ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 8...ผู้ชายที่เธอควรจะรัก จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา...

“คุณครับ”

“เอ๊ะ!” เสียงเรียกที่มาพร้อมกับมือที่เอื้อมมาแตะต้นแขนเธอ ทำให้สตาริศาหันขวับไปมองด้วยความตกใจ แววตาฉายชัดถึงความไม่พอใจกับการถูกแตะเนื้อต้องตัวจากคนที่ไม่รู้จักมักจี่ในวินาทีแรกเปลี่ยนมาเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในทันทีที่ได้เห็นว่าเขา...คือใคร

อาทิตยะคว้าหมับและจับแน่นไปที่ต้นแขนที่พยายามจะสะบัดออกห่าง ก่อนจะเลื่อนลงไปกุมข้อมือเล็ก

“เงียบ” ประโยคสั้นๆ ที่ทำให้เธอไม่กล้าหือ
แม้ว่าเขาจะยิ้มแต่เธอกลับรู้สึกว่าข้างในมันไม่ใช่ ตลอดหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เธอลาออกจากโรงแรมอารียา เธอสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติดีจนคิดไปเองว่าประโยคสุดท้ายที่เขาพูดก่อนจะยอมให้เธอจากมาคือคำขู่ แต่ตอนนี้เห็นทีเธอจะคิดผิดไป อาทิตะยะไม่คิดจะปล่อยเธอตามที่เขาเคยพูดเอาไว้จริงๆ

...คุณได้เจอกับผมแน่ๆ ถ้าคิดจะลาออกจากอารียาก่อนที่ผมจะกลับไป...

ประโยคนั้นหวนกลับเข้ามาในความคิด และเธอก็คาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองหากขัดขืน ใช่ว่าหนีรอดในวันนี้แล้ววันต่อไปเธอจะรอด

สตาริศาจึงเลือกที่จะเงียบและทำตาม เขาบอกให้เธอเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับเปิดประตูให้ แต่ตัวเขากลับแย่งกุญแจรถจากเธอไปถือเอาไว้ซะเอง

“ขยับไปนั่งฝั่งโน้น”

“เอ๊ะ!”

ความคิดที่ว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปหลุดลอย ดวงตาโตหลังแว่นสีชาตวัดมองคนพูดด้วยความไม่พอใจ แกล้งกันใช่ไหม แทนที่จะปล่อยให้เดินไปขึ้นอีกฝั่งกลับผลักตัวเธอให้เข้ามานั่งในตำแหน่งนี้ คนที่ถูกบอกให้ขยับลังเล

“เร็วสิ” พร้อมกับคำสั่งคือตัวเขาที่ทำท่าว่าจะก้าวเข้ามานั่ง จนทำให้คนลังเลรีบยกขาปีนป่ายข้ามเกียร์ไปยังที่นั่งอีกฝั่งทันที ด้วยความทุลักทุเลแบบสุดๆ เธอไม่ได้ใส่ชุดเพื่อเตรียมมาโลดโผน ดังนั้นทันทีที่ขยับเร็วและผิดท่า

แคว่ก กกกก... เสียงที่ทำให้สตาริศารีบก้มลงมองหาที่มาพร้อมกับมือที่ลูบคลำไปตามกระโปรงตัวที่ใส่แทบจะทันทีที่นั่งลง “บ้าเอ๊ย!”เสียงสบถที่บ่งบอกอารมณ์ของเธอทำให้คนที่เข้ามานั่งแทนที่ตำแหน่งที่เธอเพิ่งตะเกียกตะกายจากมาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ

เสียงหึหึที่ดังแว่วเข้าหูทำให้สตาริศาหันขวับไปมอง และแทนที่เขาจะเสมองไปทางอื่นอย่างมีมารยาท อีตานี่กลับจ้องเธอด้วยดวงตาไหวระริกจนเธออยากจะกรี๊ด

“ขาดไหม” ยังมีหน้ามาถาม ซ้ำยังกวาดสายตาสำรวจเข้าอีก

“เพราะคุณ”

“เพราะกระโปรงคุณต่างหาก จริงๆ ใส่ก็เหมือนไม่ใส่ ไม่เห็นมันจะปิดอะไรคุณได้เลย” คำพูดที่สวนกลับมาทำให้คนฟังกัดฟันกรอดข่มอารมณ์โกรธ หน้าสวยร้อนวูบใจเต้นแรง แววตาส่องประกายเอาเรื่อง แต่เขาไม่เห็นเมื่อมันซ่อนอยู่หลังแว่นกันแดดอันโต ใช่ว่าไม่เห็นจะไม่รู้ ชายหนุ่มรับรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่ายเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นมือที่วางปิดร่องรอยของเสียงแคว่กเมื่อครู่กำแน่น ขณะหันกลับไปเสียบกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ และกดปุ่มเปิดแอร์

“ถามจริง นึกยังไงถึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองจนผิดหูผิดตาแบบนี้” ถามขึ้นโดยไม่หันมอง สองมือยกขึ้นกอดอกเอนหลังพิงเบาะ

“...”

“เพราะผมรึเปล่า” ชายหนุ่มคาดเดาคำตอบ “ว่าไง” หันมาถามย้ำจนอีกฝ่ายจำต้องตอบกลับมา

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

เสียงตอบสะบัดทว่าชัดเจน ทำให้คิ้วเข้มกระตุกมุมปากหยักโค้งขึ้นเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้วเพราะใคร สาวน้อยนัยน์ตาเศร้าที่ดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ผมยาวเหยียดตรงดำขลับที่เคยเห็น ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้

“เปลี่ยนข้างนอกได้สำเร็จ แล้วข้างในเปลี่ยนได้หรือครับ”

“คุณหมายถึงอะไร”

“คุณคิดว่าผมหมายถึงอะไรล่ะ”

“คุณต้องการอะไร”

“คุณรู้ดีว่าผมต้องการอะไร ข้อตกลง...”

“ไม่มีทาง! ระหว่างคุณกับฉันมันจบไปแล้ว” สตาริศาพูดแทรกเร็ว จนอีกฝ่ายชะงัก เธอหวังอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอมันฉาบฉวยเกินกว่าจะผูกพันกันได้

“ผมไม่จบ” คำพูดที่ทำให้ความหวังของเธอพังครืน “ผมบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่มีทางจบง่ายๆ อย่างที่คุณคิด”

“คุณคิดจะแบล็กเมล์ฉัน” ข้อกล่าวหาที่ทำให้ดวงตาสีเข้มเปล่งประกายวาววับ อาทิตะยะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่ง มือหนึ่งยกขึ้นจับเบาะที่เธอนั่งจนคนที่นั่งอยู่สะดุ้งและถอยห่าง ส่วนอีกข้างวางไปที่คอนโซลรถ เขาขยับใกล้ ใกล้จนทำให้คนที่ถอยจนหลังชนกับประตูรถหายใจติดขัด

“นี่ไม่ใช่การแบล็กเมล์ ผมกำลังทำตามข้อตกลงระหว่างเราต่างหาก สตาริศา”

“ฉันไม่เคยตกลงอะไรกับคุณทั้งนั้น” เธอพึมพำ แม้ความทรงจำในทุกๆประโยคที่เคยพูดจะหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายและดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท แต่เธอก็ยังใจกล้าที่จะปฏิเสธด้วยเพราะไม่คิดจะยอมรับในสิ่งที่เคยพูดด้วยความไม่เต็มใจนั่น

‘คุณตกลงจะคบกับผมใช่ไหม’

‘ค่ะ’

‘กลับไปรอผมที่อารียา’

‘ค่ะ’

แค่คำว่า “ค่ะ” คำเดียวเท่านั้น ที่เคยตกปากรับคำเพื่อให้หลุดพ้น ให้ตายสิ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าเขาจะบ้าทำตามข้อตกลงนั่นขึ้นมาจริงๆ

ผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะอย่างอาทิตะยะ หากเขาต้องการผู้หญิงสักคนจะไปยากอะไร ทำไมจะต้องมายุ่งกับเธอ ดวงตาโตๆหลังแว่นจ้องมองผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึดอัดและสงสัย

“แน่ใจหรือครับว่าไม่เคยตกลงอะไรกับผม”เสียงถามราบเรียบ ไม่คาดคั้น ใบหน้าที่อยู่ใกล้ยังคงมีรอยยิ้มบางๆ หากแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอคลายความอึดอัดลงไปได้แม้แต่น้อย ดวงตาสีเข้มที่ตรึงเธอให้หยุดอยู่กับที่ไม่กล้าขยับบัดนี้กลับมีประกายบางอย่างที่ทำให้รู้สึกไม่วางใจ และทันใดนั้นเอง มือที่วางอยู่ตรงคอนโซลขยับเร็ว

“อย่า” สตาริศาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ และรีบเบือนหน้าหนีมือที่ยื่นมาหา เร็วเท่าความคิดแว่นตาสีชาอันโตถูกอาทิตะยะดึงออกให้พ้นไปจากใบหน้าสวยอย่างง่ายดาย ก่อนจะโยนมันเข้าไปที่ช่องเก็บของหน้ารถ จากนั้นจึงได้วกสายตากลับมาหาเธอ ดวงตาโตๆเหมือนมีลูกไฟน้อยๆ จ้องมองคนมือเร็ว อารมณ์ความไม่พอใจปรากฏชัดทางแววตา และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น

“อีกหนึ่งข้อ ผมไม่ชอบคุยกับใครโดยที่ไม่ได้สบตา โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าแบบนี้”อาทิตะยะหยุดเพื่อเว้นระยะ ให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้โต้แย้งแต่เธอก็ยังไม่ปริปาก เขาจึงพูดต่อ “และผมทนฟังมาหลายประโยคแล้ว ถ้าพูดแทนตัวว่า ฉัน อีกแม้แต่ประโยคเดียว ผมจะทำให้คุณไม่กล้าที่จะพูดมันอีกเลย”

“คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร คิดว่าการบังคับให้ฉันทำโน่นนี่นั่นแล้วฉันจะสนคุณรึไง ฉัน...อื้อ”

คำว่าฉันถูกกลืนหายไปด้วยจูบของเขาที่ฉกมาหาอย่างรวดเร็วจนเธอรู้สึกหูอื้อตาลายมากกว่าจะรู้สึกวาบหวามไปกับมัน สองมือเล็กยกผลักอกแกร่งและดันมันออกห่างสุดกำลัง แต่ไร้ผล เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่กล้าทำกับเธอแบบนี้ แม้เธอพยายามจะดิ้นรนขัดขืนสักเท่าไหร่มันกลับทำให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในวงแขนที่กอดรัดจนแทบจะไม่เหลือช่องว่างให้ขยับได้อีก

“ปล่อยฉะ...ฉัน คุณหนึ่ง ปะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”เธออยากจะตะโกนให้ดัง ไม่ใช่เสียงเบาราวกระซิบ ซ้ำยังขาดๆ หายๆ ตามจังหวะการหายใจที่ผิดปกติแบบนี้ ให้ตายสิ ทำยังไงเขาถึงจะหยุดระรานเธอด้วยจูบบ้าๆ นี่ซะที และมันนานเกินไปแล้ว ร่างในวงแขนเริ่มดิ้นรนและรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาอีกครั้ง ดวงตาโตเบิกกว้างเข้าไปอีก เมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหยุดอยู่แค่จูบ มือเขากำลังทำให้สติสตังของเธอกระเจิดกระเจิง เสื้อคอกว้างผ้าพลิ้วแนบเนื้อ และกระโปรงสั้นแค่คืบของเธอกำลังอำนวยความสะดวกให้กับผู้บุกรุก

..........

“ลูกสาวไปไหน แม่จ๋า” คำถามที่ทำให้คนถูกถามเลิกคิ้ว แววตามองมาเหมือนกับว่าไม่แน่ใจกับประโยคที่ได้ยิน นายแพทย์ศิระวางช้อนในมือลง เมื่อเห็นสายตาของภรรยา ก่อนจะเอ่ยปากถาม “ทำไม”
“เปล่านี่คะ”พร้อมกับยักไหล่ ซึ่งเป็นท่าทางที่ทำจนกลายเป็นนิสัยติดตัวมาเกินกว่าจะแก้ได้ แม้จะรู้ตัวดีว่ามันดูไม่ค่อยดีนัก “ไม่คิดว่าจะสนใจ”

“คิริมา” ถูกเรียกแบบนี้ เป็นอันเข้าใจว่าไม่ดีแน่หากจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป เห็นท่าทางสุภาพอ่อนโยนแบบนี้ก็เถอะ เวลาโกรธนายแพทย์ศิระก็ใช่เล่นหรอกนะ

“ไปงานเปิดตัวร้านเสื้อของเพื่อนแกนะคะ มีอะไรรึเปล่าคะ”

“แล้วบอกไหม เมื่อไหร่จะกลับ”

“ล่าสุดที่แกโทรมาน่าจะซักห้าโมงเย็น เห็นบอกว่าเพิ่งจะเดินออกจากงานและกำลังจะกลับบ้าน อีกเดี๋ยวคงจะถึงแล้วมั๊งคะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ นึกยังไงถึงได้ลุกขึ้นมาหวงลูกสาวเอาป่านนี้ ไม่ช้าไปหน่อยหรือ”

“ผมไม่ได้หวง แต่ผมเป็นห่วง”

“นั่นละค่ะ แต่เอ๊ะ คุณรู้อะไรแล้วไม่บอกฉันรึเปล่าคะศิระ” เมื่อเห็นทาทางกังวลปนสงสัยของภรรยา นายแพทย์ศิระรีบปฏิเสธและเลี่ยงการถูกซักไซร้จากภรรยาด้วยการทำทีว่าสนใจกับอาหารตรงหน้ามากกว่าจะพูดถึงเรื่องราวที่ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่ม

..........

“ไปกับผมนะ” ชวนกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ สตาริศานั่งเงียบ ในใจเดือด และกำลังรู้สึกสับสนกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ ต่อให้สติดีขนาดไหนก็ยังรู้สึกกลัว เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมาเกิดกับเธอ สองมือยังคงยกกอดรอบตัวแน่นแม้จะรู้ดีว่ามันคงจะปิดกั้นอะไรไม่ได้ก็ตาม

หลังจากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เธอไม่อยากพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ หน้าเขาเธอก็ไม่อยากจะมอง
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ แทนที่คนเฝ้ารอคำตอบจะโกรธแต่สายตาที่มองอีกฝ่ายกลับอ่อนโยนห่างไกลจากความรู้สึกนั้นโดยสิ้นเชิง ด้วยเข้าใจในอาการของสาวน้อยตาโตนัยน์ตาวาว ที่ฟาดฝ่ามือใส่แก้มเขาจนชาดิกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ก่อนจะถูกเขาเอาคืนจนไม่อยากจะเสวนา อาทิตะยะไม่เคยทำรุ่มร่ามกับผู้หญิงคนไหน ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเจอแบบนี้ยกเว้น...เธอ เธอที่ทำให้เขารู้สึกอยากจะเอาชนะความเฉยเมยที่มีให้ และอยากจะตอแยไม่สิ้นสุด

ใครจะไปคาดคิดละว่าเธอจะกล้ายกฝ่ามือที่กอดอกอยู่นั่นขึ้นมาตบเขาทันทีที่เขาถอยห่างก่อนหน้านี้ แค่อยากจะพูดคุยตกลงมากกว่าทะเลาะ เขาจึงหยุดตัวเองไม่ก้าวล้ำตามความต้องการที่มีอยู่มากมายในตัว แต่แม่สาวน้อยขี้เมาใจกล้าที่กลายมาเป็นสาวเซ็กซี่เปรี้ยวจี๊ดกลับตบเขาซะหน้าหัน อารมณ์อยากจะเจรจาเลยกระเด็นหลุดลอยจนยากจะเรียกคืน เขาก็เลยเกิดอารมณ์ชนิดที่เรียกว่าสามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าโดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ต่อหน้า ณ เวลานั้น

และผลจากการเอาคืนราวกับพายุถล่ม สตาริศาจึงมีสภาพอย่างที่เห็น บราเธอถูกเขาปล้ำถอดและขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดีไปที่เบาะหลัง เขาทำเหมือนเธอเป็นเฉกเช่นลูกไก่ในกำมือ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด และตอนนี้เธออยู่ในข่ายถูกเลือกให้...ไม่รอด

แม้รถจะติดฟิล์มกรองแสงสีดำรอบด้าน แม้ว่าเขาจะปรับเบาะเอนลงให้พ้นสายตาคนที่อาจจะเดินผ่านมา และถึงแม้จะโชคดีที่ไม่มีใครผ่านมาเลยในเวลานั้นก็ตาม แต่เบาะรถไม่ใช่เตียง ภายในรถไม่ใช่ห้อง และสภาพแวดล้อมภายนอกไม่อาจจะเรียกได้ว่าส่วนตัว นี่มันคือลานจอดรถในห้างชัดๆ
เขากล้า และบ้าเกินกว่าเธอจะรับได้ เขาทำกับเธอบนรถคันนี้ได้ยังไง

เธออาย อับอายจนไม่กล้าจะก้าวออกไปเผชิญหน้ากับใครๆ หรือแม้แต่หันไปสบตากับเขา

“ถ้าไม่ปฏิเสธ ผมถือว่าคุณตกลงนะ”

คำพูดที่ดึงให้เธอกลับมาสู่การเจรจาที่ค้างเอาไว้ อาทิตะยะมองคนที่กอดตัวเองแน่นขึ้น
นี่เขาทำเกินไปหรือเปล่า

ร่างบางยังคงกัดริมฝีปากบางเฉียบของตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมพูดตอบโต้ จากไม่พอใจเริ่มจะกลายเป็นเกลียดเข้าไส้ไปแล้ว สำหรับการกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อเธอ

“เฮ๊ย!”

อาทิตะยะถึงกับหลุดเสียงอุทานดัง ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น เมื่อจู่ๆ สตาริศาก็ผลักประตูรถเปิดและก้าวออกไป

แม่คุณเอ๊ย กระโปรงขาด โนบรา สตาริศากล้าเหลือร้าย ให้ตายสิ!
จะท้าทายกันมากเกินไปแล้ว

คิดหรือว่าจะหนีจากเขาได้ เธอไม่รู้จักอาทิตะยะ ทรรศไนย จริงๆ นั่นล่ะ

แค่สตาริศาก้าวลงมาจากรถ ยังไม่ได้ขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำ ชายฉกรรจ์มากกว่าสิบแน่ๆ จากการคำนวณด้วยสายตา ก็โผล่พรวดเข้ามายืนจังก้าอยู่รอบตัว ปิดช่องทางหนีของเธอหมดสิ้น

ร่างบางหันขวับไปมองคนที่ออกคำสั่งให้ผู้ชายทั้งหมดที่ยืนล้อมรถที่เขาและเธอยืนอยู่ ให้ถอยห่าง เขาสั่งเสียงดังว่าอย่ายุ่ง และบอกเสียงเฉียบว่าเขาจะจัดการเอง และนั่นคือคำตอบของข้อสงสัยในใจเธอ ว่าผู้ชายพวกนี้มาจากไหน และเป็นคนของใคร

ไม่มีโอกาสให้เธอได้เลือก หรือ ตัดสินใจ ผู้ชายที่เคยคิดว่าคงไม่มีวันที่จะได้เจอกันอีกกำลังลงมือบงการชีวิตเธอ สตาริศาเชิดหน้า พร้อมจะเผชิญ เธอไม่คิดว่าคนที่มีสติปัญญาและโลดแล่นอยู่ในโลกที่ได้ชื่อว่าเจริญแล้วซ้ำยังพูดคุยกับเธอด้วยภาษาเดียวกันจะเจรจาต่อรองไม่ได้

“คุณจะทำอะไร”

“มาตามเมียกลับบ้าน” คำว่า เมีย ตอกย้ำให้คิดไปถึงเหตุการณ์อันเป็นที่มาของคำๆนี้ หน้าสวยเชิดรั้น แววตาท้าทาย ผิดคาด อาทิตะยะคิดว่าเธอจะกลัวจนสติแตกไปแล้วซะอีกหลังจากที่ได้เห็นบอดี้การ์ดครบทีมของเขาในวันนี้ ชายหนุ่มยิ้มพอใจ ก่อนจะบอกให้เธอกลับขึ้นรถ

“ฉันไปกับคุณไม่ได้”

“ไปได้สบายมาก สตาริศา แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ ขึ้นรถเถอะ จะยืนให้คนของผมมองอีกนานไหม” คำพูดของเขาทำให้เธอกวาดสายตามองรอบตัว สักคนก็ไม่มี เขาขู่เธอใช่ไหม
“ผมไม่ชอบให้ใครมาเดินล้อมหน้าล้อมหลัง ผมรำคาญ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มี คนของผมอยู่รอบๆ ตัวผม ในทุกๆที่นั่นละดาว เมื่อกี้คุณก็เห็นแล้วนี่”

เขาพูดเมื่อเห็นเธอทำท่าว่าจะไม่เชื่อ และนั่นก็ทำให้สตาริศาตัดสินใจได้เร็วขึ้น เธอกลับเข้าไปนั่งในรถตามเดิม อาทิตะยะหัวเราะหึๆก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย ครานี้เขาไม่อยากจะเสียเวลาพูดคุย ชายหนุ่มออกรถทันทีเล่นเอาคนนั่งข้างๆ หันขวับมองด้วยความตกใจ โกรธที่เขาทำเหมือนกับเธอเป็นสิ่งของที่อยากจะได้ก็ต้องได้ ทั้งๆที่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการคิดและทำตามความพอใจของตัวเองเช่นเดียวกับเขา เผด็จการและบ้าอำนาจเกินไปหน่อยแล้ว

“ดาว” เขาเรียกเมื่อขับรถมาได้สักระยะแต่เธอก็ยังเงียบ

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!” เธอเบี่ยงตัวหลบและปัดมือที่ยื่นมาหา

“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้”

“คุณมันบ้า โรคจิต ที่คิดจะเอาชนะฉันด้วยวิธีแบบนี้”

“เพราะคุณไม่ยอมที่จะให้โอกาสผม”

“มันไม่ใช่เรื่องที่จะควรให้โอกาส เพราะฉันไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับคุณ คุณไม่เข้าใจที่ฉันพูดรึไงคะ ฉันไม่คิดจะรักคุณ ฉันเกลียดคุณ และไม่อยากจะไปนั่งกินนอนกินเป็นผู้หญิงของคุณ”
คำพูดตัดรอนดังลั่นรถของเธอเล่นเอาเขากัดฟันกรอด ข่มอารมณ์โกรธ ผู้ชายอย่างเขามันเสียหายตรงไหน ถึงได้ตั้งท่ารังเกียจนัก

“ผมไม่สน ว่าคุณจะคิดยังไง ต่อให้คุณไม่อยากเกี่ยวคุณก็นอนกับผมไปแล้ว ถึงแม้จะแค่ครั้งเดียว หรือหลายครั้ง มันก็ให้ผลไม่ต่างกัน ยอมรับมาเถอะว่าคุณไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิม ถามจริงอยากจะไปเป็นเมียใครที่ไม่ใช่ผมมากรึไง ถึงได้ตั้งท่าปฏิเสธกันนัก”

“คุณ!” เธอถึงกับพูดไม่ออก เมื่อได้ยินประโยคยาวๆที่จบ ด้วยการคาดเดาเหมือนกับจะรู้อะไรบางอย่าง “คุณหมายถึงใคร”

“ก็ใครล่ะ ที่ทำให้คุณวิ่งเตลิดจนไปเจอผมน่ะ”

“คุณรู้...”

“ผมรู้ทุกอย่างที่อยากจะรู้นั่นล่ะ”

“แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณกำลังทำ”

“ใครบอกไม่เกี่ยว ยอมรับแล้วสิว่าอยากจะไปเป็นเมียคนอื่นมากกว่าผม แต่ฝันไปเถอะ ผมไม่นิยมใช้เมียร่วมกับใคร เข้าใจไหม” ...โดยเฉพาะกับน้องตัวเอง แค่คิดก็รับไม่ได้แล้ว…อาทิตะยะนึกประโยคต่อมาในใจ

“ฉันไม่คิดจะไปเป็นเมียใคร” คำพูดของเขาทำให้อารมณ์เธอทะลุองศาเดือดจนต้องตะโกนตอบ

“คุณกำลังจะไปเป็นเมียผมนี่ไง”อีกคนสวนเร็ว ไม่ได้หวั่นไหวไปกับอารมณ์ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“คุณหนึ่ง!”

“ครับ” ขานรับด้วยรอยยิ้มอีกต่างหาก

“คุณนี่มัน คุณ...คุณ”

“ไม่ต้องรีบ ค่อยๆคิด ผมอยู่ใกล้แค่นี้เอง คิดได้เมื่อไหร่ค่อยด่าค่อยว่าผมก็ได้ อีกอย่างเรากำลังจะไปอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ผมมีเวลาให้คุณเหลือเฟือเลยล่ะดาว”

“คุณ...” จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าเขา ก็เลยสะบัดหน้าพรืดมองข้างทางและนึกต่อว่าโชคชะตาที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับคนอย่างเขา แต่สุดท้ายเมื่อคิดไปคิดมา คิดมาคิดไป ก็คิดได้ว่าเธอต่างหากที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอกับเขา อย่าได้ไปโทษโชคชะตาหรือฟ้าผีที่ไหนเลย

คิดได้ดังนั้น ร่างบางผ่อนลมหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะขยับตัวเบียดชิดกับประตูรถ เอนศีรษะพิงกระจก และหลับตา

อาทิตะยะมองคนที่เงียบไป ชายหนุ่มชะลอความเร็วของรถลงและขับระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็ไม่วายทำให้ศีรษะเธอกระแทกกระจกหลายครั้ง เมื่อถนนมันไม่ได้ราบเรียบตลอดเส้นทาง หมดความอดทนเมื่อเห็นอีกฝ่ายพอใจที่จะให้หัวตัวเองโขกกระจกโป๊กๆ ไม่ยอมขยับเปลี่ยนท่า แม้จะรู้สึกตัว บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรีส์ 7 สีดำ ลดความเร็วและหักเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง เมื่อคนขับเริ่มจะทนไม่ได้กับสิ่งที่เห็น อาทิตะยะปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองเพื่อจะขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายได้ถนัด เขาลงมือปรับเบาะของเธอให้เอนลงไปแม้จะไม่ได้รับความร่วมมือนักจากคนที่ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงตั้งแต่รถจอด

“นี่อย่านะ” เธอพยายามที่จะผลักอีกฝ่ายออกไม่ให้ใกล้เธอมากไปกว่านี้

“อย่าดิ้น หัวโขกโป๊กๆ ยังเฉยอยู่ได้ บ้ารึเปล่าคุณ คุณไม่เจ็บ แต่ผมประสาทเสีย ขับรถไม่ได้ เพราะฉะนั้นหยุดพูดแล้วนอนซะ ถ้ายังดื้อผมจะทำอย่างอื่น ครั้งนี้ไม่หยุดจนกว่าจะจบเพราะข้างทางมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า อยากลองไหม”คนถูกขู่หยุดกึกทั้งอาการดิ้นรน และเสียงต่อว่า...

“ก็เท่านี้” ชายหนุ่มพูดขึ้น เมื่อเธอสงบ เขายิ้มให้ แต่เธอไม่ สตาริศาขยับนอนหันหลังให้อีกฝ่าย เธอไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกแล้ว เท่าที่เจอมาก็ยืนยันได้แล้วว่าเธอไม่มีทางเอาชนะเขาได้ ในทุกเรื่อง
อาทิตะยะขยับกลับมานั่งประจำที่ และออกรถในทันทีเพราะอยากจะไปให้ถึงหนึ่งตะวันก่อนจะค่ำมืดไปมากกว่านี้ ตลอดเส้นทางชายหนุ่มหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นระยะ ดวงตาสีเข้มเกิดประกายบางอย่างก่อนจะหันกลับมามองถนนเบื้องหน้า

นิยายน้ำเน่าโดยแท้ เมื่อเขาเพิ่งจะมารู้ว่าสตาริศาเคยเป็นแฟนน้องชายต่างสายเลือดของตัวเองหลังจากที่เธอกับเขามีอะไรกันแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของสตาริศาและนทีที่ถูกเล่าโดยละเอียดจากปากอัคนีเมื่ออาทิตย์ที่แล้วทำให้เขานั่งไม่ติด และหลังจากวันนั้น วันที่ได้รู้ว่าความรักของเธอเคยมอบให้กับใครอาทิตะยะจึงตัดสินใจ ที่จะดำเนินการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนที่พี่กับน้องจะต้องมามีเมียคนเดียวกัน

ในเมื่อสตาริศาเคยเป็นของเขา เธอก็หมดสิทธิ์ที่จะเป็นของใคร

และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ชายที่เธอควรจะรัก จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเขา
อาทิตะยะ ทรรศไนย ผู้ชายคนแรกที่เธอเลือกเอง!

~*~*~*~*~*~





ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 19:01:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 2647





<< ตอนที่ 7...ถ้าคิดว่าใช่ และทำได้ ก็ลงมือ...   ตอนที่ 9...ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ดอกไม้ริมทาง... >>
ปูสีน้ำเงิน 7 ส.ค. 2554, 18:33:50 น.
^O^


ปิลันธน์ 24 ส.ค. 2554, 03:00:18 น.
1.ปูสีน้ำเงิน: รับทราบจ้า..รักมากมายที่แวะทักทายกัน


april 30 ก.ย. 2554, 13:13:15 น.
ชอบๆๆค่ะ ตามต่อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account