oOo รุ้งฤดูร้อน oOo
...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิดทุกๆ สิ่ง สร้างความแค้น ชิงชัง และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความรัก...ก็ควรเป็นบทยุติของทุกเรื่องราว...

...อาจจะเจ็บปวด อาจบอบช้ำ แต่สุดท้ายความรักจะโอบกอดทุกดวงใจให้สนิทแนบแน่น...
Tags: รุ้งฤดูร้อน,ปลากัด,รักร้ายๆ

ตอน: oOo บทที่ 7 oOo

สวัสดีนักอ่านเว็บเลิฟที่รักทุกท่านค่ะ ช่วงนี้ฝนตกสลับอากาศร้อน อย่าลืมดูแลสุขภาพนะคะ ^^
ตอนที่แล้วคนเขียนเบลอมาก สับสน ไปหน่อยขออภัยด้วยค่ะ 5555

ก้อนอิฐ oOo -ขอบคุณที่แนะนำนะคะ 5555

Pat oOo ขอบคุณที่มาแนะนำซ้ำแต่คนเขียนยังไม่เห็น 555 แต่ก็ดีนะคะ ได้รู้ว่าคุณ Pat มาอ่านด้วย อิอิ

deejung oOo ตัวเองจ๋าลงให้อาทิตย์ละครั้ง อย่าถึงขนาดลงสองตอนเลยนะ อิอิ เดี๋ยวคนเขียนสะบักสะบอม 555

ขอบคุณทำคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจนะคะ ^^


***************************************


บทที่ 7


ธุระของเมษรักษ์ที่เพลงพรรษได้รับรู้คือการที่เขาพาเธอมานั่งร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้สะพานพระรามแปด โดยใช้เหตุผลว่า ‘ผมหิว คุณไม่มีธุระที่ไหนต่อใช่ไหม’ ลองเขาลงด้วยคำถามอย่างนี้ หญิงสาวรู้ทันทีว่าปฏิเสธไม่ได้

บรรยากาศของร้านก็ไม่ต่างจากร้านอื่นๆ ที่อยู่ริมแม่น้ำ อากาศค่อนข้างเย็นจากไอน้ำและสายลมอ่อนๆ เสียงเพลงคลอบรรยากาศยามเย็นเบาๆ ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน ด้วยเป็นเวลาหลังเลิกงาน ร่างสูงที่เพิ่งถอดแว่นกันแดดออกเมื่อไม่นานนั่งยกแขนทั้งสองข้างพาดพนักเก้าอี้พร้อมยกขาพาดขาอีกข้างหนึ่งอย่างสบายอกสบายใจ

ตรงกันข้าม...เพลงพรรษมีท่าทางอึดอัด เกร็ง ไม่รู้จะวางตัวอย่างไร เธอไม่ชินกับร้านอาหารค่อนไปทางหรูอย่างนี้ โดยเฉพาะการต้องนั่งทานกันสองคนกับ ‘เจ้านาย’ วันนี้อารดาไม่ได้โทรหา และเธอเองไม่ได้โทรหาฝ่ายนั้นเช่นกัน เพราะหญิงสาวบอกไว้ว่างานค่อนข้างยุ่ง จะเป็นฝ่ายติดต่อมาเองหากมีธุระ

“เชิญคุณสั่งได้ตามสบายเลยนะ” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อบริกรนำเมนูมายื่นให้

“พี่เมษสั่งเถอะค่ะ พรรษทานอะไรก็ได้” หญิงสาวเอ่ยเบาๆ และเขาก็ยักไหล่ง่ายๆ ก่อนหันไปสั่งอะไรสองสามอย่างแล้วหันมาจ้องเธอตรงๆ เพลงพรรษยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมดูท่าทางเหมือนกระวนกระวายใจ” ท่าทางคนถามเหมือนไม่ได้ใส่ใจจริงจัง ถามไปชนิดหาเรื่องคุยเสียมากกว่า กระนั้นเพลงพรรษก็อยากบอกเขาเหลือเกินว่าเธอกระวนกระวายใจกับการไม่ได้บอกปรานต์ถึงการมาทานข้าวหลังเลิกงานวันแรก หนำซ้ำตอนเก็บของเธอพบว่าโทรศัพท์ดับไป ซึ่งเธอไม่ได้ปิดเครื่อง นั่นแสดงว่าแบตเตอร์รี่หมด หญิงสาวไม่กล้าขอเวลาใช้โทรศัพท์บริษัทเมื่อเขาเร่งมา จึงปล่อยให้เลยตามเลยมาถึงตอนนี้

“คือ...พรรษกลัวที่บ้านเป็นห่วงน่ะค่ะ”

“อ้อ เรื่องนี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณถึงบ้าน ถ้าที่บ้านคุณว่าอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง ดีไหม” เขาบอกพร้อมรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่บ้านคงไม่ว่าอะไร พรรษคงคิดมากไปเอง” ด้วยความกลัวเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆ หญิงสาวจึงรีบบอกไปอย่างนั้น ไม่อยากนึกภาพว่าถ้าเมษรักษ์มีโอกาสได้พบกับปรานต์หรือคุณปภาวีจะเกิดอะไรขึ้น

“หึ! งั้นดีเลย คุณคงไม่รีบถ้าหลังจากทานข้าวเสร็จผมจะชวนคุณไปเดินเล่นตรงลานใต้สะพานพระรามแปด รับรองผมจะไปส่งคุณถึงบ้านไม่เกินสามทุ่มแน่นอน” จากคำพูดนี้ทำให้เพลงพรรษแทบอ้าปากค้าง ด้วยรู้ว่าเผลอพูดเปิดทางให้เขาเสียแล้ว

หญิงสาวพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งทานอาหารเงียบๆ เมื่อบริกรทยอยเสิร์ฟอาหาร ความจริงรสชาติอาหารร้านนี้อร่อยไม่แพ้ร้านไหนๆ ที่เพลงพรรษเคยทานเลย เพียงแต่ขณะนี้เธอรู้สึกว่าลิ้นตัวเองชาจนแทบไม่รับรู้อะไรเลย

ต่างจากอีกฝ่ายที่ทานอาหารไปชมบรรยากาศไปสลับกับมองใบหน้าเรียวที่ก้มมองอาหารจนหน้าแทบติดกับจานเลยทีเดียว ชายหนุ่มพอใจกับภาพที่ได้เห็น ผู้หญิงน้อยคนนักที่เขาเคยเจอจะมีอาการอย่างนี้ ขนาดเขาตีสีหน้าขรึมตลอดเวลา บางคนยังอดทนยิ้มร่าได้ ผิดกับหญิงสาวตรงหน้า ถึงเขาจะยิ้มหรือทำตัวสบายแค่ไหน เธอก็ยังวางตัวไว้เหมาะสมอยู่ดี

ตอนเพลงพรรษรวบช้อนบ่งบอกว่าอิ่มแล้ว และเงยหน้าขึ้นจากจานข้าวเธอพบว่าบริกรเพิ่งวางถ้วยไอศกรีมลงตรงหน้าพอดี ริมฝีปากเรียวสวยเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ความชื่นชอบไอศกรีมแล่นขึ้นใบหน้า ทว่าพอนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้สั่งเธอก็เงยมองไปยังเมษรักษ์ ฝ่ายนั้นยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว และตรงหน้าเขาก็มีไอศกรีมเช่นกัน

“หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจไอศกรีม เหมือนผู้หญิงกลัวอ้วนๆ หลายคน” เขาบอกง่ายๆ แล้วตักไอศกรีมเข้าปากเพื่อเป็นการบอกว่าให้เธอเริ่มทานได้ ความกระจ่างบนใบหน้าของเพลงพรรษลดลงเล็กน้อย หากดวงตาไหวระริกของเธอก็ไม่รอดพ้นการมองเห็นของคนพามา

เมื่อจัดการค่าใช้จ่ายในร้านอาหารโดยเพลงพรรษไม่มีสิทธิ์ควักเงิน เขาก็พาเธอมาเดินเล่นตามความตั้งใจที่บอกไว้ หญิงสาวนึกอยากถามหลายครั้งว่าเขาไม่ไปทำธุระที่บอกไว้หรอกหรือ หากก็ไม่กล้าสักที นี่อาจเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของหญิงสาว ความเกรงอกเกรงใจจนเกินไป ทำให้เธอมักถูกรวบรัดด้วยประโยคง่ายๆ ของผู้ชายคนนี้หลายต่อหลายครั้ง

ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ทำให้เพลงซึ่งเดินเคียงมาใกล้ๆ ต้องทรุดนั่งลงอย่างไม่กล้าเสียมารยาท เธอไม่รู้ว่าเขาจะพามาเดินทำไมให้เสียเวลา ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากกว่าการทานอาหารและเดินเรื่อยเปื่อย

“คุณเคยอยู่ห่างจากคนที่รักมากๆ จนคิดถึงเขาแทบทนไม่ไหวไหม...เพลงพรรษ” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นโดยยังหันหน้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนแสงไฟตามริ้วคลื่น

“คะ?” พอหลุดคำนั้นออกไป หญิงสาวรู้สึกว่าตั้งแต่เจอเขา เธอหลุดคำนี้บ่อยกว่าคำไหนๆ เพราะเขามักทำให้เธอแปลกใจตลอดเวลา และเมื่อไม่มีคำพูดใดตามมา หญิงสาวจึงสูดหายใจเข้าปอดสุดลึก บอกตัวเองว่าบางทีเขาอาจมีเรื่องไม่สบายใจ ต้องการแค่เพื่อนคุย ซึ่งเธอน่าจะพอคุยกับเขาได้ ณ เวลานี้ “เคยสิคะ ท่านเป็นคนที่พรรษรักและเคารพเหมือนแม่คนหนึ่ง ท่านดีกับพรรษมาก คอยดูแลเอาใจใส่ คอยกล่อมให้พรรษนอนหลับ เพราะพรรษเป็นคนนอนหลับยาก แต่ท่านมีวิธีของท่าน...”

“คุณเป็นคนหลับยาก?” เขาหันขวับมาขัดคำพูดเธอ เพลงพรรษสะดุ้งเบาๆ ก่อนตอบ

“ค่ะ”

“แล้วเขาอยู่ไหนแล้วตอนนี้” คำถามค่อนข้างให้ความสนใจมากทีเดียว เพลงพรรษมองด้วยความงุนงงแต่ก็ยอมตอบออกไป

“ท่านเสียไปนานมากแล้วค่ะ” พอได้รับคำตอบอย่างนั้น เหมือนไหล่ที่ตั้งฉากเสมอจะห่อลู่ลงเล็กน้อย นำพาซึ่งความแปลกใจมายังคนมองอีกครั้ง “อุ๊ย!” เพลงพรรษอุทานเมื่ออยู่ๆ เขาก็ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับวางศีรษะลงบนตักของเธอแบบไม่ทันตั้งตัว

“ผมง่วง ขอหลับสักงีบ” เขาบอก ไม่ละสายตาจากท่าทางยกมือปิดปากเพื่อสกัดเสียงร้องเมื่อสักครู่ไม่ให้ดังจนคนแถวนี้ตกใจ “ผมเป็นคนหลับยากเหมือนกัน ไหนคุณลองทำให้ผมหลับหน่อย เอาแบบวิธีที่ทำให้คุณหลับได้น่ะ”

ว่าแล้วเขาก็ค่อยปิดเปลือกตาลง เพลงพรรษจ้องมองใบหน้าเรียบนิ่งบนตัก มือยังยกค้างด้วยไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน และไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อเป็นการให้เขายกศีรษะออกไปจากตักของเธอ

“ยิ่งคุณช้าเท่าไหร่ ผมจะยิ่งไปส่งคุณที่บ้านช้าเท่านั้นนะ” เขาพูดทั้งยังหลับตา

หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก นับตั้งแต่มีลมหายใจมาเธอยังไม่เคยใกล้ใครขนาดนี้ แม้กับปรานต์ที่ถือว่าใกล้ชนิดสนิทสุดแล้วก็ยังไม่เคยถึงขนาดนี้เลยสักครั้ง ยิ่งเธอลังเลเท่าไหร่ เขาก็นิ่งเฉยมากเท่านั้น เมื่อไม่มีทางออกอื่นใดหญิงสาวจึงตัดใจทำแบบที่มีนรักษ์เคยทำให้เธอเมื่อครั้งนางยังมีชีวิตอยู่

“ขออนุญาตนะคะ” เธอบอกเบาๆ ก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ สอดเข้าไปในเส้นผมหนาดำสนิทของคนนอนหนุนตักเธออยู่ นวดหนังศีรษะเบาๆ ก่อนจับกลุ่มผมเล็กๆ ตรงโคนผมแล้วรูดขึ้นไปจรดปลายผม ทำแบบนั้นซ้ำๆ กันหลายครั้ง

“วิธีนี้หรือที่ ‘เขา’ ใช้ทำให้คุณนอนหลับ” มือใหญ่คว้าหมับที่มือบางซึ่งกำลังใช้วิธี ‘กล่อม’ ให้เขาหลับ ดวงตาคมเบิกโพลง ฉายแววสับสน วูบไหว เพลงพรรษสะดุ้งอีกครั้ง นึกหวั่นว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ “คุณหลับด้วยวิธีนี้หรือเพลงพรรษ”

“คะ...ค่ะ พรรษขอโทษค่ะถ้าทำให้พี่เมษไม่พอใจ” หญิงสาวละล่ำละลักตอบ เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมตรงไรผม แม้อาการจะไม่ได้ร้อนอะไรเลย

ดวงตาคู่คมจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่เผยรอยหวาดหวั่น เป็นนานกว่าอาการเกร็งมือของเขาจะคลายลง และทำให้เจ้าของตักแปลกใจอีกครั้งด้วยการหลับตาลงพร้อมบอกว่า

“ผมชอบวิธีนี้ และผมกำลังจะหลับ คุณทำต่อได้” เขาลดมือลงประสานกันบนแผงอก เพลงพรรษมึนงงชั่วครู่ ก่อนสอดมือเข้าไปในเส้นผมของเขาโดยไม่รอให้เขาส่งเสียงบังคับขู่หรือไม่พอใจ

เพียงไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนหนุนตักเธอเป็นสัญญาณบอกว่าเขาหลับสนิท เหลือเชื่อว่าจากท่านอนที่ขายาวเลยเก้าอี้ไปเยอะพอสมควรจะทำให้เขาหลับสนิทได้

เพลงพรรษได้ประจักษ์คำพูดของใครสักคนที่เคยบอกว่า มนุษย์ทุกคนจะมีใบหน้าอ่อนโยนยามเมื่อนอนหลับ ผู้ชายคนนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่ายามมีสติเขาจะพยายามยิ้มสักเท่าไหร่ แต่ดูยังไงก็ยังมีความเครียดขึงเคลือบแฝงอยู่เสมอ ผิดกับเวลานี้ที่เรียบเฉยแถมยังมีความกระจ่างทาทาบใบหน้าแลคล้ายเขากำลังยิ้ม

และนั่นทำให้หญิงสาวมองเขาด้วยดวงตาอ่อนโยนกว่าทุกที เผลอยิ้มพอใจกับการนอนหลับของเขา...เธอชอบกับการทำให้คนอื่นมีความสุข

“ร้องไห้?” เสียงหญิงสาวกระซิบแผ่วกับตัวเอง เมื่อเห็นหยดน้ำไหลจากหางตาของชายหนุ่ม ลมหายใจเขายังสม่ำเสมอบอกว่าหลับสนิทเช่นเคย หรือเขาจะฝันร้าย...ปลุกดีไหมนะ? แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ด้วยใบหน้าของเขายังคงกระจ่างไม่ได้มีแววระทมทุกข์เพลงพรรษจึงได้แค่คิดไม่กล้าปลุกเขาให้ตื่น

มือเรียวขยับเบาแสนเบาเพื่อล้วงลงในกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัว หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนบางออกมาถือไว้ ทำใจกล้าอีกอึดใจแล้วค่อยบรรจงเช็ดคราบน้ำตาของเขาแผ่วเบา นุ่มนวล

“ขอบคุณ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับลืมตามองเธอระยะใกล้ เพลงพรรษชะงักมือที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เขา เธอรีบดึงมือกลับแล้วเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบให้เขาลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งยืดตัวแล้วเอียงข้างไปอีกทาง คล้ายกำลังสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง ก่อนลุกยืนและชวนเธอกลับ

ตลอดระยะทางที่นั่งมาในรถด้วยกันมีเพียงความเงียบ เมษรักษ์ดูจะตั้งใจขับรถเป็นพิเศษเหมือนเขาตกอยู่ในห้วงคิดของตัวเอง ส่วนเพลงพรรษเธอไม่กล้าพูดหรือถามอะไรหากเขาไม่เป็นฝ่ายชวนคุย ยิ่งเมื่อหวนนึกไปถึงหยดน้ำตาตอนหลับของเขา ใจเธอยิ่งรู้สึกโหวงๆ อย่างไรพิกล ผู้ชายท่าทางเข็มแข็งอย่างเขาสามารถมีน้ำตาตอนหลับได้ แสดงว่าลึกๆ เขาย่อมต้องมีความทุกข์ คิดแล้วให้นึกเห็นใจตามประสาคนจิตใจดี

และวันนี้เพลงพรรษต้องแปลกใจเมื่อรถจอดสนิทและเธอหันมองนอกกระจกรถพบว่าเป็นหน้าบ้านพสุธาเทพ หญิงสาวอึ้งด้วยความตกใจ เพราะเธอมัวแต่เหม่อลอยจึงไม่ทันสังเกตตอนเขาเลี้ยวเข้าซอยมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ไม่มีเวลาแม้แต่จะนึกสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธออยู่บ้านหลังนี้ มือเรียวรีบดึงประตูให้เปิดออกเมื่อเขาปลดล็อก

“เอ่อ...ขอบคุณมากนะคะพี่เมษ” มือเรียวพนมไหว้ด้วยอาการร้อนรน พอชายหนุ่มหันมามองเธอหางตาจึงเห็นว่ามีใครบางคนยืนมองพวกเขาจากหลังประตูรั้วใหญ่ดัดลวดลายไว้งดงาม ชายหนุ่มแสยะยิ้มแล้วเลื่อนมือหยิบแว่นสีดำสนิทขึ้นสวมก่อนเปิดประตูฝั่งตัวเอง ก้าวลงมายื่นข้างรถพร้อมเรียกรั้งหญิงสาวไว้

“เดี๋ยวเพลงพรรษ”

“พี่เมษมีอะไรหรือคะ” ร่างบางหันซ้ายหันขวากลัวมีใครมาเห็น

“คุณลืมช่อดอกแก้วอีกแล้วนะ” เขาชูช่อดอกแก้วในมือให้เธอดู เพลงพรรษแทบระบายลมหายใจออกมา นึกว่ามีอะไรสำคัญมากกว่านั้น แต่ก็ยอมยื่นมือไปรับโดยดี เขาวางช่อดอกแก้วลงบนมือเรียวเชื่องช้าและก่อนหญิงสาวจะได้เอะใจอะไรชายหนุ่มกระตุกมือบางดึงเข้าหาตัว ก้มลงหอมแก้มเนียนเสียทีหนึ่ง “ผมไม่อยู่...อย่าลืมคิดถึงล่ะ” ท่ามกลางอาการอึ้งของคนโดนฉวยโอกาส เมษรักษ์เหลือบมองไปทางด้านหลังหญิงสาว มุมปากซ้ายกระตุกยิ้มก่อนเดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างสบายใจ

นานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เธอรู้สึกว่าแก้มตัวเองร้อนราวกับโดนไฟนาบ ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบเดินเข้าบ้านเธอคงได้มีเวลาอายหรือโกรธมากกว่านี้



ร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าบ้านอย่างรีบเร่งต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อพบว่าคนที่มายืนดักรอไม่ใช่นางเอื้องหรือปรานต์ แต่เป็นคุณปภาวี ประมุขแห่งพสุธาเทพ

“คุณท่าน...” เพลงพรรษครางชื่อเจ้าของบ้านเบาแสนเบาจนแทบไม่ได้ยิน

“ใช่...ฉันเอง” ท่ายืนกอดอกในชุดนอนสีแดงเพลิงยาวกรุยกรายอาจทำให้เพลงพรรษรู้สึกกริ่งเกรง แต่ใบหน้าและรอยยิ้มของคุณปภาวีสร้างความแปลกใจให้หญิงสาวเหลือคณา ปกติถ้าเธอกลับบ้านค่ำมืดอย่างนี้ มักจะไม่เจอคุณปภาวี หรือถ้าเจอเธอคงโดนดุไม่ใช่การยืนมองด้วยรอยยิ้มอย่างนี้

“คุณ...คุณท่านยังไม่นอนหรือคะ” หญิงสาวทำใจกล้าถาม ไม่ยอมสบตา

“ตอนแรกก็ว่าจะนอนแล้วล่ะ แต่นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับเธอ...แล้วก็ไม่ผิดหวังที่มายืนรอ หึ!” เสียงลงท้ายในลำคอทำให้เพลงพรรษรู้สึกหวั่นใจ

“รอดิฉันเหรอคะ” ถามด้วยความไม่แน่ใจ ร้อยวันพันปีคุณปภาวีไม่เคยเสียเวลาคุยกับเธอ หรือถ้าจะมีเรื่องคุยจริงๆ ต้องให้เด็กรับใช้มาตาม ไม่มาดักรออย่างนี้แน่ หรือว่าจะมีเรื่องสำคัญ แล้วเมื่อครู่นางเห็นหรือเปล่านะที่เมษรักษ์ล่วงเกินเธอ

“ตามฉันเข้าไปในบ้าน” แทนคำตอบคือคำสั่ง ร่างนางพญาแห่งพสุธาเทพเดินนำไปก่อน เพลงพรรษไม่มีเวลาคิดอะไรนานเธอรีบก้าวตามไป

บนเก้าอี้ประจำตัวประมุขแห่งพสุธาเทพคุณปภาวีนั่งไขว่ห้างมองตรงมายังร่างบางที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้น สีหน้าฉายแววพึงใจบางอย่างออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ไปทำงานวันแรกเป็นไงบ้างล่ะ กลับเสียมืดค่ำเชียว”

“เอ่อ...ดิฉันขอโทษคุณท่านด้วยค่ะ พอดี...” หญิงสาวละล่ำละลักตอบ

“เปล๊า...ฉันไม่ได้ว่าอะไร” คุณปภาวีขัดขึ้นคล้ายอารมณ์ดี “เธอจะกลับกี่โมงกี่ยามก็ได้ฉันไม่ได้ว่า ฉันแค่อยากรู้ว่าคนที่มาส่งเธอเป็นใครเท่านั้นเอง”

สิ้นคำคุณปภาวี เพลงพรรษเงยสบตานางอย่างประเมินว่ามีความหมายแท้จริงเป็นอย่างไร

“เอ่อ...เจ้า...เจ้านายของดิฉันเองค่ะ พอดีเขาพาดิฉันไปธุระด้วยและผ่านมาทางนี้เลยแวะมาส่งค่ะ”

“อะไรกัน เจ้านายที่เธอหมายถึงนี่คือหัวหน้าแผนกบัญชีน่ะเหรอ เงินดีขนาดนั้นเชียว มีรถราคาเป็นล้านขับ” เพราะมัวแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองเพลงพรรษจึงไม่เห็นว่าสีหน้าแววตาของคุณปภาวีไม่มีความแปลกใจเลยสักนิด ที่ถาม เพราะต้องการหยั่งเชิงดูว่าสิ่งที่นางคาดคิดจะเป็นจริงหรือไม่

“เปล่าค่ะ...เจ้านายที่ดิฉันหมายถึงคือเจ้าของบริษัทค่ะ คือ ดิฉันไม่ได้ทำงานแผนกบัญชี แต่เป็นผู้ช่วยเจ้านายแทนค่ะ” เพลงพรรษไม่ได้มีเจตนาโอ้อวด เพียงแค่คิดว่าเธอสมควรรายงานทุกความเป็นจริงให้ผู้มีพระคุณรับรู้เท่านั้นเอง

และคำตอบของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มกว้างกระจ่างทั้งใบหน้าคุณปภาวีในทันที

“อ้อ...ถึงว่า เป็นผู้ช่วยเขานี่เองเขาถึงมาส่งถึงที่ ดีนี่ เธอเองหน้าตาดีไม่น้อย แถมยังไม่คบใครจริงจัง เผื่อเขาเอ็นดู อนาคตอาจจะไกลก็ได้” ทุกคำของคุณปภาวีเหมือนน้ำเย็นสาดลงบนเนื้อตัวเพลงพรรษ รู้สึกเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ

“ดิฉันไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เธอตอบทั้งน้ำตาเจียนจะหยดรินร่อมร่อ

“จะหวังหรือไม่หวัง ฉันก็คงต้องบอกว่าได้เวลาเธอตอบแทนบุญคุณพสุธาเทพ ตอบแทนตาปรานต์ที่เขาส่งเสียเธอจนเรียนจบบ้างแล้วล่ะนะ” คำพูดดูถูกเหยียดหยามก่อนหน้านี้ว่าทำให้ตัวชาแล้ว เรื่องหลังนี่เหมือนจะทำให้เพลงพรรษหยุดลมหายใจ...ได้เวลาตอบแทนบุญคุณพสุธาเทพ ตอบแทนบุญคุณปรานต์ อย่างไร? “หวังว่าเธอคงไม่ลืมหรอก ใช่ไหม”

นึกดูแล้วชีวิตเพลงพรรษได้เจอแต่คนที่ตีกรอบในการตอบคำถามของเธอไปเสียหมด ไม่มีใครให้สิทธิ์เธอเลือกเลยสักคน

“ค่ะ ดิฉันไม่เคยลืม”



หลังอาบน้ำเสร็จเพลงพรรษแต่งตัวด้วยอาการเลื่อนลอย สมองทุกซีกส่วนเฝ้าวนเวียนคิดเรื่องที่คุณปภาวีบอกเล่า และ ‘ขอ’ ให้เธอทำ ร่างบางในชุดนอนสีชมพูหวาน เดินไปหยิบโทรศัพท์มาชาร์ตแบตเตอร์รี่แล้วกดเปิดเครื่อง ทันทีที่เครื่องมือสื่อสารใช้งานได้ มันก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดี ด้วยการส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้ามา นั่นหมายถึงอาจมารอตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้

‘พรรษ...วันนี้พี่ไม่ได้ไปรับนะ ต้องไปทานข้าวกับซุยุตามคำสั่งของคุณแม่

กลับบ้านดีๆ นะเด็กดีของพี่ เป็นห่วงจ้ะ พี่ปรานต์’

ไล่สายตาจนครบทุกตัวอักษรซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้ำตาหยดแหมะลงบนหน้าจอโทรศัพท์ ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ ร่างกายสั่นสะท้านจากแรงสะอื้น เสียงประกาศิตของคุณปภาวีดังก้องในหูอีกครั้ง

‘เหตุผลที่ตาปรานต์ไม่อยากให้เธอทำงานบริษัทนั้นก็เพราะ...มันคือคู่แข่งของพสุธาเทพ’ ขณะพูดแววตานางราวกับกองเพลิงลุกโชนน่ากลัว ‘คือบริษัทที่แย่งงานประมูลของพสุธาเทพไปหลายครั้ง รวมถึงครั้งล่าสุดด้วย!’

เพลงพรรษอึ้งไปเลยทีเดียว เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านราวิวัฒน์ฯ คือคู่แข่งพสุธาเทพ คือคนที่ทำให้ปรานต์ต้องพลาดงานสำคัญจนโดนคุณปภาวีอาละวาดในวันนั้น ถึงว่า...ทำไมปรานต์จึงไม่พอใจกับการที่เธอบอกเรื่องงาน

แสดงว่าเมษรักษ์รู้สินะว่าเธอคือคนที่มาจากชายคาพสุธาเทพเขาถึงรับเข้าทำงานง่ายดาย...ใช่อย่างนั้นหรือเปล่านะ

พอคิดถึงคนเป็นเจ้านาย หญิงสาวรู้สึกแก้มตัวเองร้อนขึ้นมาอย่างไม่อยากนึกถึงเลยจริงๆ มือบางยกขึ้นลูบแก้มเบาๆ พลางสงสัย...เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร?

จะเพื่ออะไรก็แล้วแต่...เมษรักษ์คือคู่แข่งของปรานต์ เธอไม่ต้องการอยู่ที่นั่นต่อไป ไม่อยากให้ปรานต์กระวนกระวายใจ ทว่า...

‘แต่สำหรับฉัน ฉันกลับมองว่ามันเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นราวิวัฒน์ฯ จะเปิดเผยตัวก็เฉพาะเวลาประมูลงานเท่านั้น หนำซ้ำเจ้าของบริษัทตัวจริงเสียงจริงก็ไม่ยอมออกมาเปิดตัวเสียที ยึกยักราวกับตัวเองมีค่านัก แต่ก็นั่นล่ะ ทุกบริษัทล้วนต้องการข้อมูลเชิงลึกของนราวิวัฒน์ฯ กันทั้งนั้น และคราวนี้ถือว่าโชคดีเป็นของพสุธาเทพที่เธอได้เข้าไปใกล้ชิดมัน’

หญิงสาวร่างบางเพียงแค่รับฟัง ภายในใจเธอสับสนไปหมด

‘เพราะฉะนั้น แทนที่เธอจะออกจากบริษัทนั้น ฉันว่าสู้เธออยู่ต่อเพื่อ ‘ล้วงความลับ’ มันมาไม่ได้หรอก ยิ่งใกล้งานประมูลครั้งสำคัญอีกไม่ถึงสองเดือนข้างหน้านี้แล้ว ถ้าเธอขโมยความลับมันมาได้ เท่ากับเธอได้ช่วยตาปรานต์ให้สำเร็จนะ’

ใบหน้าเรียวเงยขวับขึ้นมองเมื่อคุณปภาวีเผยจุดประสงค์และต้องการให้เธอทำ

‘นี่อาจเป็นการใช้เสน่ห์ของเธอให้เป็นประโยชน์ก็ได้นะ ดูท่าทางเจ้านายเธอจะ ‘ติดใจ’ เธอไม่น้อยนี่ ใช้กับตาปรานต์น่ะมันไม่ได้ผลหรอก แต่ถ้าใช้กับไอ้คนที่มันมาส่งเธอล่ะก็...ถือได้ว่าเธอได้ตอบแทนบุญคุณทั้งตาปรานต์และพสุธาเทพนะ เพลงพรรษ’

คุณปภาวีเงียบและนั่งมองหญิงสาวตรงหน้า...ไม่นึกเลยว่าอะไรมันจะลงล็อกลงตัวได้ขนาดนี้ ตอนแรกนางนึกเพียงว่าหากเพลงพรรษอยู่ฝ่ายบัญชีของบริษัทนั้นก็จะล้วงความลับหลายอย่างได้ง่ายขึ้น แต่พอการณ์กลับกลายเป็นแบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ถ้าเพลงพรรษยอมร่วมมือ ยิ่งอยู่ใกล้เจ้าของนราวิวัฒน์ฯ ยิ่งหาข้อมูลสำคัญได้มากกว่า

ในการทำธุรกิจที่มีคู่แข่งเยอะแยะอย่างนี้ แน่นอนมันต้องมีการสืบค้นข้อมูลฝ่ายตรงข้ามกันบ้าง แต่ที่ทำให้นางเจ็บใจก็คือที่ผ่านมานราวิวัฒน์ฯ เป็นบริษัทที่สืบความลับยากมาก โดยเฉพาะเจ้าของที่แท้จริงแทบไม่มีใครเคยเห็นหน้า ได้พบก็แต่เลขาฯ ฝีมือดีที่ชื่อลิซ่านั่นล่ะ ได้ข่าวมาเพียงว่าผู้หญิงคนนี้ทั้งเก่ง ทั้งฉลาดถึงขนาดไว้ใจให้ควบคุมทุกอย่างในบริษัท

แต่วันนี้ล่ะสวรรค์เข้าข้างพสุธาเทพบ้างแล้ว...โดยการส่งเพลงพรรษเข้าประชิดตัวเจ้าของนราวิวัฒน์ฯ แล้วอย่างนี้ชัยชนะจะไปไหนเสีย

‘เธอลองกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ ก็แล้วกัน ฉันไม่รีบร้อนบังคับเธอหรอก อ้อ...ลืมบอกอีกอย่าง การที่ตาปรานต์ต้องคบกับซุยุเพราะฉันจำเป็นนะ จำเป็นต้องให้ตาปรานต์แต่งงานกับคนที่พอจะเกื้อหนุนพสุธาเทพได้ เผื่อวันข้างหน้าอะไรๆ มันไม่แน่นอน ครอบครัวของซุยุเขาเป็นบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่น อาจจะช่วยได้มากเลยเชียวล่ะ’

ยิ่งฟังเพลงพรรษยิ่งสงสารปรานต์เธอทำให้ปรานต์ลำบากใจเรื่อยมา แม้กระทั่งเรื่องเข้าทำงาน เธอยังทำให้เขาลำบากใจอีกจนได้ แล้วครั้งนี้หากช่วยเขาได้จริง เธอจะไม่ช่วยเลยเชียวหรือ?

แต่มันเป็นการช่วยแบบผิดๆ วิธีการที่คุณปภาวีไม่ถูกต้องและดูร้ายแรงเกินไป...หญิงสาวสับสน

‘ตาปรานต์น่ะเขาดีกับเธอมากนะ แม้จะต้องให้ฉันดุด่าเขาก็ยอม แล้วเธอจะทนมองเขาพลาดอีกครั้งได้เหรอ...ตามใจเธอนะ นั่นมันสิทธิ์ของเธอ’

แล้วนางก็ขึ้นไปนอนโดยทิ้งความหนักอึ้งไว้ทั้งหัวใจและสมองของเพลงพรรษ ขณะที่หญิงสาวกำลังสับสนว้าวุ่นกับสิ่งที่คุณปภาวีเสนอแกมบังคับอยู่ในที เธอไม่รู้เลยว่าคุณปภาวีเชื่อมั่นสุดหัวใจว่าคนหัวอ่อนอย่างเพลงพรรษต้องยอมเดินตามเกมแน่นอน นางจึงนอนหลับฝันหวานไปอย่างคนรอคอยเพียงแค่ชัยชนะ ไม่ใช่ความผิดหวัง

นิ้วเรียวไล้ปาดหยดน้ำออกจากหน้าจอโทรศัพท์อ่านมันอีกครั้งก่อนวางลง เดินไปทรุดนั่งตรงขอบเตียงใกล้โต๊ะอ่านหนังสือ ตรงนั้นมีช่อดอกแก้วที่ยังส่งกลิ่นหอมวางอยู่

ภาพวันแรกที่ได้เจอเมษรักษ์ กับเหตุการณ์ทั้งหมดวันนี้ไหลวนอยู่ในห้วงคิด ถึงจะเป็นเวลาแค่วันเดียว และอารมณ์ของเจ้านายเธอก็แปรปรวนง่ายจนน่ากลัว แต่เพลงพรรษกลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างจากเขา บางสิ่งที่บอกว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายนัก

อย่างนั้นแล้วเธอจะทำร้ายเขาได้ลงคือหรือ

ยิ่งคิดหญิงสาวยิ่งรู้สึกปวดหัวจนสมองแทบแตก ล้มตัวลงนอนมองเพดานปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอย จนสติเริ่มเลือนหายเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ ก่อนสติจะถูกครอบครองทั้งหมด หญิงสาวรู้สึกราวกับว่ามีมืออันคุ้นเคยมา ‘กล่อม’ ให้เธอหลับสบาย

‘พรรษเป็นตัวแทนให้ป้านะลูก...อย่าลืมนะลูก อย่าลืม’ ภาพมีนรักษ์มานั่งลูบผมเธอบนเตียงปรากฏในความฝัน แล้วทับซ้อนด้วยภาพของปรานต์ที่มายืนมองเธอด้วยสายตาวิงวอน

‘ออกจากที่นั่นซะพรรษ เพื่อความสบายใจของพี่’

ร่างสูงของเจ้านายเธอเดินมากระแทกไหล่ปรานต์จนเขาเซไปด้านข้าง

‘ผมไม่ยอมให้คุณไปจากนราวิวัฒน์ฯ แน่ คุณไม่มีสิทธ์ลาออก ไม่มีสิทธิ์!’

ภาพความฝันตัดมาที่หญิงร่างผ่ายผอมซึ่งหญิงสาวรู้ว่านั่นคือป้ามีน คราวนี้ซ้ายของหญิงสาวเป็นปรานต์ทางขวาของร่างผอมเป็นเมษรักษ์ ทั้งสองคนยื้อแขนมีนรักษ์ไว้คนละข้าง ต่างฝ่ายต่างออกแรงดึง จนน่ากลัวว่าร่างผอมนั้นจะหลุดออกเป็นสองส่วน

‘ป้ามีน...ป้ามีน’ เพลงพรรษร้องเรียกด้วยความสงสารจับหัวใจ

‘พรรษเป็นตัวแทนให้ป้านะลูก...อย่าลืมนะลูก อย่าลืม’

มีนรักษ์พร่ำสั่งทั้งใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา แววตานางอ้อนวอนสุดหัวใจ เพลงพรรษสับสนมองซ้ายทีขวาที และเธอได้เห็นว่าทั้งปรานต์ทั้งเมษรักษ์ต่างก็ร้องไห้ด้วยกันทั้งคู่...มันเกิดอะไรขึ้น!

‘หยุด!’ เสียงประกาศิตของคุณปภาวีดังขึ้น ทุกสายตาหันไปมองหญิงสาวในชุดนอนแดงเพลงยืนจ้องด้วยความกราดเกรี้ยว มือสั่นเทาค่อยยกขึ้นพร้อมกับปืนสีดำมะเมื่อม ‘ตายให้หมดเถอะพวกแก’

ปัง! ปัง! ปัง!

“เฮือก!!!”

ร่างบางผวาสุดตัว เด้งขึ้นนั่งกลางเตียง เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้า ลำคอและแผ่นหลัง ทั้งๆ ที่พัดลมยังเปิดอยู่ตลอดเวลา...ไม่เลย เธอไม่เคยฝันร้ายและสับสนวุ่นวายขนาดนี้มาก่อน

ภาพความฝันทุกภาพชัดเจน ตราตรึงติดตา หวาดหวั่นในความรู้สึก...บางทีเธออาจเครียดจนเกินไป หญิงสาวก้าวลงจากเตียงไปปิดไฟที่ยังเปิดสว่างอยู่ ด้วยหลับไปแบบไม่รู้ตัว

ในความมืดเพลงพรรษรู้สึกหนาวสะท้านกาย...ลางสังหรณ์บางอย่างบ่งบอกว่าอนาคตข้างหน้าของเธอคงไม่ราบรื่นนัก กระนั้นเธอเองคงไม่มีทางเลือกมากอย่างใครๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือต้องไม่ลืมบุญคุณพสุธาเทพ บุญคุณปรานต์ และคำขอของป้ามีน




โปรดติดตามตอนต่อไป
น้อมรับทุกคำติ-ชมค่ะ^^



ปลากัด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2554, 11:19:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2554, 11:19:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2058





<< oOo บทที่ 6 oOo   oOo รุ้งฤดูร้อน บทที่ 8 oOo >>
หมอนทอง 27 เม.ย. 2554, 11:44:52 น.
สงสารหนูพรรษ


คิมหันตุ์ 27 เม.ย. 2554, 12:00:40 น.
มีนรักษ์ เมษรักษ์ หวังว่าคงไม่มีอะไรเกี่ยวกันนะคะ

สถานการณ์ โหดร้ายมาก...สู้ต่อไปนะจ๊ะเพลงพรรษ


anOO 27 เม.ย. 2554, 13:12:15 น.
น่าสงสารจัง....หวังว่าพรรษคงไม่เข้าใจพี่เมษผิดหรอกนะ


Pat 27 เม.ย. 2554, 13:35:06 น.
อึม เรื่องราวชวนให้สงสัยซะแล้วสิ ความฝัน&ความหลัง อิอิ


ปัณณรี 28 เม.ย. 2554, 13:56:22 น.
มาเยี่ยมและส่งกำลังใจเพราะรู้ว่าสาวคนนี้งานยุ่งตลอดเวลา อิอิ


dee_jung 28 เม.ย. 2554, 21:07:06 น.
จะทดแทนบุญคุณไหม..รออ่านต่อนะค่ะ


roseolar 29 เม.ย. 2554, 14:38:10 น.
โอ๊ะโอ น่าสงสัยมากๆ รอติดตามนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account