพี่ต้น คุณหมอจะรู้หรือไม่รู้บัวไม่สนใจ แต่บัวรู้ใจตัวเองว่าบัวต้องการอะไรเท่านั้นเป็นพอ”

พี่ต้นถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดว่า

“แล้วคุณโชติพันธ์ เขาไม่เอาพี่ตายเหรอเนี่ย”





สี่สัปดาห์ผ่านไป คุณหมอเริ่มรู้สึกตัว หยิกเจ็บ กระพริบตาได้ แล้วก็ลืมตา กลอกลูกตาไปมา เลิกใช้เครื่องช่วยหายใจ สามารถเคี้ยวอาหารได้เอง แต่คุณหมอโกมุทจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้อะไรเลย กินไม่รู้จักอิ่ม ขับถ่ายไม่รู้สึกตัว ดีที่พ่อ และพี่เป็นหมอ มีโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ยาที่ว่าแพงและดีที่สุดในโลก ถูกนำมาใช้

เมื่อเห็นคุณหมอครั้งใด สายบัวรู้สึกว่าโลกมันหยุดหมุน มีผู้คนมากหน้าหลายตาเฝ้ามองมาที่เธอ โดยเฉพาะคุณอารักษ์ที่มาป้วนเปี้ยนบริเวณหน้าห้องคนป่วยบ่อย ๆ ถึงกับพูดออกมาเลยว่า

“อยากดูว่าเธอจะมั่นคงกับหมอโกมุทไปได้นานสักแค่ไหน คนปัญญาอ่อนคนหนึ่งเลยนะสายบัว”

และเขาก็ลงท้ายที่ว่า

“อย่างไรอย่าลืมรักตัวเอง และคนที่รักตัวเธอบ้างแล้วกัน”

เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงได้ยังรัก ยังห่วง ยังต้องการที่จะให้หมอมีชีวิตอยู่ต่อแม้มันจะไม่เหมือนเดิม อย่างไรเธอก็ยังรักเขา และที่เพิ่มเข้ามาคือความสงสาร

“จำได้ไหม ใคร”

หมอเคยรูปหล่อสั่นหัว ร่างกายที่เคยผอมเพรียว หนาขึ้นเพราะกินไม่รู้จักอิ่ม

“พอแล้ว อิ่มแล้ว”

“กินอีก” บางทีก็มีอาละวาด บางทีก็หัวเราะอย่างไร้เหตุผล
มีโอกาสหายเป็นปกติสูงมากแต่ต้องใช้เวลา

สายบัวมั่นใจว่าเธออดทนได้ วันนี้ยามที่คุณหมอหลับ เธอยังกอดและจูบเขาได้ เธอรอโอกาสนี้มานานแล้ว สมหวังเสียที มีสิทธิ์ครอบครองแตะต้องรูปทอง

ศีรษะข้างซ้ายยังบ๋อมเพราะยังไม่ได้ใส่กะโหลกเทียมทำให้รูปหน้าคุณหมอเปลี่ยนไป ใคร ๆ ก็ไม่ให้คุณหมอดูกระจก กลัวเขาจะตกใจเมื่อเห็น

คุณหมอใกล้จะออกจากโรงพยาบาลไปรักษาตัวที่บ้านได้ สายบัวรู้สึกอยากให้คุณหมออยู่ที่นี่ไปนาน ๆ เพราะถ้ากลับไปอยู่ที่บ้าน เธอจะตามไปช่วยรื้อฟื้นความทรงจำคุณหมอได้อย่างไร

“ตัวเองชื่อ โกมุท”

“โกมุท” เสียงของคุณหมออ้อแอ้ และกว่าที่จะเอ่ยออกมาได้ เล่นเอาคนคอยสอนและกองเชียร์น้ำตาไหลพราก ๆ

“เวรกรรมอะไรของเธอนะแม่สายบัว มันน่าจะจบแอบแฮปปี้เอนดิ้ง เธอจะทนไปทำไม”

คุณชวนชมกอดสายบัวพร่ำพูดพร้อมน้ำตาไหลพราก ๆ




คุณหมอโกมุทกลับไปรักษาตัวที่บ้าน สายบัวครุ่นคิด ควรตามหัวใจของตนไปไหม เพราะช่วง หลัง ๆ คุณดุจเดือน เพียรกลับมากลับไปที่โรงพยาบาลบ่อย ๆ

“เรายังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการค่ะคุณแม่ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”

“เป็นปีๆ นี่นะ”

“เข้ามาเพื่อหวังเป็นผู้จัดการมรดก หากคุณหมอเป็นผู้ไร้ความสามารถ เธอก็หวังกอบโกยกลับไป เก่งจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้” คุณชวนชมมากระซิบบอก
สายบัว ไม่เคยนึกถึงเรื่องของผลประโยชน์เหล่านี้

“ก็คนไม่ได้รักกันนี่นะ ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะสม นึกถึงเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าเรื่องหัวใจ”

“แล้วคุณหมอเธอมีแฟนไหม”

“ไม่มีใครรู้ ตามประสาหนุ่มๆ สาวๆ สมัยนี้ หากันเองเลือกกันเอง รักกันง่าย เลิกกันง่าย พ่อแม่ไม่มีความสำคัญ มีเธอนี่แหละเต่าล้านปี เพราะยังต้องมีกองเชียร์ มีแม่สื่อ มีรักอมตะ”

“หากสายบัวจะขอมาอยู่ที่เดิม เพื่อทำหน้าที่ช่วยพยาบาลคุณหมอโกมุท”

“ฮ้า” คุณชวนชมตกใจ

“เรื่องใหญ่นะ ต้องปรึกษาคุณศิรินทิพย์ท่านก่อน ส่วนฉันกับคุณนันทพรเห็นว่าอะไรได้ ที่จะว่าได้ คือเธอมั่นใจแล้วรึแม่สายบัว หากคุณหมอ ไม่กลับมาเหมือนเดิม ก็เท่ากับว่าเธอเสียเวลาเปล่า”

“มั่นใจ และก็ยังคิด ๆ เลยว่า ชาติที่แล้วคงเป็นหนี้หัวใจคุณหมอไว้กระมัง มาชาตินี้ ถึงได้เอาหัวใจตามชดใช้ได้ไม่จบไม่สิ้น” คุณชวนชมถอนหายใจออกมา

“คงต้องให้คุณผู้หญิงท่าน พาไปให้แม่ชีนั่งสมาธิดูให้ละมั้ง แต่ชาติที่แล้วก็ชาติที่แล้ว ชาตินี้ เธอเลือกที่จะเป็นเองมากกว่ามั้งแม่สายบัว”

พอมีความรู้ทางธรรมอยู่บ้าง ด้วยเหตุฟังธรรมะเพื่อประชาชนมาตั้งแต่จำความได้

กรรมเก่ามันบีบคั้นชีวิตจึงต้องเป็นไป เชื่อเรื่องที่เกิดมาเป็นอย่างนี้ เป็นเพราะบุญทำกรรมแต่ง เธอเชื่อเรื่องเนื้อคู่ บางคู่ ถือว่าเป็นคู่กรรม คู่กัด ก็ยังอยู่กันจนแก่เฒ่า บางคู่เป็นคู่สร้างคู่สม คู่บุญบารมี

สายบัวเคยอ่านพวกสัมภาษณ์คู่รัก รักกันตั้งแต่อยู่ชั้นประถม เรียนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา เรียนจบแต่งงานมีลูกเต้า ไม่เคย เห็นใคร นอกจากกันและกัน อิจฉาเล็ก ๆ ปรารถนาที่จะเป็นอย่างนั้น แต่พอมีแบบดินเข้ามาเธอกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ทั้งที่พิจารณากลับไปแล้ว ดินก็ไม่ได้ด้อยค่ากว่าใคร ๆ ในหมู่บ้านนั้นเลย เป็นเพราะอะไร



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2554, 00:21:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2554, 00:21:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 2322





<< ตอนที่ 13   15 >>
ก้อนอิฐ 26 เม.ย. 2554, 02:47:14 น.
โห...............แม่พระที่สุด สายบัวเอ้ย



ณิณ 30 เม.ย. 2554, 10:46:33 น.
สงสารอารักษ์ที่สุดเลย ได้โผล่มาตอนละครึ่งบรรทัดเองง่ะคุณเฟื่อง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account