ลำนำรักสายน้ำ
‘หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามเท่าใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน‘
ธารนธี ตกหลุมรักหฺญิงสาวนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่ง ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นคืนที่ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวชาวคีรีธาราสมหวังในความรัก
‘หัวใจอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม สักวันหนึ่งร่างกายจะเดินมารวมกับหัวใจ‘
เช่นเดียวกับสายน้ำและดอกบัวงาม
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู แห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์ที่กำลังเบ่งบาน เพื่อต้อนรับแสงแดดที่อบอุ่นหลังจากที่ต้องจมอยู่ได้พื้นดินเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับความรักของธารนธีและกรกมล

ถึง Dream Girl
นกสีฟ้าของผมจะโบยบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อคุณได้ยินเสียงขลุ่ย โปรดรับรู้ว่ามันคือคำบอกรักของผม ยามคุณดื่มกาแฟ จะรับรู้รสจุมพิตของผม หากคุณเข้าไปในสวนดอกไม้ กลิ่นของมันคือกลิ่นอายความทรงจำของเราสองคน และที่ศาลากลางน้ำ หิ่งห้อย ที่ส่องแสงระยิบระยับนั่น คือรอยยิ้มที่ผมมอบให้คุณเพียงคนเดียว
จาก อาโป ธารนธี ชลธารพิทักษ์
14 กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาว ประเทศ ออสเตรเลีย

‘ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนใด
เริ่มเพาะเหมาะกลางระหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี‘
"วันนี้ ฝนตก ได้กางร่ม เดินเคียงคู่กับพี่อาโปด้วยละ ตามตำนานเขาเล่าว่าวันไหนที่ฝนตก กามเทพจะแผลงศรรัก ทำหั้ยหนุ่มสาวตกหลุมรักกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา "
"ความจริงพี่อาโปก็อยากให้ฝนตกทุกวันเหมือนกัน เพราะจะได้มีคนมาเดินกางร่มเคียงคู่กันแบบนี้ "
"ทำไมคนเราต้องจูบกัน เขาบอกว่าเพราะทั้งสองตกหลุมเสน่ห์แห่งรักกันและกัน วันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเบียดทำให้แทบล้มหัวคะมำ ดีแต่ว่าพี่อาโปคว้าเอวไว้ก่อนไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไม่ต้องขนาดถึงจูบ แค่ได้สบตากับพี่อาโปเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนเลยละ"
"น้องกุ้งนางรู้ไหมวันนั้นทำให้พี่ต้องลงผิดสถานี เพราะพี่อาโป เขินอายมากๆ ผู้ชายก็อายเป็นเหมือนกันนะ ทีหลังอย่าทำให้พี่เป็นแบบนั้นอีกนะวันหลังเราไปดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอด้วยกันนะ พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางอยากจะเป็นเหมยลี่"
"วันนี้ อยากจะ ฆ่าพี่อาโปบังอาจควงสาวไปเต้นรำ โมโห อีตาบ้ารวีวิชญ์นี่ก็น่าโมโหตามตื้ออยู่ได้ ไม่ชอบๆๆๆๆๆ นี่สงสัยเราจะหึงจัด ดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว ถูกหามกลับวังปทุมวันแทบไม่ทัน ก็มันหึงนี่คะ ก็น้องกุ้งนางอยากจะเต้นรำกับพี่อาโป อยากซบอกพี่อาโป"
"พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางจะเห็นพี่นี่คะ ก็เลยไม่ได้ไปแสดงตัวเอง แต่แหม พี่อาโปอยากเห็นหน้าผู้หญิงหึงจังเลย ไวน์อย่าดื่มมากมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากเต้นรำกับพี่อาโปเดี๋ยวจะจัดให้ ถ้าจะซบอกผู้ชายต้องเป็นพี่คนเดียวไม่งั้น ตายแน่ๆ พี่ขี้หึง หวง"
"วันนี้ อยาก จะดึงคอพี่อาโปมาถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดจา ทักทาย เดินหน้าบึ้งตึง ทำหมางเมินใส่เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน น้องกุ้งนางเจ็บนะที่พี่อาโปทำแบบนี้นะ "
"พี่อาโปก็เจ็บเหมือนกันนะ ก็จะอะไรละก็พี่หึงจนหน้ามึดน่ะสิ เมินเรียกร้องความสนใจรู้บ้างไหม”

Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: บ้านรมย์รวินท์

บ้านรมย์รวินท์

I have no idea who you are
Do we know each other before ?
"ยินดีต้อนรับสู่บ้านรมย์รวินท์" ธารนธีก้าวลงจากรถจิ๊ปคันเก่ง ก่อนเดินมาเปิดประตูรถให้กรกมลเลยถูกค้อนควับใส่ให้อย่างหมั่นไส้ แต่ชายหนุ่มไม่ว่าอะไรได้แต่อมยิ้ม อย่าบอกนะว่านี่เป็นบ้านพักที่บริษัทจัดให้ อะไรมันจะสวยขนาดนี้ ตลอดทางเดินสู่บ้านรมย์รวินท์ จะมีสระบัวขนาดกลางอยู่ตรงด้านทั้งสองข้างทางเดิน บันไดขั้นแรก จะมีรูปปั้นสิงห์โตสองตัวนั่งอยู่ เดินไปอีกสิบห้าก้าวจะเป็นบันไดมังกรที่แกะสลักจากหินสวยงาม
"บ้านพักหรือราชวังกันฮึ"กรกมลหันมาถามชายหนุ่มที่เดินตามหลังอย่างสบายใจ
"แล้วแต่จะคิดสิครับ"
"ฮาเรมมากกว่าละมั้ง" อดประชดแดกดันไม่ได้ โดนฉุดจากสนามบินยังพอให้อภัย นี่ยังโดนลากมาพักที่บ้านรมย์รวินท์อีก ทีแรกกรกมลกะว่าจะให้ธารนธีส่งที่ป่าฝนรีสอร์ท แต่พ่อตัวดีเอาแต่ใจเหลือเกินไม่ยอม
นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มทอดมองบันไดมังกร ทุกขั้นจะแอบซ่อนโคมไฟเล็กๆเอาไว้ ถ้าเปิดตอนกลางคืนคงจะสวยราวกับวิมานบนสรวงสรรค์
"ชอบไหม"ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่เดินขึ้นบันไดที่ทำจากหิน
"ก็สวยดีนี่คะ ราวกับ บ้านลอยฟ้าเลยงั้นละ"
"บ้านรมย์รวินท์ หมายถึงบ้านดอกบัวนะครับ เพราะด้านล่างจะมีสวนดอกบัวขนาดใหญ่ชื่อ สวนบุปผาธารา จะปลูกดอกบัวหลวงไว้"
"ดูเหมือนคุณจะคุ้นกับที่นี่มากนะคะ แม้แต่น้าทองทิวกับน้าศรีนวลยิ้มแทบแก้มปริที่เห็นหน้าคุณ"กรกมลว่า เพราะตอนมาถึงชายกลางคนมาเปิดประตูบ้านให้ แย้มหน้าบานเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่ม"คงจะมาบ่อยละสิท่า"
"ก็บ่อย ก็มันเป็นบ้านของผมนี่หนา"
"บ้านของคุณ"กรกมลอุทานเสียงดัง เท้าสะดุดกับบันได ศีรษะจะทิ่มกับสะพานมังกรให้ได้ ดีแต่ธารนธีคว้าไว้ก่อน
"ใช่บ้านของผมเอง บ้านที่ประเทศคีรีธารา "
"อย่าบอกด้วยนะว่าคุณก็เป็นคนประเทศคีรีธาราด้วยนะ"
"ก็แค่ครึ่งเดียว ท่านพ่อผมเป็นคนคีรีธารา ส่วนท่านแม่เป็นคนไทย คุณพูดเองไม่ใช่หรือว่าผมหน้าตาท่าทางเหมือน "
"ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันโดนคุณหลอกหรือนี่"
"ผมไปหลอกคุณตอนไหน ก็แค่คุณไม่เคยถามผมสักคำ"
"ใช่ฉัน ผิดเอง "กรกมลค้อนใส่ชายหนุ่ม ไอ้เราก็นึกว่าเคยมาเที่ยวที่ไหนได้กับกลายเป็นว่าอีตาบ้านี่เป็นเจ้าของประเทศงั้นละ หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ มิน่าละ ชายห้าคนนั่นแทบจะตามอารักขาลืมไปอีตาบ้านี่เป็น บุตรชายท่านทูตด้วยนี่หนา"มิน่าละพูดภาษาคีรีธาราซะคล่องปร๋อ ทำไมไม่บอกด้วยละผมเป็นเจ้าชายที่ปลอมตัวมานะ"
"คุณประชดผมเหลอครับ" ธารนธีถามเสียงขรึม
"ยะ บุตรชายท่านทูต ประจำประเทศไทย"
"ของคุณบุตรสาวท่านอธิบดี"ชายหนุ่มเถียงกลับคืนเลยถูก ค้อนใส่วงใหญ่ "ไปสืบประวัติฉันมาหมดแล้วเหลอ ถึงได้รู้ว่าฉันเป็นใครนะ" กรกมลถามเสียงเขียว คงจะโกหกชายหนุ่มไม่ได้อีกแล้วละว่า เธอเป็นพนักงานร้านกาแฟต่ำต้อย
"ก็หมดทุกอย่าง " ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ แค่นามสกุล ภัทรโยธิน ใครไม่รู้ก็โง่แล้วละ คุณหนูไฮโซ ที่บังอาจโกหกเขาว่าเป็นพนักงานร้านกาแฟ นี่คงไม่ใช่แผนการ อยากจะลองใจผู้ชายหรอกนะ ธารนธีคิด (ลองใจเพื่อศักดิ์ศรี)
"คุณ " กรกมลหันมาทำตาเขียวใส่ ส่วนชายหนุ่มหัวเราะร่า ไม่พูดอะไรอีกปล่อยให้หญิงสาวกระฟัดกระเฟียดไปตามสบาย(รู้แล้วหรือว่าเธอนะไม่ใช่พนักงานร้านกาแฟนะ แต่เป็นบุตรสาวเจ้าของร้านกาแฟนะ)
บ้านรมย์รวินท์ บ้านดอกบัว
หงส์แกะสลักสองตัว จากหินงามอ่อนช้อย ถัดต่อมาเป็นซุ้มประตูแกะสลักเป็นลายเถาดอกไม้งามวิจิตร
"นี่มันบ้าน หรือว่า คุ้มเจ้าหลวงของประเทศคีรีธารากันแน่" กรกมลหันมาถามชายหนุ่มทีเปิดประตูบ้าน
"คุ้มเจ้าหลวงละมั้ง"ชายหนุ่มตอบเสียงขรึม
"ฉันไม่พักที่นี่แล้วฉันจะกลับไปที่ป่าฝนรีสอร์ท"
"ไปเข้าบ้านกัน"ชายหนุ่มแตะแขนหญิงสาว
"ไม่ไป"กรกมลร้องลั่นพลางปัดแขนชายหนุ่มออก “อย่ามาแตะฉันนะ”
"กรกมล"เหนื่อยกับอารมณ์ของผู้หญิงจริงๆ
"ฉันมาเที่ยวนะ ไม่ได้หนีตามใครมา ถ้าที่บ้านรู้ว่ามาพักอยู่บ้านผู้ชาย ตายแน่ๆ"กรกมลว่าหน้าสวยใสเครียดจัด ถึงเธอจะเป็นสาวสมัยใหม่แต่หัวโบราณ ธารนธีอยากจะบ้าตายขึ้นมาให้ได้ เมื่อมาเจอสาวหัวโบราณเรื่องมาก "เพราะคุณทีเดียว ให้ส่งฉันที่ป่าฝนรีสอร์ทก็ไม่ส่ง โอ้ย ....แล้วนี่ฉันจะทำอย่างงัย พ่อแม่คุณเขาจะคิดอย่างงัย จู่ๆคุณพาผู้หญิงที่ไหนมาที่บ้าน "
"ท่านพ่อท่านแม่ของผมอยู่ประเทศไทย ส่วนน้องชายฝาแฝดคนละฝาอยู่ที่ภูธาราสบายใจได้ ไม่มีใครเขามาว่าคุณหนีตามผมมาหรอกนะ คิดมากไปได้"
"ต้องคิดสิ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหนละ"หญิงสาวเถียงกลับคืน
"คนอื่น ไม่ใช่ผมหรอกนะ คนอย่างผมถ้าไม่สนใจจริงๆไม่มีทางเข้าไปใกล้เด็ดขาด ไม่ยอมพาตัวไปพัวพันด้วย ผู้หญิงสมัยนี้ก็ร้ายใช่ยอกเสียเมื่อไรละ"
"คุณว่าฉันหรือคะคุณธารนธี ฉันจะบอกให้นะ ต่อให้คุณจะบุตรชายท่านทูตหรือว่าจะเป็นเจ้าชายก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกผู้หญิงอย่างฉัน ว้าย...."กรกมลร้องลั่นเมื่อจู่ๆร่างบางลอยหวือไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม "ปล่อยฉันนะอีตาบ้า"
"เงียบเถอะนะ อยากให้ชาวบ้านเขารู้หรือว่าสามี ภรรยาบ้านนี้ทะเลาะกัน"ชายหนุ่มว่า
"ใครเป็นภรรยาของคุณ ฉันยังไม่ได้แต่งงานกับคุณนะ อย่ามั่ว"กรกมลว่าใบหน้านวลแดงระเรื่อ "แล้วก็ปล่อยร่างฉันลงได้แล้ว"
"ไม่" พูดจบชายหนุ่มก็อุ้มร่างหญิงสาวเดินผ่านเข้าไปภายในบ้านรมย์รวินท์ ที่ออกแบบตกแต่งแบบล้านนาไทยประยุกต์ ตลอดทางเดินจะมีอ่างดอกบัวและสระดอกบัวประมาณห้าสระ อีตาบ้าธารนธีปล่อยให้เธอปล่อยไก่หมดเล้าไปกี่ตัวแล้วนี่ (ภูธารา ร้านกาแฟเมื่อสามปีก่อน) ถ้าบอกว่าเขาเป็นเจ้าชายคงจะต้องยอมเชื่อละนะ เจ้าชายสายน้ำ
ห้องที่กรกมลพักสวยงามราวกับอยู่บนสวรรค์ชั้นเจ็ด เตียงไม้ที่ต่อเป็นกรอบแบบนิยายจีน มีม่านมุ้งโปร่งบาง ที่นอนปูด้วยแพรเนื้อนิ่มลายดอกไม้สีชมพูอ่อน
“ให้อยู่ทั้งปีก็ยังไหว” สวยจะขนาดนี้ สมแล้วเป็นบ้านของสถาปนิกคนเก่ง หญิงสาวลงมือจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ ทันทีหลังจากชมห้องเสร็จ โต๊ะเครื่องแป้ง ฉากกั้น นี่ทำมาจากไม้ประดู่ แกะสลักสวยงาม แม้แต่ห้องน้ำก็ยังสวย มีอ่างอาบน้ำแบบไม้ ที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ มองมุมไหนก็สวยไปหมด ถ้าออกไปยืนที่ระเบียงก็จะพบสวนเล็กๆ ที่ปลูกดอกไม้ลักษณะสีชมพูอมขาวเหมือนสวนดอกท้อเลย มองไปข้างนอกก็เห็นทิวเขาที่สวยงาม
“มีอะไรให้น้องกุ้งนางช่วยไหมคะน้าศรีนวล”กรกมลถามหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว ศรีนวลหันมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรคะ คุณไปพักผ่อนเถอะคะ เดินทางมาตลอดทั้งวันคงจะเหนื่อย”
“ไม่เป็นไรคะ จิ๊บๆๆๆๆ “
“เดี๋ยวทางนี้น้าทำเอง “ใครจะกล้าใช้คนสำคัญของเจ้านายละ
“ไม่เป็นไรคะกุ้งนางอยากจะช่วย ว่าแต่น้าศรีนวลจะทำอะไรหรือคะ”
“ผัดยอดฟักแม้วใส่หมูสับ ผักหวานใส่ปลากรอบ ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว “
“ว้าว แค่พูดก็หิวข้าวแล้ว เดี๋ยวกุ้งนางทำเองกับข้าวพวกนี้ น้าศรีนวลไปพักเถอะคะ”
“ไม่ได้นะคะ เดี่ยวคุณอาโปก็ว่าน้าได้หรอกคะ”
“กล้าหรือคะ ไปตามมาเลยคะน้องกุ้งนางก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณอาโปจะกล้า ว่าน้าศรีนวลเรื่องทำกับข้าวนะคะ” กรกมลพูดท้า ตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตเต้นระริก ขำน้าศรีนวลที่หน้าซีดแทบไม่มีสี อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกหลานท่านเล่น เคยได้ยินสุภาษิตนี้ไหมละ ( ธารนธีโตแล้วคงไม่นิยมมาเล่นหรอกนะ)
“น้าศรีนวลเป็นคนไทยหรือคะ”กรกมลหันมาถาม
“คะ”
“มาอยู่ที่ประเทศคีรีธารานานแล้วหรือคะ”
“ประมาณ สิบปีนะคะ ตามสามีมานะคะ”
“น้าทองทิวนั่นนะหรือคะ เคยกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยบ้างไหมคะ”
“เคยไป แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนะคะ ห่วงบ้านที่นี่กลัวไม่ใครดูแล”
“คุณอาโปคงมาที่นี่บ่อยนะคะ “
“ไม่นะคะ นานๆจะกลับมา ส่วนมากจะไปอยู่ที่บ้านเมืองหลวงนะคะ แต่ รู้สึกว่าสามปีก่อน จะมาอยู่ที่นี่เกือบปีเลยละคะ เพราะต้องมาดูแลโครงการก่อสร้างป่าฝนรีสอร์ท”
“คุณอาโป คงจะเคยพาสาวๆมาที่นี่บ่อยสิคะ” หลอกถามก่อนว่ามีแฟนหรือยัง
“ไม่มีหรอกคะ คุณกุ้งนางเป็นคนแรกที่ได้มาบ้านหลังนี้นะคะ” ไชโยคนแรกเลยหรือนี่
“อ้าวคุณอาโปไม่เคยพาแฟนมาหรือคะ” แฟนกับสาวๆมันต่างกันตรงไหนละ
“แฟนหรือคะ ไม่มีหรอกคะ คุณอาโปยังไม่มีแฟน “ แล้วที่สามปีก่อนละที่บอกว่ามีแฟนมันหมายความว่าอย่างไร
“ไม่มีแฟน”
“คะ ถ้าจะมีก็คงพามาให้รู้จักกันบ้างละคะ แต่นี่ไม่มีมาสักคนเพิ่งจะมีคุณกุ้งนางนี่ละคนแรกที่คุณอาโปพามาให้รู้จักนะคะ”ศรีนวลยิ้มอ่อนๆให้ คนแรกที่พามารู้จัก “คุณอาโปนะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด แต่ถ้ารักใครสักคน ลมหายใจจะเป็นของคนนั้น รักมั่นคง ใจเดียว รักแบบไม่ค่อยจะแสดงออกนะคะ “
“น่าอิจฉาผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นจังเลยนะคะ ใครนะช่างเป็นคนโชคดีที่ได้รับความรักจากคุณอาโป”
“นั่นนะสิคะ น้าก็อยากรู้ บ้านรมย์รวินท์นี้สร้างรอว่าที่เจ้าสาวคุณอาโปมาแปดปีแล้วนะคะ”
“แปดปี” กรกมลอุทานเสียงดัง
“คะ คุณอาโปรักผู้หญิงคนหนึ่งมาแปดปีแล้วคะ รักมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยบุรเศรษฐ์ “ นี่หรือเปล่านะที่เขาบอกว่าผมจะสนใจไปทำไมผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อิจฉานะนี่ “แต่น้าคิดว่าน้ารู้แล้วละว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“เป็นใครคะ”กรกมลถามอยากจะรู้เหมือนกันผู้หญิงคนนั้นคือใคร
“ไม่บอกหรอกคะ รู้แต่ว่าเป็นคนไทย คุณกุ้งนางคะ ถ้าคุณอาโปจะรักใครสักคนนะคะไม่ว่าจะนานแค่ไหนเขาก็จะรอ รักไม่เปลี่ยนแปลง และที่สำคัญต่อให้มีผู้หญิงที่สวยกว่า ดีกว่าเข้ามาให้เลือกเขาก็ไม่สน “ มิน่าละเจ้านางน้อยถึงหน้าเศร้า หงอยเหงา
“น่าสงสารผู้หญิงพวกนั้นจังเนอะ” กรกมลว่า รวมทั้งเธอด้วยเข้าใจผิดอีกแล้วว่าเขารักเธอ ที่แท้เขามีนางในฝันแล้ว อกหักอีกแล้ว เนื้อคู่ของเธออยู่ที่ไหนละงานนี้(สงสัยจะเป็นหลานชายของท่านปู่ละมั้ง)
“คุณอาโป นะถ้าไม่รัก หรือไม่ชอบจะไม่พาตัวเองไปยุ่งข้องเกี่ยวด้วยหรอกคะแต่ถ้าได้รักหรือชอบจะตามจนสุดหล้าฟ้าเขียว เอาหัวใจของเธอมาครองให้ได้ ทำทุกวิธีทาง ให้ได้หัวใจของเธอคนนั้น”
ทำไมเธอรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงไม่เป็นเธอนะ กรกมลคิด ศรีนวลแอบมองหน้าหญิงสาวกำลังคิ้วขมวดมุ่น พูดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรือนี่ ว่าหมายถึงตัวเองนั่นละ
“คุณกุ้งนางสบายใจได้ ว่าผู้หญิงที่ได้มาบ้านหลังนี้ต้องเป็นคนพิเศษจริงๆและเป็นคนสำคัญของคุณอาโปเท่านั้น” พูดจบศรีนวลก็ชวนคุยเรื่องอื่น ถามสาระทุกข์สุกดิบ เรื่องการเดินทาง มาทำอะไร จะไปเที่ยวที่ไหน กรกมลรู้ว่าศรีนวลพยายามเบี่ยงเบนไม่ให้เธอไปถามเรื่องส่วนตัวของเจ้านายอีก บอกแต่ว่าอยากรู้เรื่องอะไรก็ไปถามชายหนุ่มเอง แน่นอนคำถามแรกที่จะถาม
“คุณเคยรักฉันบ้างไหมคะอาโป ”
“The rain fall on my windows
And a coldness runs through my soul
And the rain fall on the rain fall
I don’ want to be alone
I wish that I could photoshop all our bad memories”
ธารนธีนั่งมองหญิงสาวที่ตักข้าวใส่จานให้เขา และตัวเอง ก่อนจะรินน้ำใส่แก้ว ผู้หญิงทำกับข้าวเป็น เขามองคนไม่ผิดใช่ไหมนี่
“น้ำใบเตยคะ”
ชายหนุ่มตักเนื้อปลากระพงนึ่งซีอิ๊วเข้าปากคำแรก คิ้วเข้มก็ขมวดนิ่ว นิ้วเรียวยาวรีบคว้าน้ำใบเตยมาดื่มทันที
“รสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือคะ”กรกมลถามชายหนุ่มแทบทันที ฝีมือของเธอตกขนาดนี้เลยเหลอ ไม่จริงนะนั่นนะสูตรมาจากร้านอาหารเจด ดาร์กอนของป้ามณฑาทิพย์เลยนะ
“ลองชิมดูสิ” ชายหนุ่มยื่นช้อนที่ตักเนื้อปลาขึ้นมา ยื่นไปตรงหน้าราวกับจะป้อน กรกมลมองหน้าธารนธีสักครู่ ก่อนจะอ้าปากให้เขาป้อนเนื้อปลาเข้าปาก
“ไม่เห็นจะเค็ม ออกจะหวานมัน มีกลิ่นหอมของขิงซอยนิดๆ” หญิงสาวว่า
“ผมยังไม่ได้พูดว่าไม่อร่อยสักคำนี่ครับ” ชายหนุ่มพูด
“คุณ………………”กรกมลตาเขียวใส่ ธารนธีรีบตักผัดฟักแม้วใส่หมูสับใส่จานให้หญิงสาวอย่างเอาใจ ก่อนที่ จะได้เห็นกุ้งนางกลายเป็นกุ้งเต้น เลยถูกหญิงสาวค้อนใส่ให้ วันนี้เขาถูกค้อนใส่ไปกี่รอบแล้วนะ
“ทานข้าวกันต่อเถอะครับ ผมไม่แกล้งแล้ว อาหารน่าทานทั้งเลย ใครเป็นคนทำนะ”เขาลากเสียงถาม ตาสีดำเต้นระริก จะมีใครถ้าไม่ใช่เธอ ลองบอกว่าไม่อร่อยสิจะให้ ยาย ดอกเหมยกับพี่คาเฟยมาเผาบ้านนายทิ้งเลย ลิ้นจระเข้ ทานเก่งชะมัด แต่ก็ยักไม่อ้วนแฮะ
“ไม่กลัวอ้วนหรือครับ”
“คุณไม่ชอบผู้หญิงอ้วนหรือคะ”กรกมลถาม
“ไม่ใช่ปัญหานี่” อ้วนหรือไม่อ้วนเขาไม่สน ขอให้แค่เป็นคนดี เข้ากันได้ก็โอเค
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่แคร์”
เอ๊ะ ……………ไม่แคร์อะไร ชายหนุ่มคิด นัยน์ตาสีดำขลับหรี่มองคนตัวเล็กกินจุ ที่ก้มหน้าก้มตาทานของหวานอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจว่าถูกใครจ้องมองอยู่ เขามองอะไรของเค้านะ ดูท่าทางจะมีความสุขจริงๆ
“ฉันทำกับข้าวแล้ว คุณก็ล้างจานไม่ต้องรอให้น้าศรีนวลมาล้างตอนเช้าอีก”กรกมลชี้นิ้วสั่งชายหนุ่มที่นั่งดื่มน้ำใบเตยอยู่ ลืมสนิทว่าใครเป็นเจ้าของบ้าน
“ครับ คุณภรรยา”ชายหนุ่มล้อ
“คุณนี่ ล้างให้สะอาดด้วยนะคะ “สั่งเสร็จหญิงสาวก็เดินตัวปลิวออกจากครัวทิ้งให้ ธารนธียืนยิ้มกว้าง กับ จานชามที่กองเต็มอ่างล้างจาน
“ผมไม่มีวันที่จะปล่อยคุณให้ไปจากผมอีกแล้ว นะกุ้งนาง ผมรอคุณมานานแล้วนะ แปดปีนี่มันช่างทรมานเหลือเกิน”
“Baby , Come back to me
Let me make up for what happened
Come back baby come to me
Come back I ‘ll be everything you need”






ณัฏฐกมล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2555, 20:58:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2555, 20:58:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1264





<< หัวใจฉันเจ็บปวดเพราะรักคุณ   ความรักพาหัวใจฉันมาเจอเธอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account