ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!
**********************************************
มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!
**********************************************
มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Tags: อาทิตะยะ สตาริศา
ตอน: ตอนที่ 6...อย่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น และมีประโยชน์เฉพาะเวลาที่อยู่บนเตียง...
“แต่คุณไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตฉัน!”
คือคำพูดที่สตาริศาใช้โต้ตอบกับประโยคทั้งหลายของอาทิตะยะ ผู้ชายตรงหน้ามีสิทธิ์ที่จะแสดงตัวเป็นเจ้าของทุกๆอย่างได้ในพื้นที่ของตัวเอง...
แต่เขามีสิทธิ์อะไร ถึงได้ลุกขึ้นมาทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชีวิตเธอ
“คิดอย่างนั้นหรือครับ”
“มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“นั่นมันก่อนที่คุณจะมาอยู่ที่นี่กับผม เพราะตอนนี้ เวลานี้ ชีวิตของคุณอยู่ในความรับผิดชอบของผม อย่าปฏิเสธ เพราะความจริงมันเป็นแบบนั้น ผมไม่คิดจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราหรอกนะครับ”
“เพราะอะไร ทำไมคุณจะต้องทำแบบนั้น”
“แบบไหน”
“ทำไมจะต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ และบอกว่าจะไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เพราะคุณเป็นเมีย”
“ไม่ใช่...!”
“ปฏิเสธทำไม ในเมื่อคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเมียคุณก็คงมีอยู่ทั่วไป ทั้งในและนอก”
“นี่คิดว่าผมนอนกับผู้หญิงมั่วไปหมดรึไง สตาริศา”พร้อมกับคำพูดคือสายตาคมเข้มที่มองดุ จนเธอต้องขยับถอยหลังไปอีกก้าว เพื่อรักษาระยะปลอดภัยและคิดว่าน่าจะหนีทัน หากเขาคิดจะขย่ำเธอเหมือนกับหน้าตาท่าทางที่กำลังแสดงออก
...พอพูดจี้ใจดำก็ทำโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...
“แล้วไม่ใช่รึไง”
“ก็แล้วแต่จะคิด มีสมองก็หัดคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถาม”
...อ้าว...ตอบแบบนี้ จะให้คิดยังไง…
“คุณหนึ่ง ความจริงเราน่าจะตกลงกันได้ง่ายๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณจะต้องทำให้มันยุ่งยากและวุ่นวาย”
“ผมไม่เห็นว่ามันจะยุ่งยากและวุ่นวายตรงไหน”
“คุณจะหลับหูหลับตาพูดทำไม ในเมื่อคุณน่าจะรู้ดีว่าเรื่องระหว่างเรามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ฉันคงไม่มายืนเถียงกับคุณให้เสียเวลา ถ้าฉันสามารถจะออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้าของบ้านที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างคุณ”
“อยากพูดกับผมรู้เรื่องไหม”
“ฉันว่าเราพูดภาษาเดียวกันอยู่แล้ว”
“ผมไม่ได้หมายถึงปัญหาเรื่องภาษา แต่ผมหมายถึงการใช้มัน อยากคุยกับผมให้รู้เรื่องก็ฟังผมและทำตาม ตกลงไหม”
“ฉันยังไม่รู้ว่าคุณจะให้ทำอะไร ฉันจะตอบตกลงสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”
อาทิตะยะยิ้มรับกับวาจาที่เธอตอบโต้ อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว ชายหนุ่มขยับนั่งลงไปที่กรอบหน้าต่าง สองมือล้วงเก็บในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะขยับตัวในท่าสบายๆ ทอดสายตามองออกไปด้านนอกแทนการมองหน้าเธอชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมา
“ทำไม่ยากหรอกครับ ฟังดีๆ นะ เพราะผมจะพูดแค่ครั้งเดียว” อาทิตะยะพูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากคนที่ยืนใจเต้นตึกตักด้วยกำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะเสนอให้เธอทำอะไร
“ข้อแรก เวลาคุยกับผม กรุณาแทนตัวด้วยชื่อ ถ้าใช้...ฉัน...อีกแม้แต่ครั้งเดียวคุณได้อยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ ข้อสอง...” สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ถูกอีกฝ่ายมองตอบอย่างท้าทาย
“ห้ามคุณถอยห่างจากผมมากไปกว่านี้ เพราะผมไม่ชอบตะโกนคุยกับใคร ถ้าตกลง เรามาคุยกันต่อ แต่ถ้าไม่ เชิญคุณเดินออกไปจากห้องนี้ได้เลย”
คำพูดของเขาทำให้สองมือของเธอกำแน่นยิ่งกว่าเดิม และพยายามที่จะนับหนึ่งให้ถึงสิบในใจ ก่อนจะตัดสินใจยอมตกลงทำตามใจเขา แม้จะฝืนใจตัวเองเต็มที
“....ตกลงก็ได้ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียวตอนที่เราคุยกัน” เธอตั้งเงื่อนไขบ้าง อาทิตะยะยิ้มก่อนจะตอบ...
“ไม่มีปัญหา”
สตาริศากัดฟันข่มอารมณ์โกรธ เมื่อเจอรอยยิ้มบาดตาจากผู้ชายตรงหน้า
...ดีใจละสิที่เอาชนะเธอได้ ว่าแต่ชนะคนที่ไม่มีทางสู้มันน่าภูมิใจตรงไหน เขาถึงไม่ยอมที่จะหยุดยิ้มสักที...
“ต่อสิครับ ยืนนิ่งอยู่ทำไม ผมพร้อมจะคุยแล้ว”
“....”
“เราคุยกันถึงไหนนะ...อ๋อ...คุณหาว่าผมพูดไม่รู้เรื่อง”เขาพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังเงียบ
“ใช่...คุณมันพูดไม่รู้เรื่อง” สบโอกาสได้ซ้ำเติม สตาริศาจึงไม่รอช้า และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในเจตนาครั้งนี้ของเธอดี...และไม่คิดจะใส่ใจ
“นั่นมันก่อนที่คุณจะตกลงทำตามที่ผมบอก ผมสัญญาว่าตั้งแต่วินาทีนี้ไปเราคุยภาษาเดียวกันแน่นอน”
“เหรอคะ... ถ้าอย่างนั้น รบกวนช่วยตอบทีว่าเมื่อไหร่เราจะออกไปจากที่นี่”
“ที่นี่บ้านผมนะครับ จะให้ผมทิ้งไปไหน”
คำตอบเล่นลิ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดชิด หน้าตึง
“แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉะ...” สตาริศาหุบปากฉับ ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองส่องประกายวับวาวทำให้เธอได้สติ และยับยั้งคำต้องห้ามเอาไว้ได้ทัน
“ที่นี่จะเป็นบ้านคุณ ถ้าคุณยอมตกลงที่จะคบกับผม”
สตาริศาพยายามที่จะไม่ก้าวถอย แต่ให้ตายสิ...เธอไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ถ้ามีทางเลือกอื่นให้กับทางรอดของตัวเองเธอคงไม่รั้งรอที่จะเดินหนี...
“คบกับคุณเพื่ออะไร อย่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นและมีประโยชน์เฉพาะเวลาที่อยู่บนเตียงสิคุณหนึ่ง”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
“แล้วคุณเอาประเด็นไหนมาขอคบ(กับฉัน)”สตาริศายั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน...ก่อนจะต่อ “ถ้าไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่า”
“นี่คุณคิดว่าผมขอคบเพราะต้องการตัวคุณอย่างนั้นเหรอ”
“หรือไม่ใช่”
“ ใช่ ” ตอบกลับในทันที พร้อมกับรอยยิ้มพอใจเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า
คำตอบแบบตรงไปตรงมาทำให้ลมหายใจสะดุด และแทบจะหยุดหายใจ เธอจะทนยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกนานสักแค่ไหน...
“ผู้หญิงสวย น่ารัก ผู้ชายหน้าไหนก็อยากได้ จริงไหมดาว”
“ผู้หญิงสวย น่ารัก ที่พร้อมจะเป็นของคุณมีเยอะแยะ ทำไมจะต้องมายุ่งกับคนที่ไม่เต็มใจ”
“เพราะคนที่ไม่เต็มใจ สวย น่ารัก ถูกใจ จนลืมไม่ลง”
เป็นประโยคที่ทำให้ภาพเหตุการณ์ต่างๆหลั่งไหลเข้ามาในสมองของคนที่อยากจะลืม แต่กลับจำ
“คุณ !”
“อีกอย่าง...อย่ามาบอกให้ผมลืม เพราะผมจำไปแล้ว”
คำพูดของเขาช่างบาดหู แววตาจริงจังบนใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มของเขาทำให้เธอเลือกที่จะเงียบ...อาทิตะยะ ทรรศไนย น่ากลัวกว่าที่เธอคิดเอาไว้
เมื่อเขายืนกรานที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง...มากกว่าฟังเหตุผลใดๆจากเธอ สตาริศารู้สึกหมดหวังสิ้นหวัง ขอบตาร้อนผะผ่าวและรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อคิดว่าเหตุผลเดียวที่จะทำให้เธอออกไปจากที่นี่ได้ คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดออกไป…
ในเมื่อเขาประกาศป่าวๆ ว่าอยากจะได้เธอแบบนี้ แล้วเขาจะสนใจด้วยหรือว่าเธอจะท้องหรือไม่
แค่ความบังเอิญทำให้มาเกี่ยวข้อง... เขายังไม่คิดจะปล่อยเธอไป
ถ้าหากเขารู้ว่าเธอท้อง...ชีวิตนี้เธอจะได้ไปจากเขาไหม
สตาริศา...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เธอคงต้องยอมรับ
เพราะเธอไม่ได้มีอำนาจใดที่จะไปยับยั้งอีกหนึ่งชีวิตที่จะเกิด...
ถ้าโชคดี...เธออาจจะไม่ท้อง หรือบางทีเธออาจจะได้ไปจากที่นี่และทันเวลา...
หลังจากที่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของเขา พร้อมกับเลือกหนึ่งในสองข้อเสนอจากประโยคสุดท้ายของอาทิตะยะ เธอแทบจะอดใจไม่ไหวเดินเข้าไปคว้าแจกันใบใหญ่ในห้องฟาดหัวคนพูดให้ได้เห็นเลือดถึงจะหายแค้น ถ้าหากไม่คิดได้ซะก่อนว่าเขาอาจจะเอาคืนถ้าหากเขาไม่ตายในทันทีสมกับที่ตั้งใจ เธออาจจะเป็นฝ่ายที่จะต้องตายแทน
อาทิตะยะ ทรรศไนย ชื่อนี้จะไม่มีวันลืม ผู้ชายทุเรศ เฮงซวยเอ๊ย! ขอให้ตายภายในสามวันเจ็ดวันนี้ทีเถอะเจ้าประคูณ ลูกจะได้กลับบ้านซะที กินข้าวก็ขอให้ข้าวติดคอตาย เดินขึ้นเดินลงบันไดก็ขอให้ตกบันไดตาย นั่งเรือก็ให้เจอพายุกระหน่ำจนตกน้ำและจมน้ำตาย...เพี้ยงงง!
ร่างบางก่นด่าคนที่เพิ่งเดินจากมาในใจอย่างเหลืออด ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินยังคงดังกึกก้องในหู
‘และอีกข้อที่จะต้องตอบ คบกับผมไหม’
‘ถามทำไม ในเมื่อคุณมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว’
‘ถ้าอย่างนั้น ก็เลือกมาว่าจะอยู่กับผมที่นี่ในฐานะแฟน หรือเมีย’
สตาริศาจำไม่ได้ว่าตัวเองตะโกนตอบออกไปได้สมใจคนฟังไหม เพราะเธอไม่คิดจะเสียเวลายืนอยู่ตรงนั้นแม้สักวินาทีเดียวเพื่อจะมองหน้าเขา
ร่างบางตัดสินใจเดินหนีออกมา ก้าวลงบันได และเดินตรงดิ่งไปยังประตูบานใหญ่
...ทนเห็นหน้าไม่ได้จริงๆ...ขอหนีออกไปให้ไกลกว่านี้สักหน่อย เพราะทนอยู่ร่วมชายคาไม่ได้ ณ วินาทีที่ความรู้สึกมันอยากจะฆ่าเขาให้ตายแบบนี้...
“ดาว!....”
เสียงเรียกทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวออกจากตัวบ้านชะงัก แต่ไม่ยอมที่จะหันกลับไปมองว่าเจ้าของเสียงอยู่ที่ใด
“ดาว!...”
เสียงเรียกเข้มขึ้นเมื่อเธอไม่คิดจะหยุดฟัง สองก้าวที่เธอต่อต้านคำเรียกขานนั้นมันทำให้มีคำว่า ดาวๆๆๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอไม่คิดจะหยุดฟังว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรพูดต่อหรือไม่ เสียงเรียกที่เริ่มเบาและฟังดูห่างออกไปทุกทีเมื่อเธอไม่ยอมหยุดก้าว ทำให้สตาริศารู้ว่าอาทิตะยะไม่ได้ตามมาอย่างที่คิด ร่างบางจึงชะลอฝีเท้าลงให้เป็นการเดินในระดับปกติ แทนการเดินเกือบจะเป็นวิ่งเมื่อครู่...
อาทิตะยะยืนพิงไหล่กับกรอบประตู มือกอดอก ดวงตาสีเข้มมองตามร่างบางที่เดินห่างออกไป...แม้หน้าตาท่าทางหรือแม้แต่แววตาจะเฉยเมย แต่หัวใจกลับไม่ใช่
ถ้าหากเธออยากจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง...เขาก็ยินดี แต่คงจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ร่างสูงหันกลับเข้ามาในบ้านเมื่อแน่ใจว่าคนที่มองตามจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
สตาริศาหยุดเดิน...และยืนนิ่ง ก่อนจะหมุนตัวและหันหน้าออกไปมองทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเนิ่นนาน...แดดเปรี้ยงๆ ในตอนสายไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ในการยืนมองทะเลเบื้องหน้า...ผืนน้ำที่ถูกแสงแดดตกกระทบแลดูระยิบระยับน่ามอง แม้เธอจะมองเห็นแต่ก็เหมือนไม่เห็น ความสวยงามไม่เข้าตา ในเมื่อหัวใจของคนมองหนักอึ้งและมืดมน
สตาริศาไม่อยากจะเชื่อ คิ้วเรียวขมวดชิดทันทีที่เดินกลับมาเจอเขา และได้ยินประโยคดังกล่าว
“อะไรนะคะ” ร่างบางถามย้ำ ดวงตาช้ำแดงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“อีกครึ่งชั่วโมง คนของผมจะขับเรือมารับคุณ”
ดวงตาโตๆ ยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา แต่ก็สังเกตได้ว่ามีประกายแห่งความพอใจอยู่ในนั้น เมื่อเขาเอ่ยย้ำประโยคที่บอกออกไปอีกครั้ง
“ผมมีงานด่วนที่จะต้องกลับไปจัดการ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ก็เลยไม่อยากจะปล่อยให้คุณรออยู่ที่นี่คนเดียว แต่การที่ผมให้คุณกลับไป ไม่ได้หมายความว่าข้อตกลงระหว่างเราจะถูกยกเลิกนะครับ”
สตาริศาไม่สนใจว่าข้อตกลงนั้นจะถูกยกเลิกหรือไม่ เพราะเธอกำลังดีใจที่ชีวิตจะไม่ต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อย่างที่กลัว ขอให้ได้ไปจากที่นี่เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
“ค่ะ” คำตอบรับสั้นๆ ของสาวน้อยตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหน้านิ่งเลิกคิ้ว ก่อนจะทิ้งรอยยิ้มแปลกที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร อาทิตะยะหมุนตัวเดินจากไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ทันทีที่ถึงฝั่ง สถานที่แรกที่นึกถึงก็คือ...ร้านขายยา
ร่างบางลังเลชั่วครู่ก่อนจะผลักประตูกระจกเข้าไป สิ่งที่เธอถามหาไม่ใช่อะไรที่แปลกประหลาด แต่ทำไมพนักงานของร้านถึงได้จ้องมองเธอ จนคนถูกมองรู้สึกประหม่า สตาริศายกนิ้วขยับแว่นกันแดด ทันทีที่เธอได้สิ่งที่ต้องการ หญิงสาววางเงินที่เตรียมไว้ไปบนเคาท์เตอร์ จากนั้นก็รีบหมุนตัวเดินออกจากร้านโดยไม่ได้รอรับเงินทอน
เภสัชจบใหม่มองลูกค้าสาวที่เดินจากไปด้วยความประหลาดใจ แม้ในใจจะนึกชื่นชมความสวยที่ได้เห็น และแอบมองใบหน้าเนียนใสที่ถูกแว่นกันแดดอันใหญ่บดบังอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ผู้หญิงหน้าตาสะสวย ซ้ำยังดูดี มีฐานะ สังเกตได้จากรถที่เธอขับ และกระเป๋าที่เธอถือ แม้จะไม่เคยใช้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีราคาค่างวดเท่าไหร่ คนที่ก้าวเข้ามาและจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งความสงสัยให้กับเจ้าของร้านไม่น้อย ถ้าเธอมาแบบปกติไม่ได้ดูรุกรี้รุกรนเช่นที่เห็น เภสัชกรสาวก็คงไม่นึกแปลกใจในสิ่งที่เธอซื้อไป
...โพสตินอร์ (postinor)*
เพราะเธอไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่เกิด จึงต้องป้องกัน สตาริศาฉีกยาแผงเล็กๆในมือ ก่อนจะตัดสินใจหยิบเม็ดแรกเข้าปากและตามด้วยน้ำอึกใหญ่เมื่ออ่านฉลากจนละเอียด รู้สึกผะอืดผะอมจนอยากจะบ้วนทิ้งหากไม่คิดว่ามันสำคัญ ในที่สุดก็ทนฝืนกลืนมันลงคอจนได้ สตาริศาไม่ชอบกินยา ไม่ชอบกลิ่นยา และไม่ชอบโรงพยาบาล สถานที่ที่มีแต่คนเจ็บไข้โอดโอย เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่มันทำให้รู้สึกหดหู่และทรมานใจเกินกว่าจะทนเห็นภาพเหล่านั้นได้ในทุกๆวัน
ตั้งแต่เล็กจนโตที่เธอแวะเวียนไปหาพ่อและเห็นภาพความเจ็บป่วยจนติดตา สตาริศาก็ย้ำบอกกับตัวเองเลยว่าต่อให้ต้องทะเลาะกับพ่อ เธอก็ไม่ขอเรียนแพทย์เด็ดขาด แต่เธอช่างโชคดีที่พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ชอบ นอกจากจะร้องขอและชี้แจงเหตุผลเพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเธอ หากความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างในบางครั้ง
สตาริศายกนาฬิกาขึ้นดูเวลา ก่อนจะเก็บยาแผงเล็กที่ยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งเม็ดไว้ในกระเป๋า ให้ตายสิ ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาพึ่งยาประเภทนี้ พอนึกถึง ภาพเหตุการณ์ระหว่างเขาและเธอก็ไหลเข้ามาในมโนภาพจนต้องสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่
ลืม ลืม ลืม ลืมเดี๋ยวนี้นะดาว ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ชีวิตเธอแค่สะดุดและไม่จำเป็นจะต้องหยุดอยู่ที่เขา เพียงเพราะเผลอไปมีความสัมพันธ์ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเธออย่างที่ประกาศ อาทิตะยะ ทรรศไนย นึกหรือว่าฉันจะอยู่รอคุณตามคำขู่ ฝันไปเถอะ!!
‘กลับไปรอผมที่อารียา อย่าคิดหนี คุณได้เจอกับผมแน่ๆ ถ้าคิดจะลาออกจากอารียาก่อนที่ผมจะกลับไป เข้าใจที่ผมพูดไหมดาว’
เธอถือว่านั่นคือคำขู่จากเขา ก่อนที่เธอจะขึ้นเรือ อาทิตะยะย้ำหนักถามในท้ายประโยคเมื่อเห็นท่าทางไม่หือไม่อือของเธอ จนคนถูกถามต้องพยักหน้ารับไปแบบส่งๆ เพราะอยากจะออกไปจากนี่เต็มที
เธอรับปากทุกอย่าง เพื่อที่จะได้ไกลห่างจากถิ่นของเขา แต่ ณ ตอนนี้ เธอจำเป็นที่จะต้องกลัวเขาด้วยหรือ ในเมื่อเธอได้มาอยู่ในที่ของเธอเป็นที่เรียบร้อย
“ดาว! ”
เสียงเรียกดัง ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะค่อยๆ หันไปมอง แม่ที่ยืนอยู่ตรงประตูเมื่อมองเห็นอาการของลูกสาวก็ให้นึกสงสัย ตั้งแต่กลับมาจากสัมนาสตาริศามักจะนั่งเหม่อ ใจลอย บ่อยครั้ง จนคนเป็นแม่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอลูก ”
“ลูกสาวลาออกแล้วค่ะแม่จ๋า”คำตอบสั้นๆ ของสตาริศา ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกตกใจ แปลกใจ
“เพราะอะไรล่ะลูก ไหนบอกว่าที่นี่ดีที่สุด มีโอกาสก้าวหน้า หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วยังไงล่ะ”
“ดาวขอถอนคำพูดค่ะแม่ ที่นี่ห่วยสุดๆเพราะ..”เพราะมีเจ้านายห่วยๆ เธออยากจะพูดประโยคนี้ออกไปจริงๆ แต่ก็ต้องทนเก็บเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกคุณแม่ผู้ชาญฉลาดอย่างคุณครูคิริมาซักฟอกไม่เลิกแน่
“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกแม่รึเปล่าดาว” คนถูกถามตรงๆ ชักสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบปฏิเสธและพยายามยิ้มกลบเกลื่อน เคลื่อนตัวมาโอบกอดเอวหนาของแม่ที่ขยับเดินเข้ามาใกล้
“แม่จ๋า ดาวแค่รู้สึกเบื่อๆ แม่คะ ดาวขอไปเรียนต่อได้ไหม”
ครานี่คนที่มีอาการตกใจกลับกลายเป็นคุณครูคิริมา ผู้ซึ่งเฝ้าอ้อนวอนให้ลูกสาวไปเรียนต่อ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เหตุผลเพราะไม่อยากจะจากบ้านไปไกลๆ อีก แต่จู่ๆ มาขอไปเองแบบนี้เห็นทีจะต้องมีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่าเบื่อ ดวงตาที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยพุ่งตรงไปยังใบหน้าเนียนใสที่ขยับห่าง เพื่อรอฟังคำตอบ สตาริศาจ้องกลับเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต สายตาที่จ้องจะจับผิดของแม่ แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ต้องหลุดเพราะประโยคคาดเดาที่คาดไม่ถึง
ดวงตาที่ฉายชัดความเจ็บปวด ทำให้คุณครูคิริมาปักใจว่านั่นคือเหตุผลที่ลูกสาวต้องการจะไปจากเมืองไทย และไปเรียนต่ออเมริกาตามข้อเสนอของทางครอบครัวที่เคยขอเอาไว้
“วันที่ดาวโทรมาบอกแม่ว่าอยู่ที่ไหน หลังจากที่ดาววางสาย นัทก็มาหาแม่ที่บ้านและถามหาดาวนะรู้ไหม”
“เหรอคะ แล้วแม่บอกไปว่ายังไง”
“แม่บอกไม่รู้ เพราะปกติ นัทต่างหากที่จะต้องรู้ดีกว่าแม่ ว่าลูกสาวของแม่อยู่ที่ไหนจริงไหม”
เห็นไหมล่ะ...แม่เธอฉลาดและเดาเก่ง แต่เรื่องของเธอมันมีมากกว่านั้น
นที ชื่อนี้เธอลืมไปได้ยังไง หลายวันมานี้สิ่งที่ทำให้เธอสับสนกลับไม่ใช่เรื่องของเขา ทั้งๆ ที่ลืมไปเพราะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่แต่พอโดนสะกิดแผล มันก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึง
“ว่าไง ไม่คิดจะบอกแม่บ้างเลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้น” ถามเพื่อให้แน่ใจ เมื่อลูกสาวเอาแต่นิ่ง
“แม่รักดาว สองสามวันมานี้แม่เห็นนะ ว่าลูกสาวของแม่ไม่ร่าเริงสดใสเหมือนเคย พ่อกับแม่เป็นห่วงดาวนะลูก แม่อยากบอกกับดาวว่าเราพร้อมจะอยู่ข้างลูกเสมอนะ จำไว้ ไม่ว่าผิด ถูก หรือเจอเรื่องร้ายแรงสักแค่ไหนพ่อกับแม่ไม่มีวันจะทิ้งดาว”
แม่... สาวน้อยได้แต่ครางอยู่ในใจ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ แต่หัวใจก็รู้สึกอบอุ่นกับความรักที่แม่ถ่ายทอดมาให้พร้อมกับวงแขนที่โอบรัดร่างบางเข้าแนบอก
“แม่คะ ดาวกับนัท เราเลิกกันแล้ว แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะดาวไม่เป็นอะไรมาก เวลาคงจะทำให้ดาวลืมความเจ็บปวดนี้ได้”
“โธ่...ลูก”คำพูดที่แม้จะฝืนให้เข้มแข็งแต่ก็ยังสั่นไหวของลูกสาว ทำให้คำว่าเจ็บปวดแทรกซึมไปในหัวใจของคนเป็นแม่เช่นเดียวกัน
คำว่า เจ็บปวด แม้จะพูดถึงอีกเรื่องแต่ความหมายมันกลับพาดพิงไปถึงการกระทำที่เป็นเหมือนตราบาปติดตัวจนไม่สามารถบังคับเสียงที่พูดออกไปให้เป็นปกติได้
แม่จ๋า...ดาวขอโทษ ดาวไม่ดี ดาวไม่น่าทำตัวแบบนั้นเลย ดาวผิดไปแล้ว
คำพูดที่เคยได้ยินแม่ การันตี ว่าลูกสาวของตัวเองไม่มีทางทำตัวง่ายๆ เหมือนสาวๆสมัยนี้ยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิดจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
แต่คนที่เห็นกลับคิดไปอีกอย่าง เฝ้าพูดปลอบขวัญว่าการอกหักรักคุดเป็นเรื่องธรรมชาติ คิดซะว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่เรา และเราไม่จำเป็นจะต้องไปยึดติด เพราะไม่แน่ว่าเนื้อคู่ตัวจริงเสียงจริงอาจจะรอเวลานี้อยู่ก็เป็นได้ หากปิดโอกาสตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายเสียแล้ว จะได้รู้หรือว่ารักแท้มีจริงไหม
คำพูดของแม่ทำให้ลูกสาวยิ้มทั้งน้ำตา...
“ดาวไม่ฆ่าตัวตายหรอกนะคะแม่ ดาวกลัวเจ็บ”สาวน้อยพูดติดตลก แต่ก็ทำให้คนเป็นแม่คลายกังวล แต่ก็ไม่อาจจะวางใจ ขอกลัวไว้ก่อนเป็นดี
“แม่ก็ไม่คิดว่าลูกสาวที่แม่เลี้ยงมาจะทำแบบนั้น ถ้าดาวเป็นอะไรไปพ่อกับแม่จะอยู่ได้ยังไงล่ะลูก ในเมื่อลูกคือแก้วตาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวที่เรามี”
“แม่คะ ดาวรักแม่ ดาวรักพ่อ แม่อย่าคิดมากอย่ากลัว ดาวแค่เฮิร์ตไม่ถึงตายสักหน่อย ดาวสัญญาว่าดาวจะพยายามลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นและเริ่มใหม่นะคะ”
“ดาว อยากร้องก็ร้องออกมาตอนที่มีแม่อยู่ ไม่ต้องฝืนเข้มแข็ง แม่เข้าใจนะลูก ว่าดาวกำลังเจ็บ”
คำพูดของแม่เหมือนไปกระทบความรู้สึกจังๆ ในใจ หญิงสาวบ่อน้ำตาแตกทันทีสะอื้นฮักๆ ซบไหล่มารดา คนเป็นแม่กอดปลอบและเข้าใจเพียงว่านี่คือน้ำตาของสาวน้อยที่ผิดหวังในรัก แต่สำหรับสตาริศาเธอร้องเพราะผิดหวังในตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อความรักและความหวังของคนในครอบครัวที่รักเธอหมดหัวใจ
สำหรับใครคนอื่นอาจจะคิดว่า การเสียความบริสุทธิ์ ไม่ได้หมายถึงการสูญสิ้นชีวิต แต่สำหรับเธอการยืนอยู่และหายใจก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะนั่นคือความภูมิใจเดียวที่เธอหวังว่าตัวเองจะมีไว้สำหรับผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรัก และพร้อมจะแต่งงานด้วย
แต่ตอนนี้เธอกลับไม่มีมันแล้ว...
~*~*~*~*~*~*~
*โพสตินอร์(postinor)>> ชื่อทางการค้าของยาคุมฉุกเฉินชนิดหนึ่ง
คือคำพูดที่สตาริศาใช้โต้ตอบกับประโยคทั้งหลายของอาทิตะยะ ผู้ชายตรงหน้ามีสิทธิ์ที่จะแสดงตัวเป็นเจ้าของทุกๆอย่างได้ในพื้นที่ของตัวเอง...
แต่เขามีสิทธิ์อะไร ถึงได้ลุกขึ้นมาทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าเข้าเจ้าของชีวิตเธอ
“คิดอย่างนั้นหรือครับ”
“มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”
“นั่นมันก่อนที่คุณจะมาอยู่ที่นี่กับผม เพราะตอนนี้ เวลานี้ ชีวิตของคุณอยู่ในความรับผิดชอบของผม อย่าปฏิเสธ เพราะความจริงมันเป็นแบบนั้น ผมไม่คิดจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราหรอกนะครับ”
“เพราะอะไร ทำไมคุณจะต้องทำแบบนั้น”
“แบบไหน”
“ทำไมจะต้องให้ฉันอยู่ที่นี่ และบอกว่าจะไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เพราะคุณเป็นเมีย”
“ไม่ใช่...!”
“ปฏิเสธทำไม ในเมื่อคุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นเมียคุณก็คงมีอยู่ทั่วไป ทั้งในและนอก”
“นี่คิดว่าผมนอนกับผู้หญิงมั่วไปหมดรึไง สตาริศา”พร้อมกับคำพูดคือสายตาคมเข้มที่มองดุ จนเธอต้องขยับถอยหลังไปอีกก้าว เพื่อรักษาระยะปลอดภัยและคิดว่าน่าจะหนีทัน หากเขาคิดจะขย่ำเธอเหมือนกับหน้าตาท่าทางที่กำลังแสดงออก
...พอพูดจี้ใจดำก็ทำโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ...
“แล้วไม่ใช่รึไง”
“ก็แล้วแต่จะคิด มีสมองก็หัดคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถาม”
...อ้าว...ตอบแบบนี้ จะให้คิดยังไง…
“คุณหนึ่ง ความจริงเราน่าจะตกลงกันได้ง่ายๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณจะต้องทำให้มันยุ่งยากและวุ่นวาย”
“ผมไม่เห็นว่ามันจะยุ่งยากและวุ่นวายตรงไหน”
“คุณจะหลับหูหลับตาพูดทำไม ในเมื่อคุณน่าจะรู้ดีว่าเรื่องระหว่างเรามันเกิดขึ้นเพราะอะไร ฉันคงไม่มายืนเถียงกับคุณให้เสียเวลา ถ้าฉันสามารถจะออกไปจากที่นี่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเจ้าของบ้านที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างคุณ”
“อยากพูดกับผมรู้เรื่องไหม”
“ฉันว่าเราพูดภาษาเดียวกันอยู่แล้ว”
“ผมไม่ได้หมายถึงปัญหาเรื่องภาษา แต่ผมหมายถึงการใช้มัน อยากคุยกับผมให้รู้เรื่องก็ฟังผมและทำตาม ตกลงไหม”
“ฉันยังไม่รู้ว่าคุณจะให้ทำอะไร ฉันจะตอบตกลงสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”
อาทิตะยะยิ้มรับกับวาจาที่เธอตอบโต้ อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธซะทีเดียว ชายหนุ่มขยับนั่งลงไปที่กรอบหน้าต่าง สองมือล้วงเก็บในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะขยับตัวในท่าสบายๆ ทอดสายตามองออกไปด้านนอกแทนการมองหน้าเธอชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับมา
“ทำไม่ยากหรอกครับ ฟังดีๆ นะ เพราะผมจะพูดแค่ครั้งเดียว” อาทิตะยะพูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากคนที่ยืนใจเต้นตึกตักด้วยกำลังลุ้นว่าอีกฝ่ายจะเสนอให้เธอทำอะไร
“ข้อแรก เวลาคุยกับผม กรุณาแทนตัวด้วยชื่อ ถ้าใช้...ฉัน...อีกแม้แต่ครั้งเดียวคุณได้อยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ ข้อสอง...” สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าตัวเองจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ถูกอีกฝ่ายมองตอบอย่างท้าทาย
“ห้ามคุณถอยห่างจากผมมากไปกว่านี้ เพราะผมไม่ชอบตะโกนคุยกับใคร ถ้าตกลง เรามาคุยกันต่อ แต่ถ้าไม่ เชิญคุณเดินออกไปจากห้องนี้ได้เลย”
คำพูดของเขาทำให้สองมือของเธอกำแน่นยิ่งกว่าเดิม และพยายามที่จะนับหนึ่งให้ถึงสิบในใจ ก่อนจะตัดสินใจยอมตกลงทำตามใจเขา แม้จะฝืนใจตัวเองเต็มที
“....ตกลงก็ได้ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียวตอนที่เราคุยกัน” เธอตั้งเงื่อนไขบ้าง อาทิตะยะยิ้มก่อนจะตอบ...
“ไม่มีปัญหา”
สตาริศากัดฟันข่มอารมณ์โกรธ เมื่อเจอรอยยิ้มบาดตาจากผู้ชายตรงหน้า
...ดีใจละสิที่เอาชนะเธอได้ ว่าแต่ชนะคนที่ไม่มีทางสู้มันน่าภูมิใจตรงไหน เขาถึงไม่ยอมที่จะหยุดยิ้มสักที...
“ต่อสิครับ ยืนนิ่งอยู่ทำไม ผมพร้อมจะคุยแล้ว”
“....”
“เราคุยกันถึงไหนนะ...อ๋อ...คุณหาว่าผมพูดไม่รู้เรื่อง”เขาพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังเงียบ
“ใช่...คุณมันพูดไม่รู้เรื่อง” สบโอกาสได้ซ้ำเติม สตาริศาจึงไม่รอช้า และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในเจตนาครั้งนี้ของเธอดี...และไม่คิดจะใส่ใจ
“นั่นมันก่อนที่คุณจะตกลงทำตามที่ผมบอก ผมสัญญาว่าตั้งแต่วินาทีนี้ไปเราคุยภาษาเดียวกันแน่นอน”
“เหรอคะ... ถ้าอย่างนั้น รบกวนช่วยตอบทีว่าเมื่อไหร่เราจะออกไปจากที่นี่”
“ที่นี่บ้านผมนะครับ จะให้ผมทิ้งไปไหน”
คำตอบเล่นลิ้น ทำให้คิ้วเรียวขมวดชิด หน้าตึง
“แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉะ...” สตาริศาหุบปากฉับ ดวงตาสีเข้มที่จ้องมองส่องประกายวับวาวทำให้เธอได้สติ และยับยั้งคำต้องห้ามเอาไว้ได้ทัน
“ที่นี่จะเป็นบ้านคุณ ถ้าคุณยอมตกลงที่จะคบกับผม”
สตาริศาพยายามที่จะไม่ก้าวถอย แต่ให้ตายสิ...เธอไม่อยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ ถ้ามีทางเลือกอื่นให้กับทางรอดของตัวเองเธอคงไม่รั้งรอที่จะเดินหนี...
“คบกับคุณเพื่ออะไร อย่าเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นและมีประโยชน์เฉพาะเวลาที่อยู่บนเตียงสิคุณหนึ่ง”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
“แล้วคุณเอาประเด็นไหนมาขอคบ(กับฉัน)”สตาริศายั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน...ก่อนจะต่อ “ถ้าไม่คิดถึงเรื่องอย่างว่า”
“นี่คุณคิดว่าผมขอคบเพราะต้องการตัวคุณอย่างนั้นเหรอ”
“หรือไม่ใช่”
“ ใช่ ” ตอบกลับในทันที พร้อมกับรอยยิ้มพอใจเมื่อเห็นอาการของคนตรงหน้า
คำตอบแบบตรงไปตรงมาทำให้ลมหายใจสะดุด และแทบจะหยุดหายใจ เธอจะทนยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกนานสักแค่ไหน...
“ผู้หญิงสวย น่ารัก ผู้ชายหน้าไหนก็อยากได้ จริงไหมดาว”
“ผู้หญิงสวย น่ารัก ที่พร้อมจะเป็นของคุณมีเยอะแยะ ทำไมจะต้องมายุ่งกับคนที่ไม่เต็มใจ”
“เพราะคนที่ไม่เต็มใจ สวย น่ารัก ถูกใจ จนลืมไม่ลง”
เป็นประโยคที่ทำให้ภาพเหตุการณ์ต่างๆหลั่งไหลเข้ามาในสมองของคนที่อยากจะลืม แต่กลับจำ
“คุณ !”
“อีกอย่าง...อย่ามาบอกให้ผมลืม เพราะผมจำไปแล้ว”
คำพูดของเขาช่างบาดหู แววตาจริงจังบนใบหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มของเขาทำให้เธอเลือกที่จะเงียบ...อาทิตะยะ ทรรศไนย น่ากลัวกว่าที่เธอคิดเอาไว้
เมื่อเขายืนกรานที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง...มากกว่าฟังเหตุผลใดๆจากเธอ สตาริศารู้สึกหมดหวังสิ้นหวัง ขอบตาร้อนผะผ่าวและรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อคิดว่าเหตุผลเดียวที่จะทำให้เธอออกไปจากที่นี่ได้ คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดออกไป…
ในเมื่อเขาประกาศป่าวๆ ว่าอยากจะได้เธอแบบนี้ แล้วเขาจะสนใจด้วยหรือว่าเธอจะท้องหรือไม่
แค่ความบังเอิญทำให้มาเกี่ยวข้อง... เขายังไม่คิดจะปล่อยเธอไป
ถ้าหากเขารู้ว่าเธอท้อง...ชีวิตนี้เธอจะได้ไปจากเขาไหม
สตาริศา...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เธอคงต้องยอมรับ
เพราะเธอไม่ได้มีอำนาจใดที่จะไปยับยั้งอีกหนึ่งชีวิตที่จะเกิด...
ถ้าโชคดี...เธออาจจะไม่ท้อง หรือบางทีเธออาจจะได้ไปจากที่นี่และทันเวลา...
หลังจากที่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของเขา พร้อมกับเลือกหนึ่งในสองข้อเสนอจากประโยคสุดท้ายของอาทิตะยะ เธอแทบจะอดใจไม่ไหวเดินเข้าไปคว้าแจกันใบใหญ่ในห้องฟาดหัวคนพูดให้ได้เห็นเลือดถึงจะหายแค้น ถ้าหากไม่คิดได้ซะก่อนว่าเขาอาจจะเอาคืนถ้าหากเขาไม่ตายในทันทีสมกับที่ตั้งใจ เธออาจจะเป็นฝ่ายที่จะต้องตายแทน
อาทิตะยะ ทรรศไนย ชื่อนี้จะไม่มีวันลืม ผู้ชายทุเรศ เฮงซวยเอ๊ย! ขอให้ตายภายในสามวันเจ็ดวันนี้ทีเถอะเจ้าประคูณ ลูกจะได้กลับบ้านซะที กินข้าวก็ขอให้ข้าวติดคอตาย เดินขึ้นเดินลงบันไดก็ขอให้ตกบันไดตาย นั่งเรือก็ให้เจอพายุกระหน่ำจนตกน้ำและจมน้ำตาย...เพี้ยงงง!
ร่างบางก่นด่าคนที่เพิ่งเดินจากมาในใจอย่างเหลืออด ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินยังคงดังกึกก้องในหู
‘และอีกข้อที่จะต้องตอบ คบกับผมไหม’
‘ถามทำไม ในเมื่อคุณมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว’
‘ถ้าอย่างนั้น ก็เลือกมาว่าจะอยู่กับผมที่นี่ในฐานะแฟน หรือเมีย’
สตาริศาจำไม่ได้ว่าตัวเองตะโกนตอบออกไปได้สมใจคนฟังไหม เพราะเธอไม่คิดจะเสียเวลายืนอยู่ตรงนั้นแม้สักวินาทีเดียวเพื่อจะมองหน้าเขา
ร่างบางตัดสินใจเดินหนีออกมา ก้าวลงบันได และเดินตรงดิ่งไปยังประตูบานใหญ่
...ทนเห็นหน้าไม่ได้จริงๆ...ขอหนีออกไปให้ไกลกว่านี้สักหน่อย เพราะทนอยู่ร่วมชายคาไม่ได้ ณ วินาทีที่ความรู้สึกมันอยากจะฆ่าเขาให้ตายแบบนี้...
“ดาว!....”
เสียงเรียกทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวออกจากตัวบ้านชะงัก แต่ไม่ยอมที่จะหันกลับไปมองว่าเจ้าของเสียงอยู่ที่ใด
“ดาว!...”
เสียงเรียกเข้มขึ้นเมื่อเธอไม่คิดจะหยุดฟัง สองก้าวที่เธอต่อต้านคำเรียกขานนั้นมันทำให้มีคำว่า ดาวๆๆๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอไม่คิดจะหยุดฟังว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรพูดต่อหรือไม่ เสียงเรียกที่เริ่มเบาและฟังดูห่างออกไปทุกทีเมื่อเธอไม่ยอมหยุดก้าว ทำให้สตาริศารู้ว่าอาทิตะยะไม่ได้ตามมาอย่างที่คิด ร่างบางจึงชะลอฝีเท้าลงให้เป็นการเดินในระดับปกติ แทนการเดินเกือบจะเป็นวิ่งเมื่อครู่...
อาทิตะยะยืนพิงไหล่กับกรอบประตู มือกอดอก ดวงตาสีเข้มมองตามร่างบางที่เดินห่างออกไป...แม้หน้าตาท่าทางหรือแม้แต่แววตาจะเฉยเมย แต่หัวใจกลับไม่ใช่
ถ้าหากเธออยากจะใช้เวลาอยู่กับตัวเองบ้าง...เขาก็ยินดี แต่คงจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ร่างสูงหันกลับเข้ามาในบ้านเมื่อแน่ใจว่าคนที่มองตามจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
สตาริศาหยุดเดิน...และยืนนิ่ง ก่อนจะหมุนตัวและหันหน้าออกไปมองทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเนิ่นนาน...แดดเปรี้ยงๆ ในตอนสายไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ในการยืนมองทะเลเบื้องหน้า...ผืนน้ำที่ถูกแสงแดดตกกระทบแลดูระยิบระยับน่ามอง แม้เธอจะมองเห็นแต่ก็เหมือนไม่เห็น ความสวยงามไม่เข้าตา ในเมื่อหัวใจของคนมองหนักอึ้งและมืดมน
สตาริศาไม่อยากจะเชื่อ คิ้วเรียวขมวดชิดทันทีที่เดินกลับมาเจอเขา และได้ยินประโยคดังกล่าว
“อะไรนะคะ” ร่างบางถามย้ำ ดวงตาช้ำแดงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า
“อีกครึ่งชั่วโมง คนของผมจะขับเรือมารับคุณ”
ดวงตาโตๆ ยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา แต่ก็สังเกตได้ว่ามีประกายแห่งความพอใจอยู่ในนั้น เมื่อเขาเอ่ยย้ำประโยคที่บอกออกไปอีกครั้ง
“ผมมีงานด่วนที่จะต้องกลับไปจัดการ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ก็เลยไม่อยากจะปล่อยให้คุณรออยู่ที่นี่คนเดียว แต่การที่ผมให้คุณกลับไป ไม่ได้หมายความว่าข้อตกลงระหว่างเราจะถูกยกเลิกนะครับ”
สตาริศาไม่สนใจว่าข้อตกลงนั้นจะถูกยกเลิกหรือไม่ เพราะเธอกำลังดีใจที่ชีวิตจะไม่ต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่อย่างที่กลัว ขอให้ได้ไปจากที่นี่เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
“ค่ะ” คำตอบรับสั้นๆ ของสาวน้อยตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มหน้านิ่งเลิกคิ้ว ก่อนจะทิ้งรอยยิ้มแปลกที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร อาทิตะยะหมุนตัวเดินจากไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ
ทันทีที่ถึงฝั่ง สถานที่แรกที่นึกถึงก็คือ...ร้านขายยา
ร่างบางลังเลชั่วครู่ก่อนจะผลักประตูกระจกเข้าไป สิ่งที่เธอถามหาไม่ใช่อะไรที่แปลกประหลาด แต่ทำไมพนักงานของร้านถึงได้จ้องมองเธอ จนคนถูกมองรู้สึกประหม่า สตาริศายกนิ้วขยับแว่นกันแดด ทันทีที่เธอได้สิ่งที่ต้องการ หญิงสาววางเงินที่เตรียมไว้ไปบนเคาท์เตอร์ จากนั้นก็รีบหมุนตัวเดินออกจากร้านโดยไม่ได้รอรับเงินทอน
เภสัชจบใหม่มองลูกค้าสาวที่เดินจากไปด้วยความประหลาดใจ แม้ในใจจะนึกชื่นชมความสวยที่ได้เห็น และแอบมองใบหน้าเนียนใสที่ถูกแว่นกันแดดอันใหญ่บดบังอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ผู้หญิงหน้าตาสะสวย ซ้ำยังดูดี มีฐานะ สังเกตได้จากรถที่เธอขับ และกระเป๋าที่เธอถือ แม้จะไม่เคยใช้แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีราคาค่างวดเท่าไหร่ คนที่ก้าวเข้ามาและจากไปอย่างรวดเร็วทิ้งความสงสัยให้กับเจ้าของร้านไม่น้อย ถ้าเธอมาแบบปกติไม่ได้ดูรุกรี้รุกรนเช่นที่เห็น เภสัชกรสาวก็คงไม่นึกแปลกใจในสิ่งที่เธอซื้อไป
...โพสตินอร์ (postinor)*
เพราะเธอไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่เกิด จึงต้องป้องกัน สตาริศาฉีกยาแผงเล็กๆในมือ ก่อนจะตัดสินใจหยิบเม็ดแรกเข้าปากและตามด้วยน้ำอึกใหญ่เมื่ออ่านฉลากจนละเอียด รู้สึกผะอืดผะอมจนอยากจะบ้วนทิ้งหากไม่คิดว่ามันสำคัญ ในที่สุดก็ทนฝืนกลืนมันลงคอจนได้ สตาริศาไม่ชอบกินยา ไม่ชอบกลิ่นยา และไม่ชอบโรงพยาบาล สถานที่ที่มีแต่คนเจ็บไข้โอดโอย เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่มันทำให้รู้สึกหดหู่และทรมานใจเกินกว่าจะทนเห็นภาพเหล่านั้นได้ในทุกๆวัน
ตั้งแต่เล็กจนโตที่เธอแวะเวียนไปหาพ่อและเห็นภาพความเจ็บป่วยจนติดตา สตาริศาก็ย้ำบอกกับตัวเองเลยว่าต่อให้ต้องทะเลาะกับพ่อ เธอก็ไม่ขอเรียนแพทย์เด็ดขาด แต่เธอช่างโชคดีที่พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับให้เธอทำในสิ่งที่ไม่ชอบ นอกจากจะร้องขอและชี้แจงเหตุผลเพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเธอ หากความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างในบางครั้ง
สตาริศายกนาฬิกาขึ้นดูเวลา ก่อนจะเก็บยาแผงเล็กที่ยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งเม็ดไว้ในกระเป๋า ให้ตายสิ ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาพึ่งยาประเภทนี้ พอนึกถึง ภาพเหตุการณ์ระหว่างเขาและเธอก็ไหลเข้ามาในมโนภาพจนต้องสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่
ลืม ลืม ลืม ลืมเดี๋ยวนี้นะดาว ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ชีวิตเธอแค่สะดุดและไม่จำเป็นจะต้องหยุดอยู่ที่เขา เพียงเพราะเผลอไปมีความสัมพันธ์ เขาไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเธออย่างที่ประกาศ อาทิตะยะ ทรรศไนย นึกหรือว่าฉันจะอยู่รอคุณตามคำขู่ ฝันไปเถอะ!!
‘กลับไปรอผมที่อารียา อย่าคิดหนี คุณได้เจอกับผมแน่ๆ ถ้าคิดจะลาออกจากอารียาก่อนที่ผมจะกลับไป เข้าใจที่ผมพูดไหมดาว’
เธอถือว่านั่นคือคำขู่จากเขา ก่อนที่เธอจะขึ้นเรือ อาทิตะยะย้ำหนักถามในท้ายประโยคเมื่อเห็นท่าทางไม่หือไม่อือของเธอ จนคนถูกถามต้องพยักหน้ารับไปแบบส่งๆ เพราะอยากจะออกไปจากนี่เต็มที
เธอรับปากทุกอย่าง เพื่อที่จะได้ไกลห่างจากถิ่นของเขา แต่ ณ ตอนนี้ เธอจำเป็นที่จะต้องกลัวเขาด้วยหรือ ในเมื่อเธอได้มาอยู่ในที่ของเธอเป็นที่เรียบร้อย
“ดาว! ”
เสียงเรียกดัง ทำให้ร่างบางสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะค่อยๆ หันไปมอง แม่ที่ยืนอยู่ตรงประตูเมื่อมองเห็นอาการของลูกสาวก็ให้นึกสงสัย ตั้งแต่กลับมาจากสัมนาสตาริศามักจะนั่งเหม่อ ใจลอย บ่อยครั้ง จนคนเป็นแม่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอลูก ”
“ลูกสาวลาออกแล้วค่ะแม่จ๋า”คำตอบสั้นๆ ของสตาริศา ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกตกใจ แปลกใจ
“เพราะอะไรล่ะลูก ไหนบอกว่าที่นี่ดีที่สุด มีโอกาสก้าวหน้า หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วยังไงล่ะ”
“ดาวขอถอนคำพูดค่ะแม่ ที่นี่ห่วยสุดๆเพราะ..”เพราะมีเจ้านายห่วยๆ เธออยากจะพูดประโยคนี้ออกไปจริงๆ แต่ก็ต้องทนเก็บเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกคุณแม่ผู้ชาญฉลาดอย่างคุณครูคิริมาซักฟอกไม่เลิกแน่
“มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกแม่รึเปล่าดาว” คนถูกถามตรงๆ ชักสีหน้าตกใจ ก่อนจะรีบปฏิเสธและพยายามยิ้มกลบเกลื่อน เคลื่อนตัวมาโอบกอดเอวหนาของแม่ที่ขยับเดินเข้ามาใกล้
“แม่จ๋า ดาวแค่รู้สึกเบื่อๆ แม่คะ ดาวขอไปเรียนต่อได้ไหม”
ครานี่คนที่มีอาการตกใจกลับกลายเป็นคุณครูคิริมา ผู้ซึ่งเฝ้าอ้อนวอนให้ลูกสาวไปเรียนต่อ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด เหตุผลเพราะไม่อยากจะจากบ้านไปไกลๆ อีก แต่จู่ๆ มาขอไปเองแบบนี้เห็นทีจะต้องมีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่าเบื่อ ดวงตาที่เต็มไปด้วยข้อสงสัยพุ่งตรงไปยังใบหน้าเนียนใสที่ขยับห่าง เพื่อรอฟังคำตอบ สตาริศาจ้องกลับเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต สายตาที่จ้องจะจับผิดของแม่ แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ต้องหลุดเพราะประโยคคาดเดาที่คาดไม่ถึง
ดวงตาที่ฉายชัดความเจ็บปวด ทำให้คุณครูคิริมาปักใจว่านั่นคือเหตุผลที่ลูกสาวต้องการจะไปจากเมืองไทย และไปเรียนต่ออเมริกาตามข้อเสนอของทางครอบครัวที่เคยขอเอาไว้
“วันที่ดาวโทรมาบอกแม่ว่าอยู่ที่ไหน หลังจากที่ดาววางสาย นัทก็มาหาแม่ที่บ้านและถามหาดาวนะรู้ไหม”
“เหรอคะ แล้วแม่บอกไปว่ายังไง”
“แม่บอกไม่รู้ เพราะปกติ นัทต่างหากที่จะต้องรู้ดีกว่าแม่ ว่าลูกสาวของแม่อยู่ที่ไหนจริงไหม”
เห็นไหมล่ะ...แม่เธอฉลาดและเดาเก่ง แต่เรื่องของเธอมันมีมากกว่านั้น
นที ชื่อนี้เธอลืมไปได้ยังไง หลายวันมานี้สิ่งที่ทำให้เธอสับสนกลับไม่ใช่เรื่องของเขา ทั้งๆ ที่ลืมไปเพราะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทนที่แต่พอโดนสะกิดแผล มันก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึง
“ว่าไง ไม่คิดจะบอกแม่บ้างเลยหรือว่าเกิดอะไรขึ้น” ถามเพื่อให้แน่ใจ เมื่อลูกสาวเอาแต่นิ่ง
“แม่รักดาว สองสามวันมานี้แม่เห็นนะ ว่าลูกสาวของแม่ไม่ร่าเริงสดใสเหมือนเคย พ่อกับแม่เป็นห่วงดาวนะลูก แม่อยากบอกกับดาวว่าเราพร้อมจะอยู่ข้างลูกเสมอนะ จำไว้ ไม่ว่าผิด ถูก หรือเจอเรื่องร้ายแรงสักแค่ไหนพ่อกับแม่ไม่มีวันจะทิ้งดาว”
แม่... สาวน้อยได้แต่ครางอยู่ในใจ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ แต่หัวใจก็รู้สึกอบอุ่นกับความรักที่แม่ถ่ายทอดมาให้พร้อมกับวงแขนที่โอบรัดร่างบางเข้าแนบอก
“แม่คะ ดาวกับนัท เราเลิกกันแล้ว แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะคะดาวไม่เป็นอะไรมาก เวลาคงจะทำให้ดาวลืมความเจ็บปวดนี้ได้”
“โธ่...ลูก”คำพูดที่แม้จะฝืนให้เข้มแข็งแต่ก็ยังสั่นไหวของลูกสาว ทำให้คำว่าเจ็บปวดแทรกซึมไปในหัวใจของคนเป็นแม่เช่นเดียวกัน
คำว่า เจ็บปวด แม้จะพูดถึงอีกเรื่องแต่ความหมายมันกลับพาดพิงไปถึงการกระทำที่เป็นเหมือนตราบาปติดตัวจนไม่สามารถบังคับเสียงที่พูดออกไปให้เป็นปกติได้
แม่จ๋า...ดาวขอโทษ ดาวไม่ดี ดาวไม่น่าทำตัวแบบนั้นเลย ดาวผิดไปแล้ว
คำพูดที่เคยได้ยินแม่ การันตี ว่าลูกสาวของตัวเองไม่มีทางทำตัวง่ายๆ เหมือนสาวๆสมัยนี้ยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิดจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้
แต่คนที่เห็นกลับคิดไปอีกอย่าง เฝ้าพูดปลอบขวัญว่าการอกหักรักคุดเป็นเรื่องธรรมชาติ คิดซะว่าเขาไม่ใช่เนื้อคู่เรา และเราไม่จำเป็นจะต้องไปยึดติด เพราะไม่แน่ว่าเนื้อคู่ตัวจริงเสียงจริงอาจจะรอเวลานี้อยู่ก็เป็นได้ หากปิดโอกาสตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายเสียแล้ว จะได้รู้หรือว่ารักแท้มีจริงไหม
คำพูดของแม่ทำให้ลูกสาวยิ้มทั้งน้ำตา...
“ดาวไม่ฆ่าตัวตายหรอกนะคะแม่ ดาวกลัวเจ็บ”สาวน้อยพูดติดตลก แต่ก็ทำให้คนเป็นแม่คลายกังวล แต่ก็ไม่อาจจะวางใจ ขอกลัวไว้ก่อนเป็นดี
“แม่ก็ไม่คิดว่าลูกสาวที่แม่เลี้ยงมาจะทำแบบนั้น ถ้าดาวเป็นอะไรไปพ่อกับแม่จะอยู่ได้ยังไงล่ะลูก ในเมื่อลูกคือแก้วตาดวงใจเพียงหนึ่งเดียวที่เรามี”
“แม่คะ ดาวรักแม่ ดาวรักพ่อ แม่อย่าคิดมากอย่ากลัว ดาวแค่เฮิร์ตไม่ถึงตายสักหน่อย ดาวสัญญาว่าดาวจะพยายามลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นและเริ่มใหม่นะคะ”
“ดาว อยากร้องก็ร้องออกมาตอนที่มีแม่อยู่ ไม่ต้องฝืนเข้มแข็ง แม่เข้าใจนะลูก ว่าดาวกำลังเจ็บ”
คำพูดของแม่เหมือนไปกระทบความรู้สึกจังๆ ในใจ หญิงสาวบ่อน้ำตาแตกทันทีสะอื้นฮักๆ ซบไหล่มารดา คนเป็นแม่กอดปลอบและเข้าใจเพียงว่านี่คือน้ำตาของสาวน้อยที่ผิดหวังในรัก แต่สำหรับสตาริศาเธอร้องเพราะผิดหวังในตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อความรักและความหวังของคนในครอบครัวที่รักเธอหมดหัวใจ
สำหรับใครคนอื่นอาจจะคิดว่า การเสียความบริสุทธิ์ ไม่ได้หมายถึงการสูญสิ้นชีวิต แต่สำหรับเธอการยืนอยู่และหายใจก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะนั่นคือความภูมิใจเดียวที่เธอหวังว่าตัวเองจะมีไว้สำหรับผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรัก และพร้อมจะแต่งงานด้วย
แต่ตอนนี้เธอกลับไม่มีมันแล้ว...
~*~*~*~*~*~*~
*โพสตินอร์(postinor)>> ชื่อทางการค้าของยาคุมฉุกเฉินชนิดหนึ่ง
ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 13:47:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:15 น.
จำนวนการเข้าชม : 2699
<< ตอนที่ 5...หรือเธอจะมีความหมายมากกว่า ผู้หญิงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป... | ตอนที่ 7...ถ้าคิดว่าใช่ และทำได้ ก็ลงมือ... >> |
sumiya 31 ก.ค. 2554, 19:21:50 น.
มารอตอนต่อไปด้วยคนค่ะ :D
มารอตอนต่อไปด้วยคนค่ะ :D
lovemuay 31 ก.ค. 2554, 20:58:15 น.
มาต่อเร็วๆนะคะ ^^
มาต่อเร็วๆนะคะ ^^
ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:32:17 น.
^O^
^O^