ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 4...คิดจะทิ้งกันไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทาง!...

เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ร่างบางขยับพลิกตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่มก่อนจะค่อยๆ ลืมตา วินาทีแรกที่ได้สติ ความทรงจำต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าตรู่ทำให้หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวแทบจะทันที ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาคล้ายโล่งอกเมื่อพบว่าในห้องนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากตัวเอง

ผ้าห่มผืนบางถูกดึงขึ้นมาพันรอบตัวเมื่อขยับนั่ง ก่อนจะก้าวลงจากเตียง จากนั้นก็ก้าวอย่างระมัดระวังไม่ให้เหยียบชายผ้าที่ยาวรุ่มร่ามขณะเดินไปที่ประตู มือเล็กจับลูกบิดประตูหมุนคลิ๊กและผลักเปิด เมื่อเห็นว่าเธอสามารถจะออกจากห้องนี้ไปได้ จึงรีบดึงประตูปิดและกดล็อค ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้ามาในห้อง

ดวงตาที่เคยสดใสหม่นหมองขณะกวาดมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง กระเป๋าสีดำที่วางอยู่บนโซฟากระตุ้นให้คนที่เป็นเจ้าของสาวเท้าเข้าไปหา โดยลืมไปว่าตัวเองอยู่ในห่อผ้ารุ่มร่ามขนาดไหน ดังนั้นเพียงแค่ขยับก้าวแรกออกไปเธอก็สะดุดชายผ้าจนหน้าคะมำ พร้อมกับเสียงหวีดร้อง ก่อนจะตามด้วยเสียงโอดโอยดังลั่นเมื่อเข่ากระแทกพื้น ฝ่ามือทั้งสองที่หมายจะค้ำตัวไถลพรืด เป็นเหตุให้ร่างบางเสียหลักลงไปนอนวัดพื้นทั้งตัว...จุกจนไม่อยากจะขยับ เจ็บ...ถึงขนาดต้องกัดปากตัวเองข่มเสียงร้องเมื่อลุกนั่ง

สองมือดึงผ้าขึ้นมาห่อตัวไว้เหมือนเดิม ก่อนจะหงายฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมาดู ฝ่ามือขาวห้อเลือดแดงเถือก ซ้ำยังรู้สึกแสบจนต้องอาศัยลมปากเป่าบรรเทา แต่ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บ ร่างบางก็ยังฝืนลุกขึ้นเดินกระเผลกไปจนถึงเป้าหมาย

สตาริศานั่งลงไปบนโซฟายาว มือรื้อค้นหาบางอย่างในกระเป๋าท่าทางรีบร้อน ก่อนจะตัดสินใจเททุกอย่างออกมาด้วยไม่อยากจะเสียเวลาควานหาอีกต่อไป ดูเหมือนทุกๆ อย่างของเธอจะอยู่ครบ มือเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองตั้งระบบสั่นเอาไว้ขึ้นมาเปิดดู คิ้วเรียวบางขยับชิดเมื่อมองเห็นเบอร์ที่ไม่ได้รับอันแสนจะคุ้นเคยปรากฏจำนวนครั้งที่ติดต่อเข้ามานับร้อย
ตายล่ะ แม่จ๋า กระหน่ำโทรมาขนาดนี้เลยเหรอ

เบอร์ที่โทรเข้ามาทำให้คุณครูคิริมารับสายด้วยเสียงตวาดดัง ตามด้วยคำต่อว่าจนปลายสายต้องขยับโทรศัพท์ออกห่าง ก่อนจะหูดับไปกับเสียงของแม่

“แม่จ๋าใจเย็นๆ ลูกสาวปลอดภัยดี ตอนนี้อยู่ที่เกาะ......”สตาริศาบอกชื่อเกาะที่ตัวเองนั่งเรือข้ามฟากมา เพื่อหวังจะมาแสวงหาบรรยากาศนั่งกินลมชมวิวให้ลืมความโศกเศร้าจากการถูกหักอก แต่กลับกลายเป็นว่าจะต้องมาเจอเรื่องที่เศร้ากว่า เลวร้ายกว่า

“แม่จ๋า โรงแรมดาวจัดสัมมนา และดาวก็ถูกสั่งให้มาแบบกะทันหัน พอมาถึงก็ยุ่งตลอดจนไม่ว่างโทรหา อีกอย่างโทรศัพท์ดาวตั้งระบบสั่นเอาไว้ก็เลยไม่ได้ยินตอนที่แม่โทรเข้ามา แม่จ๋าอย่าโกรธเลยนะ”
คำอธิบายยาวเหยียด พร้อมกับเสียงออดอ้อนของลูกสาวทำให้อารมณ์เดือดของคุณครูคิริมาคลายลง

“ลูกหนอลูก จริงๆ เลย วันหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะดาว รู้ไหมว่าแม่กับพ่อเป็นห่วงแทบไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืน”
เมื่อได้ทราบเหตุผลในการหายเงียบไปของลูกสาว แม้จะรู้สึกโล่งอก แต่คุณครูคิริมาก็ยังไม่หมดความห่วงใยในตัวลูกสาวเพียงคนเดียว

“ดาวขอโทษนะคะแม่ ต่อไปดาวจะโทรบอกแน่นอนค่ะ”

“ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน ก็ต้องโทรบอกแม่ให้ได้ เข้าใจมั๊ยดาว ” คนเป็นแม่กำชับ

“ค่ะแม่”ลูกสาวรับปากโดยดี

“แล้วสัมมนาที่ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ล่ะ”

“ดาวยังไม่รู้เลย เอาไว้ถ้ารู้เวลาแน่นอนดาวจะโทรบอกแม่จ๋าอีกทีนะคะจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง อุ๊ย แม่ ดาววางสายก่อนนะ เจ้านายมา แค่นี้นะคะแม่ ดาวรักแม่นะคะ”

หญิงสาวหาเหตุตัดบทสนทนา เพราะกลัวว่าถ้าฝืนคุยกับแม่ต่อไป เธอคงปล่อยโฮ... ยิ่งแม่แสดงความห่วงใยออกมามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อท่านมากขึ้นเท่านั้น

เพราะต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน สตาริศาจึงเลือกที่จะโกหกเพราะไม่พร้อมจะกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ให้กำเนิดทั้งสองคน

ส่วนงาน...เธอจะโทรไปลาออก เพราะเธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่ชื่ออาทิตะยะ ทรรศไนยไม่ว่ากรณีใดๆ ในเมื่อความสัมพันธ์ที่เกิดคือความผิดพลาด...ที่เธอไม่อยากจะจดจำ

สตาริศาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจก ชุดพนักงานโรงแรมอารียาที่เธอสวมมันย้ำเตือนให้ถึงใครคนหนึ่ง และการกระทำของเขา ร่างบางสะบัดศีรษะขับไล่ความทรงจำที่อยากจะลืม เธอจะต้องรีบไปจากที่นี่ ช้าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว...ถ้าหากอยากจะมีความภูมิใจในตัวตนของตัวเองหลงเหลืออยู่บ้าง เธอจะต้องไปก่อนที่เขาจะออกปากไล่...สตาริศา

ร่างบางคว้ากระเป๋าที่อยู่ใกล้มือก้าวฉับๆ ไปที่ประตูทันที มือเล็กคว้าลูกบิดและผลักประตูเปิดออก ความเงียบด้านนอกทำให้รู้สึกว่าการเดินออกไปจากที่นี่ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดเอาไว้ บ้านพักตากอากาศหลังนี้คงเป็นหนึ่งในหลายๆ หลังบนเกาะแห่งนี้

ร่างบางเดินลงบันได เมื่อหันมองซ้ายขวาแล้วไม่พบใคร แต่พอเปิดประตูบานใหญ่และก้าวพ้นจากตัวบ้าน สาวน้อยถึงกับหลุดคำอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด

อะไรกัน....ที่นี่มันที่ไหน...!?!

ทะเล ทะเล ทะเล มองไปทางไหนก็เวิ้งว้าง...ไร้ผู้คน ได้ยินแต่เสียงคลื่น มองเห็นแต่หาดทราย โขดหิน และต้นไม้ บ้านหลังนี้มันตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของเกาะกัน แล้วเธอจะกลับยังไง จะเริ่มต้นเดินไปในทิศทางไหน ถึงจะกลับไปที่ร้านอาหารเรือนตะวันซึ่งเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่เธอรู้จักบนเกาะแห่งนี้ได้
สาวน้อยร่ำร้องในใจ สิ้นหวัง ในเมื่อหมดหนทางที่จะไป จึงได้แต่ทำใจ ตัดสินใจเปิดประตูกลับเข้าไปข้างใน ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งไปบนโซฟาหน้าทีวีจอใหญ่ที่เกาะติดอยู่กับผนัง...แว่นตากันแดดอันโตถูกถอดออกจากใบหน้าเล็กซึ่งตอนนี้ดูขาวซีดเมื่อปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้ม

รู้สึกหนักอกหนักใจยิ่งกว่าถูกแฟนทิ้งซะอีก...เมื่อนึกถึงการเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ได้เห็นร่างกายของตัวเองไปถึงไหนต่อไหนทำให้แก้มขาวซีดกลับแดงจัด ริมฝีปากบางถูกขบเม้มแน่นขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็ทำให้ร่างบางทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนเร็ว อาการเจ็บแปลบบริเวณท้องน้อยทำให้เธอนิ่วหน้าหลุดเสียงคราง

ความคิดที่แล่นเข้าสู่สมองยามรู้สติ...ทำให้เธอไม่อยากจะนั่งรอแบบไร้จุดหมายอีกต่อไป
สตาริศามองสำรวจรอบตัว บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่สองชั้นแบบทันสมัย รอบตัวบ้านออกแบบให้เป็นกระจกโดยส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้กระจกทุกด้านกลับมีม่านหนาทิ้งตัวตั้งแต่เพดานลงมากั้นแสงจากภายนอกไม่ให้ลอดผ่านเข้ามา บางทีเขาอาจจะยังอยู่ที่ห้องใดห้องหนึ่งในบ้านหลังนี้ก็ได้....เธอจะต้องหาเขาให้เจอก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

เธอจะต้องบอกให้เขาพาเธอออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และรีบจัดการกับตัวเองซะ ก่อนที่เธอจะท้องขึ้นมาอย่างที่นึกกลัว

สตาริศา...เธอจะท้องไม่ได้นะ!!

คลิ๊ก...
ร่างสูงที่ยืนพิงกรอบหน้าต่างหันไปมองที่ประตู ก่อนจะหมุนทั้งตัวเพื่อมาเผชิญหน้ากับคนที่เปิดประตูออกกว้าง หากแต่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงถามราบเรียบปกติ ท่าทางไม่ได้ตกใจหรือประหลาดใจแม้แต่น้อยที่ได้พบเธอ “เข้ามาสิ” ชายหนุ่มเชื้อเชิญ แต่คนถูกชวนกลับยืนเฉย

“ที่นี่ที่ไหนคะ...”เธอถามในสิ่งที่สงสัยขึ้นทันที “แล้วฉันจะไปจากที่นี่ได้ยังไง”

ดวงตาคมเข้มฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะตัดสินใจเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเธอเสียเอง ชายหนุ่มยกมือกอดอก และไล่สายตาพิจารณาร่างบางตรงหน้าอย่างเปิดเผย เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรเธอในห้องหนังสือนี้อย่างนั้นหรือ

การถูกมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้สองมือเล็กข้างลำตัวกำแน่น

อาทิตะยะ มองรอยถลอกที่เข่าทั้งสองข้าง นั่นคือสาเหตุของเสียงโครมครามและเสียงกรีดร้องที่เขาได้ยินสินะ สาวน้อยขี้เมาสามารถล้มลุกคลุกคลานได้แม้แต่ตอนที่มีสติเต็มร้อยได้ด้วยหรือ

รอยยิ้มบางๆ จากผู้ชายตรงหน้าทำให้ใบหน้าเล็กบึ้งตึง ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ถ้าเธอรู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง เธอคงไม่มายืนบื้อให้เขายิ้มเยาะดูถูกแบบนี้แน่...

“ขอโทษนะคะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหม ว่าฉันจะกลับไปที่ร้านอาหารเรือนตะวันได้ยังไง”

สตาริศาถามถึงสถานที่เพียงแห่งเดียวที่เธอจำได้

“เข่าคุณไปโดนอะไรมา”

แทนที่จะตอบ เขากลับถาม

คนถูกถามกลับขมวดคิ้ว มองผู้ชายตรงหน้าด้วยคาดไม่ถึงว่าเขาจะสนใจ
จะอยากรู้ไปทำไมนะ “ช่างมันเถอะ จะสนใจทำไม คุณตอบที่ฉันถามก่อนได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดในสิ่งที่คิด
“ทำแผลไหม ผมมียานะ...รอเดี๋ยว”

“คุณอาทิตะยะ!”

คนรอคอยคำตอบเริ่มจะไม่พอใจ เมื่อเขาทำทีไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูด

“เรียกผมว่า หนึ่งก็ได้ ชื่อนั้นมันยาวไป” เขาแทรกขึ้นก่อนที่เธอจะได้พูดประโยคที่อยู่ในใจออกไปในรวดเดียวอย่างที่ตั้งใจ จึงออกอาการสะดุดเล็กน้อย...และจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ

“คุณหนึ่ง...”เธอพยายามอีกครั้ง “ฉันอยากจะให้เราลืม ระ...” หญิงสาวค้างประโยคไว้เท่านั้น เมื่อมีอีกประโยคแทรกขึ้นมาอีก จากผู้ชายคนเดิม

“คุณมีชื่อเล่นไหม...สตาริศา”

คนที่ถูกขัดจังหวะในการพูดเริ่มหงุดหงิด...

“มี แต่คุณช่วยหยุดฟังฉันพูดก่อนได้ไหมคะ”

คนถูกขอยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “เชิญครับ”

“ฉันอยากให้คุณลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ฉัน...”

“เดี๋ยวนะ คุณยังไม่บอกชื่อเล่นกับผมเลย” กี่ครั้งแล้วที่เธอถูกขัดจังหวะ สตาริศาเริ่มนับหนึ่งในใจ
“ฉันคิดว่าชื่อฉันมันไม่ได้สำคัญอะไร ฉันขอคุยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราก่อนได้ไหม ฉันคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดจากการเข้าใจผิด และฉันไม่ติดใจ...ฉันอยากจะ...”

“ตกลงคุณมีชื่อที่เรียกสั้นๆ ไหม...สตาริศา”

สตาริศานับ สอง ก่อนจะรวบรวมสมาธิพูดขึ้นอีกครั้ง

“ฉัน...”

“สตาริศา” เสียงเขาแทรกย้ำเตือนให้เธอทำตาม ในสิ่งที่ขอ สตาริศาผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา และนับห้า

“โอเคค่ะ ฉันชื่อดาว”

“ก็แค่นั้น แล้วยังไงครับ...ดาว”

หก...เจ็ด สตาริศานับอีก ผู้ชายตรงหน้ากำลังสนุกที่ได้ปั่นหัวเธอใช่ไหม

“ฉันจะไปจากที่นี่ได้ยังไงคะ”

“มีชื่อเล่นไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้ อย่าพูดได้ไหม ไอ้คำว่าฉันๆ มันฟังขัดหู ไม่ชอบ”

“คุณก็ตอบซะทีสิคะ ฉันจะได้เลิกพูด...กับคุณ”

“เรือ...”

“คะ”

“ถ้าจะไปจากเกาะนี้ ก็ต้องนั่งเรือไป”

“ฉันหมายถึงไปจากบ้านหลังนี้ ไปที่เรือนตะวันนะคะ”

“ก็ต้องนั่งเรือเหมือนกัน หาดนี้อยู่คนละฝั่งกับเรือนตะวัน และผมไม่เคยคิดจะทำถนนให้รถวิ่งมาถึงที่นี่”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันทำให้คนที่ได้ยินตกใจขนาดไหน ใบหน้าขาวซีดกลับซีดเข้าไปอีกในสายตาเขา

“ตกลงที่นี่ มันคือที่ไหนคะ”

“หาดส่วนตัวของผม ”อาทิตะยะบอก

มิน่าล่ะ ทุกๆ อย่างมันถึงได้หายไปหมด ทั้งร้านอาหาร รีสอร์ท หรือแม้แต่ผู้คน

“ที่หาดนี้ ไม่มีบ้านใครนอกจากบ้านผม”

“แล้วฉันจะกลับได้ยังไง”

“ผมไม่อยู่ที่นี่ตลอดไปนี่ คุณก็กลับกับผมไง”

“วันนี้ใช่ไหม”

“อาจจะ...” เขาหยุดเพื่อเว้นจังหวะในการพูด “หรืออาจจะไม่”

“ถ้าอย่างนั้น ไปส่งฉันก่อนได้ไหม ฉันอยากจะกลับบ้าน”เธอเอ่ยขอ พร้อมกับนับแปดในใจ

“ไปส่งใครนะ”

“ส่งฉันไง” นับเก้า...แล้วนะ

“ฉันไหน ผมไม่เคยรู้จักคนชื่อ...ฉัน”

สตาริศากัดฟันกรอด ตะโกนนับสิบดังๆขึ้นในใจ...พร้อมกับหมดความอดทนที่จะนับต่อไปได้อีก หมดเวลาที่จะอ้ำๆอึ้งๆ ในเมื่อได้รู้แบบนี้ เห็นทีจะต้องเปิดอกคุยกันให้รู้เรื่องว่าเธอไม่ปรารถนาจะเกี่ยวข้องกับเขาอีก ด้วยสิ่งที่เกิดนี้มันคืออุบัติเหตุ คือการเข้าใจผิด และเธออยากจะลืม!

“คุณหนึ่ง ฉันว่าเราควรจะคุยกันให้รู้เรื่อง”

“ผมจะคุยกับคนที่คุยรู้เรื่อง”

“ฉันคุยไม่รู้เรื่องตรงไหน คุณพูดมาสิคะ”

“ถามตัวเองสิดาว ว่าคุยกับผมรู้เรื่องไหม คุณเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดรึเปล่า”

เขาหมายถึงอะไร เธอเริ่มจะไม่เข้าใจแล้วว่าเขากำลังเล่นแง่อะไร

“ฉันไม่เข้าใจ”

“ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน... ไม่เคยเจอแบบนี้เลย ให้ตายสิ! ขอโทษนะ อีกสักชั่วโมงค่อยมาคุยกันใหม่ก็แล้วกัน”

พูดจบร่างสูงก็เดินผ่านเธอออกไปจากห้องหน้าตาเฉย ทิ้งให้เธอยืนอึ้งมองตามตาค้าง

อะไรของเขา...สตาริศามองตามหลังคนที่ก้าวลงบันไดไป ในใจสับสน

แล้วตกลงใครกัน...ที่พูดไม่รู้เรื่อง จู่ๆ เขาก็ทำท่าหงุดหงิดแล้วเดินหนีเฉยเลย แบบนี้เธอจะกลับบ้านยังไงกัน...บ้าชะมัด!!

อาทิตะยะ...เดินหนีกันไปดื้อๆ แบบนี้ไม่ได้นะ
คุณจะต้องพาฉันออกไปจากที่นี่ วันนี้

“คุณหนึ่ง”

เสียงเรียกของคนที่เดินตามหลังมา ทำให้เขาชะงัก แต่ไม่ยอมหยุด
สตาริศา...เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน ถึงได้ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องที่เกิดขึ้น ซ้ำยังบอกให้เขาลืมได้หน้าตาเฉย แต่มันก็ดีไม่ใช่หรือ...อาทิตะยะแย้งในใจ

ใช่...มันน่าจะดี...ที่เธอไม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องให้เขารับผิดชอบอย่างที่เขาคิด
แต่ทำไมเขากลับไม่รู้สึกโล่งใจอย่างที่ควรจะเป็นเลยล่ะ นี่เขาเป็นบ้าอะไร แค่ได้ยินเธอบอกว่าจะไปๆ จะไปให้ได้เดี๋ยวนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาจนต้องเดินหนี...
เพราะเขากำลังไม่เข้าใจตัวเอง ถึงได้เดินหนีเธอ

แล้วเธอจะตามมาทำไมตอนนี้วะ...!

“คุณ หยุดเดินก่อนได้ไหม” เธอเรียกเมื่อเขาเดินออกมาจนถึงหาดทรายขาว...ถัดออกไปก็เป็นทะเล แล้วไหนล่ะเรือ...คำพูดของเขาทำให้เธอมองหา...ไม่เห็นมีเรือสักลำ

เมื่อเดินไม่ทัน ก็วิ่งเลยดีไหม ...สตาริศาตัดสินใจทำตามที่คิดเมื่อเห็นอทิตะยะกำลังเดินห่างออกไปทุกที

แรงฉุดที่แขนทำให้ร่างสูงหยุดกึก และหันขวับมามอง ร่างบางที่หอบเหนื่อยอยู่ข้างๆ
...เธอไม่ยอมแพ้จริงๆ ให้ตายสิ…

“ตามมาทำไม”

“ฉัน...ฉัน...”เธอยังไม่ทันจะได้พูด เขาก็ทำท่าจะหนีอีก จนต้องออกแรงฉุดเอาไว้ “เดี๋ยวสิ” สตาริศารีบเอ่ยห้าม

“ผมไม่อยากจะคุยอะไรตอนนี้ ปล่อยผม”

“แต่ว่า...”

“ปล่อยผมเถอะ”

“ไม่ !”

“คุณต้องพาฉันออกไปจากที่นี่ ฉันขอร้อง ฉันอาจจะทำให้คุณเข้าใจอะไรผิดไป เรื่องมันถึงได้ลงเอยแบบนี้ แต่ฉันไม่โทษคุณ เพราะคนที่ผิดคือฉัน คุณช่วยลืมเรื่องทั้งหมดแล้วไปส่งฉันได้มั๊ยคะ”

คำพูดของเธอทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่ร้านเรือนตะวัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพาเธอมาที่นี่

ใช่...เธอทำให้เขาเข้าใจผิด เข้าใจว่าเธอคือผู้หญิงง่ายๆ คนหนึ่ง แต่ความจริงที่เขาได้รู้ จะให้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างนั้นหรือ

“ลืมเหรอ ”

“ใช่...ลืม”

“คุณนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้วล่ะ สตาริศา”

คำถามจากอาทิตะยะทำให้มือเล็กของเธอหลุดจากแขนเขาในทันที ดวงตาโตเบิกกว้างกว่าเดิม ความรู้สึกเมื่อได้ยินประโยคนั้นสุดจะบรรยาย มันตอกย้ำหัวใจที่เตรียมมาเจ็บให้เจ็บยิ่งกว่าเดิม...

…จะกี่คนก็ช่าง แต่คุณจะเป็นผู้ชายคนแรกและคนสุดท้ายที่ฉันจะพลาดด้วย...
ความผิดครั้งนี้จะติดตัวไปจนกว่าจะตายเลยใช่ไหม...แม่จ๋า

แววตาปวดร้าว ทำให้คนพูดชะงักไป เขาพูดอะไรออกไปวะเนี่ย...ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ

“สตาริศา”

“ฉันจะกลับไปรอที่บ้าน ถ้าจะกรุณาช่วยไปส่งฉันที่เรือนตะวันภายในวันนี้ด้วยนะคะ”
พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไป โดยไม่รอฟังคำพูดที่เขาตั้งท่าจะพูด...

คำขอโทษถูกกลืนหายลงไปในลำคอ ร่างเล็กบอบบางที่กำลังเดินจากไปต่อหน้าทำให้หัวใจเขารู้สึกแปลบๆ ก็แค่ดอกไม้ริมทาง...ทำไมจะต้องใส่ใจมากมาย

ก็แค่เรียกให้คนที่เรือนตะวัน ขับเรือมารับเธอกลับไป เรื่องก็จบ...
แต่ทำไมเขาถึงไม่อยากจะให้จบ...

ก็เพราะความคิดถูกแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่ายแบบนี้ยังไงเล่า เขาถึงต้องเดินหนีเธอมาเพื่อขอเวลาตั้งหลัก...ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อไป

ดวงตาคมเข้มจ้องมองคนที่กำลังเดินห่างออกไปทุกที มีบางอย่างในดวงตาคู่นั้นก่อนที่เธอจะเดินหนีไปทำให้เขาตัดสินใจ...ว่าควรจะทำตามที่เธอขอ หรือควรจะทำตามความต้องการของตัวเอง...

สตาริศา...เดินมาบอกให้เขาลืม แล้วคิดจะทิ้งกันไปง่ายๆ แบบนี้น่ะหรือ ไม่มีทาง !

~*~*~*~*~*~*~





ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 13:46:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2837





<< ตอนที่ 3...ผมไม่ปล่อย คนที่ทำให้ผมเจ็บ หรอกนะครับ...   ตอนที่ 5...หรือเธอจะมีความหมายมากกว่า ผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป... >>
ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:27:36 น.
^O^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account