รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน

เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้

Tags: ฤดูหนาว

ตอน: ตอนที่ ๑๓ ร้าย...ไม่เลิก

ตอนที่ ๑๓

รถขับเคลื่อนสี่ล้อของรักษ์ราชเคลื่อนไปตามถนนสายหลักเข้าสู่ตัวอำเภอ ตลอดทางที่ออกมาจากจุดเกิดเหตุบนรถมีแต่ความเงียบ แม้ว่ารถทั้งคันจะนั่งมาด้วยกันสองคนก็ตาม

มองเห็นความอึดอัดที่เดินทางมาพร้อมกับความเงียบแล้ว กัญสิณีจึงเอ่ยแทรกขึ้นมาในที่สุด

“หมวดราช คุณกำลังคิดอะไรอยู่”

“คิด...คิดอะไรหรือครับ” เขาหันมามองกรอบหน้าสวยของผู้หมวดสาวนิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเส้นทางตามเดิม

“ก็คิดถึงเรื่องบางเรื่อง จนทำให้บนรถคันนี้ไม่มีเสียงพูดคุย หรือเสียงสอบถามจากคุณอย่างไรล่ะคะ”

“ไม่นี่ครับ ผมก็แค่คิดจะหาวิธีกำจัดคนพวกนั้นให้ได้อย่างไรเท่านั้น”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่พูด ไม่ปรึกษากับสิล่ะคะ”

“ก็...ผมแค่คิดว่า มันยังไม่สำคัญเท่าไร รอให้ผมคิดออกเสียก่อน ผมค่อยบอกคุณก็ได้” เขาหันมาส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง

“มาทำงานที่เชียงรายนี่ ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ ได้ทำอะไรที่สนุกๆ ได้เจอกับหมวดด้วย”

“ผมก็ดีใจครับ ที่ได้เจอกับหมวดสิ คุณเป็นคู่หูที่ทำงานกับผมแล้วมีความสุขที่สุดเลยครับ”

“ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วนี่คะ ทำงานกับผู้หญิง หนุ่มๆ ก็ต้องมีความสุขกันเป็นธรรมดา” เธอเอ่ยเสียงแจ่มใส ประกายตาที่มองไปยังเขาฉายความรู้สึกบางอย่างออกมา

“ครับ แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละครับ”

“แล้วอีกส่วนล่ะคะ” ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นอย่างใคร่รู้

“ก็คุณสิคล่องไปซะทุกอย่าง ตอนแรกผมยังหนักใจเลยว่าทำงานกับผู้หญิงแล้ว มันจะอืดอาดยืดยาด” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในลำคอ กัญสิณีจึงคลี่ยิ้มและหัวเราะตามเขาไปด้วย

“แต่คุณก็อย่าดูถูกผู้หญิงเสมอไปก็แล้วกันค่ะ เจอแบบเคี่ยวๆ และถ้ายังยิ่งกว่าฉันอีก คุณอาจจะจุกไปเลยก็ได้”

“จุก...จุกยังไงล่ะครับ”

“ก็จุก ตรงที่โดนเธอตอกแบบเต็มๆ หน้าอย่างไรล่ะคะ ดูท่า คุณคงยังจะยังไม่เจอนะคะ”

“ก็น่าจะมีบ้างนะ...”

เขาคลี่ยิ้ม พรางคิดไปถึงใครอีกคนหนึ่ง หลายวันก่อนตอนที่ได้เจอเธอ แค่เพียงครั้งแรกเท่านั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเริ่มสั่นไหว

///////

เมยาวีมาตามที่จอมทัพนัดเอาไว้ในเย็นวันนั้น หัวใจสาวเต้นรัวและใคร่รู้ต่อสิ่งที่เขาจะพูดกับเธอ หญิงสาวยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็มาถึง

“คุณเหมย มาเร็วจริงๆ นะครับ”

เสียงของจอมทัพทำให้ร่างที่ทอดสายตามองไปยังท้องทุ่งกว้างกับความคิดอะไรอีกมากมายพาลสะดุ้งต่อเสียงเรียกของเขาไปด้วย

“เอ่อ...ค่ะ”

“คุณเหมยกำลังคิดอะไรอยู่หรือครับ”

จอมทัพเดินเลยหญิงสาวไป ก่อนจะไปทรุดกายลงนั่งที่ลานหญ้าอันอ่อนนุ่ม ขณะเมยาวีเห็นดังนั้นก็เดินตามไปนั่งลงข้างๆ กับเขา

“เปล่านี่คะ เหมยแค่มองดูความสวยงามของทุ่งดอกไม้ในยามเย็นแบบนี้ เอาแต่ทำงานเลยไม่ค่อยจะมีเวลามานั่งมองอย่างนี้สักเท่าไร นี่คงจะต้องหาเวลาพักผ่อนบ้างแล้วล่ะค่ะ”

“ผมนึกว่าคุณเหมยกำลังคิดอะไรอยู่เสียอีก” เขาเลิกคิ้วสูง หันมองคนข้างๆ อย่างสงสัย

“ไม่ค่ะ เอ่อ...คุณมีอะไรกับเหมยหรือเปล่า ที่นัดฉันมาในเย็นนี้”

เธอยิ้มพร้อมกับหันมามองกรอบหน้าคมของชายหนุ่มที่กำลังมองมาที่เธออยู่เช่นกัน ตาสองตาสบประสานกัน เหมือนจะมีกระแสบางอย่างคอยฉุดดึงให้ทั้งเขาและเธอวูบไหวไปกับสิ่งที่อยู่ในแววตาของทั้งคู่

นานกว่านาที จอมทัพจึงเอ่ยขึ้น

“ตอนนี้คุณรติป่วยและเวลาก็ยิ่งจะใกล้เข้ามาแล้ว ผมคิดว่าผมควรจะตัดสินใจบอกคุณเสียที เพื่อที่จะไม่ให้คู่ค้าของผมต้องรอนาน...จากที่มาดูไร่ของคุณตั้งแต่หลายวันก่อน ทำให้ผมเห็นงานจากไร่ของคุณที่สมควรจะเป็นคู่ค้ากับบริษัทของผมและทางบริษัทจากต่างประเทศเขาต้องการสินค้าไปชดเชย...อีกสองวัน ทางคุณเหมยพอจะจัดสินค้าให้ผมจะได้ไหมครับ”

“สินค้า...ค่ะ ได้สิคะ ทางไร่ของเราเตรียมพร้อมตลอดอยู่แล้วค่ะ”

เธอเอ่ยประโยคนั้นอย่างดีใจสุดๆ นั่นก็แสดงว่าทางจอมทัพและบริษัท เจ โปรดัก จำกัด (มหาชน) ยินดีรับสินค้าจากไร่ของเธอ ส่งออกไปต่างประเทศแล้วจริงๆ

สินค้าของเธอกำลังจะถูกส่งออกนอก ดอกไม้จากไร่ศีตกรรณกำลังจะมีแบรนด์ที่ส่งออกเมืองนอก...เมยาวีอดที่จะคิดอย่างลิงโลดในใจไม่ได้ พร้อมกันนั้นก็เกือบที่จะเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่

“คุณต้องการอะไรบ้าง ก็จดรายการมาเลยนะคะ เหมยจะรีบจัดทำให้อย่างรวดเร็วเลยค่ะ”

“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นวันพรุ่งนี้ ผมจะเอารายการมาให้นะครับ”

“ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณจอม ที่คุณไว้วางใจสวนดอกไม้ของเหมย”

“ผมยินดีอยู่แล้วครับและยินดีที่ได้เจอกับคุณด้วย” ประโยคนั้นของชายหนุ่มทำให้เธอยิ้มเขิน ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น เพื่อจะหลบสายตาที่มองมาของเขา

“เอ่อ...”

“จริงๆ นะครับ เพียงแค่ไม่กี่วันที่เจอกับคุณ มันทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน”

“ความรู้สึกใหม่ๆ ยังไงคะ” เมยาวีถามอย่างสงสัย ขณะจอมทัพคลี่ยิ้มอ่อนโยน

“ฉัน...เอ่อ...”

เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วหญิงสาวก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้เขินและหัวใจมันก็เต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่...

“คุณเหมย คุณรู้ตัวไหมครับว่าคุณคือผู้หญิงคนแรกที่ผมรู้สึกดีด้วย”

“รู้สึกดี...” เมยาวีเบิกตาโพลง ดวงตาคู่สวยยังจ้องมองหน้าของเขาไม่วาง เขาบอกว่ารู้สึกดี...กับเธอ

“ใช่ครับ ผมรู้สึกดีกับคุณ คุณทำให้ผมได้รู้จักกับอีกหลายๆ สิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน ผมคงรู้สึกเสียใจแย่เลยถ้าไม่ได้มาที่นี่ และพบกับคุณ”

“เหมย...”

เมยาวีถึงกับอึ้งและพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังประโยคนั้นของเขา จอมทัพบอกว่าเขารู้สึกดีกับเธอ หัวใจสาวยิ่งเต้นรัว

จอมทัพเอื้อมมือมาวางที่หัวไหล่ของหญิงสาว แล้วดึงตัวของเธอให้มาซบที่หัวไหล่ของเขาอย่างแผ่วเบา

รู้สึกดี...คำนี้เวียนวนซ้ำไปซ้ำมา หัวสมองที่ว่าโปร่งโล่งกลับยิ่งเบาโหวง ความดีใจกระจายเวียนวนในร่างกายจนเกือบจะควบคุมตนเองให้กรีดร้องไม่ได้ เธอเงยหน้าขึ้นมองลูกคางสากของชายหนุ่มก็พลันยิ้ม เมื่อไม่เห็นเขาว่าอะไรอีก เธอจึงซบอยู่เช่นนั้นอย่างสุขใจ

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าความรักมันเป็นเช่นไร เพราะผมไม่เคยรักใครมาก่อน เมื่อมาพบคุณมันทำให้ความคิดของผมเปลี่ยนไป ผมเริ่มที่จะสนใจในสิ่งที่คุณทำ ผมเริ่มจะแคร์ความรู้สึกของใครบางคนที่ผมรู้สึกดีด้วย ซึ่งนั่นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณ คุณคนเดียวเท่านั้น...”

จอมทัพเอ่ยเสียงอ่อนโยน ภาพทุ่งดอกไม้เบื้องหน้าซึ่งเวลานี้กำลังผลิดอกเบ่งบานอย่างสวยงามตัดกับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงวางสลับเรียงรายยาวไกลออกไปเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก

เมยาวียอมรับว่าเธอมีความสุขเป็นยิ่งนัก เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเขา ความรัก...รู้สึกดี...แคร์ความรู้สึก กับเธอคนเดียว...

แค่ไม่กี่ประโยคมันก็ทำให้รู้ว่าความรู้สึกของเขาในเวลานี้เป็นเช่นไร เสียงของหัวใจที่ตอบกลับมา บอกกับเธอว่าก็รู้สึกดีไม่แพ้กัน...

ห้วงเวลาแห่งความสุขดำเนินไปอย่างเชื่องช้า พร้อมกับพระอาทิตย์ที่อ่อนแสงลง ระหว่างทั้งสองหนุ่มสาว ไม่มีคำพูดใดๆ อีกต่อไป จะมีแต่ความรู้สึกที่เธอและเขาส่งมอบให้แก่กัน กับความอบอุ่นที่มันแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
ทว่าในความสุขทั้งหมดก็ต้องหมดลงทันทีเมื่อการปรากฏตัวของปุณชิกาที่เข้ามาเห็นภาพเหล่านั้นเข้าอย่างจัง
ปุณชิกาเป็นเดือดยิ่งนัก ที่เห็นจอมทัพนั่งอยู่โดยมีเมยาวีซบอยู่ที่ไหล่ของเขา หลังจากที่แยกกับชัยเธอก็ตามหาจอมทัพ อดสังหรณ์อยู่ในใจแล้วว่าเขาจะต้องมาอยู่กับเมยาวีและมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เวลานี้จอมทัพกำลังพลอดรักอยู่กับเมยาวีอย่างมีความสุข เธอยังนึกงงเลยว่าทั้งสองไปสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เมื่อไร ทว่าในตอนนี้ภาพทุกอย่างมันฟ้องอย่างชัดเจน

“อ๊าย...”

หญิงสาวกรีดร้องอย่างไม่พอใจ แล้วถลาเข้าไปกระชากแขนเมยาวีดึงให้ลุกขึ้น พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงไปบนหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง

ขณะเมยาวีถึงกับสะอึกไปในทันที ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแรงมาแบบนี้และยิ่งตนกำลังมีความสุขกับการที่อยู่ใกล้ๆ กับจอมทัพแล้ว เรียกว่ายังไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

“หน้าด้าน...ไร้ยางอาย แย่งของฉันต่อหน้าต่อตา”

ฟาดลงไปบนกรอบหน้าของอีกฝ่ายอย่างสาแก่ใจแล้ว ปุณชิกายังบริภาษคำหยาบที่เมยาวีไม่เคยคิดเลยว่า คนที่เทิดทูนตัวเองว่าตัวเองสูงส่งมาตลอดอย่างปุณชิกาจะพูดคำเหล่านี้ออกมาได้

หลังตั้งสติได้แล้ว ความโกรธก็ปะทุ เมยาวียกมือขึ้นลูบที่แก้มซึ่งปรากฏรอยแดงรูปฝ่ามือชัดเจน เธอเม้มปากแน่นก่อนจะค่อยๆ คลี่มันออกทีละน้อยอย่างเหยียดหยัน

วินาทีนั้น วิญญาณแม่นางเหมยลี่ก็เข้าสิงในทันที…

ฉาด...ฉาด!!

สองครั้งรวด กรอบหน้าสวยของปุณชิกาสะบัดไปตามแรงตบสองครั้ง ไฮโซสาวยอมรับว่าแรงของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน

“ฉันจะหน้าด้านไร้ยางอายอะไรมันก็เรื่องของฉัน แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย คุณปุณชิกา” เมยาวีเชิดหน้ามองอย่างท้าทาย เธอจะยอมให้ปุณชิกาตบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่สำหรับการเอาคืนมันคือสองเท่าและถ้ายังมีอีก มันจะบวกไปอีกเป็นเท่าตัว

“นังหน้าด้าน มาแย่งแฟนของฉัน ทั้งๆ ที่ฉันยืนอยู่ที่นี่ทั้งคน หน้าด้านสุดๆ” ปุณชิกาตะวาดเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ จริงอยู่เธอเคยด่าใครต่อใครมาเยอะแต่ไม่คิดว่าจะเจอคนที่เอาจริงอย่างเมยาวี จากที่ได้ลิ้มรสฝ่ามือกับรอยแดงที่ปรากฏบนใบหน้าก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี ว่าฝ่ายนั้นไม่ใช่ง่ายๆ สำหรับเธอ

“หน้าด้าน ฉันมันหน้าด้านตรงไหน คุณนั่นแหละที่คิดไปเอง คุณปูเป้”

“อ๊าย...แกว่าฉันหรือ นังเมยาวี”

ปุณชิกาเต้นเร่าๆ อย่างไม่พอใจ น้ำเสียงของเธอสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคู่สวยที่แดงก่ำบัดนี้มีหยาดน้ำตาคลอรื้นอยู่

“หยุดเถอะครับคุณเหมย ปูเป้...”

เมื่อตั้งสติได้จอมทัพจึงเข้ามาแทรกกลางระหว่างสองสาว ก่อนจะยกมือขึ้นกางกั้นไม่ให้ทั้งสองกระโจนเข้าหากันอีกรอบ

“พี่จอม...พี่ก็เห็นว่านังนี่มันตบปูเป้ พี่จอมจะต้องจัดการให้ปูเป้นะคะ” ปุณชิการีบโผเข้าเกาะแขนของจอมทัพ พร้อมกับฟ้องในทันที

“ก็ปูเป้ไปตบคุณเหมยก่อนนี่”

“แต่มันกำลังจะแย่งพี่จอมไปจากปูเป้ ปูเป้ไม่ยอม ไม่ยอม...”

เมื่อฟ้องและยิ่งเห็นเขาไม่สนใจ ปุณชิกาจึงขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ ขณะจอมทัพได้แต่โคลงศีรษะอย่างเอือมระอา ยิ่งนานวันปุณชิกาเริ่มจะแสดงกิริยาก้าวร้าวออกมา ชายหนุ่มยอมรับถ้าหากไม่ติดที่ผู้ใหญ่ฝากฝังเขาคงจะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งที่มันเด็ดขาดสักที

“ไม่ได้แย่ง ปูเป้ มีเหตุผลบ้างสิ พี่มาทำงานนะ”

“ทำงาน...ทำโดยการมานั่งซบนั่งกอดกับนังหน้าด้านนี่หรือคะ”

“ปูเป้...หัดมีมารยาทด้วยนะ นี่มันไร่ของคุณเหมยและนังนี่ที่ปูเป้กำลังชี้หน้าด่าอยู่น่ะเธอก็มีอายุมากกว่าปูเป้ตั้งหลายปีนะ”

“แต่ปูเป้ไม่ยอมนี่คะ มันจะแย่งพี่จอม ไม่ว่าจะยังไง ปูเป้จะเอาเรื่องมัน” แล้วก็โผเข้าหาเมยาวีที่ยืนกอดอกมองการสนทนาของทั้งสองอยู่อย่างเงียบๆ

“ปูเป้...หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ชายหนุ่มเหลืออดสุดๆ จึงขึ้นเสียงดังในทันที ปุณชิกาหน้าเสียกับสายตาที่มองมาของจอมทัพ ร่างบางสั่นสะท้าน ไม่คิดว่าพี่จอมที่แสนดีของเธอจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

เปลี่ยน...จนเธอนึกกลัวว่าความรู้สึกระหว่างเธอกับเขามันจะไม่มีอีกต่อไป

“พี่จอม...”

“กลับห้องไปเดี๋ยวนี้”

“ไม่ ปูเป้จะเอาเรื่องนังหน้าด้าน ปูเป้จะตบหน้ามันคืน พี่จอมปล่อยค่ะ”

“ปุณชิกา!! พี่บอกกลับไปเดี๋ยวนี้ เลิกทำตัวเหมือนเด็กเสียทีเถอะ”

น้อยครั้งนักที่จอมทัพจะเรียกชื่อจริงของเธอ นอกจากจะเหลืออดจริงๆ และนี่มันก็คืออีกครั้งที่ทำให้ปุณชิการู้สึกกลัว มือที่จับแขนของเธออยู่นั้นแน่นจนเธอรู้สึกเจ็บ หัวใจดวงน้อยที่สั่นและเต้นระรัว เริ่มรู้สึกว่ามันจะปริแตกไปตามรอยร้าวทีละน้อย ความเจ็บปวดที่บาดลึก ถูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม

“กลับห้องไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นพี่จะเรียนคุณอา” เขาเสียงเข้มปุณชิกาก้มหน้าลงมองพื้นอย่างน้อยใจ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกไปจากตรงนั้นในทันที

ไม่...ไม่มีอีกแล้ว จอมทัพคนเดิม พี่จอมที่เคยตามใจและดูแลเธออย่างดี เปลี่ยนไปเพียงแค่การได้เจอกับเมยาวีเพียงคนเดียวเท่านั้น

ความน้อยใจวิ่งวุ่นเช่นเดียวกับความแค้นเคืองที่ยิ่งปะทุมากกว่าเดิม ปุณชิกาวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ทิศทาง เรียวปากสวยเม้มสนิทอย่างแค้นสุดแค้น

“นังเมยาวี...แกกับฉัน คอยดู เราจะได้เห็นดีกัน”

//////

“เจ็บตรงไหนบ้างครับ คุณเหมย”

หลังปุณชิกาวิ่งออกไป จอมทัพจึงหันมาทางเมยาวี แม้ใจหนึ่งอยากจะวิ่งตามปุณชิกาไปเพราะความเป็นห่วง หากก็ยังมีอีกคนที่เขาจะต้องห่วงมากกว่า

“เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

เมยาวีปฏิเสธพรางพยายามยิ้ม เธอยกมือขึ้นจับตรงแก้มของตัวเอง รับรู้ถึงความรู้สึกชาหนึบไปทั่วทั้งโครงหน้า

“แต่หน้าของคุณแดงมากเลยนะครับ”

“คุณจอมว่าคุณปูเป้ขนาดนั้น เธอจะไม่โกรธแย่หรือคะ”

แม้ว่าเธอกับปุณชิกาจะไม่ถูกกันตั้งแต่แรก ทว่าเมยาวีไม่ใช่คนใจร้ายขนาดสะใจที่เห็นผู้หญิงด้วยกันเมื่อถูกต่อว่าหรอก

“ไม่หรอกครับ ปูเป้ก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่ปรามเสียบ้าง อีกหน่อยจะยิ่งได้ใจ ผมว่าคุณไปทายาเถอะนะ”

จอมทัพก็เข้าไปพยุงเมยาวีพาเดินกลับไปยังตัวตึกใหญ่ จนหญิงสาวหัวใจเต้นรัวกับการที่ได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้นกว่าเดิม

////

ความมืดโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็ว บรรยากาศโดยรอบดูน่ากลัวเป็นยิ่งนัก ปุณชิกาวิ่งมาหยุดอยู่หน้าโรงเรือนกล้วยไม้ ที่ซึ่งชัยได้เคยพาเธอมาเมื่อตอนบ่าย

มาอยู่ที่นี่เธอไม่รู้จักใครอีกนอกจากเขา สิ่งที่คิดได้ในเวลาสั้นๆ ก็คือเขา ชายหนุ่มทำให้เธอไว้ใจและเธอก็เชื่อว่าเขาจะช่วยเป็นที่ปรับใจได้สักระยะหนึ่ง

แม้ลึกๆ แล้วหัวใจจะค่อนไปทางรู้สึกดีกับเขา ทว่าเธอก็ไม่อาจจะยอมรับมันได้เพราะรักจอมทัพอยู่ ดังนั้นเขาจึงเป็นได้แค่เพื่อน เพื่อนที่เธอควรจะไปหาในเวลาที่หัวใจเจ็บอย่างเวลานี้

แสงไฟที่โรงเรือนเลี้ยงกล้วยไม้เปิดสว่าง แสดงว่าเขายังคงอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ชัยกำลังจดบันทึกและสังเกตอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้ากระบะกล้วยไม้ช่อหนึ่ง ปุณชิกาจึงไม่รอช้าที่จะโผเข้าไปกอดเขาจากทางด้านหลังในทันที

“คุณปูเป้” ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อตั้งสติได้เขาจึงหันมาและก้มลงมองคนที่ซบอยู่กับอกอย่างห่วงใย “เกิดอะไรขึ้นครับ คุณปูเป้...แล้วนี่คุณร้องไห้ ใครทำอะไรคุณหรือครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยถามทั้งยังตกใจไม่หาย เขาวางสมุดบันทึกลงแล้วมองกรอบหน้าที่มีคราบน้ำตานองหน้า เธอกำลังร้องไห้...หัวใจของเขากระตุกวูบ มันเกิดอะไรขึ้น

“พี่จอม...พี่จอม”

ชื่อนี้ยิ่งทำให้หัวใจของเขากระตุกแรงไปอีก เธอเรียกชื่อพี่จอมอย่างสนิทสนม ทั้งๆ ที่มาหาเขา เธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ แล้วทำไมเธอไม่ไปหาพี่จอมของเธอเสียเองล่ะ

“พี่จอมด่าปูเป้...ฮือ..”

บอกเขาได้แค่นั้นปุณชิกาก็โผเข้าหาอกอุ่นในทันที ชัยทอดถอนใจอย่างโล่งอก แม้ลึกๆ จะตกใจที่จอมทัพว่าเธอก็ตาม แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มสั่นคลอนและเขาก็แน่ใจเช่นนั้น

“ใจเย็นๆ ครับ ผมว่าคุณปูเป้มาทางนี้ดีกว่านะครับ”

ชัยชวนปุณชิกาออกไปจากโรงเรือนแห่งนั้น ก่อนจะตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งที่เป็นตึกสีเขียวกลมกลืนกับพื้นที่ เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ ที่นี่คือบ้านพักของชัย ชายหนุ่มพาเธอไปนั่งยังม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านและกลับออกมาพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว

“ทานน้ำเย็นๆ ก่อนครับ คุณจะได้รู้สึกดีขึ้น”

ปุณชิการับแก้วน้ำจากชายหนุ่มมาดื่มอย่างว่าง่าย แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ปุณชิกากลับเชื่อใจเขามากกว่าเดิม ตอนนี้เธอรู้สึกแล้วว่าการที่อยู่กับเขามันรู้สึกปลอดภัยกว่าการอยู่กับจอมทัพเสียอีก

ชัยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องการ แม้ทุกครั้งเขาจะขัดใจเธอ แต่มันก็เหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างทำให้เธอไม่โกรธเขา ทั้งๆ ที่อยากจะโกรธแต่เพราะเหตุผล เธอกลับโกรธเขาไม่ลงจริงๆ

หลังได้ดื่มน้ำแก้วนั้นจนเกือบจะหมด ชัยจึงขยับเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หญิงสาวเช็ดน้ำตา เขามองเธอพรางยิ้ม เหมือนการมองเด็กเช็ดน้ำมูกออกจากหน้าอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มมองกรอบหน้าสวยนิ่งนาน จนไม่รู้เลยว่าบัดนี้เจ้าของกรอบหน้าสวยนั้นกำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน

“นายมองอะไรฉัน นาย...นี่นายชัย”

“เอ่อ...เปล่า เปล่าครับ”

ชัยรีบปฏิเสธพร้อมกับกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีอยู่ในหัวใจอย่างรวดเร็ว กลัวเหลือเกินว่าเธอจะรู้ความคิดของตนว่าคิดเช่นไร เมื่อเธอจับได้อาจจะไม่มาพูดดีๆ กับเขาอีกต่อไป

“คราวนี้คุณพอจะบอกผมได้หรือยังครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปุณชิกาจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับเขาได้ฟัง ก่อนชัยจะเป็นฝ่ายพูดปลอบหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฉันไม่เชื่อ พี่สาวของนายกำลังจะแย่งพี่จอมของฉันไปชัดๆ” ปุณชิกาขึ้นเสียงหลังไม่พอใจที่ชัยเข้าข้างเมยาวี

“แต่คุณปูเป้ครับ ถ้าหากว่าพี่เหมยจะรักคุณจอมทัพจริงๆ มันก็ไม่ผิดหรอกนะ เพราะเรื่องของหัวใจใครมันจะไปห้ามกันได้ อีกอย่างมันก็อยู่ที่คุณจอมทัพด้วยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับพี่สาวของผม เกิดว่าคุณจอมทัพรักพี่เหมยจริงๆ คุณก็ไม่มีสิทธิ์จะไปขัดขวางทั้งสอง”

“แต่พี่จอมรักฉัน เขารักฉันคนเดียว พี่สาวของนายน่ะแหละที่แย่งของของฉัน”

“คุณจอมทัพเขาไม่ได้เป็นสิ่งของนะครับ และที่สำคัญคุณแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจอมทัพเขารักคุณ” ชัยสวนขึ้นและนั่นก็ทำให้ปุณชิกานิ่งอึ้งไป เธอจ้องนิ่งที่ดวงตาคู่คมของเขาอย่างค้นหา ทว่าสิ่งที่อยากจะได้รับกลับไม่มีเอาเสียเลย

“เอ่อ...ฉัน”

“ขนาดคุณก็ยังไม่แน่ใจ...”

“แต่สิ่งที่พี่จอมแสดงต่อฉันมันก็บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขารักฉัน”

“อะไรบ้างล่ะครับ ที่คุณคิดเช่นนั้น”

“ก็...เขาเอาใจฉัน เขาดูแลฉัน และอีกหลายๆ อย่าง” เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมง่ายๆ

“แค่นั้นเองหรือครับที่ทำให้คุณแน่ใจ”

“ฉัน...เอ่อ...ฉัน”

อยากจะพูดต่อเหมือนกันว่าเธอแน่ใจ หากแต่ยังมีอะไรหลายๆ สิ่งที่ทำให้คำนั้นค้างคา ปุณชิกาเริ่มจะรู้สึกเหมือนว่าตนเองถูกทิ้งเอาไว้อย่างเดียวดายอีกครั้ง หรือว่าสิ่งที่จอมทัพแสดงกับเธอนั้น มันไม่ได้มีความหมายว่าความรัก

“สิ่งที่คุณเข้าใจน่ะ อาจจะเป็นได้แค่ความรู้สึกเอ็นดูอย่างพี่ชายที่มีต่อน้องสาวก็ได้”

“พี่ชาย...น้องสาว...”

เธอทวนสองคำนั้นอย่างเชื่องช้า หัวใจสาวที่เต้นรัวเริ่มชาชินกับความเจ็บปวดที่มีอยู่ ไม่สิ...ต้องบอกว่าความเจ็บเหล่านั้นมันเริ่มที่จะลดน้อยลงไปแล้ว ตั้งแต่ที่เธอเริ่มจะคิดได้ว่า ระหว่างเธอกับเขา มันไม่ได้มีมากไปกว่าคำว่าพี่ชายกับน้องสาวจริงๆ

“คุณน่าจะคิดให้ดีกว่านี้นะครับ ก่อนที่จะพูดถึงคำว่าความรักเพราะขนาดคุณแล้ว คุณยังไม่แน่ใจเลยว่าสิ่งที่ได้รับมันคืออะไร”



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2555, 20:21:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2555, 20:21:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1661





<< ตอนที่ ๑๒ รัก...ไม่อาจห้ามใจ   ตอนที่ ๑๔ คุณครูจำเป็น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account