ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 3...ผมไม่ปล่อย คนที่ทำให้ผมเจ็บ หรอกนะครับ...

แฟ้มสีดำที่วางโดดเด่นอยู่บนโต๊ะทำงาน ถูกอัคราชหยิบขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง สายตาของทนายความอาวุโสกวาดอ่านในรายละเอียดอีกรอบ แม้จะได้รู้ไปบ้างแล้วตอนที่ถูกอาทิตะยะซักไซ้ให้ตอบไปเมื่อคืน

ประวัตินางสาวสตาริศา อังศุธร โรงแรมอารียา ไม่มีจุดใดที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อยเมื่ออ่านจบ นอกจากประวัติส่วนตัวที่ออกจะมากความสามารถเกินกว่าคุณสมบัติในตำแหน่งที่เธอได้รับ อายุยี่สิบสาม จบหลักสูตรการบริหารการจัดการโรงแรมจากสวิสเซอร์แลนด์ สามารถพูด อ่าน เขียน ได้สามภาษาที่ไม่นับรวมภาษาไทยอยู่ในระดับดีเยี่ยม

อืม...น่าสนใจแต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้อัคราชหมดข้อกังขาว่าเพราะเหตุใดอาทิตะยะจึงเรียกใช้เขาในยามวิกาล เพียงเพราะต้องการจะรู้ประวัติของพนักงานธรรมดาๆ คนหนึ่งโดยด่วน ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ที่เขามักจะได้รับคำสั่งให้ค้นประวัติของใครหลายๆ คนที่ทำงานให้กับตระกูลทรรศไนย แต่ที่น่าแปลกใจคือ รายชื่อที่เขาเคยถูกมอบหมายให้ค้นหาล้วนอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงและทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน ไม่ใช่พนักงานในตำแหน่งพีอาร์หน้าฟร้อนท์เช่นนี้

รูปถ่ายหน้าตรงขนาดสองนิ้วทำให้ดวงตาหลังแว่นสายตากรอบทองเพ่งมองอย่างพิจารณา ในใจครุ่นคิด ไม่อยากจะสรุปและปักใจเชื่อในความคิดที่วาบเข้ามาในสมอง แต่จะมีเหตุผลอื่นใดที่จะเป็นเหตุจูงใจให้ผู้บริหารในวัยยี่สิบต้นๆ ของทรรศไนย ลุกขึ้นมาแสดงท่าทีว่ากำลังสนอกสนใจผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง หากมันจะไม่ใช่ความสวยสะดุดตาที่หล่อนมี

แต่ที่น่าตกใจมากกว่าแปลกใจ ก็คือ สองคนนี้มีโอกาสพบกันด้วยหรือ ในเมื่อสตาริศาเพิ่งจะมาสมัครเข้าทำงานที่โรงแรมอารียาได้เพียงสามเดือน และตลอดระยะเวลาดังกล่าว อาทิตะยะไม่เคยไปปรากฏตัวที่โรงแรมแห่งนั้นเลย หรือถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเป็น ไม่เคยไปเลยตั้งแต่ชายหนุ่มซื้อหุ้นจากการขอร้องของคุณดุจเดือนซึ่งเดิมทีเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของอารียาเมื่อปีที่แล้ว อาทิตะยะก็ไม่เคยจะเฉียดไปใกล้โต๊ะผู้บริหารตามสิทธิและอำนาจที่ได้รับมาแม้แต่ครั้งเดียว

..........

ร่างบางขยับดิ้น ไม่ยอมอยู่นิ่งตามคำบอก...
สองแขนกลมกลึงที่มองผิวเผินคล้ายกับว่ากำลังโอบกอดร่างหนาที่ทาบทับ หากแต่ในความเป็นจริงกลับกำลังแสดงฤทธิ์เดชของอาวุธเล็กๆที่ติดอยู่ที่ปลายนิ้วทั้งสิบไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่ม อาทิตะยะชะงักจำต้องปล่อยริมฝีปากบางให้เป็นอิสระ เขายกศีรษะขึ้นเพื่อสบตา เธอรู้ดีใช่ไหมว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เธอทำลงไป
เจ็บชะมัด! ผู้หญิงไว้เล็บยาวเพราะสิ่งนี้หรือ....

ถ้าไม่กลัวว่าจะเผลอตัวทำเธอเจ็บ เขาคงไม่ยอมหยุด รอยเล็บที่เธอฝากเอาไว้ทั่วแผ่นหลังมันทำให้เขาเจ็บแปลบจนอยากจะแกล้งจูบหนักๆ กัดเบาๆ ให้สาวน้อยได้เจ็บบ้าง แต่เท่าที่เห็นในตอนนี้ ริมฝีปากบางสีระเรื่อกลับเห่อแดงให้เห็นอย่างเด่นชัดเพียงแค่จูบเดียว ถ้าหากเขาลงมือทำอย่างที่ใจคิดเธอจะไม่แย่ไปกว่านี้หรือ

ไม่เคยลืมตัวจูบผู้หญิงคนไหนดุเดือดได้เท่ากับครั้งนี้เลย...ให้ตาย ถ้าเธอไม่ตั้งท่าจะร้องโวยวายเขาก็คงจะทำได้นุ่มนวลกว่านี้ ผิวหน้าเนียนใสซับสีเลือดเย้ายวนชวนมอง คิ้วโก่งเรียวได้รูปขยับชิดบ่งบอกถึงอารมณ์และความรู้สึกภายใน ดวงตากลมโตใต้แพขนตางอนยาวจ้องเขานิ่ง จมูกเล็กเชิดรั้นดูท้าท้าย แต่ริมฝีปากบางกลับถูกเจ้าตัวขบเม้มเอาไว้ไม่เอ่ยร้องขอ ให้เขาปล่อย อย่างที่คิดเอาไว้...น่าแปลกใจ

ริมฝีปากบางที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระเม้มแน่น สตาริศากัดปากตัวเองจนรู้สึกเจ็บ หลังจากที่รู้สึกชาไปกับการบดเบียดจาบจ้วงรุนแรงจากชายหนุ่ม ดวงตากลมโตจ้องมองคนที่หยัดกายอยู่เหนือร่างของตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอไม่ได้เกลียดผู้ชายคนนี้ ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงอย่างที่ควรจะรู้สึกเมื่อเขาแตะต้อง แม้ร่างกายเธอจะเคยเป็นของเขาแต่นั่นเป็นเพราะเธอไม่รู้สึกตัว สตาริศาทำใจยอมรับกับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่โทษเขาในคืนที่ผ่านมา แต่เธอทำใจยอมรับไม่ได้หากมันจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในขณะที่ตัวเองยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์แบบนี้

“ปล่อยฉัน ฉันขอร้อง” สตาริศาเอ่ยปากร้องขอในที่สุด หลังจากนิ่งเงียบไป เมื่อเขาทำท่าว่าจะก้มหน้าลงมาหา เธอกำลังรู้สึกผิด และไม่อาจจะนิ่งเฉยให้ความสัมพันธ์ฉาบฉวยระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นและตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเองได้อีกต่อไป แม้มันจะเป็นความผิดที่ไม่มีทางจะแก้ไขได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังจะสามารถทำใจลืมมันได้ง่ายกว่าหากจะไม่มีภาพความทรงจำใดๆเกี่ยวกับมันติดตัวไป

ในใจหญิงสาวพร่ำภาวนา ขอให้เขาเปลี่ยนใจ และยอมทำตามคำขอร้องของเธอ หากแต่สายตาที่มองมา กลับไม่สื่อความหมายใดนอกจากความต้องการ ซ้ำเขายังยิ้มชอบใจเมื่อเห็นเธอแสดงความกลัวออกมาให้เห็น ไม่ได้ผิดปกติหรือซาดิสก์นะครับ เพียงแต่คิดว่าสาวน้อยขี้เมาน่าจะได้รับบทเรียนในการทำตัวแบบนี้เท่านั้นเอง

“ผมไม่ปล่อย คนที่ทำให้ผมเจ็บหรอกนะครับ”

จบประโยคที่ตั้งใจจะบอกความนัยน์ให้สาวน้อยได้รับรู้ ใบหน้าที่อยู่ห่างแค่คืบก็ขยับเข้าหาในทันที สตาริศาหุบปากฉับเม้มแน่นและเบี่ยงหลบ ดวงตาเบิกกว้างตกใจเมื่อสองแขนถูกจับกดลงไปบนที่นอนนุ่ม ลมหายใจอุ่นปัดผ่านแก้มสีระเรื่อไปยังซอกคอหอมกรุ่นเมื่อพลาดจากปากอิ่ม แต่คนพลาดก็ยังอารมณ์ดีก่อนจะขยับปากกระซิบเบาใกล้ๆ หู “เก็บมือคุณเอาไว้กอดผมดีกว่าไหม อย่าทำแบบเมื่อกี้เลยนะครับ ผมเจ็บ”
เธออยากจะกรี๊ดกับความเจ็บแปลบที่ผิวเนื้อบริเวณลำคอหลังเขาพูดประโยคชวนให้ขนลุกนั่นจบลง แต่ที่ทำคือเอ่ยขอร้องบอกให้เขาหยุด และหยุด

“ปล่อยฉัน อย่า...” สตาริศาส่ายหน้าหนีการรุกรานที่เริ่มจะรุกหนัก สองแขนพยายามขยับเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่เหนียวแน่น ปากเธอร้องบอกให้เขาปล่อยอยู่ตลอดเวลาเมื่อมันยังคงได้รับอิสระ อาทิตะยะไม่สามารถจะบังคับศีรษะเล็กให้อยู่นิ่งได้ ชายหนุ่มจึงพลาดจากการครอบครองเรียวปากสีชมพูอย่างที่ตั้งใจ จูบหนักๆ ของเขาจึงกดไปที่ซอกคอขาวเนียนที่ซึ่งนำพาให้พบกับความรู้สึกนุ่มนวลอ่อนหวานไม่แพ้กัน สัมผัสจากจมูกโด่งและริมฝีปากอุ่นๆ ที่ลากไล้ไปตามลำคอระหงและกำลังเลื่อนต่ำผ่านแอ่งชีพจรทำให้ร่างบางสะท้านก่อนจะสะดุ้งเฮือก

ความปั่นป่วนที่ได้รับทำให้เธอห้ามตัวเองไม่ได้ สตาริศาหันหน้ากลับมาเปลือกตาหลุบต่ำ ศีรษะเขาอยู่ในตำแหน่งที่ทำให้เธอต้องกัดปากข่มเสียงร้อง ร่างกายบิดส่ายไปมาต่อต้านในสัมผัสที่ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจรัวเร็วจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก

เธออยากจะตะโกนบอกให้เขาหยุดแต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะเผยอปาก เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถบังคับเสียงที่ตั้งใจจะเปล่งออกมาให้อยู่ในระดับที่เป็นปกติได้ โดยไม่หลุดเสียงบางอย่างตามออกมาด้วย ความร้อนฉีดพล่านไปทั่วใบหน้า ในขณะที่ร่างกายก็ร้อนรุ่มไม่แพ้กัน มากเกินไปแล้ว เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อน ร่างกายที่เธอเป็นเจ้าของแท้ๆ แต่กลับไม่เคยแตะต้องเคล้าคลึงเท่ากับที่เขากำลังทำ สัมผัสอุ่นจากริมฝีปากและเรียวลิ้นร้อนๆ สร้างความปั่นป่วนในช่องท้องเมื่อมันวนเวียนจูบไซร้เนิ่นนานอยู่บริเวณผิวเนื้อขาวเนียนเหนือบราสีชมพู เพราะต้องการจะใช้มือดึงปราการทั้งหลายออกไปให้พ้นทาง และอยากจะสัมผัสเรือนร่างของเธอโดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวางให้หงุดหงิดใจ สองแขนที่ถูกตรึงไว้ข้างลำตัวของสตาริศาจึงถูกอาทิตยะจับยกขึ้นไปกดไว้เหนือศีรษะเธอ ก่อนจะรวบข้อมือเล็กทั้งสองเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา

ริมฝีปากบางถูกรุกเร้าบดเบียดแนบชิด อาทิตะยะไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้พูดอีก จูบของเขาวกกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเธอแทบจะหยุดหายใจ ทั้งๆที่หัวใจยังเต้นถี่ ท้องไส้ปั่นป่วนหน้าท้องแบนเรียบเกร็งแน่น ร่างบางขยับส่ายไปมาหวังจะให้หลุดพ้น แต่กลับกลายเป็นการกระตุ้นเพิ่มการเสียดสีให้อารมณ์ของอีกฝ่ายประทุขึ้นเกินจะควบคุมให้ค่อยเป็นค่อยไปได้อีกต่อไป เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกรั้งขึ้นและดึงให้พ้นศีรษะเล็กไปเป็นอันดับแรก เผยผิวขาวและเรือนร่างสมส่วนให้ปรากฏแก่สายตาอีกครั้ง หลังจากที่ได้เห็นไปบ้างแล้วตอนเปลี่ยนชุดให้กับเธอเมื่อคืน

แม้จะเจอสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของสาวน้อยใต้ร่าง หรือแม้ว่าจะได้ยินเสียงสั่นๆ ของเธอ ตอนที่เธอพยายามจะห้ามไม่ให้เขาถอดเสื้อของเธอออก แต่ในเมื่อได้เริ่มไปแล้วซ้ำยังรับรู้ได้ถึงอาการตอบสนองในทุกๆ ครั้งที่เขาลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรือนร่างเรียบลื่นตั้งแต่แผ่นหลังเปล่าเปลือยไปจนถึงสะโพกผายกลมกลึงทำให้อาทิตะยะไม่คิดว่าเขาจะสามารถหยุดได้ตามคำขอ
แค่ครั้งเดียวที่ต้องหยุดตัวเองในคืนที่ผ่านมา เขาก็รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดและความทรมานในแบบที่ไม่เคยคิดว่าในชีวิตของเขาจะได้เจอ

ถ้าเธอรู้ว่าเมื่อคืนเขาดับความต้องการของตัวเองด้วยวิธีไหน ถึงได้ปล่อยให้เธอรอดมาจนถึงเช้านี้ได้ เธอคงจะไม่ใจร้ายบอกให้เขาหยุดหรอกใช่ไหม
การไปยืนใต้ฝักบัวและปล่อยให้น้ำเย็นๆไหลผ่านตัวอยู่เกือบชั่วโมงมันทำให้เขาเข็ดขยาด

อาทิตะยะไม่เคยใช้กำลังกับผู้หญิงคนไหนเท่ากับคนนี้ ให้ตายสิ...เธอไม่คิดจะอยู่เฉยๆ และนอนนิ่งๆ ให้เขาจูบแบบสบายๆ โดยไม่ต้องออกแรงบ้างหรือไงนะ ร่างแกร่งและแข็งแรงกว่าจงใจทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับบังคับร่างบางที่ขยับส่ายไปมาให้อยู่นิ่ง มือข้างหนึ่งยังจับมั่นอยู่ที่ข้อมือเล็กเหนือศีรษะ ในขณะที่อีกข้างสอดเข้าไปเพื่อรั้งท้ายทอยบังคับให้ใบหน้าเนียนอยู่นิ่ง ดวงตาวับวาวเอาเรื่องของเธอไม่ได้รับการใส่ใจ ริมฝีปากหยักได้รูปโค้งน้อยๆ ก่อนที่จะขยับเข้าครอบครองริมฝีปากสีระเรื่อของสาวน้อยนัยน์ตาวาวด้วยจูบที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะเสาะแสวงหาความหวานล้ำที่เคยลิ้มลอง ลิ้นอุ่นสอดแทรกเกี่ยวกระหวัดอย่างชำนาญทำให้คนที่เพิ่งจะคิดริลองในเกมรักตกตะลึงพึงเพริศตาค้าง

สติที่กระเจิดกระเจิงพยายามสั่งการให้ร่างกายกระถดถอยแต่กลับถูกรั้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยอ้อมแขนแข็งแรงและร่างกายของชายหนุ่ม สัมผัสร้อนจากริมฝีปากอุ่นที่ลากผ่านเนินอก ลงสู่หน้าท้องแบนราบทำให้ร่างบางถึงกับสั่นสะท้าน ทรมาน เสียงครางเบาที่เล็ดลอดออกมาทำให้ความยับยั้งชั่งใจของอาทิตะยะขาดสะบั้น ชายหนุ่มขยับตัววกกลับขึ้นมาเผชิญหน้าเพื่อมอบจูบอ่อนหวานให้กับเธออีกครั้งพร้อมกับสอดมือเข้าไปปลดตะขอบราสีหวานและดึงมันออกอย่างง่ายดาย

อาการต่อต้านขัดขืนเปลี่ยนเป็นตอบสนองตามใจเมื่อถูกปลุกเร้ารุกหนัก ข้อมือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เธอจิกเล็บลงไปบนที่นอนเมื่อไม่อาจเกาะเกี่ยวเขาเอาไว้ได้ ร่างแกร่งเลื่อนต่ำเพื่อจะสัมผัสเธอ ปราการด่านสุดท้ายถูกถอดออก หญิงสาวครวญครางสุดจะกลั้นร่างกายบิดเร่าและรู้สึกรวดร้าวไปกับสัมผัสแปลกใหม่ที่อีกฝ่ายมอบให้

ในขณะที่ร่างกายเรียกร้องและต้องการไม่สิ้นสุด แต่หัวใจของเธอกลับต่อต้านและปฏิเสธที่จะยอมรับกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเจ็บปวด ขอบตาร้อนผะผ่าวและเริ่มพร่ามัวจากน้ำใสๆ ที่เอ่อล้น ริมฝีปากล่างถูกกัดจนห้อเลือดความเจ็บย้ำเตือนให้รับรู้ในทุกๆ จังหวะที่อีกฝ่ายกระทำ ร่างกายถูกกระตุ้นจนเกินจะทนได้อีกต่อไปเธอผวากอดร่างกายแกร่งเปล่าเปลือยที่แนบชิด การสอดแทรกของเขาทำให้เธอสูญเสียการควบคุมตัวเอง ร่างบางแอ่นสะโพกรับหวังจะให้ความว่างเปล่าถูกเติมเต็ม เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความต้องการที่แทบจะแยกร่างของเธอออกเป็นเสี่ยงๆ หากมันกลับทำให้ความร้อนรุ่มวิ่งพล่านไปทั่วร่างมากกว่าเดิม ก่อนจะนำพาความเจ็บปวดแทรกซึมไปทั่วทุกส่วนของร่างกายหลังจากนั้น

อาทิตะยะขบกรามสกัดกั้นความต้องการ เธอทำให้ความผิดบาปวิ่งเข้าสู่หัวใจเขา เมื่อร่างกายเขาค้นพบบางอย่างในตัวเธอ สตาริศาไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่คิด เธอไม่ใช่สาวน้อยขี้เมาที่จะมองเห็นว่าเซ็กซ์เป็นแค่เรื่องสนุกและบำบัดความใคร่ในตัว เขาพลาดที่พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตัวเองจนต้องกลายมาเป็นผู้ชายที่ลงมือทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งโดยเจตนา

แต่เขามาไกลเกินกว่าจะหยุด ทุกอย่างจึงต้องดำเนินต่อไป ด้วยหัวใจและร่างกายที่พร้อมจะมอบความอ่อนโยน ทุกสัมผัสหลังจากนี้จึงค่อยเป็นค่อยไป จนรู้สึกได้ว่าเธอพร้อม...
ร่างบางครวญครางและกรีดร้องเมื่อเขาขยับลึกเป็นครั้งสุดท้ายและปลดปล่อย อาทิตะยะตระกองกอดร่างบางแนบตัวเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง เสียงหอบถี่ของเธอค่อยๆ กลับคืนเป็นปกติ ร่างกายที่เครียดเกร็งเริ่มผ่อนคลายอยู่ในอ้อมกอดของเขา อาการนิ่งเงียบของเธอทำให้เขาแปลกใจ...
“สตาริศา...” เสียงกระซิบแผ่วเบาอ่อนโยน ไม่ได้รับการขานตอบ เธอหลับตาและยังคงปิดปากเงียบ แม้เขาจะก้มจูบซับความเปียกชื้นที่หน้าผากมน หรือกระชับกอดแน่นขึ้น เธอก็ไม่มีทีท่าขัดขืน

สตาริศา...เธอจะรู้ไหมว่านี่ต่างหาก คือครั้งแรกของตัวเอง ไม่ใช่เมื่อคืน !

เปลือกตาเธอขยับยุกยิกเล็กน้อย ก่อนสองแขนจะยกขึ้นกอดและเบียดร่างเข้าหาเขา เธอทำให้เขาแปลกใจอีกแล้ว

ความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นกับร่างกายและหัวใจ ทำให้สตาริศาเลือกที่จะเงียบและเธออยากจะอยู่นิ่งๆ สักพัก
“เงียบเถอะ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้”เสียงเธอพึมพำเบาๆ จากนั้นก็เงียบไป
ลมหายใจที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอของร่างที่กอดอยู่ในเวลาต่อมา ทำให้อาทิตะยะรู้ว่าเธอได้หลับทิ้งเขาไปแล้ว

ชายหนุ่มนอนมองเพดาน เขาไม่สามารถจะข่มตาหลับตามเธอไปได้ ในเมื่อสมองของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความจริงที่ได้รู้ทำให้สับสน ผู้หญิงที่เขาคิดว่าเธอเป็นเพียงดอกไม้ริมทางที่ต้องการจะสนุกและลิ้มลองการมีเซ็กซ์กับใครก็ได้ที่ผ่านเข้ามา แต่ในความเป็นจริงเธอกลับยังบริสุทธิ์ผุดผ่องจนกระทั่งมาเจอเขา อาทิตะยะไม่คิดจะจริงจังกับผู้หญิงที่พบกันชั่วข้ามคืน แต่เขาจะทำยังไง หากเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อเรียกร้องที่จะให้เขารับผิดชอบ

อาทิตะยะ ทรรศไนย ชีวิตของเขาไม่เคยขาดผู้หญิง เพราะพวกเธอทั้งหลายแทบจะไม่ปล่อยเวลาให้เขาได้อยู่คนเดียวนานนัก เมื่อคนหนึ่งพร้อมจะจากไป อีกคนก็พร้อมจะเข้ามาแทนที่ในทันที โดยไม่สนใจว่าเขาพร้อมจะรับไมตรีนั้นหรือไม่ ผู้บริหารหนุ่มไม่สนใจฉายาคาสโนว่า ที่ได้รับ เพราะในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงที่เดินเข้ามาในชีวิตได้ทุกคนหรอกนะ มีบางคนเท่านั้นที่เขาอาจจะรู้สึกว่าชอบจึงลองเปิดใจคบหา แต่เพียงไม่กี่เดือนเขาก็จะรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด สุดท้ายก็ต้องแยกทาง ต่างคนต่างไป

การบอกผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์ต่อกันให้ออกไปจากชีวิตไม่ใช่เรื่องยากเมื่อเขามีมากพอที่จะจ่ายตามจำนวนที่พวกเธอต้องการจนกว่าจะพอใจ เงิน...ไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเมื่อเทียบกับอิสระและความสบายใจที่เขาจะได้รับ และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อาทิตะยะ ทรรศไนย ไม่คิดจะให้ใจและลงเอยกับผู้หญิงคนไหน ในเมื่อเขาไม่เคยมองเห็นคำว่า “รัก” ในสายตาของพวกหล่อน นอกจากคำว่า “เงิน” ตลอดช่วงเวลาที่คบกัน

..........

การหายตัวไปของลูกสาวที่เคยกลับบ้านตรงต่อเวลาซ้ำยังไม่เคยเที่ยวเตร่เถรไถลที่ไหนโดยไม่บอกกล่าว แม้มันจะเป็นระยะเวลาเพียงชั่วข้ามคืน แต่มันก็ทำให้หัวอกของคนเป็นแม่ร้อนรนจนทนไม่ไหว ในหัวเริ่มจะคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆ นาๆ จนไม่สามารถจะทนนั่งนิ่งได้อีกต่อไป คุณครูคิริมาลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะก้าวออกจากบ้าน แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับก็ถูกฉุดแขนเอาไว้จากนายแพทย์ศิระสามีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“เดี๋ยว...แม่จ๋า” คนเป็นสามีเรียกขานภรรยาตามลูกสาว “ ใจเย็นๆ นั่งลงก่อนเถอะนะ รออีกสักหน่อยดีไหม ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมง เดี๋ยวลูกอาจจะโทรกลับมาก็ได้”

คนเป็นภรรยานึกขัดใจที่ถูกห้าม ความใจเย็นละไม่มีใครเกินนายแพทย์ศิระ อังศุธร สามีเธอแน่...ให้ตายเถอะ ลูกสาวหายไปทั้งคืน จนเธอไม่ได้หลับได้นอน แต่เขากลับมาบอกให้เธอรอ ใครจะไปรอไหว แค่ลูกกลับบ้านผิดเวลาเธอก็แทบจะแจ้นไปหาตำรวจแล้ว หากไม่ติดที่เวลาในการแจ้งความคนหายละก็ เป็นเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อคืนนั่นแหละ

“แม่จะไปแจ้งความนะพ่อ ลูกสาวหายไปทั้งคืน แม่จะบ้าตายแล้วนะถ้าหากไม่ให้ทำอะไร โทรไปก็ไม่รับสายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เกิดอะไรร้ายๆ กับแกรึเปล่าพ่อ โธ่...ยัยดาวของแม่ ”

เสียงคร่ำครวญของภรรยาถึงลูกสาวทำให้หัวอกของคนเป็นพ่อรู้สึกปวดหนึบขึ้นมาไม่แพ้กัน แต่ก็ต้องฝืนเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักยึดให้กับภรรยาที่กำลังร้องไห้ซบอกอยู่ในตอนนี้

การโทรไปแล้วไม่มีการรับสายหากแต่มีสัญญาณ แสดงว่าโทรศัพท์อาจจะยังอยู่กับตัว เพียงแต่ไม่ว่างรับ เพราะถ้าเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นจริงโทรศัพท์ของลูกสาวคงไม่สามารถจะติดต่อได้แบบนี้ในความคิดของคนเป็นพ่อ อีกหนึ่งเหตุผล ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เคยเกิด สตาริศาเคยหายไปทั้งคืนแบบนี้ ตอนที่ไปฉลองงานวันเกิดที่บ้านเพื่อนจนเมาแอ๋แต่ช่วงเวลาที่โทรมาบอกที่บ้านกลับไม่มีใครรับ โทรติดต่อมือถือพ่อแม่ก็ไม่มีใครรับอีก และด้วยเหตุบังเอิญที่มือถือของลูกสาวแบตฯ หมด พ่อกับแม่จึงร้อนใจเมื่อโทรกลับไป แล้วติดต่อไม่ได้ในเวลาต่อมา สุดท้ายจึงตัดสินใจไปแจ้งความ แล้วไงล่ะ...พอลูกสาวทราบข่าวว่าพ่อแม่ของตัวเองอยู่ที่สถานีตำรวจก็เล่นเอาแตกตื่นไปกันใหญ่เพราะความเข้าใจผิด เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายไปทั้งโรงพักเหมือนกัน เมื่อคนที่ถูกแจ้งหายดันโผล่ไปปรากฏตัวซะก่อนที่ร้อยเวรจะลงบันทึกประจำวันเสร็จด้วยซ้ำ

อีกทั้งคุณครูคิริมายังถูกกล่าวหาว่าเป็นกระต่ายตื่นตูมเข้าอีก วันนั้นเลยเกิดเหตุวิวาทให้ต้องจ่ายค่าปรับกันไปถึงจะได้กลับบ้าน...

คุณครูคิริมาแม่พิมพ์ของชาติที่เฝ้าสอนกิริยามารยาทเรียบร้อยอ่อนหวานให้กับลูกสาว ใครเลยจะคาดคิดว่ายามถึงคราต้องเล่นบทโหด ก็เล่นเอาตำรวจกลัวกันไปทั้งโรงพักไม่เว้นแม้กระทั่งนายแพทย์ศิระสามีที่ยืนกอดปลอบใจอยู่ข้างๆ ในตอนนี้

~*~*~*~*~*~*~





ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 13:46:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:53:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 3184





<< ตอนที่ 2...จบกับผม คือบนเตียง ตามที่คุณขอ...   ตอนที่ 4...คิดจะทิ้งกันไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทาง!... >>
ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:25:28 น.
^O^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account