บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงมาร ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 ของบ่วงมารมาแล้วค่ะ
เป็นการเขียนดราม่าเรื่องแรกที่พาเครียดตั้งแต่ต้นเรื่อง
เรื่องนี้ตั้งใจเขียนให้สะท้อนแง่มุมของความรักค่ะ ทุกคนในนวนิยายรื่องนี้ล้วนถูกบ่วงรักร้อยรัดไว้ เป็นบ่วงรักที่อาจจะกลายเป็นบ่วงมารได้เพียงแค่เราเผลอพลาดไป
ถ้ายังไงแนะนำติชมกันได้นะคะ ยินดีน้อมรับเสมอค่ะ ^^

-----------------------------------------------
คุณหมูอ้วน -- ตรีประดับน่าสงสารค่ะ แต่คนสวยจะอาภัพหรือเปล่าต้องขอฝากให้ช่วยติดตามค่ะ แฮ่ๆ
คุณเวียงแก้ว -- เตรียมใจว่าตรีประดับจะดราม่าขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ช่วยติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
คุณปอแก้ว -- กรุณาติดตามสาเหตุทุกตอนด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากๆ เลยค่ะ ^^

-----------------------------------------------
ตอนที่ 2

“ ด่าคุณสองก็เหมือนด่าให้ตอไม้ฟัง มิ่งไม่เอาด้วยหรอกค่ะ น้ำลายมิ่งมีค่าไม่ใช่สักแต่พ่นๆ แต่ยังไงวันนี้มิ่งต้องขอบคุณนะคะ เสนอหน้ามาให้มิ่งด่าแต่เช้า ทำเอาหายไข้เลย ”

ไม่รอให้โต้ตอบ มิ่งโมรีก้าวออกจากห้องทันที นวลอนงค์มองลูกสาวที่ยืนอึ้ง ก้มตัวลงกอบเรียงเศษแก้วไว้ในมือ เหมือนหมดเรื่องหมดราวแค่นั้น แล้วให้นึกโมโหจับใจ ความโกรธทำให้นางตวาดสั่งตรีประดับเสียงดังลั่น

“ หยุดเลยนะยัยสอง ! ไม่ต้องไปเก็บ รู้ไหม ? หน้าที่ของแกในบ้านนี้แทบไม่ต่างอะไรกับคนใช้อยู่แล้ว ”

นวลอนงค์ฉุดแขนบอบบางของลูกสาวให้ลุกขึ้น หากตรีประดับฝืนตัวไว้ สะบัดมือหนีจากมารดา ร่างระหงเดินเหมือนถูกลาก ดึงตะกร้าใส่เศษผงมาตั้งวาง เก็บเศษแก้วชิ้นใหญ่ใส่ลงไปก่อน ท่าทางอดทนของคนอ่อนวัยกว่า ทำเอาคนเป็นแม่ยิ่งเดือดดาล

“ อกจะแตกตาย แกคิดอะไรของแก ปล่อยให้มันด่าข้ามหัวเราไม่พอ ยังปล่อยให้มันเหยียบซ้ำ แกเป็นพี่นะ สิทธิ์แกมีเต็มที่ทำไมไม่ใช้ ”

“ มิ่งเพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้ไม่เท่าไหร่ คุณแม่ควรให้เวลามิ่งปรับตัวนะคะ ครอบครัว…คำนี้สำหรับมิ่งควรเป็นอะไรที่พร้อมหน้า ไม่ใช่ขาดหรือเกินอย่างที่เห็น ”

ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วตั้งแต่ผู้เป็นบิดาแสดงฐานะที่แท้จริงของมิ่งโมรีให้ทุกคนในกุลชาติรู้ ชีวิตของมิ่งโมรีเป็นของอรรถ และเมื่อตรีประดับพยายามไขว่คว้ายึดเหนี่ยวสายสัมพันธ์ของตนไว้บ้าง สิ่งตอบแทนที่ได้กลับเป็นความเหินห่างที่เพิ่มมากขึ้น ทุกวันของหญิงสาวผ่านไปเหมือนฟ้ายามไร้แสงตะวันอยู่นานหลายปี จวบจนกระทั่ง ตรีประดับเกือบตัดใจไปแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่มีข่าวว่ามิ่งโมรีจะกลับมา

“ หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่กับผู้ชายตั้งนมนาน จู่ๆ จะกลับมาอยู่บ้าน มันประสาทอะไรของมัน แกรู้อะไรมาบ้างหรือเปล่ายัยสอง ”

“ สองไม่รู้เลยค่ะ ”

ตรีประดับตอบตามตรง หญิงสาวแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมิ่งโมรีเลย ข่าวคราวล่าสุดที่ได้ยินได้ฟัง ก็ล้วนมาจากคนอื่นแทบทั้งสิ้น มิ่งโมรีกับชายหนุ่มที่ชื่อ อบ ความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่พาคนอ่อนวัยกว่าเตลิดหายออกจากบ้าน หญิงสาวเคยแวะไปมหาวิทยาลัยที่มิ่งโมรีประกาศว่าศึกษาอยู่ เพื่อ ‘ ตาม ’ อีกฝ่ายกลับ แต่กลับไม่พบแม้สถานภาพนักศึกษาใดๆๆที่บ่งบอกว่ามิ่งโมรีเคยใช้ชีวิตกินเรียนอยู่ที่นี่ คนอ่อนวัยกว่าอันตรธานหายไปพร้อมๆ กับความเข้าใจของผู้เป็นมารดาที่ว่า อีกฝ่ายกำลังตบตาอรรถ ลูกสาวสุดที่รัก...ได้ดั่งใจไปหมดทุกอย่าง แท้จริงแล้วกลับแล่นหนีไปอยู่กินกับผู้ชายวัยเดียวกันบนเงินทองที่คนเป็นพ่อส่งเสียให้ ตรีประดับรับฟังคำก่นด่าลับหลังของมารดาแล้วไม่อยากให้เรื่องราวบานปลาย เลยได้แต่เก็บเรื่องที่รู้ไว้ไม่บอกใครแม้แต่กับอรรถเอง

“ ฉันอยากให้พ่อแกฟื้นขึ้นมาดูลูกสาวสุดโปรดของตัวเองจริงๆ ว่ามันเหลวแหลกไปถึงไหนแล้ว ขนาดแกเป็นพี่ยังถูกทำเหมือนเป็นขยะในบ้าน ”

คนถูกเปรียบเหมือนขยะในบ้านเม้มริมฝีปากแน่น จากหางตาเห็นแล้วล่ะว่า ประณีตที่หายลงไปหยิบเครื่องมือเช็ดถูผลุบโผล่ไม่กล้าเข้ามา เด็กสาวผู้เป็นลูกมือของนางละอองแม่บ้านเก่าแก่ ทำงานได้ไม่ถึงครึ่งปีกลับต้องเจอสภาพบ้านที่เหมือนสนามรบไม่เว้นแต่ละวัน คงขยาดที่จะยุ่งเกี่ยวกับมิ่งโมรีไปอีกนาน

“ ถ้าไม่มีมันสักคนแผ่นดินบ้านเราคงสูงขึ้น ”

ตั้งแต่มิ่งโมรีก้าวเข้ามา บ้านทั้งหลังก็ลุกร้อนเป็นไฟ หาความสุขสงบไม่ได้เลยสักนิด ครั้นเหลียวมองคนใกล้ตัว ลูกสองคนที่นางคิดว่าเลี้ยงดูมาอย่างดีจนต้องเข้าข้างแม่ กลับผลัดกันเป็นลูกไม้ไกลต้น ตรีนนท์ ลูกชายคนโตที่นางหวังพึ่งพา แทนที่จะเห็นใจในชะตากรรมแม่และน้องที่ต้องตกที่นั่งลำบาก หากทุกครั้งที่กลับจากต่างประเทศ ชายหนุ่มกลับทำตัวติดมิ่งโมรีแจ ไปไหนไปด้วย ให้คนเป็นแม่คอยมองอย่างแสลงใจ ครั้นคิดฝากผีฝากไข้ไว้กับตรีปะดับ ความนุ่มนวลที่เคยมองว่าอ่อนโยนกลับกลายเป็นความอ่อนแอไร้ประโยชน์ที่หยิบจับมาใช้อะไรไม่ได้ นับวัน...มิ่งโมรียิ่งย่ามใจรังแก แม้แต่พินัยกรรมที่ต้องเปิด มิ่งโมรีก็ยังก้าวเข้ามาเป็นก้างขวางคอ อยู่ตำตาตำใจตำใจ คอยถอนหงอกหล่อนเล่นทุกเช้าเย็น !

“ มิ่งเป็นคนใจแข็งค่ะแม่ ลงว่าไม่ชอบอะไรแล้วล่ะก็...คงจะไม่ชอบอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ก็เห็นนี่คะ แค่เรียกสองว่าพี่ มิ่งยังไม่ยอมเรียก นามสกุล กุลชาติ ถ้าคุณพ่อไม่บังคับให้เรากลับไปใช้นามสกุลเดิม มิ่งก็คงไม่ยอมใช้ ”

“ ถึงมันไม่เปลี่ยนนามสกุล ฉันก็ต้องลากแกลากพี่แกกลับไปใช้นามสกุลเดิมของฉันอยู่ดี ฉันไม่มีวันนับรวมตระกูลกับนังเด็กข้างถนนพรรค์นั้นแน่ จำไว้นะยัยสอง แกต้องช่วยฉันระวังตาหนึ่งให้มากๆ ดีไม่ดีมันจะได้คว้าเอาน้องนอกไส้มาทำเมีย ”

“ แม่คะ ! ”

“ ก็หรือไม่จริง ในบ้านนี้มันจิกหัวเรียกทุกคน ยกเว้นตาหนึ่ง แกระวังไว้ให้ดีเถอะ จะได้อีเด็กบ้านั่นเป็นพี่สะใภ้ ”

ดวงหน้าหวานของตรีประดับเป็นสีเข้ม หญิงสาวไม่อยากฟังมารดาเอ่ยถึงพี่ชายด้วยความรู้สึกเช่นนี้ แม้จะเป็นเรื่องที่รู้ดีแก่ใจว่ามิ่งโมรีเรียกตรีนนท์ทุกคำว่า ‘ พี่ ’ แตกต่างจากหล่อนก็ตาม

“ พอเถอะค่ะแม่ เรื่องอย่างนี้สองไม่เห็นว่าควรพูดเลย พี่หนึ่งกับมิ่งก็คนในครอบครัวเดียวกัน รู้ถึงไหนเราอายถึงนั่น ”

“ โอ๊ย ! ยัยสอง นอกจากเลี้ยงมันเสียข้าวสุกแล้ว ฉันยังเลี้ยงแกเสียข้าวสุกด้วยอีกเหรอเนี่ย บอกให้แกตบตีมันได้เต็มที่แกก็ไม่ทำ แล้วยังมาเรื่องนี้อีก โต้มันกลับคืนบ้างซี่ แกเป็นลูกฉันนะ งอมืองอเท้าอย่างนี้ฉันเอาขี้เถ้ายัดปากแกเสียตั้งแต่เด็กก็ดีหรอก ”

ตรีประดับถอนหายใจ รู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้นวลอนงค์คงไม่ฟังทั้งนั้น หญิงสาวสูดลมหายใจยาว ลุกขึ้นกอดเอวมารดาไว้ แม้ความทุกข์จะถาโถมบั่นทอนจิตใจ หากแรงฮึดที่มีมากกว่าทำให้ผู้เป็นมารดาไม่ยอมจ่อมจมอยู่กับอดีต นางดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี คงความงามของวัยไว้อย่างเตรียมพร้อม รอเวลาปลดปล่อยตัวเองจากบ่วงรัดที่อรรถพันผูกไว้ ตรีประดับที่อยู่ใกล้ เลยเรียนรู้สิ่งที่คนเป็นแม่กำลังสอนผ่านความอดทนอย่างชื่นชม

“ แกเป็นลูกพ่อคนหนึ่งนะตรีประดับ ลูกแท้ๆ ไม่ใช่เด็กนอกไส้เหมือนมัน ”

น้ำเสียงที่เอ่ยย้ำเบาลง มือเรียวลูบไล้แขนบางอ่อนโยน นวลอนงค์โอบกอดร่างระหงของลูกสาวที่ชื้นเพราะฝีมือมิ่งโมรีด้วยความรู้สึกเวทนา แม้จะขัดใจในสิ่งที่ตรีประดับทำ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อถึงจุดตกต่ำที่สุดแล้ว มีแค่ลูกสาวเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้าง ตรีนนท์นั้นหรือ…อย่าว่าแต่จะเข้าใจความผิดหวังของคนเป็นแม่เลย ชายหนุ่มแทบไม่พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ

“ แม่คะ มิ่งก็เป็นลูกคุณพ่อเหมือนกันนะคะ ”

หญิงสาวเอ่ยเสียงอ่อน ประคองผู้เป็นมารดาหลบเด็กสาวที่ตัดสินใจเดินตัวลีบมาในห้องพาแยกลงไปด้านล่าง ดวงหน้าหวานเครียดขรึมอย่างใช้ความคิด จนเกือบไม่ได้ยินเสียงนวลอนงค์บ่นด้วยซ้ำ

“ ฉันเกือบจะทนไม่ไหวแล้วนะ ไม่ใช่แค่หัวหลักหัวตอ แต่มันมองเราเหมือนขี้ข้า แกทนได้แต่ฉันทนไม่ได้ ”

“ มิ่งก็แค่ติดนิสัยเด็กๆ ”

“ เด็กนรกน่ะสิ นี่ถ้างมงายหน่อย ฉันคงเชื่อว่ามันทำยาเสน่ห์ใส่พ่อแกแน่ๆ ตาหนึ่งอีกคน เห็นดีเห็นงามไปรับเอานังลูกเสือละตะเข้มาเลี้ยง ”

ตรีประดับเหลียวมองรอบตัว โถงชั้นล่างของบ้านหลังใหญ่ในตอนเช้าไม่มีใครอยู่ มิ่งโมรีคงออกไปเดินเล่นยังสวนด้านหลัง คนอ่อนวัยกว่ามักขลุกอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ส่วนคนอื่นๆ นั้น อย่างคุณแม่บ้าน และคนสวนหนุ่มที่มิ่งโมรีเพิ่งรับเข้ามาพร้อมกับประณีต คงแยกย้ายทำหน้าที่ของตน บ้านทั้งหลังเลยค่อนข้างเงียบ หญิงสาวจูงมารดาเดินผ่านห้องรับแขกเดินทะลุสู่ทางออกด้านหลังไปยังเรือนหลังเล็กที่อรรถสร้างแยกไว้ต่างหาก เพื่อให้หล่อนและมารดาพักอาศัยแทนที่จะอยู่รกตารกใจมิ่งโมรีในบ้านหลังใหญ่

“ ถ้าพ่อแกไม่เจ็บหนัก นอนเป็นผักอยู่ในห้อง มันคงไม่เอาเราสองแม่ลูกไว้แน่ ว้าย ! ”

ตรีประดับเกือบหวีดร้องตามมารดา เมื่อจู่ๆ ร่างสูงในชุดเสื้อผ้าสีทึม หนวดเครารกรุงรังเห็นแค่แววตาแจ่มใสก็โผล่พรวดออกมา อุดรน้อมตัวลงนั่ง หลบสายตาลงต่ำ ขณะที่นวลอนงค์ดึงกิ่งไม้แถวนั้นปาใส่คนสวนหนุ่มเต็มแรงด้วยความโกรธ

“ ไอ้บ้า ! โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ”

“ ขอโทษครับ ”

“ ขอโทษ แล้วฉันหายตกใจไหมล่ะ ”

“ ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณผู้หญิง ”

คนที่ได้แต่ปัดป้องยกมือท่วมหัว ตรีประดับที่ไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายเลยตัดปัญหาทั้งหมดด้วยการออกปากไล่คนสวนหนุ่ม ส่วนตัวหล่อนจูงมือมารดาเลี่ยงออกมา ปลอบอย่างใจเย็นว่า

“ นายอุ่นขอโทษแล้วก็แล้วกันเถอะค่ะแม่ ”

“ รับมันเข้ามาได้ยังไง หน้าตายังกับมหาโจร ประวัติอะไรก็ไม่มีมาสักใบ ”

“ มิ่งบอกว่าถูกชะตาน่ะค่ะ เห็นเด็กนิดว่าสนิทกันดีด้วยนะคะ มิ่งชอบใช้ให้พาไปนู่นมานี่บ่อยๆ ”

“ ไปโรงแรมกันน่ะสิ ” พูดไปแล้ว นวลอนงค์ก็นึกขึ้นได้ เสริมต่อด้วยน้ำเสียงหยันลึกว่า “ นังเด็กนั่นคงเรียกหาทั้งวันทั้งคืน หุ่นมันดีนี่นะ คงจะปรนเปรอกันได้อยู่ล่ะ ”

“ แม่คะ มิ่งไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ คุณพ่อรักและตั้งความหวังไว้กับมิ่งมาก สองเชื่อว่าน้องคงไม่คิดทำตัวไม่ดีแน่ ”

“ ไฮ้...ยัยสองนะยัยสอง เมื่อไหร่จะเลิกเป็นคนหัวอ่อนแบบนี้สักที พ่อแกน่ะเคยรักแกหรือเปล่า มีแต่จะเหยียบย่ำให้ช้ำใจ ฟ้องอะไรไปเคยฟังไหม ? ไม่ใช่ไหม แล้วทำไมถึงปกป้องกันอยู่ได้ นี่ฉันไม่ขุดโคตรเหง้าพ่อแกขึ้นมาด่าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดึงกุลชาติให้ล่มจมยังไม่พอ ยังฉุดลูกสาวในไส้ให้กลายเป็นขี้ข้านังเด็กนั่นอีก เราป่นปี้เพราะใคร ตรองดูให้ดีนะยัยสอง ”

“ คุณแม่ก็ทราบ ” ตรีประดับพยายามพูด สองมือบีบเกร็งเมื่อถูกมารดาจี้ใจดำ “ คุณพ่ออยากให้เราดูแลมิ่ง อีกอย่างสองไม่ได้ยอมน้องนะคะ แต่เราจำเป็นต้องมีมิ่งไว้ ”

“ มีมันไว้ให้คอยถอนหงอกน่ะสิ ”

นวลอนงค์กระแทกเสียงตอบ ผลักประตูบานเล็กให้เปิดออก เรือนหลังเล็กล้อมรอบด้วยกอกุหลาบที่เกี่ยวกันเป็นซุ้มใหญ่ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ตัวบ้านสองชั้นทาสีไข่นวลตา พาดด้วยไม้ระแนงมีเถากุหลาบเกี่ยวซ้อน ด้านหน้าตกแต่งด้วยเครื่องเรือนส่งตรงจากต่างประเทศ นวลอนงค์เรียกร้องค่าชดใช้ในการกลับไปใช้ ‘ นามสกุลเดิม ’ ด้วยมูลค่าของบ้านหลังใหม่ แม้จะอยู่ลึกเข้าไปในสวนด้านหลัง หากข้าวของ เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนนำเข้าจากต่างประเทศ แตกต่างจากบ้านหลังใหญ่ที่ข้าวของภายในยังคงเดิม ชิ้นเดิม อันล้วนได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของหล่อนและอรรถ เป็นสมบัติที่กำลังจะตกทอดสู่มิ่งโมรี เป็นหนามแหลมที่คอยทิ่มตาแทงใจทุกครั้งยามมองเห็น !

“ ฮึ ! ยังดี ที่ไม่ปล่อยให้อดตาย ”

คนพูดก้าวมาถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งถูกตั้งเตรียมอย่างตรงเวลา ข้าวต้มทรงเครื่องใส่ใบเตยโชยควันขาว ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ข้างกันนั้นมีเครื่องเคียงซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดที่นวลอนงค์ชื่นชอบจัดใส่จานแบ่งเป็นช่องแยกไว้เสร็จสรรพ นอกจากอาหารเช้าแล้ว ยังมีกระเช้าผลไม้ที่นางสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานจัดเป็นของฝากวางพร้อม การดูแลปรนนิบัติที่เทียมเท่า แม้จะถูกลดหลั่นความสำคัญลง กลายเป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่ให้ความพอใจกับนวลอนงค์ ศักดิ์และสิทธิ์ที่คิดว่าไม่มีเหลือกลับยังดำรงอยู่ อารมณ์ที่ขุ่นมัวตลอดเวลาที่เดินกลับมายังเรือนหลังเล็กเลยดีขึ้นตามลำดับ ประโยคต่อมานวลอนงค์เลยใจดีพอที่จะเอ่ยบอกลูกสาวคนเดียวว่า

“ เอาเถอะ นอกจากบอกให้แม่ยอมก้มหัวให้มันแล้ว เราคงพูดเรื่องอื่นไม่เป็น รีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมากินข้าวกับแม่ มีอ่านข่าวช่วงเช้าไม่ใช่เหรอ ”

ตรีประดับก้มลงกอดมารดาแน่น จูบแก้มซ้ายขวาอย่างประจบ ก่อนผละขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

จากนักข่าวลงพื้นที่คอยเก็บข่าวตามหน้าสังคม ขยับขึ้นสู่การเป็นผู้ประกาศข่าวช่วงเช้า งานที่กว่าจะได้มาตรีประดับต้องต่อสู้ฟันฝ่าเลือดตาแทบกระเด็น สูญเสียหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเพื่อแลกกับการให้ผู้เป็นมารดาได้ภาคภูมิใจว่าหล่อนสามารถเชิดหน้าชูตาให้ครอบครัวที่รักได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งพิง นามสกุลเก่าแก่อย่างกุลชาติ เพราะในขณะที่มิ่งโมรีจับค้างอ้างแรมกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ตรีประดับกลับมุ่งมั่นมีจุดหมาย และเพียงแค่ลงมือพยายาม ทุกๆ อย่างที่ต้องการก็สามารถได้มาไว้ในกำมือ ไม่เว้นเรื่องใด !

หญิงสาวลงมือแต่งหน้าบางๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีสันสดใส สถานีโทรทัศน์หลายแห่งมักมีช่างแต่งหน้าทำผมหรือแม้แต่ฝ่ายเสื้อผ้าคอยดูแลเครื่องแต่งกายให้ผู้ประกาศประจำไว้อยู่แล้ว หญิงสาวเลยใช้เวลาไม่นานในการเตรียมตัว เมื่อลงมาอีกทีตรีประดับเลยพบประณีต เด็กสาวที่ตามหล่อนไปยังห้องมิ่งโมรีนั่งคอยอยู่ ในมือมีกล่องปฐมพยาบาลวางพาดตัก เมื่อเห็นหล่อน เด็กสาวก็ยิ้มกว้าง

“ เด็กนิดมารอเราแน่ะ ” นวลอนงค์วางช้อนลง ข้าวต้มในชามแก้วเนื้อบางพร่องไปนิดเดียว “ บอกให้ทิ้งของไว้ แม่จะทำแผลให้เราเองก็ไม่ยอม จะอยู่คอยให้ได้ ”

ท้ายประโยค นวลอนงค์มองเด็กสาวที่ตามเข้ามาอย่างหมั่นไส้

“ หนูเห็นคุณสองเก็บเศษแก้วมือเปล่า เลยกลัวว่าจะถูกแก้วบาด ”

คนมารอบอกเขินๆ ตรีประดับยิ้มให้เด็กสาว นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับมารดา ขณะที่นวลอนงค์วางผ้าเช็ดปาก ลุกขึ้นอย่างหมดธุระเช่นกัน

“ วันนี้คุณแม่ก็มีนัดอีกหรือคะ ? ”

“ ใช่ ” ตรีประดับมองมารดาแล้วนิ่งไปนิด คนถูกดักคอเลยถอนหายใจเบื่อหน่าย “ อย่ามองแม่อย่างนั้นยัยสอง แม่ไม่ใช่นักโทษของเรานะ จะไปไหนทำอะไรถึงต้องรายงาน เราเองก็เถอะ รีบๆ ทำแผลซะ เด็กมันจะได้ไปทำอย่างอื่น ”

ประโยคสุดท้ายเตือนให้รู้ว่าตรีประดับไม่ได้อยู่ตามลำพัง หญิงสาวเลยหันมาใส่ใจกับเด็กสาวที่นั่งคอยอย่างอดทน มองดูกล่องปฐมพยาบาลแล้วถามว่า

“ คุณมิ่งสั่งมาหรือจ๊ะ ? ”

“ เปล่าค่ะ หนูมาเอง ”

“ งั้นเหรอ ” ตรีประดับพึมพำกับตัวเอง ก่อนรำพึงกับเด็กสาวที่แต้มยาลงตามรอยบาดจางๆ ที่เข้าใจว่าเป็นแผลอันเกิดจากเศษแก้ว “ ฉันคงเป็นพี่ที่แย่มากเลยใช่ไหม ? ”

“ ไม่เลยค่ะ ไม่เลย คุณสองเป็นพี่สาวที่ดีมากต่างหาก ถ้าเป็นหนูนะคะ มีน้องมีนุ่งอย่างนี้จับตีก้นลายไปแล้ว ”

คำพูดปลอบจริงจัง ดวงตาแสนซื่อแกมเห็นใจของประณีต ทำเอาคนฟังยิ้มออกมาได้ เด็กสาวที่ทำงานก่อนอุดรแค่ไม่กี่เดือนเก็บความสงสัยไว้มิดชิด เด็กสาวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมิ่งโมรีถึงได้เดียดฉันท์ตรีประดับนักหนา ถ้าเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกที่เกิดจากมารดาเลี้ยงซึ่งอรรถเลือกที่จดทะเบียนสมรสด้วยแล้ว ตรีนนท์ที่อยู่ในต่างประเทศ ในฐานะลูกชายคนแรกก็สมควรถูกมิ่งโมรีตอบกลับด้วยความชิงชังเช่นกัน หากเท่าที่เห็น ตรีประดับกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยไม่โต้ตอบ ถึงจะมีนวลอนงค์คอยปกป้องแต่ก็ยังไม่รอดพ้นอยู่ดี

“ ตลกดีนะ เราเป็นพี่น้องกัน ” ตรีประดับสบตาเด็กสาวอ่อนโยน “ แต่เหมือนเราไม่เคยรักกันเลย ”

“ คุณมิ่งไม่รักคุณสองคนเดียวมากกว่ามั้งคะ ” หลุดปากออกไปแล้วประณีตถึงได้รู้ว่าไม่ควร เด็กสาวขอโทษคนนั่งอยู่ตะกุกตะกัก หากตรีประดับไม่ถือสา

“ ขอบใจที่อุตส่าห์ปลอบนะจ๊ะ ” หญิงสาวว่ามองดูมือที่ถูกแต้มยา สีหน้าหมองลง “ ฉันคงไม่เหมาะจะเป็นพี่สาวมิ่งจริงๆ นั่นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะพยายาม ต่อให้มิ่งไม่รัก ฉันก็จะพยายาม ”

“ คุณสองอย่าคิดมากเลยค่ะ ใครไม่รักคุณสองหนูรักเองก็ได้ ”

ประณีตเอ่ยจริงจัง ท่าทางของเด็กสาวไปหมด ตรีประดับเลยหัวเราะร่วน เอ่ยเสียงหวานว่า

“ ขอบใจนะจ๊ะนิด ”

“ มีอะไรให้หนูช่วยบอกได้เลยนะคะ หนูจะทำเต็มที่ ”

“ งั้นช่วยตั้งโต๊ะทีได้ไหม หิวแล้วล่ะ ”

หญิงสาวตบมือลงบนหน้าท้อง ประณีตยิ้มรับ กุลีกุจอจัดแจงปรนนิบัติในสิ่งที่ตรีประดับต้องการ และเมื่อนวลอนงค์แต่งตัวเสร็จลงมา เด็กสาวก็ยังไม่ไปไหน คอยดูแลรับใช้จนนวลอนงค์ต้องกระซิบถาม

“ หลงเสน่ห์เราอีกคนแล้วล่ะสิ ”

นวลอนงค์มองตามร่างเล็กที่หายเข้าไปหลังครัว น้อยครั้งที่จะมีใครมาอยู่คอยให้คนในเรือนหลังเล็กเรียกใช้ แม้จะไม่มีคำสั่งห้าม แต่เด็กรับใช้ส่วนใหญ่ที่รับเข้ามามักเลือกประจบ ‘ นาย ’ ที่ตนมองเห็นถึงว่าอำนาจ ดังนั้น ไม่ว่าจะผลัดเปลี่ยนคนทำงานกี่รอบ เรือนหลังเล็กจึงมักได้รับการเอาใจใส่แค่เท่าที่ได้รับคำสั่งมา เหลือบ่ากว่านั้นแล้วแต่คนทำงานจะพิจารณากันเอง

“ เด็กนิดรักเราค่ะแม่ ”

เสียงหวานเจือรอยหัวเราะ ดวงตาเป็นประกายวับวาว คนฟังอยู่ขมวดคิ้วมุ่น แต่แล้วก็เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย

“ ดี...แกต้องใช้เสน่ห์มัดใจคนในบ้านนี้ไว้ให้มากๆ ใยอะไรก็ไม่เหนียวแน่นเท่าใยรัก ตกที่นั่งลำบากขึ้นมา เราจะได้มีคนช่วย ”

พูดจบ นวลอนงค์ก็เอื้อมตัวหยิบตะกร้าผลไม้ หมดความสนใจในเรื่องที่คุยทันที ตรีประดับรีบวางแก้วกาแฟมองปราดไปยังแขนที่คล้องตะกร้าผลไม้ถามอย่างแปลกใจว่า

“ นั่นอะไรคะแม่ ”

“ อะไรน่ะอะไร อ้อ...นี่น่ะเหรอ ” นวลอนงค์มองตามสายตา ก่อนกระเป๋าหนังยี่ห้อดังสีชมพูเข้มที่เพิ่งได้มาใหม่ขึ้นอวด “ กระเป๋าไง แม่ซื้อมาใหม่ สวยไหมล่ะ ? ”

“ ซื้อใหม่ ? จากเงินกองกลางหรือคะ ”

“ ใช่ ไอ้ทนายขี้เหนียวนั่นตอนแรกก็ไม่ยอมให้เบิกหรอกนะ แม่ต้องพูดขู่ไปตั้งหลายคำ สุดท้ายก็ยอม ”

นวลอนงค์พูดถึงชายกลางคนที่เข้ามาช่วยดูแลมรดกและเงินกองกลางที่อรรถทำพินัยกรรมไว้แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผยด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยว กว่าจะได้กระเป๋าใบใหม่นางต้องข่มใจโทรศัพท์ไปคุยกับอีกฝ่ายอยู่หลายวัน อ้างสารพัดกว่าจะได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย

“ มิ่งรู้หรือเปล่าคะ ? ”

“ ทำไมต้องบอกให้มันรู้ ” นวลอนงค์ชักสีหน้าใส่ลูกสาวอย่างรำคาญ “ เงินเราทั้งนั้นนะยัยสอง แล้วแม่ไปพบท่านเจ้าสัวทั้งที ก็ควรต้องดูดีหน่อยสิ ”

“ ท่านเจ้าสัว ? ”

ปลายประโยค น้ำเสียงตรีประดับเข้มขึ้น จนผู้เป็นมารดาต้องเดินกลับมาปลอบ นางเหลือบมองประณีตที่กลับเข้ามา ออกปากไล่เด็กสาวให้ออกไปจากห้องไป

“ ฟังแม่นะสอง จำที่แม่เล่าให้ฟังได้ไหม เมื่ออาทิตย์ก่อนที่แม่ไปบ้านคุณผกา บังเอิ๊นบังเอิญคุณผกากำลังจะไปเยี่ยมคนป่วยแล้วไม่อยากทิ้งแม่ไว้คนเดียว เลยชวนแม่ไปด้วย แม่ก็เลยมีโอกาสได้พบท่านเจ้าสัวเข้า คนแก่น่ะลูก นอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลคนเดียว ไม่มีใครเหลียวแล หนำซ้ำ ตอนนี้ท่านก็กำลังกังวลเรื่อง คุณเทียน หลานชายที่ท่านส่งไปเรียนเมืองนอก แต่เรียนจบนานแล้วก็ยังไม่ยอมกลับมา คุณผกาบอกว่าปู่กับหลานมีเรื่องหมางใจกันอยู่ แล้วคนป่วยนะลูกเวลาคิดถึงก็คิดถึงอย่างที่สุด แม่เห็นแล้วสงสาร ก็เลยพยายามเป็นเพื่อนคุยด้วย รู้ไหม ? ทั้งที่ท่านมีกิจการส่งออกตั้งมากมาย แต่กลับทำตัวติดดินอย่างน่าประหลาด แถมยังมีอารมณ์ขัน หยอกคนนั้น อำคนนี้ ”

นวลอนงค์เล่าอย่างปลาบปลื้ม ก่อนหันมามองลูกสาวด้วยแววตาพินิจ

“ สองของแม่ เหมือนดอกไม้แรกแย้ม สวย สง่า งดงาม นี่แน่ะ... ถ้าเกิดลูกอาสาจะช่วยตามหาคุณเทียนมาให้ท่าน...เราก็อาจจะได้เกี่ยวดองกัน ”

“ แม่คะ ” ตรีประดับเรียกมารดาอย่างอดทน ไม่ต้องฟังจนจบหญิงสาวก็มองเห็นอนาคตข้างหน้าของตนทันที “ เจ้าสัวธนา ที่แม่พูดถึง คือเจ้าสัวธนา ลิ้มพิธา ใช่ไหมคะ ? ”

“ ใช่ เอ๊ะ...รู้ได้ยังไง ”

“ สองว่าแม่เลิกคิดถึงเรื่องนี้เถอะค่ะ ”

“ ยัยสอง ! ” นวลอนงค์เรียกตรีประดับเสียงสูง ขุ่นมัวในอารมณ์ขึ้นมาทันที “ นี่แกจะมีปัญหาอะไรกับท่านเจ้าสัวนักหนาฮะ อยู่เฉยๆ แล้วทำตามที่ฉันบอกก็จบเรื่องแล้ว ”

“ งั้นแม่คงยังไม่รู้ว่าเจ้าสัวธนากำลังจะล้มละลาย ที่อยากเรียกหลานชายกลับมาก็คงเพราะอยากให้มาทำงานใช้หนี้แทนมากกว่า รู้อย่างนี้แล้ว แม่ยังจะส่งสองไปให้ทางนั้นอีกหรือคะ ”

“ ข้ออ้างแกล่ะสิ ” นวลอนงค์สวนกลับลูกสาวทันควัน ดวงหน้าหวานฉาบเครื่องสำอางนวลเนียนบึ้งตึง “ อย่ามาทำเป็นแข็งข้อกับฉันนะยัยสอง ฉันไม่ชอบ ”

“ สองทำอาชีพอะไรแม่น่าจะรู้นะคะ ” ตรีประดับว่าอย่างอ่อนใจ “ ข่าวที่คนอื่นรู้ทีหลัง สองรู้มาก่อนหน้าแล้วทั้งนั้น ”

นวลอนงค์ชะงัก ไม่ทันคิดว่าตรีประดับทำงานอยู่ในแวดวงที่ข่าวสารคือข้อมูลสำคัญ เมื่อโต้ตอบไม่ได้ นางเลยได้แต่ฮึดฮัด จนตรีประดับต้องคว้ามือมากุมไว้ เสียงที่เอ่ยเครือสะท้าน

“ แม่คะ สองมีหัวใจนะคะ ถือว่าสองกราบขอร้อง เลิกจับสองส่งให้คนอื่น สองเลือกคู่ชีวิตของสองเองได้ ”

“ เลือกได้ ? ” นวลอนงค์สะบัดมือหนี มองลูกสาวที่หล่อนหวังปลุกปั้นให้เท่าเทียมกับมิ่งโมรีวอนขอด้วยสีหน้าเย็นชา “ แกฝันอยู่เหรอไงยัยสอง แกแย่งนังเด็กมิ่งมันทันเหรอ ฉันเห็นกี่คนต่อกี่คนที่ตามแกมาบ้าน สุดท้ายก็เข้าโรงแรมไปกับมันทุกราย ถ้าเรื่องบนเตียงแกดีไม่เท่ามัน ก็อย่าเสนอหน้ามาบอกฉันว่าจะเลือกเอง ”

“ แม่คะ ! ”

ตรีประดับตะโกนก้อง หน้าซีดสลับแดงกับคำพูดของมารดา หญิงสาวพยายามสะกดอารมณ์เต็มที่ แต่แล้วก็ทนฝืนไม่ไหวต้องปล่อยโฮออกมา นวลอนงค์มองลูกสาวอย่างหงุดหงิด ยิ่งเห็นประณีตผลุบโผล่เยี่ยมหน้าเข้ามาดูนางก็ยิ่งอารมณ์เสีย สุดท้าย...นวลอนงค์ก็คว้ากระเป๋าตรีประดับมาเปิด หยิบเช็คเงินสดที่มีลายเซ็นประทับไว้ใส่กระเป๋าตัวเองอย่างเร่งรีบ ร่างโปร่งก้าวออกจากห้อง ไม่แม้แต่จะปลอบคนที่นั่งสะอึกสะอื้น เช่นเดียวกับ ประณีตที่รีบหดคอกลับละล้าละลังไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี

“ ไปตามไอ้อุ่นมาขับรถให้ฉัน ถ้าช้าล่ะก็ฉันไล่แกออกจากบ้านแน่ ”

เด็กสาวถอยออกจากเรือนหลังเล็กด้วยกิริยาลนลาน จ้ำอ้าวมาหาชายหนุ่มที่ยืนใช้ไม้ขนไก่ปัดทำความสะอาดรถวุ่นวาย ร่างสูง…ภายใต้นวลเครารกครึ้มหันมอง ประณีตสบตาคนสวนหนุ่มหน้าตาตื่น

“ พะ พะ พี่อุ่น ”

“ ค่อยๆ พูด มีอะไร ใครใช้ให้ขับรถไปไหน ”

อุดรยิ้มปลอบ ทอดสายตาจับนิ่งอยู่ที่ดวงหน้าอ่อนเยาว์อย่างปราณี ประณีตเลยตะกุกตะกัก บอกคำสั่งแกมกำชับของนวลอนงค์ที่ได้รับมา

“ คุณนวลพี่ คุณนวลบอกให้เตรียมเอารถออก ท่านอาละวาดใส่คุณสองด้วย ”

คนสวนหนุ่มซึ่งควบทุกหน้าที่ในกุลชาติพยักหน้ารับ หากไม่เอ่ยต่อประโยคของเด็กสาว ประณีตเลยวิ่งกลับไปทางเก่า กระวนกระวายเพราะห่วงตรีประดับ คนที่เหลืออยู่เดินเอื่อยไปเก็บไม้ขนไก่ เช็ดหน้าเช็ดตาให้หมดคราบไคลแล้วกลับออกมาเงยหน้าขึ้นมองไปยังชั้นบนของตึกใหญ่ ทันได้สบสานดวงตาดำสนิท วาววับราวลูกแก้วใสที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากบางเฉียบแดงดุจแต้มสีของชายหนุ่มกระตุกรอยยิ้มนิดเดียวแล้วเมินเฉย เดินตัวตรงผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้นสักนิดเดียว

ที่ห้องของอรรถ มิ่งโมรีผลักผ้าม่านปิด ร่างผอมนั่งลงข้างเตียงคนที่นอนหลับใหล หญิงสาวเอื้อมมือแตะลำแขนเกร็งหนา ก้มตัวลงเอ่ยกระซิบด้วยถ้อยคำหนักแน่น

“ คุณพ่อต้องหลับจนกว่างานของมิ่งจะสำเร็จนะคะ ”

***

โปรดติดตามตอนต่อไป



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2555, 17:04:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2555, 17:04:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1632





<< บ่วงมาร ตอนที่ 1   บ่วงมาร ตอนที่ 3 >>
หมูอ้วน 10 เม.ย. 2555, 06:10:52 น.
หนูมิ่งจะทำอะไรเอ๋ย


มุกมาดา 11 เม.ย. 2555, 10:51:05 น.
โอ้ มิ่งโมรี หล่อนคิดจะทำอะไรจ๊ะ ตรีประดับก็น่าสงสารเหมือนเดิม


siita 16 เม.ย. 2555, 12:32:00 น.
ไฮ้ยะ งงไปหมดแล้ว แต่ลุ้นดี ชอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account