ลำนำรักสายน้ำ
‘หลับตาลงครั้งใด เห็นว่ามีแต่ภาพใครบางคน
ที่กี่ครั้งก็ยังวกวน ดูไม่ชัดเจน
ได้ยินแต่เสียงเรียกของเธอ
ที่ฟังแล้วอบอุ่นและคุ้นในใจ
ยิ่งห้ามไม่ให้คิด ยิ่งติดอยู่ข้างใน
ยิ่งห้ามเท่าใจเท่าไร ยิ่งใกล้เธอเข้าไปทุกที
ตามหาหัวใจ ที่ลึมไว้กับใครสักคน‘
ธารนธี ตกหลุมรักหฺญิงสาวนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่ง ในคืนวันเพ็ญเต็มดวงของฤดูใบไม้ผลิ เป็นคืนที่ราชาแห่งขุนเขาและเทพีแห่งบุปผาจะประทานพรให้หนุ่มสาวชาวคีรีธาราสมหวังในความรัก
‘หัวใจอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม สักวันหนึ่งร่างกายจะเดินมารวมกับหัวใจ‘
เช่นเดียวกับสายน้ำและดอกบัวงาม
ฤดูใบไม้ผลิ ฤดู แห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์ที่กำลังเบ่งบาน เพื่อต้อนรับแสงแดดที่อบอุ่นหลังจากที่ต้องจมอยู่ได้พื้นดินเป็นเวลานาน
เช่นเดียวกับความรักของธารนธีและกรกมล

ถึง Dream Girl
นกสีฟ้าของผมจะโบยบินอยู่ทุกหนทุกแห่ง เมื่อคุณได้ยินเสียงขลุ่ย โปรดรับรู้ว่ามันคือคำบอกรักของผม ยามคุณดื่มกาแฟ จะรับรู้รสจุมพิตของผม หากคุณเข้าไปในสวนดอกไม้ กลิ่นของมันคือกลิ่นอายความทรงจำของเราสองคน และที่ศาลากลางน้ำ หิ่งห้อย ที่ส่องแสงระยิบระยับนั่น คือรอยยิ้มที่ผมมอบให้คุณเพียงคนเดียว
จาก อาโป ธารนธี ชลธารพิทักษ์
14 กุมภาพันธ์ ในฤดูหนาว ประเทศ ออสเตรเลีย

‘ความเอยความรัก
เริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนใด
เริ่มเพาะเหมาะกลางระหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมองตรองจงดี‘
"วันนี้ ฝนตก ได้กางร่ม เดินเคียงคู่กับพี่อาโปด้วยละ ตามตำนานเขาเล่าว่าวันไหนที่ฝนตก กามเทพจะแผลงศรรัก ทำหั้ยหนุ่มสาวตกหลุมรักกัน ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา "
"ความจริงพี่อาโปก็อยากให้ฝนตกทุกวันเหมือนกัน เพราะจะได้มีคนมาเดินกางร่มเคียงคู่กันแบบนี้ "
"ทำไมคนเราต้องจูบกัน เขาบอกว่าเพราะทั้งสองตกหลุมเสน่ห์แห่งรักกันและกัน วันนี้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วถูกผู้ชายคนหนึ่งเบียดทำให้แทบล้มหัวคะมำ ดีแต่ว่าพี่อาโปคว้าเอวไว้ก่อนไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ไม่ต้องขนาดถึงจูบ แค่ได้สบตากับพี่อาโปเหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนเลยละ"
"น้องกุ้งนางรู้ไหมวันนั้นทำให้พี่ต้องลงผิดสถานี เพราะพี่อาโป เขินอายมากๆ ผู้ชายก็อายเป็นเหมือนกันนะ ทีหลังอย่าทำให้พี่เป็นแบบนั้นอีกนะวันหลังเราไปดูรถไฟฟ้ามาหานะเธอด้วยกันนะ พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางอยากจะเป็นเหมยลี่"
"วันนี้ อยากจะ ฆ่าพี่อาโปบังอาจควงสาวไปเต้นรำ โมโห อีตาบ้ารวีวิชญ์นี่ก็น่าโมโหตามตื้ออยู่ได้ ไม่ชอบๆๆๆๆๆ นี่สงสัยเราจะหึงจัด ดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว ถูกหามกลับวังปทุมวันแทบไม่ทัน ก็มันหึงนี่คะ ก็น้องกุ้งนางอยากจะเต้นรำกับพี่อาโป อยากซบอกพี่อาโป"
"พี่ไม่คิดว่าน้องกุ้งนางจะเห็นพี่นี่คะ ก็เลยไม่ได้ไปแสดงตัวเอง แต่แหม พี่อาโปอยากเห็นหน้าผู้หญิงหึงจังเลย ไวน์อย่าดื่มมากมันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากเต้นรำกับพี่อาโปเดี๋ยวจะจัดให้ ถ้าจะซบอกผู้ชายต้องเป็นพี่คนเดียวไม่งั้น ตายแน่ๆ พี่ขี้หึง หวง"
"วันนี้ อยาก จะดึงคอพี่อาโปมาถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมพูดจา ทักทาย เดินหน้าบึ้งตึง ทำหมางเมินใส่เหมือนว่าเราไม่รู้จักกัน น้องกุ้งนางเจ็บนะที่พี่อาโปทำแบบนี้นะ "
"พี่อาโปก็เจ็บเหมือนกันนะ ก็จะอะไรละก็พี่หึงจนหน้ามึดน่ะสิ เมินเรียกร้องความสนใจรู้บ้างไหม”

Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: นิยามของคำว่ารักของอาโป

ของที่ดูสวยดูงามก็คล้ายกันไป
ถ้าเรานั้นใช้สายตามองสิ่งนั้น
แต่เธอไม่เหมือนกับใครที่ฉันเคยเจอ
ฉันมองเห็นเธอด้วยใจฉัน
“อาโป วันนี้ คุณจะทานอะไร” กรกมลหันมาถาม ธารนธีที่เดินถือของตามพะรุงพะรังตามหลัง
“ต้มยำกุ้ง กุ้งแช่น้ำปลา กุ้งชุปแป้งทอด กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งนึ่งมะนาว แล้วก็ ข้าวเกรียบกุ้ง”
“เมนูอาหารเย็น ของคุณ ทำไม มันมีแต่กุ้ง”
“แล้วกุ้ง โฮ้ย…หยิก ทำไมละที่รัก มันเจ็บนะตัวเอง”
“ฉันถามดีๆๆนะคะ อย่ามานอกเรื่อง ” หนอยจะพูดต่อ อยากจะกินคนชื่อกุ้งนาง ก็พูดมาเถอะ นับวันยิ่งทำตัวเจ้าชู้ จ๊ะ จ๋า
“อะไรก็ได้จ๊ะที่รัก”
“น้ำพริกก็แล้วกันง่ายดี หรือว่าจะเป็น ข้าวคลุกน้ำปลา นะ” กรกมลหันมามองพลางยิ้มหวานให้
“ที่รักทานได้ ผมก็ทานได้เหมือนกัน” ชายหนุ่มพูด ทำหน้าตาน่าสงสาร
บ็องแบ๊ว ใสซื่อ กรกมลค้อนควับใส่ อีตาคุณหนูไฮโซ ผู้ดี ไม่เคยคิด เคยวาดฝันมาก่อน ว่าจะมีผู้ชายหน้าดีหล่อๆแบบลีจุนกิ มาเดินตามหลังต้อยๆเพื่อมาจ่ายตลาด ซื้อกับข้าว
ท่าทางบุคลิก มาดแบบธารนธี ผู้หญิงนับร้อยเห็นคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอกทำไมนะหรือ เวลาเขาอยู่ในบทบาท คุณธารนธี ชลธารพิทักษ์ สถาปนิก มือหนึ่งของ บริษัท เดอะ แกรนด์ กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) มาดเนี่ย เกรงขาม สีหน้าเรียบราบราวกับขึงหน้ากากเอาไว้ ท่าทางนิ่งๆเงียบๆขรึมสุดๆ แต่แหม พอมากลายเป็นคุณอาโป หน่อยเถอะ เหมือน ปลากระดี่ได้น้ำเลย นัยน์ตาสีดำคมกริบระยิบระยับ ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มกว้าง เห็นเขี้ยวที่มุมปาก(ถ้าอยู่ในมาดคุณธารนธีอย่า ฝันจะได้เห็น)
ความรัก ไม่มีใครตอบได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไร และจุดเริ่มของความรักก่อกำเนิดขึ้นอย่างไร กรกมลหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่เดินเคียงข้าง ในตลาด รุ่งวิกรัย ยามเย็น ธารนธีหันมายิ้มอ่อนๆให้ เหมือนกับเขาคนนี้ ทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนคุ้นเคยมาก่อน
ความรัก อาจจะเป็นความรู้สึกดีๆที่ค่อยๆแทรกซึมลึกเข้าไปในห้วงหัวใจ ริมฝีปากบางแต้มยิ้มนิดๆ คิดดูสิ ทายาทวังปทุมวัน คุณหนูไฮโซ อย่าง กรกมล ภัทรโยธิน กลายเป็น พนักงานร้านกาแฟ ร้าน การ์เด้น เบเกอรี่@ คอฟฟี่ มีคุณหนูที่ไหนเขามาทำแบบนี้บ้างละ (กชรัศมิ์ ยี้ เลขานุการ อย่างเธอไม่มีวันไปเป็นแจ๋วเด็ดขาด)
ม็อบพื้นร้าน (แอบเดินตามธารนธี เฉียดซ้าย เฉียดขวา อยากเห็นหน้าเขา) เช็ดกระจกร้าน(ชะเง้อ ชะแง้เป็นคอยีราฟ ตั้งหน้าตั้งตารอเมื่อไร ธารนธีจะเดินผ่านมา พอเขามากลับวิ่งหนี) เป็นแคชเชียร์คิดเงิน(ดูสิ วันนี้ เขา จะทานอะไร หาเรื่องจะพูดคุยกับเขามากกว่า)
พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรกรกมลแอบขำตัวเองทุกที ว่าทำไปได้อย่างงัยนะ แอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่ ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่กล้าพูด
“พี่กุ้งนางเก่งแต่ปาก”
“พี่กุ้งนางปากกับใจไม่ตรงกัน” ถูกต้องคะ เธอนะรักใครไม่กล้าบอก ขนาดบอกว่ารักธารนธียังใช้ภาษาดอกไม้เลยคะ ดอกกุหลาบสีแดง
“เขาบอกว่า ถ้าคนเราหากได้รักใครสักคน แล้วพร้อมที่จะมอบหัวใจ ให้เขาคนนั้น โดยที่เราไม่ได้คาดหวังในความรักนั้นจะออกมาเป็นเช่นไร ถึงแม้ว่าคนที่เรารักอาจจะไม่รับรู้ความรู้สึกลึกๆนั้นๆ แต่ความรักของเราก็ยิ่งใหญ่และมีค่าอย่างยิ่ง”
“ทำอะไรทานหรือครับ” ธารนธี ชะโงกหน้าถามแม่ครัวหัวป่าที่กำลังยืนทำกับข้าวอยู่ในครัว บ้านทั้งบ้านตอนนี้เหลือแค่เธอกับเขาและสุนัขโกลเด้นรีทีฟเวอร์ ชื่อบราวนี่ อยู่ สองคนกับ หนึ่งตัว
น้าทองทิวกับน้าศรีนวล ขอลากลับบ้านที่ประเทศไทย(ธารนธีเป็นคนบังคับให้กลับเองละครับ )
“ผัดบวบใส่ไข่ แกงหน่อไม้สด ต้มข่าไก่ ของหวานเป็น บัวลอยไข่หวาน” หญิงสาวร่ายรายชื่อ อาหาร “วันนี้ลองดื่มน้ำมะตูมแช่เย็นดูนะคะ”
“น่าทานยังเลยนะครับ “
“ทำไม คิดว่าม้าดีดกระโหลกอย่างฉันทำกับข้าวไม่เป็นหรืองัยฮะ” กรกมลหันไปถามชายหนุ่ม ที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย กลับโดนตีรวนกลับมาคืน
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย หาเรื่องกันซะแล้ว” ชายหนุ่มว่า
“ผู้ชายทุกคนเจอหน้าฉันก็พูดว่า ม้าดีดกระโหลกแบบนี้ทำอะไรไม่เป็นหรอก ฮึ”
“ผม…” ธารนธีเบี่ยงหน้าหลบเมื่อ ทัพพีในมือหญิงสาวชี้มาตรงหน้า
“อย่าได้คิดมาดูถูกฉันนะ ถึงฉันจะเป็นม้าดีดกระโหลก ฉันก็ไม่สนใจเพราะ ไม่ได้ไปขอใครกิน นะยะ ถึงจะได้สนใจ ปากหอยปากปู “
“อะไรกันนี่ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลยนะ คุณนี่น้า เฮ้ย…” ชายหนุ่มหลบ ตะหลิวที่หญิงสาวถือ
“คนที่ฉันจะสนใจก็คือ คนในตระกูล ภัทรโยธินเท่านั้น คุณรู้ไหมฉันไล่ ตะเพิดผู้ชายปากเสียแบบนี้ไปกี่คนแล้ว น่าเบื่อ น่ารำคาญ “
กรกมลหันมาถามชายหนุ่มที่ยืนดื่มน้ำมะตูมอยู่
“ไม่ทราบหรอกครับ”
“คุณ คิดดูสิ อยากจะจีบ ฉัน มาถามประวัติ อย่างกับนายทะเบียน น้องกุ้งนางคะ ชอบทานอะไร ชอบดูหนังแนวไหน ฯลฯ ก็แล้วกันนะ ถ้าเป็นฉันนะจะรักใครสักคนจะไม่มาถามเรื่องซอกแซกแบบนี้หรอกนะฉัน จะคอยสังเกตุ เองว่าเขาชอบอะไร “ กรกมลพูด นัยน์ตาหวานซึ้ง “ดูอย่างคุณสิ ถนัดมือซ้าย ชอบทานโยเกิรต์อย่างกับผู้หญิง ดื่มนมถั่วเหลือง ชอบทานเค้กกล้วยหอม ชอบดื่มกาแฟสด ลาเต้ อาหารชอบทำทานเองมากกว่าไปทานที่ร้าน ชอบทานแกงเขียวหวานไก่ ยำรวมมิตร ทานรสเผ็ดไม่ได้ “ กรกมลพูดอย่างลืมตัว ไม่ได้มองชายหนุ่ม ที่ยืนยิ้มแบบขำๆเลย “เวลาคุณอายนะ จะกัดริมฝีปาก หน้านี่แดงระเรื่อ ถ้าเขินมากๆจะรีบเก็กมาดขรึม เดินหนีอย่างไม่รู้ตัว ขนาดลงบีทีเอสผิดสถานีก็ว่าได้”
“ขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“อุ้ย…” เวรกรรมนี่เธอพูดอะไรไปนี่ อายจังเลย ดูสิ ธารนธีมองมาสิ นี่เธอเล่นไปสังเกตุเขาขนาดนี้เลยหรือนี่
“แล้วงัยต่อละครับ”
“ก็ คุณนะไม่ชอบพูดคำว่ารักกับใคร ถ้าผู้หญิงคนไหนจะถามหาความรักกับคุณคงยากเพราะว่า ปากแข็ง หยิ่งในศักดิ์ศรี รักใครจะไม่กล้าแสดงออก มักซ่อนความโรแมนติกไว้ อันนี้ต้องสนิทจริงๆๆถึงจะรู้ มักจะแสดงออกด้วยดวงตา แต่งตัวเรียบง่ายๆ สบายๆ ที่สำคัญ ขี้หึงสุดๆๆ”
“แหม รู้ดีจังเลยนะครับ “ธารนธีสัพยอก นัยน์ตาสีดำขลับหรี่มองมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ส่วนคุณ มักชอบทำอะไรตรงกันข้ามเสมอ”
“อะไรตรงกันข้าม”
“เช่น ปากไม่ตรงกับใจ “ จะให้ฉันบอกรักคุณหรืองัยยะ ฉันอายเป็นเหมือนกันนะยะ
“เวลาได้อายหรือเขิน จะโวยวาย เสียงดัง หรือไม่ก็วิ่งหนีไปเลย” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆๆ “เวลารักใครสักคนจะไม่กล้าพูดหรือแสดงออกมาเพราะกลัวเขาจะรู้ ได้แต่แอบมอง”
ถูกต้องตรงที่สุด เลยคะ
“ยังไม่หมด คุณนะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เก่งงานบ้านงานเรือน เย็บปักถักร้อยเป็น เล่นดนตรีไทยได้ แต่คุณกลับไม่แสดงออกเพราะว่า คุณอยากลองใจผู้ชาย ว่าเขาจะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณหรือเปล่า อย่างเช่น” ชายหนุ่มก้มหน้ามามองหญิงสาวใกล้ๆ “ไปเป็นพนักงานร้านกาแฟ คุณหนูแบบคุณไม่ต้องไปทำงานแบบนั้นก็ได้ ใช่ไหม”
ถูกต้องคะ อย่างเธอนะไม่ต้องไปทำงานแบบนั้นก็ได้
“ยังไม่หมด”
“ยังมีอีกหรือนี่” กรกมลถาม ใบหน้าลุกลี้ลุกลน พยายามจะหาทางหนี แต่ทว่าธารนธีกลับขวางไว้
“เวลาคุณรักใครสักคนนะ คุณจะรักเขาคนเดียว ต่อให้นานสิบปีก็จะรัก แต่ถ้าไม่ คุณจะอาละวาดจนบ้านแตก ทำทุกวิธีทางที่จะเขี่ยผู้ชายเหล่านั้นทิ้ง ไม่ว่าจะหล่อแค่ไหน ดีแค่ไหน คุณก็ไม่สน”
ถูกต้องคะ ดูอย่างคุณชายกลางแห่งวังน้ำค้างสิโดนเธอจิกกัด จนหนีแน่บไม่กล้าโผล่หัวมาให้เห็นเลยนะ ส่วนตารวีวิชญ์ก็โดนหมาเห่าฟ้าไล่งับก้นจนไม่กล้าเข้ามาใกล้ เหลืออยู่คนเดียว ว่าที่คู่หมั้นของเธอนี่ละ จะทำอย่างไรดี ให้วิ่งหนีหางจุกตูดไปเหมือนคุณชายกลางแห่งวังน้ำค้าง
“นี่พอได้แล้ว ไม่ต้องพูด”
“เดี่ยวสิครับ ผู้ชายที่จะรักคุณ นะต้องอบอุ่น ใจเย็น มองคุณที่หัวใจ” ธารนธีโอบเอวหญิงสาวที่กำลังถอยหลังไปชนผนังมาแนบอก” คุณเกลียดผู้ชาย ปากร้าย ถ้าผู้ชายคนไหนดูถูกดูหมิ่นคุณด้วยนะ จะโกรธ จนฝังใจ และจะไม่เข้าไปใกล้ ถึงคุณจะโกรธ เกลียดแค่ไหน ก็ไม่เคยไปทำร้ายใคร แต่ถ้าพวกเขาไม่เดินมาหาเรื่องเองนะ”
“คุณหยุดพูดได้แล้ว ฉันหิวข้าว”
“ยังไม่หมด ครับที่รัก คุณนะถ้าไม่รักใครจริงๆ จะไม่มีวันพาตัวเองไปอยู่ใกล้ หรือว่าเข้าใกล้เด็ดขาด แม้แต่ปลายผมก็ไม่มีวันได้แตะสักนิด”
“อาโป คุณหยุดพูด สักทีสิคะ” ยิ่งพูดก็ยิ่ง จะโดนเต็มๆ
“แต่ถ้าได้รักละก็ “
“ปล่อยฉันเดี่ยวนี้นะ “
“คุณจะยอมทุกอย่าง แต่ใช่ว่าจะยอมง่ายๆนะ อาจจะต้องมีเจ็บตัวบ้างนิดหน่อย ประมาณว่าหัวโบราณสักนิดหนึ่ง ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่อะไรประมาณนี้นะ”
“เงียบไปเลยนะไม่ต้องพูดอะไรอีกเลยนะ”
“คุณนะเก่งแต่ปาก พอจะเอาจริงๆกลับวิ่งแจ้นหนีแน่บไปซะงั้น” ชายหนุ่มยิ้มยั่ว ที่เห็นคนตัวเล็กหน้าแดง ตากลมโตลุกลี้ลุกลน
“คุณนะเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่เป็น ใสซื่อ พูดจาตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม สดใส ร่าเริง ขี้น้อยใจ “ กรกมลสะดุ้งวูบ ใช่เลยเพ่อาโป “ปากแข็ง มีอะไร ไม่ยอมพูด ชอบเก็บเอาไว้คนเดียว บางทีอาจทำให้เข้าใจผิดอะไรง่ายๆ คุณนะชอบคิดเองทำเอง ไม่แคร์ความรู้สึกใครเลยว่าบางครั้ง การกระทำบางอย่าง อาจจะทำให้ใครบางคนเจ็บปวด” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่พยายามหลบสายตา “บางทีคุณเองอาจจะต้องร้องไห้และเสียใจกับการกระทำของตัวเอง”
กรกมลกัดริมฝีปากแน่น ใช่เขาพูดถูกทุกอย่าง ก็ดูตอนเมื่อสามปีก่อนนั่นสิ คิดเองทำเอง ไม่ยอมถามเขาให้รู้เรื่องราว
“คุณนั่นนะพูดคำว่ารักไม่เป็น ใครจะรักคุณ ต้องดูจากการกระทำที่คุณแสดงออก เช่น บอกรักเป็นภาษาดอกไม้ อย่างเช่น ดอกกุ..อุ๊บ”ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบมือเล็กๆๆก็ปิดปากไว้ก่อน กรกมลอายจนพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว โธ่ พี่ อาโป
“เดี่ยวสิที่รัก ยังไม่หมด คุณนะชอบความโรแมนติกมากๆเลย ถ้าใครจะบอกรักคุณ สักคนนะ จะต้องทำให้คุณประทับใจ ประมาณว่า โฮ้ย ….หยิกมาทำไมครับ เจ็บนะ คุณนี่เขินรุนแรงจังเลย”
ใช่เธอเคยถามผู้ชายคนหนึ่งว่า ถ้า เขาจะบอกรักกับผู้หญิงสักคนเขาจะพาไปที่ไหน รู้ไหมตอบว่างัย เขาไม่ปัญญาพาไปขึ้นเรือยอร์ช ดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรอกนะ สำหรับกรกมลเธออยากให้เขาบอกรัก ท่ามกลางทุ่งหิ่งห้อย นับล้านตัวที่เปล่งแสงระยิบระยับหรือไม่ก็ใต้ดวงดาวนับล้าน ทุ่งดอกไม้นับร้อย แบบทุ่งทานตะวันได้เลยยิ่งดี
“หมดหรือยังคะ”
“ยังไม่หมด ข้อนี้สำคัญ ถ้าคุณรักใครสักคนนะจะบันทึกเรื่องราวของผู้ชายคนนั้นอย่างละเอียดถี่ยิบลงในกระดาษและพับใส่ขวดโหลเป็นรูปดาว”
ไม่จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแง้ ทำไมเขารู้ว่าดาวที่เธอพับทุกวันนะเขียนเรื่องราวต่างๆของเขาลงไป กรกมลอยากจะเอาตะหลิวขว้างใส่ชายหนุ่มจริงๆที่บังอาจมารู้ ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอ
แววตาเธอเหมือนน้ำเย็นปลอบโยนหัวใจ
ทุกคราวที่ใจทุกข์ทนและปวดร้าว
มือเธอทั้งสองดั่งยารักษาบรรเทา
ดึงคำว่าเหงาออกไปจากฉัน

ความรักแท้ถูกวางที่ไหน
เปล่งแสงประกายให้เห็นได้อยู่ดี
ภายนอกเธอไม่แตกต่างอะไร
แต่ภายในจิตใจเธอมีรักที่ใครๆ ไม่มี

“ร้อยพวงมาลัยถวายพระหรือครับ” ธารนีถาม ก่อนจะนั่งลงข้างๆหญิงสาว
“เปล่า คะ จะร้อยไปวางไว้บนหัวนอนจะได้หอมๆ ตอนกลางคืน”
“หรือครับ” ชายหนุ่มนั่งจิบน้ำมะตูม
“พอดีเห็นดอกมะลิในสวนกำลังออกดอก ก็เลยเก็บมาร้อยมาลัยนะคะ” นิ้วเรียวยาวหยิบดอกมะลิยื่นให้หญิงสาวที่กำลังจะก้มลงมาหยิบ กรกมลเงยหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มอ่อนๆให้
“อาโป นิยามความรักของคุณเป็นแบบไหนคะ” กรกมลถามก่อนจะรับดอกมะลิที่ชายหนุ่มยื่นมาให้
“ของผมหรือครับ ความรักไม่จำเป็นต้องเอ่ย ด้วยคำพูด เพราะว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่บ่งบอกความรักของผมที่มีต่อเธอคนนั้น ฮึม…อาจจะเป็นการกระทำ หรือ สิ่งของแทนใจ ขอเพียงผมจริงจัง หรือจริงใจ ในสิ่งที่มอบให้เธอ ก็คงเพียงพอแล้ว”
“ถ้าจะถามหาคำรักจากคุณคงยากนะคะ” หญิงสาวถามเสียงเศร้าๆๆ
“การกระทำบ่งบอกทุกอย่างแล้วนี่ครับ” ชายหนุ่มเงยหน้าหญิงสาว”แล้วนิยามความรักของคุณละ” นิ้วเรียวยาวลูบแก้มนวลเบาๆ
“ไม่ทราบสิคะ หลายคนเมื่อเกิดความรัก ก็เห็นมักจะวาดฝันและคาดหวังว่าความรัก จะต้องเป็นดั่งที่ใจปรารถนา “ กรกมลหันไปมองรอบๆบ้านรมย์รวินท์ คืนนี้ ดวงจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลผ่องไปทั่วบริเวณบ้าน เสียงหริ่งเรไรร้องระงมดังไปทั่ว
กลิ่นดอกราตรี กำลังส่งกลิ่นหอมตลบ อบอวนไปทั่ว สายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดเอื่อยๆ ฤดูแห่งการเริ่มต้น ดอกไฮยาซินธ์กำลังเบ่งบาน ต้อนรับฤดูกาล
ถ้าถามนิยามความรักของกรกมลก็คือ (ความผูกพัน ความห่วงใย ความเอื้ออาทรต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน และที่สำคัญ ความเข้าใจ)
“แต่เมื่อไม่เป็นอย่างที่คิด ที่หวัง ก็จะมองความรักในแง่มุมหนึ่ง”กรกมลพูดก่อนจะหยิบดอกจำปีขึ้นดม
“แต่ถ้าเปิดใจกว้างขึ้นอีก มุมมองใหม่ๆ ก็จะทำให้เห็นว่า ในเมื่อเรามอบความรัก และมอบความรู้สึกดีๆให้ใครสักคนแล้ว มันจะทำให้เรามีความสุขมากมาย กับสิ่งที่ได้มอบให้ไป เพียงแต่ว่าเราอย่าไปคาดหวังว่าจะต้องได้รับความรักตอบแทนกลับมา” นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มที่เงยมองมาพอดี นิ้วเรียวยาวจับปลายผมยาวสีน้ำตาลอ่อนอมทองขึ้นทัดหูให้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบดอกจำปีขึ้นมาพันกับปลายผมของหญิงสาว
กรกมลตกใจแทบจะทำเข็มร้อยมาลัยทิ่มนิ้วตัวเอง ผู้ชายคนนี้บทจะหวานก็หวานจนน้ำตาลเรียกพี่(เขาหวานกับผู้หญิงที่เขารักเท่านั้นละ)
“บางครั้งความรัก ก็ไม่สุขสมหวัง ไปตลอดนี่คะ อาจจะมีผิดหวังบ้าง เสียใจทุกข์ระทมบ้าง และในบ้างครั้งในช่วงชีวิตครั้งหนึ่งเราอาจจะได้รับบทเรียนราคาแพงจากความรัก” กรกมลคิดถึงเรื่องราวตอนสามปีก่อน ที่เกิดขึ้น
“มีคำ กล่าวว่า เส้นทางความรักไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบเสมอไป” เหมือนความรักของเขากับนางในฝัน
“แต่คนเราก็ยังต้องการความรักนี่คะ เพื่อเป็นกำลังใจหรือว่า เป็นพลัง และแสงสว่าง ให้กับชีวิต ถึงแม้บางครั้งจะต้องบอบช้ำสักเพียงใดก็ตาม
อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราเจอกันช้าไป
จงขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราเจอกัน
อย่าโทษโชคชะตาว่าทำไม ไม่ให้เรารักกัน
จงขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่ารักคืออะไร” กรกมลพูดเสียงเครือ อยากจะร้องไห้ กับความรักของตัวเอง
“เคยได้ยินกลอนนี้ไหม” ธารนธีหันมามองก่อนจะหยิบดอกมะลิยื่นให้กรกมลที่รับไปเสียบร้อยมาลัยต่อ ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบขึ้นดม นัยน์สีดำขลับแหงนมองจันทรา ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องนภา ยามค่ำคืนไร้ดวงดาราเป็นเพื่อน
“ควมรักไม่ต้องการแค่วันเดียว ความรักไม่ต้องเกี่ยวกับวันไหน
ความรักไม่ต้องมีเวลาใด ความรักไม่ต้องใช้ ให้ใครชี้
ความรักไม่ต้องมีข้อวิจารณ์ ความรักไม่ต้องการกดขี่
ความรักไม่ต้องให้ใครตราตี ความรักไม่ต้องมี เส้นพรมแดน
ความรักไม่ต้องรอข้อพิสูจน์ ความรักไม่ต้องพูดตามแบบแผน
ความรักไม่ต้องการตอบแทน คามรักไม่ต้องแค่น หัวใจคน
ความรักไม่ต้อง การเป็นการต่อ ความรักไม่ต้องรอขอเหตุผล
ความรักไม่ต้องย้ำ ความมีจน ความรักไม่ต้องทน ที่จะรัก”
ชายหนุ่มพูดจบก็หันมามองกรกมลที่ยิ้มหวาน ใบหน้านวลแดงระเรื่อ
“อยากบอกว่ารักสักเท่าฟ้า ของเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ใช่ไหมคะ” กรกมลถาม
“คุณก็อ่านเหมือนกันหรือ”
“ก็นิดหน่อยนะ แต่คุณนี่สิแปลก สถาปนิกคนเก่งอ่านหนังสือแนวแบบนี้ด้วย นึกว่าอ่านแต่ตำราสร้างบ้าน หรือไม่ หนังสือแนวอาชญากรรม แบบ ฮันนิบาล เพชรพระอุมา อะไรประมาณนี้นะ” หญิงสาวหัวเราะ คิก
“เดี่ยวเถอะคุณ เขาบอกว่าผู้หญิงเกิดเดือนกรกฎาคม นี้เก็บอารมณ์ไม่เป็น ใจเสาะ ร้องไห้ง่าย และก็เป็นช่างฝัน คงจะจริงแฮะ”ชายหนุ่มยิ้มบางๆ
“ธารนธี”
“ผู้ชายที่เข้าใกล้ได้ จะต้องแสดงความจริงใจด้วยคำพูดและท่าทาง ดูอบอุ่นเป็นมิตร เป็นคนรักเดียวใจเดียว แถมขี้หึงสุดๆ”
ชายหนุ่มหลบฝ่ามือที่ฟาดลงมาทันที
“ถ้าจับได้ ว่าคนที่คบด้วยมีคนอื่น แตกหักสถานเดียว”
“แน่นอน จะเก็บไว้ทำไม ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียว นี่คะ เฮอะ “ กรกมล สะบัดหน้าค้อนใส่
“เหลอครับ แต่ถ้าเป็นผู้ชาย ร่าเริง มีความเป็นผู้นำสามารถคุ้มครอง เธอได้ นี่จะยอมเสียให้ใครไหมจ๊ะที่รัก” วงแขนแข็งแรงโอบกอด หญิงสาวโดยไม่ทันตั้งตัว กรกมลซบหน้าลงกับอกกว้างและยอมให้เขาแต่โดยดี ธารนธีจุมพิตหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา แล้วค่อยแตะปลายจมูกลงบนแก้มนิ่มนวลที่แดงระเรื่อ ทั้งสองข้างอย่างหนักๆ “คุณนะอ่อนหวาน อ่อนโยน เฉพาะกับผู้ชายที่คุณรักเท่านั้นละ ”
ธารนธีคลี่ยิ้มน้อยๆแล้วก้มหน้าลงแนบจุมพิตแผ่วๆเหมือนแมงปอ เกาะผิวน้ำ แล้วบีบปลายคางหญิงสาวเบาๆพร้อมพูดว่า
“จริงไหม ครับ กรกมล ภัทรโยธิน”
“อยากบอกรักเธอให้เธอได้รู้
และอยากดูแลเธอนับจากนี้ไป
อยากทำเพื่อเธอด้วยชีวิตที่เหลือได้ไหม
ผ่านวันร้ายๆ จะไม่เดียวดาย จากนี้ขออยู่เพื่อเธอ
อยากบอกรักเธอให้เธอได้รู้
และอยากดูแลเธอนับจากนี้ไป
อยากทำเพื่อเธอด้วยชีวิตที่เหลือได้ไหม
ผ่านวันร้ายๆ จะไม่เดียวดาย จากนี้
อย่ากลัวอะไรตราบใดที่ฉันคนนี้ มอบชีวิตให้เธอ”
"คุณ รู้ไหม ดอกไฮยาซินธ์ คือ สัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่ และเป็นชื่อของวีรบุรษ อันเป็นที่รัก ของ เทพอพอลโล "
"เทพแห่งพระอาทิตย์"
"ใช่ แต่ต้องมาตายด้วยฤทธิ์ ของเทพแห่งลมตะวันตก ดอกไฮยาซินธ์ ต้องจมอยู่ใต้ พื้นดินเป็นเวลานาน พอถึงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อไร ดอกไม้แห่งความรัก ก็จะกลับมาชู่ช่อ ออก ดอกอีกครั้ง" ธารนธีดึงร่างกรกมลมากอด ก่อนจะก้มลงหอมแก้มเบาๆ หญิงสาวตาโต ลูบรอยอุ่นๆเบาๆ
"นี่ครับ"
"หาอะไรคะ"
"ดอกไฮยาซินธ์" ธารนธียื่น ดอกไม้ กลีบ หกแฉก กลีบดอกหนา เป็นมัน สีชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ "นิทราสวัสดิ์ นะครับเจ้าหญิงของผม" ชายหนุ่มหอมแก้มหญิงสาว"อย่าลืมฝันถึงผมนะครับ ส่วนพวงมาลัยนี้ ผมขอละกันนะครับ "
กรกมลยืนอ้าปากค้าง มองร่างสูงๆๆที่เดินไปตามทางเดินเพื่อกลับห้องนอนที่อยู่อีกด้าน ของบ้าน
"จันทร์เจ้าเอ๋ย จะไม่ขอข้าวแกงแหวนใด
ไม่ใส่ ใจ ไม่ขอวอนจากดวงจันทร์
แม้ขอจันทร์ ดั่งใจฝันอย่างนั้นได้จริง
มีสิ่งเดียว ที่คิดอยากจะขอจันทร์
จะขอ ให้มีแค่ใครคนหนึ่ง
ที่จะไม่ทำให้ช้ำ และไม่ทำให้เราเศร้าใจ
อยากจะเพียงขอ ให้มีสักคนเคียงใกล้
ให้เขามีความจริงใจ และไม่คิดทำร้ายกัน"
กรกมลแหงนมอง เทพจันทรา ที่อยู่บน ท้องฟ้า เคยได้ยิน ตำนาน เล่า ว่า อธิษฐานขอความรักกับพระจันทร์ แล้วจะสมหวัง ริมฝีปากบ้างยิ้มหวาน หยิบดอกไฮยาซินธ์ ขึ้นมาดมจรดจมูก คิดถึงหน้าของคนให้ พระจันทร์จ๋า ถ้าอย่างนั้น ขอ ผู้ชายชื่อ ธารนธี ชลธารพิทักษ์ ก็แล้วกันนะ ขอให้เขารัก เธอ แบบนี้ตลอดไปได้หรือเปล่าละ



ณัฏฐกมล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2555, 21:05:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2555, 21:05:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1334





<< ความรักสัมผัสได้ด้วยหัวใจ   ไม่ผิดใช่ไหม...ที่ฉันจะรักเธอ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account