อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 29

ตอนที่ 29

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติเมื่อดาวเหนือและทุกคนกลับมาจากกระบี่ รวมไปถึงตะวันฉายและอาริตาที่เดินทางกลับตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันโห่ของวันรุ่งขึ้นด้วยเที่ยวบินแรกสุด

ส่วนที่เหลืออันได้แก่ ตฤณ วีกิจ ดาวเหนือและตรีทิพย์ก็ขับรถกลับ โดยก่อนกลับทั้งหมดได้แวะไปยังสถานที่ในความทรงจำเมื่อคราวก่อน...สถานที่ตฤณสารภาพรักกับดาวเหนือนั่นเอง

หลังจากนั้นก็เดินทางกลับอย่างไม่เร่งรีบ แวะเที่ยวไปด้วยกว่าจะกลับถึงกรุงเทพก็เกือบเลยเที่ยงคืน ทำให้ดาวเหนือต้องไปค้างที่บ้านของเพื่อนรักหนึ่งคืนตามประกาศิตของคุณตรีเนตรที่ไม่ยอมให้กลับ วันรุ่งขึ้นตฤณเลยต้องมาส่งแต่เช้าและได้รับสายตาพิฆาตของคุณชนะชัย บิดาของหญิงสาวไปให้หวิวๆเล่นเล็กน้อย ส่วนคุณบุษบาและคุณมินตราที่ออกมาใส่บาตรแทนคุณหญิงผกามาศได้แต่อมยิ้มมองสบตากันอย่างขบขันคุณพ่อหวงลูก

แหงล่ะ! คนกลางไม่ได้หวงแล้วเลยเสร็จเจ้าหนุ่มพัดยศไป มาคนเล็กนี่ขอหวงพอเป็นพิธีหน่อยก็แล้วกัน ฮึ่ม!

นี่คือความคิดที่ไม่มีใครได้ล่วงรู้ของคุณชนะชัย ประมุขของบ้านรัชดารักษ์ บิดาของสามสาวพี่น้อง...


ดาวเหนือกำลังก้มหน้าลงสีของงานชิ้นใหม่ที่ได้รับมาจากเจ้านายทันทีที่เธอกลับไปรายงานตัว ส่วนตรีทิพย์นั้นได้พักก่อนจะมีงานอีกก็อาทิตย์หน้า ระหว่างนี้เห็นเจ้าตัวบอกว่าจะนอนอยู่บ้านอย่างเดียว

หญิงสาวแอบอิจฉาเพื่อนนิดๆ เพราะเธอก็อยากพักบ้าง แต่ช่วยไม่ได้นี่นะ...ต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและพ่อจะดีขึ้นแต่ความตั้งใจที่จะย้ายออกจากบ้านรัชดารักษ์มันก็คงอยู่ เพียงแต่สาเหตุที่อยากจะย้ายไม่ใช่บิดาอีกต่อไป หากแต่เป็น...ตะวันฉาย

แม้ว่านี่จะผ่านไปหลายวันแล้วก็ตาม แต่เท่าที่ได้ฟังคนรักหนุ่มโทรมาเล่าแกมบ่นเรื่องที่อีกฝ่ายบุกไปวุ่นวายที่คลีนิคของเขาทำให้รู้ว่าพี่สาวใหญ่ของเธอนั้นยังไม่ละความพยายาม ถ้านับไม่ผิดรู้สึกว่าตะวันฉายจะตามตื้อตฤณมาเป็นเดือนแล้ว เป็นอะไรที่น่าแปลกและน่ากังวลในความคิดเธอ

ทำไมน่ะเหรอ...ปกติแล้วตะวันฉายไม่เคยให้ความสนใจกับใครหรืออะไรได้นาน กับสิ่งของก็แค่สองสามวันเท่านั้น จากนั้นเจ้าของสิ่งนั้นก็กลายเป็นขยะลงไปนอนแอ้งแม้งในถังอย่างน่าเสียดายเงิน

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องผู้ชายเลย...ตะวันฉายเป็นพวก One night stand หรือคบเพียงคืนเดียวเท่านั้น พอใจแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่ผูกมัดหรือกลับไปหาคนเดิมซ้ำอีกครั้ง แต่นี่...

ตะวันฉายตามติดตฤณนาน...มากจนเธอแอบคิดว่ามันเป็นเพราะ ‘ความรัก’ รึเปล่า

แต่...อีกใจหนึ่งมันก็แย้งขึ้นมาว่าไม่ใช่ ตะวันฉายไม่เคยรักใครแม้กระทั่งคนในบ้าน...ครอบครัวของตนก็ตาม รักเดียวที่อีกฝ่ายรู้จักก็คือ รักตัวเอง แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะรักตฤณ

‘จริงหรือ?’

อีกเสียงก็ยังคงแย้ง มันก็จริงหากไม่รักแล้วทำไมตะวันฉายถึงต้องลงทุนขนาดนี้ล่ะ จะว่าเพราะต้องการทำให้เธอเจ็บใจ เสียใจก็เป็นไปได้ แต่ทำไมทีตอนพัดยศถึงไม่ทำแบบนี้บ้าง สุดท้ายความคิดของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ยังคงวนไปมาอย่างไม่รู้จบ ตั้งแต่ตนจนจบแล้วก็กลับไปเริ่มใหม่อีกครั้ง...

หญิงสาวยังคงเฝ้าหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ ต่อไป...

ดาวเหนือถอนใจ สะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นแล้วลงมือทำงานต่อ แต่ทำไปได้ไม่นาน พรายจันทร์ที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนก็เดินมาหาเสียก่อน

พรายจันทร์ส่งของที่ถือมาแล้วสั่งให้สาวใช้นำของว่างและเครื่องดื่มมาให้เธอกับน้องสาว เสร็จแล้วก็เดินมานั่งตรงข้ามกับอีกฝ่ายที่เลิกคิ้วส่งมาให้แทนคำทักทาย

“ดาว...คือ...พี่มีเรื่องจะบอก แต่ต้องสัญญาก่อนว่าฟังแล้วจะไม่ตีโพยตีพาย” พี่สาวคนรองพูดหน้าตาจริงจังเกินเหตุจนดาวเหนือนึกขำแต่ไม่ได้แสดงออกเพราะกลัวพรายจันทร์จะโกรธ เธอทำแค่พยักหน้าเท่านั้น พรายจันทร์ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเล่า

“คือว่า...ตอนที่...เอ่อ...ตอนที่ดาวไปกระบี่น่ะ พี่ตะวันไปมัดมือชกคุณตฤณให้ออกมากินข้าวด้วย แต่!..เขาไม่ได้ไปกันสองคนนะ” เธอรีบบอกเพราะกลัวน้องสาวจะเป็นกังวล แต่เท่าที่ดูๆอีกฝ่ายยังคงนิ่ง จึงบอกต่อ

“ตอนแรกพี่พัดบอกว่าพี่ริตาก็ไปแต่กะชิ่งกลับก่อนเพื่อปล่อยให้คุณตฤณอยู่กับพี่ตะวันแค่สองคน แต่คุณตฤณกลับโทรเรียกพี่พัดให้ไปด้วย พี่ตะวันเลยทำอะไรไม่ได้”

“พี่จันทร์จะบอกดาวแค่นี้เหรอ”ดาวเหนือย้อนถาม พรายจันทร์รีบพยักหน้ารัวเร็ว

“อื้อ! ดาว...พี่ขอโทษแทนพี่ตะวันด้วยนะ”

“กะแล้ว...”หญิงสาวถอนหายใจ มองพี่สาวคนรองที่ทำหน้าตาเหรอหราดูน่าเอ็นดู...นี่ไม่ได้พูดเพราะหลงพี่นะ แค่พูดตามที่คิด

“เอ๊ะ! อะไรเหรอ” พรายจันทร์ขมวดคิ้วยุ่ง ดาวเหนือยิ้มมุมปากนิดๆแล้วขยายความ

“...ก็ว่าทำไมพี่จันทร์ถึงมาบอกเรื่องนี้กับดาวไง...เพราะจะมาขอโทษแทนคุณตะวันนั่นเอง”

“ทำไมถึงรู้ล่ะ!”

“พี่จันทร์ทำแบบนี้ทุกครั้งที่คุณตะวันมีเรื่องกับดาว พี่จันทร์พยายามจะทำให้คุณตะวันมองเห็นความจริงที่ว่าดาวคือน้องสาวของเขาเหมือนพี่จันทร์ ดาวเข้าใจพี่จันทร์นะ...”หญิงสาวมองสบตาผู้เป็นพี่นิ่ง แววบางอย่างในดวงตาของดาวเหนือทำให้พรายจันทร์กังวลใจ

“...แต่มันเป็นได้แค่ฝันกลางวันเท่านั้นแหละ ความเกลียดชังที่ดาวกับเขามีต่อกันมันมากเกินกว่าจะกลับไปเหมือนพี่น้องทั่วไปได้ บางทีมันอาจจะมีมาตั้งแต่ตอนที่ดาวเกิดเลยก็ได้” ดาวเหนือพูดเรื่องที่ทั้งเธอและตะวันฉายต่างเข้าใจตรงกันมาเนิ่นนาน...
พรายจันทร์เม้มปากแน่น น้ำตาคลอหน่วยตามประสาคนจิตใจดี อ่อนไหวง่าย

ดาวเหนือเห็นแล้วก็สงสาร เรื่องที่เธอพูดนั้นคงทำร้ายจิตใจพี่สาวคนนี้มากพอดู พรายจันทร์เป็นคนที่รักครอบครัวมากกว่าใครทั้งหมด ด้วยความที่เป็นครูอนุบาล ความคิดอ่านเลยใสซื่อเหมือนเด็กๆ จนบางครั้งก็ตามแผนร้ายของคนไม่หวังดีไม่ทัน ต้องตกเป็นเหยื่ออยู่บ่อยๆ

แต่ต้องพูดเพราะไม่อยากให้พรายจันทร์ต้องมาทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีก พี่สาวของเธอกำลังมีชีวิตรักที่มีความสุขแล้ว เธอไม่อยากให้พรายจันทร์ไปงัดข้อกับตะวันฉายมากนัก ถึงจะเป็นน้องรักยังไงแต่ตอนนี้ตะวันฉายก็เหมือนกับน้ำที่กำลังไหลเชี่ยว หากกิ่งไม้เล็กๆอย่างพรายจันทร์เข้าไปขวางคงโดนกวาดไหลไปอย่างไม่ไยดีเป็นแน่

เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องระหว่างเธอกับตะวันฉาย มันควรจะจบด้วยมือของเธอหรือไม่ก็พี่สาวใหญ่เท่านั้น มือที่สาม สี่ ห้า ไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยว!

“เอาเป็นว่า ดาวขอบคุณพี่จันทร์ที่มาบอก แต่ดาวไม่รับคำขอโทษ เพราะพี่จันทร์ไม่ใช่คนที่ควรจะพูดคำนี้” หญิงสาวบอก พรายจันทร์ปาดน้ำตา พยักหน้ารับ แล้วนึกขึ้นมาได้

“พี่ถามหน่อยสิ...รู้เรื่องนี้อยู่แล้วรึเปล่า”

“ทำไมพี่จันทร์คิดงั้น”

“ก็...ดูดาวไม่เครียดเลย ปกติถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วดาวเพิ่งรู้ ดาวจะหน้าตาเย็นชา...มาก” พรายจันทร์เน้นย้ำคำสุดท้าย หน้าตาจริงจัง

“จริงเหรอ...ใช่....ดาวรู้เรื่องนานแล้ว วันเดียวกับที่เขาไปกินข้าวกันนั่นแหละ” หญิงสาวยอมรับ มองดูตาโตของพี่สาวที่โตขึ้นมากกว่าเดิมยามที่เจ้าตัวกำลังตกใจ

“รู้แล้ว!...รู้ได้ไง...ก็ไหนพี่พัดบอกว่ายังไม่ได้บอกดาวนี่”

“พี่ตฤณบอกน่ะ...ที่กระบี่ ก่อนกลับมากรุงเทพ”

“โห...แมนจัง นี่แสดงว่าคุณตฤณรักดาวมากจริงๆนะ บางคนปิดบังเรื่องแบบนี้เอาไว้ สุดท้ายก็กลายเป็นความระแวง แล้วก็ต้องเลิกกันไปในที่สุด” พรายจันทร์บอกอย่างเข้าใจ ก่อนจะชวนคุยเรื่องต่างๆไปเรื่อย สุดท้ายดาวเหนือก็เก็บงานของตนไปกองไว้อีกด้าน หยิบโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดรูปสวยๆที่ถ่ายมาให้อีกฝ่ายดู


“แค่ก แค่ก”

“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้น่ะ...ยายตาล” ตฤณที่กำลังใส่รองเท้าอยู่หันกลับมามองน้องสาวที่บัดนี้อยู่ในชุดนอนคือเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงวอร์ม ใบหน้าเผือดซีด ดวงตาแดงก่ำเพราะพิษไข้ ริมฝีปากแห้งผาก อย่างเป็นห่วง เนื่องจากแม่ตัวดีดันไปตะเวนเล่นน้ำทะเลกับวีกิจทั้งที่ยังเป็นไข้ตลอดสามวันติดหลังกลับจากกระบี่

ตรีทิพย์สูดน้ำมูกก่อนตอบเสียงแหบ “ได้พี่...เดี๋ยวอีตานั่นบอกว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อน”

ตฤณขมวดคิ้วยุ่ง แม้ชายหนุ่มจะเข้าตามตรอกออกตามประตูก็ตามแต่ก็ยังอดห่วงตามประสาพี่ชายที่มีน้องสาวก็ไม่ได้ เพราะเวลานี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย เขาก็ต้องออกไปสัมมนาจนเย็น ส่วบิดากับมารดาก็ติดงานแต่งงานลูกสาวเพื่อนอยู่ต่างจังหวัด ลูกจ้างก็ลากลับบ้านกันหมดเพราะใกล้จะวันหยุดยาวแล้ว หากวีกิจมาก็จะเท่ากับว่าเขาฝากปลาย่างไว้กับแมวน่ะสิ! แต่...เฮ้อ...ทำไงได้ยามนี้ไม่มีใครว่างสักคน ก็คงได้แต่หวังว่าชายหนุ่มรุ่นน้องจะทำให้เขาวางใจได้นะ

ตรีทิพย์เอียงคอมองพี่ชายที่ทำท่าราวกับกำลังตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นนายแบบอย่างไรอย่างนั้นก็นึกขำ

‘โถ...นี่คงนึกหวงเธอขึ้นมาล่ะสิ’

หญิงสาวรีบพูดปลอบให้พี่ชายคลายความกังวลทันที

“ไม่ต้องเป็นห่วงตาลหรอกน่า ลองนายนั่นกล้าปล้ำตาลนะจะเอาไม่เบสบอลฟาดให้หัวแบะเลย”

“พูดดีไป ลองเขาจะทำขึ้นมาเราจะสู้อะไรได้ ยิ่งไม่สบายอย่างนี้เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยดี ดูสิเนี่ย...”ตฤณบอกหน้าเครียดพลางพยักเพยิดไปยังหน้าตาที่ดูอิดโรยของน้อง “...หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มวันตรุษจีน แค่ลมพัดผ่านก็ล้มครืนแล้ว”

“มากไป...เอาน่า...วางใจได้ ก็หมอนี่พี่ตฤณสแกนแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่...เอาวะ...จะลองเชื่อดูสักครั้ง หากวีกิจทำอะไรไม่ดีบอกนะ จะให้เทอร์โบจัดการ” เขาบอกน้ำเสียงจริงจังจนตรีทิพย์เกือบหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ถามเพราะอีกฝ่ายส่งสายตาดุๆมาปราม หญิงสาวจึงเลี่ยงไปถามเรื่องอื่น

“เออจะว่าไปไอ้สองแสบมันไปไหนล่ะ ปกติต้องมากระโจนใส่ตาล” พลางเหลียวซ้ายแลขวาหาสุนัขและแมวตัวโปรดของพี่ชาย ที่ปกติชอบรวมหัวกันแกล้งเธอเป็นชีวิตจิตใจ แต่วันนี้กลับหายจ้อย

“อยู่ที่ร้านน่ะ ฝากก้อยไว้ กลัวมันจะทำเราโคม่าเลยต้องเก็บไปก่อน ก็งอนๆอยู่เหมือนกัน ไว้กลับมาค่อยพาไปเที่ยว”

“อ๋อ...”พยักหน้ารับรู้ หันไปรุนหลังอีกฝ่ายให้ออกเดิน เมื่อเห็นเขายังยืนลังเล

“ไปได้แล้วพี่ตฤณเดี๋ยวก็เข้าอบรมสายหรอก”

“พี่ว่าพี่ไม่ไปดีกว่า รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี” ตฤณบอกวันนี้ตั้งแต่เช้ามาแล้ว เขารู้สึกอึดอัดเหมือนมีอะไรบางอย่างมากดทับอยู่ในอก ยิ่งสายยิ่งเป็นมากขึ้นแต่ก็ไม่รู้สาเหตุ

ตรีทิพย์กรอกตาอย่างเบื่อหน่ายกับความดื้อของพี่ชายเพียงคนเดียว ยิ่งตอนนี้เริ่มปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัวมากขึ้นแต่ก็ไม่อยากบอกให้อีกฝ่ายเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่างานพี่ชายอยากไปงานสัมมนานี้มาก

“โอ๊ยไปเถอะน่า... แค่เป็นหวัดเล็กน้อยไม่ตายหรอก”

“งั้นพี่โทรไปบอกดาวให้มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยดีกว่า”

“มันไปดูงานที่ต่างจังหวัด”

“งั้นพี่รอจนวีกิจมาแล้วกันจะได้ขู่เอาไว้ก่อน”

“หมอนั่นบอกต้องไปพาแม่ไปหาหมอก่อน สิบเอ็ดโมงถึงจะมา” ตฤณหันไปมองนาฬิกาแขวนติดผนังพบว่าเข็มสั้นกำลังชี้อยู่ที่เลขเก้าก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่เพราะเขาต้องไปลงทะเบียนก่อนสิบโมง รอจนหนุ่มรุ่นน้องมาไม่ได้แน่ ยิ่งพอหันไปสบตาดุแต่แดงของน้องแล้วก็ต้องถอนหายใจยอมแพ้

“ก็ได้ๆ แต่เดี๋ยวพี่จะไปบอกก้อยให้แวะมาดูเราบ่อยๆก็แล้วกัน พี่ไปแล้ว...” ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปยังก่อน แต่ยังไม่วายหันกลับมากำชับอีกครั้ง

“...อย่าลืมทานยาล่ะ”

“จ้า...” หญิงสาวโบกมือให้ตฤณที่ขึ้นไปนั่งบนรถอย่างร่าเริง ตฤณโบกมือก่อนจะขับจากไป

ตรีทิพย์ลดมือลง อาการร่าเริงที่แสร้งทำเมื่อครู่หายวับแทนที่ด้วยอาการปวดหัวแทบระเบิด เหนื่อยล้าจนแทบจะลุกขึ้นมาส่งพี่ชายไม่ไหว หากไม่กลัวว่าจะกลายเป็นตัวถ่วงความเจริญใครต่อใครล่ะก็ ต่อให้ช้างมาฉุดเธอก็จะไม่ลุกจากเตียงเด็ดขาด! ร่างเล็กหมุนตัวกลับเดินเข้าบ้านไปกะจะขอนอนอีกสักชั่วโมงค่อยตื่นแล้วลงมานั่งรอวีกิจด้านล่าง

ตฤณเสียบหูฟังไร้สายเข้ากับหู มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาหมายเลขของใครบางคน รอจนอีกฝ่ายรับสายจึงกรอกเสียงลงไป

“นี่พี่หมอเองนะก้อย เดี๋ยวแวะไปดูพี่ตาลให้พี่ด้วยนะ ไปดูบ่อยๆจนกว่าพี่วีกิจ แฟนพี่ตาลจะมา ไม่...ไม่ต้องเฝ้าหรอก แค่แวะไปดูเป็นพักๆ พี่ตาลอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่ฝากด้วยล่ะ”

ชายหนุ่มกดตัดสายแล้วกดหมายเลขของหนุ่มรุ่นน้อง “วี...นี่พี่ตฤณนะ...วันนี้เห็นตาลบอกว่าวีจะไปเฝ้าให้ ขอบใจมากนะ แล้วนี่ใกล้เสร็จธุระหรือยัง...ไม่...ตาลไม่เป็นอะไร”เขารีบบอกเพราะอีกฝ่ายถามกลับอย่างกังวล

“..แต่อาการก็ไม่ค่อยดีแหละพี่รู้ ยังไงหากเสร็จธุระเร็วกว่าที่คาดก็รีบไปดูตาลให้พี่หน่อยนะ...ขอบใจมาก” ตฤณผ่อนลมหายใจช้าๆ ใบหน้าคลายยังคงความเครียดเอาไว้ แม้จะฝากฝังเอาไว้จนครบแล้วแต่ไอ้อาการโหวงๆในอกก็ยังคงไม่หายไป สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้เขาก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเลย


ตะวันฉายดับเครื่องยนต์ มือเรียวปลดแว่นกันแดดอันใหญ่สีดำราคาแพงออก แล้วมองไปทางร้าน ‘Charming Pet’ อย่างหมายมาด เธอหยิบเอาถุงพลาสติกใบใหญ่ที่พิมพ์ตราร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดังร้านโปรดของตน เธออุตส่าห์โทรไปสั่งที่ร้านไว้ตั้งแต่เมื่อวาน บอกให้ทำเมนูที่ดีที่สุด อร่อยที่สุดเพื่อเอามามัดใจสัตวแพทย์จอมหยิ่งอย่างตฤณ แล้วรีบถ่อสังขารตื่นแต่เช้าฝ่ารถติดแสนสาหัสไปเอามา

ร่างเพรียวก้าวออกมายืนนอกรถอวดหุ่นสวยภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนกุดที่สีครีมมีลูกไม้ระบายอยู่ที่ปกและสาบเสื้อกับกระโปรงผ้ายืดสั้นเลยเข่าสีดำ รองเท้าส้นสูงสามนิ้วไขว้กันอยู่ที่ข้อเท้าก้าวย่างอย่างมั่นใจเข้าไปภายในร้าน

เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊ง เป็นสัญญาณว่ามีลูกค้าเข้าร้าน แต่กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน ความจริงควรจะมีแม่เด็กก้อย จอมสอดรู้สอดเห็นอยู่ประจำ ตะวันฉายถือวิสาสะเดินไปทางหลังร้านเพราะนึกว่าก้อยอาจจะแอบงีบหลับ...แต่ก็ว่างเปล่า เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นแสงสว่างลอดออกมาทางประตูไม้หลังร้านที่คงจะมีใครเปิดทิ้งไว้ หญิงสาวมาที่นี่สองสามครั้งแต่ก็ไม่เคยเดินมาถึงจุดนี้ อย่างมากก็แค่โซนห้องพักของตฤณเท่านั้นแต่อยู่ได้ไม่นานนักก็โดนสายตาขุ่นขวางของเขาไล่ออกไป

ประตูถูกเปิดกว้างขึ้นอีก ภายนอกเป็นสนามหญ้าสีเขียวสด มีสายยางรดน้ำกองอยู่ไม่ห่างจากรั้วคอนกรีตด้านหน้า ตะวันฉายก้าวออกไปยืนสำรวจโดยรอบ กรงเหล็กมากมายหลายขนาดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบคงเอาไว้สำหรับสุนัขหรือแมวของลูกค้า ส่วนมากภายในว่างเปล่าแต่มีอยู่สองกรงที่มีเจ้าของนอนหมอบอยู่ หญิงสาวผงะเมื่อเห็นว่าหนึ่งในสองนั้นคือไอ้หมาบ้าตัวแสบที่ทำให้เธออับอายขายหน้าชาวประชาเมื่อนานมาแล้ว

พอเหลือบไปมองกรงเล็กอีกกรงข้างๆกันก็เห็นว่าเป็นแมวขนาดย่อมสีน้ำตาลสวยที่เธอพอคับคล้ายคับคลาว่าเป็นตัวเดียวกับเจ้าเหมียวน่ารังเกียจคู่หูของไอ้หมาหน้าขนนั่นเอง เธอตาลุกเมื่อเห็นว่าทั้งสองเหลือบมามองแล้วสะบัดหน้ากลับไปราวกับเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าสนใจสำหรับพวกมันหรือก็คือเธอนั่นเอง

อยากจะเข้าไปทำอะไรซักอย่างเพื่อเป็นการแก้แค้นแต่สายตาเหลือบไปเห็นประตูเล็กๆบานหนึ่งที่ติดอยู่กับรั้วคอนกรีต ด้วยความสงสัยว่ามันจะเปิดไปยังที่ใด หญิงสาวจึงค่อยเดินเข้าไปใกล้ แต่เมื่อเดินผ่านกรงเจ้าแสบเล็กกับแสบใหญ่ก็แอบเอาเท้าเตะกรงแล้วแสยะยิ้มให้เป็นการเยาะเย้ย

จัดแจงเลื่อนสลักที่ล็อกประตูบานนั้นแล้วผลักออกกว้าง...ดวงตายาวรีมองด้านในที่เชื่อมต่อกับบ้านอีกหลังรู้สึกคุ้นตากับบ้านหลังย่อมตรงหน้าจนน่าโมโห

‘บ้านของตฤณ’ เธอจำได้แม่น แม้จะเคยมาแค่ครั้งเดียว แล้วก็โดนไอ้หมาบ้ากับไอ้แมวนรกแกล้งจนต้องเผ่นกลับไปก็แถอะ ตะวันฉายก้าวเข้าไปยืนที่ฝั่งนั้น จ้องมองด้านหลังของบ้านอย่างโมโห มือเรียวกำเข้าหากันแน่นนึกรู้แล้วว่าบางครั้งที่เธอมาหาทำไมถึงไม่เจอเขา...ที่แท้ก็แอบใช้ประตูบานนี้หนีเธอกลับบ้านนี่เอง

ดีล่ะ! เดี๋ยวจะเข้าไปเซอร์ไพร์ส...ดูสิว่าจะทำยังไงหากเห็นว่าเธอเจอประตูลับของเขาเข้าให้แล้ว

ว่าแล้วก็เดินฉับๆตรงไปยังหน้าด้าน ขาเรียวชะงักเปลี่ยนใจเป็นใช้ประตูหลังแทน ‘หวังว่าคงจะไม่ได้ล็อก’ หญิงสาวคิด เอื้อมมือไปบิดลูกบิดอย่างเบามือและเงียบที่สุด...
กริ๊ก...ตะวันฉายยิ้มย่อง ประตูไม่ได้ล็อก...เธอเปิดออกแล้วแทรกตัวเข้าไปอย่างเงียบกริบ ร่างเพรียวเดินตรงผ่านครัว ผ่านบาร์เล็กๆ คิ้วสวยขมวดเข้าหากันเพราะภายในบ้านเองก็เงียบกริบไม่ต่างจากที่ร้านเท่าไหร่

‘เอ...หรือจะไม่อยู่บ้านกัน...แต่ร้านก็เปิดนี่นา’

แม้จะคิดอย่างนั้นแต่ขาก็ยังคงก้าวต่อเนื่อง หญิงสาวหลบวูบเข้าใต้บันไดเมื่อได้ยินเสียงของเด็กสาวผู้ช่วยของตฤณและศัตรูหมายเลขสองของเธอกำลังสนทนากันอยู่ตรงห้องนั่งเล่นห่างออกไปจากบริเวณที่เธอซ่อนไม่มากนัก

“พี่ตาลหิวยังอ่ะ...เมื่อกี้ก้อยแอบแวบไปตลาดมา เลยซื้อโจ๊กมาฝาก” เด็กสาวว่าพร้อมชูถุงโจ๊กให้ดู ตรีทิพย์หน้าเหวอ มองนาฬิกาแล้วก็หน้าของผู้ช่วยพี่ชายสลับกัน
“โจ๊ก...ตอนสิบเอ็ดโมงเนี่ยนะ”

“แหม...ไม่ทันสมัยเลยพี่ตาล เดี๋ยวนี้โจ๊กเขาขายแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วนะ”

“ทำอย่างกับเซเว่น” หญิงสาวพึมพำ แต่มือก็รับเอาถุงนั่นมา เดินเอาไปเก็บไว้ในตู้กับข้าว แล้วหันมาบอกก้อยที่เดินตามมาว่า

“กลับไปเฝ้าร้านได้แล้วไป เดี๋ยวมีลูกค้าเข้ามา กำไรเดือนนี้หายโดนพี่ตฤณว้ากเอานะ”

“โอ๊ย...อยากเห็นวันนั้นจัง” เด็กสาวบอกอย่างไม่จริงจัง ถ้าจะรอให้พี่หมอว้าก รอพระจันทร์ขึ้นตอนกลางวันยังง่ายกว่า เด็กสาวยักไหล่รวบถุงของกินมากมายเข้ามาถือแล้วเดินไปทางด้านหลัง มีตรีทิพย์เดินตามมาส่ง

“พี่ตาลต้องนอนเยอะๆนะ เดี๋ยวอีกชั่วโมงก้อยมาดูใหม่”

“ป่านนั้นนายวีคงมาแล้วมั้ง”

“แหมๆ จะบอกเค้าไม่ต้องมาแล้วว่างั้น อย่างอยู่กันสองสองล่ะสิ” เด็กสาวกระเซ้าคนที่หน้าแดงไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือเพราะไข้กันแน่ แต่ถ้าให้เดาคงเป็นอย่างแรกมากกว่า
ตรีทิพย์ค้อนใส่เด็กสาวตรงหน้าที่เห็นกันมานาน แล้วรีบรุนหลังอีกฝ่ายให้ออกไปโดยไว ปากก็ว่า

“ไปได้แล้ว ล้อพี่เชื้อ เดี๋ยวเถอะจะฟ้องให้พี่ตฤณตัดเงินเดือนเสีย”

“อย่านะ...แค่นี้ก็จะไม่เหลือแล้ว โดนหักเพราะปากเปราะเมื่อคราวก่อนยังกลัวไม่หายเลย”

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว ชิ่ว ชิ่ว” โบกมือไล่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางสะบัดสะบิ้งของเด็กสาว ตรีทิพย์รอจนอีกฝ่ายลับหายไปหลังประตูเชื่อม จึงกลับเข้าไปในบ้าน
หญิงสาวรู้สึกคันคอเพราะเมื่อกี้พูดมากไปหน่อยเลยคอแห้งจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปหาน้ำดื่ม จังหวะที่ยกแก้วน้ำขึ้นมานั้น เสียงหวานบาดหูก็ดังขึ้นด้านหลัง

“ไม่สบายเหรอจ๊ะ...โถๆ น่าสงสารจัง” ตะวันฉายเดินออกจากที่ซ่อนมาประจันหน้ากับตรีทิพย์ที่ยืนอึ้งตะลึง รอยยิ้มแตะแต้มที่ริมฝีปากคล้ายเวทนา

“แล้วเป็นไงบ้างจ๊ะน้องลูกตาล...ไกลตายหรือยัง”

“หล่อนเข้ามาในบ้านฉันได้ไง” ตรีทิพย์ไม่ตอบคำถามแต่ย้อนถามกลับไปเพราะเธอแน่ใจว่าไม่ได้ลืมล็อกประตูบ้านด้านหน้าแน่นอน

“ก็...ทางประตูลับของตฤณไงล่ะ” ตะวันฉายรู้สึกพอใจที่เห็นแววตกใจในดวงตาของคนตรงหน้า ถึงจะไม่ใช่ตฤณแต่แม่นี่ก็ไม่ต่างกัน จะได้รู้ไว้ว่าไม่มีทางหนีเธอพ้นอีกต่อไป

“แล้วมาทำอะไรที่นี่...มาหาเศษหาเลยกับแฟนคนอื่นเขาหรือไง”

“ก็กะไว้ว่างั้น แล้วนี่เขาไม่อยู่เหรอ”

“แล้วตาถั่วๆของเธอเห็นว่าพี่ชายฉันอยู่รึเปล่าล่ะ” หญิงสาวย้อนถาม

“เขาไปไหน”

“เรื่องอะไรที่ฉันต้องบอกเธอ...แฟนก็ไม่ใช่ แค่พวกหน้าด้านคนหนึ่งเท่านั้น...” ตรีทิพย์บอกเสียงห้วนพร้อมหอบไปด้วย รู้สึกร้อนๆหนาว เหงื่อผุดพราย ตาลายขึ้นมากะทันหัน ศีรษะก็ปวดตุบๆ สงสัยไข้จะกลับ อยากจะขึ้นไปนอนพักผ่อนเร็วๆแต่ก็ต้องไล่แขกไม่ได้รับเชิญคนนี้ไปก่อน

“...เธอนี้มันเกินคำว่าหน้าด้านซะแล้ว หากมันมีคำไหนที่เหมาะกับเธอที่สุดฉันจะมอบคำนั้นให้เธอเลยจริงๆ ผู้ชายเขาไม่สนก็ยังวิ่งแร่เอาตัวมาเสนอถึงบ้าน ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าบ้างเหรอ ฉันเห็นแล้วยังรู้สึกสมเพชแทน...ขอถามหน่อยนะ” ร่างเล็กสูดหายใจลึก ก่อนจะถาม “ยางอายน่ะมีบ้างไหม”

“ปากดีเหลือเกินนะนังตัวดี...” ตะวันฉายก้าวช้าไปยังตรีทิพย์ที่เริ่มถอยหนี เพราะดวงตาของคนตรงหน้าเริ่มขวางๆแข็งๆพิกล เหมือน...คนไม่ปกติ “อยากรู้จังว่าเจอแบบนี้แล้วจะยังปากดีอยู่ไหม”

ไม่ทันจบประโยคตรีทิพย์ก็หันหลังวิ่งหนีขึ้นบันได หวังจะไปหลบอยู่ในห้องของตน แต่ช้ากว่าตะวันฉายที่โผเข้าหา มือเรียวจิกกลุ่มผมนุ่มของเธอเอาไว้แล้วกระชากให้หันมาเผชิญหน้า ฝ่ามือของเจ้าหล่อนก็ฟาดใบหน้าของเธออย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงเลือดสดๆที่ไหลออกมา ตะวันฉายปล่อยมือออกจากศีรษะของตรีทิพย์เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นบีบลำคอขาวๆแน่นแทน

ตรีทิพย์พยายามดึงมือของตะวันฉายให้หลุดจากคอของตน แต่แรงของคนป่วยหรือจะสู้แรงของคน...บ้าได้ สุดท้ายเมื่อเห็นว่าขืนอยู่อย่างคงโดนตบตายแน่ เธอจึงรวบรวมแรงฮึดสู้ ยกเท้าขึ้นสูงแล้วถีบไปที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างแรงจนผงะปล่อยมือออกจากคอเธอแล้วไปกุมท้อง ตรีทิพย์ไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นบันไดไปแต่ไปได้แค่ครึ่งทางก็โดนตะวันฉายตามมาดึงแขนเอาไว้ ดวงตาของพี่สาวต่างมารดาของเพื่อนแดงก่ำมีรอยอาฆาตแค้นฉายอยู่แจ่มชัดจนเธอเริ่มกลัว

ทั้งคู่ฉุดกระชากกันอยู่บนบันได ตรีทิพย์ยืนอยู่ด้านบนพยายามยื้อแขนตัวเองให้หลุด ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงเมื่อเห็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของตะวันฉายพร้อมที่ร่างของเธอลอยละลิ่วลงจากบันไดกระแทกพื้นตามแรงกระชากของเจ้าหล่อน ร่างเล็กของตรีทิพย์กระตุกอยู่สองครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป

ตะวันฉายยืนหอบมองร่างของคู่อริที่นอนนิ่ง แขนขาบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างสะใจ สายตาเหลือบไปเห็นของเหลวสีคล้ำที่เริ่มไหลออกมาบริเวณศีรษะของอีกฝ่ายก็ยิ้มกว้าง หญิงสาวยืนมองอยู่นานก่อนจะทรุดตัวลงใกล้หูของตรีทิพย์ กระซิบเบาๆว่า

“ขอบใจนะที่ยอมตายเพื่อเปิดทางให้ฉัน...นังหน้าโง่”

ร่างเพรียวลุกขึ้นยืนสำรวจตัวเองว่าไม่มีรอยเลือดติดมาเป็นหลักฐาน แล้วก้าวข้ามร่างบนพื้นไปยังประตูหน้าบ้านเอากุญแจบ้านที่เห็นวางอยู่บนโต๊ะมาไขเปิดแล้วจัดการล็อกให้เสร็จสรรพ หญิงสาวมองกุญแจในมือก่อนจะโยนทิ้งไปในพงหญ้าแถวๆนั้น ตะวันฉายหันกลับไปมองบ้านของตฤณอีกครั้ง รอยยิ้มสมใจถูกจุดขึ้นที่มุมปาก เธอเดินกลับไปที่รถตัวเองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วขับจากไป...

วีกิจหอบถุงอาหารลงจากรถ เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดีนึกถึงรอยยิ้มดีใจของแฟนสาวหากเห็นว่านอกจากอาหารที่เธอบ่นอยากกินแล้วยังมีแผ่นดีวีดีหนังแอ๊คชั่นฝรั่งอย่างที่พอเห็นแล้วต้องกรี๊ดออกมาแน่ เพราะได้ยินว่าหาดูยากมากแล้วเขาก็บังเอิญมีที่บ้านพอดี วันนี้ก็ตั้งใจจะเอามาดูด้วยกัน

ชายหนุ่มบิดประตูรั้วพบว่าล็อกก็วางของในมือล้วงกระเป๋าเพื่อเอากุญแจบ้านที่ตรีทิพย์ให้เอาไว้เมื่อวานออกมาไขเปิดแล้วเดินเข้าไป

มือหนาเอื้อมไปหมุนลูกบิดประตูบ้าน ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าไม่ได้ล็อก เขาส่ายหัวน้อยๆ เห็นทีเดี๋ยวต้องเตือนซักหน่อยแล้วว่าควรจะล็อกประตูนี้ด้วย ไม่ใช่แค่หน้าบ้านอย่างเดี๋ยว วีกิจเดินเข้าไปปากก็ตะโกนเรียกแฟนสาวดังลั่น

ร่างสูงเดินผ่านห้องเล่นแล้วก็ต้องชะงักกึก ตัวชาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รอยยิ้มเลื่อนหาย ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อพบว่าที่ตีนบันไดทางขึ้นไปยังชั้นบนนั้นมีร่างเล็กๆของใครบางคนที่คุ้นตาคุ้นใจนอนแน่นิ่งอยู่ ของเหลวสีแดงไหลรินออกมาเป็นวงกว้าง

ชายหนุ่มโยนของในมือทิ้งถลาเข้าไปอุ้มร่างไร้สติของแฟนสาวขึ้นมาดู ปากก็ร้องเรียกชื่อเธอเสียงสั่น

“ตาล! ตาล! คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ ตาล!”

วีกิจเขย่าเท่าไหร่ก็ไร้ปฏิกิริยาตอบรับจากหญิงสาว ชายหนุ่มตัดสินใจอุ้มตรีทิพย์แนบอกเตรียมจะวิ่งออกไปก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของก้อยที่แวะมาดูตรีทิพย์เข้าจึงสั่งเสียงเข้ม

“โทรหาพี่ตฤณเร็วเข้าก้อย พี่จะพาพี่ตาลไปโรง’บาล” ก้อยพยักหน้ารับ เด็กสาวรีบกดโทรศัพท์หาเจ้านายหนุ่มทันที ส่วนวีกิจที่สั่งเสร็จก็รีบวิ่งเร็วจี๋ไปที่รถของตน แล้วขับตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที ระหว่างที่ขับไปปากก็พร่ำบอกกับคนที่นอนนิ่งไม่รู้เรื่องอย่างคนใจสลาย

“คุณต้องอยู่กับผมนะตาล อย่าทิ้งผมไป...ได้โปรดอยู่กับผม”

----------------------------------------------------------------------------------------
มาแว้วววววววว ไรเตอร์มาสารภาพบาปว่าแอบหนีไปเที่ยวมาอาทิตย์นึงแหละ เลยไม่ได้มาอัพ แหะๆ อย่าเพิ่งโยนถ้วยถังกะละมังมาเน้อ เดี๋ยวอาทิตย์ลงให้ทั้งสองเรื่องเลย แต่เอาเรื่องนี้ไปก่อนนะจ๊ะ

อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตอนนี้จะมีคนซวย มาดูกันว่ามีใครเดาถูกบ้างไหมว่าใครคือคนคนนั้น ตอนนี้ไรเตอร์ว่ายังไม่เศร้าเท่าไหร่ เดี๋ยวตอนหน้าจัดเต็ม (บอกแล้วไรเตอร์ชอบทำร้ายจิตใจคนอ่าน โฮะๆ)

เจอกันกับเรื่องจับใจฯ วันศุกร์ค่ะ ส่วนเรื่องนี้จะพยายามมาอัพวันจันทร์นะ ถ้ามาไม่เห็นก็วันพุธค่ะ

บ๊ายบาย เจอกันตอนหน้า ติ-ชม ได้ค่ะ จุ๊บๆ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2555, 23:19:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2555, 23:20:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1842





<< ตอนที่ 28   ตอนที่ 30 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 26 เม.ย. 2555, 05:07:20 น.
ตะวันฉายโหดเกิน ...คนประเภทไหนทำร้ายคนได้เลือดเย็นขนาดนี้ ....แล้วตฤณจะทำยังไง ถ้าตาลฟื้นขี้นมาแล้วบอกไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ ชักกลัวแทนตฤณกับดาวเหนือซะแล้วซิ


anOO 26 เม.ย. 2555, 14:27:52 น.
โอ้โห...ยัยตะวันมารร้ายกะเล่นให้ตายกันเลยเหรอเนี้ย
หวังว่าตาลจะไม่เป็นอะไรมากนะ จะได้ตามมาเอาคืนให้สาสมใจกันไปข้างหนึ่ง
คนนี้ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วล่ะ มันต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกันไปเลย


Setia 26 เม.ย. 2555, 23:10:08 น.
ยัยนี่เกินเยียวยาแล้วจริงๆ นางร้ายเรื่องอื่นเค้าต้องมีแบบสำนึกผิดว่าไม่ได้ตั้งใจ
เป็นอุบัติเหตุ ยัยนั่นพลัดตกบันไดเอง อะไรประมาณนั้น
ว่าแต่ยัยนี่ใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย อยากได้ตัวผู้ชาย แต่ดูถูกอาชีพที่เขาทำ เป็นศัตรูกับน้องสาวเขา
ไม่ถูกโฉลกกับหมาแมวที่บ้านเขา ดูถูกของที่เขาใช้ว่าเป็นของถูกๆ และเขามีแฟนแล้วก็ยังคิดจะแย่งเขามา
แล้วแบบนี้จะเข้ากันได้ไง ที่ทำแบบนี้ถือว่าไม่ฉลาดเอาซะเลย


aom 27 เม.ย. 2555, 08:04:45 น.
น่าสงสารตาลอ่ะ ตะวันฉายร้ายกาจที่สุด


Pat 27 เม.ย. 2555, 23:27:15 น.
ตาลจะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย ไรเตอร์อย่าใจร้ายให้ตาลถึงกับต้องตายเลยนะ ยัยตะวันเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะนี่ทำร้ายคนได้โดยไร้ความรู้สึกกลัวความผิด น่ากลัวจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account