ลิขีตรักใต้เงาทราย ภาค ดั่งแสงตะวัน
ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นสุลต่านองค์ต่อไป หน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประเทศ เมื่อพี่ชายเลือกที่จะหลีกทาง เขาจำต้องรับหน้าที่ ที่ไม่เคยต้องการ หัวใจที่เรียบง่ายและเย็นชา บอกกับตนเองเสมอ ว่าจะไม่ขอรักใคร แต่แล้ว...เพราะ... เขาเพียงต้องการที่จะพักผ่อนก่อนที่จะต้องรับภาระหน้าที่...ที่สำคัญ แต่แล้วเพราะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทำให้ได้พบกับคนที่เขาสามารถรักได้ด้วยหัวใจ เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเข้า และจากไปพร้อมกับหัวใจทั้งดวง
Tags: ทะเลทราย

ตอน: ตอนที่ ๖

ตอนที่ ๖
การเดินทางมาถึงของลัยลาคู่หมั้นผู้สูงศักดิ์เสมอเทียบทั้งวรรณะและความเหมาะสมทำให้ชาวคาร์ซาน่าต่างเข้ามารอชมความงามอันเป็นที่เลื่องลือ หญิงสาวหน้าตางดงาม นัยน์ตาดำขลับเปิดผ้าคลุมหน้าออกพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้าง
ทีจิสเป็นประเทศที่เคร่งครัดต่อประเพณี หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจะต้องมีผ้าคลุมหน้าปิดไว้เสมอ แต่คาร์ซาน่ามีวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไป ผู้หญิงต่ำศักดิ์ของทีจิสจะไม่ได้รับการศึกษานอกจากมีเงินจ้างครูมาสอนเอง จะมีเพียงหญิงสาวในวังเท่านั้นที่จะได้รับการศึกษา และจะแย่งกันเพื่อทำให้พ่อพอใจด้วยผลการเรียนสูงสุด
ลัยลายิ้มอ่อนหวาน การเป็นเจ้าหญิงในทีจิสไม่มีอะไรดีไปกว่าการเฝ้ามองคนอื่น ไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเลย แต่...ถ้าเธอยอมแต่งงาน ไม่สิ...จะต้องแต่งงานกับมกุฏราชกุมารของคาร์ซาน่าให้ได้ เพื่ออำนาจเงินทองและ ทุกสิ่งที่เธอต้องการ
“ขอต้อนรับสู่คาร์ซาน่า”
ชารีฟเดินออกมาต้อนรับ มองหญิงสาวหน้าตาสวยงามตรงหน้าย่อตัวให้ด้วยความเอ็นดู หญิงสาวยังคงงดงามอยู่เสมอ นางคิดแล้วให้นึกห่วงบุตรชาย คู่หมั้นทั้งงดงามและเพรียบพร้อมหญิงสาวคนนั้นจะสู้ได้อย่างไร
“ข้ามีความยินดีที่ได้เดินทางมาคาร์ซาน่าและปลื้มใจกับการต้อนรับที่แสนอบอุ่นของประชาชน”
ลัยลาจงใจพูดออกไปดังๆ หัวใจของประชาชนสำคัญสำหรับการปกครองในอนาคต หญิงสาวนึกกระหยิ่มเมื่อได้ยินเสียงปรบมือและไชโยโห่ร้องต้อนรับ แต่ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือเธอจะต้องควบคุมว่าที่สามีให้ได้ด้วย
เจ้าหญิงจากทีจิสมองบุรุษหนุ่มรูปงามที่ก้าวเข้ามาด้วยอาการตะลึง นัยน์ตาสีน้ำตาลขุ่น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปขอบปากเป็นเส้นนูนสวยจนน่าอิจฉา รอยยิ้มหว่านเสน่ห์เผยขึ้นและจางหายไปในเวลาอันรวดเร็วเมื่อเห็นสตรีที่ยืนเคียงข้าง
“ยินดีต้อนรับสู่คาร์ซาน่า ข้าคือจาร์คาหลานชายคนโตของท่านคาซิม”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
ลัยลาก้มศีรษะให้เพียงเล็กน้อย เธอคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่หลานชาย คงไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากไปกว่าญาติคนหนึ่งเท่านั้น และเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างเขาด้วย
“มกุฏราชกุมารของคาร์ซาน่าคงติดธุระสำคัญ ถึงไม่มาต้อนรับข้า”
ลัยลาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่ความหมายของมันทำให้ชารีฟรู้สึกไม่ชอบใจนัก
“ใครว่าข้าไม่มา”
น้ำเสียงหนักแน่นแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ฟายาสก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเจ้าหญิงจากทีจิส นัยน์ตาสีเทาเงินพราวระยับเมื่อจับมือเธอขึ้นมาจูบเบาๆ บนหลังมือ
“ยินดีต้อนรับสู่คาร์ซาน่า”
น้ำเสียงเซ็กซี่ นุ่มนวลยังคงได้ผลเช่นทุกครั้ง ลัยลาหน้าแดงขึ้นมาก่อนจะดุตัวเองที่เสียการควบคุม
“ข้าเพิ่งรู้ว่าคู่หมั้นของข้า งดงามเหลือเกิน”
คำพูดหวานหูเป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเคยชินและรู้ว่าฟายาสมักจะมีถ้อยคำที่พูดออกมาแล้วทำให้ทุกคนหลงใหลไปกับมัน
ลัยลาไม่รู้ถึงจุดนี้จึงคิดว่าคู่หมั้นหลงเสน่ห์ของตนเข้าให้แล้ว หากแต่...ฟายาสกำลังอ่านหญิงสาวอยู่ด้วยความรู้สึกของเขาต่างหาก
ฟายาสรู้สึกว่านัยน์ตาของผู้หญิงตรงหน้าสวยแต่แววตากลับไม่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น พอคิดขึ้นมาแล้วทำให้เขาอดที่จะคิดถึงวิเวียนขึ้นมาไม่ได้ ผู้หญิงสองคนนี้มีแววตาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ข้าเองก็เพิ่งรู้ว่าราชกุมารหนุ่มของคาร์ซาน่าปากหวาน”
ฟายาสหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาก้มศีรษะให้เล็กน้อยแล้วยื่นมือออกมารอให้หญิงสาววางมือไว้ในอุ้งมืออันแข็งแกร่งก่อนจะพาเธอเดินตามมารดากับจาร์คาไปยังห้องโถงด้านใน เพื่อเข้าพบกษัตริย์ของคาร์ซาน่า

หลายครั้งที่วิเวียนเดินออกมายืนรอหน้าที่พัก จวบจนพรบค่ำผืนฟ้าพร่างพราวด้วยดวงดาวนับล้าน ร่างสูงจึงก้าวผ่านเขตรั้วเข้ามา
“ลาเอลล่า”
คำเรียกที่บัดนี้เธอรู้ความหมายของมันแล้วดังขึ้นพร้อมอ้อมแขนที่โอบกอดไปรอบกาย วิเวียนเก็บคำถามเรื่องคู่หมั้นของเขาเอาไว้ สิ่งที่แสดงออกมามีเพียงรอยยิ้มแต่ฟายาสกลับเห็นมันในดวงตาของเธอ
“ผมรักคุณอย่าลืมสิ ถึงเขาจะสวยหรือเก่งแค่ไหน แต่ผมรักคุณ”
ริมฝีปากอุ่นจูบประทับกลางกระหม่อม แล้วก้มลงมองรอยยิ้มที่แตะแต้มบนริมฝีปากอิ่ม ทุกสิ่งรอบตัวดูสดใสขึ้น ความสุขที่โอบล้อมเกิดขึ้นเพราะเขาได้อยู่ใกล้เธอ
วิเวียนเองก็เช่นกันที่ค้นพบว่าความสุขคือการถูกโอบกอดจากคนที่เธอรัก กลิ่นกายของชายที่รักคือยาวิเศษ ช่วยลดความหมองเศร้าในหัวใจให้หายไป

ฟายาสไม่อยากเชื่อเลยว่าวันหนึ่งเขาจะมีความพอใจที่จะนอนกอดหญิงสาวเพียงคนเดียว โดยไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น หากไปเล่าให้พวกบาราสฟังเขาคงถูกหัวเราะเยาะ
วันนี้ชายหนุ่มอาบน้ำเร็วกว่าปกติ เช็ดตัวไม่ทันแห้งก็รีบสวมกางเกงขายาวกับเสื้อคลุมแล้วเดินมาหาวิเวียนที่ห้องทันที สายตาคมจับจ้องร่างบางในชุดนอนสีเขียวอ่อนยามเมื่อก้าวเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสองคู่ประสานกันผ่านกระจกบานใหญ่
ความกังวลเมื่ออยู่ๆ พ่อของเขาพูดเป็นทำนองว่าการแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยเป็นเรื่องไม่สมควรสำหรับผู้ที่เป็นทายาท ผู้ที่จะต้องก้าวขึ้นครอบครองอำนาจทั้งหมดของคาร์ซาน่า เขามีคู่หมั้นที่เหมาะสมแล้ว...ฟายาสนึกถึงคำนี้แล้วอดที่จะคิดถึงลัยลาไม่ได้ แม้หญิงสาวจะสวยงาม หรือฉลาดแค่ไหนเขากลับไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าทึ่ง และยอมรับในความเก่งและกล้าเท่านั้น
ความคิดของชายหนุ่มสะดุดลงเมื่อมีเสียงสั่นระฆังใบน้อยที่หน้าห้อง ก่อนที่อิมมาจะก้าวผ่านผ้าม่านสีเข้มเข้ามาด้านใน ส่งสิ่งที่ถือมาให้กับเจ้านาย แล้วถอยหลังออกไปยืนหลังผ้าม่านก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยขึ้นเพราะรู้ว่าวิเวียนอยู่ในห้องนั้นด้วย
“นายท่าน มีของฝากจาก...ทีจิส”
“ลัยลาน่ะหรือ”
ฟายาสถามแล้วรับหนังสือเล่มหนา ปกเป็นกำมะหยี่สีกุหลาบ ตัวอักษรเป็นภาษาอาหรับสีทองตกแต่งด้วยทับทิมน้ำงาม
“ลัยลา ลาเอลล่า”
วิเวียนทวนคำเสียงแผ่ว หญิงสาวหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินออกไปยืนรับลมที่ระเบียง นัยน์ตาหม่นแสงลงเพราะคิดว่าเขาเรียกคู่หมั้นว่าที่รักเหมือนที่เรียกเธอ
ฟายาสเปิดหนังสือออกพลันกลีบกุหลาบสีแดงสดร่วงหล่นลงมา กลิ่นหอมกรุ่นกำจายไปทั่วทั้งห้องจนวิเวียนต้องหันกลับมามอง
กลิ่นเย้ายวนชวนให้หัวใจสะท้าน การเชิญชวนอย่างเปิดเผยของคู่หมั้นฟายาสน่ากลัวเหลือเกิน วิเวียนกัดกระพุ้งแก้มจนรู้รสชาติของเลือด เมื่อเห็นคนที่นอนกอดเธอทุกคืนกำลังหยิบกลีบกุหลาบขึ้นดมแล้วยิ้มออกมา
ข้อความจากคู่หมั้นทำให้เขายิ้มได้ หากแต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้เป็นรอยยิ้มในแบบที่วิเวียนเข้าใจ อิมมาต่างหากที่รู้สึกหนาวหลังวูบ ใจอยากรู้ว่าในหนังสือเล่มนั้นเขียนอะไร ทำไมเจ้านายของตนถึงยิ้มออกมาได้น่ากลัวขนาดนั้น
‘แม้กุหลาบในวังของท่านจะมากมายสักแค่ไหน แต่จะมีเพียงดอกเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมสำหรับมกุฏราชกุมารแห่งคาร์ซาน่า
แม้นมีกุหลาบดอกอื่นใฝ่สูงหวังเทียบเคียง ข้าจะทำลายมันให้เป็นเช่นกุหลาบดอกนี้ ที่เหลือเพียงกลีบดอกให้เชยชมแต่จะไม่มีวันผลิบานได้อีกต่อไป’
“นางกล้านัก อิมมา...ข้าขอกล่องใส่เครื่องประดับที่จาริลให้มาหน่อย ขอชิ้นที่หน้ากล่องเป็นรูปกุหลาบสองดอก แล้วส่งมันไปที่นี่ ให้ช่างทำตามที่ข้าเขียนแล้วส่งไปให้คู่หมั้นของข้า”
ฟายาสหยิบกระดาษมาเขียนข้อความบางอย่างลงไป เขากดปากกาในมือจนคนสนิทร่างยักษ์รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะสำคัญและมีบางอย่างที่ร้ายแรง ถึงทำให้คนใจเย็นร้อนระอุขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้
อิมมาก้มศีรษะเมื่อยื่นมือออกไปรับจดหมายก่อนจะเดินจากไป ฟายาสมองหนังสือในมือนิ่งตัดสินใจไม่ถูกว่าควรจะทำอย่างไรกับมันดี เลยเปิดลิ้นชักที่หัวเตียงแล้วโยนมันลงไปแล้วล็อกกุญแจ ไม่อยากให้วิเวียนได้เห็น แม้จะรู้ว่าเธออ่านไม่ออกก็ตาม แต่เขารู้ว่ายังไงก็ไม่ควรเสี่ยง
“นอนเถอะนะลาเอลล่า”
ฟายาสโอบกอดรอบเอวบาง วางคางไว้ที่บ่าเล็กๆ แล้วหลับตาลงเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังกลัวที่จะสูญเสียเธอไป
“คุณเรียกวิว่าวิเถอะค่ะ เก็บคำนั้นไว้เรียกคู่หมั้นของคุณเถอะ”
“เกี่ยวอะไรกับลัยลา”
“ก็คุณเรียกฉันว่าลาเอลล่า”(ออกเสียงเร็วๆ ตามสำเนียงอาหรับ)
“ใช่ ข้าเรียกเจ้าว่าลาเอลล่า”
“แล้วคุณก็เรียกคู่หมั้นว่า...”
“อ๋อ...”
ฟายาสครางออกมาแล้วหัวเราะเสียงดัง เขาปล้ำหอมแก้มอิ่มอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วร้องโวยวายเมื่อวิเวียนบีบจมูกโด่งที่พยายามหาเศษหาเลยกับเธอ
“คู่หมั้นของผมชื่อลัยลา ไม่ใช่ลาเอลล่าอย่างที่ผมเรียกคุณ”
วิเวียนหน้าแดงเมื่อเห็นแววตาล้อเลียนของอีกฝ่าย เลยหันหลังกลับไปนอนประจำที่ของตนทำเป็นนอนหันหลังให้แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง แกล้งทำเป็นหลับเมื่อถูกโอบกอดจากด้านหลัง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองเริ่มจะติดนิสัยเสียแล้ว หากคืนใดไม่มีไออุ่นจากเขาเธออาจจะนอนไม่หลับเลยก็ได้

ฟายาสขยับตัวขึ้นนั่งเมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวในอ้อมกอดของเขาหลับไปแล้ว ผ้าห่มผืนใหญ่ถูกดึงลงจนพ้นใบหน้าหวาน ปลายนิ้วลากไล้ไปตามพวงแก้ม ริมฝีปากนุ่มและหยุดลงที่ปลายจมูกรั้น
ชายหนุ่มยอมรับว่าตนเองกำลังกังวล ลัยลาไม่ใช่ผู้หญิงที่ควรวางใจให้อยู่เคียงข้าง แต่เขาจะพูดอย่างไรพ่อถึงจะเชื่อ ความกังวลทำให้ไม่อาจข่มตาลงได้ง่ายๆ
เสียงระบายลมหายใจดังขึ้นเป็นระยะ ในที่สุดเมื่อคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ฟายาสจึงก้าวขึ้นเตียงรั้งร่างบางเข้ามากอดแล้วพยายามข่มตาให้หลับ
หนึ่งชั่วโมงต่อมาฟายาสยังคงนอนมองเพดานห้อง เขาแทบจะนับดาวที่มองเห็นได้ครบหมดทุกดวง แต่ยังหาข้อสรุปให้กับตัวเองไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
“นอนไม่หลับหรือคะ”
มือนุ่มแตะเบาๆ ที่อกกว้าง ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองสบนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความกังวล เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ผมทำคุณตื่น”
วิเวียนยิ้มนิดๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าอกชายหนุ่มเล่น เกือบค่อนคืนที่เธอนอนคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตดี ทางแรกคือยอมแพ้แล้วกลับบ้านเสียตั้งแต่ยังไม่ได้ถลำลึกมากไปกว่านี้ หรือ ยอมเป็นของเขาแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแต่เวรแต่กรรม
“นอนเถอะพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมแม่ไม่ใช่เหรอ ให้อิมมาคอยดูแลคุณ ไว้ใจเขาเพราะอิมมาเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยปาก แล้วขยับตัวอีกครั้งเพียงเพื่อจะได้นอนในอ้อมกอดของเขาให้สบายที่สุด อ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับเหมือนเป็นคำมั่นว่าเขาจะปกป้องเธอไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม

“นายท่านแน่แล้วหรือที่จะให้นางไปอยู่ที่มามัวร์”
อิมมาทำหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรนักเมื่อได้อ่านข้อความในหนังสือที่ลัยลาส่งมาให้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฟายาสถึงสั่งให้ช่างแกะสลักทำงานทั้งคืน ภาพแกะสลักรูปกุหลาบในกองไฟคือคำเตือน และถ้าลัยลาฉลาดพอกุหลาบดอกนี้จะต้องคงอยู่อย่างสวยงามตลอดไป
“อิมมา...ข้าไม่ใช่คนโง่ที่ดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายแค่ไหน แต่ที่นี่คือคาร์ซาน่านางไม่มีสิทธิ์มาแสดงอำนาจอะไรทั้งนั้น”
“แล้วนายท่านจะอยู่ทางนี้คนเดียว ข้า...”
“เราอยู่ได้ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกอิมมา”
“ให้ข้าไปแทนไหมล่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลากับน้ำเสียงเนิบนาบน่าหมั่นไส้ยังไม่เปลี่ยน ฟายาสยิ้มกว้างเมื่อเห็นมือขวาของพี่ชายยืนกอดอกพิงกรอบประตู สีหน้าเยือกเย็นตัดกับแววตาขี้เล่น นี่ล่ะ...
“ดาเรส”
“นายท่านตามนายหญิงไปเมืองไทย เกรย์เองก็เดินทางไปมาระหว่างเมืองไทยกับคาร์อิคเพื่อคอยดูแลจนกว่านายหญิงจะคลอด ช่วงนี้ข้าเลยว่าง”
“ไหนว่าเจ้าจะกลับไปช่วยแม่พรรณ”
“ยังหรอก รอให้นายหญิงคลอดก่อน”
ดาเรสตอบ เขาพยักหน้าทักทายอิมมาก่อนจะนั่งข้างๆ ฟายาส เหมือนทุกๆ ครั้งที่อยู่กันเพียงลำพัง ดาเรสเป็นเหมือนลูกบุญธรรมคนหนึ่ง เติบโตมาพร้อมกับบาราสและฟายาสเพียงแต่เขาเลือกที่จะมอบชีวิตให้แก่ชี้คบาราส จึงยังใช้ชีวิตอยู่ที่คาร์ซาน่าและยังไม่คิดที่จะกลับเมืองไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ตนเอง แต่หน้าที่ย่อมมีวันสิ้นสุด รอเพียงเวลาที่จะมาถึงเท่านั้น และตัวเขาเองก็รู้ดี
“เมื่อเช้าข้าไปพบสุลตาน่ามา พบคู่หมั้นของท่านด้วย นางร้ายกาจไม่เบาเลย”
ดาเรสเอนตัวพิงเบาะแล้วหยิบของในกระเป๋าเสื้อออกมา
“ข้าบอกสุลตาน่าว่าจะมาหาท่าน นางเลยฝากของสิ่งนี้มาให้ ไม่ได้อยากเปิดออกดูหรอกแต่บังเอิญข้าทำมันหล่นของชิ้นนี้เลยกระเด็นออกมา”
ฟายาสรับผ้าคลุมหน้าผืนบางมาถือไว้ มองกุหลาบที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของดอกไม้ทั้งมวลเห็นที่ก้านมีแหวนสองวงสวมอยู่ กับสายสร้อยทองแท้ที่พันแหวนทั้งสองวงไว้ด้วยกันก็ยิ้มเย็น
“นางทวงสัญญา ฉลาด เมื่อวานมาขู่ว่าตนต้องเป็นหนึ่งเท่านั้น มาวันนี้ทวงสัญญาว่าอย่างไรนางต้องเป็นราชินี เป็นที่หนึ่ง”
“นางสวยแต่ข้ากลับไม่รู้สึกถึงความงามของนาง”
ดาเรสนึกถึงสาวงามนัยน์ตาคมขึ้นมา สายตาแบบนั้นเขาไม่ชอบเลยสักนิด มันแบ่งแยกชั้นวรรณะทันทีที่สบตา ผู้หญิงแบบนั้นไม่สมควรยกอำนาจให้
“นางน่ากลัวเกินไป”
ฟายาสพูดเสียงขรึม เขามองไปทางห้องนอนด้วยความรู้สึกลำบากใจ
“หากเป็นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ต้องคิดมากอย่างนี้”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น ดาเรสมองฟายาสแล้วนึกเกลียดความรักเหลือเกิน แม่เขาเองต้องทนทรมานกับการเป็นเมียของพ่อเพียงเพราะคำว่ารักจึงยอมทนกับการถูกดูหมิ่นจากย่าของเขาจนกระทั่งมีเขาเป็นพยานรัก ท่าทีของย่าจึงดีขึ้น แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการพิสูจน์ตัวเองที่ยาวนานพอสมควรทีเดียว
พ่อของเขากระโดดเข้าบังกระสุนจากน้องชายต่างแม่ของสุลต่านคาซิมตอนที่เขาอายุเพียง 5 ปี การแย่งชิงสมบัติไม่สำเร็จเพราะพ่อของเขายิงสวนกลับไปทันทีเช่นกัน ความสูญเสียครั้งนั้นทำให้แม่ของเขาต้องบินกลับไปอยู่เมืองไทยถึง 3 ปี ถึงได้กลับมาอีกครั้ง
แต่ความรักก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป บางครั้งเขาก็อยากมีความรัก อยากพบผู้หญิงแบบแม่พรรณ แต่...ชาตินี้เขาคงไม่เจอง่ายๆ หรอก
“คิดอะไร”
ฟายาสหันกลับมามองเห็นว่าเพื่อนวัยเด็กเงียบไป แต่ดาเรสกลับส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน
“เตรียมตัวนางให้พร้อม ก่อนพระอาทิตย์ตกดินข้าจะพานางไปถึงมามัวร์อย่างปลอดภัย”
การเข้ามาเสนอตัวในครั้งนี้ฟายาสมั่นใจว่าดาเรสต้องรู้อะไรมามากกว่านี้ เพราะคนอย่างดาเรสจะไม่พาตัวเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องของใครก่อนนอกจากได้รับการร้องขอ
“ให้คนเตรียมของให้วิเวียนด้วย”
อิมมารับคำสั่งแล้วเดินออกไป แต่ฟายาสยังไม่คิดที่จะทำอะไร เขากำลังรอเวลาที่วิเวียนจะเดินเข้ามาและตามที่คิดไว้ หลังจากอิมมาเดินออกไปไม่ถึง 5นาที หญิงสาวก็เดินเข้ามาพร้อมกับเงาะที่บาราสส่งมาจากเมืองไทย
“ทำหน้าแบบนี้ คิดอะไรอยู่คะ”
“กำลังคิดว่าจะกินคุณหรือกินเงาะดี”
วิเวียนค้อนควับเมื่อได้ยิน อยากจะตอบไปว่าเห็นดีแต่พูด แต่ก็กลัวจะเข้าตัวเองแค่นอนด้วยกันทุกคืนเธอก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว เวลาเขาพลิกตัวแต่ละทีพาให้สะดุ้งจนนอนไม่หลับ
“อย่าทำเป็นพูดดีเลยค่ะ เดี๋ยวพอเข้าไปเจอคู่หมั้น คุณก็คงอยากจะกินเธออีกคน”
ฟายาสยิ้มกว้างนัยน์ตาพราวด้วยความยินดี ถ้าหญิงสาวแสดงอาการแบบนี้เขาก็มั่นใจได้เลยว่าเธอหึง
“ดู...มาทำเป็นยิ้มอีก เดี๋ยวจะหนีกลับบ้านพร้อมแม่เลย”
มือแข็งแย่งชามแก้วใบใหญ่มาวางข้างตัวแล้วกระชากร่างบางเข้ามากอดแน่น ใบหน้าซุกซบกับซอกคอพลางพูดเสียงสะท้าน
“อย่าหนีไปเด็ดขาด ไม่ว่าวิไปไหนผมจะตามคุณจนกว่าจะเจอ”
หัวใจดวงน้อยพองโตคับอก วิเวียนกอดตอบพยายามกลั้นน้ำตาไว้จนปวดดวงตา
“ไม่หนีหรอกค่ะ เพราะรู้ว่าหนียังไงก็คงไม่พ้น”
ริมฝีปากร้อนรุมมอบจุมพิตอันแสนหวาน เสียงกระซิบบางเบาชิดกลีบปากนุ่มว่าขอบคุณทำให้หญิงสาวพลัดถิ่นถึงกับสะอื้น
“โอ้ยอดชีวาของข้า จงบอกมาเถิดว่า ข้านี้...จักต้องทำอย่างไร
ข้าอยากรู้นัก...ในหัวใจของเจ้า มีข้า บ้างไหม
ข้าอยากรู้นัก...ในดวงตาของเจ้า มีข้า บ้างไหม
ข้าอยากรู้นัก...ในชีวิตของเจ้า จะมีข้า ได้ไหม”
เสียงกระซิบถามเป็นภาษาจาเรนทำให้วิเวียนงง ฟายาสจึงแปลเป็นภาษาไทยให้เธอฟัง
“หัวใจของวิจะอยู่กับคุณตลอดไป...ฟายาส แม้วันหนึ่งที่เราจะต้องจากกัน ขอให้ท่านจงรู้ว่า หญิงสาวคนนี้...จากไปแค่เพียงร่างกายเท่านั้น”
“โอ้นางอันเป็นที่รัก ...หากข้าเลือกได้...ข้าจะไม่เกิดมา ณ ที่นี้
โอ้นางอันเป็นที่รัก...หากข้าเลือกได้...ข้าจะไม่อยู่ ณ ตรงนี้
โอ้นางอันเป็นที่รัก...แต่ข้าเลือกได้...และข้า...เลือกที่จะรักเจ้า
ยอดชีวาของข้า...ข้าจักรักเจ้า...จนกว่า...ชีวิตของข้าจะจบ สิ้นลง”
ฟายาสพูดต่อและแปลให้หญิงสาวฟังอีกครั้ง คราวนี้วิเวียนเป็นคนโผเข้าสวมกอดแล้วผละออกเพียงเพื่อมองสบนัยน์ตาคู่นั้นและพูดในสิ่งที่ตนเองรู้สึกออกมา
“ขอบคุณค่ะฟายาส วิเองก็เช่นกัน วิสัญญาว่าจะรักคุณเพียงคนเดียวตลอดไป”
ฟายาสรวบร่างบอบบางเข้ามากอด ริมฝีปากอุ่นเฝ้าจุมพิตไปจนทั่วร่างงาม ก่อนสวมกำไลให้กับเธอ
“สิ่งที่ผมพูดเมื่อครู่ ถูกสลักไว้ด้านในของกำไล ขอให้คุณสวมมันเอาไว้จนกว่าจะถึงวันที่เราอยู่ร่วมกัน”
หญิงสาวเอียงกำไลมองข้อความเป็นภาษาที่เธอไม่รู้จักด้วยความอิ่มเอมใจ ไม่ใช่เพราะได้ของขวัญราคาแพง แต่เป็นเพราะคุณค่าทางหัวใจของมันทำให้เธอรู้ว่า สุดท้ายเธอคงไม่อาจจะหนีผู้ชายคนนี้ได้




tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2554, 14:49:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2554, 14:50:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 3020





<< ตอนที่ ๕    ตอนที่ ๗ >>
แว่นใส 28 เม.ย. 2554, 16:38:37 น.
ตัวร้ายเดินทางมาแล้ว ระวังให้ดีนะ


Gingfara 28 เม.ย. 2554, 21:21:55 น.
อ๊ายๆๆๆกำไลๆ
อิจฉาๆค่ะ
รอต่อนะค้าาาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account