กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ปาร เด็กสาวกำลังเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย เธอได้พี่รหัสเป็นผู้ชาย แต่เกิดเหตุไม่เข้าใจกันขึ้น ต่อมาต้องไปเข้าค่ายรับน้องใหม่ ปารต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาและเธอจะปรับความเข้าใจกันได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...


Tags: เรื่องยาว

ตอน: ตอนที่2

เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ…

ควันไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นสีเทาเข้ม สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ลมแรงยิ่งพัดให้ไฟลุกโชติช่วงเป็นทวีคูณ เกิดเพลิงไหม้ขึ้นพร้อมกัน 2 จุดราวกับนัดกันไว้ แต่ละจุดอยู่ห่างกันมาก ชาวบ้านหลายคนกำลังวุ่นวายโกลาหลกับการช่วยกันดับไฟที่ยุ้งฉางข้าว ส่งเสียงเอ็ดตะโรกันเซ็งแซ่ไปหมด ส่วนอีกที่หนึ่งอยู่ปลายนา ไกลออกไปจากแหล่งน้ำมาก ยากต่อการดับไฟ เด็ก ๆ พากันหยุดเล่นมายืนออมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

และหลายคนรู้ว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการวางเพลิง!!

เด็กหญิงวิ่งวุ่นอยู่กับการตามหาพ่อ หลังจากที่แม่เป็นลมล้มพับไปแล้ว เมื่อเห็นพระเพลิงลุกไหม้ยุ้งฉางข้าวเปลือก เพื่อนบ้านต่างช่วยกันนวดเฟ้นและพัดวีให้

เธอยังมองไม่เห็นพ่อเธอเลย…

“เห็นพ่อปารมั้ย!! ”

“ใครเห็นพ่อปารบ้าง!!”

“พ่อปารอยู่ไหน! ใครเห็นบ้าง!”

ปารวิ่งไปเขย่าแขนถามใครต่อใครที่พบเจออย่างร้อนรน แต่ไม่มีใครพบเห็นพ่อของเธอเลย และคิดได้ว่าในยามเย็นเช่นนี้ พ่อมักทำงานอยู่ที่ปลายนาเสมอ พ่อมักขลุกอยู่กับการเพาะชำต้นไม้เอาไว้แจกชาวบ้าน การทำปุ๋ยธรรมชาติ และคิดวิธีพัฒนาการเกษตรให้กลับเข้าหาธรรมชาติเป็นสำคัญ เป็นงานที่พ่อรักมาก และวิธีของพ่อ ก็ได้ผลดีมาก จนอาจมีใครที่เสียผลประโยชน์ไม่พอใจ

เธอใจหายวาบ!!

ปลายนา!
ไฟไหม้โรงนาที่ปลายนา!

ไม่……….!!!

ปารรีบวิ่งไปที่ต้นเพลิงทันที!!

เด็กหนุ่มเห็นเด็กหญิงวิ่งหน้าตั้งมุ่งไปยังปลายนาที่ฟอนไฟกำลังลุกโชนแสงสว่างเจิดจ้า มองเห็นอยู่ไกล ๆ แล้วรีบวิ่งตามไป

“ปาร!!”

เขาพยายามตะโกนเรียกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอไม่หันมาตอบ ราวกับว่าไม่ได้ยิน และจิตใจจดจ่ออยู่กับการวิ่งไปยังเป้าหมายเท่านั้น เขารีบกวดฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่า เขาไม่เคยใช้เวลามากขนาดนี้ในการจะวิ่งตามเธอให้ทันเหมือนทุกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย ทั้งยังโตกว่ามาก เขาจึงวิ่งไล่เธอทันในที่สุด

“ปาร! จะไปไหน!” เขารีบคว้าแขนเด็กหญิงไว้
“ปารจะไปช่วยพ่อ! พ่อปารอยู่ในนั้น”
“ไปไม่ได้นะปาร! อันตราย!”

ลมร้อนจากเปลวไฟพัดกรูมาทางเด็กทั้งสอง เปลวไฟขนาดใหญ่ลุกแดงฉานไปทั่วบริเวณ

“ไม่! ปารจะไปช่วยพ่อ!” เด็กหญิงไม่ฟังเสียง สะบัดมือเขา แล้วรีบวิ่งต่อไปทันที

เขาคว้าตัวเด็กหญิงไว้ได้ทัน!!

“ปาร! ฟังพี่ก่อน!” เขาตะโกนแข่งกับเสียงลมอื้ออึง

“ไม่! ปารไม่มีเวลาฟัง ปล่อยปารนะ ปารจะไปช่วยพ่อ” เด็กหญิงดิ้นเร่า ๆ อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม

“เด็กโง่! ปารตัวแค่นี้จะไปช่วยอะไรพ่อได้ ไปเป็นภาระมากกว่า คิดถึงแม่บ้างหรือเปล่า ถ้าปารเป็นอะไรไป แม่ปารจะเสียใจแค่ไหน” เขารัวพูดด้วยเสียงอันดัง ราวกับกลัวว่าเธอจะไม่อยู่รอฟังจนจบ

ปารร้องไห้โฮ…มองภาพไฟแดงฉานตรงหน้า โครงไม้ของโรงนามอดไหม้เต็มที่ แล้วพังคลืนลงมาต่อหน้าต่อตา

“พ่อ…………………!!!” ปารกรีดร้องเสียงหลง

ยนตร์กอดเด็กหญิงไว้แน่น เขาเองก็สะเทือนใจไม่น้อยไปกว่าเธอเลย เพราะพ่อของเธอเป็นครูที่สอนเขามาตั้งแต่เล็ก คอยอบรมสั่งสอน ราวกับเป็นพ่อคนที่สองของเขา เป็นครูที่เขารัก เคารพ ศรัทธามากที่สุด ที่สำคัญเขารู้ดีกว่า การสูญเสียพ่อนั้นมันเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน และยิ่งเป็นคนดีดีอย่างพ่อของเธอด้วยแล้ว ความสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นมันมากมายเหลือเกิน

“ปาร…กลับบ้านเถอะ ป่านนี้แม่ปารเป็นห่วงแย่แล้วนะ” เขาบอกเด็กหญิงที่นิ่งเงียบไปอย่างเศร้าซึม มองเห็นเธอเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เขาไม่รู้จะปลอบเธออย่างไรดี เพราะเขาเองก็เสียใจมากมายเหลือเกิน น้ำตารื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตา แล้วไหลกลับเข้าไปข้างใน เขาได้แต่จับมือเธอไว้เพื่อส่งผ่านความห่วงใย และกำลังใจที่จะคอยให้เธอที่มีมากกว่าคำพูด

“แล้วปารเห็นแน่หรือเปล่า ว่าพ่ออยู่ในโรงนาน่ะ”

ปารส่ายหัว

“แต่พ่อชอบทำงานอยู่ที่นั่นนี่ แล้วก็ไม่มีใครเห็นพ่อเลย”

“บางที…พ่ออาจจะหนีออกมาได้ทัน ปลอดภัยแล้วก็ได้นะ และกำลังรอปารอยู่”

เด็กหญิงหันมามอง

“จริงหรอ…พี่ยนตร์”

“จริงสิ!” เขาพยักหน้า มองเด็กหญิงตรงหน้าที่ตัวสูงแค่ต้นแขนของเขา “ปารนะ ชอบตีตนไปก่อนไข้เรื่อยเลย ดูซิ ร้องไห้จนตาบวมหมดแล้ว”

แววตาของเด็กหญิงเริ่มมีประกายแห่งความหวังขึ้นมา

“ไป! รีบกลับบ้านกันเถอะ” เขาจับมือเธอพาวิ่งไปตลอดทาง

ควันไฟจาง ๆ ลอยตัวอ้อยอิ่งอย่างช้า ๆ ขึ้นสู่ด้านบน กลิ่นไหม้ยังคลุ้งอยู่ในอากาศตลบอบอวล ไฟดับมอดลงเรียบร้อยแล้วด้วยน้ำใจของเพื่อนบ้าน ทุกคนกำลังตามหาตัวปารกันจ้าละหวั่น

“ปาร! หายไปไหนมา แม่เป็นห่วงมากรู้มั้ย!” แม่เป็นคนแรกที่ปราดเข้ามาถามทันทีด้วยน้ำเสียงกึ่งดุกึ่งเป็นห่วง

“พ่อละจ๊ะแม่ พ่ออยู่ไหน ปารหาพ่อไม่เจอ ปารไปตามหาพ่อมาจ้ะ” ปารกวาดสายตามองหาพ่ออย่างมีความหวัง ค่อย ๆ ไล่มองคนที่ล้อมรอบตัวเธออย่างห่วงใยไปทีละคน ทีละคน จนหมด ถึงคนสุดท้าย

แต่….ไม่พบพ่อของเธอเลย….

น้ำตาลพาลจะไหลออกมาอีกแล้ว

“พ่ออยู่นี่ปาร” ชายหนุ่มวัยสี่สิบสามปี แทรกผู้คนเข้ามาหาเธอ ที่แขนมีผ้าพันแผลพันอยู่

เด็กหญิงยิ้มทั้งน้ำตา แล้วโผเข้ากอดบิดาไว้แน่น
“ไปเกเรที่ไหนมาล่ะปาร ใคร ๆ เขาเป็นห่วงลูกมากนะ” บิดากล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ปารนึกว่าพ่ออยู่ที่ปลายนา ปารจะไปช่วยพ่อ”
“เด็กโง่! ปารตัวแค่นี้จะช่วยอะไรพ่อได้ จะทำให้พ่อเป็นภาระ แล้วก็เป็นห่วงน่ะสิ”
“พ่ออ่ะ! ทำไมต้องพูดเหมือนพี่ยนตร์ด้วยละคะ” เด็กหญิงทำหน้ายู่ยี่ ก่อนจะหันไปค้อนเด็กหนุ่ม ยนตร์ได้แต่ทำหน้ายิ้ม ๆ อยู่ในที

“ขอบใจมากนะยนตร์ ที่ช่วยดูแลน้อง”
“ผมยินดีมากครับครู และดีใจมากครับที่ครู…ปลอดภัย…” น้ำใส ๆ มันรื้นขึ้นมาคลออยู่ในดวงตาที่เปี่ยมล้นด้วยความดีใจเป็นที่สุด หลังจากที่พ่อของเขาถูกยิงตายในหน้าที่ เขาก็มีแต่ครูที่คอยสอน คอยชี้แนะ คอยเป็นกำลังใจให้ และที่สำคัญเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเขาเสมอมา

ครูเข้าไปสวมกอดลูกศิษย์เอาไว้

“เธอเป็นเด็กดี… ครูรู้…ขอบใจเธอมาก ครูฝากดูแลปารด้วยนะ”

ยนตร์รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ชายคนนี้ และซึมซับรับรู้สิ่งดีดีผ่านจากการกระทำของครู ที่มีมากมายกว่าคำพูด

================

ปารสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อให้น้ำในดวงตาเหือดแห้งไป หลังจากที่นั่งนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ในอดีต และนี่อาจเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมเธอต้องคอยง้อ “พี่ยนตร์” ตลอดมาทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เพราะเขาเป็นคนดีและคอยดูแลเธอเสมอ ราวกับเป็นฮีโร่คนที่สองรองจากพ่อ

“ครูฝากดูแลปารด้วยนะ” เธอเพิ่งรู้สึกเอะใจกับคำพูดประโยคนี้ของพ่อ เมื่อมาคิดทบทวนอีกครั้ง เหมือนว่าพ่อจะรู้ตัวอยู่แล้ว ว่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะหลังจากนั้นพ่อของเธอก็เสียชีวิตด้วยโรควัณโรค เธอไม่อยากจะเชื่อว่า พ่อจากไปด้วยโรคนี้ เพราะพ่อของเธอไม่เคยกินเหล้า สูบบุหรี่ หรือเที่ยวเล่นอบายมุขทั้งหลายเลย ตั้งแต่เธอลืมตาขึ้นมาดูโลก หรือจำความได้ พ่อเป็นพ่อที่ดี เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อคือความภาคภูมิใจของครอบครัวเสมอ

เธอลุกขึ้นจากโต๊ะยาวในห้องสมุด มองเวลาที่ข้อมือแล้ว รีบเดินออกจากห้องสมุด

ปารเดินเตร่ไปเตร่มาบริเวณกลุ่มรุ่นพี่รหัส คอยมองหาหนุ่มตัวสูง ใส่แว่นสีชา ที่กำลังเป็นโรคอกหักกำเริบ นั่น! เจอเขาแล้ว เธอเห็นเขานั่งอยู่ลำพัง จึงเดินเข้าไปหา

“จ๊ะเอ๋…พี่ยนตร์ ทำอะไรคะ”

ยนตร์หันมามองนิดหนึ่งแล้วลุกขึ้น

“พี่คะ! ดะ..เดี๋ยวก่อน! คือ..เมื่อวาน”
“ไม่ต้องพูดหรอก กลับไปเถอะ” เขาไม่หันมามองเธอแม้แต่นิดเดียว
“เดี๋ยวค่ะ คือ…ปารขอโทษ ปารไม่รู้…แล้ว…” เธอก้าวไปยืนขวางหน้า
“ก็ไม่ใช่ความผิดของปารหนิ” เขาเบือนหน้าหนี แล้วเดินไปจากตรงนั้น ปารเดินตามไปพยายามขอคืนดีกับเขา แต่เขาก็ยังเฉยเมย พยายามพูดด้วยก็ไม่พูดด้วย จนได้เวลาเข้าเรียน เธอจึงเดินกลับด้วยความผิดหวัง แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า วันหนึ่งเขาคงหายโกรธ เหมือนที่เคยผ่านมา เขาจะอภัยให้เธอทุกครั้ง



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 เม.ย. 2555, 20:43:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2555, 20:20:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1581





<< ตอนที่1   ตอนที่3 >>
Auuuu 16 เม.ย. 2555, 23:07:33 น.
น่าสนุก ^^


ริเศรษฐ์ 17 เม.ย. 2555, 18:28:06 น.
ขอบคุณที่ส่งเสียงทักทายค่า...^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account