พื้นที่ชุ่มรัก
เมื่อได้รับคำขาดจากเหล่าคุณปู่คุณตาว่าต้องการเห็นหน้าหลานเขยหลานสะใภ้ก่อนวันเริ่มศักราชใหม่ซึ่งเหลือเวลาอีกครึ่งปี บรรดาหลานๆจึงปวดหัวหนักเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหลานเขยหลานสะใภ้ที่จุดไหนของประเทศ และที่สำคัญกว่านั้น...ถ้าหลานคนใดคนหนึ่งทำตามความต้องการของท่านไม่ได้ ทุกคนจะต้องชดใช้ที่ทำให้คุณปู่คุณตาผิดหวังด้วยเงินและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่พอจะทำให้หลานๆสุดที่รักของพวกท่านล้มละลายกันได้ทีเดียว!!

แล้วจะให้บรรดาหลานสุดที่รักทั้ง 5 คนยอมขัดใจคุณปู่คุณตาได้อย่างไร นอกจากต้องก้มหน้ารับคำสั่งอาญาสิทธิ์แต่โดยดี และคงต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างจริงจัง เวลาที่เหลืออยู่คงต้องงัดทุกกลยุทธทุกอย่างขึ้นมาใช้เพราะหลานๆได้ลงมติอย่าง (เกือบ) เป็นเอกฉันท์กันมาแล้วว่างานนี้...แพ้ไม่ได้!
Tags: แผนการ คุณปู่ คุณตา หลาน ความรัก พื้นที่ชุ่มรัก ผลิดอกออกรัก

ตอน: เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 26

พี่อาร์มกลับมาแล้วค่าาา กลับมาพร้อมกับตอนใหม่และปัญหาต่างๆนานา

ขอบคุณทุกคนที่ยังคอยตามอ่าน ตามคอมเมนท์แล้วก็คอยกดไลค์นะคะ!

เชิญอ่านได้เลยค่าาาาาา


-------------------------------------------------------------------------------------------



ตอนที่ 27: ทำได้และทำไม่ได้



ปัญหาที่จู่ๆก็เฮละโลเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์สึนามิแทบจะทำให้ทั้งชิษวัศและทุกคนในตตินรากรณ์ล้มทั้งยืน ข่าวของภูมิรพีและเรศิกานต์นั้นขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง! แม้จะให้ทวิดาร์ซึ่งพอรู้จักคนในแวดวงสื่อช่วยปิดข่าวให้แล้วแต่ดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามเองก็ใช้ความพยายามอย่างมากเช่นกันที่จะทำให้ข่าวนี้เป็นที่โจษจันอย่างลือลันบนโลกไซเบอร์ ซึ่งชิษวัศก็ไม่มีปัญญามากพอที่จะตามลบภาพเหล่านั้น ภาพของภูมิรพีและเรศิกานต์ที่สลบไศลในอยู่ในโรงแรมโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเดียว!

...บัดซบเอ๊ย!!...

ชายหนุ่มทุบโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างหงุดหงิด ไม่รู้จะระบายอารมณ์กับใคร แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าทุกอย่างต้องเป็นฝีมือของธีรธัชช์แน่แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดมันผู้นั้น ที่สำคัญ...ตอนนี้บริษัทต้องทำอย่างไรก็ได้เพื่อเรียกว่าเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น ผู้ร่วมทุนและบริษัทพันธมิตรต่างๆกลับคืนมา แม้จะยังไม่อยากย้ำเตือนเรื่องนี้กับทั้งน้องชายและน้องสาวแต่ทั้งภูมิรพีและเรศิกานต์ต้องตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

เสียงโทรศัพท์ซึ่งเป็นเบอร์ภายในของบริษัทดังขึ้นเรียกสติของคนที่กำลังทั้งแค้นทั้งโมโหให้กลับเข้ามาสู่โหมดซึ่งปกติที่สุด ก่อนจะเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์เพื่อรับสาย และทันทีที่รับรู้ข่าวจากอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นปลายสาย ใบหน้าคมก็แสดงสีหน้าวิตกกังวลเมื่อกีรตาโทรศัพท์มาเพื่อเรียกตัวพี่ชายคนโตให้ไปพบกันที่ห้องทำงานของคุณรันทร์เพื่อรับฟังการตัดสินใจแก้ไขการปัญหาเหล่านี้ของภูมิรพี

ชิษวัศผ่อนลมหายใจออกยาวหลังจากวางสาย อาจเป็นเพราะวัยที่ไล่เลี่ยกันทำให้ชายหนุ่มสนิทสนมกับลูกพี่ลูกน้องอย่างภูมิรพีและเรศิกานต์เป็นพิเศษ ยิ่งภูมิรพีด้วยแล้ว...ชายหนุ่มพูดไปเต็มปากว่าเห็นน้องชายคนนี้เป็นน้องชายในไส้ก็ไม่ปาน เรื่องใดที่น้องเจ็บ คนเป็นพี่ก็เจ็บไปไม่ยิ่งหย่อนกว่า และเพราะสนิทกันมาก จึงทำให้ชิษวัศพอที่จะอ่านทางออกว่าภูมิรพีจะจัดการแก้ไขปัญหาตรงหน้าอย่างไร ชายหนุ่มรู้ว่าน้องชายไม่อยากทำอย่างนี้ แต่จากสถานการณ์ที่ประสบอยู่ การตัดสินใจทำอย่างนั้นก็เป็นหนทางหนึ่งที่พอจะทำให้อะไรๆมันดีขึ้น

แล้วผลสรุปของเหตุการณ์ในครั้งที่ก็เป็นอย่างที่ชิษวัศคาดจริงๆเมื่อภูมิรพีตัดสินใจที่จะจัดการปัญหาทั้งหมดด้วยแถลงข่าวอธิบายเรื่องที่เกิดกับประกาศแต่งงานกับเรศิกานต์เพื่อรักษาชื่อเสียงของตตินรากรณ์ในคราเดียว แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ย่อมมีเสียงคัดค้าน และคนที่ไม่เห็นด้วยก็คือมารดาของภูมิรพีเอง ชิษวัศพอรู้ว่า ‘อาหวาน’ นั้นไม่ค่อยปลื้มเรศิกานต์เท่าไรนัก หากเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่า...ลูกสาวคนเดียวของคุณรันทร์กลัวคนอื่นจะนินทาลูกชายของตนเองว่าทำผิดจารีต แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง!!

แต่ปัญหานั้นกลับโดนบอกปัดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเมื่อคุณปู่รันย้ำเตือนความจริงว่าแท้ที่จริงแล้วเรศิกานต์กับภูมิรพีนั้นไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ทุกคนในตตินรากรณ์ต่างรู้กันดี เพราะฉะนั้น...ไม่สมควรนำเหตุผลนี้มาอ้างทำให้การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ได้ ที่สำคัญ...การก้าวออกมารับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นของภูมิรพีอย่างกล้าหาญ ท่านมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อย...บรรดาผู้ถือหุ้นกับบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกันก็น่าจะยังมีความเชื่อมั่นให้กับตตินรากรณ์ กรุ๊ป

เสียงเคาะประตูห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งพักทั้งกาย พักทั้งสมองกลังจากกลับมาจากห้องทำงานของคุณรันทร์ลืมตาขึ้น เสียงทุ้มเอ่ยปากอนุญาตให้ผู้มาเยือนเปิดประตูเข้ามา และร่างของทั้งน้องชายและน้องสาวก็เดินเข้ามาภายในห้องทำงานของคนเป็นพี่ชายก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนชุดโซฟาตัวหรู เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาพร้อมกันราวกับดนตรีประสานเสียงของทั้ง กีรตาและกันตวิชญ์นั้นทำให้อีกหนึ่งหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

“ที่ถอนหายใจออกมานี่โล่งใจหรือหนักใจ” ร่างสูงของชิษวัศสาวเท้าเดินเข้ามาหาทั้งน้องชายและน้องสาวก่อนจะทรุดตัวนั่งบนโซฟาอีกตัวที่อยู่ตรงข้ามกัน

“โล่งใจค่ะ”

“หนักใจครับ”

คำตอบที่ไปกันคนละทิศละทางเรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากหยักลึกได้เล็กน้อย เป็นอย่างนี้เสมอสินะ...ระหว่างกีรตาและกันตวิชญ์ น้อยครั้งนักที่สองคนนี้จะมีความเห็นไปในทางเดียวกัน แต่ทั้งๆที่ชอบขัดกันเสียทุกรอบ หากก็เป็นกีรตาที่เป็นห่วงกันตวิชญ์มากกว่าใครในบรรดาลูกพี่ลูกน้องทั้งห้าคน

“พายด์คงโล่งใจเรื่องไวน์แต่เกมคงหนักใจเรื่องภารกิจของคุณปู่ใช่ไหม” คนที่อ่านใจน้องทุกคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างชิษวัศมีหรือที่จะคาดเดาพลาด

“ใช่สิครับ!” แม้ใจจริงจะรู้สึกโล่งใจแทนภูมิรพีเช่นกันแต่อีกใจหนึ่งก็อดที่จะหนักใจแทนตัวเองไม่ได้ เพราะตอนนี้หลานๆที่ยังหาคู่ไม่ได้ก็มีเพียงแต่ตนเองและกีรตาเท่านั้น! “ถึงตอนนี้จะเหลือผมกับพี่พายด์ แต่ผมก็เสียเปรียบอยู่เห็นๆ อย่างน้อยถ้าพี่พายด์หาใหม่ไม่ได้ก็ยังมี ‘คนเก่า’ ให้กลับไปหานี่ฮะ พี่ดิศ...”

“กันตวิชญ์!!” สาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างกายกันตวิชญ์เรียกชื่อลูกผู้น้องหนุ่มเสียงแข็งเมื่อเจ้าตัวสร้างปัญหาดันเอ่ยชื่อของคนที่ชาตินี้เธอไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีกออกมา “ถ้ายังคิดว่าเป็นพี่น้องกันอยู่ อย่าได้เอ่ยชื่อนี้ออกมาให้ได้ยินอีก ถ้าพูดขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกัน!”

อารมณ์โกรธที่แสดงออกมาทั้งสีหน้า แววตาและน้ำเสียงทำให้คนที่เผลอหลุดปากพูดคำต้องห้ามออกไปเริ่มรู้สึกผิด แม้จะชอบแกล้งชอบแซวหรือล้อเลียนกันมากแค่ไหนแต่เรื่องของผู้ชายที่ชื่อ ‘ศดิศ’ ก็ไม่ควรถูกนำมาพูดอีกครั้ง แผลที่คนเป็นพี่สาวอยากจะลบให้หายไป ไม่ควรเลยที่คนเป็นน้องชายอย่างเขาจะเข้าไปสะกิดมันให้เจ็บขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่พายด์...” กันตวิชญ์เรียกลูกพี่ลูกน้องสาวเสียงอ่อน “ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ก่อนที่คำขอโทษจากใจจริงทั้งหมดจะถูกพูดตามออกมาพร้อมด้วยสีหน้าและแววตาที่รู้สึกผิดอย่างแท้จริง

กีรตาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาเรียวสวยมองมายังกันตวิชญ์นิดหนึ่งก่อนจะเลยไปยังคนเป็นพี่ชายอย่างชิษวัศ

“พี่อาร์มมีเรื่องต้องจัดการกับ ‘นายคนนี้’ ใช่ไหมคะ” เสียงหวานเน้นคำว่า ‘นายคนนี้’ ช้าๆชัดๆ “งั้นพายด์ฝากคิดบัญชีส่วนของพายด์ด้วย พี่อาร์มจะจัดการยังไงก็ได้ค่ะ ตามสบายเลย” ยกหนี้แค้นของตัวเองให้พี่ชายเสร็จร่างบางก็ก้าวเท้าเดินออกจากห้องไป ทว่าก่อนที่จะก้าวพ้นธรณีประตู กีรตากลับหมุนตัวกลับมาราวกับเพิ่งจะนึกอะไรออก

“พายด์ลืมบอกไปอีกอย่าง...ขอแบบ ‘จัดหนัก’ เลยนะคะพี่อาร์ม” แล้วประตูห้องทำงานของชิษวัศก็ถูกปิดลงพร้อมๆกับร่างของกีรตาที่เดินออกไป

ห้องทำงานที่ปกติจะดูกว้างขวางใหญ่โตกลับดูแคบลงถนัดตาในความรู้สึกของกันตวิชญ์ ยิ่งพอสบตาคู่คมสีดำสนิทของเจ้าของห้องด้วยแล้วยิ่งรู้สึกว่าอุณหภูมิภายในห้องนี้มันลดต่ำจนรู้สึกหนาวอย่างไรชอบกล! คิดมาถึงตรงนี้ก็เริ่มรู้สึกว่าตอนนั้นไม่ควรเลยที่จะทิ้งมุกตาภาไปอย่างนั้น ทั้งที่ตัวเองก็รู้นิสัยของชิษวัศดีแท้ๆแต่ก็ดันไปทิ้ง ‘ผู้หญิงของพี่ชาย’ ไว้คนเดียวเสียนี่ แบบนี้ถ้าไม่โดนพี่อาร์มซัดเละพรุ่งนี้เขาคงต้องไปทำบุญเก้าวัดเพราะถือว่าพ้นเคราะห์ใหญ่!

“รู้ความผิดของตัวเองหรือเปล่า...กันตวิชญ์” ยามที่ถูกชิษวัศเรียกชื่อจริง นั่นหมายความว่า...พี่ชายคนนี้...โกรธมากจริงๆ

“ครับ” และทางที่ดี...คงต้องก้มหน้ายอมรับความผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้งไปก่อน

“เกมต้องมีความรับผิดชอบมากกว่านี้รู้ไหม พี่อุตส่าห์ไว้ใจฝากคนรักของพี่ให้เกมดูแล แล้วเกมดูแลคนของพี่ได้เท่านี้หรือ”

“ขอโทษครับ”

เมื่อเห็นภาพของน้องชายกำลังก้มหน้าก้มตายอมรับผิด คนเป็นพี่ชายก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้อีกตามเคย แม้จะใจแข็งกับใครต่อใครได้ แต่พอเป็นคนในครอบครัว ชิษวัศกลับไม่เคยใจแข็งไม่ยอมยกโทษให้ได้เลย

“โตแล้วนะเกม ต้องหัดมีเหตุผลมากกว่านี้ อย่าเอาแต่อารมณ์ แล้วรู้ไหมว่าการกระทำของเกมกำลังทำให้พี่มีปัญหา”

“พอรู้...ครับ” น้องชายรับคำเบาๆ

“แต่ปัญหาของพี่ พี่จะจัดการเอง” ชิษวัศสรุปสั้นๆ เพราะแม้จะมีสาเหตุมาจากกันตวิชญ์แต่นั่นก็เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียว เพราะเหตุผลหลักๆที่ทำให้เขาไม่เข้าใจกับมุกตาภามันมีสาเหตุมาจาก ‘คนอื่น’ ต่างหาก

“ส่วนเรื่องของพายด์...เกมก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าเมื่อก่อนพี่สาวของเกมคนนี้ต้องเจ็บมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรออกไป คิดก่อนรู้ไหม” สุดท้ายชิษวัศก็ยังไม่ลืมที่จะสั่งสอนน้องชายในเรื่องของกีรตา แม้เหตุการณ์ในครั้งนั้นจะผ่านกาลเวลาล่วงเลยมานานพอควร หากทุกคนในตตินรากรณ์คงยังไม่มีใครลืมว่าครั้งหนึ่ง กีรตาเคยเสียใจมากมายขนาดไหนที่ถูกคนรักทรยศหักหลังต่อหน้าต่อตา

“ขอโทษครับ” กันตวิชญ์ขอโทษอีกครั้ง ภาพของกีรตาที่ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจชัดเจนขึ้นในความทรงจำ

“ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากเกมดูเรื่องทางนี้ด้วย มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอด” ชิษวัศลุกขึ้นยืนก่อนจะเหลือบดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือของตัวเอง แม้จะมีเวลาให้ไปจัดการเรื่องของตัวเองไม่มากนัก แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็ต้องไปคุยกับมุกตาภาให้รู้เรื่อง ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอย่างนี้ไม่ดีแน่ ที่สำคัญ...เวลาเจอปัญหาหนักๆอย่างนี้ เขากลับอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยาก เห็นรอยยิ้มหวานๆของมุกตาภาที่สุด ขอแค่นั้น...แค่นั้นก็พอ

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เรื่องทางนี้ผมจัดการเอง เรื่องงานแถลงข่าวที่จะมีวันพรุ่งนี้ด้วย พี่อาร์มไปหาคุณมุกแล้วก็กลับไปพักเถอะฮะ”

ชิษวัศพยักหน้านิดหนึ่งให้น้องชายก่อนที่ร่างสูงจะเดินออกจากห้องทำงานของตนเองไปโดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่บ้านของมุกตาภา แม้จะพอคาดเดาได้ว่าคนขี้งอนคงจะโกรธที่เขาไม่ยอมคุยโทรศัพท์กับเธอ แต่ชายหนุ่มก็มั่นใจ...ว่าตนเองมีความสามารถพอที่ง้อมุกตาภาได้สำเร็จ เพราะมุกเม็ดนี้...ถ้าได้ประทับลงบนหัวใจแล้ว ไม่มีทาง...ที่เขาจะปล่อยหรือเสียมุกเม็ดงามนี้ให้กับใครต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม!











ภายในห้างสรรพสินค้าหรูใจกลางเมือง อาจารย์สาวร่างเล็กอย่างนิชิตากำลังเดินเลือกซื้อของเพื่อเป็นของฝากให้ ‘คุณพ่อและคุณแม่’ ของอารัทธ์เป็นการขอบคุณที่ต้อนรับเธออย่างอบอุ่นในครั้งแรกที่อารัทธ์แนะนำเธอให้พวกท่านรู้จักอย่างเป็นทางการ ในฐานะ...คนรักของเขา

นึกถึงตรงนี้หญิงสาวก็อดที่จะยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ผู้ชายที่เธอวิ่งหนีมาทั้งชีวิตกลับกลายเป็นผู้ชายที่ได้หัวใจของเธอไปครอบครอง สงสัยคำพูดที่บอกว่า...เกลียดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้น...คงจะจริง

“หมูหวาน” หากเสียงที่เรียกจากด้านหลังทำให้เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังเลือกผ้าพันคอ ดวงตาคู่เรียวที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสายตาตวัดหันมามองพร้อมๆกับร่างบางที่หมุนตัวกลับมา

“พี่พีน...มาได้ยังไงคะ” หญิงสาวถามอย่างนึกสงสัย ไม่คิดว่าการมาเจอพีรัชที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญ เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่บ้านวัชรภูวิช นิชิตาพบว่าพีรัชพยายามที่จะติดต่อและพูดคุยกับเธอ แต่ก็เป็นเธอที่คอยหลบหน้าหรือปฏิเสธเขาทุกครั้งไป

“พี่มีเรื่องที่ต้องคุยกับหมูหวาน เลยตามมา”

...นั่นไง! เธอว่าแล้ว... อาจารย์สาวตะโกนเสียงดังในใจ สิ่งที่คาดการณ์ไว้ไม่เคยมีพลาด และก็พอจะรู้ว่าเรื่องที่พีรัชต้องการจะคุยกับเธอคือเรื่องอะไร

“ถ้าพี่พีนจะมาพูดในเรื่องที่มันผ่านมาแล้วหมูหวานว่าพี่พีนอย่าพยายามเลยค่ะ เพราะมันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พี่พีนเป็นคู่หมั้นพี่มิ้นท์และในอนาคต...อันใกล้นี้ พี่พีนก็จะกลายเป็นพี่เขยของหมูหวาน อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำนักหรอก”

ประโยคหลังราวกับว่านิชิตาต้องการจะบอกตนเองและประชดอีกคนไปในคราวเดียว ความรักที่มีแต่การหลอกลวงอย่างที่พีรัชเคยมอบให้กับเธอเมื่อครั้งอดีต...มันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจดจำ แต่คนเราไม่สามารถที่จะกลับไปแก้ไขหรือลบอดีตได้ เราทำได้เพียงแค่เก็บอดีตเหล่านั้นมาเป็นบทเรียนสำหรับปัจจุบันและอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น พึงระลึกไว้เสมอว่าสิ่งที่พลาดพลั้งไปแล้วในอดีตเธอจะไม่มีทางก้าวพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าจะในวันนี้หรือในวันข้างหน้า

“แต่พี่ไม่อยากให้หมูหวานลืมเรื่องราวระหว่างเรา” พีรีชเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กที่เมื่อครั้งอดีตตัวเองเคยได้เป็นเจ้าของมือคู่นี้ หากก็เป็นตัวเขาเองเช่นกันที่ปล่อยมือคู่นี้ไปด้วยเหตุผลที่ว่า...ถ้าตัดเรื่องนิสัยใจคอออกไป นิชิตาไม่มีอะไรที่เทียบนิษศินีได้เลย ทั้งรูปร่าง หน้าตา ที่สำคัญ...ฐานะและทรัพย์สมบัติ

คนที่ถูก ‘อดีตคนรัก’ กอบกุมมือไว้ค่อยๆชักมือของตัวเองออก แม้จะไม่พอใจขึ้นมากรุ่นๆแต่เพราะพีรัชนั้นเป็นผู้ใหญ่กว่า นิชิตาจึงยังต้องมีความเกรงใจไว้บ้าง ที่สำคัญ...เธอไม่อยากมีเรื่องกับบ้านวัชรภูวิช ปัญหาใดที่เธอพยายามหลบเลี่ยงได้เธอก็พยายามที่จะเลี่ยง

“พูดอย่างนี้ออกจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือเปล่าคะ” แม้จะไม่อยากจะมีปัญหา แต่ในบางครั้งเธอก็ต้องจัดการกับต้นตอของปัญหาให้เด็ดขาด เนื้อร้ายที่ลุกลาม...ถ้าไม่ตัดทิ้งไปให้สิ้นซากมันก็จะคอยมาบั่นทอนชีวิตที่เหลือให้ค่อยๆสั้นลง!

“พี่พีนไม่ให้หมูหวานลืมเรื่องเก่าๆแต่พี่พีนกลับไปยิ้มไปหัวเราะมีความสุขกับพี่มิ้นท์แล้วให้หมูหวานจมอยู่แต่กับอดีตน่ะหรือคะ ถ้าพี่พีนคิดว่าตัวเองรู้จักหมูหวานดี พี่พีนก็น่าจะรู้ว่าหมูหวานไม่โง่พอที่จะทำอย่างนั้น หมูหวานไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่ออดีต แต่หมูหวานมีชีวิตอยู่เพื่อปัจจุบันและอนาคต และปัจจุบันกับอนาคตของหมูหวานก็ไม่มีพี่พีนอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นเลิกวุ่นวายกับชีวิตของหมูหวานได้แล้ว”

พูดในสิ่งที่ควรพูดและคิดว่าตนเองพูดไปชัดเจนดีแล้ว นิชิตาก็หันหลังเดินจากไปจากจุดที่พีรัชยืนอยู่ หากคนที่ตัวโตกว่าแถมยังแขนยาวกว่าก็ไวพอที่จะดึงรั้งแท่นแขนเรียวไว้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ออกแรงดึงเบาๆ ร่างที่เดินหนีไปก็เข้ามาประชิดตัวจนนิชิตาต้องรีบก้าวเท้าออกนิดหนึ่งเพื่อรักษาระยะห่างโดยที่แขนยังถูกอีกฝ่ายจับกุมไว้

“หมูหวานยังโกรธพี่อยู่ใช่ไหม ให้อภัยพี่ไม่ได้หรือครับ พี่ไม่ได้อยากทำให้หมูหวานเสียใจจริงๆ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่ทอออกมานั้นราวกับต้องการให้เธอยกโทษให้กับสิ่งที่เขาได้เคยกระทำไว้ นิชิตาตวัดสายตามองอีกฝ่าย เป็นสายตาที่แน่วแน่และจริงใจ เมื่อก่อนเธออาจะแพ้กับสายตาอย่างนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...นิชิตาที่ยืนอยู่ตรงนี้นั้นแข็งแกร่งขึ้นและมีปัญหามากพอที่จะไม่เชื่อลมปากหวานหูนี้เหมือนเมื่อก่อนที่เธอเคยเชื่อ

อาจารย์สาวเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง “ถ้าเมื่อก่อนหมูหวานยอมรับค่ะว่าโกรธ โกรธมาก...แต่ตอนนี้หมูหวานไม่โกรธแล้ว แถมยังขอบคุณพี่พีนด้วยซ้ำที่สอนให้หมูหวานรู้ว่าอย่าดูคนแค่เพียงหน้าตาและเปลือกนอกที่เขาแสดงให้เราเห็น เพราะนั่นอาจเป็นเพียงภาพที่ถูกปรุงแต่งขึ้น หาความจริงไม่ได้เลย” อีกครั้งที่หญิงสาวจงใจเหน็บแนมอีกฝ่ายให้ได้รู้สึกตัว แม้ตอนนี้เธอจะไม่โกรธเขาแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมในสิ่งที่เขาเคยทำไว้กับเธอ มิหนำซ้ำ...เธอจะยังคงจำไม่มีทางลืม จำ...เพื่อเตือนสติตัวเองไว้เสมอว่า ‘ใจคนยากแท้หยั่งถึง’

“ส่วนเรื่องให้อภัย ถ้าการให้อภัยของหมูหวานทำให้พี่พีนเลิกยุ่งกับหมูหวานได้ หมูหวานก็จะอภัยให้ค่ะ”

พีรัชออกแรงบีบแขนกลมกลึงตามอารมณ์โกรธที่เริ่มโหมกระหน่ำเมื่อสาวตรงหน้าเอ่ยปากไล่เขาให้ออกไปจากชีวิตเธออีกครั้ง

“ทำไม ทำไมหมูหวานถึงอยากให้พี่ออกไปจากชีวิตหมูหวานมากขนาดนี้ด้วย หรือหมูหวานกลัวแฟนจะรู้ว่าพี่เป็นแฟนเก่าหมูหวาน”

“เรื่องนั้นผมรู้แล้วล่ะครับ” เสียงของบุคคลที่เข้ามาร่วมวงสนทนาโดยมิได้นัดหมายดังขึ้น สร้างความตกใจให้กับคนที่กำลังพูดคุยกันก่อนหน้านี้ตกใจไม่น้อย อารัทธ์มองไปยังแขนของคนรักที่ถูกพีรัชจับไว้อย่างไม่พอใจ “กรุณาปล่อยแขนคนรักของผมด้วย” อาจเป็นเพราะน้ำเสียงกับสายตาเย็นๆของหนุ่มตาชั้นเดียว พีรัชจึงรีบปล่อยแขนของนิชิตาอย่างรวดเร็ว

อารัทธ์แทรกตัวระหว่างคนทั้งสองเพื่อมายืนเคียงข้างนิชิตา “ผมว่าคุณคงไม่อยากมีปัญหากับมิ้นท์ใช่ไหม”

เมื่อได้ยินชื่อของนิษศินี คนที่พยายามฟื้นฝอยหาตะเข็บอย่างพีรัชก็ถึงกับหน้าเสียไปทันที หากก็ยังต้องพยายามรักษามาดไม่ให้มันเสียไปมากกว่านี้

“คุณอย่ามาขู่ผม”

“ผมไม่ได้ขู่” อารัทธ์สวนกลับทันควัน “หมูหวานบอกคุณไปชัดเจนแล้ว ถ้าเกิดคุณยังยุ่งกับเธออีก จะหาว่าผมร้ายไม่ได้” น้ำเสียงและสายตาของอารัทธ์ที่แสดงออกไปไม่ได้มีความหมายว่าขู่ฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย กลับกัน...ทุกคำที่ชายหนุ่มพูดออกไปนั้นเขาสามารถทำอย่างที่พูดได้จริงทุกคำ!

“พอแค่นี้เถอะค่ะพี่พีน” นิชิตาบอกเสียงอ่อน เป็นไปได้เธอก็ไม่อยากจะมีปัญหาไม่ว่าจะกับพีรัชหรือนิษศินีไปมากกว่านี้ “อะไรที่เราทำได้เราก็สมควรที่จะทำ ส่วนอะไรที่เราทำไม่ได้แล้ว เราก็ไม่สมควรที่จะฝืนทำไม่ใช่หรือคะ เรื่องระหว่างหมูหวานกับพี่พีนก็เหมือนกัน มันจบไปนานแล้ว พี่พีนเป็นอดีตสำหรับหมูหวาน ไม่ใช่ปัจจุบันและอนาคต และหมูหวานก็เป็นเพียงแค่อดีตสำหรับพี่พีน ไม่ใช่ปัจจุบันและอนาคตของพี่พีนเหมือนกัน หมูหวานพูดอย่างนี้หวังว่าจะเข้าใจนะคะ”

พูดจบหญิงสาวก็จับมือของชายหนุ่มข้างตัวด่อนจะกระตุกเบาๆให้เดินตามจนร่างทั้งสองค่อยๆห่างจากพีรัชออกไปทีละน้อย อารัทธ์กระชับมือที่จับมือของตนเองไว้เบาๆ

“ขอบคุณครับ” คำสามที่หลุดออกจากปากของคนข้างตัวทำเอาอาจารย์สาวขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเขาขอบคุณเธอเรื่องอะไร

“เรื่องอะไรคะ”

“ขอบคุณที่เลือกผม” อารัทธ์บอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง นิชิตาหัวเราะเบาๆ

“บางทีฉันอาจจะคิดผิด” ทันทีที่พูดจบร่างเล็กบางก็ต้องชะงักเมื่ออารัทธ์หยุดเดินและรั้งเธอให้หยุดตาม

“เลือกแล้วห้ามเปลี่ยนใจครับ ต้องรับผิดชอบผมไปตลอดชีวิต” แววตาจริงจังของคนตรงหน้าทำเอาอาจารย์สาวเผลอปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว

“ช่วยจำคำพูดนี้ไว้ด้วยนะคะ ‘เลือกแล้วห้ามเปลี่ยนใจ ต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิต’ น่ะ” นิชิตาพูดประโยคของอารัทธ์ซ้ำอีกครั้งเพื่อต้องการจะสื่อว่าเธอเองก็ต้องการจะบอกอย่างที่เขาบอกเธอเช่นเดียวกัน











Lexus LS460L สีดำปราบจอดสนิทอยู่หน้าบ้านของมุกตาภา ชิษวัศเขย่งปลายเท้าเพื่อดูว่าภายในบ้านนั้นมีคนอยู่หรือไม่ และผลที่ได้ก็คือ...ตอนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย ทั้งๆที่เวลานี้มุกตาภาสมควรจะกลับถึงบ้านแล้วแท้ๆแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอจนชายหนุ่มอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ติดต่อไป มุกตาภาก็ไม่ยอมกดรับสายเลยสักครั้ง แต่เมื่อมีรถคันหนึ่งเลื่อนเข้ามาจอดคู่กับรถคันโปรดของตนเองและร่างอันคุ้นตาของใครบางคนลงมาจากรถคันนั้น ชิษวัศก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมุกตาภากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ทว่า...เมื่อเจ้าของรถเบนซ์หันหรูก้าวลงจากฝั่งของคนขับ คิ้วเข้มก็ขมวดขึ้นอย่างอดเสียไม่ได้เมื่อพบว่าคนที่มาส่งมุกตาภาคือไบรอัน!

“สวัสดีครับคุณอาร์ม” เมื่ออีกฝ่ายทักทายอย่างสุภาพและเป็นมิตร ชิษวัศจึงต้องพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ฟังดูแข็งกระด้างและไม่เป็นมิตรแม้ในใจจะไม่ค่อยไว้ใจชายหนุ่มผู้นี้ก็ตาม

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะคุณไบรอัน ขอบคุณมากสำหรับวันนี้” มุกตาภาขอบคุณชายหนุ่มที่มาส่งเธอถึงบ้านด้วยรอยยิ้มหวาน รอยยิ้มที่ทำให้ชิษวัศที่ยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ชอบเอาเสียเลยเวลาเธอยิ้มอย่างนี้ให้กับผู้ชายคนอื่น

“ไม่เป็นไรครับเพิร์ล แล้วเจอกัน” หนุ่มลูกครึ่งกล่าวลาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนก่อนที่จะก้าวขึ้นรถและขับออกไป เวลานี้ที่หน้าบ้านจึงเหลือเพียงแค่มุกตาภาและชิษวัศเท่านั้น

“ธุระของพี่อาร์มจัดการเสร็จแล้วหรือคะ” เมื่อไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะพูดหรือถามอะไรขึ้นมาก่อน มุกตาภาจึงตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง

“ยังครับ” ชายหนุ่มตอบกลับสั้นๆ จงใจให้ดวงตาคู่คมสีนิลของตัวเองสบเข้ากับดวงตาคู่โตสวยของมุกตาภา “พี่อยากเห็นหน้าหนูมุก...คิดถึงครับ”

แม้จะไม่พอใจที่มุกตาภานั้นข้องแวะกับไบรอันมากเกินควร แต่การที่ชายหนุ่มเจอกับเรื่องมามากมายในวันนี้ ‘กำลังใจ’ คือสิ่งที่ชิษวัศอยากได้มากที่สุดในตอนนี้

“ตอนนี้ก็เห็นแล้วนี่คะ” มุกตาภาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา แม้จะพอดูออกว่าสีหน้าของชิษวัศนั้นเหนื่อยล้าเพียงใด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันก็ยังคงวนกลับซ้ำไปมา น้ำเสียงของทวิดาร์ยังคงสะท้อนอยู่ในหัวไม่ยอมหายไป

“น้อยใจพี่ใช่ไหม”

เมื่อได้ยินคำถาม ริมฝีปากบางก็เม้มแน่น “แล้วมันน่าน้อยใจไหมล่ะคะ พี่อาร์มไม่รับโทรศัพท์มุก พี่อาร์มอยู่กับพี่เฟลอร์ในวันที่พี่อาร์มมีปัญหา คนที่คอยช่วยแบกรับปัญหากับพี่อาร์มคือพี่เฟลอร์ ไม่ใช่มุก!แล้วอย่างนี้พี่อาร์มคิดว่ามุกสมควรจะน้อยใจไหม สมควรจะเสียใจหรือเปล่า”

จากสาวน้อยที่ไม่เคยพูดความอัดอั้นตันใจออกมา ตอนนี้มุกตาภากลับระบายสิ่งที่อยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่เธอคิด แต่ชิษวัศก็สมควรได้รู้บ้างว่าเธอรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร และเธอเองก็เสียใจเป็น!

“หนูมุกไม่น่าคิดมาก”

คิ้วโค้งสวยขมวดชิดทันทีเมื่อถูกกล่าวหาว่าคิดมาก “มุกคิดมากหรือคะ?” ก่อนจะย้อนถามอีกฝ่ายเสียงสูง “แล้วการกระทำของพี่เฟลอร์มันไม่น่าให้มุกคิดหรือไง ไปหัวหินกับพี่อาร์มทั้งๆที่คุณไบรอันซึ่งเป็นเจ้านายแต่กลับไม่รู้ ส่วนพี่อาร์ม...พี่อาร์มเลือกที่จะให้พี่เฟลอร์ช่วยพี่อาร์มแบกรับปัญหา เลือกที่จะไม่บอกมุกว่าพี่อาร์มกำลังมีปัญหาอะไร แล้วแบบนี้พี่อาร์มจะไม่ให้มุกคิดมากได้ยังไงคะ”

ชิษวัศถอนหายใจออกยาว ไม่คาดคิดว่ามุกตาภาจะมีมุมที่ช่างคิดมากและขี้น้อยใจขนาดนี้ แต่ทั้งที่เขาก็ย้ำกับเธอไปแล้วว่าเฟลอร์เป็นเพียงแค่อดีตที่จบไปแล้ว ทำไมเธอถึงยังต้องระแวงและยังไม่ยอมเชื่อกันอย่างสนิทใจ

“หนูมุกไม่เชื่อใจพี่” เสียงทุ้มห้าวกล่าวอย่างตัดพ้อ

“มุกไม่ใช่ไม่เชื่อใจพี่อาร์ม” หญิงสาวรีบแก้ “แต่มุกไม่ไว้ใจพี่เฟลอร์” ก่อนจะให้เหตุผลประกอบเสริมซึ่งมุกตาภาก็พอรู้ว่าชิษวัศไม่ค่อยพอใจเท่าไรรักที่เธอกล่าวถึงทวิดาร์อย่างนั้น

“ถึงเฟลอร์จะเป็นแฟนเก่าแต่ตอนนี้เฟลอร์ก็เป็นเพื่อนพี่ หนูมุกไม่ควรพูดถึงเพื่อนของพี่อย่างนี้”

ถึงตรงนี้ดวงตากลมโตตวัดสายตามองร่างสูง “แล้วทำไมพี่อาร์มถึงห้ามมุกไม่ให้อยู่ใกล้คุณไบรอันได้ กลับกัน...พอมุกบอกว่าพี่เฟลอร์ไม่น่าไว้ใจบ้างทำไมมุกถึงพูดไม่ได้” หญิงสาวหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “บอกมาสิคะ...ว่าทำไมพี่อาร์มทำได้แล้วมุกถึงทำไม่ได้”

“เพราะนายไบรอันอะไรนั่นไม่น่าไว้ใจ” ชิษวัศตอบกลับมาทันที ผู้ชายด้วยกันทำไมจะมองกันไม่ออกว่าผู้ชายคนนั้นเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับมุกตาภาโดยเอาเรื่องงานเข้ามาอ้างนั้นมีสาเหตุอื่นแอบแฝงอยู่แน่ ไม่มีผิดไปได้!

“พี่เฟลอร์ก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนกัน”

“มุกตาภา!” ชิษวัศเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงต่ำ เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเรียกคนรักด้วยน้ำเสียงอย่างนี้ เพราะสำหรับผู้ชายอย่างชิษวัศ...แม้คนรักจะสำคัญ แต่มิตรภาพของความเป็นเพื่อนนั้นก็สำคัญไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

คนที่ถูกเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวผงะไปเล็กน้อย แม้จะพอรู้ว่าชิษวัศโมโหอย่างนี้เพราะอะไร แต่ทุกคำที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง แล้วทำไมจะต้องกลัวว่าเขาจะโกรธหรือไม่พอใจด้วย ดวงหน้ามนเชิดหน้าขึ้นนิดหนึ่ง รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆเอ่อขึ้นในดวงตาหากเจ้าตัวก็กระพริบตาเพื่อไล่ม่านน้ำตาที่กำลังก่อตัวนั่นให้หมดไป

“มุกพูดความจริง ทำไมพี่อาร์มจะต้องโกรธ”

“พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเฟลอร์ไม่ได้คิดอย่างนั้น ทำไมยังดื้อไม่ยอมฟัง”

‘เด็กดื้อ’ มองคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าตาขุ่น “แล้วถ้ามุกบอกว่าคุณไบรอันไม่ได้คิดกับมุกอย่างนั้นทำไมพี่อาร์มไม่ฟังบ้าง”

“มุกตาภา...” ชิษวัศเรียกชื่อคนรักช้าๆชัดๆ “มีเหตุผลหน่อยได้ไหม พี่มาหาหนูมุกไม่ได้เพราะต้องการจะมาทะเลาะนะ”

“พี่อาร์มหาว่ามุกไม่มีเหตุผลเอาแต่ชวนทะเลาะหรือคะ” คราวนี้หญิงสาวไม่อดทนกลั้นน้ำตาเอาไว้อีกแล้ว หยาดใสๆไหลรินออกจากดวงตาคู่สวย “มุกก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะกับพี่อาร์มซะหน่อย แต่ทำไมพี่อาร์มต้องทำให้มุกน้อยใจอยู่บ่อยๆอย่างนี้ด้วย ทำไมพี่อาร์มถึงไม่ยอมเชื่อมุกบ้างว่าพี่เฟลอร์ยังรักพี่อาร์มอยู่ ทำไมพี่อาร์มเชื่อคำพูดของพี่เฟลอร์แต่ไม่เชื่อในสิ่งที่มุกพูด ทำไม...”

ชิษวัศตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นร่างบางสะอื้นไห้จนตัวโยน ราวกับย้อนเวลาไปเมื่อครั้งเยาว์วัยยามที่หนูมุกตัวน้อยร้องไห้กระจองอแง ภาพในอดีตครั้งนั้นกับภาพที่เห็นอยู่ต่อนี้ไม่ได้แตกต่างกันเลย ชายหนุ่มเอื้อมมือหวังจะช่วยเช็ดน้ำตาที่ไหลรินหากมุกตาภากลับถอยหลังพร้อมกับเบี่ยงหน้าหลบ

“พี่อาร์มกลับไปก่อนเถอะค่ะ”

ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากบางราวกับค้อนเหล็กที่ทุบลงบนหัวใจของชิษวัศให้เจ็บปวด แม้จะเป็นคำพูดที่บอกเพียงว่าให้เขากลับไป ไม่ใช่บอกให้เขาออกไปจากชีวิตของเธอ แต่ทำไม...ทำไมตอนนี้เขาถึงมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้แตกต่างกันเลย

...มันเจ็บ...เหมือนๆกัน...

“หนูมุกต้องการอย่างนี้ใช่ไหม” น้ำเสียงและสายตาที่มองมา...ทำให้อีกคนที่ถูกมองรู้สึกเจ็บ...ไม่ต่างกัน

“ค่ะ” มุกตาภารับคำเสียงเบาๆ น้ำตายังคงไหลรินไม่ขาดสาย ถ้านี่คืออุปสรรคที่เธอและชิษวัศต้องเผชิญ อุปสรรคครั้งนี้ก็คงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอเสียน้ำตาไปมากเหลือเกิน

“ถ้าหนูมุกต้องการอย่างนั้น พี่ก็จะทำอย่างที่หนูมุกต้องการ” ร่างสูงอันคุ้นตาหันหลังให้โดยไม่แม้ที่หันมามองอีกครั้งก่อนที่จะก้าวขึ้นรถและขับจากไป

มุกตาภายืนมอง Lexus LS460L สีดำคันคุ้นตาที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆผ่านม่านน้ำตา แม้จะมองไม่ชัดนักแต่หญิงสาวก็รู้สึกและสัมผัสได้ว่าชิษวัศเองก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกันตอนนี้ถ้าการถอยห่างเพื่อเว้นช่องว่างระหว่างกันจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างดีขึ้นเธอก็พร้อมที่จะทำ แต่ถ้าทวิดาร์ยังคิดจะอยากเป็นมือที่สามมากกว่านี้ เธอก็จะไม่ยอมเช่นกัน เพราะหญิงสาวมั่นใจ...เธอมั่นใจว่าความรักที่เธอมีให้แก่ชิษวัศ...มันไม่ได้น้อยไปกว่าใครทั้งนั้น!

...ถึงมุกจะน้อยใจ แต่มุก...ก็ยังเชื่อใจ...และเชื่อมั่น...ว่าในสายตาของพี่อาร์ม จะมีแค่มุกคนเดียว...


-------------------------------------------------------------------------------------------

เขียนตอนนี้แล้วชอบหมูหวานมากกกกกก...เลยค่ะ จัดการคุณพี่พีนได้อยู่จริงๆ
ส่วนหนูมุก...ปอแก้วสงสารนางเอกของเรานะคะ มันอดน้อยใจไม่ได้จริงๆนะคะที่คนรักไม่ยอมเชื่อในคำพูดของตัวเองน่ะ เฮ้ออออ...

อาจจะหน่วงๆและหลายคนอาจจะรำคาญคุณพี่อาร์มของน้องหนูมุก...แต่อยากให้ช่วยอ่านกันไปจนจบนะคะ เพราะท้ายๆมันมีอะไรบางอย่างที่หลายคนอาจจะไม่รู้ก็ได้นา...

เรื่องของคู่แรกใกล้จะจบแล้วนะคะ ช่วยติดตามต่อกันจนจบด้วยน้าาาา ^/\^




ตอนเมนท์กันดีกว่าน้อออ...


คุณ ดาวคันชั่ง : แฮ่ๆ เห็นคุณดาวคันชั่งทวงเลยรีบลงให้อ่านค่า เห็นด้วยค่ะว่าทั้งคู่ควรจะพูดมากกว่านี้ พี่อาร์มก็คิดน้อยในเรื่องที่ควรคิดมาก เฮ้อ...แต่อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ อยู่เป็นกำลังให้ทั้งคู่กันก่อนนะคะ

คุณ violette : โปรยของคู่อื่นไว้เชิญชวนนักอ่านค่ะ เพราะคิดว่าหลายคนคงกำลังหงุดหงิดใจกับพี่อาร์ม อย่าเพิ่งรำคาญไปค่ะ มาเป็นกำลังใจให้กันก่อนน้าาาาา

คุณ anOO : ตอนนี้คงเริ่มรู้แล้วล่ะค่ะ แถมยังน้อยใจอีกต่างหาก (พี่อาร์มอ่ะนะคะ)

คุณ nunoi : ไม่ได้ดั่งใจเลยจริงๆค่ะ ฮือออ กลัวคนอ่านเบื่อพี่อาร์มจัง

คุณ หมูบูลิน : เขียนพี่อาร์มออกมาในลักษณะนี้เพราะผู้ชายอย่างนี้มีจริงๆค่ะ เฮ้อออออ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2555, 10:31:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2555, 10:40:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1777





<< เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 25   เขตพื้นที่ที่ 1 : ผลิดอก...ออกรัก : ตอนที่ 27 >>
roseolar 28 เม.ย. 2555, 11:58:00 น.
พี่อาร์มนี่มีลักษณะของผู้ชายร้อยละ 99% ครบเลย ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้หญิงตามเคย ส่วนหนูมุกถึงแม้จะฉลาด แต่กลับขี้น้อยใจจนทำให้คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ รักมากก็ต้องน้อยใจมากเป็นธรรมดา แถมพี่อาร์มยังออกโรงกางแขนปกป้องคนรักเก่าซะขนาดนั้น เป็นใครก็คงทนไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่จะกลับมาเข้าใจกันเร็ววัน ดูอย่างพี่อาร์ทกับหมูหวานซิ มาทีหลังแต่ทำคะแนนนำไปก่อนแล้วน้าาาา~


nunoi 28 เม.ย. 2555, 11:59:18 น.
สงสารหนูมุกจัง พี่อาร์มไม่เชื่อคำพูดหนูมุกแล้วจะเสียใจนะ


tutas 28 เม.ย. 2555, 16:23:32 น.
อ่านตอนที่แล้วๆ ลืมคอมเมนท์ ฮ่าๆๆๆ
แต่ตอนนี้เศร้าแทนหนูมุกจังค่ะ T^T ตอนนี้เลยเชียร์พี่อาร์ทเต็มที่เลยค่ะ


anOO 28 เม.ย. 2555, 18:05:29 น.
อ่านตอนนี้แล้ว มีตัวละครเพิ่มมาอีกตั้งหลายเรื่อง
ไม่รู้ที่มุกพูดๆ ไป พี่อาร์มจะเข้าใจบ้างรึป่าวนะ


ดาวคันชั่ง 28 เม.ย. 2555, 19:17:13 น.
ตอนนี้หงุดหงิดพี่อาร์มมากกว่าตอนที่แล้วอีก
เข้าใจความรู้สึกหนูมุกและสงสารมาก


violette 28 เม.ย. 2555, 22:35:31 น.
เอ้อ อิตาพี่อาร์มก็ตอบได้แค่ว่าไบรอันไม่น่าไว้ใจ ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากกว่าหนูมุกเล้ยยยย ฮ่วย
น่าสงสารมุกจัง หมูหวานมาดูแลเพื่อนหน่อยเร้ววว


หมูบูลิน 29 เม.ย. 2555, 00:30:57 น.
พี่อาร์มไม่ได้ดั่งใจเลยจิงๆๆ หงุดหงิดๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account