มาเฟียจำเป็น
เมื่อเขาโดนยัดเยียดให้เป็นเจ้าพ่อมาเฟีย
Tags: มาเฟีย เจ้าพ่อ ประธานบริษัท ปืน

ตอน: บทที่ 1

“แค่กๆ”

ชายหนุ่มกระแอมไอในขณะที่มือขวากำลังถือไม้ปัดฝุ่นที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ห่างไปจากย่านสลัมเกือบหนึ่งกิโลเมตรเพื่อมาทำความสะอาดห้อง รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดชิ้นอื่นๆที่นอนกองกับพื้นรอให้เขาได้หยิบขึ้นมาใช้งาน หลังจากถูกเลขาตัวแสบถีบหัวส่งแล้ว เขาก็ได้เดินเข้ามาสำรวจในหอพักเก่าซึ่งทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่มีคนคอยดูแลทำความสะอาด มีเพียงแค่ยามแก่ๆคนหนึ่งที่นั่งหลับอยู่ในป้อมหน้าทางเข้าหอพักเท่านั้น ดังนั้นหนานเฟยจึงตัดสินใจเข้าพักที่นี่โดยเลือกห้องที่อยู่ริมทางออกเพื่อสะดวกในการเดินเข้าออก

...นี่หรือห้องพักของคนที่จะต้องมาดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทในเครือมังกรกรุ๊ป

...น่าสมเพชชะมัด

เดิมทีชายหนุ่มมาที่นี่เพื่อปฏิเสธคำขอตามพินัยกรรมของผู้เป็นบิดา แต่กลับถูกเลขาคนเก่าของพ่อยัดเยียดให้รับมาอย่างไม่เต็มใจ แถมยังลากเขามาที่พักโดยไม่ฟังคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย

...ไว้ถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยบอกปฏิเสธไปอีกที

เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงลงมือทำความสะอาดห้องต่อจนเสร็จ แล้วค่อยจัดแจงเสื้อผ้าออกมาก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารเย็นซึ่งหนานเฟยตัดสินใจเดินออกไปหาอะไรกินที่ข้างนอกแทน โชคยังดีที่ย่านที่พักแถวนี้มีร้านอาหารอยู่บ้าง ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ร้านบะหมี่ตามตึกห้องแถวก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยคิดจะปฏิเสธอาหารพวกนี้เลยซักนิด

“ขอบะหมี่หนึ่งชามครับ”

ด้วยความลืมตัวว่าที่นี่ไม่ใช่อเมริกา ทำให้ชายหนุ่มเผลอสั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษแทนที่จะเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง ซึ่งทำเอาเจ้าของร้านที่เป็นชายวัยกลางคนหัวล้านในชุดพ่อครัวหันมาตวาดเขากลับด้วยภาษาของที่นี่ พร้อมกับใช้กระชอนที่ไว้สำหรับลวกเส้นชี้ไปยังป้ายเมนูอาหารที่แปะอยู่ข้างฝาผนังซึ่งถูกเขียนเป็นภาษาจีนล้วนๆ

“กูไม่ใช่ฝรั่ง สั่งอาหารเป็นภาษาจีนสิเว้ย!”

หนานเฟยชะงักเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาได้สั่งอาหารเป็นภาษาอังกฤษ

...ซวยล่ะสิ ดันอ่านไม่ออกซะด้วย

ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจก่อนจะตัดสินใจเลือกบะหมี่โดยการชี้นิ้วสุ่มมั่วๆเอา

“เอ้า! ของลื้อ ต้องกินให้หมดนะ ไม่งั้นตาย!” เจ้าของร้านพูดพลางกระแทกชามบะหมี่ลงตรงหน้าชายหนุ่มก่อนจะหันไปลวกบะหมี่ให้คนอื่นต่อ พอหนานเฟยก้มมองดูบะหมี่ในชามของตัวเองแล้วเขาถึงกับรู้สึกอึ้ง เพราะในชามนี้มีเพียงแค่เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก้อนเล็กๆลวกใส่ในชามเท่าอ่าง ครั้นชายหนุ่มรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อที่จะเอ่ยปากถามเรื่องนี้กลับโดนอีกฝ่ายแหวใส่กลับมาแทน “ร้านกูขายบะหมี่ ก็มีแต่บะหมี่ หรือเตี่ยมึงจะเอาเส้นใหญ่วะ!”

“ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”

ชายหนุ่มไม่อยากมีเรื่องจึงจำใจต้องกินเส้นบะหมี่ตรงหน้าต่อ

…สงสัยต้องกลับไปเรียนภาษาจีนกวางตุ้งเพิ่มซะหน่อยแล้ว

กว่าจะกินเสร็จท้องฟ้าก็เริ่มมืดสลัวลงแล้ว มีเพียงแสงไฟตามไหล่ทางกับตัวตึกพอทำให้ชายหนุ่มได้เห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่ ซึ่งแตกต่างจากย่านสลัมอเมริกาลิบลับเพราะไม่เงียบเหงา แถมผู้คนก็เริ่มทยอยกลับมาจากที่ทำงานของตัวเองทำให้ที่นี่ดูคึกคักผิดหูผิดตา ครั้นพอชายหนุ่มเดินถึงหอพักก็ไม่เห็นยามคนนั้นอยู่ในป้อมแล้ว

…ไปไหนของเขา ไม่รู้จักทำหน้าที่ของตัวเองเอาเสียเลย

หนานเฟยส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง ก่อนจะก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะกลับเข้าไปในหอพักของตัวเอง แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีประมาณสิบคนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าพร้อมพรั่งด้วยไม้หน้าสามอยู่ในมือกันคนละอัน

“เฮ้ย! ถ้าคิดจะมาพักที่นี่ก็ต้องจ่ายค่าดูแลกับพวกอั๊วก่อนสิวะ”

ไม่ทันไรพวกนั้นก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน

“ใช่ๆ จ่ายค่าดูแล” พรรคพวกพูดเห็นดีเห็นงามกับความคิดนั้น “แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นแล้ว เพราะพวกอั๊วไม่ต้องการให้แกมาอาศัยอยู่ที่นี่ ไสหัวกลับไปซะ!”

ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่กลับสาวเท้าเข้าไปหา ซึ่งทำเอาพวกมันผงะเดินถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความลืมตัว

“เฮ้ย มันคิดจะสู้วะ ลุยเลยพวกเรา!”

“โอ้!”

กว่าจะเสร็จงานก็ปาไปเกือบสองทุ่ม ร่างสูงในชุดสูทสีดำจัดเรียงเอกสารเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าลอบมองนาฬิกาเพื่อดูเวลา ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ตามตัวลูกน้อง ซึ่งเทียนชิงถือสายรอนานมากจนกระทั่งมันเกือบจะตัดสายเองไปอัตโนมัติถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้กดรับเสียก่อน

“ว่ายังไง เรียบร้อยดีหรือ…” ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ถามจนครบประโยคดีเสียงร้องโอดครวญก็ดังลอดสายโทรศัพท์มา ซึ่งทำเอาชายหนุ่มถึงกับขวมดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอบมาเดี๋ยวนี้!”

ถึงแม้จะถามกลับไปแต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา มีเพียงแต่เสียงทะเลาะวิวาทชกต่อยตีกับเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดเท่านั้นที่ชายหนุ่มจะได้ยิน

“ฉันถามว่ามันเกิดอะไร…”

“คำถามนั้นน่าจะของเป็นผมมากกว่านะเทียนชิง” คราวนี้ปลายสายที่ตอบกลับมากลับกลายเป็นคนที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะได้ยินในตอนนี้ แถมน้ำเสียงผู้พูดก็ดูเหมือนสบายดีไม่ได้เจ็บป่วยจากการโดนซ้อมเลยแม้แต่น้อยด้วย “ทำไมคุณถึงโทรเข้ามาที่เบอร์มือถือของพวกนักเลงได้ อย่าบอกนะว่าพวกนี้เป็นพวกของคุณ”

…บ้าน่า?! มันรอดมาได้ยังไงกัน

“ไม่ตอบแสดงว่าใช่สินะ ไม่เป็นไร ผมไม่ถือสา เพราะผมเองก็ต้อนรับกับสมุนของคุณหนักมือไปหน่อยเหมือนกัน อุตส่าห์มาเป็นแขกแท้ๆ” อีกฝ่ายพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง “ผมว่าคุณน่าจะหาสมุนที่มือดีกว่านี้หน่อยนะเทียนชิง เพราะสวะพวกนี้ไม่คณามือผมหรอก แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า ราตรีสวัสดิ์”

แกรก!

เสียงปลายสายได้วางหูแล้ว ทำเอาร่างสูงได้แต่อึ้ง

เช้าวันถัดมาเทียนชิงได้มารับหนานเฟยตามสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อวานนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ได้พูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลยซักนิด เขาเองก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดจึงนั่งเงียบไม่ปริปากถามใดๆทั้งสิ้น หนานเฟยนั่งในรถยุโรปได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็ได้เห็นตึกสูงระฟ้าซึ่งมีรูปแบบทันสมัยบ่งบอกความเป็นบริษัทที่มี อำนาจมหาศาลไม่ใช่น้อยอยู่เบื้องหน้าเขา

...นี่หรือที่ทำงานของพ่อ

หนานเฟยครุ่นคิดในใจ เมื่อรถหยุดจอดลงแล้วก็มีผู้ชายสวมสูทสีดำเดินออกมาจากตัวตึกเปิดประตูให้กับชายหนุ่ม เผยให้เห็นพนักงานของบริษัทมายืนต่อแถวต้อนรับหนานเฟยโดยมีพรมสีแดงที่ทอดยาวจากหน้าประตูรถยนต์ไปยังลิฟต์

“เชิญทางนี้ครับคุณหนานเฟย” เทียนชิงที่เดินลงมาจากรถแล้วได้มายืนดักหน้าหนานเฟยพลางโน้มตัวผายมือไปยังข้างในตัวตึก ชายหนุ่มพยักหน้าตกลงก่อนจะก้าวเท้าเดินตามเลขาที่เดินนำทางให้ ส่วนพนักงานคนอื่นๆค่อยเดินตามมาทีหลัง

“ห้องน้ำไปทางไหนหรือเทียนชิง”

หนานเฟยถามในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดินนำหน้าอยู่ ซึ่งทำให้เทียนชิงถึงกับหยุดชะงักเดินพลางหมุนตัวกลับมามองเขาด้วยสายตาดูถูก

“เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะมีห้องน้ำอยู่ตรงนั้น” อีกฝ่ายพูดพลางชี้นิ้วให้หนานเฟยดู “ขอความกรุณาตรงต่อเวลาด้วยนะครับ”

หนานเฟยไม่ตอบ แค่มองหน้าก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่ชายหนุ่มอยู่ในห้องน้ำนั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคำพูดเสียดสี

“ดูท่าท่านประธานคนใหม่จะไม่เท่าไหร่”

“ใช่ สู้ยุคที่แล้วไม่ได้ ยุคนั้นเป็นยุคแห่งความกลัว”

“แต่ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานคนใหม่เป็นแค่ลูกเมียน้อยไม่ใช่รึ” อีกเสียงที่พูดแย้งขึ้นมา ทำเอาร่างสูงที่นั่งฟังอยู่ในห้องน้ำอย่างเงียบๆกำหมัดตัวเองจนห้อเลือด “หึ ใช่ ลูกเมียน้อยที่ไม่รู้ว่าถูกตะเพิดไปอยู่ที่ไหนมา ส่วนพี่ชายก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่โดนพวกเราหลอกหัวปั่นเล่นง่ายๆ ท่านประธานไป่ผิดพลาดอย่างมหันต์ แทนที่จะทำพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติพร้อมตำแหน่งให้กับลูกคนโต กลับไปยกให้กับลูกเมียน้อย น่าหัวร่อ สัญชาติสุนัขคิดเผยอมาเป็นมังกร เร็วไปร้อยปีวะ ฮะๆ”

แล้วเสียงพูดคุยกับเสียงเดินก็หายไปออกจากห้องน้ำ

…ลูกเมียน้อย

…สัญชาติสุนัขคิดเผยอมาเป็นมังกร

หนานเฟยขบริมฝีปากกับความคิดนั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องน้ำ เมื่อชายหนุ่มเดินกลับไปหาเทียนชิงแล้ว อีกฝ่ายก็ได้พาหนานเฟยไปยังห้องประชุม ซึ่งภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยผู้บริหารคนอื่นๆนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ยังดูเด็กมากเลยนะ”

“นั่นสิ ท่านประธานไป่คิดยังไงของเขานะ”

“คงหมดหนทางเลือกแล้วนี่ ดูอย่างลูกคนโตสิ เป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่”

“มันก็ใช่ แต่ไม่น่าเลือกเด็กคนนี้เลย ดูหัวอ่อนเป็นบ้า แล้วแบบนี้บริษัทจะไปรอดรึนี่” คำพูดติฉินนินทายังคงดังเรื่อยๆ ท่ามกลางห้องประชุมแม้จะเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบก็ตาม แต่หนานเฟยได้ยินแทบทุกคำพูดเพราะในห้องประชุมนี้เป็นห้องเก็บเสียง เขาเดินตรงไปยังโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่หน้าห้องประชุมก่อนจะก้มหน้าลง “แบบนี้คงไม่รอดหรอก เพราะขนาดแม่มันยังเป็นแค่โสเภณีข้างถนน แล้วคนเป็นลูกจะไม่...”

ปึก!

“หุบปาก!” หนานเฟยพูดตวาดโดยที่มือยังคงกำมีดสั้นที่ได้ปักลงไปบนโต๊ะเบื้องหน้าตัวเอง ทำเอาทุกคนที่กำลังพูดนินทาชายหนุ่มถึงกับหยุดชะงักพูดพร้อมกัน “เงียบและตั้งใจฟังให้ดี นับตั้งแต่วินาทีนี้ต่อไปฉันจะมาเป็นประธานของที่นี่ จำใส่กะลาหัวพวกแกไว้ให้ดี ฉันเป็นนายพวกแกเป็นบ่าว ฉันว่าขาวพวกแกต้องขาว ห้ามมีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น ถ้าใครที่คิดจะแข็งข้อกับฉัน อย่าหวังว่าลูกเมียของพวกแกจะได้มีชีวิตอยู่ถึงพรุ่งนี้ เลิกประชุมได้”

สิ้นคำพูดของหนานเฟย ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับไปทางประตูแต่ก็ต้องชะงักเมื่อนึกอะไรบางอย่างออกได้ จึงหมุนตัวกลับมาทางเทียนชิงซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังเขาห่างไปสี่ห้าก้าว

“อาชิง” คนถูกเรียกยืนนิ่ง ไม่ตอบรับจนหนานเฟยต้องเรียกใหม่อีกรอบ “ไม่ได้ยินที่ฉันเรียกรึไงอาชิง”

“อะ...ครับ”

“ลากไอ้พวกปากเสียไปสั่งสอนมารยาทซะ”

“ได้ครับท่าน”

แล้วร่างสูงก็เดินออกไปท่ามกลางสายตาอันหวาดกลัวของทุกคน ยกเว้นเลขาหนุ่มที่มองหนานเฟยด้วยความทึ่งแกมสนใจ

...สงสัยต้องมองใหม่ซะแล้ว



dragonp
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2555, 12:31:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2555, 21:54:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1468





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
แว่นใส 17 เม.ย. 2555, 18:42:38 น.
นายแน่มาก


Pat 17 เม.ย. 2555, 21:43:30 น.
กะจะมาปฎิเสธเค้า พกมีดมาด้วยหรือค้า หุหุ ดูท่าแล้วฝึมือไม่เลว คุณเลขาก็นะ จะสั่งสอนเจ้านายใหม่ทำไมไม่เช็คประวัติซะหน่อยล่ะ สม


nutcha 17 เม.ย. 2555, 23:48:17 น.
อย่างนี้เขาเรียกคมในฝีกใชไหมค่ะ แล้วหนานเฟยจะมีผู้ช่วยอ่ะเปล่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account