เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 7




บทที่ 7





ความเร็วที่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำเอาคนที่นั่งร่วมทางมาจับเข็มขัดนิรภัยที่คาดเฉียงลำตัวแน่นเพราะความเร็วของรถที่แทบจะบินได้ รู้อยู่หรอกนะว่าพี่ชายของเธอเป็นห่วงน้องชายร่วมสวยเลือดของเขา แต่เล่นขับเร็วเสียขนาดนี้เธอก็กลัวว่าจะไม่ถึงที่หมายเหมือนกัน!

โฟร์วีลสีดำจอดสนิทที่หน้าไร่ พนาดรก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว ตามติดด้วยศรินดา ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มไทยมุงที่กำลังมุงดูธนาดลกับคนงานมีเรื่องกัน สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนงานคนหนึ่งนอนกองอยู่กับพื้น คาดว่าคงโดนลูกหลงเพราะเข้าไปห้าม พนาดรจัดการแยกน้องชายออกจาก ‘ไอ้ชัย’ คนงานในไร่

“พอแล้วดล! นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีเรื่องกัดกันอย่างกับหมาแบบนี้!!” ชายหนุ่มตวาดเสียงดัง จนคนงานทุกคนกลัวหงอ ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกจากปากของใครสักคำ เว้นเสียแต่คนเป็นน้องชายที่ดูไม่ยี่หร่ะกับเหตุการณ์ตรงหน้าเลย

“ไอ้ชัย...มันกินเหล้าเวลางานแล้วอาละวาดทุบตีเมีย มีคนมาฟ้องผมที่ไร่ผมเลยเข้ามาห้าม แต่มีพี่ต้นรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ผมเลือดขึ้นหน้าจนถึงขั้นที่ต้องสั่งสอนมัน พี่ต้นรู้มั้ยว่ามันซ้อมเมียมันหนักแค่ไหน” ธนาดลชี้ไปยังคนงานหญิงคนหนึ่งที่นั่งกอดลูกชาย หน้าตาแทบดูไม่ได้เพราะถูกตบตีอย่างหนักจนเลือดกบปาก

พนาดรมองดูภาพตรงหน้าแล้วก็รู้สึกอนาถใจ ความรู้สึกนั้นคงไม่ต่างอะไรจากศรินดามากนัก หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปดูอาการคนเจ็บทันที มือเรียวหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดแผลให้คนงานสาวเบาๆโดยไม่รังเกียจว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนงาน

“มันเรื่องของครอบครัวผม นายน้อยไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย” ไอ้ชัยที่โดนหมัดของธนาดลจนสะบักสะบอมยังพอมีแรงเถียง

“แต่นี่มันไร่ฉัน! แกไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายใครในไร่ฉัน!!” ธนาดลโต้กลับอย่างโกรธเกรี้ยว

“นังปิ่นมันเมียผม ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรกับมันก็ได้”

“ไอ้ชัย!” ธนาดลเงื้อกำปั้นขึ้นหวังให้ไอ้ชัยได้หมัดไปกินอีกหนึ่งหมัด แต่ยังเป็นบุญของไอ้ชัยที่พนาดรยังเร็วพอที่จะรั้งน้องชายไว้ได้ทัน

“แกทำรุนแรงไปรึเปล่าชัย” เมื่อเข้าห้ามน้องชายได้ พนาดรจึงถามลูกน้องกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยอำนาจ

“มันตบผมก่อนนะครับนาย” ไอ้ชัยรีบหาข้ออ้าง

“ไอ้ชัยมันเอาเงินหนูไปเลี้ยงเมียน้อยค่ะนาย” ปิ่นพูดขึ้นมาบ้าง

“เงียบไปเลยนะอีปิ่น!”

“แกนั่นแหละเงียบไอ้ชัย! แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่าหา มีลูกมีเมียแล้วยังไปหาเมียน้อย ฉันไล่แกออก!! ต่อไปนี้แกไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก ส่วนปิ่น ถ้าเธออยากทำงานที่นี่ต่อฉันอนุญาต แต่ถ้าเธออยากจะตามผัวชั่วๆของเธอไปฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร” ธนาดลออกคำสั่งเด็ดขาด ไม่สนใจอดีตคนงานที่ละล่ำละลักร้องขอความเห็นใจจากพนาดร

“ไม่ได้นะนายน้อย เรื่องแค่นี้นายน้อยจะไล่ผมออกไม่ได้นะ! นาย...นายครับ นายช่วยผมด้วย” ไอ้ชัยโวยลั่น หันไปเกาะแข้งเกาะขาพนาดร

“อำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับคนงานทั้งหมดในไร่เป็นของนายดล แกขอร้องผิดคนแล้วล่ะชัย” พนาดรบอกลูกน้อง เขาเป็นคนยกอำนาจนี่ให้น้องชายเองกับมือเพราะฉะนั้นเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด

“ออกไปได้แล้วไอ้ชัย หรือจะให้ฉันเรียกตำรวจมาจับแกขอหาลักทรัพย์” ธนาดลขู่ ดวงตาคู่คมจ้องมองคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น

“ลักทรัพย์อะไร! นายน้อยอย่ามาปรักปรำผมนะ” ไอ้ชัยแก้ต่างเสียตะกุกตะกัก

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกขโมยชาในไร่ไปขาย” ความจริงที่ธนาดลพูดออกมาส่งผลให้คนมีชนักปักหลังอย่างไอ้ชัยหน้าถอดสี “ไปได้แล้ว!!” ก่อนที่ชายหนุ่มจะออกไปไล่อีกครั้ง ไอ้ชัยมองหน้าอดีตเจ้านายอย่างโกรธแค้นก่อนจะหันหลังเดินจากไป

...ไอ้ดล! แล้วกูจะเอาคืนมึงให้เจ็บ...คอยดู...

“หมดเรื่อง ไปทำงานกันได้แล้วไป!” นายน้อยของไร่ตะโกนสั่งบรรดาไทยมุงทั้งหลายจนต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงาน

“พี่ต้นคะ แล้วปิ่นล่ะคะ พาไปโรงพยาบาลไหม” รินที่นั่งอยู่ข้างๆปิ่นกับลูกถามขึ้น และเสียงของหญิงสาวก็ทำให้ธนาดลเลื่อนสายตามามอง ตากลมโตของรินจึงสบเข้ากับตาคู่คมนั่นอย่างจัง หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆเพราะสายตาคู่นั้นบอกถึงความโกรธอย่างชัดเจนว่ามันมีมากมายแค่ไหนกับสิ่งที่เธอทำไว้เมื่อคืน

“พี่พาไปเอง รินอยู่นี่แหละ ทำแผลให้ดลด้วยนะ แค่นี้คงไม่ต้องไปโรงพยาบาล” ไม่รอคำปฏิเสธที่กำลังจะออกมาจากปากน้องสาว พนาดรก็พยุงปิ่นกับลูกพาไปขึ้นรถ รินมองคนที่เธอต้องทำแผลให้เขาอีกครั้งและฝ่ายนั้นก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน

“คุณไม่อยากทำฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ” ศรินดาชิงพูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับเดินผ่านร่างสูงของธนาดลอย่างรวดเร็ว หากชายหนุ่มก็มือไวพอที่จะรั้งแขนกลมกลึงนั่นไว้ทัน

“ปล่อยฉันนะคุณดล! คุณจะทำอะไร” รินรัวกำปั้นใส่ท่อนแขนของชายหนุ่มอย่างแรง ระแวงทุกครั้งที่เชาเข้าใกล้เธอ

“กลางวันแสกๆ ฉันไม่หน้ามืดจับเธอไปปล้ำหรอกนะ...หรือว่าจะทำดี” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์

“จะบ้าเหรอ! ลองคุณทำอะไรฉันดูสิ แม่จะร้องให้ไร่แตกเลย”

“เชิญเลย อยากถูกจูบโชว์คนในไร่ก็เชิญ” เขาท้า แววตายังคงเจ้าเล่ห์จนรินเริ่มหน้าแดง ทั้งโกรธทั้งอายที่ผู้ชายคนนี้พูดอะไรออกมาได้ไม่อายปาก

“ตามมา” ธนาดลดึงร่างเล็กบางให้เดินตาม

“ไปไหนเล่า ปล่อยฉันนะคนบ้า คนโรคจิต คนวิปริต” รินโวยวายไปเรื่อยๆเมื่ออีกฝ่ายลากเธอเข้ามาถึงในบ้านจนขึ้นบันได้ไปถึงชั้นบน

“ปล่อยฉันนะ คุณจะพาฉันไปไหน” ไม่ต้องรอฟังคำตอบ รินก็เบิกตาโพลนเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนของเขา หญิงสาวขืนตัวเต็มที่เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มลากเข้าไปได้ง่ายๆ

“คุณมาทำอะไรที่นี่ ปล่อยฉันนะ!!!” รินร้องลั่นบ้านโดยไม่กลัวที่สาวใช้จะมาเห็น ไม่กงไม่กลัวมันแล้วว่าใครจะมาเห็น ตอนนี้กลัวความปลอดภัยของชีวิตเธอเองดีที่สุด!

“เงียบ!!” ธนาดลตวาดกลับ กระชากร่างรินให้ติดมาตามมือก่อนจะโยนหญิงสาวลงบนโซฟา รินยันตัวลุกขึ้นตั้งท่าจะหนี

“นั่งลงไปตรงนั้น” ชายหนุ่มสั่งสั้นๆ เรียบๆ เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะข้างหัวเตียงและวางมันข้างหน้าริน หญิงสาวมองกล่องปฐมพยาบาลอย่างงงๆ

“จะให้ฉันทำอะไร”

ธนาดลถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด “จะทำมั้ยแผลน่ะ หรือจะให้ฉันทำอย่างอื่นแทน” คำขู่สองแง่สองง่ามได้ผลชะงัดเมื่อรินกระวีกระวาดเปิดกล่องปฐมพยาบาลพร้อมกับหยิบสำลีกับแอลกอฮอล์

“อย่าคิดจะทำแบบวันนั้นอีก ถ้าแอลกอฮอล์โดนแผลฉันนิดเดียว ฉันโยนเธอขึ้นเตียงแน่” คนเจ็บรีบดักทางเมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมเอาสำลีจุ่มแอลกอฮอล์

รินตวัดสายตามองผู้ชายบ้าอำนาจอย่างเคืองๆ นี่ถ้าเธอกับเขาไม่อยู่ในห้องนอนนะ ไม่ใช่แค่ทำเหมือนวันนั้นหรอก แต่จะเอาแอลกอฮอล์ราดเสียให้แสบไปจนตายเลย!

ครั้งนี้ศรินดาจึงทำแผลให้ธนาดลอย่างเบามือที่สุด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง หญิงสาวบรรจงทายาบริเวณแผลที่ปากแตกต่อด้วยค่อยๆทายาแผลที่ฟกช้ำเพราะแรงต่อย

“หันซ้ายซิคุณ” รินบอกและธนาดลก็หันไปแต่โดยดี ดีจนคนสั่งถึงกับอึ้งไปสามวิ วันนี้ผีบ้าออกไปหาอาหารหรือไง

“ดลขา...อยู่ในนี้ใช่ไหมคะ” ชินานาฏที่เข้ามาโดยไม่เคาะประตู ทำให้คนที่เป็นพยาบาลจำเป็นถึงทำชะงัก แต่ผู้ที่เข้ามาใหม่คงตกใจมากกว่าเพราะชินานาฏเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพหนุ่มสาวตรงหน้า

...ซวยแล้วไอ้ริน เวรจริงๆเล้ย...

“กรี๊ดดดดดดดด!!!!” เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นจนทำให้รินถึงกับต้องรีบอุดหู

“แก๊...แกมาทำอะไรดล นังหน้าด้าน” สาวสวยด่าใส่รินไม่ยั้ง

“แล้วคุณล่ะคะ เข้ามาทำอะไร” รินโต้กลับ ไม่สนใจคนที่กำลังจะดิ้นพลาดๆอยู่ตรงหน้า

“กรี๊ดดดดดดดด!!!!” ชินานาฏกรี๊ดลั่นอีกครั้ง มือเรียวเงื้อขึ้นหวังฟาดให้โดนหน้าศัตรูสักที รินรับฝ่ามือนั่นได้ทันก่อนที่มันจะประทับลงมาบนหน้าของเธอปลเวสวนฝ่ามือตัวเองกลับไปที่หน้าสวยๆแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหน้าเตอะนั่น

เผียะ!

“อย่าคิดว่าฉันจะยอมคุณทุกอย่างนะคะคุณชินานาฏ ฉันก็มีมือมีเท้าเหมือนคุณ อย่าคิดว่าคุณจะตบฉันก่อนได้ฝ่ายเดียว!” ศรินดาสวนกลับทั้งคำพูดและการกระทำ เธอยอมทนมามากพอแล้ว และตอนนี้เธอจะไม่ทน!

“ดลขา...นังรินมันตบนาฏ ดูสิคะดล นาฏเจ็บไปหมดแล้ว” ชินานาฏยื่นหน้าไปให้ธนาดลดูผลงานที่ศรินดาฝากไว้เป็นรอยนิ้วมือแดงๆ พร้อมกับบีบน้ำเสียงให้ฟังดูออดอ้อน

“ขอโทษนาฏเดี๋ยวนี้ศรินดา” ธนาดลออกคำสั่ง แม้จะตกไม่น้อยที่คนอย่างศรินดาลุกขึ้นมาต่อกรกับผู้หญิงอย่างชินานาฏอย่างนี้

“ไม่”

“ฉันบอกให้เธอขอโทษ!” ชายหนุ่มเริ่มขึ้นเสียง

“ไม่!” รินปฏิเสธเสียงดัง วิ่งออกจากห้องชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว

“ดล นาฏไม่ยอมนะ นังนั่นเป็นใคร กล้าดียังไงมาตบนาฏ ดลต้องจัดการให้นาฏนะ” ใบหน้าสวยซบลงบนบ่าธนาดล ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเนือยๆ

“คุณไปไหนมานาฏ” จู่ๆธนาดลก็เปลี่ยนเรื่องไปได้อย่างหน้าตาเฉย จนชินานาฏตั้งตัวไม่ทันกับคำถามที่เธอยังไม่ได้คิดคำตอบที่ต้องโกหกขึ้นมา

“เอ่อ...เพื่อนนาฏที่อยู่ที่นี่เขาโทรชวนนาฏไปเที่ยว นาฏก็เลยไปเที่ยวแล้วค้างบ้างเขา เท่านั้นเอง” หญิงสาวตอบตะกุกตะกักอย่างมีพิรุจ

“แล้วทำไมไม่บอกผมก่อน”

“ก็นาฏเห็นว่าบ้านดลกำลังยุ่งๆ ดลอย่าโกรธนาฏนะ...นะคะ” ชินานาฏประจบประแจง หากในใจกลับคิดว่า จะให้อยู่แต่ในไร่บ้าๆที่ไม่มีอะไรแบบนี้ทุกวี่ทุกวันได้ยังไง เบื่อตายชัก สู้ไปหาอะไรๆสนุกๆทำในเมืองก็ไม่ได้ ดีกว่าเยอะเลย

“ทีหลังบอกผมก่อนก็แล้วกัน”

“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มร่าก่อนจะแสร้างทำเป็นห่วงเป็นใยดูแผลที่ใบหน้าของธนาดล










รินเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง ดวงหน้าหวานบูดบึ้งอย่างคนไม่สบอารมณ์อย่างแรง คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ กลิ่นเหล้าของผู้ชายคนนั้น! หญิงสาวรีบฉีดเสปรย์ระงับกลิ่นทั่วห้อง เพราะแค่กลิ่นของเขา เธอก็รังเกียจ!!

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาทำให้เจ้าของห้องต้องรีบกดรับสาย

“ฮัลโหล!” รินรับสายโทรศัพท์เข้ามาด้วยอารมณ์ที่อยากจะเอาอะไรหนักๆปาหัว ‘ใครบางคน’ เต็มที่

“อารมณ์ไม่ดีหรือ ใครทำอะไรให้”

“นนท์!..ขอโทษทีรินกำลังโมโหคน” หญิงสาวอุทานอย่างตกใจเมื่อคนที่โทรมาคืนนทนัฐก่อนที่จะขอโทษขอโพยอีกฝ่าย

“ใครครับ” ปลายสายถามอย่างใคร่รู้

“คุณดล...กับแฟน”

“ไอ้ดล! มันทำอะไรรินหรือเปล่า” นนทนัฐถามอย่างร้อนรนและเป็นห่วงในประโยคเดียว

“ก็เปล่าหรอก...รินนี่สิไปตบแฟนเขาเต็มฝ่ามือเลย”

“จริงน่ะริน...โอ้โห! วันนี้องค์ลงหรือไงถึงทำให้รินของนนท์กล้าตบคนเนี่ย” อีกฝ่ายหัวเราะร่วนจนรินนึกหมั่นไส้และเผลอย่นจมูกใส่โทรศัทพ์ทั้งที่ย่นยังไงอีกฝ่ายก็ไม่เห็น

“องค์อะไรจะมาลงล่ะ เก็บกดสะสมสิไม่ว่า ว่าแต่นนท์เถอะ โทรหามีอะไรหรือเปล่า”

“ทำไมครับ...ไม่มีอะไรแล้วโทรหารินไม่ได้หรือไง น้อยใจจัง รินไม่อยากคุยด้วย”

“โอ๊ย...ตาแก่หัวล้านขี้น้อยใจ” รินแกล้งล้อ

“ใช่สิ นนท์น้อยใจริน น้อยใจมากๆด้วย” อีกฝ่ายทำเสียงงอนๆ จนหญิงสาวคิดว่าถ้านนทนัฐอยู่ใกล้มือ เธอจะหยิกแรงๆสักทีให้หายหมั่นไส้เลย

“แล้วจะให้รินทำยังไงนนท์ถึงจะหายน้อยใจ” หญิงสาวยื่นข้อเสนอ

“บอกรักนนท์ซักคำสิครับ”

“ตลกแล้ว”

“ไม่เห็นตลกเลย...บอกรักนนท์ซักคำ...นะครับ”

“ที่ไร่ไม่มีอะไรทำหรือไงคะนายน้อยนนท์ ถึงได้มีเวลาโทรมาจีบหญิงแบบนี้” รินรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ปิดประตูหนีกันแบบนี้ นนท์ก็แย่สิริน”

“ก็รินยังไม่มีคำตอบให้นนท์นี่นา”

“งั้นก็รีบๆสิครับ”

“จะพยายาม” รินตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้

“งั้นแค่นี้นะริน อ้อ...พ่อรินฟื้นแล้วนะ ท่านฝากให้นนท์มาบอกรินว่าท่านไม่เป็นอะไรมากไม่ต้องห่วง”

“จ้ะ...ขอบคุณมากนะนนท์ที่อุตส่าห์ไปเยี่ยมพ่อริน”

“เล็กน้อยน่ะ อย่าคิดมากสิ”

“รินขอบคุณนนท์จริงๆนะ”

“เปลี่ยนจากคำขอบคุณมาเป็นคำว่ารักได้หรือเปล่า”

"งั้นแค่นี้นะนนท์ สวัสดีจ้ะ" รินรีบกดวางสาย หญิงสาวนั่งนึกถึงความรู้สึกที่มีต่อนนทนัฐ

นนท์เป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดี เป็นคนที่เธอน่าจะฝากชีวิตที่เหลือไว้ได้ แต่บางอย่างในใจลึกๆกลับบอกเธอว่า ผู้ชายคนี้ยัง ‘ไม่ใช่’ คนที่เธอเฝ้ารอและตามหา เขายังไม่ใช่อีกครึ่งชีวิตหนึ่งของเธอ แล้วใครล่ะคนที่เธอจะมองหัวใจทั้งดวงและอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตให้

แล้วใบหน้าขาวกับคิ้วเข้มๆกับดวงตาสีดำสนิทคู่คมของใครบางคนก็ลอยเข้ามาอยู่ในหัว

จะบ้าเหรอศรินดา! เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ จะเป็นผู้ชายคนนั้นไปได้ยังไง ให้ตายยังไงก็ไม่มีวัน เธอทั้งเกลียดทั้งแค้นเขาจะตาย ไม่มีวันที่เธอจะรักคนอย่างนั้น ไม่มีวัน!!











ทางด้านโรงพยาบาลพนาดรที่รอจ่ายเงินค่ารักษาของปิ่น ชายหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วโรงพยาบาลเพื่อหาใครบางคน...

...หาใครวะไอ้ต้น แกจะหาทำไม หาไปแล้วแกจะไปพูดอะไรกับเขา ขอให้เขากลับมาอยู่ที่บ้านหรือไง เขามีว่าที่คู่หมั้นแล้วนะ จำใส่สมองไว้สิ ว่าเขามีเจ้าของแล้ว...

“สวัสดีครับคุณต้น” พนาดรเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าคมเจื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าคนที่ทักคือใคร
นายแพทย์สิขเรศ!

“สวัสดีครับคุณหมอ” หากพนาดรยังคงเก็บอาการและทักกลับไปได้เป็นอย่างดี

“คุณต้นมาทำอะไรที่โรงพาบาลหรือครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหม” คุณหมอเขตถามอย่างเป็นมิตร

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่พาคนงานในไร่มาทำแผลน่ะครับ เผอิญว่ามีเรื่องนิดหน่อย” คุณหมอเขตพยักหน้านิดหนึ่งกับคำตอบอย่างรับรู้

“แล้วคุณหมอล่ะครับ จะไปไหน” พนาดรถามเมื่อเห็นนายแพทย์หนุ่มไม่ได้สวมชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาอย่างเคย

“อ๋อ...ผมจะไป...” สิขเรศที่พูดยังไม่ทันจบเพราะเสียงใสๆของใครบางคนขัดขึ้นเสียก่อน

“หมอเขตคะมายืนคุยกับใครอยู่ตรงนี้ น้ำหาตั้งนาน” แล้วสลิลธารก็ตัวแข็งทื่อเมื่อพบบุคคลที่กำลังคุยอยู่กับคุณหมอเขต

“พี่ต้น...” หญิงสาวเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

“สวัสดีน้ำ” พนาดรฉีกยิ้มให้สลิลธารอย่างฝืนๆ

“ค่ะ” เจ้าของชื่อรับคำสั้นๆ ก่อนจะหันไปคุยกับคุณหมอรูปหล่อโดยไม่แม้จะมองกลับมาที่ผู้ชายคนหนึ่งสักเพียงนิดเดียว

“ไปกันรึยังคะ น้ำทำธุระเสร็จแล้ว”

“ครับ” หมอเขตรับคำ

“ผมขอตัวนะครับคุณต้น” ก่อนที่จะหันมาลาพนาดร

“ครับ” พนาดรรับคำเบาๆ มองตามสองคนที่เดินเคียงคู่กันออกจากโรงพยาบาล หมอเขตดีแสนดีจนตัวเขาเองเทียบด้วยไม่ได้เลย แบบนี้สิพ่อของน้ำถึงอยากจะยกลูกสาวให้นักหนา ผิดกับเขาที่พอเจอหน้าทีไรหาเรื่องเป็นไม้เบื่อไม้เมาได้ทุกครั้ง ไม่รู้เคยเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ปางไหน แค่เรื่องบิดาของสลิลธารเขาก็แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีทางที่ที่พ่อของเธอจะยอมยกลูกสาวให้กับเขา ไม่มีทาง...

สลิลธารที่เดินนำออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการไม่พูดไม่จาจนคุณหมออีกคนเริ่มจับอาการได้

“เป็นอะไรอีกน้ำ” หมอเขตถามนิ่มๆ

“เปล่าค่ะ”

“เปล่าอะไร ก็เห็นๆอยู่ว่ากำลังโกรธ”

“หน้าน้ำบอกโหมดอารมณ์ชัดขนาดนั้นเชียว”

“จะดูกระจกไหมล่ะ จะได้รู้ว่าหน้าตัวเองบูดแค่ไหน” ไม่รอคำตอบ คุณหมอเขตก็ดันตัวสลิลธารไปที่กระจกข้างรถ

“เห็นมั้ย หน้างอแบบนี้ ใครก็ดูออก” เมื่อจนด้วยหลักฐาน สลิลธารจึงต้องยอมรับข้อกล่าวหาแต่โดยดี

“เหม็นขี้หน้าคน” หญิงสาวเบ้ปาก ย่นจมูก

“แถวนี้?” หมอเขตถามสั้นๆ

“ค่ะ...แถวนี้”

“ผมหรือ?”" คุณหมอเอานิ้วชี้ชี้หน้าตัวเอง อาการนั้นเล่นเอาสลิลธารหัวเราะร่วน

“จะเป็นหมอเขตไปได้ยังไงคะ ขนาดป๊าน้ำที่ดุขนาดนั้นยังชอบหมอเขตจนร่ำๆจะยกลูกสาวให้อยู่แล้ว ทำไมน้ำจะต้องเหม็นขี้หน้าหมอเขตด้วยล่ะ”

คิ้วของนายแพทย์สิขเรศเลิกขึ้นอย่างสงสัย “ก็บอกว่าแถวนี้”

สลิลธารโบกไม้โบกมือประมาณว่า ‘ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย’

“น้ำย้ายมาประจำที่นี่เพราะเรื่องของคุณพ่อหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย และสลิลธารเองก็เข้าใจว่า ‘เรื่องของคุณพ่อ’ ของหมอเขตคือเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่อยากจะให้เธอทำความสนิทสนมกับสิขเรศเอาไว้ เพราะผู้ชายคนนี้คือคนที่บิดาของเธอหมายมั่นไว้ว่า...ผู้ชายคนนี้นี่แหละที่เหมาะสมกับลูกสาวของท่าน!

“50% ค่ะ” หญิสาวตอบสั้นๆ เปิดประตูขึ้นรถโดยไม่ให้คำขยายความอะไรเกี่ยวกับอีก 50% ที่เหลืออีก

อีกครึ่งหนึ่งของเหตุผลที่เธอย้ายมาประจำที่นี่น่ะหรือ ก็เพราะหัวใจอย่างไรเล่า หัวใจที่เธอฝากไว้กับใครบางคนเมื่อนานมาแล้ว แต่เขากลับไม่แม้ที่จะมองหรือแหยแสเลยสักน้อย เพราะฉะนั้น น้ำขอคืนนะคะพี่ต้น หัวใจที่น้ำให้พี่ต้นไป...น้ำขอคืน

-----------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้นางเอกเราลุกขึ้นมาสู้คนแล้วค่ะ!!

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน เมนท์แล้วก็กดไลค์นะค้าาา



คุยกันดีกว่าค่าาา....

คุณ ดาวคันชั่ง : คนมันเก็บกดน่ะค่ะ โดนแกล้งมาอย่างเดียว อะไรพอเอาคืนได้รินเค้าทำหมดค่ะ :) ว่าจะทำให้คนอ่านสงสารคุณดลให้ได้ สงสัยจะไม่ไหวแน่ๆเลย ><

คุณ หมูบูลิน : เชิญเลยค่ะ คงมีหลายคนอย่างทำอย่างนี้ อิอิ

คุณ tutas : คุณดลตื่นมาคงตกใจกับสภาพตัวเองมากโข...ส่วนหนูรินจะรอดมั้ย...ตอนนี้ถือว่า...รอดนะคะ :)

คุณ Amata : นั่นสิคะ!! ปอแก้วเพิ่งสังเกตเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆ แต่คุณดลของปอแก้วแตกต่างจากของคุณ Amata มากจริงๆค่ะ สุดขั้วไปเลยล่ะ // คราวหน้าหนูรินคงไม่ยอมเปิดประตูให้ใครง่ายๆแล้วล่ะค่ะ เข็ด...

คุณ viengkawe : ขอบคุณที่ยังตามมาอ่านนะค้าาาา มาช้าไม่เป็นไรแต่ขอให้มาค่ะ ฮ่าาาา... ตอนนี้หนูรินก็ได้เอาคืนด้วยนะคะ นางเอกเราจะเริ่มไม่ยอมคนแล้ว!!

คุณ anOO : รอดเพราะคุณดลเธอเมาเกินไปค่ะ แต่จะโดนเอาคืนหรือไม่นั้น ปอแก้วคิดว่าคงไม่โดนง่ายๆเหมือนอย่างเคย เพราะหนูรินเริ่มที่จะไม่ทนแล้วค่ะ

คุณ nunoi : คุณดลเขาคิดว่าถ้าศรินดาเสียใจคนเป็นแม่ก็จะเสียใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่ะ// ตอนนี้หนูรินยังรอดอยู่นะคะ :P



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2555, 23:17:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 เม.ย. 2555, 09:01:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1988





<< บทที่ 6   บทที่ 8 >>
MYsister 12 เม.ย. 2555, 05:39:51 น.
Wow I remember use to read this novel for a longtime,but I never read the ends,,,thx for u post again na ka...I like... :-)


nunoi 12 เม.ย. 2555, 09:35:05 น.
ไปกันใหญ่แล้ว พี่ต้น กะ หนูน้ำอ่ะ ต่างคนต่างรัก แต่ต่างก็มีเหตุผลให้คิดมากกันอีก เฮ้อ! รอตอนต่อไปดีกว่า


ดาวคันชั่ง 12 เม.ย. 2555, 10:08:39 น.
อ่านไปอ่านมาบางทีนายดลกับรินก็ฮาดีนะคะ ^^
หมอเขตน่ารักมาก แต่ขอเชียร์หมอน้ำให้พี่ต้นก่อนน้าา ><


anOO 12 เม.ย. 2555, 13:40:00 น.
ท่าทางต้องลุ้นคู่ของพี่ต้นกับยัยน้ำกันอีกนานเลย


Amata 16 เม.ย. 2555, 15:02:46 น.
ขอโทษทีค่ะ หายไปเล่นสงกรานต์ซะกี่วันล่ะ อืม...ตั้งแต่ 11-12 ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account