ซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก

Tags: บู๊หน่อยๆโรมานซ์นิดๆ

ตอน: ตอนที่ ๙

ในตอนเช้าตรู่..พิมพ์ศิรินอนฟังเสียงกลุ่มนกดังจ้อกแจ้กบนต้นโมกใหญ่ใกล้หน้าต่าง ก่อนจะลุกลงจากเตียงถอดชุดนอนโยนลงตะกร้าผ้าและคว้าเตรียมผ้าขนหนูมาพันเนื้อตัวเปล่าเปลือยเพียงลวกๆพร้อมก้าวเข้าห้องน้ำและหยุดดูใบหน้าตัวเองหน้ากระจกเงาเห็นถึงริ้วรอยของความอ่อนล้าจากการโหมงานหนักปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน..เมื่อก่อนที่เธอเป็นเพียงผู้ช่วยของบิดาก็ต้องรับผิดชอบมากมายอยู่แล้ว และเมื่อต้องขึ้นมารับผิดชอบงานทั้งหมดของบิดาที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างในส่วนของภาคสนามเป็นส่วนใหญ่ เธอจึงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากบรรดาลูกน้องที่ล้วนแต่เป็นผู้ชายทั้งหมด และผลจากการที่เพียรพยามยามเพื่อให้ได้รับการยอมรับ ความอ่อนหวาน งดงามของความเป็นผู้หญิงจึงถูกหล่อหลอมด้วยความแข็งกระด้าง ทั้งๆที่เธอเองนั้นก็ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตสวยงามในสังคมเฉกเช่นผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่บุกตะลุยอยู่ในไซต์งานท่ามกลางฝุ่นละอองและกลุ่มคนงานที่ล้วนแต่มีนิสัยกักขฬะ

และเหนือสิ่งอื่นใด เธอต้องการการยอมรับจากพี่ชายต่างสายเลือดมากที่สุด อยากให้เขาเห็นในความสามารถและความสำคัญในการที่มีเธออยู่เคียงข้างในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่า..ไม่ว่าเธอจะเพียรพยายามสักแค่ไหน ในสายตาของเขา เธอก็เป็นได้เพียงน้องสาวไม่ต่างอะไรไปจากโมรียาเท่านั้น ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงของความเป็นบุรุษเพศเช่นที่เขามอง 'แขกคนสำคัญ' ผู้แสนเย้ายวนคนนั้น

หญิงสาวทอดถอนใจ ก่อนปลดผ้าขนหนูหันเดินผ่านกระจกฝ้าและเปิดฝักบัวให้สายน้ำอุ่นกระทบผิวกาย เธอไม่ได้ชิงชังผู้หญิงคนนั้น แต่เธอกำลังอิจฉาในความสวยงามที่ผู้หญิงคนนั้นมี และมันกำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายต่างสายเลือดของเธอ จนเขามองไม่เห็นและไม่รู้สึกแล้วว่าข้างกายยังมีเธออยู่อีกคน

หลังอาบน้ำเสร็จ พิมพ์ศิริสวมเสื้อผ้าในชุดรัดกุมและหันเดินไปเปิดลิ้นชักข้างหัวเตียง หยิบปืนพกออกมาตรวจดูแม็กกาซีนซึ่งเหลือเพียงไม่กี่นัด จึงหยิบตลับใหม่ที่บรรจุลูกกระสุนเต็มแม็กกาซีนใส่คืนด้ามและนำมันใส่ในกระเป๋าสะพาย ซึ่งแม้จะมีบอดี้การ์ดคนสนิทคอยปกป้องอยู่แล้วแต่เธอยังต้องเตรียมพร้อม หากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน ตัวเธอจะได้ไม่เป็นภาระให้คนอื่นคอยพะวง..แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวออกจากห้อง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นจากโฟร์แมนที่คุมงานก่อสร้าง เพื่อรายงานถึงปัญหายุ่งยากที่ทำให้เรียวคิ้วบนใบหน้าคมหวานขมวดมุ่น และพูดโต้ตอบไม่กี่คำก็วางสาย หันเปิดประตูออกจากห้อง และเจอกับราโมน่าซึ่งกำลังเดินออกจากห้องมาพอดี

“อรุณสวัสดิ์” ผู้พักอาศัยเอ่ยทักทาย

“ค่ะ” พิมพ์ศิริตอบรับอย่างเสียไม่ได้ และก้าวยาวๆลงบันไดไป

ราโมน่าได้แต่มองตามพลางคิดว่า ความสามารถในการผูกมิตรของเธอมันใช้ไม่ได้เลยกับผู้หญิงบ้านนี้


ภายในห้องอาหาร..อนาวินกำลังนั่งสนทนากับน้องสาว และเมื่อพิมพ์ศิริก้าวนำราโมน่าเข้ามานั่งร่วมโต๊ะอาหาร ถ้อยคำที่กำลังพูดค้างไว้ด้วยเรื่องจิปาถะเป็นอันต้องหมดความหมาย เมื่อสายตาและความสนใจทั้งหมดของชายหนุ่มพุ่งตรงไปอยู่ที่ราโมน่า ก่อนเอ่ยทักทาย

“มอร์นิ่งครับ”

“มอร์นิ่งค่ะ”

ราโมน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้มแก้เก้อก่อนก้มมองจานอาหารแทน เพราะหลังจากวันที่เกิดเรื่องซึ่งผ่านไปแล้วสองวัน แม้ว่าความชิงชังในตัวของเธอยังกระจ่างชัดในดวงตาของโมรียา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นบุคคลอันตรายสำหรับเธอแล้ว แต่ขณะนี้ เธอกำลังหนักใจในความรู้สึกและทุกถ้อยประโยคของอนาวิน..บ่อยครั้งที่เขาพาตัวเองเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่ใกล้ พร้อมรอยยิ้มชวนมองที่ส่งกระแสเร่าร้อนรุนแรงฉายชัดในดวงตาคมปลาบ และคำพูดยั่วเย้าดั่งหนุ่มสาวที่กำลังสานสัมพันธภาพทั่วไป ซึ่งล้วนแต่เปี่ยมด้วยภยันตรายกระทบตรงต่อหัวใจของเธอที่บัดนี้กำลังเอนเอียง อ่อนไหวไปตามแรงปรารถนาในส่วนลึกของเธอที่อยากสนองตอบรับต่อความรู้สึกจากเขาใจแทบขาด..ได้แต่เฝ้าภาวนา ขอให้เธอพ้นไปจากบ้านหลังนี้โดยเร็ว ก่อนที่แรงต้านทานของเธอจะพังครื้น

พิมพ์ศิรินั่งฝั่งตรงข้ามปรายสายตามองอนาวิน ก่อนหยิบขนมปังปิ้งมาปาดทาเนยข่มกลั้นอาการยอกแสลงใจ และเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ
“เดี๋ยวขวัญจะไปโรงพักนะเฮีย”

อนาวินละสายตาจากผู้หญิงอีกคน เพื่อจะหันมาให้ความสนใจกับผู้หญิงอีกคนพร้อมๆกับความกังขา
“ไปทำไม”

“เมื่อกี้คุณสองโทรมาบอกว่า เมื่อคืนคนงานของเรามีเรื่องกับคนงานของพวกรัตนากร ตอนนี้ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลสามคน ส่วนพวกที่เหลือถูกตำรวจรวบเข้าห้องขังหมด”
ราโมน่าถึงกับชะงักงัน ใบหน้าเจื่อนจืดในความขัดแย้งที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบเสียที และพยายามข่มใจนั่งเงียบฟังบทสนทนาต่อไป

“แล้วทำไมไม่ประกันตัวออกมา”

“คุณสองไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ตำรวจไม่ยอมให้ประกันตัว” พิมพ์ศิริกัดขนมปังเคี้ยวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “และมันน่าเจ็บใจก็ตรงที่พวกตำรวจยอมให้อีกฝ่ายประกันตัวได้ แต่ไม่ยอมปล่อยคนของเรา อ้างว่าคนของเราอันตรายมากกว่า ถ้าปล่อยตัวกลัวว่าจะพากันก่อเหตุรุนแรงซ้ำซ้อน เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินผู้อื่น เลยให้สงบสติอารมณ์อยู่ในห้องขังไปก่อน ฮึ! เฮงซวยชะมัด”

ถ้อยคำสบถดังทิ้งท้ายในอคติฝังใจที่มีต่อบุคลากรในเครื่องแบบ ตามด้วยแก้วน้ำส้มยกดื่มไปได้ครึ่งแก้วก็วาง ก่อนลุกขึ้นยืน
“ขวัญไปล่ะ เดี๋ยวจะเลยไปที่ไซต์ด้วย”

อนาวินมองตามร่างเพรียวระหงของญาติผู้น้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ความจริงเรื่องจุกจิกแบบนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของทนายความมาช่วยรับภาระแทน แต่ดูเหมือนว่า ในขณะนี้บริษัทมีปัญหาคดีความประดังประเดเข้ามาอย่างเหลือเชื่อ จนทีมทนายความต่างพากันวิ่งวุ่นวายไม่หยุดหย่อน และตัวเขาต้องจมปรักอยู่กับการประชุม ลูกค้าและต้องคอยตอบโจทย์ปัญหาต่างๆที่คณะผู้ถือหุ้นและทีมผู้บริหารจะสรรหามาจี้ถาม ส่วนน้องสาวของเขาที่บิดาเลี้ยงประคบประหงมดุจไข่ในหินและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศนั้นก็ไม่ได้ถูกฝึกให้มานั่งควบคุมทำงานภายในบริษัททั้งหมด จะช่วยแบ่งเบาได้เพียงในส่วนของบริษัทลูกเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการออกแบบเท่านั้น จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรในภาระที่พิมพ์ศิริแบกรับไว้ได้..ในครั้งแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้เกรงว่าพิมพ์ศิริจะทนรับแรงกดดันไม่ไหว แต่แล้วก็สามารถทำให้เขาคลายกังวลลงได้และมั่นใจว่า ญาติสาวคนนี้จะสามารถช่วยเขาประคับประคองบริษัทนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยจนถึงวันที่บิดาของเขาและของเธอกลับมาคุมบังเหียนได้อีกครั้ง

โมรียาวางถ้วยกาแฟพลางปรายตามองราโมน่า และอดไม่ได้ที่จะเปรยคำกระทบกระเทียบออกมา
“ดูเหมือนว่าคนของเธอจะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนของฉันเยอะทีเดียว ไม่รู้ว่าลุงของเธอทำได้ไงนะ..อืมม์ รู้สึกว่าฉันจะตั้งคำถามผิดไปนะ ความจริงต้องถามว่า ลุงของเธอจ่ายเดือนละเท่าไหร่ต่างหากล่ะ”

ราโมน่าสบสายตาหยามหยันนั้น ก่อนตอบเสียงแข็ง
“ลุงของฉันไม่เคยจ่ายเงินให้ใครทั้งนั้น”

และอีกฝ่ายหยัดยิ้มในทันที
“หึ! ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน”

อนาวินถอนใจเฮือกหันมาปรามน้อง
“หนูเล็ก พอแล้วน่า”

ดวงตาเรียวคมตวัดมองพี่ชายชั่วครู่ ก็หันมาให้ความสนใจอาหารเช้าของตน และทั้งหมดต่างทานกันไปเงียบๆจนกระทั่งอาหารของโมรียาหมดจาน เธอก็ลุกขึ้น
“แล้วเจอกันที่บริษัทนะเฮีย”

“อือ”

อนาวินตอบรับในลำคอดังไล่หลัง ก่อนหันกลับมาทางราโมน่า ซึ่งกำลังรวบช้อนส้อมเป็นการยุติอาหารมื้อเช้า และเงยหน้ามาสบเขาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยออกมา

“อย่าถือสาคำพูดของหนูเล็กเลยนะ เขามักจะพูดและทำอะไรตามใจเสมอ แต่ความจริงก็ไม่มีอะไรนักหรอก”

“...โม้นาจะพยายามทำใจให้ชินกับนิสัยส่วนตัวของคุณหนูเล็กค่ะ”

อนาวินส่ายหน้ายิ้มฝืดกับถ้อยคำนั้น
“พูดเหมือนประชดกันเลยนะ”

ราโมน่ารู้ว่าเขามีปัญหามากมายอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้ตัวเองเป็นปัญหาเพิ่มให้เขาอีก จึงรีบแย้มยิ้มกว้างเอาใจ
“เปล่าประชดนะคะ..แต่โม้นาพูดเรื่องจริงเลยล่ะ”

ชายหนุ่มเห็นแววล้อเลียนในดวงตาคู่สวย และเขาก็หัวเราะขลุกขลักในลำคอร่วมไปกับเธอ
“โอเค งั้นพี่ไปทำงานก่อนล่ะ..อยู่บ้านก็อย่าซนนักล่ะ แล้วเจอกันตอนเย็นครับ” และลุกขึ้นพร้อมขยิบตาให้ก่อนหันเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี

ราโมน่าพึมพำตามหลัง “พูดอย่างกับว่าเราเป็นเด็กเฝ้าบ้านอย่างนั้นล่ะ ฮึ!”


หลังจากที่อนาวินออกไปทำงานแล้ว ราโมน่าออกมาเดินเล่นภายในสวนและเลยไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำ กดโทรศัพท์มือถือที่ได้คืนมาชั่วคราวโทรหาชนาธิปตามปกติ โดยทุกคำพูดของเธอลอยเข้าหูคนของอนาวินสองคนที่ยืนไม่ห่าง จนกระทั่งเธอพูดคุยกับชนาธิปจนหายคิดถึงแล้ว ก็คิดจะเข้าสู่โลกของสังคมออนไลน์บ้าง และในทันทีที่เริ่มพิมพ์ข้อความ เธอก็รู้สึกถึงเงาทะมึนปกคลุมลงมา เมื่อสองร่างใหญ่พากันก้าวเข้ามาชะโงกหน้าอ่านทุกตัวอักษร

หญิงสาวถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนเงยหน้าพร้อมๆกับที่สองร่างยืดตัวขึ้นก้าวถอยห่างออกไปด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
“ฉันขอเวลาส่วนตัวหน่อยสิ เล่นมาจ้องกันซะติดขนาดนี้ฉันอึดอัดนะ”

และหนึ่งในสองก็ตอบกลับ
“ขอโทษครับ พวกผมต้องทำตามคำสั่งของคุณจิล”

คนฟังทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ก่อนส่งโทรศัพท์มือถือของตนคืนให้ผู้คุมทั้งสอง
“เอ้า เอาคืนไปเลย ฉันหมดอารมณ์สนุกแล้ว”

และคนที่พูดกับเธอเมื่อครู่ก็รับโทรศัพท์ของเธอมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง และเอ่ยถาม
“คุณต้องการอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

เดิมทีราโมน่าคิดจะกลับขึ้นห้อง แต่เมื่ออีกฝ่ายเปิดช่องทางให้เอาคืนเพื่อระบายอาการหงุดหงิดเช่นนี้ ตัวเธอก็ไม่รอช้าที่จะรีบคว้ามันไว้

“มี”

และเริ่มร่ายยาวถึงสิ่งที่ต้องการ จนสองหนุ่มต้องรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมาช่วยกันพิมพ์รายการ ที่มีตั้งแต่นิตยสารเกี่ยวกับวงการบันเทิงแทบทุกสำนักพิมพ์ สารพันเครื่องประทินโฉมยี่ห้อดังตั้งแต่หัวจรดเท้า และของจุกจิกอีกมากมายก่อนจะตบท้ายด้วยเค้กร้านโปรด ซึ่งสำหรับตัวเธอต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันทีเดียวกว่าจะเดินซื้อของพวกนี้ครบ แต่กลับย้ำคำสั่งออกไปว่า

“แค่นี้ล่ะ แล้วก็เอามาให้ฉันภายในหนึ่งชั่วโมงนี้นะ” จากนั้นก็เดินยิ้มกริ่มเข้าบ้าน

สองหนุ่มหันมองหน้ากันเพียงอึดใจก็รีบออกไปหาซื้อในสิ่งที่หญิงสาวต้องการ โดยหยิบยืมบัตรเครดิตของบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพทุกคนภายในบ้านไปด้วย เพราะมั่นใจว่า ลำพังแค่บัตรเครดิตธรรมดาของเขาสองคนคงไม่พอจ่ายเป็นแน่


ราโมน่านั่งๆนอนๆสลับกับการดูโทรทัศน์อย่างเบื่อหน่าย พลางนึกถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เธอมองมันอยู่หลายครั้ง นึกอยากลงไปว่ายเล่นให้ฉ่ำใจแต่ก็เบื่อกับสายตาของบรรดาผู้คุมทั้งหลายที่พากันเดินเพ่นพ่าน คอยแต่จะจับตามองเธอทุกฝีก้าวราวกับว่าสองขาของเธอติดสปริงจนสามารถกระโดดข้ามกำแพงไปได้อย่างนั้นล่ะ

“เฮ้อ เมื่อไหร่ไอ้เรื่องบ้าๆนี้มันจะจบเสียทีนะ” เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตแสนอิสระได้อีกครั้ง

หญิงสาวทนดูรายการในจอสี่เหลี่ยมที่แสนเบื่อหน่ายและไม่รู้ว่าถอนหายใจไปแล้วกี่ครั้งแล้ว จนเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ จึงลุกขึ้นไปเปิด แล้วก็แทบหลุดอุทาน เมื่อเห็นร่างใหญ่ของสองหนุ่มที่คอยตามเธอกำลังหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง ใบหน้าเข้มกระด้างชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราย และหนุ่มคนเดิมที่พูดคุยกับเธอเป็นประจำก็เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปนหอบเล็กน้อย

“พอดีรถมันติด เลยเกินเวลาที่คุณสั่งไปหน่อย..ขอโทษนะครับ”

“เอ่อ..ไม่เป็นไร” หญิงสาวบอกและขยับร่างเปิดทางให้สองหนุ่มขนของที่ซื้อนำมาวางในห้อง ด้วยความรู้สึกสงสาร และสำนึกว่าไม่สมควรไปแกล้งพวกเขาเลย ทั้งๆที่พวกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

‘สงสัยกว่าจะได้ของทั้งหมด คงวิ่งกันตาเหลือกเลยมั้ง’

“ของที่สั่งครบนะครับ”

หญิงสาวตรวจดูเพียงคร่าวๆก็พยักหน้ารับ แต่ในใจแย้งตอบสวนทันควัน ‘ของเยอะขนาดนี้ ใครจะไปจำได้ล่ะว่าสั่งอะไรไปบ้าง’

“ขอบใจนะ”

“ครับ”

เมื่อทั้งสองออกไปจากห้องแล้ว ราโมน่าเทของทั้งหมดลงบนเตียงจนเกลื่อนกราด พลางเท้าเอวมองพร้อมพึมพำด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“โม้นาไม่คืนเงินให้หรอกนะพี่จิล เพราะถือว่าเป็นของกำนัลแลกกับการที่โม้นาต้องติดแหง็กอยู่ในบ้านหลังนี้” และเลือกหยิบชุดครีมบำรุงหน้าและผิวกายราคาแพงพร้อมนิตยสารอีกสองเล่มเดินยิ้มพรายเข้าห้องน้ำ..อย่างน้อย ในวัน-สองวันนี้ เธอคงมีเรื่องอะไรให้ทำเป็นการฆ่าเวลาบ้าง นอกจากการนั่งๆนอนๆดูหนังฟังเพลงเท่านั้น


ในตอนเย็น..สองหนุ่มที่นั่งเฝ้าหน้าห้องพักพิเศษรีบลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นโมรียาเดินนำเตชิตมาตามทางเดิน และหนึ่งในสองเปิดประตูให้เธอก้าวผ่านเข้าไปพบกับบรรดาบอดี้การ์ดอีกห้าชีวิตที่นั่งพูดคุยเบาๆอยู่ภายในห้องรับรองด้านนอก หญิงสาวหันสายตาไปหาคนสนิทของบิดา ที่มีอายุมากกว่าเธอร่วมสิบปี

“หมอเข้ามาตรวจอาการของป๊ารึยัง”

“ตรวจแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรมาก เพราะอาการของเสี่ยยังทรงอยู่แค่นั้น” ตอบหญิงสาวจบก็เลยสายตาสบกับเตชิตเพียงครู่

โมรียาพยักหน้ารับทราบเพียงเล็กน้อย ก็เปิดเลื่อนเปิดประตูกระจกเข้าไปยังห้องพักด้านใน ซึ่งมารดานั่งอยู่ข้างเตียงไม่ห่างไปไหน..เตชิตไม่ได้ตามเข้าไปด้วย แต่เลื่อนปิดประตูให้สนิท ก่อนหันมาทางหนุ่มรุ่นพี่ ซึ่งเหมือนว่ามีเรื่องต้องการพูดกับเขา

“มีเรื่องอะไรจะถามผมเรอะพี่บาส”

“เรื่องคุณจิลกับผู้หญิงคนนั้น”

“ทำไมหรือครับ”

เตชิตไม่แปลกใจเลยที่หนุ่มรุ่นพี่ซึ่งอยู่กับเจ้านายตลอดเวลาจะสามารถรู้ความเคลื่อนไหวภายในบ้าน เพราะหลังจากที่ลุงไมค์เดินทางไปสมทบกับพรรคพวกเพื่อตามล่ากลุ่มคนร้าย เรื่องทุกอย่างที่เคยดูแลจึงถูกส่งมอบมาให้บาสเป็นผู้รับผิดชอบต่อในฐานะบอดี้การ์ดคนสนิทของนายใหญ่ และเรื่องของเจ้านายและบรรดาลูกๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่จึงถูกรายงานผ่านเข้ามาที่เขาทุกเรื่อง

“เมื่อไหร่คุณจิลจะปล่อยผู้หญิงคนนั้นไป”

เพราะไม่ใช่เพียงแค่ราโมน่า ซึ่งถือว่าเป็นคนของคู่แข่งจนถึงขั้นเป็นศัตรูต้องมาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเจ้านายหนุ่มแล้ว เขากำลังกังวลใจกับความรู้สึกของเจ้านายหนุ่มที่ฟังจากรายงานแล้วดูท่าจะพึงพอใจในตัวของหญิงสาวมากทีเดียว ซึ่งเขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าความสวยงามที่หญิงสาวมีมันสามารถทำให้เจ้านายหนุ่มไขว้เขวได้ไม่ยาก เพียงแต่เขาเกรงว่านายหนุ่มจะหลงใหลในความสวยงามนั้น จนหลงลืมความเป็นจริง ว่าราโมน่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวด้วย

“เรื่องนี้พี่คงต้องถามคุณจิลเอง..ถ้าคุณจิลพอใจที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรก็ไม่มีใครบังคับเขาได้หรอก”

“เรื่องนั้น พี่รู้ดี”

“เดี๋ยวคุณจิลก็มาแล้ว”

เตชิตยุติบทสนทนาเพียงแค่นั้น ก่อนหันเดินไปนั่งเก้าอี้มุมห้อง ดูรายการโทรทัศน์ร่วมกับกลุ่มบอดี้การ์ดแต่ไม่สนใจที่จะสนทนากับใคร และบาสหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เมื่อระบบสั่นทำงานเป็นสัญญาณเรียกเข้าจากลูกน้อง..เขาฟังรายงานและพูดคุยไม่กี่คำก็วางสาย


เวลาผ่านไปไม่นาน..อนาวินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมคนสนิท และบาสก้าวเข้ามาหาก่อนที่เขาจะเดินผ่านเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน
“คุณจิล ผมมีเรื่องจะพูดด้วยครับ”

“ว่ามาสิ”

“เมื่อกี้คนของเราเพิ่งโทรมาบอกว่า คนร้ายที่ทำร้ายคุณราโมน่าตายไปเมื่อสองวันแล้วครับ..สองคนเป็นอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ ส่วนอีกคนตกตึกตายเพราะเมา”

“บ้าเอ้ย! ดันสามัคคีตายพร้อมกันอีก” อนาวินพ่นลมหายใจฉุนเฉียว เมื่อเบาะแสที่หวังไว้ดันมาชิงตายเสียก่อน “อั๊วว่า มันถูกเก็บแน่ๆ ฮึ! แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ถึงจะรู้ความจริงวะ ว่าใครกันแน่ที่ลอบถล่มป๊าของอั๊วะน่ะ”

“เรื่องนี้ คงต้องรออีกสักพักครับ ลุงไมค์คงมีความคืบหน้าให้เราในไม่ช้า”

“มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น”

ชายหนุ่มตอบรับความจริงในข้อนี้ด้วยความหงุดหงิดที่ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ และตำรวจก็ดูท่าจะอาศัยพึ่งพาไม่ได้เลย ดังนั้น ไมค์จึงเป็นความหวังเดียวที่จะสืบเสาะหาความจริงถึงผู้บงการ..และเมื่อถึงเวลานั้น เขาจะเอาคืนให้สาสมกับที่พวกมันบังอาจมาทำร้ายบิดา

บาสนิ่งมองท่าทีของเจ้านายหนุ่มไม่กี่อึดใจ ก็เอ่ยออกมาอีกครั้ง
“แล้วผมยังมีอีกเรื่องที่อยากจะถามคุณจิลครับ”

“เรื่องอะไร”

“คุณราโมน่า..”

สายตาคมกริบมองบอดี้การ์ดหนุ่มเต็มตา
“ราโมน่า..ทำไม”

“ผมคิดว่า เมื่อผิดแผนแบบนี้พวกคนร้ายคงไม่ทำอะไรคุณราโมน่าแล้ว ผมว่าสมควรที่จะปล่อยเธอไปได้แล้วนะครับ ก่อนเรื่องจะรู้ถึงเสี่ยหรือไม่ก็พวกรัตนากร”

อนาวินรู้สึกใจหายเมื่อคิดถึงเวลาที่กลับบ้านแล้วไม่เจอราโมน่า และเก็บซ่อนความเสียดาย ความอาลัยอาวรณ์นั้นไว้ก่อนตอบคนสนิทของบิดาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ อีกวัน-สองวันอั๊วะจะปล่อยเขาไปเอง..หมดเรื่องแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

เมื่อบาสตอบรับ อนาวินจึงหันเลื่อนเปิดประตูเข้าไปเยี่ยมบิดา พร้อมปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทั้งๆที่หัวใจของเขากำลังร้อนรนกระวนกระวาย เมื่อนึกถึงเวลาที่ต้องปล่อยผู้หญิงที่ปรารถนาให้หลุดลอยใกล้เข้ามาทุกที


"""""

ภายในมุมสงบของห้องรับรองพิเศษสำหรับสมาชิกกอล์ฟคลับ ‘สิทธิโชค’ นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วางถ้วยกาแฟเซรามิกเนื้อดีที่พร่องไปเกือบครึ่งลงบนจานรอง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะมากดโทรหาบุคคลที่ต้องการ และรอคอยไม่นานเสียงปลายสายก็ตอบรับ

“สวัสดีคุณโชค มีอะไรเรอะถึงได้โทรมา”

“น้ำเสียงฟังดูไม่ดีเอาเลยนะครับ”

“มันมีเรื่องยุ่งๆที่ทำให้อะไรๆมันผิดแผนไปหมดน่ะสิ”

“เรื่องแม่ดารานั่นรึเปล่า”

“นั่นก็ด้วย แต่ตอนนี้ผมกำจัดปัญหาไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี และที่ผมโทรมาหานี่ก็อยากจะรู้ถึงความคืบหน้าของนายอนาวิน ว่าคุณจัดการไปถึงไหนแล้ว”

“นี่ก็อีกเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทั้งๆที่ผมหาเรื่องคอยปั่นหัวตลอดเวลา แต่เจ้านั่นกลับไม่สติแตกอย่างที่คิด แถมทำท่าว่าจะควบคุมอำนาจแทนพ่อของมันได้เสียด้วย”

“ถ้ามันเป็นปัญหานักก็จัดการมันเสียเลยสิ เราจะได้เริ่มแผนการขั้นต่อไปได้เร็วขึ้น”

“มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ ฮึ! บรรดาลูกสมุนของมันคอยตามเฝ้าเจ้านายมันอย่างกับหมาเฝ้ากระดูกเชียวล่ะ แล้วตอนนี้เสธ.ก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเรื่องนี้แล้ว คิดจะใช้คนอื่นผมก็ไม่มั่นใจในฝีมือ เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมา แม้แต่ลมหายใจของผมก็คงไม่มีเหลือ”

“นั่นสิ เรื่องนี้เราจะเสี่ยงไม่ได้..ถ้าอย่างนั้น คงต้องปรับแผนกันใหม่”

“ใช่ และผมก็คิดว่าจะปล่อยให้เรื่องทางนี้สงบลงอีกหน่อยแล้วค่อยหาโอกาสเหมาะๆลงมือ แต่ระหว่างนี้ ผมจะให้คุณจัดการพวกรัตนากรก่อนเพราะดูท่าว่ามีจุดอ่อนมากกว่า คุณคงจะจัดการได้ไม่ยาก”

“มันก็ไม่ง่ายนักหรอก เพราะนายชนาธิปเองก็ไม่ยอมเล่นไปตามเกมของเรา ไม่อย่างนั้นคงชนกับพวกไพศาลกรุ๊ปจนรู้ดำรู้แดงไปแล้ว และเราคงไม่ต้องมาเหนื่อยเหมือนอย่างนี้หรอก”

“งั้นก็ใช้จุดอ่อนที่คุณมีให้เป็นประโยชน์สิ..ผมมั่นใจคุณทำได้อยู่แล้ว”

“อุตส่าห์มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงผมก็จะพยายามทำให้สำเร็จนั่นล่ะ..คุณคอยฟังข่าวดีก็แล้วกัน”

“โอเค ผมจะรอข่าวดีจากคุณ”

เมื่ออีกฝ่ายตัดสัญญาณไปแล้ว สิทธิโชคก็กดโทรศัพท์อีกครั้งหาลูกน้องผู้ร่วมขบวนการอีกคน
“ครับ เจ้านาย” เสียงทุ้มเอ่ยกลับมา

“เริ่มลงมือตามแผนได้เลย”

“ครับ”

สิทธิโชคกดตัดสัญญาณมือถือก่อนวางลงบนโต๊ะตามเดิม และยกถ้วยกาแฟที่เริ่มอุ่นมาละเลียดจิบอย่างอารมณ์ดี เมื่อนึกถึงส่วนแบ่งอันมหาศาลที่จะได้มาในอนาคตอันใกล้นี้

..................................................................................




ระรินใจ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 เม.ย. 2555, 02:23:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 เม.ย. 2555, 02:23:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2495





<< บทที่ ๘   บทที่ ๑๐ >>
หมูอ้วน 18 เม.ย. 2555, 12:44:58 น.
หายไปนานเลยนะค่ะ


bloomberg 18 เม.ย. 2555, 14:27:20 น.
ทำไมโม้นาไม่สั่งลูกน้องเฮียจิลซื้อปูนเสือซักถุงล่ะ รึว่าไม่ทันการณ์ซะแระ


anOO 18 เม.ย. 2555, 16:26:15 น.
ท่าทางคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังจะมีหลายคน หลายพวกนะนี่


Zephyr 18 เม.ย. 2555, 19:36:48 น.
พวกเสี้ยมให้คนอื่นตีกันนี่ท่าจะมีหลายคนร่วมขบวนการนะ
ฟังจากคำพูดแล้วเหมือนมีหนอนตัวเบ้อเริ่มในทั้งที่ของเสี่ยเล่ยและนายชนาธิปเลย


milbol 18 เม.ย. 2555, 20:08:52 น.
ซับซ้อนจริงๆ หลายพวกจัง


ann 18 เม.ย. 2555, 20:39:33 น.
หายไปนานมากกกค่า


ระรินใจ 18 เม.ย. 2555, 20:40:37 น.
คุณหมูอ้วน === แหะๆ ช่วงนี้ปิดเทอม ลูกชายคนโตอยู่บ้านรวมหัวกันป่วนกับลูกสาวคนเล็ก สมาธิคนเขียนเลยแตกซ่านนิดหน่อยค่ะ ^^"



คุณbloomberg === ฮ่า..สั่งตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วค่า



คุณan00=== ต้องร่วมมือกันหลายคน หลายพวกหน่อยค่ะ ไม่งั้นล้มอชิรไม่ได้



คุณZephyr=== หลายคนค่ะ แล้วก็ใช้เวลาแทรกซึมนานทีเดียว เพื่อความชัวร์ว่าทำสำเร็จแน่ๆ




คุณmilbol=== ซับซ้อนไม่มากหรอกค่ะ..แต่ต้องตามกันยาวววไกลลล..กว่าจะรู้ถึงสาเหตุที่คนร้ายทำ


ระรินใจ 18 เม.ย. 2555, 20:41:58 น.
เอ้าชนกับคุณ ann พอดี อิอิ แค่สองอาทิตย์เอ้งงง..จร้า


nunoi 19 เม.ย. 2555, 11:26:44 น.
คิดถึงพี่จิล กะ น้องโม้น่า อยู่พอดี


ระรินใจ 20 เม.ย. 2555, 02:11:48 น.
ตอนนี้ก็มาให้หายคิดถึงแล้วนะคะ ^^


แพม 22 เม.ย. 2555, 18:15:48 น.
มันต้องมีเรื่องอีกแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account