เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)
-----------------------------------------------------------------
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
-----------------------------------------------------------------
เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร
ตอน: บทที่ 9
บทที่ 9
ไอ้ชัยมองเข้าไปในรถ เมื่อเห็นว่ามีอะไรผลุบลงเพื่อหลบสายตา ร่างสูงใหญ่ค่อยๆเดินเข้าหาตัวรถ มือที่ถือไม้ท่อนใหญ่กำแน่น ส่วนอีกมือเอื้อมมาเตรียมหวังจะเปิดประตูรถ สัญชาตญาณที่คอยเตือนไม่น่าจะผิด...ในรถของธนาดลมีใครอีกคนอยู่แน่
...ไหนๆก็มาพร้อมกับมันแล้ว ตายไปพร้อมกันด้วยก็แล้วกัน!...
หากจู่ๆก็มีแสงไฟสว่างจ้าส่องมาจากทางด้านหลังจนไอ้ชัยที่กำลังจะเปิดประตูรถรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีผู้รู้เห็นเพิ่มขึ้น ส่วนศรินดายังคงก้มตัวหมอบอย่างหวาดกลัว หญิงสาวตัวสั่นเทา ในใจยังคงภาวนาให้ตัวเองปลอดภัย ทันใดนั้นประตูข้างที่รินนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออกทันที ร่างบางสะดุ้งขึ้นอย่างหวาดกลัว ตัวสั่นเทายิ่งกว่าเดิม มือๆหนึ่งเอื้อมมือมาจากความมืดและแตะที่บ่าของหญิงสาวเบาๆ
“ริน” เสียงนั้นทำให้รินเงยหน้าขึ้นมาทันที น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงเผาะอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวโผตัวเข้ากอดเพื่อนสาวแน่น
“น้ำ...น้ำ” รินพร่ำเรียกชื่อเพื่อนอย่างเดียว เพราะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วแก ไม่ต้องกลัว" สลิลธารลูบหลังเพื่อนเบาๆอย่างปลอบขวัญ
“น้ำ! คุณดลถูกตีหัว เลือดไหลเยอะเหมือนกัน” เสียงนุ่มๆของหมอเขตดังขึ้น ศรินดาผละจากอ้อมกอดเพื่อน ตาโตสวยเบิกกว้างเมื่อนึกถึงคนที่ถูกทำร้าย หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปทางที่ธนาดล นอนสลบอยู่โดยมีหมอเขตดูอาการ
“คุณดลเป็นไงบ้างคะหมอเขต” รินถามทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“หัวแตกเยอะเหมือนกันครับ พาไปโรงพยาบาลดีกว่า” หมอเขตพยุงธนาดลให้ลุกขึ้นโดนมีรินช่วยหิ้วปีกอีกข้าง
“หมอเขต หมอเขตไปกับรินนะ เดี๋ยวน้ำจะขับรถคุณดลตามไป” ไม่รอคำตอบจากปากของหมอเขต สลิลธารก็โดดเข้าที่นั่งคนขับ รอจนแลนด์โลเวอร์ของสิขเรศขับออกไปหญิงสาวจึงกลับรถของธนาดลก่อนที่ขับตามออกไป
หน้าห้องฉุกเฉิน ศรินดานั่งกุมมือของตัวเองแน่น เสื้อผ้าของหญิงสาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉานของธนาดล ตากลมสวยมองนาฬิกาข้อมือแทบจะทุกๆหนึ่งนาที ท่าทางบอกถึงความกระวนกระวายอย่างที่ตัวเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้
...ตายไม่ได้นะคุณดล คุณจะตายไปเฉยๆโดยที่ฉันยังไม่ได้แก้แค้นอะไรคุณเลยแบบนี้ไม่ได้นะ!...
“เกิดอะไรขึ้นน่ะริน เล่าได้มั้ย” สลิลธารทรุดตัวลงนั่งข้างๆเพื่อนสาว รินพยักหน้า ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“คุณดลไล่คนงานในไร่ออก แล้วมันคงแค้น เลยวกกลับมาทำร้าย” สลิลธารเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนสาว
“เกิดเรื่องที่ไร่งั้นเหรอ แล้วแกจะแจ้งความมั้ย”
รินส่ายหน้า “ไม่รู้สิ...ฉันคิดอะไรไม่ออก”
“พี่ต้นล่ะ แกโทรบอกพี่ต้นหรือยังว่าน้องชายเขาโดนทำร้าย”
รินส่ายหน้าอีกครั้ง “ยัง...คงต้องรอให้พี่ต้นกลับมาก่อนแล้วค่อยบอก บอกไปตอนนี้พี่ต้นก็ต้องทิ้งธุระมาดูทางนี้ ฉันไม่อยากให้ที่ไร่มีปัญหา คุณพ่อก็ไม่สบาย คุณดลก็มาโดนทำร้าย ถ้าให้พี่ต้นมาวุ่นเรื่องนี้อีกคน ที่ไร่คงไม่มีคนดูแลแน่ๆ” ศรินดาถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมถึงได้เกิดแต่เรื่องร้ายๆนะ
แล้วประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับร่างคุณหมอวัยกลางคน รินรีบวิ่งมาหาคุณหมอทันที
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นเท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้นรินถึงกับถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอก
...ยังตายไม่ได้ ถ้าฉันไม่ให้ตาย คุณก็ต้องไม่ตาย!...
“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะริน ทางนี้เดี๋ยวน้ำให้หมอเขตดูให้” สลิลธารบอกเพื่อนเพราะเห็นว่าตอนนี้สภาพของศรินดานั้นดูไม่ได้เลย รินพยักหน้าอย่างว่าง่าย ใจหนึ่งก็เป็นห่วงที่ไร่ว่าไม่มีใครอยู่เลย หวังว่าไอ้ชัยมันคงไม่แค้นจนขนาดคิดจะเผาไร่หรอกนะ
“แกจะไปกับฉันไหม” รินถามเพื่อนสาว
“งั้นสิ...” สลิลธารตอบพร้อมกับชูกุญแจรถของธนาดลขึ้นมา “ฉันมีรถ แล้วไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำอะไร ลองใครกล้ามาแตะฉันสิ ป๊าฉันได้ตามมันจนมันฝันร้ายตลอดชีวิตแน่” หมอน้ำบอกเพื่อนด้วยแววตาจริงจังเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่เพิ่งขวัญเสียอย่างริน
ศรินดากลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่พ่อเลี้ยงธฤตรักษาตัวอยู่ แต่เธอบอกทางโรงพยาบาลว่าขอห้องที่ห่างจากห้องของพ่อเลี้ยงธฤตมากที่สุด เพราะถ้าท่านรู้ว่าลูกชายเกิดเรื่อง อาการที่กำลังดีขึ้นคงได้ทรุดหนัก
หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย กลิ่นโรงพยาบาลเป็นกลิ่นที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลยตั้งแต่ที่เคยเข้าเฝือกคราวนั้น เพราะเธอต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น นึกแล้วก็อดที่จะสะใจคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ได้ สะใจ...ที่เขาได้เจ็บบ้าง
รินลากเก้าอี้มานั่งข้างๆคนเจ็บ สายตาพิศมองไปยังใบหน้าขาวที่ตอนนี้ศีรษะถูกพันรอบด้วยผ้าพันแผล ตอนหลับผู้ชายคนนี้ก็ดูดีไม่มีพิษไม่มีภัยอยู่หรอก พอหลับแล้วเหมือนเด็กเลย ดูอ่อนโยน ไร้เดียงสา หากแต่พอตื่นกลับกลายเป็นปีศาจที่น่ากลัว กลายเป็นคนที่เย็นชาและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ
คิดแล้วก็อยากจะทำอะไรเพื่อเอาคืนตอนที่เขาหลับนัก ยิ่งเจ็บๆด้วยแล้ว คงจะไม่มีแรงทำร้ายเธอกลับ...หรอกมั้ง หากแต่พอคิดความคิดอีกอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวสมองทันที ถ้าผู้ชายคนนี้ตื่นมาแล้วทักเธอว่า ‘คุณเป็นใคร’ ล่ะ เธอจะทำอย่างไร
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าธนาดลที่ยังหลับสนิท นั่นสินะ...ถ้าเขาความจำเสื่อม ความแค้นทั้งหมดก็จะหายไปงั้นหรือ ไม่! ไม่มีทาง เรื่องอะไรล่ะ จะความจำเสื่อมแล้วทำไม ดีสิเธอจะได้เอาคืนเขาบ้าง เอาคืนทั้งๆที่เขาไม่รู้เรื่องนี่ล่ะ มันเจ็บที่สุดแล้ว แต่ถ้าพอถึงเวลานั้นจริงๆ เวลาที่เขาอาจจะจำอะไรไม่ได้เลย เธอจะกล้าทำร้ายเขาจริงๆหรือ จะใจร้ายได้ขนาดนั้นเลยใช่ไหม...
รินซบหน้าลงกับเตียงของผู้ป่วยโดยเอาแขนรองแทนหมอน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องผจญกับเรื่องร้ายๆมาทั้งวัน ความง่วงและความเหนื่อยอ่อนเริ่มเข้าครอบงำจนสติของรินค่อยๆเลือนราง และทุกอย่างก็มืดสนิทเมื่อหญิงสาวเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์
ตากลมสวยลืมขึ้นอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้นอนพัก หากแต่พอมองไปที่คนป่วย หญิงสาวแทบที่จะหายหลังจนตกเก้าอี้เมื่อธนาดลจ้องมองมาที่เธอ รินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆเพราะในใจกำลังลุ้นว่าเขาจะทักเธอด้วยประโยคอะไร
“มาทำไม”
...อ่อ...ลองทักแบบนี้สิ สมองไม่เสื่อม แถมความจำยังอยู่ครบทุกประการ...
ศรินดาเชิดหน้า นึกอยากจะวิ่งชนกำแพงให้หัวแตกจนตัวเองความจำเสื่อมแทน จะได้ลืมว่าเคยรู้จักคนแบบนี้ หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากเตียงเพราะเริ่มไม่มั่นใจว่าธนาดลจะฟาดหัวฟาดหางใส่เธออีกหรือเปล่า
“ฉันช่วยคุณไว้นะ” รินเริ่มทวงบุญคุณ ถึงแม้ว่าหมอเขตจะเป็นคนตะโกนบอกก็เถอะว่าเขานอนเจ็บอยู่ แต่เธอก็อยู่เฝ้าเขาทั้งคืน ถึงแม้ว่าจะหลับไปค่อนคืนเช่นกัน มันก็รวมๆว่าเธอช่วยเขานั่นล่ะ
“ใครกันแน่ที่ช่วย ฉันต่างหากที่ช่วยเธอ” คนป่วยพูดเสียงแผ่ว
“คุณช่วยฉันตอนไหนมิทราบ” รินถามเสียงสะบัดอย่างโมโห นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าธนาดลเคยช่วยเธอตอนไหน
“ตอนที่ฉันลงมาลากท่อนไม้ไง ความจริงฉันจะให้เธอลงมาลากหลบข้างทางแทนฉันก็ได้...จริงไหม” รินสังเกตว่าน้ำเสียงของธนาดลเปลี่ยนไป มันไม่เข้มและน่ากลัวๆเหมือนเคย แต่! รอยยิ้มเหยียดที่เกิดขึ้นบนริมฝีปากที่แห้งผากของเขานั้นยังไม่เปลี่ยนไปเลย
รินเบิกตากว้างอย่างตะลึงกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า
...เขาว่าไงนะ!...
“คุณ...คุณอย่าบอกนะว่า เมื่อคืนคุณกะให้ฉันลงไปลากท่อนไม้ท่อนเบ้อเริ่มนั่นน่ะ” รินถามอย่างเหลือเชื่อในความคิดของธนาดล
“ใช่สิ...ก็กะจะให้ลงไปอยู่เหมือนกัน”
“เฮอะ!” รินถอนหายใจสั้นๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ นึกภาพตัวเองที่ต้องไปลากท่อนไม้เหยงๆบนทางมืดๆ แล้วก็โดนท่อนไม้ฟาดหัว มันไม่บันเทิงอารมณ์เลยจริงๆ
“ถ้าคุณให้ฉันลงไปคุณมันก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย...ไม่ใช่สุภาพบุรุษแล้ว” หญิงสาวค่อนขอด
“ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ ว่าสำหรับเธอ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสุภาพบุรุษ”
รินกัดฟันแน่น นึกโกรธไอ้ชัยที่ทำไมไม่ฟาดให้แรงกว่านี้! ฟาดให้สลบไปสามวันสามคืนเลยยิ่งดี
“แล้วคุณจะลงไปทำไม ให้ฉันลงไปก็หมดเรื่อง” รินแกล้งประชด
“โง่หรือเปล่าศรินดา”
รินค้อนควับให้คนบนเตียงไปหนึ่งทีข้อหาที่ว่าเธอ ‘โง่’
“มันจะทำร้ายฉัน เธอลงไปมันก็จับเธอเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง”
“แล้วไง” รินสวนขึ้นมา “ถึงมันจะจับฉันเป็นตัวประกัน คุณก็คงไม่สนใจช่วยฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ธนาดลค่อยๆปิดเปลือกตาและเริ่มพูดต่อ
“แม่เธอยังทรมานไม่ได้ครึ่งของแม่ฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอะไรไปง่ายๆหรือไง ง่ายไปหน่อยมั้งศรินดา เธอต้องอยู่ให้ฉันแก้แค้นอีกนาน” ตาคู่คมของธนาดลลืมขึ้นอีกครั้งและจ้องมองไปทางศรินดา หญิงสาวสู้สายตาฝ่ายนั้นกลับ ป่วยขนาดนี้ยังปากดีได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าตอนปกติ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจจริงๆ ร้ายกาจที่สุด! มือบางกำแน่นและทุบดัง ปึ้ก! เข้าที่ท่อนแขนของคนป่วยแรงๆหนึ่งที
“โอ๊ย!” ธนาดลร้องเสียงดัง รินรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และถอยหลังให้พ้นจากรัศมีวงแขนของชายหนุ่มเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
“แต่ตอนนี้ฉันขอเก็บดอกเบี้ยกับวันที่คุณเคยทำกับฉันก่อนก็แล้วกัน” หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ร่างบางหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่พอจะก้าวขาก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงร้องโอดครวญดังมาจากเตียงคนป่วย
“โอ๊ย...ปวดหัว...ปวด...โอ๊ย...” รินหันมามองธนาดลที่ตอนนี้เอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะ ลำตัวบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด
ขาเรียวก้าวเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว หากแต่พอถึงขอบเตียง ร่างทั้งร่างก็หยุดกึกอย่างนึกขึ้นได้
โกหก...ผู้ชายคนนี้กำลังโกหก
“โอ๊ย...ปวดหัว...ปวดจะตายอยู่แล้ว...ปวด...” คนบนเตียงบิดตัวไปมามากกว่าเดิม รินมองภาพนั้นแล้วตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำเช่นไร หยุดอยู่แค่ตรงนี้ หรือเดินเข้าไป สุดท้าย...หญิงสาวก็เลือกที่จะเดินเข้าไปจนถึงขอบเตียง...จนได้
“เป็นอะไรคุณ” รินชะโงกหน้าไปดูคนเจ็บ ยังไม่ทันได้ทำอะไรหรือพูดคำใดออกมา ร่างบางก็ถูกดึงให้ลงมาซบกับอกกว้างของคนป่วยอย่างรวดเร็ว แขนที่ไม่ได้ให้น้ำเกลือรัดเอวคอดของรินไว้ไม่ให้ขยับหนี
“คุณดล! ปล่อยฉันนะ!” รินอุทธรณ์ มือเล็กบางรัวไปที่อกของคนเจ็บไม่ยั้ง
“เจ็บ!” ธนาดลร้องเสียงดัง รินตวัดตามองค้อน
“เจ็บก็ปล่อยสิ” ร่างบางดิ้นขลุกขลัก นี่ขนาดเขาเจ็บอยู่แท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงสู้แรงเขาไม่ได้เลยนะ คิดแล้วมันน่าโมโหเสียจริง!
“ไม่ปล่อย” คนเจ็บลอยหน้าลอยตาพูดจนศรินดานึกหมั่นไส้ จึงปล่อยกำปั้นหนักๆใส่บ่าของคนเจ็บจนได้เสียงโอยกลับมา แต่ถึงเขาจะร้องขนาดไหน หรือเธอจะทุบเขาแรงแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธออยู่ดี
“คุณ!ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ คุณจะมาทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้!” รินเริ่มขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว เมื่อคืนเธอไม่น่าช่วยเขาเลย ไม่น่าเสียน้ำตาให้คนอย่างนี้เลย
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ...ศริน...ดา” ชื่อของเธอขาดห้วงเมื่ออีกฝ่ายหลับตา คิ้วเข้มขมวดจนหัวคิ้วชนกัน ใบหน้าขาวบูดเบี้ยวราวกับว่าเขากำลังปวดหัวอย่างหนัก มือที่รั้งเอวรินไว้คลายออก หญิงสาวจึงถือโอกาสนั้นดันตัวเองให้ออกห่างจากอกกว้างของธนาดล
รินมองคนที่กำลังทรมานอย่างเจ็บปวดหน้าตาเฉย
...เชอะ! คิดว่าฉันจะเชื่อการแสดงการคุณอีกงั้นเหรอ ไม่มีทาง...
หญิงสาวยืนมองอาการของธนาดลอยู่นาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีอาการอย่างเดิม ดวงหน้าหวานจึงเริ่มถอดสี
...เจ็บจริงเหรอเนี่ย!...
“เป็นอะไรคุณ” รินถามด้วยประโยคเดิม คราวนี้ธนาดลชี้ปที่แผลหัวแตกด้านหลัง
“เจ็บแผล” ชายหนุ่มบอกเบาๆ รินชะโงกหน้าไปดูแผลตามที่ชายหนุ่มบอก
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คุณ เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาลให้ก็แล้วกัน” หญิงสาวหันมาบอกเป็นจังหวะเดียวที่จมูกโด่งสันของธนาดลปัดผ่านแก้มใสที่หันมาอย่างแผ่วเบา รินตัวแข็งทื่อที่จู่ๆก็ถูกคนป่วยขโมยห้อมแก้มกันซะอย่างนั้น
...นี่เธอหลงกลผู้ชายคนนี้อีกแล้วใช่มั้ย!...
รินโมโหตัวเองที่ไม่ทันเกมของธนาดลอีกแล้ว เธอแพ้เขาอีกแล้ว แพ้อีกแล้ว...
“หอมนะ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ แต่คำพูดสั้นๆแค่นั้นเล่นเอารินซะจนหน้าซับไปด้วยสีเลือด หญิงสาวค้อนให้เขาเป็นรอบที่...เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ก็มันเยอะจนเธอขี้เกียจจะนับ!
“บ้า...คุณมันบ้าเต็มขั้นเลยคุณดล”เสียงหวานว่า
ธนาดลหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “งั้นเธอก็จำไว้ ว่าเธอต้องอยู่กับคนบ้าอย่างฉันอีกนาน”
สายตาคู่สวยมองไปทางคนไข้ที่นอนอย่างสบายใจเฉิบด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน จนพาลนึกถึงคนที่ทำให้ ธนาดลอยู่ในสภาพนี้
...ไอ้ชัย! ทำไมแกไม่ฟาดให้มันแรงกว่านี้!!...
ประตูห้องคนไข้ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของสลิลธาร หญิงสาวตกใจเล็กน้อยที่เห็นธนาดลฟื้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ หน้าเพื่อนเธอนี่สิ ทำไมมันถึงได้แดงแจ๋ขนาดนั้น
“ไข้ขึ้นหรือริน ทำไมหน้าแดง” คุณหมอน้ำเริ่มวิเคราะห์จากสิ่งที่เห็น
“เปล่า” รินตอบสั้นๆแล้วก็หันไปมองคนบนเตียงตาเขียวเมื่อฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาบาๆ
“แล้วทำไมหน้าแดง” รินปั้นหน้ายักษ์ใส่เพื่อน
...จะมาสงสัยอะไรนักหนากับหน้าเธอนะ...
“ช่างมันเหอะ” รินตอบ กระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวที่วางชิดผนังห้องอย่างโมโห
“เป็นยังไงบ้างคะคุณดล" สลิลธารหันมาทักคนป่วยพลางวางกระเช้าผลไม้ที่นำมาเยี่ยมบนโต๊ะวางของ
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ แล้วก็ยังเจ็บแผลอยู่"
...โกหก!... รินสวนขึ้นมาในใจ
“คุณดลจะแจ้งความรึเปล่าคะ เห็นว่าคนร้ายเป็นคนงานในไร่”
ธนาดลขมวดคิ้วอย่างสงสัย “คนงานในไร่หรือครับ”
“คุณดลยังไม่รู้เหรอคะ”
“ยังครับ” เมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม หมอน้ำก็หันไปมองเพื่อนสาวที่นั่งหน้าบึ้งอย่างต้องการคำอธิบาย
“ชัยคือคนที่ทำร้ายคุณ” ศรินดาบอกสิ่งที่เห็นเมื่อคืนให้ชายหนุ่มรับรู้ ส่วนธนาดลเมื่อได้ยินคำตอบใบหน้าขาวก็ฉายแววครุ่นคิดทันที
“ผมขอคิดดูอีกทีแล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้มันคงจะหนีหัวซุกหัวซุนเพราะมีพยานรู้เห็น”
สลิลธารพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันกลับก่อนนะริน” ก่อนจะหันไปบอกลาเพื่อนสาว
“น้ำ! อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน” รินรีบลุกขึ้นรั้งเพราะเธอไม่อยากอยู่กับคนไข้เจ้าเล่ห์อย่างนี้คนเดียว
“ไม่ได้ ฉันต้องไปทำธุระต่อ” หมอน้ำปฏิเสธเสียงแข็ง “ไปนะคะคุณดล” แล้วจึงหันมาลาคนป่วยบนเตียง ธนาดลยิ้มรับเล็กน้อยก่อนที่จะเหล่ตามามองรินที่ยืนคว้างอยู่
...ไอ้...ไอ้เพื่อนบ้า!...
“จะยืนเป็นหุ่นอีกนานไหม” ธนาดลเหน็บเข้าให้หนึ่งที รินหันควับมามอง อยากจะหาอะไรมาฟาดซ้ำแผลเดิมซะจริงๆ เอาให้ตายไปเลย
“คุณจะจ้างพยาบาลพิเศษก็ได้นะ” รินเริ่มหาช่องทางเอาตัวรอด เพราะถ้าเธอต้องคอยพยาบาลเขาด้วยตัวเอง มีหวังเธอได้บ้าเข้าสักวัน
“รังเกียจที่จะดูแลฉันมากนักหรือไง” เขาถามเสียงเข้ม
“รู้ก็ดีนี่” รินตอบอย่างไม่เกรงกลัว เพราะตอนนี้เธออยู่ห่างจากรัศมีการทำร้ายและเอาเปรียบของธนาดลแล้ว
“ดี...งั้นเธอต้องดูแลฉัน ยิ่งเธอเกลียดเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากให้เธอดูแล” ตาคู่คมมองมาที่รินมุมปากเริ่มยิ้มอย่างมีชัยอีกครั้ง รินอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น
“ไม่! ฉันไม่ทำ” ก่อนที่จะรวบรวมสติกลับมาปฏิเสธเสียงดัง
“แต่เธอต้องทำ” เขาสั่ง
“ฉัน-ไม่-ทำ" รินเน้นคำสามคำ ช้า ชัดๆ
“งั้นเธอก็เลือกเอา ทนดูแลฉันตอนนี้ หรือให้ฉันหาย แล้วค่อยไปรวบรวมคิดบัญชีกับแม่เธอ”
หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายขู่จะทำร้ายแม่เธอ “คุณจะทำอะไรแม่ฉัน”
“ฉันมีวิธีก็แล้วกันที่จะทำให้แม่เธอเจ็บปางตาย เลือกเอา!”
“คุณ!” หญิงสาวกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจที่สุด เขารู้จุดอ่อนของเธอ เขารู้ว่าถ้าเขาเอามารดาของเธอมาเป็นตัวต่อรอง เธอจะหมดหนทางที่จะปฏิเสธเขาทันที
น่ากลัว...ผู้ชายคนนี้...น่ากลัวเกินไป
---------------------------------------------------------------------------------------
คุณดล...น่าจะโดนฟาดซ้ำจริงๆค่ะ
ปล. วันเสาร์นี้เจอกันกับพี่อาร์มนะคะ :D
*ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทิ้งคอมเมนท์พูดคุยและใจดีกดไลค์นะคะ :)*
คุยกันหน่อยนะคะ...
คุณ Amata : ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ สงกรานต์นี้ไปเที่ยวสนุกไหมคะ :)
คุณ ปรางขวัญ : รินปลอดภัยค่ะ ส่วนคุณดลก็ปลอดภัยเช่นกัน หัวแข็งไม่เบาเลย - -'
คุณ anOO : ใช่ค่ะ พอเดาได้เลยให้รินหลบอยู่ในรถ (เหมือนจะเป็นคนดีเนอะ ^^")
คุณ MYsister : มาแล้วค่ะ ไม่ปล่อยให้รอนาน :)
คุณ ดาวคันชั่ง : รินก็ไม่ยอมให้ตายเหมือนกันค่ะ ก็ยังไม่ได้เอาคืนเลยนี่นา...
คุณ nunoi : สร้างศัตรูไว้ก็ต้องถูกเอาคืนค่ะ แต่โชคยังดีที่ปลอดภัย (แต่อาจจะตามมาด้วยโชคร้ายของริน)
คุณ บุรีวาด : ตอนนี้คงต้องลุ้นค่ะว่าศึกระหว่างคนป่วยกับคนเฝ้าไข้ใครจะเหนือกว่ากัน ฮ่าๆ
คุณ viengkawe : นั่นน่ะสิคะ...คุณดลจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองน่ะมีหนูรินอยู่ในสายตาตลอดเลย :)
ไอ้ชัยมองเข้าไปในรถ เมื่อเห็นว่ามีอะไรผลุบลงเพื่อหลบสายตา ร่างสูงใหญ่ค่อยๆเดินเข้าหาตัวรถ มือที่ถือไม้ท่อนใหญ่กำแน่น ส่วนอีกมือเอื้อมมาเตรียมหวังจะเปิดประตูรถ สัญชาตญาณที่คอยเตือนไม่น่าจะผิด...ในรถของธนาดลมีใครอีกคนอยู่แน่
...ไหนๆก็มาพร้อมกับมันแล้ว ตายไปพร้อมกันด้วยก็แล้วกัน!...
หากจู่ๆก็มีแสงไฟสว่างจ้าส่องมาจากทางด้านหลังจนไอ้ชัยที่กำลังจะเปิดประตูรถรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีผู้รู้เห็นเพิ่มขึ้น ส่วนศรินดายังคงก้มตัวหมอบอย่างหวาดกลัว หญิงสาวตัวสั่นเทา ในใจยังคงภาวนาให้ตัวเองปลอดภัย ทันใดนั้นประตูข้างที่รินนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออกทันที ร่างบางสะดุ้งขึ้นอย่างหวาดกลัว ตัวสั่นเทายิ่งกว่าเดิม มือๆหนึ่งเอื้อมมือมาจากความมืดและแตะที่บ่าของหญิงสาวเบาๆ
“ริน” เสียงนั้นทำให้รินเงยหน้าขึ้นมาทันที น้ำตาที่กลั้นไว้ร่วงเผาะอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวโผตัวเข้ากอดเพื่อนสาวแน่น
“น้ำ...น้ำ” รินพร่ำเรียกชื่อเพื่อนอย่างเดียว เพราะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่หาย
“ไม่เป็นอะไรแล้วแก ไม่ต้องกลัว" สลิลธารลูบหลังเพื่อนเบาๆอย่างปลอบขวัญ
“น้ำ! คุณดลถูกตีหัว เลือดไหลเยอะเหมือนกัน” เสียงนุ่มๆของหมอเขตดังขึ้น ศรินดาผละจากอ้อมกอดเพื่อน ตาโตสวยเบิกกว้างเมื่อนึกถึงคนที่ถูกทำร้าย หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปทางที่ธนาดล นอนสลบอยู่โดยมีหมอเขตดูอาการ
“คุณดลเป็นไงบ้างคะหมอเขต” รินถามทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย
“หัวแตกเยอะเหมือนกันครับ พาไปโรงพยาบาลดีกว่า” หมอเขตพยุงธนาดลให้ลุกขึ้นโดนมีรินช่วยหิ้วปีกอีกข้าง
“หมอเขต หมอเขตไปกับรินนะ เดี๋ยวน้ำจะขับรถคุณดลตามไป” ไม่รอคำตอบจากปากของหมอเขต สลิลธารก็โดดเข้าที่นั่งคนขับ รอจนแลนด์โลเวอร์ของสิขเรศขับออกไปหญิงสาวจึงกลับรถของธนาดลก่อนที่ขับตามออกไป
หน้าห้องฉุกเฉิน ศรินดานั่งกุมมือของตัวเองแน่น เสื้อผ้าของหญิงสาวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดสีแดงฉานของธนาดล ตากลมสวยมองนาฬิกาข้อมือแทบจะทุกๆหนึ่งนาที ท่าทางบอกถึงความกระวนกระวายอย่างที่ตัวเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้
...ตายไม่ได้นะคุณดล คุณจะตายไปเฉยๆโดยที่ฉันยังไม่ได้แก้แค้นอะไรคุณเลยแบบนี้ไม่ได้นะ!...
“เกิดอะไรขึ้นน่ะริน เล่าได้มั้ย” สลิลธารทรุดตัวลงนั่งข้างๆเพื่อนสาว รินพยักหน้า ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“คุณดลไล่คนงานในไร่ออก แล้วมันคงแค้น เลยวกกลับมาทำร้าย” สลิลธารเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเรื่องราวจากเพื่อนสาว
“เกิดเรื่องที่ไร่งั้นเหรอ แล้วแกจะแจ้งความมั้ย”
รินส่ายหน้า “ไม่รู้สิ...ฉันคิดอะไรไม่ออก”
“พี่ต้นล่ะ แกโทรบอกพี่ต้นหรือยังว่าน้องชายเขาโดนทำร้าย”
รินส่ายหน้าอีกครั้ง “ยัง...คงต้องรอให้พี่ต้นกลับมาก่อนแล้วค่อยบอก บอกไปตอนนี้พี่ต้นก็ต้องทิ้งธุระมาดูทางนี้ ฉันไม่อยากให้ที่ไร่มีปัญหา คุณพ่อก็ไม่สบาย คุณดลก็มาโดนทำร้าย ถ้าให้พี่ต้นมาวุ่นเรื่องนี้อีกคน ที่ไร่คงไม่มีคนดูแลแน่ๆ” ศรินดาถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างเหนื่อยอ่อน ทำไมถึงได้เกิดแต่เรื่องร้ายๆนะ
แล้วประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับร่างคุณหมอวัยกลางคน รินรีบวิ่งมาหาคุณหมอทันที
“คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ ตอนนี้ก็รอแค่ให้ฟื้นเท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้นรินถึงกับถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอก
...ยังตายไม่ได้ ถ้าฉันไม่ให้ตาย คุณก็ต้องไม่ตาย!...
“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะริน ทางนี้เดี๋ยวน้ำให้หมอเขตดูให้” สลิลธารบอกเพื่อนเพราะเห็นว่าตอนนี้สภาพของศรินดานั้นดูไม่ได้เลย รินพยักหน้าอย่างว่าง่าย ใจหนึ่งก็เป็นห่วงที่ไร่ว่าไม่มีใครอยู่เลย หวังว่าไอ้ชัยมันคงไม่แค้นจนขนาดคิดจะเผาไร่หรอกนะ
“แกจะไปกับฉันไหม” รินถามเพื่อนสาว
“งั้นสิ...” สลิลธารตอบพร้อมกับชูกุญแจรถของธนาดลขึ้นมา “ฉันมีรถ แล้วไม่ต้องกลัวว่าใครจะทำอะไร ลองใครกล้ามาแตะฉันสิ ป๊าฉันได้ตามมันจนมันฝันร้ายตลอดชีวิตแน่” หมอน้ำบอกเพื่อนด้วยแววตาจริงจังเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่เพิ่งขวัญเสียอย่างริน
ศรินดากลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเดียวกับที่พ่อเลี้ยงธฤตรักษาตัวอยู่ แต่เธอบอกทางโรงพยาบาลว่าขอห้องที่ห่างจากห้องของพ่อเลี้ยงธฤตมากที่สุด เพราะถ้าท่านรู้ว่าลูกชายเกิดเรื่อง อาการที่กำลังดีขึ้นคงได้ทรุดหนัก
หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย กลิ่นโรงพยาบาลเป็นกลิ่นที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลยตั้งแต่ที่เคยเข้าเฝือกคราวนั้น เพราะเธอต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น นึกแล้วก็อดที่จะสะใจคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ได้ สะใจ...ที่เขาได้เจ็บบ้าง
รินลากเก้าอี้มานั่งข้างๆคนเจ็บ สายตาพิศมองไปยังใบหน้าขาวที่ตอนนี้ศีรษะถูกพันรอบด้วยผ้าพันแผล ตอนหลับผู้ชายคนนี้ก็ดูดีไม่มีพิษไม่มีภัยอยู่หรอก พอหลับแล้วเหมือนเด็กเลย ดูอ่อนโยน ไร้เดียงสา หากแต่พอตื่นกลับกลายเป็นปีศาจที่น่ากลัว กลายเป็นคนที่เย็นชาและร้ายกาจที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ
คิดแล้วก็อยากจะทำอะไรเพื่อเอาคืนตอนที่เขาหลับนัก ยิ่งเจ็บๆด้วยแล้ว คงจะไม่มีแรงทำร้ายเธอกลับ...หรอกมั้ง หากแต่พอคิดความคิดอีกอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวสมองทันที ถ้าผู้ชายคนนี้ตื่นมาแล้วทักเธอว่า ‘คุณเป็นใคร’ ล่ะ เธอจะทำอย่างไร
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าธนาดลที่ยังหลับสนิท นั่นสินะ...ถ้าเขาความจำเสื่อม ความแค้นทั้งหมดก็จะหายไปงั้นหรือ ไม่! ไม่มีทาง เรื่องอะไรล่ะ จะความจำเสื่อมแล้วทำไม ดีสิเธอจะได้เอาคืนเขาบ้าง เอาคืนทั้งๆที่เขาไม่รู้เรื่องนี่ล่ะ มันเจ็บที่สุดแล้ว แต่ถ้าพอถึงเวลานั้นจริงๆ เวลาที่เขาอาจจะจำอะไรไม่ได้เลย เธอจะกล้าทำร้ายเขาจริงๆหรือ จะใจร้ายได้ขนาดนั้นเลยใช่ไหม...
รินซบหน้าลงกับเตียงของผู้ป่วยโดยเอาแขนรองแทนหมอน หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องผจญกับเรื่องร้ายๆมาทั้งวัน ความง่วงและความเหนื่อยอ่อนเริ่มเข้าครอบงำจนสติของรินค่อยๆเลือนราง และทุกอย่างก็มืดสนิทเมื่อหญิงสาวเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์
ตากลมสวยลืมขึ้นอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้นอนพัก หากแต่พอมองไปที่คนป่วย หญิงสาวแทบที่จะหายหลังจนตกเก้าอี้เมื่อธนาดลจ้องมองมาที่เธอ รินกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆเพราะในใจกำลังลุ้นว่าเขาจะทักเธอด้วยประโยคอะไร
“มาทำไม”
...อ่อ...ลองทักแบบนี้สิ สมองไม่เสื่อม แถมความจำยังอยู่ครบทุกประการ...
ศรินดาเชิดหน้า นึกอยากจะวิ่งชนกำแพงให้หัวแตกจนตัวเองความจำเสื่อมแทน จะได้ลืมว่าเคยรู้จักคนแบบนี้ หญิงสาวเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากเตียงเพราะเริ่มไม่มั่นใจว่าธนาดลจะฟาดหัวฟาดหางใส่เธออีกหรือเปล่า
“ฉันช่วยคุณไว้นะ” รินเริ่มทวงบุญคุณ ถึงแม้ว่าหมอเขตจะเป็นคนตะโกนบอกก็เถอะว่าเขานอนเจ็บอยู่ แต่เธอก็อยู่เฝ้าเขาทั้งคืน ถึงแม้ว่าจะหลับไปค่อนคืนเช่นกัน มันก็รวมๆว่าเธอช่วยเขานั่นล่ะ
“ใครกันแน่ที่ช่วย ฉันต่างหากที่ช่วยเธอ” คนป่วยพูดเสียงแผ่ว
“คุณช่วยฉันตอนไหนมิทราบ” รินถามเสียงสะบัดอย่างโมโห นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าธนาดลเคยช่วยเธอตอนไหน
“ตอนที่ฉันลงมาลากท่อนไม้ไง ความจริงฉันจะให้เธอลงมาลากหลบข้างทางแทนฉันก็ได้...จริงไหม” รินสังเกตว่าน้ำเสียงของธนาดลเปลี่ยนไป มันไม่เข้มและน่ากลัวๆเหมือนเคย แต่! รอยยิ้มเหยียดที่เกิดขึ้นบนริมฝีปากที่แห้งผากของเขานั้นยังไม่เปลี่ยนไปเลย
รินเบิกตากว้างอย่างตะลึงกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า
...เขาว่าไงนะ!...
“คุณ...คุณอย่าบอกนะว่า เมื่อคืนคุณกะให้ฉันลงไปลากท่อนไม้ท่อนเบ้อเริ่มนั่นน่ะ” รินถามอย่างเหลือเชื่อในความคิดของธนาดล
“ใช่สิ...ก็กะจะให้ลงไปอยู่เหมือนกัน”
“เฮอะ!” รินถอนหายใจสั้นๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ นึกภาพตัวเองที่ต้องไปลากท่อนไม้เหยงๆบนทางมืดๆ แล้วก็โดนท่อนไม้ฟาดหัว มันไม่บันเทิงอารมณ์เลยจริงๆ
“ถ้าคุณให้ฉันลงไปคุณมันก็ไม่ใช่ลูกผู้ชาย...ไม่ใช่สุภาพบุรุษแล้ว” หญิงสาวค่อนขอด
“ฉันเคยบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือ ว่าสำหรับเธอ ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสุภาพบุรุษ”
รินกัดฟันแน่น นึกโกรธไอ้ชัยที่ทำไมไม่ฟาดให้แรงกว่านี้! ฟาดให้สลบไปสามวันสามคืนเลยยิ่งดี
“แล้วคุณจะลงไปทำไม ให้ฉันลงไปก็หมดเรื่อง” รินแกล้งประชด
“โง่หรือเปล่าศรินดา”
รินค้อนควับให้คนบนเตียงไปหนึ่งทีข้อหาที่ว่าเธอ ‘โง่’
“มันจะทำร้ายฉัน เธอลงไปมันก็จับเธอเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง”
“แล้วไง” รินสวนขึ้นมา “ถึงมันจะจับฉันเป็นตัวประกัน คุณก็คงไม่สนใจช่วยฉันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ธนาดลค่อยๆปิดเปลือกตาและเริ่มพูดต่อ
“แม่เธอยังทรมานไม่ได้ครึ่งของแม่ฉัน คิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอเป็นอะไรไปง่ายๆหรือไง ง่ายไปหน่อยมั้งศรินดา เธอต้องอยู่ให้ฉันแก้แค้นอีกนาน” ตาคู่คมของธนาดลลืมขึ้นอีกครั้งและจ้องมองไปทางศรินดา หญิงสาวสู้สายตาฝ่ายนั้นกลับ ป่วยขนาดนี้ยังปากดีได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าตอนปกติ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจจริงๆ ร้ายกาจที่สุด! มือบางกำแน่นและทุบดัง ปึ้ก! เข้าที่ท่อนแขนของคนป่วยแรงๆหนึ่งที
“โอ๊ย!” ธนาดลร้องเสียงดัง รินรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และถอยหลังให้พ้นจากรัศมีวงแขนของชายหนุ่มเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน
“แต่ตอนนี้ฉันขอเก็บดอกเบี้ยกับวันที่คุณเคยทำกับฉันก่อนก็แล้วกัน” หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ร่างบางหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่พอจะก้าวขาก็ต้องชะงัก เมื่อเสียงร้องโอดครวญดังมาจากเตียงคนป่วย
“โอ๊ย...ปวดหัว...ปวด...โอ๊ย...” รินหันมามองธนาดลที่ตอนนี้เอามือทั้งสองข้างกุมศีรษะ ลำตัวบิดไปมาด้วยความเจ็บปวด
ขาเรียวก้าวเข้ามาดูอย่างรวดเร็ว หากแต่พอถึงขอบเตียง ร่างทั้งร่างก็หยุดกึกอย่างนึกขึ้นได้
โกหก...ผู้ชายคนนี้กำลังโกหก
“โอ๊ย...ปวดหัว...ปวดจะตายอยู่แล้ว...ปวด...” คนบนเตียงบิดตัวไปมามากกว่าเดิม รินมองภาพนั้นแล้วตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำเช่นไร หยุดอยู่แค่ตรงนี้ หรือเดินเข้าไป สุดท้าย...หญิงสาวก็เลือกที่จะเดินเข้าไปจนถึงขอบเตียง...จนได้
“เป็นอะไรคุณ” รินชะโงกหน้าไปดูคนเจ็บ ยังไม่ทันได้ทำอะไรหรือพูดคำใดออกมา ร่างบางก็ถูกดึงให้ลงมาซบกับอกกว้างของคนป่วยอย่างรวดเร็ว แขนที่ไม่ได้ให้น้ำเกลือรัดเอวคอดของรินไว้ไม่ให้ขยับหนี
“คุณดล! ปล่อยฉันนะ!” รินอุทธรณ์ มือเล็กบางรัวไปที่อกของคนเจ็บไม่ยั้ง
“เจ็บ!” ธนาดลร้องเสียงดัง รินตวัดตามองค้อน
“เจ็บก็ปล่อยสิ” ร่างบางดิ้นขลุกขลัก นี่ขนาดเขาเจ็บอยู่แท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงสู้แรงเขาไม่ได้เลยนะ คิดแล้วมันน่าโมโหเสียจริง!
“ไม่ปล่อย” คนเจ็บลอยหน้าลอยตาพูดจนศรินดานึกหมั่นไส้ จึงปล่อยกำปั้นหนักๆใส่บ่าของคนเจ็บจนได้เสียงโอยกลับมา แต่ถึงเขาจะร้องขนาดไหน หรือเธอจะทุบเขาแรงแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมปล่อยเธออยู่ดี
“คุณ!ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่ใช่ของเล่นของคุณ คุณจะมาทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้!” รินเริ่มขึ้นเสียงด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว เมื่อคืนเธอไม่น่าช่วยเขาเลย ไม่น่าเสียน้ำตาให้คนอย่างนี้เลย
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉันนะ...ศริน...ดา” ชื่อของเธอขาดห้วงเมื่ออีกฝ่ายหลับตา คิ้วเข้มขมวดจนหัวคิ้วชนกัน ใบหน้าขาวบูดเบี้ยวราวกับว่าเขากำลังปวดหัวอย่างหนัก มือที่รั้งเอวรินไว้คลายออก หญิงสาวจึงถือโอกาสนั้นดันตัวเองให้ออกห่างจากอกกว้างของธนาดล
รินมองคนที่กำลังทรมานอย่างเจ็บปวดหน้าตาเฉย
...เชอะ! คิดว่าฉันจะเชื่อการแสดงการคุณอีกงั้นเหรอ ไม่มีทาง...
หญิงสาวยืนมองอาการของธนาดลอยู่นาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีอาการอย่างเดิม ดวงหน้าหวานจึงเริ่มถอดสี
...เจ็บจริงเหรอเนี่ย!...
“เป็นอะไรคุณ” รินถามด้วยประโยคเดิม คราวนี้ธนาดลชี้ปที่แผลหัวแตกด้านหลัง
“เจ็บแผล” ชายหนุ่มบอกเบาๆ รินชะโงกหน้าไปดูแผลตามที่ชายหนุ่มบอก
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่คุณ เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาลให้ก็แล้วกัน” หญิงสาวหันมาบอกเป็นจังหวะเดียวที่จมูกโด่งสันของธนาดลปัดผ่านแก้มใสที่หันมาอย่างแผ่วเบา รินตัวแข็งทื่อที่จู่ๆก็ถูกคนป่วยขโมยห้อมแก้มกันซะอย่างนั้น
...นี่เธอหลงกลผู้ชายคนนี้อีกแล้วใช่มั้ย!...
รินโมโหตัวเองที่ไม่ทันเกมของธนาดลอีกแล้ว เธอแพ้เขาอีกแล้ว แพ้อีกแล้ว...
“หอมนะ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ แต่คำพูดสั้นๆแค่นั้นเล่นเอารินซะจนหน้าซับไปด้วยสีเลือด หญิงสาวค้อนให้เขาเป็นรอบที่...เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ก็มันเยอะจนเธอขี้เกียจจะนับ!
“บ้า...คุณมันบ้าเต็มขั้นเลยคุณดล”เสียงหวานว่า
ธนาดลหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ “งั้นเธอก็จำไว้ ว่าเธอต้องอยู่กับคนบ้าอย่างฉันอีกนาน”
สายตาคู่สวยมองไปทางคนไข้ที่นอนอย่างสบายใจเฉิบด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน จนพาลนึกถึงคนที่ทำให้ ธนาดลอยู่ในสภาพนี้
...ไอ้ชัย! ทำไมแกไม่ฟาดให้มันแรงกว่านี้!!...
ประตูห้องคนไข้ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของสลิลธาร หญิงสาวตกใจเล็กน้อยที่เห็นธนาดลฟื้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ หน้าเพื่อนเธอนี่สิ ทำไมมันถึงได้แดงแจ๋ขนาดนั้น
“ไข้ขึ้นหรือริน ทำไมหน้าแดง” คุณหมอน้ำเริ่มวิเคราะห์จากสิ่งที่เห็น
“เปล่า” รินตอบสั้นๆแล้วก็หันไปมองคนบนเตียงตาเขียวเมื่อฝ่ายนั้นหัวเราะออกมาบาๆ
“แล้วทำไมหน้าแดง” รินปั้นหน้ายักษ์ใส่เพื่อน
...จะมาสงสัยอะไรนักหนากับหน้าเธอนะ...
“ช่างมันเหอะ” รินตอบ กระแทกตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวที่วางชิดผนังห้องอย่างโมโห
“เป็นยังไงบ้างคะคุณดล" สลิลธารหันมาทักคนป่วยพลางวางกระเช้าผลไม้ที่นำมาเยี่ยมบนโต๊ะวางของ
“ปวดหัวนิดหน่อยครับ แล้วก็ยังเจ็บแผลอยู่"
...โกหก!... รินสวนขึ้นมาในใจ
“คุณดลจะแจ้งความรึเปล่าคะ เห็นว่าคนร้ายเป็นคนงานในไร่”
ธนาดลขมวดคิ้วอย่างสงสัย “คนงานในไร่หรือครับ”
“คุณดลยังไม่รู้เหรอคะ”
“ยังครับ” เมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม หมอน้ำก็หันไปมองเพื่อนสาวที่นั่งหน้าบึ้งอย่างต้องการคำอธิบาย
“ชัยคือคนที่ทำร้ายคุณ” ศรินดาบอกสิ่งที่เห็นเมื่อคืนให้ชายหนุ่มรับรู้ ส่วนธนาดลเมื่อได้ยินคำตอบใบหน้าขาวก็ฉายแววครุ่นคิดทันที
“ผมขอคิดดูอีกทีแล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้มันคงจะหนีหัวซุกหัวซุนเพราะมีพยานรู้เห็น”
สลิลธารพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันกลับก่อนนะริน” ก่อนจะหันไปบอกลาเพื่อนสาว
“น้ำ! อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน” รินรีบลุกขึ้นรั้งเพราะเธอไม่อยากอยู่กับคนไข้เจ้าเล่ห์อย่างนี้คนเดียว
“ไม่ได้ ฉันต้องไปทำธุระต่อ” หมอน้ำปฏิเสธเสียงแข็ง “ไปนะคะคุณดล” แล้วจึงหันมาลาคนป่วยบนเตียง ธนาดลยิ้มรับเล็กน้อยก่อนที่จะเหล่ตามามองรินที่ยืนคว้างอยู่
...ไอ้...ไอ้เพื่อนบ้า!...
“จะยืนเป็นหุ่นอีกนานไหม” ธนาดลเหน็บเข้าให้หนึ่งที รินหันควับมามอง อยากจะหาอะไรมาฟาดซ้ำแผลเดิมซะจริงๆ เอาให้ตายไปเลย
“คุณจะจ้างพยาบาลพิเศษก็ได้นะ” รินเริ่มหาช่องทางเอาตัวรอด เพราะถ้าเธอต้องคอยพยาบาลเขาด้วยตัวเอง มีหวังเธอได้บ้าเข้าสักวัน
“รังเกียจที่จะดูแลฉันมากนักหรือไง” เขาถามเสียงเข้ม
“รู้ก็ดีนี่” รินตอบอย่างไม่เกรงกลัว เพราะตอนนี้เธออยู่ห่างจากรัศมีการทำร้ายและเอาเปรียบของธนาดลแล้ว
“ดี...งั้นเธอต้องดูแลฉัน ยิ่งเธอเกลียดเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากให้เธอดูแล” ตาคู่คมมองมาที่รินมุมปากเริ่มยิ้มอย่างมีชัยอีกครั้ง รินอ้าปากค้างกับคำพูดนั้น
“ไม่! ฉันไม่ทำ” ก่อนที่จะรวบรวมสติกลับมาปฏิเสธเสียงดัง
“แต่เธอต้องทำ” เขาสั่ง
“ฉัน-ไม่-ทำ" รินเน้นคำสามคำ ช้า ชัดๆ
“งั้นเธอก็เลือกเอา ทนดูแลฉันตอนนี้ หรือให้ฉันหาย แล้วค่อยไปรวบรวมคิดบัญชีกับแม่เธอ”
หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายขู่จะทำร้ายแม่เธอ “คุณจะทำอะไรแม่ฉัน”
“ฉันมีวิธีก็แล้วกันที่จะทำให้แม่เธอเจ็บปางตาย เลือกเอา!”
“คุณ!” หญิงสาวกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจที่สุด เขารู้จุดอ่อนของเธอ เขารู้ว่าถ้าเขาเอามารดาของเธอมาเป็นตัวต่อรอง เธอจะหมดหนทางที่จะปฏิเสธเขาทันที
น่ากลัว...ผู้ชายคนนี้...น่ากลัวเกินไป
---------------------------------------------------------------------------------------
คุณดล...น่าจะโดนฟาดซ้ำจริงๆค่ะ
ปล. วันเสาร์นี้เจอกันกับพี่อาร์มนะคะ :D
*ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทิ้งคอมเมนท์พูดคุยและใจดีกดไลค์นะคะ :)*
คุยกันหน่อยนะคะ...
คุณ Amata : ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ สงกรานต์นี้ไปเที่ยวสนุกไหมคะ :)
คุณ ปรางขวัญ : รินปลอดภัยค่ะ ส่วนคุณดลก็ปลอดภัยเช่นกัน หัวแข็งไม่เบาเลย - -'
คุณ anOO : ใช่ค่ะ พอเดาได้เลยให้รินหลบอยู่ในรถ (เหมือนจะเป็นคนดีเนอะ ^^")
คุณ MYsister : มาแล้วค่ะ ไม่ปล่อยให้รอนาน :)
คุณ ดาวคันชั่ง : รินก็ไม่ยอมให้ตายเหมือนกันค่ะ ก็ยังไม่ได้เอาคืนเลยนี่นา...
คุณ nunoi : สร้างศัตรูไว้ก็ต้องถูกเอาคืนค่ะ แต่โชคยังดีที่ปลอดภัย (แต่อาจจะตามมาด้วยโชคร้ายของริน)
คุณ บุรีวาด : ตอนนี้คงต้องลุ้นค่ะว่าศึกระหว่างคนป่วยกับคนเฝ้าไข้ใครจะเหนือกว่ากัน ฮ่าๆ
คุณ viengkawe : นั่นน่ะสิคะ...คุณดลจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองน่ะมีหนูรินอยู่ในสายตาตลอดเลย :)

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2555, 10:07:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2555, 11:54:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 2016
<< บทที่ 8 | บทที่ 10 >> |

ปอยอะนะ 17 เม.ย. 2555, 11:22:39 น.
เจอคำผิดนิดหน่อยนะคะ
สายตาคู่สวยมองไปทางคนไข้ที่นอนิย่าง
“เป็นยังไงบ้างคะคุณด
เจอคำผิดนิดหน่อยนะคะ
สายตาคู่สวยมองไปทางคนไข้ที่นอนิย่าง
“เป็นยังไงบ้างคะคุณด

teesaparn 17 เม.ย. 2555, 11:44:41 น.
คุณดลน่ะ บ้าๆๆๆ บ้าตี้สุดเลย
คุณดลน่ะ บ้าๆๆๆ บ้าตี้สุดเลย

ปอแก้ว 17 เม.ย. 2555, 11:50:13 น.
แง่ม...ไก่บานเลย...กำลังไล่ต้อนเข้าเล้าอยู่นะค้า :)
แง่ม...ไก่บานเลย...กำลังไล่ต้อนเข้าเล้าอยู่นะค้า :)

Amata 17 เม.ย. 2555, 12:20:18 น.
คุณดลให้ร้ายยังไงก็ยังแอบทำตัวน่ารักได้นะ ^^
สนุกค่ะ นั่งอยู่ในรถตลอด...เป็นโรคกลัวน้ำ55 ยิ่งน้ำเย็นแล้วก็ บลื๊อ...ปล่อยให้ข้างหลังเขาสนุกกันไป ^__^
คุณดลให้ร้ายยังไงก็ยังแอบทำตัวน่ารักได้นะ ^^
สนุกค่ะ นั่งอยู่ในรถตลอด...เป็นโรคกลัวน้ำ55 ยิ่งน้ำเย็นแล้วก็ บลื๊อ...ปล่อยให้ข้างหลังเขาสนุกกันไป ^__^

MYsister 17 เม.ย. 2555, 12:29:24 น.
Kun Don Lovly lovly kiki
Kun Don Lovly lovly kiki

ปรางขวัญ 17 เม.ย. 2555, 12:44:49 น.
คุณดลจะปากแข็งไปไหน เป็นห่วงหนูรินก็บอกมาเถอะ คนอ่านเชียร์เต็มที่
คุณดลจะปากแข็งไปไหน เป็นห่วงหนูรินก็บอกมาเถอะ คนอ่านเชียร์เต็มที่

nunoi 17 เม.ย. 2555, 13:07:29 น.
ขนาดเจ็บยังสามารถแกล้งหนูรินได้ตลอดจริงๆ นายดล
ขนาดเจ็บยังสามารถแกล้งหนูรินได้ตลอดจริงๆ นายดล

anOO 17 เม.ย. 2555, 13:19:17 น.
นายดลนี่ เจ้าเล่ห์ได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เลย
ยายรินจะมีทางเข้าคืนแบบหนักๆ ได้บ้างไหมหนอ
นายดลนี่ เจ้าเล่ห์ได้ทุกสถานการณ์จริงๆ เลย
ยายรินจะมีทางเข้าคืนแบบหนักๆ ได้บ้างไหมหนอ

บุรีวาด 17 เม.ย. 2555, 13:30:12 น.
มาเร็วมากก ตามคำเรียกร้องเลย ^^
มาเร็วมากก ตามคำเรียกร้องเลย ^^

ดาวคันชั่ง 17 เม.ย. 2555, 18:27:55 น.
เริ่มจะซึนกันอีกคู่แล้วสิ ^^
เริ่มจะซึนกันอีกคู่แล้วสิ ^^

หมูบูลิน 17 เม.ย. 2555, 23:57:44 น.
ร้ายมากกก พูดได้คำเดียว ว่าแต่เจ็บขนาดนี้ยังมีแรงที่จะแกล้งรินเนอะ
ร้ายมากกก พูดได้คำเดียว ว่าแต่เจ็บขนาดนี้ยังมีแรงที่จะแกล้งรินเนอะ