ทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก (รีไรท์)
เป็นเรื่องเก่าที่เคยลงที่นี่แล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อนได้มั้งคะ ตอนนี้เราเอามารีไรท์ใหม่ เพราะต้องการส่งสำนักพิมพ์แบบจริงจัง เพราะตอนนี้เรียนจบแล้ว มีเวลาแล้ว ถ้าคนที่เคยอ่านแล้ว เราก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลงซ้ำซาก แต่ถ้าช่วยอ่านตอนรีไรท์ใหม่อีกครั้ง และลงคำติชมไว้ เพื่อแก้ไข้ก่อนส่งสำนักพิมพ์ เราก็ยินดีและขอบคุณมากเลยค่ะ สำหรับใครที่ไม่เคยอ่าน ก็รบกวนลงคำติชมไว้เพื่อการปรับปรุงได้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

เรื่องย่อ...

พนักงานสาวออฟฟิศที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานใหม่ ปรากฏว่าชนชายคนหนึ่ง ล้มลงที่สถานีรถไฟฟ้า หล่อนโวยวายและทุบตีเขา แต่ที่ไหนได้ ปรากฏว่าเขานั่นแหละคือประธานบริษัทที่หล่อนจะไปสมัครงาน!!!
Tags: Romantic comedy

ตอน: ตัดสินใจ

ตอนที่ 19

ตอนนี้ฉันไม่รู้จะไปปรับทุกข์กับใคร มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ฉันสามารถเล่าทุกอย่างได้ หนูเล็กนั่นเอง ดังนั้นพอตกเย็นหลังเลิกงานฉันจึงรีบไปหาเธอ แล้วเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างหมดเปลือก

"ว้าวสิดี รู้ไหมว่าถ้าเธอยอมตกลงนะ เธอจะสามารถช่วยแม่ของเธอ ตัวคุณนรินทร์และบริษัทของเขาทั้งบริษัทเลยล่ะ" แล้วหนูเล็กก็พร่ำเพ้อต่อด้วยความดีใจ ดีใจอย่างนั้นเหรอ มันน่าดีใจตรงไหน

"แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเสีย ได้เป็นแฟนคุณนรินทร์ ว้าวววววววววว เขาออกจะเพรียบพร้อมทุกอย่าง รู้ไหม เขาติดอันดับนักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมของเมืองไทยเลยล่ะ"

เฮอะ...หนุ่มเนื้อหอม หอมหัวใหญ่ล่ะสิไม่ว่า

"เขาไม่เคยคิดอยากจะช่วยฉันเลย นี่ถ้าฉันไม่ยอมแต่งงานหลอกๆ ฉันก็คงทั้งถูกเฉ่งออกจากบริษัทและไม่มีเงินมาช่วยแม่นั่นแหละ ฉันพึ่งรู้นิสัยเขาวันนี้เอง พวกมือถือสากปากถือศีลทั้งนั้น หรือฉันควรลาออกจากบริษัทเขาจริงๆเสียที" ฉันบ่นให้หนูเล็กฟัง

หนูเล็กกอดอกมองฉันอย่างพิจารณา

"คนเราเนี่ยน้า พอใครทำไม่ดีให้หน่อย ความดีที่เขาเคยทำให้ก็มองไม่เห็นเสียเลย นี่สิดี ทำไมไม่นึกถึงว่าเวลาเธอทำเปิ่นๆ ทำไม่ดีกับเขาตั้งหลายเรื่อง เขาก็ไม่คิดไล่เธอออกล่ะ แถมขึ้นเงินเดือนให้อีก งานวันเกิดเขา เขาก็อุตส่าห์ซื้อชุด จ้างช่างมาแต่งตัวให้ ไม่เห็นเธอจะชมเขาบ้างเลย แล้วนี่นะ ฉันเชื่อว่าคนอย่างคุณนรินทร์น่ะ ถึงไม่มีข้อต่อรองเรื่องนี้เขาต้องช่วยเธอแน่ๆ แต่นี่เขาก็กำลังแย่เหมือนกัน เขาก็อยากให้เธอช่วยเขาบ้าง แค่นั้นเอง"

"แล้ว...แล้วทำไมต้องเป็นฉันล่ะ คนอื่นก็ได้นี่นา" ฉันเถียงเสียงอ่อย เริ่มนึกถึงความใจดีของเขา...นั่นสิ...เขาอาจจะขี้โมโห แต่ก็ยุติธรรมและมีเหตุผล

"แค่นี้ก็คิดไม่ออกเหรอสิดี ก็เธอกับเขาสนิทกันมากกว่าพนักงานคนไหน อีกอย่างคุณนรินทร์ต้องการเป็นโสด เธอก็ด้วย มันก็ดีต่อทั้งคู่แล้วนี่" หนูเล็กอธิบายทุกอย่างให้ฉันเข้าใจ

"แต่ฉันเสียหายนะ" ฉันยังเถียงต่อ

"อ๋อเหรอ แต่ฟังจากข้อตกลงของเขาที่เธอเล่า ดูเหมือนเธอจะไม่มีอะไรเสียนะ ยกเว้นเธอจะเกิดรักใครขึ้นมาจริงๆนอกจากคุณนรินทร์"

แล้วฉันก็หุบปาก...เออแฮะ...

"สิดี เธอลองคิดดูสิ เธอเปรียบเหมือนวีรสตรีกู้ชาติเชียวนะ และนี่ไม่ลองนึกถึงผลพลอยได้ได้บ้างเหรอ"

เฮอะ...นอกจากฉันจะไม่บังอาจเปรียบตัวเองให้เหมือนพระศรีสุริโยทัยแล้ว เรื่องวีรสตรีกู้ชาติคงต้องเป็นหมันไป แล้วไอ้ผลพลอยได้นี่มันอะไร

"เกิดเธอทั้งคู่รักกันขึ้นมาจริงๆน่ะสิ" แล้วหนูเล็กก็ทำตาแพรวพราว

ฉันแทบลมจับ จะบอกให้นี่น่ะเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง

เย็นนั้นฉันกลับมาบ้านด้วยความครุ่นคิด หนูเล็กก็มีเหตุผลดีอยู่หรอก...แต่ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมทำแน่ ฉันไม่เอาเงินจากคุณนรินทร์ก็ได้ แถมจะช่วยหาผู้หญิงมาช่วยเขาหลอกด้วยเลยเอ้า!...หนูเล็กเป็นไง เห็นเธอชมเขาว่าดีนักดีหนา ฮี่เธ่อ....


"แม่ทานอะไรรึยังคะ หนูซื้อหอยทอดเจ้าเด็ดมาให้" ฉันเข้าบ้านไปเจอแม่ที่กำลังอ่านอะไรง่วนอยู่

"........"

"แม่คะ" ฉันเรียกซ้ำอีกทีแล้วเดินเข้าไปแตะไหล่ แม่หันมามองดวงตาเศร้าหมอง คราบน้ำตายังคงหลงเหลืออยู่

"ทานแล้วจ้ะ นี่ลูกไปไหนมากลับดึกเชียว" แม่รีบซ่อนหนังสือพิมพ์ไว้ข้างหลัง

ฉันรู้ดีว่าแม่อ่านอะไร "ไปหาหนูเล็กมาน่ะค่ะ"

"อ้อดีแล้ว แม่ไปนอนก่อนนะ" แล้วแม่ก็หนีฉันขึ้นชั้นบนไป

โถ่....ฉันไม่เคยเห็นแม่ท้อแท้และเศร้าหมองขนาดนี้มาก่อนเลย ฉันจะทำอย่างไรดี ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วหรือ

วันต่อมาฉันก็ไปทำงานตามปกติ คุณนรินทร์กับฉันคุยกันก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น และครั้งใดที่เราคุยกัน เหล่าพนักงานก็ซุบซิบเต็มที่

ถึงเวลาพักกลางวัน ฉันลงไปทานอาหารกลางวันคนเดียวอย่างเศร้าสร้อย ขณะที่ทานอยู่ก็ได้ยินพนักงานคนอื่นๆคุยกันเรื่องขายบริษัทนี้ให้สิทรา ฟังดูเหมือนพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ แต่ก็มีบางคนออกความเห็นว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงพวกตนจะลาออก เพราะทุกคนรักและเคารพคุณนรินทร์มาก

อย่างนั้นหรือ....?

"สิดี เธอจะเป็นเหมือนวีรสตรีเชียวนะ" เสียงหนูเล็กดังขึ้นในหัว

"นั่งด้วยคนสิจ๊ะ" นลินวางถาดอาหารแล้วนั่งลงด้านตรงข้ามฉัน

ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยได้แต่ยิ้ม เธอคงอึดอัดเลยเริ่มเรื่องก่อน

"เอ่อ...สิดี...เธอกับท่านประธานคบกันอยู่เหรอ" นลินถามอย่างระวังที่สุด

ฉันสำลัก และก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงตอบแบบสองแง่สองง่ามไปว่า "ไปรู้มาจากไหนล่ะ"

"เขาก็พูดกันทั่วน่ะแหละ"

"อ๋อเหรอ" ฉันตอบเหนื่อยๆ

"นี่แหม...ฉันนึกอยู่แล้วเชียว" นลินจีบปากจีบคอพูดต่อ "เพราะฉันไม่เคยเห็นท่านประธานยิ้มหรือหัวเราะเลย จนกระทั่งเธอมาเป็นเลขา"

พอกันที ฉันไม่อยากฟัง "ฉันกลับไปทำงานก่อนนะ" แล้วฉันก็ลุกออกไป

วันต่อมา จิตใจฉันหดหู่ยิ่งกว่าเดิม เพราะแม่เริ่มพาคนจากธนาคารมาประเมินราคาบ้าน และพนักงานบริษัทนราธรก็เม้ากันให้ทั่วว่าบริษัทนี้จะถูกขายแน่แล้ว ที่สำคัญหลายคนเตรียมเก็บข้าวของย้ายออกจากบริษัทเป็นการถาวร

พรุ่งนี้วันสุดท้ายสินะ...ถ้าหมดพรุ่งนี้ แม่ต้องขายบ้าน ฉันต้องย้ายบริษัท คุณนรินทร์ต้องทิ้งบริษัท

ถ้าเพียงแค่...เพียงแค่ฉันยอมแต่งงานหลอกๆกับเขาเท่านั้นหรือ...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉัน ทรัพย์สิดี ดีแต่เกิด คนเดียวเนี่ยนะ....

แล้ววันสุดท้ายก็มาถึง ครบอาทิตย์พอดี กำหนดเวลาที่คุณราชาวดีมอบให้คุณนรินทร์หาลูกสะใภ้

พนักงานแต่ละคนเริ่มเก็บข้าวของและสะสางงานของพวกเขาอย่างเร่งด่วน มีคนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่คิดว่าเรื่องนี้ไม่จริง หนึ่งในนั้นคือนลิน เธอยังคงทำงานต่อไป แต่ได้กระซิบบอกข่าวลืออีกเรื่องให้ฉันฟัง

"เขาว่าเธอจะต้องเป็นเลขาของคุณจิทัศน์ เพราะนั่นอยู่ในสัญญา นี่สิดี ตกลงจริงหรือเปล่าเนี่ยที่ท่านจะขายบริษัท แล้วมันเพราะอะไรกันแน่"

โอ๊ย....ทำไมเรื่องมันวุ่นวายอย่างนี้ เอาฉันไปยุ่งเกี่ยวกับสัญญาตั้งแต่เมื่อไร แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดแก้ตัวบ้าง ก็มีพนักงานคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบอกว่าเกิดการประท้วงที่หน้าบริษัทขึ้น ฉันตัดสินใจยังไม่บอกคุณนรินทร์ เพราะไม่อยากให้เขาตกใจเกินเหตุ เกิดมันไม่เป็นเรื่องจริงขึ้นมา ฉันกับนลินเลยรีบลงไปดูก่อน แต่ภาพที่เห็นคือพนักงานบริษัทเกินครึ่งรวมตัวกันชูป้ายว่า 'เราไม่เอา สิทรา' 'ไม่มีนราธร ไม่มีพวกเรา' แล้วก็มีหัวโจกคนหนึ่งซึ่งฉันจำได้ว่าคือบวรฝ่ายขาย กำลังพูดโทรโข่งปลุกใจพนักงาน ฉันเห็นนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์หลายแห่ง วิ่งวุ่นถ่ายภาพกันให้ทั่วไปหมด

ฉันตั้งคำถามมากมายว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น แล้วมันจะไม่มีทางแก้ไขปัญหาเลยหรือ จากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีฉันก็ตัดสินใจขึ้นลิฟท์ดิ่งสู่ชั้นสูงสุด มุ่งหน้าสู่ห้องทำงานของคุณนรินทร์

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!!???? ฉันสับสนและว้าวุ่นไปหมด

ติ๊ง!...ชั้น12 "เราคงต้องขายบ้านแล้วล่ะลูก" เสียงแม่ดังขึ้น

ติ๊ง!...ชั้น 13 "เธอไม่มีอะไรต้องเสียเลยนะสิดี" ส่วนนี่ก็เสียงหนูเล็ก

ติ๊ง!...ชั้น 14 "ไม่มีนราธร ไม่มีพวกเรา" นี่ก็เสียงพวกประท้วง

แล้วในที่สุด ติ๊ง!...ชั้น 15 "ผมให้เวลาคุณคิดอีก 3 วัน" สิ้นเสียงคุณนรินทร์ในหัว ฉันก็ยอมตัดสินใจ ฉันกำหมัดแน่น สูดหายใจเข้าลึกๆ เดินเชิดหน้าและก้าวฉับๆตรงไปหยุดอยู่ที่ประตูห้องคุณนรินทร์ พอประตูเปิดออก ฉันก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น

คุณถวิกายืนร้องห่มร้องไห้ อยู่ในห้อง พูดปาวๆว่า รักคุณนรินทร์ อีกทั้งมียายทับทิมยืนซับน้ำตาให้ข้างๆ พร้อมกับมองประธานบริษัทด้วยสายตาขอความเห็นใจให้นายสาวของเธอ

แล้วทุกคนก็หันมามองฉัน

"คุณสิดี ทำไมคุณถึงปล่อยให้สองคนนี้เข้ามา!!!!!" เขาตวาดใส่ฉัน

ฉันสูดหายใจให้ลึกเข้าไปอีก

"โถ่นรินทร์คะ วิรู้นะคะ ว่าคุณก็รักวิ คนเราย่อมมีผิดพลาดกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอคะ" แล้วเธอก็สะอื้นฮักๆ เหมือนในละครน้ำเน่าไม่มีผิดเพี้ยน


"คุณสิดี พาคุณสองคนนี้ออกไปจากห้องทำงานผมที!!!!" เขาสั่งฉันเสียงดัง ยายทับทิมมองฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

แล้วฉันก็สูดหายใจเฮือกสุดท้าย เดินตรงไปหาคุณนรินทร์ ภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดังเดิม ทั้งบ้านของฉัน และบริษัทแห่งนี้

เมื่อประชิดตัวคุณนรินทร์ ฉันตัดสินใจอย่างแรงกล้าจับไหล่ของเขา แล้วทำตัวสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยคิดจะทำ

ฉันเอ่ยขึ้น พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น "นรินทร์คะ บอกเธอไปสิคะว่าคุณไม่ได้รักเธอแล้ว" นี่ฉันบ้าไปแล้วเหรอ ใช่ฉันบ้าไปแล้วจริงๆ อาจจะรุนแรงกว่า โช ซึง ฮุย ที่ยิงกราดนักศึกษาเวอร์จิเนีย เทค ก็เป็นได้...แล้วฉันต้องถ่ายวีดีโอส่งสำนักข่าวไทยด้วยหรือเปล่า???

คุณนรินทร์มองฉันอย่างงงๆ ทั้งคุณถวิกาและทับทิม ก็มองฉันด้วยความตะลึงเช่นกัน

แล้วคุณนรินทร์ก็พยายามทำสีหน้าให้ปกติ ก่อนจะเอามือค่อยๆโอบเอวฉันแบบเก้ๆกังๆ

"วิ คุณคงเข้าใจแล้วนะ ผม...รักสิดี" อุแหวะ!!!!!!!!!!!!!...ฉันแทบจะสำลักออกมาเป็นตับไตใส่พุง คุณนรินทร์ก็คงจะกระดากปากอยู่ไม่น้อย แต่เราทั้งสองคนก็พยายามเล่นละครให้สมบทบาทเต็มที่ แล้วเรื่องราวต่อไปนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนเท่าไร แค่คุณถวิกากรีดร้องอย่างรุนแรง ตามด้วยเสียงของทับทิม แล้ววิ่งออกนอกห้องคุณนรินทร์ไป จากนั้นเราสองคนก็ปล่อยมือออกจากกัน ฉันกระโดดถอยห่างจากเขาเป็นวา แล้วรีบแจ้งว่าพนักงานกำลังประท้วงอยู่

"สรุปคุณยอมแต่งกับผม?" เขาถามขณะวิ่งคู่กับฉันไปลงลิฟท์

"แบบหลอกๆค่ะ" ฉันตอบ แล้วเราสองคนก็ดิ่งสู่ชั้นล่างสุด

พนักงานทุกคนสงบทันทีเมื่อเห็นคุณนรินทร์ลงมา

"ผมจะไม่ขายบริษัทนี้เด็ดขาด" เขาพูดพลางหายใจถี่

แต่ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ จ้องเขาเพื่อขอความยืนยันอีกที แล้วคุณนรินทร์ก็หันไปมองป้ายๆป้ายหนึ่ง

"พวกคุณไม่เอาสิทรา ผมก็ไม่เอาสิทรา!!!!" เขาตะโกนเสียงดัง พนักงานเฮกันลั่น พอใจในสิ่งที่เขาพูด ทุกคนปลดผ้าโพกหัว ทิ้งป้ายประท้วงแล้วเข้ามาจับมือกับคุณนรินทร์ที่พวกเขารักและเคารพ

ฉันยืนมองภาพเหล่านี้อยู่ห่างๆ ถึงทุกอย่างทีฉันทำก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและหลอกลวงคนอื่น แต่ตอนนี้ ฉันก็ได้ช่วยให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมแล้วจริงๆ


ไปธุระอีกสามวันนะกั๊บ อิอิ ขออภัย



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2555, 23:20:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2555, 23:21:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1895





<< หนักใจ   ขอบคุณ >>
goldensun 17 เม.ย. 2555, 23:27:33 น.
สถานการณ์บีบให้ตัดสินใจซะจริง แต่ดูเหมือนสิดีจะมีจุดยืนของตัวเองที่จะไม่รักคุณนรินทร์ หรือทั้งคู่คะ


konhin 18 เม.ย. 2555, 02:59:33 น.
หึๆๆ หนูเล็กเป็นกระจกเงา สะท้อนให้เห็นความจริง จริงๆนะ ทำไมต้องหวังให้ใครมาดีด้วยอย่างไม่หวังไม่ขออะไร แค่เขายื่นโอกาสให้ไม่พอเหรอ? เขาให้ทางเลือกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย ผิดตรงไหน?



ling 18 เม.ย. 2555, 11:39:48 น.
อิอิ ยอมแต่งแย้ว


agentaja 18 เม.ย. 2555, 12:56:50 น.
ตีตั๋วรอค่ะ


yayee62 19 เม.ย. 2555, 00:43:26 น.
จะรอนะคะ ฮิฮิฮิ


agentaja 19 เม.ย. 2555, 22:29:27 น.
มารออีกครั้งค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account