ด้วยรัก ฝากฝัน นิรันดร
ด้วยเหตุแห่งความรักที่ผิดหวังพลั้งพลาดของคนในรุ่นบิดามารดา นำมาซึ่งความฝัน ฝากความหวังเอาไว้กับคนรุ่นลูก เพื่อให้พวกเขาสานต่อความรักความผูกพันที่มีต่อกัน และเก็บรักษาความดีงามแห่งรักนั้นไว้ ให้คงอยู่เป็นความรักที่มั่นคง

“ด้วยรัก ฝากฝัน นิรันดร”


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 3 : ตัวตนที่ต้องค้นหา

ซองเอกสารสีน้ำตาลเข้มถูกส่งตรงมาถึงมือ “ตลิต” ภายในสามวันหลังจากการพบปะกับทนายความผู้เป็นเพื่อนของบิดา มือหนาดึงเอาเอกสารออกมาแล้วไล่กวาดตาอ่านข้อมูลทุกบรรทัดอย่างละเอียด สองคิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ เพราะรายละเอียดทั้งหมดของคนที่กำลังตกอยู่ในความสนใจของตนนั้นเป็นแต่เพียงกระดาษแค่สองแผ่นเท่านั้น มิหนำซ้ำหนึ่งในสองแผ่นยังเป็นรูปถ่ายของเธอผู้นั้นอีกต่างหาก ประวัติของคนทั้งคน... อะไรมันจะสั้นปานนั้น

ข้อความบนกระดาษระบุแต่เพียงว่าหญิงสาวมีนาม ‘ลักษิณาศร’ ปัจจุบันอายุ 20 ปี สถานภาพโสดและกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง นอกนั้นก็เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ชื่อบิดา มารดา ที่อยู่ ความชอบและงานอดิเรก ที่เอ่ยถึงเยอะหน่อยเห็นจะเป็นเรื่องงานพิเศษที่เจ้าตัวรับทำในยามว่างหลังเลิกเรียน คือการรับแสดงนาฎศิลป์ตามงานต่างๆ ทั้งในและนอกสถานที่ ไม่ว่าจะพิจารณาข้อมูลซ้ำไปซ้ำมาสักกี่รอบ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีข้อมูลส่วนไหนที่พอจะเป็นเป็นพิรุธได้ว่าเพราะเหตุใดบิดาของเขาจึงได้ไปเกี่ยวข้องกับเด็กสาวคราวลูกคนนี้ ยิ่งคิดหาเหตุผลก็ยิ่งให้รู้สึกสงสัย ทว่าอีกใจหนึ่งก็ยังคิดค้าน

เพราะนับตั้งแต่จำความได้ ตลิตมีแต่ภาพของบิดาซึ่งทุ่มเททั้งความรักและความภักดีให้กับมารดาของเขาแต่เพียงผู้คนเดียวตลอดมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่ความร้าวฉานจะแผ้วพานมายังครอบครัวของเขา แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็ชวนให้สงสัยไม่น้อย เมื่อพฤติกรรมของผู้เป็นบิดาช่างน่าประหลาดใจนักหนา ทว่ามันจะเป็นไปได้ล่ะหรือ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนเพราะหากว่าเรื่องนี้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา ผลกระทบก็จะไปตกอยู่ที่ครอบครัวของเขา ครั้นจะเลียบเคียงถามไปทางมารดาก็เกรงว่าจะทำให้ท่านเกิดความวิตกกังวลไปเสียอีก

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือตลิตจะต้องพยายามสืบสาวราวเรื่อง และค้นหาความจริงของเรื่องทั้งหมดเสียก่อน จากนั้นค่อยคิดอ่านจัดการกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ที่สำคัญคือหากเรื่องนี้กลายมาเป็นปัญหาของครอบครัวของเขาอย่างจริงแท้แล้วละก็ เขานี่แหละจะเป็นคนหยุดยั้ง และจบปัญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง ก่อนที่เรื่องจะสะท้อนไปเข้าหูและทำให้ผู้เป็นมารดาต้องเดือดเนื้อร้อนใจ

รูปถ่ายในมือถูกยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งอย่างตั้งใจ จากที่มองเพียงผ่านๆ ในคราแรก คราวนี้ตลิตถึงกับจ้องค้างนิ่งนานราวต้องมนต์สะกด เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่า ดวงหน้าของหญิงสาวในรูปนั้นทั้งหวานซึ้งและชวนมองขนาดไหน ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเกือบดำเป็นประกาย ประดุจตากวาง ปากคอคิ้วคาง กับจมูกรั้นน้อยๆ จัดวางอยู่ในตำแหน่งเหมาะเจาะบนวงหน้ารูปไข่เรียวเสลาราวกับถูกปั้นแต่งโดยประติมากรเอก แม้จะเป็นเพียงรูปถ่าย ทว่าใบหน้างามกลับดูมีชีวิตชีวา ดึงดูดใจชวนให้ต้องจ้องมองอย่างน่าประหลาด ยิ่งมองนานยิ่งไม่อยากละสายตา

‘เอ... แต่ว่า... หน้าตาแบบนี้ รู้สึกเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หรือว่าเราจะคิดไปเอง แม่สาวคนนี้อาจจะแค่หน้าตาเหมือนหญิงสาวสักคนที่เขาเคยควงก็เป็นได้ ถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าเธอนัก’

ทบทวนมาถึงตอนนี้ ตลิตพลันฉุกใจคิดขึ้นมา หรือว่าบิดาของเขาจะเกิดไปหลงเสน่ห์แม่สาวน้อยคนนี้เข้าให้แล้ว ก็ขนาดตัวเขาเองที่เจอะสาวสวยมานักต่อนัก เพียงแค่ได้เห็นรูปถ่ายของเธอยังถึงกับชะงัก มันก็คงจะไม่แปลกหากว่าบิดาของเขาจะเกิดอาการหลงใหลได้ปลื้มกับเธอผู้นี้ ข้อสันนิษฐานของตลิตต้องสะดุดลงอย่างปัจจุบันทันด่วน เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้น และหมายเลขที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออก รีบกดรับแล้วเอ่ยทักทายแบบเย้าๆ อย่างอารมณ์ดี

“สวัสดีครับ ตลิตรับสาย ไม่ทราบว่า “คุณนิศา” ต้องการพูดกับใครครับ”

“แหม.... ตลิตก็ ชอบล้อนิศาเล่นอยู่เรื่อยเลย นิศาโทรเข้าเครื่องคุณ แล้วจะให้ขอคุยกับใครได้ละคะ” เสียงจากปลายทางตอบด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดไม่จริงจัง ติดจะออดอ้อนจนคนฟังได้ยินแล้วนึกออกถึงสีหน้าท่าทางของเจ้าหล่อน ตามประสาคนซึ่งคุ้นเคยกันดี

“โธ่ ใครจะไปนึกละครับ ว่าจู่ๆ นางแบบสาวสุดฮ๊อตอย่างคุณนิศากร จะให้เกียรติโทรมาหาผม ว่าไงครับ มีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่า” ชายหนุ่มตอบกลับเย้าๆ ปิดท้ายด้วยคำถามอย่างเป็นกันเอง นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับราวกับว่ากำลังรอจะเจอะเจอกับเรื่องน่าสนุกอะไรบางอย่าง

“โถ... อย่างนิศาจะไปกล้าใช้อะไรตลิตละคะ ทำเป็นพูดดีไป เถอะ เดี๋ยวเจอตัวนิศาจะจับปรับเสียให้เข็ด” นางแบบสาวตอบเป็นเชิงขู่เสียงรื่นกลั้วหัวเราะเบาๆ อย่างมีจริต

“เข็ดไม่กลัว กลัวไม่เข็ด สรุปว่ามีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้โทรหาผมแต่วันแบบนี้”

“วันอะไรกันละคะ นี่มันบ่ายจนจะเย็นแล้วนะคะ นิศาแวะมาทำธุระแถวๆ นี้ ก็เลยลองโทรมาชวน เผื่อว่าคุณจะว่างไปทานข้าวเป็นเพื่อนนิศา ไปกับนิศานะคะ นิศาทานคนเดียวคงจะไม่อร่อยแน่ๆ เลย”

“เอ... ยังไงดี ตอนนี้ผมกำลังยุ่งด้วยสิ แต่ถ้าคุณนิศาจะเลี้ยง ผมก็ยินดีจะปลีกตัวไปทานเป็นเพื่อน” ตลิตแสร้งทำเป็นเกี่ยงไม่จริงจัง

“แหม... ตลิตให้เกียรติมาทางข้าวกับนิศาทั้งที ก็ได้ค่ะ ตกลงวันนี้นิศาเลี้ยงเอง” นิศากรขานรับอย่างดีใจ ออกจะนึกขันไม่น้อยที่คนระดับนายตลิต ธนกิจบริบูรณ์ เกิดจะมาเกี่ยงงอนให้เธอเป็นคนจ่ายค่าอาหาร เคยมีในประวัติศาสตร์เสียที่ไหนกัน

“โอ.เค. ครับ งั้นอีกสักพักผมจะลงไปรอคุณข้างล่าง ว่าแต่อีกนานรึเปล่ากว่าคุณจะมาถึง” ตลิตชำเลืองมองดูนาฬิกาแล้วจัดแจงนัดแนะเสร็จสรรพ

“ไม่นานค่ะ ไม่เกินสิบนาทีรับรองว่านิศาไปถึงออฟฟิศคุณแน่ รอแป๊บเดียว เดี๋ยวเจอกันนะคะตลิต ซี ยู” สาวสวยพูดจบแล้วตัดสาย รีบออกรถตรงไปยังจุดหมายปลายทางในทันที

แท้จริงแล้วนิศากรมิได้มีธุระอันใดที่ต้องไปทำในย่านนั้นตามที่ได้บอกกับตลิตเอาไว้ แต่ที่กุเรื่องธุระขึ้นมาก็เพื่อหาโอกาสพบและใกล้ชิดกับชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้ตกเป็นข่าวด้วยแล้วย่อมต้องส่งผลดีกับเธอ และก็ดูเหมือนว่าจะได้ผลเมื่อเขาเองก็มิได้ปฏิเสธ ดังนั้นโอกาสที่จะเลื่อนระดับความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

--------------------------------------------------------

ภัตตาคารอาหารไทยบรรยากาศสุดหรูภายในโรงแรมห้าดาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอาคารที่ตั้งสำนักงานของกลุ่มธนกิจบริบูรณ์ ถูกเลือกเป็นที่รับประทานอาหารของสองหนุ่มสาว นิศากรออกจะขัดใจไม่น้อยเพราะลึกๆ แล้วเธอหวังว่าเขาจะพาเธอไปในสถานที่ซึ่งโรแมนติกมากกว่านี้ แต่ก็ยินยอมเมื่อชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเบื่อรถติด

“ทานอะไรกันดีคะ” นิศากรเอ่ยถามเขา หลังจากที่บริกรนำรายการอาหารมาส่งให้พร้อมคำแนะนำสั้นๆ

“นิศาสั่งตามสบายเลย ผมทานได้ทุกอย่าง ผมขอแค่เบียร์เย็นๆ มาก่อนก็พอ”

“ได้เลยค่ะ งั้นนิศาไม่เกรงใจละนะคะ” นางแบบสาวสั่งอาหารเพียงสามสี่อย่างพอเป็นพิธี ก่อนจะปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม คล้อยหลังบริกรที่มาให้บริการการสนทนาตามประสาคนคุ้นเคยจึงเริ่มต้น

“นิศาคิดถึงคุณจัง เป็นไงบ้างคะ งานยุ่งเหรอ พักนี้ตามตัวตลิตยากจัง โทรไปก็ไม่ค่อยจะยอมรับสาย แบบนี้นิศาน้อยใจนะคะ อดคิดไม่ได้ว่า คุณอาจจะกำลังหลบหน้านิศา”

นิศากรส่งสายตาทำเสียงอ่อนออดอ้อนถาม แม้จะมั่นใจในเสน่ห์ของตนว่ายังทรงประสิทธิภาพพอจะมัดใจชายหนุ่มเอาไว้ได้อยู่หมัด แต่ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ หนุ่มหล่อพ่อรวยสาวๆ ติดตรึมแบบเขา ยังไงๆ ก็ต้องระแวงระวังกันเอาไว้บ้าง

“โธ่... คิดอะไรกันแบบนั้น ถ้าผมหลบหน้านิศางั้นวันนี้จะออกมาทานข้าวกับคุณทำไมกันละครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆ แถมยังต้องไปดูงานที่ต่างประเทศแทนคุณพ่อ นี่ก็เพิ่งจะกลับมาได้สองวันเอง งานด่วนกองรออยู่อีกจมหู กว่าจะเคลียร์เสร็จเล่นเอาแทบแย่” ตลิตอธิบายร่ายยาวไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่คนฟังกลัยตีความไปว่า ชายหนุ่มพยายามจะแก้ตัวเพื่อเอาใจตน

“ถ้างั้นก็แล้วไปค่ะ อันที่จริงนิศาก็แค่แกล้งถามคุณเล่นๆ เท่านั้นเอง ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกค่ะ นิศารู้ว่ายังไงๆ ตลิตก็ต้องกลับมาหานิศาอยู่แล้ว จริงไหมคะ” หญิงสาวบอกพลางส่งสายตาหวานเชื่อม นึกโล่งอกที่ชายหนุ่มยังคงแคร์เธออยู่ไม่น้อย

ท่าทีในการเจรจา ตลอดจนท่วงทีจริตจกร้านเชิญชวนของนางแบบสาว ถูกส่งไปยังชายหนุ่มอย่างเปิดเผย ตลิตยอมรับกับใจตนเองว่าหญิงสาวตรงหน้ามีอะไรหลายๆ อย่างที่ถูกใจเขาอยู่มิใช่น้อย โดยเฉพาะสายตาเย้ายวน และท่าทางที่ดูเหมือนจะเชิญชวนอยู่ในทีของเจ้าหล่อน เห็นครั้งใดก็เป็นอันต้องก่อกวนกิเลศคนหนุ่มเช่นเขาขึ้นมาเสียทุกคราไป เรื่องของหญิงชายยามอยู่กันในที่รโหฐานคงไม่มีใครที่จะรู้ใจเขาดีไปกว่าเธอคนนี้อีกแล้ว ดังนั้นระหว่างเธอกับเขาจึงดูลงตัวกันไปหมดเสียทุกอย่าง

ทว่าอาจเพราะเขาได้รับการสอนสั่งจากผู้เป็นบิดา บางสิ่งจึงฝังอยู่ในความคิดของเขามาแต่เล็กแต่น้อย ตลิตเชื่อว่าการจะเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นคู่ชีวิต และเป็นแม่ของลูก ย่อมต้องมีเหตุผลมากกว่าความเหมาะเจาะคล้องจองกันของเรื่องบนเตียง ดังนั้นสำหรับเขาในตอนนี้ นิศากรจึงยังคงเป็นเพียงแค่เพื่อนนอนที่ช่วยแก้เครียดคลายเหงาชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ลึกๆ แล้วเขายังคงเชื่อว่า สักวันเขาจะได้เจอกับใครบางคน คนพิเศษที่จะทำให้เขาหยุดอยู่ที่เธอ คนที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิต และทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ เช่นเดียวกับบิดามารดาของเขา

ดังนั้นที่ผ่านๆ มา ตลิตจึงแค่การเที่ยวเล่นสนุกสนานชั่วครู่ชั่วคราวไม่เคยคิดจริงจังกับใคร ซึ่งผิดกับหญิงสาว ตรงหน้าของเขาเธอคิดและหวังกับเขาไปไกลจนเกินกว่าจะกู่กลับ ความพึงพอใจที่เขาแสดงออกต่อเธอแม้จะดูว่าพิเศษกว่าคนอื่น แต่แท้จริงแล้วตลิตเองก็ยังไม่มีความคิดจะจริงจังหรือลงหลักปักฐานใดๆ กับเธอ สำหรับเขาแล้วนางแบบสาวเป็นเพียงเครื่องบำเรอความสุขและสนุกร่วมกัน เงินทองและข้าวของที่เขาให้กับเธอจึงถือเป็นค่าตอบแทน ซึ่งตลิตคิดว่า เพียงเท่านี้หญิงสาวก็น่าจะพอใจแล้ว

“มัวคิดอะไรอยู่คะตลิต ปล่อยให้นิศาพูดคนเดียวอยู่ได้เป็นนานสองสาน” นิศากรถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่า ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปนาน

“หืม... เปล่านี่ครับ มีคุณอยู่ตรงหน้าแบบนี้ ผมจะไปคิดถึงใครได้อีก” ตลิตจงใจหยอดคำหวาน เท่าที่ดูก็ช่วยสร้างความพอใจให้กับหญิงสาวได้ไม่น้อย

“ตายจริง! ทำเป็นพูดเข้า เอาเถอะค่ะ นิศาจะยอมทำใจเชื่อคุณซักครั้ง” นิศากรส่งค้อนวงใหญ่ จริตจกร้านแพรวพราวจนตลิตแทบจะเปลี่ยนใจทิ้งงานแล้วไปกับเธอเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ดนตรีไทยบรรเลงเบาๆ คลอเคล้าเข้ากับบรรยากาศภายในภัตตาคารอาหารไทยสุดหรู ส่งให้รสชาติของอาหารที่สองหนุ่มสาวเพิ่งเริ่มรับประทานเลิศรสยิ่งขึ้นไปอีก ต่างคนต่างผลัดกันตักอาหารใส่จานให้กันและกัน แลดูคล้ายจะเป็นคู่รักที่ช่างเอาอกเอาใจกันจนน่าอิจฉา

เมื่อการบรรเลงดนตรีจบลง การแสดงนาฏศิลป์ไทยจึงเริ่มขึ้นเพื่อเป็นการนันทนาการแก่เหล่าลูกค้าผู้มาใช้บริการ ตลิตเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าขณะนี้ บรรดาลูกค้าของภัตตาคาร หนาตาขึ้นกว่าตอนแรกที่เขาเข้ามาค่อนข้างมาก สายตาเกือบทุกคู่ต่างจับจ้องไปยังจุดเดียวกัน จนเขาอดไม่ได้ที่จะมองตามด้วยความอยากรู้

‘อะไรกันที่สามารถตรึงความสนใจของผู้คนมากมายเอาไว้ได้ขนาดนี้’

เสียงดนตรีบรรเลงแว่วมากระทบโสต ขณะเดียวกับที่สองตาของตลิตทอดมองไปบนเวที แสงสปอร์ตไลท์พลันอาบส่องไปยังร่างอรชรของหญิงสาวกำลังกรีดกรายร่ายรำด้วยท่วงท่าลีลาอันอ่อนช้อย ทำทีเหมือนกำบังกาย หลบเลี่ยงอยู่ท่ามกลางฝูงปลา ผ้าคลุมไหล่ผืนยาวคล้ายจะเป็นปีกคลุมจากบ่าจดกลางปลีน่องสะบัดพลิ้วตามแรงเหวี่ยงไปมา กระทบกับผ้านุ่งผืนงามคล้ายกับที่เขาเคยเห็นผู้เป็นย่าสวมใส่อยู่เป็นประจำ ต่างกันที่ลวดลายซึ่งดูวิจิตรกว่าหลายเท่า บนศีรษะประดับด้วยเครื่องทองอร่ามสะดุดตา ที่แปลกคือมีเธอหางปลาติดอยู่ช่วงสะโพก วิ่งว่ายส่ายไปมา พลางร่ายรำทำท่าทางคล้ายแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำ คอยหลบเลี่ยงเจ้าวานรสีขาวปลอดที่กำลังไล่ต้อนเธอ ช่างเป็นการแสดงที่ดูมีเอกลักษณ์และน่าสนใจชวนให้ต้องติดตาม

แม้ว่าสายเลือดครึ่งหนึ่งในกายของตลิตจะเป็นอเมริกัน และชีวิตส่วนใหญ่เติบโตอยู่ในต่างแดน แต่เขาก็พอจะรู้จักการแสดงพื้นบ้านและนาฏศิลป์ของไทยอยู่บ้าง ทว่าการแสดงชุดนี้สำหรับเขาแล้วถือเป็นเรื่องใหม่ จึงไม่ใช่เรื่องปลกที่เขาจะสนใจ การแสดงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว พิธีการขานชื่อการแสดงที่เพิ่งจะจบลงไปว่า “โขน ชุดหนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา” ตลิตระลึกถึงรายละเอียดและรู้ได้ในบัดนั้นว่า “ตัวละครที่นางรำผู้นั้นสวมบทบาทคือปลา” ยิ่งทำให้นึกทึ่งในจินตนาการของศิลปะการแสดงแบบไทยที่นำเอาสิ่งรอบๆ ตัวมาประดิษฐ์ประดอยเป็นท่วงท่าการแสดงอันวิจิตรได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากนึกทึ่งในการแสดงอันวิจิตรแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งซึ่งติดอยู่ในความคิดคำนึงของตลิตจนอดคิดไม่ได้ว่า

‘ถ้าเขาได้ดูการแสดงชุดนี้ในที่อื่น มันจะก่อเกิดความประทับใจเหมือนกับที่กำลังรู้สึกในตอนนี้หรือเปล่า ความประทับใจนี้เกิดจากการแสดงอันแปลกตา หรือจะเป็นเพราะว่า ‘นางรำ’ คนนั้นกันแน่’

------------------------------------------

‘ลักษิณาศร’ ก้าวลงมายังด้านหลังเวทีหลังเสร็จสิ้นการแสดง หญิงสาวแยกตัวจากเพื่อนนักแสดงชายและตรงกลับไปยังห้องแต่งตัวซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเวทีเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวกลับบ้าน เพราะมัวแต่สนใจอยู่กับการก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า หญิงสาวจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบเดินตามเธอมาติดๆ จนกระทั่งข้อมือบางของเธอถูกฉวยเอาไว้ด้วยมือของใครคนหนึ่ง

“อ๊ะ! นี่มันอะไรกันคะ คุณมาจับมือฉันไว้ทำไม” ลักษิณาศร ร้องอย่างตกใจ พยายามจะดึงมือออก แต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นผล “หรือว่าคุณจะหลงทาง เอ่อ! ห้องน้ำไม่ได้อยู่ทางนี้นะคะ” หญิงสาวพยายามจะคิดในแง่ดี เธอตั้งสติและบอกกับเขาไปอย่างสุภาพ ดูจากลักษณะท่าทางการแต่งกาย เธอค่อนข้างจะมั่นใจ ว่าชายแปลกหน้าคนนี้ ต้องเป็นหนึ่งในแขกผู้มาใช้บริการที่ห้องอาหารไทยของโรงแรมอย่างแน่นอน

“โอ๊ะ! ขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ ผมเพียงแต่อยากจะมาทำความรู้จักกับคุณ ก็แค่นั้น” บุรุษหน้าออกไปทางจีนเจ้าของร่างท้วมไม่จัดว่าสูงในชุดสูทสีเทาดำ ออกตัวทักนัยน์ตากลุ้มกริ่มจับจ้องไปที่วงหน้างาม มือหนายังคงกุมข้อมือเธอเอาไว้แน่น มิหนำซ้ำยังถือโอกาสลูบเบาๆ ที่หลังมือเธออีกต่างหาก

“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณค่ะแต่ว่าถ้าจะกรุณา รบกวนปล่อยมือดิฉันก่อนได้ไหมคะ” ลักษิณาศรฝืนยิ้มน้อยๆ ตอบรับไมตรี ขณะเดียวกันก็พยายามจะดึงมือออกการเกาะกุม ทั้งที่ก็ยากเย็นอยู่มิใช่เล่น

“ผมแค่อยากจะเชิญคุณไปนั่งทานข้าวเป็นเพื่อนผมสักหน่อย หวังว่าคุณคงจะไม่รังเกียจ”

“เอ่อ... คือ... ขอบคุณค่ะ แต่คงจะไม่ได้หรอก ต้องขอโทษด้วย ดิฉันมีธุระคงต้องขอตัว คุณช่วยกรุณาปล่อยมือดิฉันเถอะนะคะ” หญิงสาวปฏิเสธและพยายามยื้อข้อมือออกจากการเกาะกุม ทำท่าจะผละหนีแต่กลับให้ผลตรงกันข้าม นอกจากจะดึงมือออกไม่สำเร็จแล้ว บวรเดชยังพยายามรั้งตัวเธอเข้าใกล้อกหนาของเขาแทน

“อย่าทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลย นางรำอย่างเธอ ค่าตัวจะสักเท่าไหร่กันเชียว น่าจะพอต่อรองราคาได้มั้ง เท่าไหร่ก็บอกมาได้เลยผมยินดีจ่าย” เสี่ยหนุ่มออกอาการหงุดหงิด มือหนาพยายามจะรั้งตัวหญิงสาวเข้ามาชิด ฉวยโอกาสโอบเอวบางไว้แน่น ลักษิณาศรรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ นี่! คุณเมาใช่ไหม ปล่อยฉันนะคะ บอกว่าให้ปล่อยไง” หญิงสาวพยายามจะผลักไส ดิ้นรนเต็มแรงเพื่อให้หลุดจากวงแขนแข็งแรง กวาดตามองหาความช่วยเหลือจากรอบตัว ทว่ากลับไม่มีใครผ่านมาทางนั้นเลย

“จะดิ้นไปทำไมเล่า อยู่เฉยๆ ว่าง่ายๆ แล้วตามผมไปที่โต๊ะดีกว่า”

“ฉันบอกว่าไม่ไปไง ปล่อยนะ ปล่อย!”

“ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ” จู่ๆ เสียงทุ้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเสี่ยหนุ่มร่างหนา

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คุณคนนี้พยายามจะลวนลามดิฉัน” ลักษิณาศรระล่ำละลั่กบอกแม้จะยังไม่รู้ว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นใคร แต่ก็ช่วยให้ใจชื้นขึ้นเป็นกอง

“ว่าไงคุณ กลางโรงแรมขนาดนี้ ยังคิดรังแกผู้หญิง ไม่เกรงกลัวกฎหมายกันบ้างเลยหรือไง” ตลิตบอกพลางหันไปมองหน้าผู้ก่อเหตุให้ชัดๆ แล้วแทบจะร้องอ๋อ ที่แท้เสี่ยหนุ่มที่ว่าก็คือเจ้าบวรเดช บุตรชายคนโตของคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของบริษัทเขานั่นเอง ไม่นึกถึงว่าคนใจนักเลงอย่างเจ้าสัวอลงกรณ์จะมีลูกชายอุปนิสัยแย่ถึงเพียงนี้

“เรื่องของผัวเมียเขา คุณอย่าเข้ามาแส่จะดีกว่า” บวรเดชหันไปมองตามเสียงด้วยท่าทีที่โมโหหนักแล้วโมเมตอบ จนตลิตต้องหันกลับไปมองหน้าหญิงสาวอีกครั้งเป็นเชิงถาม

“ไม่.. ไม่จริงนะคะ ฉันไม่เคยรู้จักกับเขาเลย คุณอย่าไปเชื่อเขานะคะ” ลักษิณาศรละล่ำละล่ำปฏิเสธ สะบัดหน้าพรืดๆ พยายามจะผลักไส พร้อมกับบิดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม

เพราะรู้สึกติดใจในความคุ้นตากับดวงหน้าหวานๆ ของนางรำบนเวที ตลิตขอตัวกับกับนางแบบสาวเพื่อไปห้องน้ำ แต่เจ้าตัวกลับเดินวกกลับมายังหลังเวที และก็ทันได้เห็นการกระทำอันจาบจ้วงของบวรเดชต่อหญิงสาวเข้าให้พอดี เสียงของเขาช่วยหยุดการรุกรานของเสี่ยหนุ่ม และการเข้ามาขวางของเขาก็ทำให้หญิงสาวสามารถก็สะบัดตัวหลุดออกจากวงแขนของบุรุษผู้นั้นมาได้ เธอรีบผละถอยห่างและวิ่งมาซ่อนอยู่ทางด้านหลังผู้มาใหม่ ยึดเอาแผ่นหลังกว้างเป็นเกราะกำบัง

“ว่าไงคุณ ผู้หญิงเขายืนยันหนักหนาว่าไม่รู้จัก ยังจะยืนยันว่าเป็นเรื่องผัวเมียอยู่อีกไหม”

“คุณอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่าคุณตลิต มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ตอนแรกไม่เกี่ยว แต่ตอนนี้คงต้องเกี่ยว ในเมื่อเห็นๆ อยู่ว่าคุณกำลังใช้กำลังลวนลามผู้หญิงที่เขาไม่เต็มใจ”

“อย่ามาใส่ความผมมั่วๆ นะคุณตลิต”

“มั่วไม่มั่ว ผมไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ถ้าเรื่องนี้ถึงตำรวจ มีหวังได้เดือดร้อนถึงพ่อคุณแน่ ผมว่าคุณรีบๆ ไปเสีย อย่าให้เรื่องมันลุกลามไปกว่านี้เลย”

“ไม่ต้องเอาพ่อผมมาอ้าง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพ่อผม”

“ข้อนี้คุณย่อมรู้ดีที่สุดคุณบวรเดช ว่าไง จะยอมออกไปดีๆ หรือว่าจะให้ผมโทรเรียกตำรวจมาลากคอคุณออกไป”

“นี่! นี่คุณขู่ผมหรือ” บวรเดชถลึงตาแค่นเสียงใส่ ทั้งขัดเคือง และรู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด

“เปล่า! ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมจะทำจริงๆ คุณรีบๆ กลับไปดีกว่า คุณบวรเดช ก่อนที่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของพ่อคุณจะต้องพังพินาศป่นปี้ลงไปด้วยน้ำมือลูกชายเลวๆ อย่างคุณ”

“กล้ามากนะ มาด่าผมปาวๆ แบบนี้ ก็ได้คราวนี้ผมจะยอมไป แต่บอกไว้ก่อนนะว่าคุณยังรู้จักผมน้อยไป ระวังตัวเอาไว้เถอะ สักวันจะเจอดี” บวรเดชฉุนเฉียว คาดโทษ ก่อนจะผละจากไป ด้วยเกรงว่าเรื่องจะบานปลายจนถึงตำรวจ

“คุณเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ” ตลิตหันหลังกลับมาถามหญิงสาวที่บัดนี้ยืนตัวตรงพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ชายหนุ่มกำลังเพ่งมองวงหน้างามตรงหน้าอีกครั้ง เพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนคิด

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย ขอบคุณนะคะที่ช่วย” ลักษิณาศรก้มหน้าก้มเอ่ยขอบคุณ คลำข้อมือตัวเองป้อยๆ

“เรื่องเล็กน้อยครับ ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไร บังเอิญเดินผ่านมาทางนี้พอดี ว่าแต่คุณไม่เป็นไรแน่นะครับ ดูเหมือนข้อมือจะช้ำ ผมว่าไปหาหมอสักหน่อยน่าจะดีกว่า” ตลิตกวาดตาสำรวจตามเนื้อตัวหญิงสาว แล้วก็พบว่าตรงจุดที่เจ้าตัวกำลังลูบคลำเกิดเป็นรอยช้ำปื้นแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ช้ำนิดหน่อย ไม่กี่วันคงหาย” ลักษิณาศรปฏิเสธ พลางยกข้อมือตัวเองขึ้นมาดู

“งั้นก็นก็ตามใจ ผมชื่อ ‘ตลิต’ คุณละครับชื่ออะไร”

ตลิตบิดเบือนว่าตนบังเอิญผ่านมา ทั้งที่จริงแล้วเขาเองก็ตั้งใจเดินตามเธอมาเช่นกัน ทว่าสถานการณ์ที่เจอกลับทำให้เขาต้องมากลายเป็นพระเอกขี่ม้าขาวไปเสียนี่

“ลักษิณาศร ค่ะ” หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงๆ แล้วให้ต้องสะดุด สองคิ้วขมวดมุ่นอย่างพยายามนึกว่าเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน ภาพอุบัติเหตุ ณ ริมถนนเมื่อหลายเดือนก่อนพลันซ้อนทับขึ้นมาบนใบหน้าของชายหนุ่มลูกครึ่งซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า

‘อ๊ะ! เขาคนนั้นนั่นเอง คนเดียวกับที่ช่วยเธอเอาไว้ไม่ให้ต้องถูกรถชน เมื่อวันที่เธอกำลังรีบร้อนไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาล โลกนี้มันช่างกลมจนน่าแปลกใจเสียจริงๆ’

“เรา... เคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าครับ” ตลิตถามออกไป ทั้งที่นึกออกนานแล้วว่าเขาเคยพบกับหญิงสาวคนนี้ที่ไหน ทั้งเหตุการณ์ที่เกือบจะกลายเป็นอุบัติเหตุเมื่อเดือนก่อน และใบหน้าของหญิงสาวในรูปที่เขาเพิ่งจะได้รับมาเมื่อบ่าย ต่างกันแต่เพียงว่า เวลานี้เธอแต่งหน้าเข้มจัด แต่ก็ยังพอจะมีเค้าให้มองเห็นถึงโครงหน้าเดิมยามปราศจากเครื่องสำอางปกปิด

“ใช่ค่ะ ครั้งก่อนนั้นคุณเคยช่วยดิฉันไว้จากการถูกรถชน” ลักษิณาศรเริ่มเท้าความ ริมฝีปากแดงสดแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างยินดี

“คราวนั้นนั่นเอง ผมนึกออกแล้ว ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ” ตลิตแสร้งทำท่าว่าเพิ่งจะนึกออก

“คะ แล้วคราวนี้ คุณก็มาช่วยฉันอีก ขอบคุณจริงๆ นะคะ อืม... กรุณารอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันมา” พูดจบเธอก็หันเดินตรงไปยังบานประตูซึ่งอยู่ไม่ห่าง ลับหายเข้าไปพียงครู่แล้วก็เดินกลับออกมาพร้อมกับกระดาษแผ่นเล็กๆ ในมือ

“นี่เบอร์ติดต่อฉันนะคะ ฉันไม่รู้จะขอบคุณ คุณยังไง ฉะนั้นถ้าคุณมีอะไรให้ดิฉันช่วย กรุณาบอกมาได้เลยนะคะ” ลักษิณาศรยื่นกระดาษใบเล็กในมือไปให้เขา พร้อมกับรอยยิ้มสดใสและจริงใจเป็นที่สุด

“ขอบคุณครับ เอาไว้ถ้ามีอะไรแล้วผมจะติดต่อไป วันนี้คุณคงเหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ผมเองก็ต้องขอตัวกลับเหมือนกัน คุณจะได้จัดการธุระของคุณเสียที” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ชำเลืองมองยังเครื่องแต่งกายนางรำของหญิงสาวเป็นเชิงบอก

“ค่ะ... ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวนบไหว้อย่างอ่อนน้อม แล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัว

ตลิตเดินย้อนกลับไปยังโต๊ะอาหารของตน ในสมองเต็มไปด้วยคำถามสารพัด จะเป็นด้วยอะไรก็แล้วแต่ ตลิตถือว่าเหตุการณ์ในวันนี้เป็นโชค ชื่อที่เธอเพิ่งจะเอ่ยแนะนำตัวกับเขาเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอเป็นคนๆ เดียวกับผู้หญิงในรูปอย่างแน่นอน วันนี้เขาได้มีโอกาสรู้จักกับตัวจริงของหญิงสาวปริศนาที่กำลังตามหาในแบบที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนั้น

‘นางรำอย่างนั้นหรือ! สวยเสียด้วยสิ เอ... แล้วจะทำอย่างไรกันต่อ ถึงจะได้รู้ว่าเธอคนนี้เกี่ยวพันอะไรกับพ่อของเขากันแน่’

-------------------------------------



นิลวนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 เม.ย. 2555, 19:12:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ธ.ค. 2559, 12:34:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1276





<< 2 : ฝากฝัง   4 : น้องสาวคนใหม่ >>
jeabsue 13 เม.ย. 2555, 06:55:48 น.
น่าสนใจขอต่อด่วน


นิลวนา 13 เม.ย. 2555, 20:41:37 น.
รอวันที่ 16 นะคะ เพราะตอนนี้มาอยู่วัดปฏิบัติธรรม แล้วจะรีบกลับไปต่อให้นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account