กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 1 ท่านผู้นำแสนสวย

บทที่ 1 ท่านผู้นำแสนสวย

ร่างบางผมสีดำขลับมันวาวซอยระย้ามาถึงต้นคอเนียนสวมชุดทำงานมาดมั่นอกมั่นใจ ดูเด่นสง่าสมกับตำแหน่งที่ได้รับจากเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ขาเรียวสวยก้าวข้ามออกจากรถตู้คันโตสีดำกันกระสุนของคนเป็นพ่อที่ซื้อมาใช้งานก่อนอำลาวงการการเมือง จึงยกให้ลูกสาวแสนภาคภูมิใจมาใช้ทำงานเพื่อแผ่นดินต่อไปได้เข้ามาจอดเทียบท่า ณ สำนักงานพรรคท้องถิ่นชื่อดังของตน ดูเหมือนการทำงานจะเป็นปกติด้วยการการเซ็นเอกสารช่วงเช้าวันจันทร์ในสัปดาห์แรกแห่งการทำงาน ส่วนช่วงบ่ายก็เตรียมลงพื้นที่ผืนป่ากับนายปลัดอำเภอ และดำเนินการนโยบายของพรรคเรื่องผืนป่าที่ถูกตัดทำลายไปแล้ว พวกเขาต้องคอยทดแทนผืนป่าที่สูญเสียไปด้วย จู่ๆเสียงโทรศัพท์ทัชสกรีนสวยหรูราคาแพงส่งเสียงกรีดร้องลั่นขึ้นก่อนที่ ส.ส.นรินศาจะออกไปทำงานลงนอกพื้นที่ในช่วงบ่ายต่อ หน้าจอนั้นปรากฏชื่อ เพื่อนสาวคนสนิทคนเดียวที่มีอยู่ของเธอ

“สวัสดีค่ะ นายน้อยแห่งสินพสุธร...เหนื่อยไหมคะ” น้ำเสียงของนรินศาเอ่ยพูดทักถามเพื่อนสาวในสายออกจะขบขำเล็กน้อยๆ พร้อมก้าวเดินกลับเข้ายังห้องทำงานเหมือนเดิม นรินศาได้เช่าอาคารพาณิชย์สองชั้นใหม่ เพื่อให้ลูกพรรคหัวคะแนนฐานเสียงในเขตพื้นที่ทำงานให้อย่างเต็มที่และเต็มใจ หลังจากที่หัวคะแนนได้หาเสียงให้เธอจนได้รับตำแหน่งมาครอบครองในเขต 3 ของตนเอง

“(เหนื่อยสิ! ริน ทำงานที่สวนลุยกลางนาตลอดเช้าเลยนะ ไม่ได้นั่งทำงานห้องแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจสบายๆ เหมือนอย่างท่าน ส.ส.สาวแสนสวยนะคะ)” สุดท้ายเพื่อนสาวสุดรักคนเดียวของนรินศาก็วกพูดวนมา ที่เรื่องการทำงานอันแตกต่างกันหรือคนละแบบราวเหมือนกับหน้ามือเป็นหลังมือตลอด และที่นรินศาเอ่ยถามเพื่อนสาวว่าเหนื่อยไหมนั้น ไม่ใช่งานของเพื่อนสาวจ้าวหรือนายน้อยปณยาแห่งไร่สินพสุธรอันยาเป็นภูเขาหรอก แต่จะถามเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต่างหาก

“จ้า เพื่อนรัก อยากจิกกัดบ่อยนักสิ เดี๋ยววันหยุดจะลงไปช่วยทำส่วนก็ได้”

“(อุ๊ยๆ ไม่ต้องเลยๆ เดี๋ยวชาวบ้านร้านตลาดจะหาว่า นายน้อยกอหญ้าใช้แรงงาน ส.ส.นรินศาคนสวย ขวัญใจประชาชน)” เสียงพูดบอกในสายของเพื่อนสาว ทำให้นรินศาส่ายหน้าไปมา พร้อมยกข้อมือเพื่อดูเวลานัดกับท่านนายปลัดอำเภอ แล้วรีบเอ่ยถามเพื่อนสาวอีกไม่กี่คำถาม

“จ้าๆ แล้วเรื่องเมื่อคืนล่ะ กอหญ้า ตกลงเป็นไงบ้าง”

“(อ้อๆ ทุกอย่างเรียบร้อยจ้า เพื่อนรัก ไม่มีข่าวอะไรเลยสักอย่าง สงสัยรีสรอท์นั่นได้ค่าสินน้ำใจไปเยอะ เลยไม่มีการแจ้งความใดๆ ฮ่าๆ)” หลังจากที่แขวะเพื่อนสาว ส.ส.คนเก่ง ซึ่งตอนแรกกอหญ้าทำเป็นแกล้งว่าจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้ แล้วนึกว่านรินศาได้เอ่ยถามงานที่ไร่ของเธอ

“เฮ้อ...ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวรินต้องวางส่ายแล้วนะ กอหญ้า จะต้องไปพบท่านนายปลัดอำเภอ เรื่องปลุกป่าทดแทนเสียหน่อย”

“(จ้าๆ หญ้าก็ต้องไปซื้อของตามคำสั่งท่านแม่ที่จดโพยมายาวน้อยกว่าหางว่าวจุฬาสองมิลฯต่อเหมือนกัน ว่าจะโทรมาบอกข่าวเฉยๆ แต่ปากมันไม่รักดี ไปแขวะท่าน ส.ส.แสนสวยซะอย่างนั้นก่อน...แบบว่ากลัวเหหลิงอำนาจเชิดคอย้าวยาวอยู่บนฟ้าโน้น)” คำพูดของเพื่อนสาวทำให้นรินศาอมยิ้มน้อยๆ

“ค่าๆ...ถ้ารินหลงอยู่บนฟ้าเมื่อไหร่ รินจะยอมให้กอหญ้าลากลงมากระทืบติดดินตามเดิมเลยนะ แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ บายจ้า” นรินศาวางสายจากเพื่อนสาวหรือนายน้อยคนเก่งแห่งไร่สินพสุธรอันมีชื่อของจังหวัดไป ก็รีบดิ่งตรงเดินมายังรถตู้สีดำของตน โดยมีคนขับรถคนเก่าของคนเป็นพ่อคอยไปรับไปส่งตลอดเวลาชื่อ ลุงเข้ม ซึ่งเป็นถึงอดีตมือปืนและบอดี้การ์ดเก่ามือเยี่ยม แต่หันมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอยู่กินกับเจ้านายหรือพ่อของเธอไปตลอดชีวิต พร้อมครอบครัว มีลูกสาวและลูกชายหนึ่ง พร้อมภรรยาร่างท้วมแม่ครัวที่ทำอาหารแสนอร่อยให้บ้านอัณณ์ศญาทานอิ่มทุกมื้อไป



ณ รีสอร์ท แมกไม้กอหญ้า

“นายครับ ไม่คิดจะแจ้งความจริงๆ เหรอครับ รีสอร์ทของเราเสียหายไปตั้งเยอะแยะมากมายเลยนะครับ” เสียงผู้จัดการรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าเอ่ยวิงวอนร้องขอกับเจ้านายหนุ่มคนใหม่ที่เข้ารับประจำตำแหน่งเมื่อวานนี้เอง แต่พอมาถึงก็มีงานวุ่นๆอันชวนน่าปวดหัวให้เจ้านายหนุ่มคนใหม่ของเขาทำงานเข้าเสียแล้ว

“ไม่จำเป็น เดี๋ยวผมรับผิดชอบเองครับ ผมไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ แถมอยู่ในต่างจังหวัดต่างอำเถอแบบนี้มักจะชอบเป็นข่าวลือจนหนาหูไม่ใช่หรือครับ ซึ่งผมไม่ค่อยชอบให้มันเกิดวุ่นวายสักเท่าไร เดี๋ยวผมจะจ่ายค่าเสียหายให้เองครับ” เสียงทุ้มขรึมจากเจ้าของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าคนใหม่เอ่ยบอกอย่างอารมณ์เบื่อหน่าย เพราะเขาพูดออกไปหลายครั้งแล้ว ว่าจะไม่ไปแจ้งความใดๆทั้งสิ้นกับตำรวจในท้องที่เด็ดขาด เสียงถอนหายใจหนักๆดังออกมาจากผู้จัดการทั่วไปแห่งรีสอร์ทอย่างชายวัยกลางคน ชื่อ กิตดา สิทธิวิเศษ ทั้งขยันและซื่อสัตย์สุจริตกับหน้าที่การงานที่ทำให้รีสอร์ทแมกไม้กอหญ้ามานับเกือบชีวิต

“เฮ้อ...ก็ได้ครับนาย แต่ผมไม่อยากให้เจ้านายใจดีกับพวกนักเลงในท้องถิ่นที่นี่เลย พวกมันทำตัวหลงระเริงและเลวมากๆเลยนะครับ และมันอาจจะกลับมาทำลายรีสอร์ทของพวกเราอีกแน่ๆ” กิตดาผู้จัดการคนเก่งแห่งรีสอร์ทบอกเตือนคนเป็นเจ้านายคนใหม่ เพราะพวกพ้องนักเลงหัวไม้ท้องถิ่นที่นี่มันไม่ค่อยจะเกรงกลัวใครสักเท่าไร แม้แต่ตำรวจด้วยเช่นกัน

“ครับ ถ้ามันมาครั้งหน้า ผมก็ไม่ปล่อยเอาไว้ให้รอดเหมือนกัน อ้อ! ผมขอรายชื่อผู้ที่จองเรือนไม้หลังฝั่งตะวันออกทั้งหมดด้วยนะครับ”

“เอ่อ...ครับ” กิตดาหนุ่มวัยกลางคนผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ทอำอึ้งเล็กน้อย เพราะเขาอยากจะให้เจ้านายคนใหม่ไปแจ้งความจับพวกมันให้มีคดีติดตัวมากที่สุด เพราะพวกมันมักชอบใช้ความเป็นนักเลงกับการมีพวกสมุนเยอะไปทั่วหมู่บ้าน จึงไม่เคยเกรงกลัวกฎหมายใดๆ เมื่อวานนี้พนักงานต้อนรับสักคนคงได้ยินชื่อเสียงอันโหดเหี้ยมของพวกมันเข้า จึงยอมปล่อยให้เหมาจองเรือนไม้ฝั่งตะวันออกจนหมด หลักฐานก็มีอยู่แล้ว น่าเสียดายที่เจ้านายหนุ่มหล่อคนใหม่ไม่คิดจะแจ้งความไว้ป้องกันเสียเลย คงไม่รู้เรื่องอิทธิพลความเป็นนักเลงของพวกมันแน่ๆ เอาเถอะครั้งนี้ กิตดาจะปล่อยพวกมันไปก่อน ถ้ามันมาวุ่นวายก่อเรื่องเสียหาย เพื่อความสนุกโดยทำลายข้าวของเครื่องใช้ในรีสอร์ทอีกครั้งล่ะก็ เขานี่แหละจะไปจัดการพวกมันเอง ใบหน้าหนุ่มหล่อขมวดคิ้วชนกันด้วยความแปลกใจ เพราะคนที่จองเรือนไม้ฝั่งตะวันออกมีเพียงชื่อของคนๆเดียวเท่านั้น แล้วจะจองไปทำไมตั้งสิบหลังมันเรียกได้ว่าจัดปาร์ตี้ได้เลยทีเดียวนะ

“นายกำพล วัฒนากิจ” ธารานนท์เอ่ยพึมพำชื่อดังกล่าวเดาว่าคงจะเป็นอาเสี่ยกระเป๋าหนักแน่ๆ เล่นจองห้องพักไว้เพื่อระบายความใคร่ตัณหาของพวกผู้ชายทั้งหลายแล้วชวนพวกพ้องมาด้วยสินะ ดูเหมือนชายหนุ่มจะพลาดไปแล้วล่ะมั้ง ที่ไม่ยอมไปแจ้งความให้เป็นเรื่องเป็นราวไว้เสียก่อน แต่ธารานนท์ก็แปลกใจอีกหน เมื่อไม่พบผู้หญิงที่เข้าออกรีสอร์ทเกินหลายสิบคนในเวลาที่ว่าด้วยซ้ำ นอกจากนั่งดื่มมุมบาร์ มุมอาหารหัวค่ำแล้วก็กลับไปจนหมด เวลาดึกดื่นประมาณนั้น กลับมีเพียงผู้หญิงแค่สองคนเท่านั้น ที่ได้เข้าออกรีสอร์ทตามคำรายงานจากยามรักษาความปลอดภัย ส่วนผู้หญิงหรือเด็กสาวร่างบางตัวเล็กๆวัยน้อยนั่นคงแอบหนีออกไปทางป่าแน่ๆ และแล้วมักจะมีอันตรายเกิดขึ้นมากมายในยามวิกาลเสียด้วยสิ แต่เขาก็สั่งให้คนงานออกสำรวจไปหมดแล้ว ปรากฏว่าก็ไม่มีภัยอันตรายร้ายแรงใดๆเกิดขึ้นในบริเวณรอบๆรีสอร์ทเลย

“ป่านนี้ นังหนูคนนั้นคงกลับถึงบ้านไปแล้วล่ะมั้งนะ” ธารานนท์บ่นพึมพำพูดคนเดียวในห้องทำงานของตน หลังกิตดาเข้ามารายงานการถูกพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งก่อความเสียหายในรีสอร์ททุกตารางนิ้ว มือหนาคว้าต่างหูเพชรข้างหนึ่งรูปผีเสื้อขึ้นมาเชยชม เนื่องจากเขาเผอิญเห็นมันตกอยู่บนที่นอนของเขาเมื่อเช้านี้เอง หลังจากที่กำลังตื่นนอนด้วยแผ่นหลังอันแกร่งของเขาดันถูกสิ่งแหลมเล็กๆทิ่มแทง ชายหนุ่มพินิจดูแล้วเนื้อเพชรนี้อาจจะเป็นของแท้เสียด้วยและค่อนข้างมีราคาแพงพอสมควร

“ต่างหูนี่ คงไม่ใช่...มีอาเสี่ยหน้าไหน ที่ไหนให้มาหรอก นังหนู” ธารานนท์ยังเผลอพร่ำพูดกับความคิดตนเองจนต้องสลัดทิ้ง ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่เขาสามารถต้องการได้ แค่เด็กสาววัยย่างสิบเจ็ดสิบแปดตัวน้อยหนีการถูกขายตัวเข้ามาหาหลบในห้องของเขา ทำไมเขาจะต้องไปจดจำอะไรนักหนากันน้า...ธารานนท์เลิกคิดฟุ้งซ่านหันมานั่งทำงานของตนต่อจนพลบค่ำตะวันตกดินจนลืมเวลาไปเลย นายธารานนท์ เตชโชติหนุ่มเศรษฐีเจ้าสำราญ จู่ๆได้หนีความวุ่นวายในเมืองกรุงอันใหญ่กว้างมาหลบใช้ชีวิตอันเงียบง่ายๆ ณ ต่างจังหวัดเกือบสามสี่ปีมาได้แล้ว เพราะเขาต้องการหนีความหลงอำนาจของผู้เป็นพ่อนักการเมืองชื่อดังพรรคฝ่ายค้าน อย่างนายธาราฤทธิ์ พงษ์วานิช ส.ส แบบบัญชีรายชื่อ และเป็นถึงรองหัวหน้าพรรคฝ่ายปัจจุบัน คือพ่อแท้ๆของเขาเอง ส่วนเขานั้นกลับเลือกใช้นามสกุลของคนเป็นแม่ เตโชติ เพราะต้องการหลบหนีชีวิตการเมืองของคนเป็นพ่อ เขาก็แค่ลูกชายที่ไม่เอาไหนของอดีตภรรยาท่านส.ส.ธาราฤทธิ์ พงษ์วานิช ที่เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง ปัจจุบันท่านส.ส.ธาราฤทธิ์ ได้ตกแต่งงานใหม่กับตระกูลผู้หนุนหลังหัวคะแนนเสียงเลือกตั้งให้พรรค ซึ่งได้มีบุตรสองคนด้วยกัน คนโตเป็นหญิงสาวมากความสามารถถึงขั้นคุมการเงินการธนาคารใหญ่ได้และลูกชายคนเล็กที่กำลังเตรียมพร้อมเพื่อช่วยคนเป็นพ่อหาเสียงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีข่าวแทบทุกวันเมื่อเป็นถึงทายาทของ ส.ส.ธาราฤทธิ์ พงษ์วานิช ส่วนเขาธารานนท์ ลูกชายภรรยาเก่านั้นแทบจะไม่แตะต้องการงานสมบัติฝ่ายคนเป็นพ่อเลย ที่เขามีครอบครองตอนนี้ก็เป็นทรัพย์สินมหาศาลของผู้เป็นมารดาบังเกิดกล้ากิจการหุ้นส่วนโรงแรมและมีรีสอร์ทเล็กน้อยใหญ่ทั่วประเทศ หนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างธารานนท์ เตชโชติ เป็นถึงซีอีโอผู้บริหารในเครือเตโชติกรุ๊ป แต่แล้วก็เลือกเข้าไปทำงานตามรีสอร์ทเล็กๆในเครือด้วยตนเองทั่วประเทศ เพราะไม่ต้องการกลับไปยังบ้านเมืองใหญ่เมืองหลวงของคนเป็นพ่อ เจอกันแค่ปีละหนสองหนมันก็มากพอแล้ว ซึ่งเมื่อเดือนก่อนนี้ คนเป็นพ่อจู่ๆก็กลับมาวุ่นวายในชีวิตของเขาอีกหลายหน ด้วยการคิดหาคู่หมั้นให้เขาเป็นตัวเป็นตน และเขาก็รู้ว่าเพราะมันคือผลประโยชน์ทางการเมืองของคนเป็นพ่อต่างหาก จึงไม่คิดจะรับมันไว้ได้เด็ดขาดและตอกย้ำโดยการปฏิเสธหัวชนฝา แล้วก็หนีหายหัวมาอาศัยอยู่ต่างจังหวัดที่พ่อมักจะตามตัวได้ยากนัก หวังว่าท่านพ่อนักการเมืองคงจะล้มเลิกความคิดจับเขาหมั้นกับผู้หญิงสาวตระกูลดังที่ไหนก็ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อยด้วยสักทีเถอะนะ

“บางที ถ้าผมแต่งานกับผู้หญิงสาวชาวบ้านแถวนี้ พ่อคงจะบ้าคลั่งแน่ๆ หึๆ” ธารานนท์ขบขำกับความคิดของตนเองที่เกิดเพราะดันวกวนกลับมายังเด็กสาวที่ถูกเอามาขายตัวเมื่อคืนและจับพลัดผลูหนีหน้าตั้งทะลุเข้ามาในเรือนไม้บ้านพักของเขาเข้า

“บ้าจริง! นังหนูนั่นรบกวนสมาธิของเราอีกแล้ว เฮ้อ...เธอเป็นใครกันน้า...” สภาพความพร่ำเพ้ออยากรู้ตัวตนของเด็กสาวหรือหญิงสาวว่าเป็นใครจากหนุ่มเจ้าสำราญอย่างธารานนท์ เจ้าของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้า ก็คงตราตรึงสัมผัสร่างอันนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยๆนี้ไปอีกนานแสนนาน



ทางด้านหญิงสาวที่หนุ่มเจ้าของรีสอร์ทคนใหม่แห่งแมกไม้กอหญ้าเพรียกหานั้น ก็กำลังเดินทางไปยังจุดนัดพบกะท่านปลัดอำเภอร่างท้วมหน่อยๆ เริ่มด้วยการคุยงานเรื่องการปลูกป่าทดแทนที่ยังต้องดำเนินก้าวต่อไปจนต้องลงไปดูพื้นที่ดังกล่าวด้วยกว่าจะเรียบร้อยและดำเนินงานประสานได้ทุกฝ่าย ทั้งยังมีกิจกรรมให้นักเรียนมาร่วมด้วยถือว่าเป็นโครงการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้นไปอีกทางหนึ่ง แต่ว่ากว่าต้นจะเติบโตและใหญ่มันคงจะชักช้ามากกว่าการตัดไม้และทำลายผืนป่าอันสมดุลที่ทลายกวาดหายไปในคืนเดียวก็มีมาแล้ว ใกล้จะพลบค่ำมืดเข้ามาเรื่อยๆ โครงการปลูกป่าทดแทนก็ประสานดำเนินงานได้จนเสร็จ โดยมี ส.ส. นรินศา เป็นผู้คอยสนับสนุนและเร่งรัดประสานกับหน่วยงานป่าไม้ในท้องถิ่นให้เร็วขึ้น เพราะผืนป่าที่ว่านั้นมันหัวโล้นจนมองอย่างไงก็เห็นเต็มๆสองลูกตาเปล่า

“หนูริน ไปทานข้าวกับลุงก่อนนะ เดี๋ยวค่อยกลับบ้านกัน” เสียงนายปลัดร่างท้วมนิดหน่อยหรือ นายปลัดสมพงษ์ ที่เป็นหัวหน้าโครงการปลูกป่าในพื้นบ้านเกิดของตนถึงกลับยิ้มแก้มบานตลอดเวลาที่ได้คุยงานกับ ส.ส.นรินศาขวัญใจคนทั้งหมู่บ้าน ลุยงานเดี่ยวไม่ต้องรอให้พรรคพวกมาจิกกัดจนเสียงาน ท่านปลัดวัยกลางคนย่อมรู้ดีว่า ลูกสาวของอดีต ส.ส.ทุกสมัยอย่าง ศาสน์ตรา อัณณ์ศญา ได้ความเก่งจากคนเป็นพ่อมาเต็มยศ แต่ไม่น่าคิดดื้อรั้นเร็วเกินไปเลย จู่ๆก็รอพรรคพ้องของคนเป็นพ่อที่คะแนนหาเสียงดิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆจนเอาคะแนนเสียงกลับมาไม่ไหวถึงเกือบเป็นสิบๆปีพรรคของคนพ่อก็ไม่เคยได้รับให้เป็น ส.ส. ในเขตของตนเองอีกเลย และพรรคพ้องของคนพ่อหญิงสาวก็เริ่มลาถอยห่างออกเพราะชาวบ้านเริ่มหมดศรัทธาทั้งมีอายุอันมากขึ้นอีก ทำให้มีคนรุ่นใหม่ไฟแรงและด้านหัวคะแนน รวมถึงมีผู้นำที่มีนโยบายชักจูงดลใจต้องใจชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ จนครอบคลุมไปเสียทุกพื้นที่หมด ซึ่งลูกสาวของอดีต ส.ส.ศาตรา ก็เข้าไปคุกคลีอยู่ในแวววงนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรงนานพอ จนรู้ว่านักการเมืองทุกแขนงก็มักจะทำเพื่อพรรคพ้องก่อนจะนึกถึงส่วนรวมเพื่อประชาชน กระนั้นนรินศาก็ยังต้องใช้ความศรัทธาของชาวบ้านกับพรรคการเมืองที่สร้างขึ้นใหม่นี้ เพื่อดันให้ตนเองได้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากจะทำ แน่นอนเพื่อชาวบ้านที่บ้านเกิดของเธอ เธอหวังว่าสักวันชีวิตบ้านเกิดของเธอจะกลับมาร่มเย็นสงบสุขตามที่เคยเห็นในสมัยยังวัยน้อยนิด แต่เมื่อเติบใหญ่บ้านเมืองก็กลับเปลี่ยนไปมากมายเกินเหลือ

“เอ่อ...” ส.ส.นรินศาอึกอักเล็กน้อย เพราะกะว่าจะไปหาเพื่อนสาวแม่เลี้ยงแห่งสินพสุธรกับเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน แต่แล้วก็ต้องชะงักพูดค้าง เพราะว่านายปลัดสมพงษ์ ได้เอ่ยบอกว่าจะไปรับประทานอาหารที่ รีสอร์ทเกิดเรื่องกับเธอเมื่อคืนนี้

“ไม่ได้ไปทานข้าวไกลถึงที่ไหนหรอก หนูริน ทางกลับบ้านพวกเรานี้แหละ รีสอร์ทข้างหน้านี้เอง”

“ก็ได้ค่ะ รินก็เริ่มหิวๆแล้วเหมือนกันค่ะ”

“จะไม่หิวได้ไงหนูริน ตั้งแต่เที่ยงมาดื่มน้ำผลไม้ไปกระป๋องเดียวและมาลุยงานโครงการต่อ มันก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ไปกันเถอะหนูรินคงหิวจะแย่แล้ว เดี๋ยวลุงเลี้ยงข้าวเองนะ” นายปลัดสมพงษ์กล่าวกับนักการเมืองท้องถิ่นสาวด้วยความรื่นเริงใจ เพราะงานดำเนินได้รวดเร็วและมีผลประโยชน์ต่อธรรมชาติในบ้านเกิดด้วย ยิ่งมีต้นไม้เล็กใหญ่มากเยอะเท่าไร จะทำให้ผืนป่าเริ่มสมดุลขึ้นอีกครั้ง แม้จะต้องใช้เวลาอีกหลายปีก็ตาม บ้านเกิดของเธอเริ่มแห้งแล้งไปมาก ถ้าฤดูฝนที่พายุเข้าหนักมากๆ บ้านเกิดของเธอน้ำท่วมแน่ๆ และยังเป็นความโชคดีที่ในจังหวัดของเธอเริ่มหันมาปลูกต้นยางกันมาขึ้น ที่ดินที่ทำงานทำสวนไม่ได้แต่ปลูกต้นยางได้ จึงทำให้ชาวบ้านจับมือหันมาทำเกษตรสวนยางกันมากพอตัวเลยทีเดียว

หันมาทางด้านหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าคนใหม่ ซึ่งยามพกค่ำนี้ดูเหมือนจะมีผู้คนหลั่งหลายเข้ามาทานอาหารมืดค่ำเยอะกว่าปกติ และยังดีกว่าเงียบๆหรือมีผู้คนน้อยๆ คงเป็นเพราะได้เห็นรถปิกอัพขบวนสามสี่คันพร้อมรถตู้สีดำราคาเข้ารับทานอาหารในรีสอร์ท พร้อมทั้งเขากำลังมีความคิดที่จะขยับขยาย รีสอร์ทแห่งนี้เพิ่มขึ้น ด้วยการหันมาสนใจที่ดินบริเวณรอบๆ รีสอร์ทจนไปถึงตีนถูเขา พอรู้สภาพแวดล้อมในจังหวัดแห่งนี้แล้ว คือ มีการเริ่มหันมาปลูกต้นยางมากขึ้น เขาก็จะลงทุนทำสวนยางควบคู่ไปกับรีสอร์ทด้วยเลย

“คุณกิตดาครับ...” ชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทคนใหม่เอ่ยทักผู้จัดการทั่วไปคนขยันที่หน้าฟร้อนประชาสัมพันธ์และต้อนรับของแมกไม้กอหญ้า

“ครับ เจ้านาย เอ่อ...อย่าเรียกผมว่าคุณกิจดาเลยนะครับ เรียกพี่กิตต์จะดีกว่า” กิตดาวัยกลางคนเอ่ยบอกกับเจ้านายหนุ่มที่ดูจะอายุน้อยกว่าเขาหลายปี การที่กิตดานั้นสามารถเข้าได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัยได้ จึงทำให้เจ้านายหนุ่มเริ่มไว้วางใจขึ้นมาอย่างที่ได้เห็น

“ก็ได้ครับ พี่กิตต์” หนุ่มธารานนท์เอ่ยเรียกตามที่ชายวัยกลางคนผิวสีเข้มบอก แต่เขายังคงให้ความสนิทสนมไม่ได้เต็มที่เท่าไรนัก เพราะว่าต้องขอดูการทำงานผู้จัดการรีสอร์ทชายวัยกลางคนนี้ไปอีกสักระยะ การให้ความสนิทมากจนเกินไปอาจจะให้ควบคุมการบริหารไม่อยู่ตัวพอดี

“ครับ เจ้านายมีอะไรให้พี่รับใช้ครับ” กิตดารู้ว่าเจ้านายหนุ่มยังวางท่าทีไปให้ความสนิทสนมให้คุ้นเคยด้วย ก็เริ่มเอ่ยหน้าที่เขาดีกว่า คงจะยากนักที่หนุ่มเมืองกรุงออกมาทำงานต่างบ้านในต่างจังหวัดบ้านนอกที่ไม่คุ้นเคย ทว่ากิตดายังไม่รู้เลยว่า ธารานนท์ เตชโชติ คือ ผู้บริหารระดับสูงสุดในเครืออันมากมายของเตชโชติกรุ๊ป เพราะการเข้าบริหารของธารานนท์ เป็นความลับเพื่อไม่ให้คนเป็นพ่อบังเกิดเกล้าตามตัวเจอ ตอนนี้กิตดารู้เพียงแต่ว่า เจ้านายคนใหม่นี้คงถูกส่งมาจากเตชโชติกรุ๊ป ที่มักจะจ้างบุคลากรนักบริหารชั้นยอดให้เข้ามาบริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครืออันมากมาย เจ้านายคนใหม่ของกิตดาคนนี้ก็คงเป็นนักบริหารธุรกิจที่เก่งมากพอสมควร ถึงสามารถแข่งขันเข้ามารับตำแหน่งงานผู้บริหารรีสอร์ทในเครือเตชโชติกรุ๊ปได้

“ไม่มีอะไรมากครับ ผมรู้สึกว่าวันนี้แขกเยอะน่ะครับ เป็นแบบนี้บ่อยไหมครับ” ธารานนท์เอ่ยถาม พลันดวงตาอันคมแพรวพราวก็สบเข้ากับร่างของผู้หญิงตัวเล็กๆเอวบางน้อยที่ดูเหมือนจะมีแต่ชายวัยกลางคนสวมชุดเครื่องแบบราชการอ้อมล้อมเดินเคียงข้างอยู่หลายคนด้วย คิ้วอันดกหน้าย่นขมวดลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย

“ไม่บ่อยครับ เจ้านาย นานๆทีจะมีหน และส่วนใหญ่ก็มักจะจองล่วงหน้ามาก่อน แต่ครั้งนี้...แปลกนิดหน่อย”

“แปลกงั้นเหรอ ผมไม่เข้าใจครับ”

“ก็ส่วนมากคนใหญ่คนโต ยศเจ้านายราชการ ถ้าจะมารับเลี้ยงกันที่นี่ก็มักจะโทรมาจองล่วงหน้าน่ะครับ แต่ครั้งนี้กลับมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คงไม่ใช่การรับเลี้ยงเป็นทางการ ซึ่งผมคิดว่า...มันน่าออกจะสำคัญอยู่นะ” กิตดาตอบคำถามเจ้านายและออกความเห็นเพราะว่า เห็นรถตู้สีดำคันใหญ่อันคุ้นตา

“กลุ่มชุดราชการนั้นหรือเปล่า ช่วยไปต้อนรับพวกเขาให้ดีที่สุดแล้วกันนะ” เจ้านายหนุ่มก็พอจะรู้ว่าคนต่างจังหวัดให้ความนับถือชั้นยศข้าราชการ มากกว่าอาชีพประกอบการธุรกิจ การที่เขาได้ท่องไปยังพื้นที่ที่มี รีสอร์ทอยู่ต่างจังหวัดมาหลายปีทำให้เห็นวิถีท้องถิ่นมากขึ้นและแตกต่างจากคนในเมืองสิ้นเชิง ส่วนมากเขาจะเดินทางไปๆมาๆ ระหว่างรีสอร์ทสองสามเดือน ขั้นนานที่สุดก็หกเดือนและจะกลับเข้ามายังโรงแรมหลักเครือแม่ใหญ่ แต่การมาในครั้งนี้ธารานนท์อาจจะมาอยู่นานถึงเป็นปีเลยทีเดียว ด้วยความเคืองแค้นคนเป็นพ่อบังเกิดเกล้าที่จู่ๆก็เข้ามายุ่งวุ่นวายชีวิตความเป็นส่วนตัวของเขาด้วยการจับหมั้นหมายกับคนที่พ่อต้องการ ถ้าคิดจะหาคู่หมั้นให้เขา เขาก็ขอเลือกผู้หญิงที่ต้องการด้วยตนเองและแน่นนอนจะได้เป็นคู่ชีวิตของเขาตลอดไป และจะมีบ้างไหมผู้หญิงที่เขาจะพร้อมมอบความรักให้ แล้วพร้อมที่จะใช้ชีวิตคู่ครองรวมกัน ความคิดพวกนี้ยังคงมีไว้อยู่ในหัวใจของหนุ่มเจ้าสำราญตลอดทุกเวลา

“ครับ เจ้านายจะออกไปทักทายหรือรู้จักกันไว้หน่อยไหมครับ” กิตดาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มที่มองไปตามคณะชุดราชการดังกล่าว รอยยิ้มของกิตดาก็ผุดขึ้นน้อยๆ ดูออกว่าเจ้านายหนุ่มกำลังเผลอแววตาหวั่นไหวสนใจสิ่งใด

“ก็ดีครับ แต่ขอเวลาอีกสักพักใหญ่นะ ให้พวกเขาทานอาหารเรียบร้อยก่อน แล้วผมก็ขอทานข้าวที่โต๊ะข้างในโซนห้องอาหารรับรองใหญ่ด้วย ให้เด็กจัดอาหารตามรายการนี้ด้วยน่ะครับ และถ้าพี่กิตต์ออกไปต้อนรับแขกเสร็จแล้ว มาทานข้าวกับผมด้วยน่ะครับ” ธารานนท์บอกสิ่งที่ต้องการกับผู้จัดการทั่วไปกิตดายืดยาวทีเดียว คำสั่งที่เอ่ยออกมาอย่างวันแรกๆที่เจ้านายคนใหม่รับตำแหน่งเข้าทำงาน กิตดาดูแล้วว่ากิจการรีสอร์ทที่นี่คงจะเปลี่ยนไปเยอะแน่ๆ ไม่เหมือนคนเก่าที่เอาแต่กินเหล้ากินยาหลงระเริงไปกับความมึนเมาผลาญกินเงินเดือนในตำแหน่งไปวันๆ แถมยังหลงกับการอำนาจกับผู้มีอิทธิพลที่นี่อีก ถ้าคณะกรรมการใหญ่และชุดตรวจสอบบัญชีจากเตชโชติกรุ๊ปไม่เข้ามาตรวจสอบก็คงจะไม่มีวันล่วงรู้ถึงหรอก และคงเป็นเพราะบัญชีการเงินของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าที่ส่งไปยังเครือหลักแม่ กำไลสุทธิมันน้อยลงไปทุกๆปีด้วยต่างหาก

ด้านโต๊ะใหญ่คณะชุดสีกากีมีอาหารถูกเสริฟ์ส่งดำเนินมาเรื่อยๆแถมยังดื่มด่ำคอเคลิ้มอิ่มหนำสำราญไปกับเสียงเพลงเบาๆสบายๆ และสับเปลี่ยนกับเพลงลูกทุ่งช้าๆบ้าง ดวงตาสีนิลดำของเจ้าของรีสอร์ทที่จ้องมองตลอดเวลา เมื่อเห็นหญิงสาวใบหน้าวัยละอ่อนสวมชุดทำงานออฟฟิคเนื้อดีนั่งสง่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มชุดสีกาสีวัยกึ่งไปทางชราทั้งนั้น พอธารานนท์สังเกตดูๆ แล้วคณะชุดสีกากีนี้มักจะเกรงๆ ใจหรืออ่อนน้อมให้กับหญิงสาวคนนี้อย่างมากด้วย มันทำให้ธารานนท์ต้องทอดสายตามองไปจนเตะตาถึงขั้นไม่ยอมกระพริบเสียด้วย ทั้งดวงหน้าที่ดูอ่อนวัยมากที่สุดในนั้น เมื่อกิตดาผู้จัดการทั่วไปรับรองแขกเหรื่ออันมากมายเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องรีบดิ่งมาทานข้าวกับเจ้านายคนใหม่ พร้อมกับเจอคำถามแรก เมื่อนั่งพักดื่มน้ำเปล่าไปได้เพียงจิบเดียว

“นั่นใครกันหรือครับ พี่กิตต์” กิตดาหันไปมองตามที่เจ้านายหนุ่มเอ่ยถาม แล้วก็ต้องยิ้มน้อยๆอย่างบางอ้อและตอบออกไปว่า

“อ๋อๆ นายปลัดสมพงษ์ครับ ท่านเป็นที่เคารพผู้ใหญ่คนหนึ่งของชาวบ้าน ทำงานทำการช่วยเหลือชาวบ้านเดือดร้อนก่อนที่เงินงบประมาณจะมาถึงเสียอีกครับ” กิตดาเอ่ยตอบ แต่ดูเหมือนสายตาคมของเจ้านายหนุ่มกลับจ้องไปยังเรือนร่างเล็กผมซอยสั้น รูปหน้ายังดูอ่อนวัยยิ่งนัก ด้วยการแต่งตัวของเธอกลับดูเหมือนวัยทำงาน มันทำให้ธารานนท์เผลอจ้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นเอามากๆ เป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้ ที่อยู่ๆต้องมานั่งจ้องมองไปทางหญิงสาวใบหน้าอ่อนวัยสวยคนนั้น ลอบมองดูแววตาคมบางหวาน ทั้งยังมีความฉลาดหลักแหลมทันคนอย่างเห็นได้ชัด ในขนาดที่พูดคุยกับชายผู้มีอายุมากกว่าได้อย่างฉะฉานและก็ทำตัวอ่อนน้อมอย่างชัดเจน

“ส่วนหญิงสาวคนสวยคนเดียว ที่นั่งทานอาหารร่วมกับคณะของท่านปลัดสมพงษ์ คือ ขวัญใจประชาชนครับ” กิตดาตอบออกไปทั้งอมยิ้ม เขาว่าแล้ว เมื่อตามที่ได้มองเห็นสายตาของผู้เป็นเจ้านายคนใหม่ ซึ่งกำลังจ้องสนใจอะไรบางอย่างในคณะชุดสีกากีก็ต้องเผลอแสดงออกมา คนเป็นหนุ่มเจ้าสำราญไฮโซเมืองกรุง เมื่อเผอเรอจับตามองเห็นหญิงสาวที่ถูกใจก็ทำให้กิตดาดูออกได้อย่างชัดเจน แต่เจ้านายหนุ่มคนใหม่ของกิตดาจะเข้าไปร่วมวงขนมจีบขวัญใจประชาชนได้หรือเปล่าน้า... ชื่อเสียงกิตติศัพท์ด้านความเย็นชาของหญิงสาวขวัญใจชาวบ้าน มักจะสนใจเรื่องงานการมากกว่าการที่มีหนุ่มๆทั้งหลายรุ่นเล็กรุ่นใหญ่มาเกี้ยวพาราสีใส่

“ขวัญใจประชาชน! หมายความว่าไงครับ นักร้อง นักแสดง ทำไมผมไม่เคยเห็นและรู้จักเลย พี่กิตต์” ธารานนท์รีบเอ่ยถามด้วยความฉงนจากใจ ยิ่งลอบมองใบหน้าวัยละอ่อนแสนสวยนั้นแล้ว เธอเป็นถึงคนดังในวงการบันเทิงงั้นเหรอ ทำไมเขาไม่เคยพบเห็นเลย ชายหนุ่มก็ออกงานสังคมออกจะบ่อยเสียด้วยซ้ำ ดารา นางแบบหญิงใดที่ดังๆ เขาย่อมรู้จักอยู่แล้ว กิตดาส่ายหน้าไปมาหนึ่งที ก่อนจะรีบเอ่ยตอบให้เจ้านายหนุ่มรับรู้โดยเร็ว เมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่มกำลังจะคิดออกไปไกลๆ เกินจริง

“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทั้งนักร้อง นักแสดง นางแบบ ดาราช่องไหนๆ แต่...เป็นขวัญใจประชาชนที่ถูกเลือกด้วยปลายปากกา ทุ่มเทหัวใจให้เธอได้รับตำแหน่งบริหารเป็น ส.ส.ท้องถิ่น เขต 3 จังหวัดของเราครับ เธอชื่อ นรินศา อัณณ์ศญา “ เมื่อธารานนท์ได้ยินที่กิตดาผู้จัดการทั่วไปบอกก็ถึงกับอึ้งนิ่งไปอย่างมากเลย แต่แล้วก็ต้องเบ้ปากละตาสายตาทิ้งเหมือนจะไม่สนใจใยดีขึ้นมาดื้อๆ เพราะว่ามันคือเรื่องของการเมืองอีกแล้ว นี่เขาจะหนีไม่พ้นแวววงการทำงานของคนเป็นพ่อบังเกิดเกล้าเลยเหรอไงกัน

“เจ้านายไปทำความรู้จักกับพวกท่านไว้นะครับ มันเป็นผลดีกับรีสอร์ทเราด้วยในวันข้างหน้านะครับ” ในที่สุดสิ่งที่ธารานนท์ได้เอ่ยไว้ก่อนจะทานอาหารมื้อค่ำกับกิตดา ว่าจะเข้าไปทักทายคณะชุดสีกากี หลังจากเมื่อพวกเขาได้ทานอาหารอิ่มอกอิ่มท้องแล้ว

“ก็ได้ครับ” เสียงที่เจ้านายตอบออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทำให้กิตดาแปลกใจงุนงง เมื่อสักครู่ยังสนอกสนใจกับโต๊ะอาหารคณะท่านปลัดสมพงษ์ไม่น้อย แต่แล้วทำไมถึงออกอาการเหมือนจะไม่เข้าไปพบเสียแล้วล่ะ กิตดาก็ได้แค่สงสัยไปก่อน แล้วก็ลุกขึ้นพาเจ้านายคนใหม่เดินดิ่งตรงไปหาคณะปลัดสมพงษ์เพียงไม่ถึงสิบก้าวเท้า มือหนาของกิตดาก็ยกขึ้นพนมมือไหว้คณะท่านนายปลัดสมพงษ์ที่ดูจะมีอายุมากกว่าเขาหลายปีมากทีเดียว

“สวัสดีครับท่านปลัดสมพงษ์ อาหารเป็นไงบ้างครับ ขาดเหลืออะไร บอกผมได้นะครับ”

“อ้าว หวัดดีผู้จัดการกิตต์ อาหารที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิมนะ” นายปลัดสมพงษ์เอ่ยทักผู้จัดการของที่นี่ด้วยท้องอิ่มและชมเกี่ยวกับอาหารที่ยังอร่อยฝีมือไม่ตก

“ขอบคุณครับ งั้นผมขอแนะนำให้รู้จักเจ้านายคนใหม่ของรีสอร์ทนะครับ”

“มีเจ้าของคนใหม่มาแทนแล้วเหรอ ครับ” นายปลัดสมพงษ์นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยสนทนากับผู้จัดการกิตดาก็เหลือบสายตาไปมอง ชายหนุ่มหล่อเหลามาดสันทัดภูมิฐาน แม้จะสวมกางเกงยืนส์สีเข้มกับเสื้อคอวีสีขาวลายปักขวางเล็กน้อย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมธารานนท์ ผู้การจัดการใหญ่รีสอร์ทแมกไม้กอหญ้าครับ” น้ำเสียงของชายหนุ่มหล่อดูออกว่ามาจากเมืองกรุง แม้ผิวจะขาวอมชมพูออกไปทางเชื้อสายจีนผสมลูกครึ่งอยู่ไม่น้อย ใบหน้าหล่อผุดยิ้มน้อยนิดพอเป็นพิธี แต่แล้วจู่ๆ น้ำเสียงทุ้มดังกล่าวนั้น ทำให้ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มเกิดความสะกิดเอะใจขึ้นมา เพราะมันช่างเหมือนกับผู้ชายที่ฉวยโอกาสเธอเมื่อคืนมากเสียเหลือเกิน

“ยินดีได้รู้จักครับ ผมชื่อสมพงษ์ เป็นปลัดประจำการที่นี่” คนอายุวัยกลางกึ่งไปทางชราเอ่ยตอบรับ แล้วพินิจมองดูเจ้านายคนใหม่ของรีสอร์ท ซึ่งยังมีอายุน้อยๆนัก ก่อนจะรีบแนะนำหญิงสาวคนสำคัญบนโต๊ะให้รู้จักทันที

“คุณธารานนท์ คงยังไม่รู้จัก หนูรินสินะ” ดวงตาอันคมที่พยายามไม่คิดจะชายมองหญิงสาวแสนน่ารักอ่อนวัย ที่เพิ่งทราบจากปากของพี่กิตต์ว่าได้มีกลิ่นคาวในอาชีพของคนเป็นพ่อบังเกิดเกล้า มันก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าไม่ยากจะเกี่ยวข้องหรือข้องแวะด้วยขึ้นมาดื้อๆ แต่แล้วน้ำเสียงหวานนิ่งๆที่เอ่ยออกมานั้น ทำให้ธารานนท์ต้องตื่นจากภวังค์ความคิดของตนเอง

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ ดิฉันชื่อนรินศาค่ะ” เจ้าของรีสอร์ทหนุ่มรูปหล่อแทบอึ้งไปชั่วขนาดที่ได้ยินน้ำเสียงเล็กๆหวาน มันช่างคุ้นหูและหลอกหลอนเขาทั้งคืน จนถึงวันทำงานวันนี้ แม้จะสลัดทิ้งไปให้หายกังวลแล้ว แต่ก็เผลอกลับมาคิดถึงเหมือนเดิม และยิ่งได้ยินน้ำเสียงของตัวแทนราษฎรสาวแสนน่ารักคนนี้เอ่ยออกมา มันช่างเหมือนกับน้ำเสียงของนังหนูที่ถูกหลอกมาขายตัวเมื่อคืนเสียจริงๆ และมันเป็นการตอกย้ำเขาเหลือเกินที่ไม่อาจจะหยุดคิดถึงนังหนูคนนั้นได้

“รู้จักกันไว้ก็ดีเลยนะครับ เวลามีเรื่องเดือดร้อน คุณธารานนท์ก็มาขอความช่วยกับ ท่าน ส.ส. นรินศา ก็ได้นะครับ ผมรับลองว่าผู้หญิงตัวเล็กๆก็ทำงานเก่งทั้งแข็งแรง และไม่แพ้ผู้ชายเช่นกัน ไม่งั้นชาวบ้านคงจะไม่ยกตำแหน่งขวัญใจให้หรอกครับ” ท่านปลัดสมพงษ์เอ่ยพูดด้วยความขบขำเล็กน้อยๆ แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายหนุ่มจะยืนตกตะลึงอยู่เนินนานจนไม่ได้ยินเสียงที่ปลัดสงพงษ์เอ่ยพูดบอกเสียเลย

“ไม่ถึงขนาดนี้หรอกค่ะ คุณลุงสมพงษ์ รินก็พอจะช่วยให้ได้มากที่สุดของรินเท่านั้นเองค่ะ” ปลัดสมพงษ์ชอบใจนัก เมื่อส.ส.สาวแสนน่ารักตรงหน้าพูดถ่อมตน ทำงานก็รวดเร็วทันใจ มีความเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้คนและชาวบ้านเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิดเพี้ยน

“ฮ่าๆ หนูรินเอ้ย สมัยหน้าเดี๋ยวลุงช่วยหาเสียงให้อีกแรงเลยนะ” ปลัดสมพงษ์แทบเอ่ยในสิ่งที่ใจคิดออกมา ด้วยการว่าถ้าสมัยหน้าปลัดแก่ๆคนหนึ่งยอมเป็นหัวคะแนนหาเสียงให้สาวน้อยคนเก่งคนนี้แน่ๆ

“ขอบคุณค่ะ คุณลุงสมพงษ์ที่เป็นกำลังให้หญิงสาวตัวน้อยๆ รับใช้ประชาชนค่ะ”

“ไม่เป็นไร ลุงเต็มใจ อ้าวๆ คุณธารานานนท์ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำเลยหรือครับ” ปลัดสมพงษ์พอจะดูออกมาเจ้าของรีสอร์ทคนใหม่กำลังอึ้งในความอาชีพการงานของหญิงสาวตัวเล็กๆ มากเลยสินะ

“คุณธารานนท์ ถ้าเดือดร้อนเรื่องที่ทำมาหากิน หรือที่ทำงานก็มาขอความช่วยเหลือจากหนูรินได้เลยนะ ผมมั่นใจว่าหนูรินจะช่วยได้แน่นอน” ปลัดสมพงษ์เอ่ยเรียกอีกครั้ง พร้อมบรรยายสรรพคุณความสามารถของหญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม

“เอ่อ...ครับ ผมคงไม่มีเดือดร้อนเท่าชาวบ้านหรอกครับ นอกเสียจาก...” จู่ๆสายตาที่ดูท่าทางจะจงรังเกียจหยันๆ ในทีแรกก็เปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิง กิตดาผู้จัดการทั่วไป ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ยังแทบอึ้งไปเลยกับการได้ยินคำพูดของเจ้านายคนใหม่ที่พลั่งพูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจอย่างมาก

“เดือดร้อนเรื่องหัวใจ...” ธารานนท์เอ่ยแค่นั้น เรียกเสียงหัวเราะจากคณะปลัดสมพงษ์ดังลั่น ด้วยความถูกใจ ถึงความใจกล้าของเจ้าของรีสอร์ท แค่พบกันไม่ถึงสิบนาทีก็ออกลวดลายคารมแจกขนมจีบใส่หญิงสาวคนเดียวบนโต๊ะอาหารเสียแล้ว และดูเหมือน ส.ส.สาวคนเก่งจะไม่เล่นด้วย จู่ๆก็ได้แต่นิ่งเงียบไปหันมามองดูนาฬิกาข้อมือบางของเธอ และรีบเอ่ยขอตัวกลับบ้านเลย ไม่ว่าไปที่ไหนๆ หญิงสาวก็มักจะเจอกับคำพูดของพวกผู้ชายชายที่ดูจะเกี้ยวพาสีใส่เธอทุกครั้ง แม้แต่นายธารานนท์ด้วย แถมยังกล้าแสดงความสนใจออกมาได้อย่างชัดเจนและรวดเร็วมากที่สุด เท่าที่เธอเคยพบเจอเสียด้วยซ้ำ มันจึงทำให้นรินศาหงุดหงิดจนถึงขั้นน่ารำคาญ

“เอ่อ..ดิฉันขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ขอบคุณ คุณลุงสมพงษ์สำหรับเลี้ยงข้าวมื้อค่ำนี้นะคะ”

“อ้าวๆ หนูริน ทำไมรีบกลับไวนักล่ะ” นายปลัดสมพงษ์เอ่ยถามกลับอย่างแปลกใจ และคงพอจะเดาออกมาเธอคงจะเบื่อหน่ายหนุ่มๆ แถวนี้ด้วย

“พอดี รินต้องทำธุระต่อนะคะ” แล้วทั้งโต๊ะก็ต้องลุกขึ้นพร้อมกัน เพราะต้องการไปส่งท่าน ส.ส.สาวน่ารักถึงที่รถตู้ประจำตัวของเธอด้วย เล่นมาคนเดียวโดยขาดผู้คุ้มครอง ใครจะกล้าให้เดินทางกลับคนเดียวได้กัน คงจะแปลกใจอย่างมาก และเป็นการไม่ให้เกียรติในตำแหน่งงานของเธอด้วย

“ไม่เป็นไรค่ะทุกท่าน รถดิฉันจอดใกล้ๆ ตรงนี้เอง เชิญทานอาหารต่อเถอะ” ชุดสีกากีทั้งหมดแทบชะงักอยู่กับที่เดิม เมื่อถูกหญิงสาวปฏิเสธรวดเร็ว

“งั้นผมขอเป็นตัวแทนเดินไปส่ง ท่าน ส.ส ที่รถแทนแล้วกันนะครับ” เสียงทุ้มของเจ้าของรีสอร์ทเอ่ยเสนอ ดูเหมือนว่าเขาจะคงพูดจาไม่เข้าหูหญิงสาวแน่ๆ เธอจึงทำตัวทำท่าจะรีบกลับอย่างว่องไว นี่เขาเผลอพูดอะไรออกไปตามที่ใจมันคิดได้ไงกัน แถมหัวใจของเขาแทบกระตุกตลอดที่ได้ยินน้ำเสียงของส.ส.สาวแสนน่ารักวัยน้อยนี้คงจะมีอายุสักยี่สิบห้าปีล่ะมั้ง ท่าน ส.ส.หญิงสาวแสนน่ารักกลับไม่คิดรอรีบเดินดุ่มๆออกมาเลย ธารานนท์ยกมือห้ามเหล่าชุดสีกากีวัยกึ่งชราทั้งหลาย และเอ่ยเสนอเดินไปส่งหญิงสาวขวัญใจประชาชนแทน ซึ่งเกือบจะเดินตามเธอแทบไม่ทัน ผู้หญิงอะไรเดินไวชะมัด ชายหนุ่มบ่นในใจ พอร่างบางพอเดินจ้ำไว้มาถึงรถตู้สีดำคันโต ลุงเข้มคนขับรถและบดี้การ์ดมือขั้นดี ก็ออกมาทำหน้าที่เปิดประตูรถรอรับเจ้านายสาว พร้อมทั้งแปลกใจกับชายหนุ่มที่เดินตามมาด้วย นรินศาจึงรีบบอกห้าม ก่อนที่ลุงเข้มจะเอ่ยทักถามด้วยการกระชับกระชากปืนคู่ใจขึ้นมา ธารานนท์แทบออกอาการตื่นๆ สีหน้าเจื่อลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นผู้คุ้มกันของหญิงสาวเข้า เหมือนพ่อมาคุ้มครองลูกสาวเสียเองเลยทีเดียว

“เดินทาง โดยสวัสดีภาพนะครับ ท่าน ส.ส. นรินศา” เมื่อลุงเข้มกำลังจะเปิดประตูรถตู้ให้คุณหนูคนเดียวของลุงเข้มขึ้นมานั่งประจำที่เดิม อยู่ๆ เสียงทุ้มของชายหนุ่มเจ้าของรีสอร์ทก็รีบเอ่ยขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นรถไป เธอจึงต้องหันมาเอ่ยพูดตามมารยาท

“ขอบคุณค่ะ”

“เดี๋ยวครับ เอ่อ...ผมขอโทษที่พูดจาไร้มารยาทหรือล้อเล่นกับท่าน ไปเมื่อครู่นะครับ” จู่ๆ ธารานนท์ก็อยากจะยืดเยื้อหญิงสาวเอาไว้ให้นานมากที่สุด ขอให้เขาพิจารณาเรือนร่างเล็กชัดๆหน่อยเถอะ ดวงหน้ามนเรียวที่ดูอ่อนหวาน เข้ากับทรงผมที่ซอยระย้าลดมาต้อคอเรียวสวย มีสิ่งหนึ่งที่ติดในดวงตาของธารานนท์ มันคือ ต่างหูรูปผีเสื้ออันเล็กๆ ของหญิงสาว แม้มันจะไม่ใช่คู่ต่างหูที่เขาเก็บได้บนเตียงหรอกนะ แต่มันจะบังเอิญไปหรือเปล่าที่หญิงสาวจะมักจะชอบต่างหูรูปผีเสื้อเป็นอะไรที่พิเศษ การกระทำอันจ้องมองสำรวจทุกสัดส่วนจากนายธารานนท์เห็นได้ชัดเลยด้วย ทั้งสายตาลามเลียอย่างเสียมารยาทยิ่งนัก นรินศาต้องข่มอารมณ์ที่กำลังจะเดือดปุ๊ดๆขึ้นมาเอาไว้ ผู้ชายท่าทางเจ้าชู้แบบคนนี้ เธอจะไม่ขอพบเจออีกเด็ดขาด

“ต่างหูสวยดีนะครับ มีอันคล้ายๆแบบคู่นี้ ทำตกหล่นที่ไหนหรือเปล่าครับ” แต่แล้วหัวใจของท่านส.ส.สาว ต้องกระตุกตื่นวูบเงยดวงหน้าขึ้นสบดวงตาเล็กจ้องกลับไปยังใบหน้าหนุ่มหล่อทำตัวยียวนชวนให้เกลียดขี้หน้าตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก ก่อนจะเอ่ยทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเจือปนออกจะแข็งๆหน่อย เพราะไม่เข้าใจกับคำพูดถามของเขา มันความหมายอย่างไงกัน ทำไมถึงจงใจพูดถามออกแบบนั้นกัน

“ขอตัวนะคะ ขอบคุณที่เดินมาส่ง...” เธอก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็วว่องไว มือหนาที่จะยื่นเข้าไปยั้งไว้ก็ถูกประตูเลื่อนรถตู้สีดำของเธอปิดดังฉับ ใบหน้าของลุงเข้มจ้องเขม็ง ทั้งดุโหดอย่างไม่พูดไม่จาแผ่รังสีปกป้องคุณหนูเต็มกำลัง จนธารานนท์ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว และลุงเข้มก็เข้าไปยังประจำที่คนขับพาท่าน ส.ส.ขวัญใจประชาชนกลับบ้านให้เร็วที่สุด ส่วนเจ้าของรีสอรท์ก็ได้แต่อ้ำอึ้งอ้างปากค้างมองดูรถตู้ของท่านส.ส.สาวแสนน่ารักแล่นออกจากรีสอร์ทไปจนลับสายตาด้วยการเอามือลูบศีรษะตนเองนิดๆ ที่หลงทำตัวแปลกๆ เสียมารยาทมากที่สุดจนหญิงสาวเกิดความขุ่นเคืองครั้งแรกที่ได้พบกัน แล้วเสียงของพี่กิตดา ซึ่งต้องรีบเดินเร็วๆ ตามหลังเจ้านายหนุ่มมาก็เตือนสติสตางค์ให้ธารานนท์กลับมายืน ณ ตรงที่ปัจจุบัน

“เจ้านายครับ เจ้านายครับ”

“คะ...ครับ” กิตดาแทบออกอาการขบขำคนเป็นเจ้านายคนใหม่ ที่ตอนนี้ดูแล้วกำลังเหมือนจะตกหลุมภวังค์แห่งรักเข้าไปโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว แถมมันยังออกลวดลายให้เห็นอย่างชัดเจนมากเสียด้วย

“ท่านส.ส.สาวน้อยแสนน่ารักผู้นั้น ดูจะทำให้เจ้านายสนใจและน่าติดอกติดใจมากเลยหรือครับ” อาการที่มองซะละห้อยตามรถตู้คันโตไปของคนเป็นเจ้านายทำให้กิตดาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แถมดูเหมือนธารานนท์จะตอบไปตามตรงทั้งหัวใจอีกต่างหาก

“เอ่อ...ครับ” ธารานนท์ตอบกลับอย่างยอมรับ ที่แสดงอาการแปลกๆออกไปแล้ว มันช่วยไม่ได้นี่นาเกิดมาก็เพิ่งจะเป็นแบบนี้ หลงละเมอพร่ำเพ้อมองตามละห้อยถึงหญิงสาว คนอย่างนายธารานนท์ มหาเศษฐีล้นฟ้าไม่ต้องวิ่งไปหาผู้หญิงที่ไหนหรอก ก็มีมาประเคนให้ถึงที่เป็นขบวน แต่นี่เขาถึงกับวิ่งดิ่งเข้าหาตามความรู้สึกโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองสั่งการไปตอนไหน อะไรที่ทำให้เขาอยากมาเข้าใกล้ชิดเธอ เพราะเสียงและรูปร่างเล็กเหมือนนังหนูนั้นหรือเปล่า และอยากจะเอาแขนทั้งสองเข้าโอบกอดสัมผัสให้มั่นใจเหลือเกินว่าเป็นเด็กสาวเมื่อคืนหรือไม่ ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านธารานนท์อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กสาวธรรมดา และบางทีอาจจะเป็นหญิงสาวที่แสนเก่งกาจปกครองประชาชนคนนี้แหละ เสียงที่ดังกึ่งก้องในอกแกร่งมันร้องบอกว่าใช่ ต้องเป็นคนเดียวกัน กับนังหนูที่หลบหนีการขายตัวเมื่อคืนที่ผ่านมา ธารานนท์ยังเผลอครุ่นคิดเข้าข้างตนเองฝ่ายเดียว แต่มันก็เป็นเช่นนั้น เมื่อฝ่ายหญิงก็คิดออกมาแทบไม่แตกต่างกันเลย

“ผู้ชายฉวยโอกาสเมื่อคืนแน่ๆ น่ารังเกียจที่สุด...” ส.ส.นรินศาสบถพำพึมหัวเสียบนรถของตนเอง แค่เห็นสายตาที่จ้องมองรูปร่างของเธอก็เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนเคว้งออกไปทางรังเกียจสุดๆ ริมฝีปากบางพยายามขบอารมณ์หงุดหงิดโมโหใส่ให้กับผู้ชายที่ไม่น่าคบหาสมาคมคนนั้น ไม่มีวันที่เธอจะต้องมาพูดคุยกับเขาอีกแล้ว และหวังว่าคงจะไม่ได้เข้าใกล้เขาหรือต้องมาพบผู้ชายฉวยโอกาสนั้นอีกต่อไปตลอดชีวิตได้ยิ่งดี



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 2 เรื่องร้องทุกข์จนป่วนหัวใจ
ตัวอย่างน้อยๆ

“นาย อีกแล้วเหรอ” นรินศาร้องทักทวงขึ้นด้วยความตกใจ เพราะสัญญากับตัวเองไว้ว่าชาตินี้จะไม่มาพบหน้าผู้ชายคนฉวยโอกาสคนนี้ตลอด ชีวิต แถมตอนนี้ชาวบ้านกำลังเดือนร้อนเรื่องผืนที่ดินจำนองกับคนมีอิทธิพล เธอกะว่าจะมาขอคุยด้วยกับนายทุนหน้าเลือดที่ยอมหลงซื้อที่ดินจำนองจากนาย หน้าไปอย่างไม่ลืมหูลืมตา โดยชาวบ้านยังไม่รู้เรื่องราวอันใดเลย จู่ๆก็ถูกขายขาดให้นายทุนครอบครองไปเสียแล้ว แต่แล้วทำไมหน้าตาของพวกนายทุนหน้าเลือดกัดกินเนื้อชาวบ้านแสนบริสุทธิ์ที่ นรินศาต้องมาพบนั้นกลับเป็นผู้ชายคนนี้

“ครับผม อ้อ! ชื่อธารานนท์นะครับ เรียกนนท์เฉยๆก็ได้ สงสัยเราสองคนคงจะดวงสมพงษ์กันนะ เพราะไปที่ไหนๆ ก็เจอกันอยู่เรื่อยๆเลย”

“มันแค่บังเอิญเท่านั้นแหละค่ะ” นรินศาตอบปฏิเสธไป คิดว่ามันคงเป็นความบังเอิญเสียมากกว่าที่จะจงใจตั้งใจหรือเจนตนาจะต้องมาพบเจอกัน

“บังเอิญ เหรอครับ อืม...สงสัยจะเป็นความจริงเสียด้วย ที่เราสองคนบังเอิญมาคู่กัน เอ้ย...มาพบกันนะครับ ท่านส.ส.นริน” ธารานนท์เล่นปล่อยมุกขนมจีบได้กวนประสาทท่านส.ส.หญิงคนเก่งอย่างมาก การเจรากับนายทุนหน้าเลือดกินเนื้อและยียวนกวนประสาทคงจะทำให้งานของเธอ ประสบสำเร็จได้ยากแน่ๆ

>__< ฝากเม้นๆด้วยนะคะ



Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2555, 12:10:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2555, 09:20:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1654





<< บทนำ...   บทที่ 2 เรื่องร้องทุกข์จนป่วนหัวใจ >>
วนัน 14 เม.ย. 2555, 13:09:36 น.
มารอคะ


Aricha 17 เม.ย. 2555, 09:40:30 น.
@วนัน ขอบคุณค่ะ >__< v


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account