ลิขิตพิศวาส
เธอสูญเสียรักครั้งแรกไปเพราะความ...ยาก
จึงคิดประชดรักที่ล้มเหลวด้วยความ...ง่าย
.
.
.
จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอสลัดผู้ชายที่เป็นคนแรกของตัวเองไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
ซ้ำเขายังเฝ้าตามติดเอาอกเอาใจทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ โดยที่เธอไม่ต้องการ !!

**********************************************

มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ ที่จะให้ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากที่เธอทำให้เขาเกือบจะช็อคกับสิ่งที่ได้รับ
ซ้ำยังย้ำบอกให้เขาลืม ลืม และลืม เพราะเธอไม่แคร์ และกำลังจะจากไป
.
.
.
แม่ดอกไม้ริมทางคิดจะฟันเขาแล้วทิ้งอย่างนั้นหรือ
อะไรจะง่ายขนาดนั้น !! ฝันไปเถอะ เพราะเขาจะไม่ปล่อยเธอไป...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: อาทิตะยะ สตาริศา

ตอน: ตอนที่ 10...ผมไม่เคยสนว่าระหว่างเราจะเริ่มต้นยังไง...


ร่างเล็กเบียดแผ่นหลังเปลือยเปล่าเข้าชิดอกแกร่งของคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นและจบลง ลมหายใจหอบถี่ค่อยๆกลับคืนสู่ภาวะปกติ ท่อนแขนที่วางพาดไปที่เอวคอดกอดรัดร่างในวงแขนเมื่ออีกฝ่ายขยับหา คล้ายเต็มใจที่จะตอบรับความชิดใกล้ หากแต่เจ้าตัวกลับรู้ดี ในขณะที่ร่างกายแนบสนิทกับอีกคนแต่หัวใจเขากลับล่องลอยไปอยู่กับอีกคน…

ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปบนพื้นฐานของความพอใจเป็นหลัก และข้อตกลงที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องการที่จะผูกมัด ทำให้เรื่องราวระหว่างเขากับญรินดากลายมาเป็นต้นเหตุให้ความรักของเขาพังในวันหนึ่ง...

สตาริศายืนยันที่จะไปจากเขาและยุติความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน ทันทีที่เห็นเขามีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น
ให้ตายสิ...ผู้หญิงไม่รู้หรืออย่างไร ว่าร่างกายกับหัวใจมันสามารถแยกออกจากกันได้ ต่อให้เขามีอะไรกับผู้หญิงอื่นมากมายแต่คนที่เขารักก็ยังคงเป็นเธอเสมอ คนอย่างนที ภัทรจักร เขายืนยันชัดเจนทุกครั้งว่าตัวเองมีคนที่รักรออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนมันจะไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้ เมื่อคนที่เขารักปฏิเสธที่จะฟังคำอธิบายใดๆ และหลีกเลี่ยงที่จะพบหน้ากันตลอดไปเสียแล้ว

‘ทำไมถึงไม่เชื่อใจกันเลยนะดาว...ทำไม’

‘หรือแท้จริงแล้ว ดาวไม่เคยรักผมเลย’

อ้อมแขนแข็งแรงคลายออก และค่อยๆ ผละห่างร่างที่นอนกอด เมื่อค้นพบความจริง... ไม่มีผู้หญิงคนไหนแทนที่คนในหัวใจ...เขายังปรารถนาจะมีสตาริศาเคียงข้างเช่นที่ผ่านมา

ดาว...ผมคิดถึงคุณ!

ญรินดาขยับนั่ง มือดึงผ้าขึ้นมาปกปิดร่างกายเปล่าเปลือย ใจที่กำลังเผลอไผลซึมซับเอาความอบอุ่นจากคนที่นอนกอดเมื่อครู่มลายหายไปในทันที นทีถอยห่างและขยับลงไปจากเตียงรวดเร็ว ทุกความเคลื่อนไหวของเขาปรากฏอยู่ในดวงตาที่สะท้อนความเจ็บปวดสาหัสของคนที่นั่งอยู่บนเตียง นี่คือความจริง...เขาไม่เคยรักเธอเช่นที่เธอรัก...

“ขอโทษนะญาญ่า...ผมต้องไปแล้ว”

เสียงราบเรียบเหมือนมีดปลายแหลมทิ่มตรงมาที่หัวใจให้คนฟังรู้สึกเจ็บแสนเจ็บก่อนจะชาหนึบ ... มือที่กำลังจะรูดซิบกางเกงชะงัก เพียงแวบแรกที่ได้เห็นแววตาของคนที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนเธอจะรีบเมินหลบ คิ้วเข้มขมวดก่อนจะรีบดึงซิบกางเกงขึ้น ก้มลงคว้าเสื้อที่ตกอยู่ข้างๆกันมาถือเอาไว้ ดวงตาเข้มฉายแววคลางแคลงใจมองไปที่แผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่บนเตียง...

เขาคงตาฝาด ญรินดาจะแคร์เขาทำไมในเมื่อไม่ได้รัก เธอเป็นคนบอกเขาเองว่าความสัมพันธ์ที่เกิดคือความต้องการของร่างกาย ไม่ใช่หัวใจ เธอแค่อยากสนุกและพร้อมจะยุติความสัมพันธ์ทุกเวลาหากเขาต้องการไม่ใช่หรือ...

...แต่ที่เขาเห็นเมื่อครู่ มันคืออะไร...

หัวใจเล็กๆของผู้หญิงแอบรักสะท้านไหว ภาวนาไม่ให้เขาซักไซ้และสงสัยหลังสบตาชั่วแวบเดียวเมื่อครู่ พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ด้วยรอยยิ้มเช่นที่ผ่านมา เมื่อหันกลับไปหาเขาอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันต้องจบลงด้วยคำว่า “รัก” ที่อีกฝ่ายไม่ต้องการ

“จะไปก็ไปสินัท ช้าอยู่ทำไม ญาญ่าจะได้นอน”

รอยยิ้มสดใสบวกกับถ้อยคำไม่แคร์ว่าเขาจะอยู่หรือไป ทำให้หัวใจของคนฟังกระตุก รู้สึกก้ำกึ่งระหว่างความพอใจ...ที่ความสัมพันธ์ไม่ก้าวล้ำเส้นที่ขีดเอาไว้ และไม่พอใจ...ถึงแม้เขาไม่ประสงค์จะให้เธอมีใจแต่ใช่ว่าจะพอใจที่เห็นอีกฝ่ายทำเป็นไม่ใยดี ความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายทำให้นทีก้าวเท้าเข้าไปหา ขยับหน้าเข้าไปใกล้คนหน้าสวย ที่ลอยหน้าลอยตาท้าทาย ก่อนจะก้มลงแตะจูบเบาๆ จนทำให้คนที่นั่งอยู่ตาค้าง...

ไม่ใช่ที่ปากแต่เป็นที่หน้าผากเกลี้ยงเกลา อุ่นวาบไปทั้งหัวใจ และเจ็บลึกมากกว่าครั้งไหนๆ...
นที ภัทรจักร... ไม่รักแล้วทำแบบนี้ทำไม!!!!

แค่เดินจากไปเฉยๆ เช่นที่ผ่านมา เธอก็คงไม่ต้องฟุบหน้าร้องไห้ ด้วยรู้สึกเจ็บเจียนตายแบบนี้

..........

หัวใจแกร่งเริ่มแกว่งและรู้สึกหวาดๆ เมื่อมองเห็นสถานที่ที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้กลับมาอีกตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ภาพเหตุการณ์ที่พยายามลบออกจากความทรงจำกลับหลั่งไหลเข้ามาจนทำให้ลมหายใจของเธอสะดุด หน้าอกสะท้อนขึ้นลงบ่งบอกถึงความรู้สึกที่พยายามเก็บซ่อน แม้อาทิตะยะจะขับเรือเข้าเทียบฝั่งและดับเครื่องยนต์ไปแล้ว แต่เสียงของมันยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทอื้ออึง

สตาริศามองคนที่ขยับก้าวลงจากเรือ อาทิตะยะคือผู้ชายที่เธอไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดหรือกำลังจะทำอะไร หญิงสาวลังเลที่จะก้าวตามเมื่อเขาร้องบอกให้เธอลงจากเรือ แม้จะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เมื่ออีกฝ่ายทำทีว่าจะขึ้นมาตาม สตาริศาขยับลุกเร็ว หลังจากก้มลงใช้นิ้วเกี่ยวรองเท้าส้นสูงที่ถอดวางอยู่ข้างๆ มาถือเอาไว้ จากนั้นจึงประคองตัวเองเดินและก้าวลงไปเหยียบขั้นบันไดทางด้านท้ายเรือด้วยมือขวาที่ว่างเพียงข้างเดียว

ความระมัดระวังของเธออยู่ในสายตา...อาทิตะยะยืนรอจนกระทั่งอีกฝ่ายขยับก้าวลงมาใกล้ และในจังหวะนั้นเอง...ชายหนุ่มทำในสิ่งที่คิด สตาริศาหวีดร้องด้วยความตกใจกับมือที่ยื่นมาหา หญิงสาวได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชายที่ให้คำนิยามตัวเองว่า...ผู้ชายธรรมดา ให้สามารถลงจากเรือได้รวดเร็วเกินความคาดหมายโดยไม่มีแม้แต่คำขออนุญาต หรือการบอกกล่าวล่วงหน้าให้เตรียมตัว

หญิงสาวกัดฟันกรอด...จ้องมองคนที่ถือวิสาสะช่วยเหลือโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอตาวาว...

อาทิตะยะปล่อยมือจากเอวคอดเมื่อถูกสองมือของคนที่เท้าแตะพื้นก็เริ่มเหวี่ยงผลักอกโดยที่มือหนึ่งของเธอยังคงคีบรองเท้าเอาไว้และมันก็ซัดเข้าอกเขาเต็มๆ ในระดับน้ำที่ไม่สูงมากและคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะทรงตัวยืนได้ทำให้เขาวางใจและปล่อยมือจากเอวเธอโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นคนที่ถูกปล่อยตัวง่ายดายเกินคาดถึงกับอ้าปากร้องเสียงหลงเมื่อแรงผลักมหาศาลที่ส่งไปยังคนตรงหน้าสะท้อนกลับมาจนทำให้ตัวเองเสียหลักจนไม่อาจจะยืนทรงตัวอยู่ได้

“กรี๊ดดดดดดด...” ร่างที่โงนเงนทำท่าว่าจะหงายหลังร้องลั่นสุดเสียง แม้แต่ตัวเองยังนึกไม่ถึงว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะดังได้ขนาดนี้ยามคับขัน รองเท้าคู่สวยหลุดมือเมื่อเธอจำเป็นจะต้องใช้มือยึดเกาะไม่ให้ร่างหงายหลังตึง เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้น มันลางเลือนในความทรงจำ...แต่ความตกใจทำให้เธอไม่อาจจะจดจ่ออยู่กับความทรงจำที่วาบเข้ามา...

อาการใจหายใจคว่ำเป็นเช่นไร สตาริศารู้ซึ้ง การจินตนาการเห็นตัวเองหงายหลังลงไปนอนแช่น้ำทะเล สร้างความรู้สึกสยองจนไม่อยากจะกลับไปสัมผัสกับมันอีก ดังนั้นเมื่อเอวเล็กถูกท่อนแขนแข็งแรงตวัดกอดจนร่างถลาเข้าไปปะทะอกเขาดังอัก เธอจึงยอมอยู่นิ่งโดยดี... ด้วยไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะมัวแต่ตกใจสองแขนของเธอโอบแน่นรอบคอคนที่ยืนเป็นหลักให้ได้เกาะ ในขณะที่สองแขนของคนที่ยืนได้มั่นคงกว่าก็กอดแน่นอยู่รอบเอวเล็กคอดพอดิบพอดี...

“เจ็บตรงไหนรึเปล่า...”เป็นประโยคคำถามที่ทำให้คนฟังรู้สึกอุ่นวาบที่หัวใจ สตาริศาส่ายหน้าแทนการเอื้อนเอ่ยคำใดในช่วงจังหวะที่ยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ หลังจากกรี๊ดจนแสบคอไปกับเหตุการณ์เมื่อครู่...
“แน่ใจนะ” ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ และรอคอยคำตอบ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลฉายแววประหลาดใจ เมื่อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายตาค้างกับประโยคที่ตามมา...

“ที่ถามเพราะเป็นห่วง เมื่อกี้ตกใจก็เลยรีบคว้าตัวคุณเอาไว้ ชนผมดังขนาดนั้นไม่เจ็บแน่หรือ” อาทิตะยะทำให้เธอกระจ่างด้วยคำถามตรง ไม่อ้อมค้อม

แม้จะเป็นคำพูดที่ฟังเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใย แต่เธอกลับตีความไปว่าเขาหยอกล้อ เห็นเป็นเรื่องสนุก ในสถานการณ์ที่เขาเป็นต่อ ...สตาริศาตอบกลับมาเพียงสั้นๆว่า “ไม่ค่ะ...ขอบคุณ” พยายามจะดันตัวออกห่างเมื่อรู้สึกว่าอ้อมแขนที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยดูท่าจะเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้าม

“แค่ขอบคุณหรือดาว” นั่นไง เธอคิดผิดไปซะที่ไหน

“ถ้าขอบคุณยังไม่พอ แล้วคุณต้องการอะไร” หน้าสวยเชิดขึ้นท้าท้าย นัยน์ตาจ้องตอบอีกฝ่ายไม่ลดละ เมื่อคิดได้ว่าความกลัวไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ความกล้าต่างหากที่อาจจะทำให้เธอหลุดพ้นจากผู้ชายเอาแต่ได้ซ้ำยังเอาแต่ใจคนนี้

อาทิตะยะเลิกคิ้ว เห็นชัดๆว่าเขาไม่พอใจกับประโยคที่ได้ยินและท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออก ดวงตาสีนิลเพ่งพิศใบหน้าสวยจัดเต็มๆตาอีกครา ความทรงจำเกี่ยวกับแม่สาวน้อยขี้เมาที่เขาเคยเจอหวนกลับมาให้คิดถึง ร่างนุ่มนิ่มในวงแขนยิ่งตอกย้ำภาพความสัมพันธ์ แม้แววตาที่มองมาจะเปลี่ยนไป ไม่ได้ยั่วยวน ไม่ได้เชื้อเชิญ หากแต่กลับมีแรงดึงดูดมหาศาลจนยากจะอดใจไหว

“ต้องการแบบนี้ไง...” คำตอบคลุมเครือ กระจ่างชัดถึงใจคนฟังด้วยการกระทำที่ตามมาติดๆ สัมผัสอุ่นร้อนที่เรียวปากกระชากลมหายใจออกไปจากร่าง เธอถูกพันธนาการเอาไว้แน่นด้วยสองแขนแข็งแรง แนบสนิทจนไม่เหลือช่องว่างให้ขยับ สองมือที่ยังคงได้รับอิสระของสตาริศาทั้งทุบ ทั้งผลัก แทนที่จะทำให้อีกฝ่ายหยุดกลับกลายเป็นกระตุ้นให้เขาทำ ยิ่งผลักเขายิ่งจูบ จูบอย่างเอาเป็นเอาตายจนเกือบจะทำให้เธอตายไปจริงๆ เพราะไม่มีโอกาสได้หยุดหายใจ

เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืนค่อยๆแผ่วลงเมื่อไม่อาจจะเอาชนะ “ปล่อย” คำสั้นๆ ที่หลุดออกมาเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระชั่วแวบเดียวก่อนที่จูบของเขาจะวกกลับมาใหม่ “อย่า…” เสียงร้องห้ามเบาหวิว เมื่อมีโอกาสได้พูดอีกครั้ง...เมื่อเขาผละออก “ไม่นะ!” หันหน้าหนีหลับตาปี๋เมื่อเห็นท่าว่าอีกฝ่ายยังไม่คิดจะหยุด “พี่...พี่หนึ่ง...พอแล้ว!!” ประโยคเดียวที่ไม่คิดว่าจะต้องพูด กลับต้องกัดฟันเปล่งมันออกมาในที่สุด และนั่นทำให้คนที่กำลังจะก้มหน้าตามติดชะงักกึก
ให้ตายสิ...ชักจะชอบให้เธอเรียกเขาแบบนี้จริงๆซะแล้ว

สตาริศาค่อยๆลืมตาเมื่อรู้สึกว่าวงแขนที่กอดรัดรอบเอวคลายออกแม้จะยังไม่ยอมปล่อย หัวใจค่อยกลับมาเต้นเป็นปกติเมื่อคิดว่าทุกอย่างน่าจะยุติ แต่พอหันกลับไปมอง...เพียงเสี้ยววินาที

อาทิตะยะก้มลงกดจูบหนักๆไปที่ปากแดงๆของคนตาวาวเสียหนึ่งที ก่อนจะยอมเลิกราโดยดี ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว สตาริศากัดปากแน่น สาดความกราดเกรี้ยว โมโห และความไม่พอใจแบบสุดๆ ไปยังคนตรงหน้า นี่เธอเป็นของเล่นของเขาไปแล้วหรือไง...

มีประกายบางอย่างในดวงตาคู่นั้นที่เธออ่านไม่ออก แต่ที่แน่ๆ ขอเดาเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้รู้สึกรู้สากับความรู้สึกของเธอเลยแม้แต่น้อย อาทิตะยะมีสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ ในขณะที่เลือดในกายเธอกำลังเดือดพล่านเพราะอุณหภูมิของร่างกายที่พุ่งสูงปรี๊ดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่…

……….
สตาริศาไม่กล้าหือ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่บ่งบอก ว่าอารมณ์ของเธอไม่ได้สงบอย่างที่ร่างกายแสดงออกตอนที่ถูกคนมีอำนาจและพลังกายมากกว่าฉุดรั้งให้ก้าวตาม คนที่ถูกกล่าวหาว่าไร้ความรู้สึกกำลังคิดหนัก ความสัมพันธ์ทางร่างกายไม่ได้ส่งผลถึงหัวใจ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายหากเขาปรารถนาจะมีเธอเคียงข้าง

ทุกย่างก้าวที่เธอก้าวเหมือนพันธนาการที่มัดแน่น ยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึก บ่อยครั้งที่ลอบระบายลมหายใจด้วยรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญ บ้านพักตากอากาศหลังมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เปรียบได้กับคุกดีๆนี่เองสำหรับเธอ

อาทิตะยะหันกลับมามองคนที่ก้าวตามอย่างว่างาย ทั้งๆที่ก่อนหน้าทั้งฉุดทั้งรั้งขืนตัวจนเขาต้องลงมืออุ้มให้เท้าเธอพ้นพื้นจึงจะก้าวต่อได้ ก่อนจะยอมปล่อยเธอลงให้เดินเองเมื่ออีกฝ่ายรับปากว่าจะเดินตามโดยดี สตาริศาเมินมองไปทางอื่นเพียงแค่แวบเดียวที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าถูกใครอีกคนจ้องมอง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากได้รูป...ดวงตาสีนิลสะท้อนความอ่อนโยน เขาแคร์ความรู้สึกเธอ...ไม่อยากเป็นผู้ร้ายในสายตาของคนที่หวังจะให้รัก แต่หากเขายอมอ่อนข้อเสียตั้งแต่ต้นเธอก็ได้ใจเท่านั้น

อาทิตะยะหยุดเดินเพื่อรอให้อีกฝ่ายขยับก้าวมายืนอยู่ในระดับเดียวกัน ก่อนที่เธอจะเอ่ยสิ่งใด มือที่กุมแน่นอยู่ที่ข้อมือเล็กก็ฉุดร่างบางให้เสียหลักจนเซถลาเขาเข้ามาปะทะอก...ก่อนจะใช้สองแขนตวัดรัดรอบเอวเล็กกอดแน่น โทษฐานที่เธอทำเป็นหมางเมินและเชิดใส่...ต้องโดนซะบ้าง!

“ปล่อยนะ นี่คุณคิดจะทำบ้าอะไรอีก!!”

สตาริศาตวาดแว๊ด เมื่อต้องกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายที่เธอมองไม่เห็นคำว่า “ธรรมดา”อยู่ในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย อาทิตะยะ ทรรศไนย ไม่สนสิ่งใดนอกจากความต้องการของตัวเอง! เขาแสดงให้เธอเห็นตลอดมาตั้งแต่แรกที่เจอกัน จนกระทั่งเดี๋ยวนี้...

“อยู่กับผม มองผม สตาริศา”เสียงเข้มประกาศกร้าว

สตาริศาเงยหน้ามองคนที่จงใจออกคำสั่งกวนประสาท หน้าสวยบึ้งตึงขึ้นทันทีเมื่อสบตา

“ดิน ฟ้า อากาศ ก็ ห้ามมอง...ในเมื่อผมยืนอยู่ตรงหน้า ตาของคุณก็ต้องอยู่ที่ผม เข้าใจไหม”
ประโยคต่อมายิ่งย้ำให้อารมณ์ขุ่น เกินจะรับไหว ...ห้ามมองแม้กระทั่งดิน ฟ้า อากาศ ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ย!!...สตาริศาก่นด่าในใจ เธอถ่ายทอดความนึกคิดออกมาอยางชัดเจนทางแววตา ก่อนจะโต้กลับเสียงเข้ม

“ตาของฉัน ฉันจะมองใครหรืออะไรมันก็เรื่องของฉัน!” คิดหรือว่าเธอจะยอมทำตามง่ายๆ กับข้อห้ามพิลึกพิลั่นนั่น แม้จะหวาดหวั่น...แต่เธอก็เชิดหน้าประกาศชัด...ว่าข้อห้ามนี้ไม่ขอปฏิบัติตามโดยเด็ดขาด...
“ตาของคุณควรจะมองผม เวลาที่อยู่กับผม ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่า ‘ไม่ชอบ’คุยกับคนที่ไม่ยอมมองตากัน “ เขาไม่สนอาการปั้นปึงและสายตาวับวาวของร่างในวงแขน ถึงเวลาที่สตาริศาจะต้องเรียนรู้ว่าการไม่ทำตามความต้องการของเขาแต่โดยดี เธอจะต้องเจอกับอะไร...

“คุณบังคับฉันเกินไปแล้ว... ความรู้สึกที่ดีต่อกันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าคุณเอาแต่ออกคำสั่งแบบนี้!” สตาริศาพยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น ไปตามร่างกายที่กำลังสั่นเทิ้มด้วยอารมณ์ความไม่พอใจ...

“ความรู้สึกดีๆผมต้องการ แต่ถ้าจะให้รอแบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ขอบายดีกว่า อีกอย่างทำไมผมจะต้องเสียเวลาไปกับการตามจีบ ‘เมีย’ ตัวเองด้วยฮึ”

จบประโยคที่ทำให้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง มือทั้งสองที่วางทาบอยู่บนท่อนแขนที่โอบอยู่รอบเอวจิกเล็บลงไปที่เนื้อของอีกคนเต็มแรงโดยไม่เสียเวลาคิด ดวงตาสีนิลไหววูบและเผลอสะดุ้งกับการจู่โจมที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเพราะหลังจากที่รู้ตัว ไม่ว่าสตาริศาจะกระหน่ำแรงไปเท่าไหร่ อาทิตะยะก็ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อยจนคนทำรู้สึกขัดใจ แม้จะไม่เจ็บเจียนตาย แต่ก็ระคายผิวไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลของการกระทำนั้น!

สตาริศาหยุดกึก เมื่อมองเห็นประกายบางอย่างในดวงตาสีเข้ม

“ฉันไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับคุณ ได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วยนะคะ! ” ชิงพูดขึ้นซะก่อนที่อีกฝ่ายจะลงมือทำอะไรบางอย่างที่เธอไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่อยากจะเจอกับมัน...

อาทิตะยะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาวาว... อยากจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ มีสักครั้งไหมที่เธอจะรู้สึกหวั่นไหวไปกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเขา หรือหัวใจเธอมันไม่มีที่ว่างสำหรับใครอื่นนอกจากคนเดิมที่เธอมี...

“คุณไม่อยาก แต่ผมอยาก ผมจะเกี่ยวคุณเอาไว้ ไม่ให้หนีไปไหนทั้งนั้น ได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วยนะครับ!” เขาจงใจจบประโยคด้วยข้อความที่มีความหมายไม่ต่างจากเธอ...ไม่อาจห้ามความคิดว่าหัวใจของสตาริศายังมีใครคนหนึ่งอยู่ ความไม่พอใจจึงทวีขึ้นอีกเท่าตัว

แม้จะรู้เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกเหวี่ยงเข้ามาในวงโคจรของชีวิตโดยละเอียด แต่เรื่องของหัวใจก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาสำหรับเขา

หัวใจของเธอจะหยิบยกไปให้ใครเขาคงไม่มีอำนาจใดจะไปห้าม หากแต่ร่างกายของเธอมันได้ตกเป็นสิทธิ์ของเขานับตั้งแต่วันที่เขาได้ครอบครองเธอนั่นแล้ว เพราะฉะนั้นต่อให้มากกว่านี้...เขาก็จะทำ!

“คุณมันบ้า ให้ตายสิ เรื่องระหว่างเรา...!”

“เรื่องระหว่างเราทำไม ถ้าคิดจะยกเอาเหตุเดิมๆมาอ้าง ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ‘ไม่สน’ เข้าใจไหม ผมไม่เคยสนว่าระหว่างเราจะเริ่มต้นยังไง” อาทิตะยะพูดแทรกขึ้น ตัดโอกาสไม่ให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ “อีกอย่าง...เป็นเมียนายอาทิตะยะมันเสียหายมากนักหรือไง ถึงได้ตั้งท่าปฏิเสธกันนัก! ”

ไม่มีคำตอบให้กับคำถามนั้น สตาริศาปิดปากเงียบ ความเฉยเมยกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายให้ประทุ”หรือที่ผมทำมันยังไม่ถูกใจ...มันยังไม่ใช่อย่างที่ต้องการ” แน่ใจนะว่านั่นคือคำถามที่เขาต้องการจะได้คำตอบจริงๆ “ว่าไง...สตาริศา” ตอกย้ำสุดๆ เหมือนถูกเขาตบหน้าจนชาดิก...

สตาริศาอยากจะยกฝ่ามือขึ้นฟาดหน้าผู้ชายปากร้าย แต่เพราะกลัวว่าจะถูกเอาคืนเหมือนครั้งที่เคยลงมือ เธอจึงเลือกที่จะเงียบไม่ตอบโต้
ดวงตาโตที่เหมือนกับมีลูกไฟน้อยๆลอยอยู่ข้างในจ้องเขานิ่ง ริมฝีปากบางขบเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ใบหน้าสวยบึ้งตึงขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคที่ออกจากปากเขา

ดวงตาสีนิลไหววูบชั่วครู่ก่อนจะมองเฉยเป็นปกติ หากแต่ในใจเริ่มฉุกคิด อาทิตะยะนึกตำหนิตัวเองที่พลั้งปากพูดพล่อยๆ เขากำลังปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล และกำลังพาล...เพียงแค่ได้รู้ว่า ความรักของเธอเคยมอบให้กับผู้ชายคนอื่น...


*~*~*~*~*~*



ขออนุญาติโพสนิยายนะคะแม้จะสปีดแบบคืบคลานจนน่ารำคาญ
แต่ก็อยากเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของเวปเลิฟน่ะค่ะ...





ปิลันธน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2554, 06:58:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:54:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 5206





<< ตอนที่ 9...ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ดอกไม้ริมทาง...   ตอนที่ 11...เมื่อคำว่า*รัก*กลายมาเป็นคำต้องห้าม ระหว่างกัน... >>
incanto 28 เม.ย. 2554, 07:41:15 น.
เป็นกำลังใจให้ค่า


Gingfara 28 เม.ย. 2554, 08:28:38 น.
มาแล้วๆๆๆ>O<
รอมาตั้งแต่ระบบเดิมแน่ะค่ะ
เอาใจช่วยพี่หนึ่งกับหนูดาว


Pat 28 เม.ย. 2554, 09:47:51 น.
อึ้ม เกือบลืมเนื้อเรื่องไปเลยค่ะ ดีน้าที่ยังมาต่อ ^^


lovemuay 28 เม.ย. 2554, 10:16:04 น.
สนุกมากเลยค่าา
เป็นกำลังใจให้นะค้าา


Jiab 28 เม.ย. 2554, 11:09:00 น.
เย้ ๆ กลับมาแล้ว ถึงนานก็จะรออ่านค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


kaero 28 เม.ย. 2554, 11:46:23 น.
เป็นกำลังใจให้นะ นานนนนนนแค่ไหนก้อรอได้จ้า


blanceradio 28 เม.ย. 2554, 11:58:29 น.
โอ้โห คิดถึงค่ะ หายไปเลย คิดว่าจะไม่ต่อซะแล้ว มาลงอีกนะค่ะ รออยู่ค่ะ


หมูอ้วน 28 เม.ย. 2554, 12:14:19 น.
เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ ๆ
รออ่านตอนต่อไปค๊าา มาช้าแต่มาชัวร์นะค่ะ ไรเตอร์


ปูสีน้ำเงิน 28 เม.ย. 2554, 12:48:29 น.
สู้สู้นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


แพม 4 พ.ค. 2554, 13:23:27 น.
อืม...ลืมไปแล้วนะเนี่ย


เจ้าหญิงสุเอะ 30 พ.ค. 2554, 22:38:28 น.
อย่าหายไปนานนะ


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 6 มิ.ย. 2554, 23:06:39 น.
มารอค่ะ :)


lovemuay 13 มิ.ย. 2554, 19:49:28 น.
เมื่อไหร่จะมาต่อหล่ะคะ?


lovemuay 1 ส.ค. 2554, 12:55:16 น.
ตอนหน้าก็จะเป็นตอนใหม่แล้วใช่มั๊ยคะ ^^


bsirirata 1 ส.ค. 2554, 15:12:41 น.
มาต่อให้จบเลยนะคะทีนี้ ลุ้นอยู่ค่า ^^


kaero 1 ส.ค. 2554, 15:37:49 น.
รออ่านต่อนะจ๊ะ


ธารณ์ 1 ส.ค. 2554, 16:27:23 น.
มาต่อไว ๆ นะค้าาาาา ^^


แพม 1 ส.ค. 2554, 17:55:11 น.
มีสต๊อคเยอะกว่านี้ไหมอ่า เรื่องนี้ตั้งแต่เวปเก่าแล้วนา จบหรือยัง (@_@?)


violette 1 ส.ค. 2554, 19:40:55 น.
รออ่านต่อค่า เหมือนเคยอ่านมแล้วเนอะ เอามาโพสต์ใหม่ใช่มั้ยคะ
อยากอ่านตอนต่อแล้วจ้า


silverraindrop 2 ส.ค. 2554, 11:49:46 น.
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ....รีบมาต่อไว ๆ นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account