อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: 15



“ฝากร้านด้วยนะ ตัดสินใจได้ทุกเรื่อง” สายบัวบอกกับวิลาวัลย์

“ไปจริง ๆ หรือ ไม่กลัวฉันฮุบร้านไว้คนเดียวหรือ”

“ไม่กลัวหรอก แต่ทำได้จริงหรือเปล่า”

“ย่ะ ฉันทำไม่ได้หรอก เพราะถึงอย่างไร เธอก็ต้องทิ้งที่นี่ให้ฉันทำคนเดียวอยู่แล้ว โชคดีนะสายบัว ขอให้คุณหมอกลับมาเหมือนเดิม ฉันอยากเห็นเธอเป็นเจ้าสาว”

“แม้เจ้าบ่าวจะไม่หล่อเท่าเดิมนะหรือ”

“มันอาจจะเป็นลิขิตจากฟ้า เพื่อพิสูจน์ใจเธอก็ได้ว่าจะยังรักคุณหมออยู่หรือเปล่า”

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น แค่ลิขิตจากฟ้า”

คุณศิรินทิพย์ให้สายบัวพักในห้องซึ่งเคยเป็นห้องเก่าของคุณหมอศิรินทรา พี่สาวหมอโกมุท สายบัวเข้าไปในห้องนั้น แล้วรู้สึกว่าเธอฝันไป นึกถึงวันที่เธอลงรถกับน้าดาวเรืองที่หมอชิต แล้วนั่งรถแท็กซี่ต่อมาที่นี่

เธอมาในสภาพของคนรับใช้ที่ไม่ยอมจำนนกับสภาพตัวเอง ดิ้นรนหาเรื่องที่จะออกไปจากที่นี่ไปสู่ ที่ ๆ คิดว่าดีเลิศกับคนบ้าน ๆ เช่นเธอ แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง แล้วเธอก็พบกับเขา เธออยู่ในบ้านคุณหมอ เหมือนเป็นดอกหญ้าแซมอยู่ตามซอกกำแพง คุณหมอไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา คนในบ้านแทบไม่ได้สนใจเธอ จนวันนี้ดอกหญ้าดอกนั้นได้มาปักในแจกัน วางไว้บนโต๊ะรับแขก

เพราะใครไปมา ทุกคนรู้จักเธอเพราะอาชีพนางแบบ แล้วคุณศิรินทิพย์ก็แนะนำอย่างหน้าชื่นว่า เธอคือคู่หมั้นของคุณหมอโกมุท หากคุณหมอหายเป็นปกติ เราจะได้แต่งงานกัน



สายบัวยืนดูแปลงพืชผักสวนครัวที่เกิดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนแล้วอดปลาบปลื้มไม่ได้ เมื่อเธอไปขออนุญาตเจ้าของบ้านที่จะใช้จอบขุดดินยกร่องและทำให้เป็นหลุมระยะห่างกันเพื่อปลูก กระเพรา โหระพา แมงลัก ตะไคร้ ต้นหอม ผักชี และอื่น ๆ อีกอย่างละเล็กละน้อย

ตอนแรกคุณท่านไม่อนุญาต อ้างว่าลำบากเปล่า ๆ แต่เธอยากฆ่าเวลาและนึกถึงคนเป็นยายกับตา

แล้วเธอก็ได้คุณตาที่ต้องนั่งรถเข็นในตอนแรก ๆ และประคองกันไปในตอนหลังได้ช่วยเป็นกำลังใจ ตอนแรกคุณหมอเพียงนั่งดูเฉย ๆ ช่วงหลังคุณหมอยิ้มได้ คงแปลกใจที่เห็นต้นผักกาดขาวมีกอที่ใหญ่อวบขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้นคุณหมอก็ยังได้ช่วยถือสายยางฉีดน้ำให้

สายบัวพยายามอธิบาย เล่าให้ฟังว่า ทำไมถึงต้องปลูกผักกินเอง

สายบัวเล่าถึงความแข็งแรงของตากับยาย เมื่ออายุ ใกล้จะแปดสิบ ตากับยาย ยังมีแรงที่ช่วยกันพรวนดินและรดน้ำพืชผักเหล่านี้ ความงามของธรรมชาติส่งผลต่อจิตใจ ธรรมดาคนแก่ย่อมหมดหวัง หมดฝัน แต่การที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตค่อย ๆ เติบโตและนำไปทำประโยชน์ได้ด้วยเวลาอันสั้น ทำให้วันต่อวันที่เป็นอยู่นั้นมีคุณค่ามีกำลังยิ่งขึ้น

สายบัวเล่าต่อว่า ยายจะนำผักเหล่านี้ไปขายแล้วก็เอาเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ทำบุญ เวลาทำบุญยายก็จะอธิษฐานว่า ขอให้ตายอย่างสงบไม่เป็นภาระแก่ใคร ยายให้เธอทำใจ เกี่ยวกับเรื่องพลัดพราก เธอรู้แล้วว่า เธอกับยายจะต้องจากกันอย่างเงียบ ๆ การร่ำลาหรือสั่งเสีย ก็คือถ้ายายไปก่อนให้ดูแลตา หรือก็ว่าไม่ต้องเอาศพสวดหลายคืน สิ้นเปลืองเปล่าประโยชน์ ยายทำของยายไว้พร้อมหมดแล้วสำหรับการกลับบ้าน หรือกลับวิมานบนสวรรค์ที่ได้สร้างไว้ด้วยผลแห่งการทำบุญกุศลคุณงามความดี เมื่อรุ่งอรุณจึงพบว่ายายเพียงนอนตัวแข็งมีมือประสานกันไว้ที่ยอดอก ยายตายอย่างสงบสมใจ ยายนอนทำสมาธิทุกคืนอยู่แล้ว ยายจดจำเรื่องหลับในอู่ทะเลบุญ คือคิดถึงบุญที่ทำไว้ให้ได้นั่นเอง เมื่อยายเสียไป สายบัวจึงไม่เสียใจมากนัก



รอยแผลเป็นที่มุมปากคุณหมอได้รับการทำศัลยกรรมจากศัลยแพทย์มือหนึ่ง ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่เห็นร่องรอย คุณหมอโกมุทรู้ความมากขึ้นเป็นลำดับ ใครมาเห็นก็คิดว่าเป็นปาฎิหาริย์ แต่สิ่งที่ยังติดอยู่บ้างคืออารมณ์ฉุนเฉียวเอาแต่ใจของตน คุณนันทพร บอกว่า บางอย่างมันก็เป็นสันดานไปแล้ว แม้จะมีสติรู้สึกตัวหรือไม่ก็ตาม ก็จะมีพฤติกรรมเหล่านั้นออกมา สายบัวนึกไม่ออกว่า เนื้อแท้จริง ๆ ของคุณหมอเป็นอย่างไร ลำพังถ้าจะไปถามคุณดุจเดือนก็คงไม่กล้า แต่คุณนันทพรก็ลองไปเลียบเคียงถามมาจนได้ เหตุที่ทำให้ต้องต่างคนต่างอยู่

คุณดุจเดือนว่า คุณหมอเอาแต่บ้างานบ้าเรียน ไม่ค่อยได้สนใจเธอนัก ทำเหมือนไม่มีเธอเป็นเมียที่แต่งงานไปอยู่ด้วย แล้วจะทนไปเพื่ออะไร ลูกก็ไม่มีด้วยกัน สุดท้ายก็ต่างคนต่างอยู่

แต่เพื่อนของคุณหมอที่อยู่ที่อเมริกาบอกว่า คุณดุจเดือนนั้นเอาแต่ใจตัวเองเป็นสุด ชอบออกงานสังคมเป็นอย่างยิ่ง แต่คุณหมอนั้นไม่ชอบ เพราะไปเพื่อเรียนหนังสือ ตอนหลังดุจเดือนเองก็มีหนุ่มอื่นมาพัวพัน จึงเป็นที่มาของการกลับเมืองไทยมาก่อน

คุณชวนชมว่าฟังความข้างเดียวมันยาก คนที่รู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็คือ คุณหมอโกมุทและคุณดุจเดือน

เขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง วันนี้สายบัวพอใจที่เห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก เหมือนเคย แม้หัวกะโหลกข้างซ้ายของคุณหมอจะยังบ๋อมแต่ผมที่เส้นเล็กที่ยาวมาปิดทับทำให้คุณหมอดูดีขึ้น แววตาอารีของคุณหมอที่เคยมองเธออย่างไรก็กลับมาเหมือนเคยแล้ว และที่สำคัญ ทุกวันนี้ หมอจะเรียกร้องหาแต่เธอ

“สะ สะ สา สาย บอ บัว” มันอาจจะช้า แต่หมอก็จำเธอได้เพิ่มอีกคน
สายบัวดีใจ และทุกข์ใจในคราวเดียวกัน

“ฉันไม่มีวันหย่าเด็ดขาด”

แล้วข่าวที่นับว่าทำให้สายบัวเสียการทรงตัวที่สุดก็โผล่ในหนังสือพิมพ์

เธอเข้าไปเป็นมือที่สามของบ้านหมอโกมุท จนทำให้เตียงเขาหัก ข่าวคาวนี้ไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่ เท่ากับว่าเธอเป็นคนผิดอย่างนั้นซิ

แคร์ทำไม เธอตั้งใจออกจากวงการที่เรียกว่า ‘มายา’ อยู่แล้ว เธอมั่นใจแล้วว่า วันหน้าเธอจะไปอยู่ที่ไหน บ้านไม้ใต้ถุนสูง ปรับปรุงห้องน้ำห้องครัวให้สะดวก เปลี่ยนหลังคา ติดฝ้าป้องกันความร้อน หรือไม่ก็ติดแอร์สักเครื่องไว้ในห้องนอน เธอก็น่าจะพอใจ แต่สิ่งที่มันจะต้องมีก็คือเปลญวนแขวนไว้ที่ใต้ถุน หรือไม่ก็สามารถโยกย้ายไปตามต้นไม้ได้ ที่ไร่ตรงเป็นที่ลุ่มเลยบ้านไปนิดเธอจะจ้างรถมาขุดให้เป็นสระน้ำ แล้วก็ปลูกดอกบัวสารพัดพันธุ์ เธอจะกลับไปนั่งเขียนภาพมานำเสนอในร้านขายอาหารที่หน้าโรงพยาบาล



“พี่บัว”

“มีอะไรหรือส้มเช้ง” เมื่อคุณหมอหลับพักผ่อน สายบัวลงมาช่วยป้าละเอียดทำโน่นทำนี่เหมือนเมื่อครั้งเป็นนางสาวสายบัวหลานสาวน้าดาวเรืองผู้กำลังหาโอกาสให้กับตัวเอง

“หนูว่าคุณอารักษ์ เขาต้องชอบพี่แน่ ๆ” พูดจบแล้วจ้องหน้าคนที่ต้องตอบดูปฏิกิริยา

“เอาที่ไหนมาพูด” สายบัวทำทีไม่ตื่นเต้น

“เอาเท่าที่เห็นนี่แหละ”

“แก่แดดแก่ลมใหญ่แล้ว ถ้าคุณจารุวรรณรู้ระวังจะถูกเอ็ดเอานะ” ถึงถูกขู่แต่ส้มเช้งหาได้สนใจ

“ก็ช่วงที่พี่บัวมาดูแลคุณหมอโกมุท คุณอารักษ์ไม่ค่อยได้ออกเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อน บางทีตอนที่พี่บัวเข็นรถพาคุณหมอออกมาข้างนอก หนูเห็นคุณอารักษ์ ยืนดูนิ่งนานด้วยใบหน้าแสนเศร้า”

“เอาที่ไหนมาพูด เพ้อเจ้อ เขามีแฟนของเขาเยอะแยะ ทั้งเพื่อนดาราของคุณอาภัสวรรณ ทั้งนักศึกษาสาว ๆ สวย ๆ ตามร้านอาหาร คิดไปเองมากกว่า แล้วอย่าได้เที่ยวพูดไปล่ะ คุณอารักษ์รู้จะได้เอ็ดเอา รึที่หน้าเศร้าเขาอาจสงสารเห็นใจพี่ชายเขาก็ได้”

ส้มเช้งเกาหัวแกรก ๆ

“หนูว่าหนูดูออกนะ ใคร ๆ ก็ดูออก ลองไปถามคุณชวนชมดูสิ”



สายบัวไม่ได้ถามอย่างที่ส้มเช้งท้าไว้ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสีย ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง คุณชวนชมนั่นแหละจะยั้งใจไว้ไม่ได้เอง และมันก็เป็นไปตามที่สายบัวคาดการณ์ไว้จริง ๆ

“คุณอารักษ์ ไม่เคยอยู่ในความคิดคำนึงของเธอเลยรึ”

คุณชวนชมพูดตรง ๆ สายบัวจ้องตาแล้วก็สลดวูบลง ไม่นึกอยากจะถามอะไรทั้งสิ้น

“ฉันเคยเล่าให้เธอฟังที่ร้านอาหารว่าฉันเป็นแม่สื่อให้กับเธอ เล่าเรื่องเธอให้คุณหมอฟัง แล้วก็เล่าเรื่องคุณหมอให้เธอฟัง แต่ยังมีอีกเรื่องที่ฉันยังไม่ได้บอกเธอนะ”

“เรื่องอะไรคะ”

“จำเรื่องที่ฉันเพิ่มเงินให้เธอได้ไหม เงินเดือนหรือค่าพิเศษอะไรก็แล้วแต่ ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ที่รามคำแหง”

“ค่ะ จำได้” เสียงของสายบัวแผ่วเบา

“จริง ๆ มันไม่ใช่เงินของฉันหรอกแม่สายบัว มีคนเขาให้ผ่านมาอีกที”
พูดแค่นี้สายบัวก็รู้แล้วว่าเป็นใคร

“จำตอนที่คุณต้นมาชวนเธอเข้าวงการได้ไหม คุณอาภัสวรรณเธอไม่ยอม หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม แต่คนที่พูดทำให้คุณอาภัสวรรณเห็นดีเห็นงาม ก็คือ”

สายบัวถอนหายใจออกมาอีกเฮือก

“แม้แต่ตอนที่เธอแปลงโฉมจากลูกเป็ดขี้เหร่เป็นเจ้าหญิง คิดออกหรือยังว่าเงินก้อนนั้นใครออกให้ ตอนประกวดสุดยอดนางแบบ เธอรู้ไหมว่ามีใครคนหนึ่ง ซื้อโทรศัพท์มาหลายเครื่องแล้วก็ให้เพื่อนฝูงช่วยกันกดโหวตให้กับเธอ รวมถึงคอยวิ่งเต้นกับคนรู้จักที่จะทำให้เธอเป็นข่าวในโทรทัศน์ เพื่อให้คนรู้จักและหลงรักเธอ เชียร์เธอแม้เป็นสาวน้อยจากบ้านนอก”

สายบัวน้ำตาหยดเผาะ

“คุณอารักษ์ ชอบเธอนะ มีหลายครั้งที่เขาพาเพื่อนมาที่บ้าน พวกเพื่อนเขาพูดถึงเธอในแง่ไม่ดี คนที่ปกป้อง เธอจากขี้ปากผู้ชายเหล่านั้นก็คือเขา”

“ไม่” สายบัวใช้มืออุดหู

ความรักมันก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่มันเป็นไปไม่ได้จึงทุกข์ยิ่งกว่า

“คุณอารักษ์ เธอรู้ว่าในหัวใจของสายบัว มีแต่หมอโกมุท เป็นธรรมดา คนที่ด้อยกว่าในทุก ๆ ด้านย่อมอิจฉา คุณหมอโกมุทผู้พี่ ลูกเมียหลวง สติปัญญาดีกว่า มีพี่ ๆ คอยเอาอกเอาใจ ได้ทุกอย่างจากผู้เป็นพ่อมากกว่า แล้วจะเป็นอย่างไร อิจฉาริษยากันบ้าง แต่เมื่อคุณหมอมาเป็นอย่างนี้ ใช่ว่าเธอจะไม่ทุกข์ เธอห่วงนะ แต่เธอไม่แสดงออก โรงพยาบาลเธอก็ไปเป็นประจำ แต่ไม่ยอมปรากฏตัวให้เธอเห็น เขาห่วงที่เธอไปนั่งเจ่าจุกอยู่ตรงนั้น เขากลัวเธอจะทรุดไปอีกคน ฉันรู้กระทั่งว่า คุณอารักษ์เองก็ไปทำพิธีปล่อยสัตว์ปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์ให้คนเจ็บ”

“ทำอย่างไร” ใจจริงต้องการเบี่ยงประเด็น

“ก็เห็นมีเอกสารวางอยู่ในห้องนอน ฉันแอบอ่าน ซื้อปลาจำนวนตัวมากกว่าอายุไปปล่อยที่แม่น้ำในตอนเช้า อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรคนเจ็บเจ็ดวันติด แล้วก็มีบทพูดอีกนิดหน่อย”

สายบัวอึ้งไปนึกถึงรถยนต์ของเขาที่แล่นออกจากบ้านในตอนเช้ามืดในช่วงที่เธอไปพักดูแลคุณหมอโกมุทบนตึกใหญ่

“หากคุณหมอไม่เหมือนเดิม หรือปัญหากับเมียเก่าของเขาไม่จบ เธอจะทำอย่างไร”

สายบัวไม่ตอบ วันหนึ่งข้างหน้า คุณชวนชมก็จะรู้เองว่าเธอจะทำอย่างไร




“คุณอารักษ์” สายบัวเงยหน้าขึ้นมาจากแปลงผักพบเขาคนที่ไม่คิดว่าจะเดินมาที่นี่

“มาดูว่าเธอปลูกอะไรบ้าง” เขาพูดขึ้นมาก่อน

สายบัวมองไปที่แปลงผัก พยายามที่จะไม่มองหน้าอีกคน เพราะแววตาที่คุณอารักษ์มองมานั้น มันเหมือนเป็นการตัดพ้อต่อว่า

“ก็แค่เด็กบ้านนอก หาอะไรทำสนุก ๆ” ว่าพลางก็เดินไปที่เปิดวาวล์ก๊อกน้ำ แล้วก็หยิบปลายสายยางฉีดไปที่พืชผักสวนครั้วที่ผลิยอดชูช่อน่าอร่อย

“ต้นอะไรบ้างเนี่ย” คำถามเหมือนจะไม่รู้จริง ๆ

สายบัวหันมามองหน้า

“ต้นนี้เรียกว่า ต้นโหระพา ใบออกสีม่วง ๆ เอาไว้ใส่พวกยำ ส่วนนี่เรียกว่า แมงลัก เม็ดมันเหมือนไข่กบ ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบกินมาก แต่กว่าจะได้กินต้องรอให้มันแก่ เพราะว่ายายของฉันไม่เคยบอกฉันเลยว่า ที่ตลาดมีแบบที่กะเทาะเปลือกขาย คือเทจากถุงก็ใส่น้ำใส่น้ำตาลให้หวานก็กินได้เลย ถ้าอยากลดความอ้วนก็ใช้ได้” สายบัวรีบเปลี่ยนเรื่องไปซะ เธอไม่อยากฟื้นฝอยหาอะไรทั้งนั้น เธอไม่อยากให้เขารุกเร้าเธอมากไปกว่านี้ เธอยังแค่ปรารถนาเป็นแค่คนอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาเนิ่นนาน

“งั้นรึ”

“แล้วต้นนั้นล่ะต้นอะไร”

“คุณไม่รู้จริง ๆ หรือ”

“ฉันไม่ได้โตจากในครัวนี่ ตื่นมาก็เห็นอาหารทุกอย่างวางอยู่บนโต๊ะหมดแล้ว อีกอย่างฉันก็ไม่ค่อยชอบกินผักด้วย”

“รึ คะ” สายบัวคุยด้วยอย่างแกน ๆ

แต่คุณอารักษ์ยังไม่ยอมกลับไป ยังหาเหตุที่จะชวนคุยอยู่ตรงนั้น

“ตกลงนี่ผักกาดขาวหรือผักกาดเขียว”

“กวางตุ้ง”

“ที่ใส่ในต้มยำใช่ไหม”

“แกงจืด”

“แล้วนี่ล่ะข่าเหรอ”

“ตะไคร้”

“งั้นไม่ต้องถามแล้วนะบัวจะชี้แล้วอธิบายทีละต้น และแต่ละต้นนั้นมีสรรพคุณทางยาอะไรบ้าง”




“บัว ช่วยพี่หน่อยสิ” พี่ต้นหน้าตาตื่นมาทีเดียว

“มีอะไรหรือคะพี่ต้น”

“คุณโชติพันธ์นะซิบอกว่า ถ้านางแบบเซ็ทที่พี่ดูแลอยู่ไม่มีเธอเดินให้ เขาก็จะไม่เอาคนอื่น ๆ ด้วย

“นะพี่บัว ช่วยน้องฟ้าหน่อยนะคะ ถ้าไม่มีงาน ฟ้าก็ไม่มีเงินส่งทางบ้าน คนอื่น ๆ ก็ด้วย”

“นะบัว เห็นแก่การช่วยเหลือลูกนกลูกกาตัวดำ ๆ สองคนนี้เถอะ” สีหน้าของพี่ต้นร้อนรนเหมือนกับว่าบ้านและรถที่มีอยู่ถูกธนาคารยึดไปแล้วจริง ๆ
สายบัวถอนหายใจออกมา รู้ว่าคุณโชติพันธ์คิดอย่างไรกับตน แต่จะให้ทำอย่างไร เธอไม่ได้อยากได้เงิน หรือนึกพิศวาสในตัวของหนุ่มใหญ่คนนั้นเลยสักนิด

“เขาแค่อยากให้บัวไปร่วมงานนี้ด้วยเฉย ๆ นะ ไม่มีอะไรนอกจากนั้นอีกแล้ว”

สายบัวมองหน้าพี่ต้นค้นลึกไปในแววตา

“ค่ะบัวจะช่วย”

“แต่ งานนี้ไม่ได้เดินในกรุงเทพนะจ๊ะบัว เดินที่พัทยา”

“ทำไมไปไกลจัง บัวไม่อยาก “

“รู้จ้ะรู้ว่าเธอน่ะ ไม่อยากไปไกลจากคุณหมอ ทีคุณหมอไปไกลถึงเมืองนอกห่างเธอไปตั้งหลายปีดีดัก เธอยังไม่เห็นว่าเขาเลย”

สายบัวหน้าบึ้งในทันที

“โอ๊ะขอโทษ พูดถูกใจดำไปนิด อย่างไร ถ้ากับคุณหมอมันเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไรก็แล้วแต่ เธอนึกถึงคนใกล้ ๆ ตัวบ้างนะ รู้ไหมว่า ที่เธอมีวันนี้มาได้เพราะคุณ”

“บัวรู้แล้วค่ะ แล้วมีอะไรอีกไหมที่บัวยังไม่รู้”

“ถามเจ้าตัวเองแล้วกัน พี่ตอบไม่ได้ทั้งหมดหรอก”



ตอนบ่ายวันนั้นสายบัวนั่งรถพี่ต้นออกจากบ้านใหญ่จุดหมายคือพัทยา คืนนี้เธอจะต้องนอนในโรงแรมนอนกับน้องฟ้า สายบัวรู้สึกเขม่นที่ปลายหางตาข้างขวา หญิงสาวครุ่นคิดว่ามันจะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นหรือเปล่าหนอ
ใจนั้นนึกห่วงคุณหมอโกมุท กลัวว่าเธอจะมีอาการอื่นแทรกซ้อน หรือไม่ก็ทำตัวเหมือนเด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง อาละวาดเมื่อไม่เห็นเธออยู่ใกล้ ๆ
แต่อีกใจก็ว่า คุณหมอปลอดภัยแล้ว ดีขึ้นแล้ว อีกหน่อยก็รู้เรื่องแล้ว และเธอก็จะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วในใจของคุณหมอมีเธออยู่แค่ไหน


งานทุก ๆ งานหากเรียนรู้ที่จะทำให้ดีที่สุด มันก็จะกลายเป็นจุดแข็งที่ใคร ๆ ก็ไม่สามารถปฏิเสธในราคาที่แพงกว่าธรรมดา สายบัวทุ่มเทเต็มที่ให้กับการฝึกซ้อมยอมนิ่งฟังทุกคำของสต๊าฟ ยอมแม้หากมีใครสักคนต้องการชุดที่ถือว่าดีกว่าของตัว

“เป็นฟ้า ไม่ยอมหรอกพี่บัว เนตรนภัสมันอยากได้ชุดนั้นเพราะใคร ๆ ก็ชมว่าสีสวยสดดีไซน์แปลก”

“ถึงไม่ได้เดินชุดนั้นก็ใช่ว่าค่าตัวเราจะลดลงเสียเมื่อไหร่ เธอก็เห็นนี่ว่าออกมาชุดไหน หากคนเขารักเราเสียแล้ว เสียงปรบมือมันก็เกิดขึ้นได้”

“จ้ะ ๆ แม่พระพายใจเย็น พี่บัว กินขนมไหม น้องฟ้าซื้อมาเผื่อ”

“จะนอนอยู่แล้วนะน้องฟ้า”

“เหอะหน่อยนะ น้องฟ้ารู้นะพี่ชอบ”

ใจหนึ่งก็ขี้เกียจลุกไปแปรงฟันก่อนนอน แต่อีกใจ มันก็น่าจะสักเม็ดนะ

“เจ้านี้นะ หอม นุ่มลิ้น”

สายบัวหยิบขนมเม็ดขนุนจากถาดในมือน้องฟ้ามาหนึ่งเม็ดแล้วยัดเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ เพื่อให้ลิ้นได้รับรสหอมหวานเต็มที่ จากเม็ดก็กลายเป็นสอง เป็นสาม

“อร่อยใช่ไหมล่ะ”

“อือ อร่อย แต่พอแล้ว” สายบัวลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำล้างปากแปรงฟัน ยังแปรงไม่ทันจะทั่วทุกซอกทุกมุม สายบัวรู้สึกง่วงนอนอย่างรุนแรงสายบัวกลั้นใจป้วนปากแล้วจะรีบกลับขึ้นเตียงแต่แล้วสติก็เริ่มคิดได้ เธอถูกวางยาจากน้องฟ้าตัวแสบ

สายบัวมารู้สึกตัวอีกทีเหมือนกำลังถูกดึงถูกลาก ถูกอุ้มให้ขึ้นเตียง

“อุ๊บ หนักชะมัดยาดเลย กินอะไรมาวะเนี่ย อ้า แม่สายบัว ก้านยาว สเป็คพี่โชติเลยรู้ไหม”

สายบัวรู้สึกว่าเปลือกตาของเธอหนักอึ้ง คอแห้งผาก อยากจะเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือก็ทำไม่ได้

“อย่า อย่า ช่วยด้วย ช่วยด้วย” สายบัวพยายามรวบรวมพละกำลัง ทำใจนึกถึงตากับยายและพ่อแม่ให้ช่วย เธอไม่ต้องการให้ความสาวจบลงแบบนี้
แล้วจู่ ๆ ร่างที่ที่หนักอึ้งของเธอก็ผ่อนลง คล้ายกับว่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
สายบัวได้ยินเสียงเหมือนคนชกต่อยกัน แล้วเธอก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย



“บัว สายบัว สายบัว” สายบัวรู้สึกถึงผ้าเย็นฉ่ำซับอยู่ที่ตามใบหน้าและลำคอ หูของเธอได้ยินเสียงของคุณอารักษ์

“ตื่น ๆ ๆ”

“คุณอารักษ์ ช่วยบัวด้วย” สายบัวรู้สึกว่าคอของเธอแห้งผาก

“เธอถูกนังฟ้ามันมอมยา เพื่อส่งให้กับไอ้โชติ ระยำจริง ๆ”

สายบัวยังไร้เรี่ยวแรง มือเท้าอ่อนเปลี้ยไปหมด แล้วคุณอารักษ์ก็อุ้มเธอขึ้น
“ไปพักที่ห้องฉันก่อนนะ แล้วค่อยว่ากัน แต่อย่างไรฉันไม่ยอมปล่อย อีนังต้นกับอีน้องฟ้าไว้แน่”



พอลืมตาตื่น สายบัวพบคุณอารักษ์นอนอยู่ข้าง ๆ ตัว แถมนอนตัวงอด้วยเพราะแอร์เย็นฉ่ำนั่นเอง สายบัวขยับผ้าห่มไปคลุมให้ แล้วลุกขึ้นเดินไปในห้องน้ำ หญิงสาวมองใบหน้าตาเอง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เธอไม่คาดคิดว่าชีวิตจะมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าคนนี่ไว้ใจไม่ได้เลย จริง ๆ นึกโมโหพี่ต้น แต่พี่ต้นก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณคนหนึ่ง สอนทุกกระบวนท่าที่นางแบบพึงจะต้องทำให้ได้ สอนมารยาทในสังคม สอนการแต่งหน้าทำผมด้วยตัวเอง สอนให้เธอรู้จักว่าใครมีนิสัยเป็นอย่างไร ปกป้องเธอจากภัยจากคนอื่น ๆ ก็หลายครั้งหลายหน แล้วทำไมพี่ต้นถึงได้ทำกับเธออย่างนี้

ยังน้องฟ้าอีกคน เห็นว่ามาจากดินดอนเป็นดอกหญ้ากลางป่าเหมือนกัน เห็นว่าลำบากจึงอยากจะช่วย แต่สุดท้าย เพราะเงินตัวเดียวทำให้คนดี ๆ กลายเป็นคนเลวไปได้

“บัว” คุณอารักษ์ งัวเงียขึ้นมาก็ร้องเรียกหา

สายบัวไม่ได้ขานรับ รู้สึกใจคอไม่ดี เมื่อมีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ กัน
“บัว เธออยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า เป็นอย่างไรบ้าง” คุณอารักษ์ลองบิดลูกบิดเห็นว่ามันล็อกจากข้างใน เขาจึงเคาะเบา ๆ

“บัว ขานรับฉันหน่อยซิ เธอไม่เป็นอะไรนะ”

“ค่ะ บัวสบายดี” จำต้องตอบ เพราะไม่อยากให้ใครมาทุกข์ทรมานเพราะตน
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อย สายบัวนึกขึ้นมาได้ว่าไม่เหมาะที่จะใส่ชุดนอนตัวเมื่อคืนออกไปจากห้องน้ำ

“คุณอารักษ์คะ”

“มีอะไรรึ” เธอได้ยินเสียงเขาที่หน้าประตูห้องน้ำในทันทีเช่นกัน

“คือ คุณเก็บกระเป๋าของบัวมาหรือเปล่า”

“โถ แม่คุณ กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนั้น ฉันจะคว้าอะไรมาได้ เอาตัวเธอมาได้นี่ก็นับว่าบุญแล้ว รู้ไหมเมืองนี้นะ ไอ้โชติมันมีอิทธิพลอยู่นะ”

“ดิฉันไม่กล้าออกไปทั้งชุดนอนอย่างนี้”

“ออกมาเถอะ เมื่อคืนฉันเห็นหมดแล้ว”

“คุณอารักษ์” สายบัวเสียงเขียวทันที

“ช่วยไปซื้อเสื้อยืดกับกระโปรงหรือกางเกงให้หน่อยได้ไหม ถูกๆ ก็ได้”

“ได้ รอหน่อยแล้วกัน”

หน่อยของคุณอารักษ์ เล่นเอาสายบัวแช่น้ำในอ่างจนตัวเกือบเปื่อย



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2554, 15:34:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2554, 15:34:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 2454





<< ตอนที่ 14   16 >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 29 เม.ย. 2554, 15:35:59 น.
สำหรับท่านที่สั่งซื้อ "อรุณสวัสดิ์หัวใจ" ไว้.. วันจันทร์ผมคงส่งหนังสือให้ได้นะครับ..

สำหรับท่านที่ยัง ก็เล่มละ 200 บาท(พร้อมค่าจัดส่งนะครับ) ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ. f_nakhon@hotmail.com


คิมหันตุ์ 29 เม.ย. 2554, 16:35:10 น.
คุณอารักษ์


Pat 29 เม.ย. 2554, 19:13:24 น.
สายบัวใจอ่อนลงซะนิดเถอะ สงสารคุณอารักษ์


real 29 เม.ย. 2554, 19:46:12 น.
+.+


ณิณ 30 เม.ย. 2554, 10:20:35 น.
เมลไปแล้วนะคะคุณเฟื่อง^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account