เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 8


บทที่ 8



ศรินดากลิ้งตัวไปมาบนเตียงกว้าง หญิงสาวกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าวันนี้เธอจะอยู่ผจญมารร้ายในบ้านหลังนี้คนเดียวได้อย่างไร ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา พนาดรเข้ามาเก็บเสื้อผ้าแล้วบอกว่าต้องไปทำธุระด่วนที่ต่างจังหวัดสองถึงสามวัน รินแทบช็อคเมื่อพี่ชายบอกอย่างนั้น ก็จะไม่ให้ช็อคได้อย่างไรในเมื่อเธอต้องอยู่บ้านนี้กับธนาดลและชินานาฏ

...นรกชัดๆเลย!...

ร่างบางดีดตัวขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หญิงสาวเดินลิ่วไปที่ประตู เหตุการณ์เมื่อคืนยังแล่นเข้ามาในหัว จนรินไม่กล้าที่จะเปิดประตูรับถ้าไม่รู้ให้แน่ชัดว่าคนที่มาเคาะคือใคร

“ใครคะ” เสียงใสๆถามออกไป

“เอื้องเจ้าคุณริน”

เมื่อรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูเรียกคือเอื้อง หญิงสาวก็ปลดล็อคประตูแต่โดยดี ดวงหน้าหวานส่งยิ้มให้คนใช้สาว

“มีอะไรจ๊ะ”

“คุณดลให้ไปพบเจ้า” คิ้วเรียวขมวดขึ้นทันที คนบ้า! จะตามจอมล้างจอมผลาญกันไปถึงไหน

“ที่ไหน” รินถามเสียงขุ่น ชื่อของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอหงุดหงิดได้ทุกครั้งที่ได้ยินจริงๆ

“ห้องคุณดลเจ้า” ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ บ้าไปใหญ่แล้ว ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ไปเด็ดขาด!

“บอกคุณดลว่ารินปวดหัว ปวดท้อง ไม่สบาย ไข้ขึ้นสูง ไปไม่ได้” เอื้องมองคนเป็นนายอย่างงงๆ หญิงสาวถอนหายใจเสียงดัง

“บอกว่ารินไปไม่ได้ เข้าใจไหม” หญิงสาวสรุปเอาง่ายๆ

“ทำไมถึงไปไม่ได้” รินสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นคนที่เดินมาข้างหลังเอื้อง ชายหนุ่มโบกมือในสาวใช้ไปได้ แล้วเดินมาเผชิญหน้ากับรินแทน หญิงสาวเม้มปากจนเป็นเส้นตรง มือเรียวกระชากประตูปิดใส่หน้าธนาดล

“คุณจะทำอะไร!” หญิงสาวดันประตูด้านในสุดแรงเมื่ออีกฝ่ายก็ดันประตูด้านนอกหวังที่จะแทรกตัวเข้ามา

“แล้วเธอล่ะ ปิดประตูใส่คนอื่น มารยาทไม่ดีเลยนะ” ธนาดลตอบในขณะที่มือหนายังคงดันประตูให้เปิดกว้าง

“คนอย่างคุณ ฉันไม่จำเป็นต้องมีมารยาท ออกไปนะ!” รินเองก็ไม่ยอมเช่นกัน หญิงสาวยังคงใช้แรงทั้งหมดดันประตูให้ปิด

“เธอคิดว่าจะชนะฉันงั้นหรือศรินดา” สงครามประตูยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ฝ่ายที่ดูท่าว่าแรงจะหมดน่าจะเป็นรินมากกว่าเพราะตอนนี้หญิงสาวเริ่มใช้ตัวช่วยดันประตูแล้ว

“ใช่! ฉันต้องชนะคุณ ฉันไม่มีวันแพ้คุณ ไม่มีวัน!” หญิงสาวตะโกนใส่ แต่แล้วก็ต้องเซถลาไปข้างหลัง เมื่อชัยชนะสงครามประตูครั้งนี้ตกเป็นของธนาดล ชายหนุ่มใช้แรงดันประตูเข้ามาจนได้ ติดตวัดสายตามองฝ่ายนั้นอย่างเคืองๆ

“เธอแพ้” เขายิ้มเยาะ รินกัดฟันแน่น เมื่อไหร่เธอจะชนะเขาซักที เมื่อไหร่กันศรินดา เมื่อไหร่!!

“เข้ามาทำไม ถ้าจะเข้ามาให้แฟนคุณเข้าใจผิดแล้วมาตบฉันล่ะก็ออกไปได้เลย เพราะฉันจะไม่ยอมอีกแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างเด็ดเดี่ยว แน่วแน่

“เก่งขึ้นแล้วนี่” รอยยิ้มหยันยังไม่หายไปจากใบหน้าของชายหนุ่ม

“ใช่! ฉันต้องเก่งขึ้น แกร่งขึ้น เพราะไม่งั้นฉันจะเอาอะไรไปสู้กับผู้ชายเลวๆอย่างคุณล่ะ” รินว่าใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว แม้เธอและเขาจะอยูในห้องนอนสองต่อสองก็ตาม

“อยู่ในห้องนอนสองต่อสองเธอไม่คิดว่าฉันจะจับเธอปล้ำรึไง” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยแววมาดร้าย หากแววตาของรินไม่มีรอยของความกลัวหลงเหลืออยู่เลย

“คุณลืมไปหรือไงว่าแฟนคุณก็อยู่ เธอคงเดาได้ไม่ยากว่าคุณหายไปไหน จริงมั้ยคะ” คราวนี้เป็นรินบ้างที่เหยียดยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ ธนาดลหัวเราะต่ำๆในลำคอ

“อย่าคิดว่าเธอจะหนีฉันรอดนะศรินดา แม่เธอพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปจากชีวิตฉัน ฉันก็จะพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปจากชีวิตแม่เธอเช่นกัน!” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน มือหนาเอื้อมมาลูบแก้มใสของรินเบาๆ หญิงสาวบัดมือนั้นออกอย่างรังเกียจ

“อย่าเอามือสกปรกๆของคุณมาโดนตัวฉัน” เมื่อโดนอีกฝ่ายปฏิเสธเสียงแข็งและเห็นสายตารังเกียจเดียดฉันท์จากแววตาคู่โตนั้น อารมณ์ของธนาดลก็สูงขึ้นทันที

“รังเกียจมากใช่ไหม...ต้องเป็นไอ้นนท์สินะเธอถึงจะยอมให้มันจับได้ตามใจชอบ”

“คุณ!” หญิงสาวเงื้อมือขึ้นกลางอากาศ

“หยุด!” ชายหนุ่มชี้หน้า “อย่าคิดจะตบฉันอีกครั้ง ถ้าเธอทำฉันเอาคืนเธอให้เจ็บกว่าเมื่อคืน แล้วอย่างคิดว่าฉันจะกลัวนาฏหรือใครมาเห็นเพราะฉันเป็นผู้ชาย ฉันไม่เสียหาย บอกแค่ว่าเธอเข้ามายั่วฉัน แค่นั้น...แล้วดูสิว่าคนในบ้านจะเชื่อใคร!”

รินลดมือมาอยู่ข้างทั้งตัว ร่างบางสั้นสะท้านด้วยความโกรธ “ออกไป! ฉันบอกให้คุณออกไป!!” ศรินดาตะโกนไล่เสียงดัง นิ้วเรียวชี้ไปที่ประตู

“เย็นนี้เธอต้องออกไปโรงพยาบาลกับฉัน” เสียงทุ้มสั่งขึ้นมาโดยไม่สนอารมณ์โกรธของผู้หญิงตรงหน้า

“ฉันไม่ไป!”

“แต่เธอต้องไป!!” คราวนี้เป็นธนาดลบ้างที่เริ่มหมดความอดทน “อย่าคิดที่จะขัดคำสั่งฉันศรินดา อย่าคิด!”แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป

ปัง! เสียงประตูที่กระแทกตามอารมณ์ของคนปิดดังจนรินแทบสะดุ้ง หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างแน่น อย่าร้องนะริน อย่าร้อง อย่าไปเสียน้ำตาให้คนแบบนั้น มันไม่คุ้ม ไม่คุ้มเอาเสียเลย... รินกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำใสๆให้ออกจากตาก่อนมันจะไหลออกมาเป็นทาง










ตกเย็นศรินดาเดินลงมาจากชั้นบนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ผมยาวสวยถูกรัดไว้แค่ครึ่งศีรษะ หญิงสาวอยู่มในชุดเสื้อผ้าสำลีสีฟ้าอ่อนกับกระโปรงสีครีมยาวคลุมเข่า ดวงตากลมสวยมองไปยังบุคคลที่นั่งรอเธออยู่ด้านล่าง

“เร็วสิยะ ชักช้าอยู่ได้ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายหรือยังไง” รินหันสายตาไปมองคนที่ยังคิดว่าเธอเป็นแค่คนใช้ คิ้วเรียวสวยขมวดผูกกันเป็นโบว์ แค่ไปกับธนาดลสองคนเธอก็จะแย่แล้ว แต่นี่...เล่นไปกันซะสามคน จะเหลือรอดกลับมาครบสามสิบสองมั้ยรินเอ๋ย...

ศรินดาเดินตามหลังธนาดลและชินานาฏโดยไม่แม้แต่พูดอะไรออกมา ฟอร์จูนเนอร์คันสวยสีดำปราบที่ป้ายทะเบียนยังเป็นสีแดง บอกได้ว่าคงเป็นรถคันใหม่ที่นายน้อยของไร่เพิ่งจะถอยมา ชินานาฏนั่งเคียงคู่ไปกับคนขับ ส่วนเธอน่ะหรือ จะที่ไหนได้เล่า ถ้าไม่ใช่เบาะข้างหลัง

“จะเอามันมาด้วยทำไมคะดล” ชินานาฏจีบปากจีบคอถาม รินมองผู้หญิงที่เรียกเธอด้วยคำพูดจิกทุกคำอย่างไม่พอใจ

“ผมจะไปโรงพยาบาล” ธนาดลตอบเรียบๆ ลอบมองรินผ่านกระจกมองหลังเป็นพักๆ

“ไปโรงพยาบาลแล้วจะเอามันมาด้วยทำไมคะ...เกะกะ” ไม่ว่าเปล่า สาวสวยยังปรายตามองมาที่ศรินดาราวกับเธอเป็นเพียงแค่เศษขยะ ธนาดลเองก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ชายหนุ่มทำเพียงมองทางข้างหน้าและขับรถต่อไป

“นาฏจะลงที่ไหน” ชายหนุ่มถามขึ้น จนคนที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังอดที่จะคิดตามไม่ได้

...อะไรกัน คุณนาฏไม่ได้จะไปเยี่ยมคุณพ่อด้วยหรือไง นิสัยแย่ชะมัด ถึงว่า...แต่งตัวแบบนี้ไปโรงพยาบาลก็แปลกแล้ว...รินวิจารณ์ผู้หญิงอีกคนในใจ

“ร้าน...แล้วกันนะคะดล นาฏนัดเพื่อนไว้ที่นั่น” ชินานาฏบอกร้านอาหารชื่อดังในตัวเมือง

“แล้วคุณจะกลับไร่ไหมคืนนี้”

“ไม่ล่ะค่ะ นาฏคิดว่านาฏจะค้างกับเพื่อน” รินมองด้านหลังของผู้หญิงที่ชื่อชินานาฏอย่างเหลือเชื่อ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไปเที่ยวกลางคืนแน่ๆ หวังว่าผู้ชายคนนั้นคงไม่โง่เชื่อหรอกนะ

“อืม...เอางั้นก็ได้” ธนาดลรับคำเบาๆ

เฮ้ย!! รินอุทานขึ้นมาในใจ

เรื่องอื่นล่ะฉลาดทันเกมไปหมดทีเรื่องแบบนี้ทำไมโง่แสนโง่อย่างนี้นะคุณดล

แต่แล้วมือเรียวก็เขกลงบนหัวตัวเองหนึ่งทีโทษฐานเป็นห่วงศัตรูคู่แค้น

จะไปยุ่งเรื่องเขาทำไมยะ...ศรินดา เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิ ดี...ปล่อยให้โดนสวมเขา ปล่อยให้โง่อย่างนี้นี่แหละ ดี!

ฟอร์จูนเนอร์สีดำคันสวยจอดสนิทหน้าร้านอาหาร ชินานาฏกับชุดที่รินมองยังไงก็ไม่น่าใส่ในฤดูหนาวแบบนี้เพราะมันเว้าหน้าเว้าหลังเสียขนาดนั้น แถมกระโปรงยังสั้นจนแทบเห็นอะไรต่อมิอะไรอยู่แล้ว ร่างระหงของชินานาฏหายลับเข้าไปในร้านอาหาร ธนาดลหันควับมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างรวดเร็วจนรินผงะเอาหลังชิดกับเบาะ

“มานั่งข้างหน้า” ธนาดลเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง รินสะบัดหน้าหนี

“ไม่” พร้อมกับปฏิเสธเสียงแข็ง

“ฉันไม่ใช่คนขับรถของเธอนะ มานั่งข้างหน้า...เดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม ศรินดาตวัดสายตาจ้องผู้ชายบ้าอำนาจเขม่น ก่อนเจ้าตัวจะฮึดฮัดเดินลงจากรถเพื่อเปลี่ยนที่นั่งมานั่งคู่กับธนาดล

ตลอดทางหญิงสาวหันหน้าไปมองแสงไฟริมทางโดยไม่สนใจบุคคลที่นั่งขับรถอยู่ เพราะเธอกำลังโกรธ...โกรธมากด้วยที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายยอมผู้ชายคนนี้อยู่ข้างเดียว โกรธตัวเองที่เธอไม่เคยทำอย่างที่เธอปฏิเสธเขาได้เลย











รถป้ายแดงคันสวยจอดสนิทที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล รินลงจากรถอย่างรวดเร็ว เดินฉับๆโดยไม่รออีกคนหนึ่งที่มากับเธอด้วย หญิงสาวเดินไปถึงหน้าลิฟท์ นิ้วเรียวกดที่ลูกศรชี้ขึ้น ไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออก รินรีบเข้าไปในลิฟท์และกดเพื่อให้ประตูปิดอย่างรวดเร็วเพื่อแกล้งผู้ชายอีกคนที่กำลังวิ่งเข้ามา

ธนาดลเอามือกันประตูลิฟท์ก่อนที่มันจะปิดและแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วจนคนที่เข้ามาก่อนแล้วรีบหลบเข้าข้างหนึ่งของผนังลิฟท์ เพราะดูจากสายตาคู่นั้น เขาต้องบี้เธอให้ตายคาลิฟท์แน่ๆ

“เมื่อกี้เธอทำอะไร” ชายกนุ่มถามเสียงเข้มและก้าวมาตรงหน้าของหญิงสาว

“ปิดประตู” ศรินดาตอบเบาๆเมื่อระยะห่างระหว่างเธอกับเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม

“เธอไม่เห็นฉันหรือไงศรินดา” มือหนาจับแขนกลมกลึงของรินและออกแรงบีบเบาๆ

“เห็น...แต่จะปิด คุณจะทำไม...โอ๊ย!” รินร้องขึ้นเมื่อแขนของตัวเองถูกบีบแรงขึ้น

“ฉันเจ็บนะคุณดล” เสียงหวานร้อง หากธนาดลไม่ฟัง มือหนายังคงจับท่อนแขนของรินไว้อย่างนั้น และเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ชายหนุ่มก็ดึงร่างบางให้เดินตาม

“คุณจะดึงทำไม ฉันเจ็บนะ” ศรินดาบิดแขนตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมหากก็ไม่เป็นผลเอาเสียเลยเพราะมือที่จับแขนของเธอไว้นั้นแข็งราวกับคีมเหล็ก

ประตูห้องผู้ป่วยซึ่งเป็นห้องพิเศษถูกเปิดออกโดยไร้การเคาะเพื่อบอกกล่าวว่ามีผู้มาใหม่ ศิรสามองผู้ที่มาเยี่ยมก่อนจะคลี่ยิ้มให้บางๆ

“มาเยี่ยมคุณพ่อหรือคะคุณดล” แม่เลี้ยงถามอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

“ใช่” ธนาดลตอบกลับห้วนๆ ศิรสาจึงหน้าเจื่อนลง หากก็ยังทำใจดีสู้เสือ

“งั้นน้าขอตัวนะคะ คุณดลจะได้คุยกับคุณพ่อ ส่วนรินออกไปข้างนอกกับแม่ดีกว่าลูก” มารดาหันไปชวนบุตรสาวและแน่นอนว่าศรินดาแทบจะกระโดดหอมแก้มมารดาสักสองทีที่ช่วยไม่ให้เธออยู่ข้างๆคนบ้าอย่าง ธนาดล ในห้องจึงเหลือเพียงแค่พ่อกับลูกเพียงสองคน ธนาดลลากเก้าอีกมานั่งข้างๆบิดา

“สบายดีแล้วใช่ไหมครับ” แล้วก็เป็นฝ่ายลูกชายที่เอ่ยถามอาการของบิดาขึ้นก่อน

“ใช่...” พ่อเลี้ยงธฤตตอบกลับมาสั้นๆ แล้วห้องก็เงียบไปนานกว่าสิบนาทีเพราะไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ

“ดล...แม่เรา เขาเป็นมะเร็งหรือ” พ่อเลี้ยงธฤตถามขึ้นมาอย่างขมขื่น แววตาของธนาดลสั่นนิดหนึ่งก่อนจะตอบว่า

“พ่อไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ”

“ดล” บิดาเรียกชื่อลูกชายเสียงพร่า

“แม่จะเป็นอะไรตายพ่อไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ เพราะถึงจะรู้แม่ก็ไม่ฟื้นาอยู่ดี ถึงรู้...พ่อก็ต้องหย่ากับแม่อยู่ดี ใช่ไหมครับ” ลูกชายก็พูดด้วยน้ำเสียงขมขื่นไม่แพ้กัน จำได้ว่าเมื่องานศพแม่ คุณยายจัดงานง่ายๆโดยบอกแค่ญาติฝ่ายคุณยายเท่านั้น ไม่แม้แต่จะบอกสามีของลูกสาวของตัวเอง เพราะโกรธแค้นที่ลูกเขยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร กว่าจะมารู้อีกทีก็หลังงานศพเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว

“ผมแค่มาดูว่าพ่อไม่เป็นอะไรแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” แล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้น

“ดล...ไม่ได้ทำอะไรรินใช่ไหม” บิดาถามขึ้นมา ธนาดลยิ้มน้อยๆก่อนตอบ

“จะทำได้ยังไงล่ะครับ...ก็ลูกสาวคนโปรดของพ่อนี่” แล้วร่างสูงก็เปิดประตูห้องเดินออกไป พอดีกับที่รินและมารดากำลังเดินมาพอดี

“กลับแล้วเหรอคะ” ศิรสาถามลูกเลี้ยงเบาๆ หากอีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่มองหน้า ร่างสูงเดินผ่านคนทั้งคู่ไปเฉยๆ

“รินกลับนะคะแม่” หญิงสาวบอกมารดาเพราะเธอรู้ว่าถ้าเธอยื้อที่จะอยู่ที่นี่กับมารดาล่ะก็ ผู้ชายคนนั้นคงได้ขึ้นมาลากเธอกลับบ้านไปด้วยกันแน่ๆ

“เป็นไปได้ก็ห่างๆคุณดลเขาไว้นะริน” ศิรสาเตือนลูกสาว รินพยักหน้าและยิ้มบางๆให้มารดาก่อนที่จะเดินตามธนาดลไป

หญิงสาวเปิดประตูรถมานั่งที่เดิม ตากลมโตเลือบมาคนข้างที่นั่งนิ่งนิดๆ รู้สึกว่าบรรยากาศมันน่ากลัวอย่างไรชอบกล เธอเขยิบร่างของตัวเองให้ชิดประตู เผื่ออาการบ้าของผู้ชายคนนี้กำเริบเธอจะได้หนีทัน

แต่แล้วธนาดลก็สตาร์ทรถและออกตัวอย่างรวดเร็ว ดีที่ศรินดาคาดเข็มขัดนิรภัยไว้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นศีรษะเธอคงต้องฟาดคอนโซนรถอย่างคราวนั้นอีกแน่ๆ ตลอดทางรินต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆเมื่อรถที่เธอนั่งมาด้วยแล่นความเร็วร่วมหนึ่งร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

“ฉันยังไม่อยากตายนะคุณ ขับให้มันช้าๆกว่านี้จะได้ไหม” เสียงหวานบอกเสียงสั่นๆ ตาก็มองหน้าปัดบอกความเร็ว

“นั่งไปเงียบๆ!” ธนาดลตวาด หากคราวนี้รินจะไม่ยอมอีกแล้ว เรื่องความเป็นความตาย ใครจะไปยอมกันเล่า

“เงียบได้ยังไงล่ะ ความเป็นความตายนะคุณ คุณอยากตายคุณก็ตายไปคนเดียวสิ อย่าเอาฉันไปตายด้วย” หญิงสาวว่า ร่างบางกระโดดตามแรงรถที่วิ่งตามทางลูกรังเข้าไร่ จนอวัยวะภายในแทบกองมารวมกัน

แล้วร่างของหญิงสาวก็ทิ่มไปข้างหน้าเมื่อคนขับเบรกรถอย่างแรง รินมองไปที่ธนาดลหวังจะต่อว่าเขาให้เจ็บๆสักที แต่พอมองเห็นสายตาคู่คมที่มองไปข้างหน้ากับคิ้วเข้มๆที่ขมวดกันอย่างสงสัย รินเลยสงบปากสงบคำและมองตามเขาบ้าง

สาเหตุที่ทำให้เขาเบรกรถอย่างแรงคงเพราะต้นไม้ที่ขวางทางอยู่ข้างหน้าแน่ๆ แต่นี่ไม่ใช่หน้าฝน เป็นไปไม่ได้ที่ลมจะพัดแรงหรือฟ้าจะผ่าจนต้นไม้ล้ม แล้วสัญชาตญาณก็บอกกับหญิงสาวว่า เรื่องแบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว

ธนาดลเองก็คงจะคิดไม่ต่างกัน ชายหนุ่มมองท่อนไม้ท่อนใหญ่ข้างหน้าอย่างสงสัย งานนี้คงทีใครคิดร้ายกับเขาแน่ๆ

“ฉันจะลงไปลากท่อนไม้หลบ เธออยู่ในนี้ หมอบไว้ด้วย อย่าให้ใครเห็นว่าเธออยู่ในนี้เข้าใจหรือเปล่า” ชายหนุ่มหันมาสั่ง รินมองหน้าเขาด้วยแววตาตื่นๆ

“กลับเข้าเมืองดีกว่านะคะ ท่าทางมันไม่ค่อยจะดี” หญิงสาวเสนอแนวทาง

“ไม่ได้! ที่ไร่ไม่มีคนอยู่ ฉันทิ้งไร่ไม่ได้ หมอบลง” ไม่สั่งเปล่าชายหนุ่มใช้มือกดร่างของหญิงสาวให้หมอบลงจนพ้นรัศมีการมองเห็นจากด้านนอก ก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไป

ธนาดลมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อพบว่าไม่มีใครจึงลงมือลากท่อนไม้ที่ขวางรถมาไว้ที่ข้างทาง รินที่อยู่ในรถลอบมองชายหนุ่มเป็นครั้งคราว แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้างเมื่อเห็นเงาดำตะคุ่มๆ ข้างหลังของธนาดล ชายฉกรรจ์สวมหมวกคลุมใบหน้าเงื้อไม้ท่อนใหญ่เตรียมฟาด ไม่ทันกระพริบตาร่างของธนาดลล้มกองกับพื้นทันที รินตกใจจนหาเสียงขอตัวเองไม่เจอ หญิงสาวเบิกตาโพลน เมื่อคนร้ายดึงหมวกไหมพรมให้พ้นจากหน้า

ชัย!!

ศรินดารีบหมอบทันทีที่ชัยหันควับมามอง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก มันคงไม่เห็นเธอใช่ไหม รินภาวนาให้ไอ้ชัยมองไม่เห็นเธอ เพราะถ้ามันเห็นมันคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ หญิงสาวประสานมือแน่นไว้ที่หน้าอก หลับตาปี๋ ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ในหัวคิดถึงบิดาที่อยู่บนสวรรค์จับใจ

พ่อขา...ช่วยรินด้วย รินยังไม่อยากตาย

พ่อคุ้มครองรินด้วยนะคะ

ช่วยรินด้วยนะคะพ่อ


---------------------------------------------------------------------------------------------

เหมือนคุณดลจะปกป้องรินนิดๆใช่ไหมคะ คิดอย่างนั้นกันหรือเปล่าเอ่ย (ฮ่ะๆๆๆ)



คุยกันดีกว่าค่ะ...

คุณ MYsister : ยอมรับว่าตกใจมากเลยค่ะที่ยังเจอคนที่เคยอ่านเรื่องนี้ในสมัยก่อนโน้นนนน...แต่ก็ดีใจมากๆเช่นกันค่ะที่ยังมีคนจำกันได้ และคราวนี้ปอแก้วลงจนจบแน่ๆค่ะ ตามอ่านได้เลย :)

คุณ nunoi : ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ พี่ต้นกับหมอน้ำโดนกีดกันเพราะพ่อของหมอน้ำค่ะ เลยต้องฝ่าด่านกันเหนื่อยหน่อย

คุณ ดาวคันชั่ง : หลังๆจะมีขำๆยิ่งกว่านี้นะคะ อิอิ ส่วนเรื่องพี่ต้นกับหมอน้ำ ลุ้นกันเหนื่อยเชียวล่ะค่ะ :)

คุณ anOO : ยาวเลยล่ะค่ะ ยาวถึงตอนพิเศษเลยกว่าจะเคลียร์กันได้ ><




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 เม.ย. 2555, 14:42:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 เม.ย. 2555, 14:42:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1858





<< บทที่ 7   บทที่ 9 >>
Amata 16 เม.ย. 2555, 15:04:14 น.
เพิ่งกลับจากต.จ.ว. เมื่อคืน ตามเป็นกำลังใจให้นะคะ ^__^


ปรางขวัญ 16 เม.ย. 2555, 15:18:20 น.
ภาวนาให้คุณดลกับหนูรินปลอดภัยค่ะ รีบมาต่อนะคะ ตอนนี้คนอ่านลุ้นมาก @^^@


anOO 16 เม.ย. 2555, 16:22:05 น.
นายแสดงว่านายดลคงรู้ตัวตั้งแต่แรก ถึงให้รินหลบอยู่แบบนั้น


MYsister 16 เม.ย. 2555, 19:19:03 น.
^^ wait!!!!!


ดาวคันชั่ง 16 เม.ย. 2555, 20:05:27 น.
ขอให้ปลอดภัยทั้งสองคน ถึงจะหมั่นไส้นายดล แ่ต่ต้องอยู่ใ้ห้รินเอาคืนเยอะๆก่อน 55+


nunoi 16 เม.ย. 2555, 20:57:59 น.
นึกแล้วว่านายชัยต้องมาเอาคืน ขออย่าเป็นอะไรนะทั้งนายดลและหนูริน


บุรีวาด 16 เม.ย. 2555, 23:25:36 น.
โอ ลุ้นสุดๆ ขอให้หนูรินปลอดภัยนะคะ


มุกมาดา 17 เม.ย. 2555, 09:47:45 น.
แหมๆๆ พระเอกเนี่ยหาเรื่องเข้าหานางเอกตลอดเลยนะ คริคริ


Edelweiss 20 เม.ย. 2555, 19:21:54 น.
ดลน่าสงสารมากค่ะ แทนที่พ่อจห่วงความรู้สึกดล กลับไปถามว่าทำอะไรรินรึเปล่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account