ลำนำรักสายน้ำ
‘หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามเท่าใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน‘
ธารนธี ตกหลุมรักหฺญิงสาวนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่ง ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นคืนที่ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวชาวคีรีธาราสมหวังในความรัก
‘หัวใจอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม สักวันหนึ่งร่างกายจะเดินมารวมกับหัวใจ‘
เช่นเดียวกับสายน้ำและดอกบัวงาม
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู แห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์ที่กำลังเบ่งบาน เพื่อต้อนรับแสงแดดที่อบอุ่นหลังจากที่ต้องจมอยู่ได้พื้นดินเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับความรักของธารนธีและกรกมล

ถึง Dream Girl
นกสีฟ้าของผมจะโบยบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อคุณได้ยินเสียงขลุ่ย โปรดรับรู้ว่ามันคือคำบอกรักของผม ยามคุณดื่มกาแฟ จะรับรู้รสจุมพิตของผม หากคุณเข้าไปในสวนดอกไม้ กลิ่นของมันคือกลิ่นอายความทรงจำของเราสองคน และที่ศาลากลางน้ำ หิ่งห้อย ที่ส่องแสงระยิบระยับนั่น คือรอยยิ้มที่ผมมอบให้คุณเพียงคนเดียว
จาก อาโป ธารนธี ชลธารพิทักษ์
14 กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาว ประเทศ ออสเตรเลีย

‘ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนใด
เริ่มเพาะเหมาะกลางระหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี‘
"วันนี้ ฝนตก ได้กางร่ม เดินเคียงคู่กับพี่อาโปด้วยละ ตามตำนานเขาเล่าว่าวันไหนที่ฝนตก กามเทพจะแผลงศรรัก ทำหั้ยหนุ่มสาวตกหลุมรักกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา "
"ความจริงพี่อาโปก็อยากให้ฝนตกทุกวันเหมือนกัน เพราะจะได้มีคนมาเดินกางร่มเคียงคู่กันแบบนี้ "
"ทำไมคนเราต้องจูบกัน เขาบอกว่าเพราะทั้งสองตกหลุมเสน่ห์แห่งรักกันและกัน วันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเบียดทำให้แทบล้มหัวคะมำ ดีแต่ว่าพี่อาโปคว้าเอวไว้ก่อนไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไม่ต้องขนาดถึงจูบ แค่ได้สบตากับพี่อาโปเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนเลยละ"
"น้องกุ้งนางรู้ไหมวันนั้นทำให้พี่ต้องลงผิดสถานี เพราะพี่อาโป เขินอายมากๆ ผู้ชายก็อายเป็นเหมือนกันนะ ทีหลังอย่าทำให้พี่เป็นแบบนั้นอีกนะวันหลังเราไปดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอด้วยกันนะ พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางอยากจะเป็นเหมยลี่"
"วันนี้ อยากจะ ฆ่าพี่อาโปบังอาจควงสาวไปเต้นรำ โมโห อีตาบ้ารวีวิชญ์นี่ก็น่าโมโหตามตื้ออยู่ได้ ไม่ชอบๆๆๆๆๆ นี่สงสัยเราจะหึงจัด ดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว ถูกหามกลับวังปทุมวันแทบไม่ทัน ก็มันหึงนี่คะ ก็น้องกุ้งนางอยากจะเต้นรำกับพี่อาโป อยากซบอกพี่อาโป"
"พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางจะเห็นพี่นี่คะ ก็เลยไม่ได้ไปแสดงตัวเอง แต่แหม พี่อาโปอยากเห็นหน้าผู้หญิงหึงจังเลย ไวน์อย่าดื่มมากมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากเต้นรำกับพี่อาโปเดี๋ยวจะจัดให้ ถ้าจะซบอกผู้ชายต้องเป็นพี่คนเดียวไม่งั้น ตายแน่ๆ พี่ขี้หึง หวง"
"วันนี้ อยาก จะดึงคอพี่อาโปมาถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดจา ทักทาย เดินหน้าบึ้งตึง ทำหมางเมินใส่เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน น้องกุ้งนางเจ็บนะที่พี่อาโปทำแบบนี้นะ "
"พี่อาโปก็เจ็บเหมือนกันนะ ก็จะอะไรละก็พี่หึงจนหน้ามึดน่ะสิ เมินเรียกร้องความสนใจรู้บ้างไหม”

Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: รักเจ้าเอย

"รักเจ้าเอย หัวใจเพรียกหา
ความรักมา แย่งชิงไขว่คว้ากัน
หากไม่เป็นเหมือนเช่นใจปอง
แต่ต้องการครอบครอง
หัวใจจึงมืดดำ เสมือนความชังบังตา
ความรักทำให้คนสุขสม
และความรักทำให้คนหลั่งน้ำตา
ต่อให้รู้ว่ารักคือไฟ
แต่จะเดินเข้าไป ขอเพียงให้ได้มา "
กว่าจะหลุดจากขุมนรกมาได้ก็บ่ายคล้อยเข้าไปแล้วเพราะอีตาบ้าธารนธีนั่นละพาออกนอกเส้นทางไปสุดขอบฟ้าจากจะเดินทางแค่สามชั่วโมงกว่าๆกลายเป็นว่าห้าชั่วโมงยังไม่ถึงจังหวัดธาราคีรีเลยละ
ณ ศาลาริมทาง จุดจอดพักรถริมแม่น้ำคชารีแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัด กรกมลหยิบขนม น้ำดื่ม ผลไม้ขึ้นมาทานโดยไม่สนใจชายหนุ่มที่ยืนพิงหลังอยู่กับต้นไม้ใหญ่ นัยน์ตาสีดำขวับเหลือบไปมองขนมที่หญิงสาวขนลงจากรถ
"ซื้อมาทำไมมากมาย ทานหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้"ธารนธีบ่นแต่ไม่จริงจัง
"ของคุณทั้งนั้นละ เค้กกล้วยหอม เลย์........................."เอ นี่เธอพูดอะไรออกไปนะ
"ขอบคุณนะครับที่ยังจำได้ไม่ลืมว่าผมชอบอะไร"ชายหนุ่มพูดยิ้มๆนัยน์ตาสีดำขลับเต้นระริก กรกมลอายหน้าแดง อยากจะเอาหัวโหม่งต้นไม้ให้สลบไม่เอากลัวเจ็บ แถวนี้ก็ไม่มีรูให้มุดด้วยสิ ทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าธารนธี น้องกุ้งนางขอร้อง
โอ้ย.....................อยากจะบ้าตาย ทำไม ทำไม ผู้ชายมีตั้งมากมายเธอถึงไม่ไปตกหลุมรักนะดันมาตกหลุม(รัก)ของผู้ชายที่แสนจะเย่อหยิ่ง ขี้เก็ก เรียบร้อย ผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว หน้าตาดีการศึกษาเลิศหน้าที่การงานเด่น สมบูรณ์แบบที่สุด แต่จะเป็นเกย์หรือเปล่าค่อยหาทางพิสูจน์ตอนหลังก็แล้วกัน
ธารนธียืนมองหญิงสาวที่อายหน้าแดง ผู้หญิงคนนี้นะ ปากกับใจไม่เคยตรงกันเลยนะ ผ่านมาสามปีเธอก็ยังจำเรื่องราวของเขาได้แต่แค่ไม่พูด
"คุณหนูไฮโซแบบคุณทานอาหารข้างทางเป็นด้วยหรือ"กรกมลเอ่ยปากถามชายหนุ่มร่างสูงที่แต่งกายธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาแบรนด์เนมทั้งตัว เสื้อโบโลสีฟ้า กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว รวมนาฬิกาข้อมือด้วยจากนอกทั้งนั้น
ธารนธีไม่ตอบพาหญิงสาวเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมแม่น้ำคชารี ร้านอาหารนี้มีชื่อ แมกไม้วัลเล่ย์ หน้าร้านปลูกดอกเบญจมาศและดาวเรือง บริเวณกว้างขวาง แบบสไตลส์แบบล้านนาไทย
"รับอะไรดีคะ"เสียงหวานๆเย็นเอ่ยปากถามลูกค้าสองคน กรกมลหันไปมอง
โอ้โห แม่เจ้าโว้ย ผู้หญิงอะไรโคตรสวยมากๆใบหน้ารูปไข่เนียนสวย ตาคมหวาน จมูกโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่ม ผมยาวสลวยเกล้ามวยขึ้นหมด สวมเสื้อแขนยาวสามส่วนสีชมพูที่คอและแขนปักด้วยดิ้นทอง สวมผ้าซิ่นตีนจีก งามสง่า ราวกับเจ้านางทางเหนือ
"เอา..............................................."ธารนธีบอกเมนูรายการอาหารสามสี่อย่างก่อนจะหันมามองกรกมลเพื่อจะถามว่าจะเอาอะไรเพิ่มไหม ดูท่าทางของหญิงสาวแล้วเหมือนสติจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"แค่นี้ก่อนครับ"
"คะรอสักครู่"เจ้านางน้อยเดินจากไปแล้ว
ใครไม่รักไม่รู้ ถ้าใครไม่อยู่ตรงนี้
สิ้นไร้พลังต้านความเสน่หา
ถ้าใครได้รักจะรู้ รักคือยอดปราถนา
ชาตินี้ถ้าคลาดคลา สิ้นรักไปดวงชีวา จบสิ้นกัน
รักเจ้าเอย หัวใจลุ่มหลง
จะช้ำตรม เท่าใดก้อรักเธอ
"ผู้หญิงอะไร สวยเป็นบ้าเลย"กรกมลกล่าวชมยิ่งกลิ่นหอมเย็นๆที่ลอยมาจากตัวเจ้านางน้อยแล้วด้วยไม่อยากจะคิดถ้าเธอเป็นผู้ชายละก็จะรีบไปขอดมเลยว่ากลิ่นนั้นมาจากไหน "คุณว่าไหมคะคุณธารนธี"
"คุณเป็นทอม หรือเลสเปี้ยนหรืองัย" ชายหนุ่มพูดประชดเลยถูกกรกมลค้อน
ควับใส่
"เปล่าฉันแค่พูดตามความเป็นจริง ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังตะลึงในความสวยของเธอเลย แล้วคุณเป็นผู้ชายไม่รู้สึกอะไรบ้างหรืองัย”
"ทำไมผมต้องรู้สึกด้วย"เขาถามเสียงเรียบๆอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาสีดำขลับทอดมองใบหน้าเนียนใสของหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังเมินมองไปนอกร้าน
"นี่คุณตาบอดหรือว่าตาถั่วกันแน่นะสวยหยาดฟ้ามาดินซะขนาดนั้น ยังบอกว่าไม่รู้สึกอะไร พิลึกคน"
"ฮึ...................."
สวยราวกับนางในวรรณคดี ขนาดเธอเป็นผู้หญิงแท้ๆไม่ใช่ผู้ชายยังตกตะลึงในความงามแต่ผู้ชายชื่อ ธารนธี ชลธารพิทักษ์กลับบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ใบหน้าหล่อคมราบเรียบเมินเฉย ตาสีดำนิ่งสงบ ริมฝีปากบางเฉียบยิ้มนิดๆให้ตามมารยาท เมื่อสาวงาม บอบบางงามชดช้อย ยกอาหารมาวาง ขนาดเจ้าหล่อนพยายามส่งยิ้มหวานให้ ธารนธีก็ไม่สนใจกลับสนใจอาหารตรงหน้าแทน กรกมลเลยต้องหันไปยิ้มให้หญิงสาวแทน
"ทานอาหารให้อร่อยนะคะ"
"คะ"น่าสงสารคนงาม
"มันคงเป็นโชคชะตาที่ฉันต้องเข้าใจ
ความรักเรานั้นมาไกลแค่นี้
ก็ปล่อยเธอไปตามเส้นทางของเธอที่ดี
แต่ยังมีสิ่งนึงอย่างให้เธอรู้ก่อนที่จะไป
เธอจะเป็นความทรงจำอยู่ภายในลมหายใจ
จะจดจำเธอจนวันสุดท้าย"
"นี่คุณธารนธี"
"มีอะไรหรือครับ"
"ที่คุณเข้าร้านกาแฟบ่อยๆคงไม่ได้คิดชอบใครสักคนในร้านหรอกนะ"
"ทำไมคุณถามผมแบบนี้ละ"
"ก็ฉันอยากรู้นี่คะ แต่ไม่กล้าถามมานานแล้ว วันนี้เลยอยากจะถาม"
"ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณก็แค่นั้น"ให้เขาบอกตรงๆหรือว่าเขาชอบเธอ ฮะ กรกมล เขาก็อายเป็นเหมือนกันนะ
"กับฉัน"
"ใช่"
"คุณไม่ได้คิดชอบใครนะ"ลองถามดู
"ผมจะไปชอบใครได้ละในเมื่อผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วนี่"นอกจากคุณคนเดียว ทำไมไม่รู้สึกตัวสักทีนะว่าเขารู้สึกอย่างงัย จะให้รอไปนานแค่ไหนนะ
"ก็ดีนะคะ ถ้าคุณคิดชอบใครในร้านก็น่าสงสารเพราะว่าเขามีแฟนหมดแล้ว"
"รวมทั้งคุณด้วยหรือเปล่า"ธารนธีถามเสียงขุ่น
"ฉันนี่นะมีแฟน หน้าตาแบบนี้ใครจะคิดมาจีบละคะ ฉันไม่ได้สวยแบบน้องอุมาพร น่ารักเหมือนน้องกาญจนานะคะที่จะมีหนุ่มๆมาจีบนะ" แล้วไอ้ผู้ชายชื่อรวีวิชญ์นั่นละไม่ได้มาจีบหรืองัยนะธารนธีคิดอย่างโมโห
"ผมไม่ชอบเด็กสองคนนั่น"
"ทำไมคะ ออกจะน่ารัก"
"แก่แดด"
"ฮะ ฮะ"
"คุณขำอะไร"ชายหนุ่มหันมาถามเสียงห้วน
"ฉันดีใจนะคะ ที่คุณไม่ไปตกบ่วงเสน่ห์ของเด็กสองคนนั่น ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาฉันก็หวังจะให้ฉันติดต่อเด็กสองคนนั้นให้"
"คุณก็เลยเป็นแม่สื่อให้งั้นเถอะ"ยิ่งพูดยิ่งโกรธ
"คงงั้นมั้ง"
"ระวังเถอะ เคยได้ยินสุภาษิตวัวพันหลักไหมครับ"
"ฮะ ฮะ เคยยินแต่ไม่เคยเป็นซักที"กรกมลหัวเราะดังลั่นแบบไม่เกรงใจชายหนุ่ม"วัวพันหลัก รักพันใจ"
"ฮึ,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,"
"ฉันนะถนัดเป็นแม่สื่อ หรือกามเทพทำให้คนสมหวังมาหลายคู่แล้วนะ เพื่อนบางคนแต่งงานมีลูกก็เพราะฉันเป็นคนจัดการให้"
"ดีแต่จับคู่ให้คนอื่น ทำไมไม่จับคู่ให้ตัวเองบ้างละ"
ตอนนี้รถกำลังแล่นไปตามสะพานเมธาวารี ข้ามแม่น้ำคชารีเข้าสู่จังหวัด ธาราคีรีมองไกลๆเห็นป้อมปราการบนภูเขา ป้อมสิงควรรณ
"ด้ายแดงพรหมลิขิตของฉันไม่รู้ว่าไปผูกกับนิ้วก้อยของชายหนุ่มที่ไหน ป่านนี้ยังหากันไม่เจอเลยคะ" กรกมลยกนิ้วก้อยขี้นมามองหาด้ายแดงพรหมลิขิต ชายหนุ่มหันมามองก่อนจะยิ้มนิดๆจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ที่เขานี่ละ
"คงจะเจอแล้วมั้งแต่คุณไม่สนใจ" เขาหมายถึงรวีวิชญ์หรือเปล่านะกรกมลคิด
"ไม่มี๊ไม่มี "กรกมลทำเสียงสูง"ตลอดเวลายี่สิบห้าปี ผ่านมาฉันไม่เห็นจะมีใครเข้ามาจีบฉันสักคน"
"คุณไม่สนใจมองพวกเขามากกว่าละมั้ง" ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าเขาแอบคิดอะไรอยู่
"ถูกต้องครับ ฉันรอ SOUL Mate"
"เนื้อคู่" คราวนั้นก็หิ่งห้อย มาคราวนี้ก็เนื้อคู่
"ใช่แล้วตามคำทำนายเขาบอกว่าฉันจะเจอคู่แท้จริงๆภายในปีนี้ละ มีสิทธิ์ได้แต่งานกันปลายปี" ไม่ใช่หลานชายเพื่อนคุณปู่นะคะ (เพราะอีตาบ้านี่ ทีเดียวทำให้เธอต้องหนีมาไกลถึงประเทศคีรีธารา)
"หมอดูคู่กับหมอเดา" ไม่คิดเลยว่ากรกมลจะเชื่อเรื่องแบบนี้กับเขาด้วย
"ใช่เดาผิดมากๆๆๆๆๆเขาบอกว่าดวงของฉันนะเจอเนื้อคู่ตั้งแต่อายุ17ปีแล้ว แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแค่นั้นเอง แถมบอกว่าต่อให้ฉันหนีไปไกลแค่ไหนเขาจะตามไปทุกชาติทุกภพตามคำสัญญาที่เคยให้กันไว้"
"คุณเชื่อเหลอ"
"เปล่าหรอกคะ"หญิงสาวตอบเสียงอ่อนๆ ก้มหน้ามองนิ้วก้อยของตัวเอง"แต่แค่สงสัยว่า"
"ว่าอะไร"
"เขาบอกว่าฉันกับเขาเจอกันตั้งหลายครั้งแล้วแต่ฉันไม่รู้ตัว ตลอดเวลาแปด ปีที่ผ่านมาผู้ชายที่ฉันเจอก็มีคนเดียวเท่านั้นเองเอง นั่นก็คือ"กรกมลไม่พูด ได้แต่หันหน้าไปมองวิวข้างนอกแทนเลยไม่ได้เห็น ธารนธียิ้มกว้าง นัยน์ตาสีดำขลับทอดมองมาอ่อนหวาน คำทำนายช่างแม่นจริงๆนะ
กรกมล ภัทรโยธิน นักเรียนทุนแลกเปลี่ยน จากประเทศไทย
ใจของฉันคงต้องหมุนตามเวลา ซักวันคงมีใครผ่านเข้ามา
ตราบใดที่ยังหายใจจะไม่ลืมเธอ
ได้อยู่ดูแลเธอมา หายใจใกล้ๆกัน
เท่านี้ใจฉันก็มีความหมาย




ณัฏฐกมล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2555, 20:56:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2555, 20:56:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1183





<< การเดินทางของหัวใจ   เซียมซีเสี่ยงรัก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account