เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 19




บทที่ 19




‘ฉันรักคุณ’

น้ำเสียงหวานดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหัวของธนาดล ชายหนุ่มรู้สึกว่าโลกหยุดหมุนฉับพลัน ตาคู่คมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่หวานอย่างค้นหาความจริงว่าสิ่งที่เธอพูดมันออกมาจากหัวใจดวงนั้นจริงๆหรือ แล้วคำตอบที่เขาค้นพบก็คือคำว่า ‘ไม่’ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้รู้สึกอย่างที่เธอพูดเลยสักน้อย คำว่า ‘รัก’ คำนั้นโกหกทั้งเพ ไม่มีความจริง...ไม่มีเลย

มือหนาไล้ไปยังแก้มเนียน ก่อนจะเลื่อนลงมาหยุดนิ่งที่ริมฝีปากบาง ไล้ไปมาตามความต้องการและหยุดนิ่งเมื่อพอใจ คนโดนรุกรานเองก็ยืนนิ่งไม่แม้แต่ต่อต้านหรือผลักไส ธนาดลยิ้มเหยียด

“ซ้อมบทรักอยู่หรือศรินดา”

รอยยิ้มหวานในคราแรกแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็น มือบางออกแรงผลักร่างสูงให้พ้นตัว

“ใช่ค่ะ...ฉันซ้อมอยู่ เลยอยากหาคนมาทดลองเสียหน่อย เป็นไงคะ บทรักของฉัน พอทำให้ผู้ชายสยบแทบเท้าได้ไหม” แววตาของรินยิ้มเยาะเปิดเผย ธนาดลขบกรามแน่นจนเห็นสันนูน มือหนาจับแขนกลมกลึงทั้งสองข้างไว้และเขย่าแรงๆตามอารมณ์ที่พุ่งโกรธ

“อย่ามาเล่นแบบนี้กับฉันอีก อย่าคิดมายั่วถ้าไม่ไปให้ถึงที่สุด แล้วก็จำไว้ด้วยว่าคนอย่างฉันไม่มีวันที่จะแพ้ผู้หญิงอย่างเธอ ไม่มีวัน!” ธนาดลผลักร่างของศรินดาจนหญิงสาวชนเข้ากับผนังบ้านก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไป รินมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเต็มแค้น

...ฉันก็ไม่มีวันแพ้คุณเช่นกัน ไม่มีทาง!

คนตัวเล็กย้ำเสียงดังในใจโดยหารู้ไม่ว่าแต่ละย่างก้าวของธนาดลมันช่างดูช้าและหนักเสียนี่กระไร คำสามคำนั้นยังก้องสะท้อนอยู่ในหัว

‘ฉันรักคุณ’

คนโกหก! ผู้หญิงโกหก!

ถ้าไม่รักแล้วมาบอกว่ารักทำไม

ถ้าไม่รักก็อย่ามาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นจะได้ไหม

อย่ามา...ทำร้ายจิตใจกันแบบนี้

มันเจ็บมาก...รู้ไหม ฉันเจ็บมากกว่าที่เธอคิดมากนักศรินดา

เจ็บ...จะตายอยู่แล้ว ขอร้องล่ะ อย่าได้...ใจร้ายมากกว่านี้เลย

ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาที่ห้องรับแขก ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า เปลือกตาถูกปิดลง
ผม...เหนื่อยจังครับแม่

เปลือกตาที่ถูกปิดลงเมื่อครู่ต้องเปิดขึ้นมาอีกครั้งเนื่องจากรู้สึกได้ถึงโซฟาที่ยุบตัวลง ธนาดลหันมามองว่าใครคือคนที่ทรุดตัวนั่งลงข้างๆแต่ถึงจะไม่มองเขาก็พอเดาได้ไม่ยากว่าคนๆนั้นคงไม่พ้นพี่ชายแท้ๆของตัวเอง

“ไงพี่ต้น” เขาหันมาทักพี่ชายแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นถุงบรรจุผลไม้กระป๋องมาสามถุงเต็มๆ!

“อะไรน่ะครับ” ตาคู่คมสีดำสนิทหลิ่วไปทางบรรดาถุงเหล่านั้น

“แห้วกระป๋อง กินมั้ย?” พนาดรพยิบ ‘แห้วกระป๋อง’ มากระป๋องหนึ่งแล้วโยนให้น้องชายโดยไม่บอกกล่าวแต่ดีที่ธนาดลยังรับไว้ได้ทัน ชายหนุ่มมองผลไม้กระป๋องในมือก่อนจะถามอีกคำถามหนึ่ง

“แล้วอีกสองถุงที่เหลือนั่น...”

“ระกำ เอามั้ยล่ะ” พี่ชายเชิญชวนแต่น้องชายกลับส่งยิ้มแห้งๆไปให้

“ไม่ล่ะครับ...ขอบคุณ”

“เหรอ”

“พี่ต้น”

“หืม?”

“พี่ต้นสบายดีนะ” น้องชายถามอย่างเป็นห่วงเพราะเห็นว่าสีหน้าของพี่ชายนั้นไม่ดีเลย

“ก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรนี่” พนาดรตอบพร้อมกับไหวไหล่เล็กน้อย

“แล้วทำไมต้องซื้อผลไม้ที่เหมือนประชดรักอย่างนี้ล่ะฮะ”

“ก็พี่อยากกิน” เมื่อได้ยินคำตอบจากปากของพี่ชาย คนเป็นน้องชายถึงกลับถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกยาวเพราะเหตุผลของพนาดรนั้นฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

“มีปัญหาอะไรกับหมอน้ำหรือเปล่าครับ” น้ำเสียงของธนาดลจริงจังขึ้นมาทันที พนาดรหันมามองน้องชายนิดหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางเดิม

“แล้วทำไมพี่ต้องมีปัญหากับน้ำ” ชายหนุ่มเฉไฉทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“เพราะพี่ต้นรักหมอน้ำ”

“แต่ก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้พี่กำลังจะไม่รัก” พนาดรแทบจะสวนคำตอบออกมา คำปฏิเสธที่มันไม่มีความเป็นจริงเลยก็ตาม

“โกหกตัวเองต่อให้ตาย มันก็โกหกไม่ได้นะครับ” บอกพี่ชายไปอย่างนั้นเพราะตัวเองก็ไม่พ้นคำพูดนี้เหมือนกัน

“ขอบใจนะดล แต่ระหว่างพี่กับน้ำมันเป็นไปไม่ได้หรอก ว่าแต่เราเถอะ ไม่สบายใจอะไรอยู่หรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลยนี่” มาคราวนี้คนเป็นพี่ชายหันมาถามน้องชายด้วยความเป็นห่วงบ้าง

“เปล่าหรอก...ผมไม่เป็นอะไร”

“ดลเคยโกหกพี่ได้สักครั้งไหม” พนาดรจ้องหน้าน้องชาย ธนาดลก้มหน้า

“ไม่ครับ ไม่เคยเลย แต่ครั้งนี้ ผมขอนะครับพี่ต้น ผมของเก็บปัญหานี้ไว้แก้เองนะครับ” ธนาดลตอบ พนาดรตบบ่าน้องชายสองทีเบาๆ

“ถ้ามันเป็นความต้องการของดลพี่ก็จะไม่ถาม”

“ขอบคุณครับ” ธนาดลบอกพี่ชายรู้สึกดีขึ้นมาที่ได้คุยกับใครสักคน

“งั้นพี่ไปก่อนนะ”

“ครับ” ร่างสูงของพนาดรลุกขึ้นพร้อมกับแห้วกระป๋องสามถุงกับระกำอีกสองถุง ธนาดลมองพี่ชายที่ถือของพะรุงพะรังก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

...ยังขาดท้ออีกอย่างนะพี่ต้น...













“หมอเขต! หมอเขต! หมอเขต!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านไม้สองชั้นสีขาวซึ่งเป็นบ้านพักของทางโรงพยาบาล เสียงนั้นดังสนั่นพอที่จะเรียกเสียงเห่าระงมของน้องหมาได้เป็นอย่างดี

ไม่ช้าประตูของบ้านไม้สองชั้นก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของคุณหมอรูปหล่อ ผมเผ้าที่เคยหวีเรียบร้อยยุ่งเล็กน้อย แว่นสายตากรออบดำที่ใส่เป็นประจำก็ถูดถอดออก จึงเผยให้เห็นดวงตาคู่นั้นเล็กลงอย่างเดิม

“มีอะไรครับ มาทำอะไรแต่เช้า” คุณหมอเขตถามอย่างงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

“เพิ่งตื่นหรือคะ” คุณหมอน้ำถาม รู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิดๆที่มาปลุกชายหนุ่มแต่เช้า

“อืม...ว่าแต่น้ำเถอะ มาหาผมแต่เช้ามีธุระอะไรใช่ไหม”

“ค่ะ” สลิลธารพยักหน้า “เมื่อวานป๊าน้ำคุยอะไรกับหมอเขตใช่ไหม” ดวงตาของคนเพิ่งตื่นกระจ่างขึ้นมาทันทีเมื่อเจอหญิงสาวยิงคำถามใส่ คุณหมอเขตนิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับ

“เรื่องแต่งงานใช่ไหมคะ”

“ครับ”

“แล้วหมอเขตตอบป๊าน้ำไปว่าอะไรคะ” คนถูกถามมองหน้าสาวเจ้าของคำถาม ตาชั้นเดียวจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ดวงตานั้นกำลังรอคำตอบที่กำลังจะออกจากปากของเขา

“ตกลงครับ”

สลิลธารถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มองหน้าคุณหมอเขตอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่า ไม่รักแล้วมาตกลงแต่งงานกับเธอทำไม แล้วเขาจะรู้บ้างไหมว่ามันส่งผลให้เกิดอะไรต่อมิอะไรมาอีกเป็นขบวน

“หมอเขตตอบตกลงทำไมคะ รู้หรือเปล่าว่าน้ำต้องเจอกับปัญหามากแค่ไหนเพียงแค่หมอเขตตอบตกลง”หญิงสาวใส่เป็นชุดจนเจ้าของบ้านเริ่มหน้าถอดสี

“แย่ขนาดนั้นเลยหรือน้ำ” สิขเรศถามเสียงพร่า

“ไม่ใช่แค่แย่ค่ะ แต่เป็นแย่มากๆต่างหาก! น้ำไม่เข้าใจเลย หมอเขตตอบตกลงป๊าน้ำเพราะอะไร เพราะอะไรทั้งๆที่...”

“เพราะรักไงน้ำ...เพราะรัก” สลิลธารอึ้งทันทีทันใด ปากที่อ้าค้างไว้จะพูดต่อค่อยๆปิดลง ร่างทั้งร่างแข็งเหมือนหุ่นเมื่อได้ยินเหตุผลที่คาดไม่ถึงจากผู้ชายตรงหน้า

“อย่า...อย่าล้อน้ำเล่นได้หรือเปล่า ไม่ตลกเลยนะ” กว่าจะหาเสียงของตัวเองได้ก็ใช่เวลาเกือบๆนาที
สิขเรศก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาวให้ระยะห่างลดลงเหลือเพียงแค่เอื้อมมือ

“คำว่า ‘รัก’ ไม่มีใครเขาพูดเล่นๆกันหรอกนะน้ำ”

“ไม่จริงน่ะ หมอเขตพูดเล่นใช่ไหม พูดเล่นใช่ไหม ไม่จริงใช่หรือเปล่า น้ำ...น้ำ...” สลิลธารเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก เสียงที่เปล่งออกมาทั้งรัวทั้งสั่น เมื่อเห็นอาการเหล่านั้นคิ้วเข้มๆของสิขเรศก็ถูกกดลง อ้อมแขนแข็งแรงรั้งร่างบางระหงมากอดไว้หลวมๆ

“น้ำ...ใจเย็นๆว่านี้ได้ไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมคนที่ตื่นตระหนกเบาๆ

“หมอเขต อย่ารักน้ำนะ ขอร้องล่ะ อย่ารักน้ำเลย หมอเขตรักน้ำไม่ได้ รักไม่ได้จริงๆ” น้ำใสๆคลอดวงตาเรียวสวย อ้อมกอดหลวมๆในตอนแรกรัดแน่นขึ้นราวกลับว่ากลัวคนในอ้อมกอดคนนี้จะหนีหายไป

“ขอร้องผมแบบนี้ น้ำคิดว่ายากไปไหม ขอร้องไม่ให้รัก มันยากนะน้ำ ยากมากจริงๆ” ชายหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงขมขื่น ดันคนในอ้อมแขนให้ห่างตัวเพื่อจะได้เห็นหน้ากันชัดๆ

“หมอเขตรักน้ำไม่ได้จริงๆ” สลิลธารส่ายหน้า น้ำตาที่คลอไหลออกมาเป็นทาง มือเรียวขาวของคุณหมอเขตปาดหยาดน้ำตาให้ออกจากดวงตาคู่สวย

“ทำไมครับ ทำไมถึงรักน้ำไม่ได้ ถ้าจะรักน้ำนี่ต้องฝ่าด่านหลายด่านกว่าจะถึงหอคอยที่เจ้าหญิงอยู่หรือไงครับ ถ้าเป็นอย่างนั้น ต่อให้เจอปีศาจที่ร้ายกาจแค่ไหน ผมก็จะสู้ไม่ถอยเลย ขอเพียงแค่น้ำยิ้มสวยๆให้ผมอย่างนี้...”มือทั้งสองข้างของหมอเขตยกมุมปากของหญิงสาวขึ้นเบาๆ “...ก็พอ” รอยยิ้มอ่อนโยนระบายไปทั่วใบหน้าขาวตี๋ น้ำตาที่ถูกเช็ดไปเมื่อครู่ไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไว้ไม่อยู่

“ใจร้าย...หมอเขตใจร้าย” หญิงสาวว่า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องมารักเธอ และเธอก็ไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธไป เธอไม่กล้าพอที่จะทำร้ายคนดีๆอย่างหมอเขต ถ้าทำอย่างนี้แล้วมันจะเป็นการทำร้ายหมอเขตมากยิ่งขึ้นไปไหม...

“ครับ...ใจร้ายก็ใจร้าย” สิขเรศรับคำกล่าวหา ดึงคนขี้แยเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง

ถ้าผมใจร้ายแล้วน้ำไม่ยิ่งใจร้ายกว่าหรือ

และที่น้ำไม่ให้ผม ‘รัก’ มันแปลได้ว่าน้ำไม่รักผมด้วยหรือเปล่า

แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะทำยังไง...รักข้างเดียวนี่มันเจ็บนะน้ำ

และการที่ถูกบังคับไม่ให้รักคนที่รัก มันก็เจ็บไม่แพ้กันเลย














เช้านี้ศรินดาตื่นมาด้วยเวลาปกติอย่างที่เคยตื่นเป็นประจำ หญิงสาวเดินลงมายังชั้นล่าง เข้าไปในห้องครัวซึ่งเป็นที่ประจำของมารดา หากวันนี้กลับพบแต่ความว่างเปล่า เหลือเพียงแต่เอื้องกับป้าอุ่นแม่ครัวประจำบ้านเท่านั้น

เมื่อไม่เห็นมารดา หญิงสาวจึงตั้งคำถาม “ป้าอุ่นจ๊ะ เห็นแม่รินไหม”

“ไม่เห็นหรอกค่ะคุณริน ป้าไม่เห็นคุณริสาตั้งแต่เช้าแล้ว”

“เหรอจ๊ะ” น้ำเสียงนั้นผิดหวังปนสงสัย คิ้วสวยขมวดชิด ครุ่นคิดว่ามารดาหายไปไหนแต่เช้า แล้วทำไมต้องเป็นวันนี้ในทุกๆปีที่มารดาของเธอไม่อยู่บ้านในเวลานี้

“คุณริน!” เสียงเล็กใสของสาวใช้ตัวจ้อยตะโกนขึ้นมาปลุกรินให้ออกจากความคิด

“มีอะไรเอื้อง ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นมาแบบนี้” ศรินถามสาวใช้ที่วิ่งมาจนเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า

“คุณดลเรียกพบคุณรินน่ะเจ้า” เอื้องพูดรัวเร็วหายใจหอบเพราะความเหนื่อย

“อืม...เดี๋ยวรินไป”

“ไม่ได้นะเจ้า! เดี๋ยวไม่ได้ คุณดลบอกให้คุณรินไปพบเดี๋ยวนี้ถ้าช้าคุณดลจะลงมาตามเอง”

แล้วศรินดาก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมเอื้องถึงได้วิ่งมาเหงื่อแตกพลั่กด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ สงสัยจะโดนนายน้อยจอมโหดนั่นขู่อะไรมา

“คุณดลเขาว่าอะไรเอื้องหรือเปล่า”

สาวใช้ส่ายหน้าหลายครั้งแทนคำตอบ ศรินดาถอนหายใจออกมาเบาๆ อาการแบบนี้คงไม่แคล้วโดนว่ามาอีก เป็นบ้าอะไรแต่เช้านะผู้ชายคนนั้น!

ศรินดาเดินลงส้นตึงๆขึ้นไปยังห้องหนังสือเคาะประตูดังๆสามทีเพื่อให้คนในห้องรับรู้ว่าเธอได้มาตามคำสั่งของเขาแล้ว

“เข้ามา”

มือบางจับลูกบิดประตูและเปิดเข้าไป ธนาดลมองร่างของคนที่เพิ่งเข้ามาตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างสูงลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับศรินดา ตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโต มือหนายกขึ้นมาจับปลายผมที่พาดอยู่บ่าของหญิงสาว รินตัวแข็งทื่อ ถอยหลังออกห่างจากชายหนุ่มหนึ่งก้าวยาวๆ

“คุณตามฉันมาทำไม” ธนาดลยิ้มมุมปาก สาวเท้าเข้าไปหาร่างเล็กบางเพื่อลดระยะห่าง แต่ร่างบางก็ยังถอยหนี

“หนีฉันทำไม” ชายหนุ่มถามยิ้มๆ รินปั้นหน้าบึ้งใส่

“ฉันไม่ได้หนี!” หญิงสาวแหวเสียงดัง

“แล้วที่ถอยหลังอยู่ตอนนี้เขาเรียกว่าอะไรหรือศรินดา” ธนาดลไล่ต้อนจนหญิงสาวหลังชนฝา ชายหนุ่มเอามือยันเข้ากับผนังเพื่อกันตัวรินไม่ให้หนีไปไหนได้อีก

“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้นะคุณดล” รินขู่ฟ่อ

“หาทางออกไปเองสิ” ชายหนุ่มตอบ อมยิ้มกวนๆ

“ออกไปนะ ออกไป! “ มือบางดันคนตัวโตให้ออกห่างแต่ร่างนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ธนาดหัวเราะในลำคอก่อนจะถอยร่างออกห่าง รินตวัดสายตามองอีกฝ่ายขุ่นมัว

“คุณตามฉันมาทำไม” หญิงสาวตั้งคำถามเดิมที่ยังไม่ได้คำตอบอีกครั้ง และเธอก็ไม่ได้คำตอบอีกตามเคยเพราะธนาดลคว้าข้อมือเธอและออกแรงดึงให้เดินตาม

“ทำอะไรน่ะคุณ ปล่อยฉันนะ” รินบิดข้อมือให้ออกจากการจับกุม

“ถ้าขัดขืนหรือทำตัวมีปัญหาฉันอุ้มเธอแน่” ธนาดลหันมาขู่เสียงเฉียบ หญิงสาวอ้าปากจะเถียงแต่ชายหนุ่มกลับเตือนด้วยคำพูดที่ศรินดาไม่คิดที่จะโต้เถียงอีกเลยย

“แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่กล้า ถ้าอยากลองดีก็เอา”

ปากบางปิดสนิททันที เธอไม่ได้กลัวเขานะ ก็แค่...ยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้เท่านั้นเอง











ธนาดลพาศรินดามายังแปลงกุหลาบแปลงย่อมที่มารดาของตัวเองรักนักรักหนา กุหลาบดอกสวยแข่งกันชู่ช่ออวดความงาม ทั้งสีแดง ชมพู ขาว เหลือง ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ธนาดลเดินเข้าไปใกล้แปลงกุหลาบ มือหนึ่งถือกรรไกรตัดกิ่งที่หยิบติดมือขึ้นมาตัดกุหลาบก้านยาวหลากสีสันนั่นทีละดอกจนรวมได้ช่อใหญ่และ...ยื่นกุหลาบทั้งหมดมาข้างหน้าศรินดา หญิงสาวผงะไปเล็กน้อย ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ มองกุหลาบในมือกับใบหน้าของคนให้สลับกันไป ไม่เข้าใจว่าเขายื่นมันให้เธอทำไม

“ตกใจอะไร” คนยื่นถามเสียงห้วน “คิดว่าฉันตัดกุหลาบของแม่ฉันให้เธอหรือไง ฝันไปหรือเปล่าศรินดา” น้ำเสียงนั้นกล่าวราวกับเยาะ รินกัดฟันแน่น

นั่นสิ! เธอจะตกใจทำไม จะตื่นเต้นทำไม คนอย่างนี้ ไม่มีทางที่จะหยิบยื่นสิ่งสวยงามให้กับเธอ คนอย่างเขามีแต่จะยื่นสิ่งที่โหดร้ายแล้วก็เจ็บปวดให้กับเธอเท่านั้น!

“ถือ” ชายหนุ่มสั่งสั้นๆ รินตวัดมือหญิงช่อกุหลายจากมือของอีกฝ่ายอย่างแรงจนลืมไปว่ากุหลาบทั้งช่อนั้นมีหนามที่แหลมคม

“โอ๊ย!” ศรินดาร้องเสียงหลง นิ่วหน้าเพราะความปวดจากหนามกุหลายที่ตำลงบนนิ้วชี้จนได้เลือด หญิงสาวกำลังเอานิ้วเข้าปากแบบที่เคยทำเป็นประจำเพื่อลดความปวดให้บรรเทา หากก็ช้ากว่ามือใหญ่ที่เอื้อมมาฉวยไว้ได้ทัน ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามากดไว้ที่แผล สายตามองมาที่แม่ตัวยุ่งอย่างตำหนิ

“ใครเขาสั่งเขาสอนให้อม” เสียงเข้มเอ่ยดุ รินตวัดสายตาส่งค้อนไปให้หนึ่งวง ออกแรงดึงมือให้หลุดจากการจับกุม “อยู่เฉยๆหน่อยจะได้ไหม” ชายหนุ่มเอ็ดอีกที ค่อยเปิดผ้าเช็ดหน้าดูแผลว่าเลือดยังไหลอยู่หรือไม่

“เจ็บหรือเปล่า” น้ำเสียงนั้นเจือไปด้วยความห่วงใยอย่างชัดเจนแต่ศรินดาคงไม่ได้สังเกตเห็น...

“ไม่...โอ๊ย!” เสียงหวานร้องอีกทีเพราะอีกฝ่ายดันออกแรงกดเข้าไปที่แผลเต็มๆ “ทำบ้าอะไรของคุณ ฉันเจ็บนะ”

“แล้วเธอจะปากแข็งทำไมเจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ อวดเก่ง” ปลายประโยคยังไม่วายที่จะต่อว่าอีกฝ่าย

ศรินดาสะบัดหน้าใส่ “เรื่องของฉัน”

“เรื่องของเธอแต่มันลำบากฉัน”

“ไม่ได้ใช้ให้เข้ามายุ่ง” รินเถียงไม่ลดละ ธนาดลปล่อยมือที่กำนิ้วชี้ของหญิงสาวออกเปลี่ยนมารั้งต้นแขนกลมกลึงนั่นแทน

“จะไปไหน!” หญิงสาวโวยเมื่อโดนดึงไปพร้อมๆกับที่ต้องถือกุหลาบช่อโต

“ธุระ” ธนาดลตอบคำถามสั้นๆไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม

“ธุระของคุณไม่ใช่ธุระของฉันทำไมฉันต้องไป...โอ๊ย!” ร่างสูงหยุดกึก มองร่างเล็กบางที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะรวบช่อกุหลาบไปถือเองและโยนแปะผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมไปยังแขนหญิงสาวที่มีรอยหนามกุหลาบข่วนเป็นทางยาว

“เช็ดเลือดซะ” บอกทั้งๆที่ไม่ได้หันมามอง เพราะเจ้าตัวไม่อยากจะมอง ...ไม่อยากจะมองบาดแผลที่มีต้นเหตุมาจากตัวเขาเอง

เห็นเธอเจ็บ...อยากให้เธอรู้ไว้ ว่าเขาก็ไม่ได้เจ็บไปน้อยกว่าเธอ

รินซับเลือดที่ไหลซิบ เหลือมองร่างสูงที่เดินไปยังรถคันสีดำ เปิดประตูด้านหลังและบรรจงวางช่อกุลหาบหลากสีไว้ที่เบาะหลังรถอย่างแผ่วเบา ทะนุถนอม

“เช็ดเสร็จแล้วก็รีบขึ้นรถ” ชายหนุ่มยังคงสั่งอีกตามเคย

ศรินดาทำท่ากระฟัดกระเฟียดยอมขึ้นรถตามคำสั่งของ ‘เจ้านาย’ ก่อนจะปิดประตูดังปึงจนเรียกความสนใจของเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี

“จะปิดให้ประตูหลุดเลยมั้ยศรินดา" น้ำเสียงนั้นถามประชดประชัน

“ก็กะอยู่” แล้วน้ำเสียงคนตอบก็ประชดประชันไม่แพ้กัน

ก่อนที่จะเกิดการประทะคารมกันมากกว่านี้ ธนาดลหักพวงมาลัยรถเลี้ยวออกจากบ้านโดยหารู้ไม่ว่ามีสายตาของใครบางคนซุ่มมองอยู่ไม่ไกลและไม่เป็นมิตร!

รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่จอดซุ่มอยู่ริมทางใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนที่คนขับสตาร์ทรถและขับตามรถของธนาดลไป ชายฉกรรจ์อีกคนที่นั่งข้างคนขับกระชับอาวุธสีดำที่เหน็บไว้ข้างลำตัว อีกมือถือโทรศัพท์เพื่อติดต่อใครบางคน

“มันออกจากบ้านแล้วครับนาย”

“ดี...ตามไปอย่าให้คลาดสายตา จัดการให้เรียนร้อย ไม่ต้องให้ตาย...แค่ปางตายก็พอ!!” ปลายสายสั่งด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมแล้วสัญญาณก็ถูกตัดไป...


-----------------------------------------------------------------------------------------------

คุณดลรู้สึกว่าจะสร้างศัตรูไว้เยอะเกิน...เง้ออออ...
ปล. ตอนนี้พี่ต้นแอบฮา (แบบเศร้าๆ)นะคะ ส่วนหมอเขต...น่ารักเนาะ ว่าไหมค้า... :)

***** ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ทุกคอมเมนท์และทุกไลค์นะคะ (เดี๋ยวซักพักพี่อาร์มจะตามมาน้าา) *****



คุยกันจากตอนที่แล้วค่าา...



คุณ Heronett : พี่ต้นอาจจะยอมง่ายแต่คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันค่าาาา

คุณ Amata : ค่อยๆตามอ่านก็ได้ค่าาา ขอให้ตาหายเจ็บไวๆนะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้า

คุณ nunoi : แหะๆ รินทำประมาณนั้นเลยค่ะ แล้วก็โดนคุณดลเอาคืนอีกจนได้ ส่วนพี่ต้น...เฮ้อออออ...น่าสงสารจริงๆล่ะค่ะ

คุณ MYsister : หนูรินแกล้งคุณดลน่ะสิคะ แอบใจร้ายนะเนี่ย คุณดลเจ็บปวดอีกแล้ววว

คุณ เด็กหญิงม่อน : กะจะแก้แค้นไงคะ แต่ก็โดนเอาคืนทันตาเห็นอยู่ดี

คุณ ดาวคันชั่ง : ใช่เลยค่ะ แค้นกันไปแค้นกันมา เจ็บกันทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องพ่อของหมอน้ำ ท่านดุจริงๆค่ะ

คุณ tutas : อิอิ เรื่องนี้พยายามอัพทุกวันค่ะ เพราะเขียนไว้จบแล้ว เหลือแค่เอามารีไรท์ใหม่ค่ะ ค่อยๆอ่านไปก็ได้จ้า แต่ช่วงนี้ออกจะดราม่าหน่อยนะคะ ขมก่อนแล้วค่อยหวานน้าาาา

คุณ anOO : ใช่เลยค่ะ รินเริ่มแก้แค้นแล้ว แต่วิทยายุทธยังไม่ขั้นสูงค่ะ เลยแพ้คุณดลตามเคย ส่วนคุณป๊า...ท่านขู่พี่ต้นมานานแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่สมัยเรียนโน่นเลย T T

คุณ Auuuu : อ่านตอนนี้แล้วยัง 'เฮ้ออออออออออออ' อยู่หรือเปล่าคะ o o?

คุณ หมูบูลิน : ช่วงนี้ออกจะดราม่าหน่อยนะคะ

คุณ บุรีวาด : นั่นสิคะ...ช่วงนี้ยิ่งเครียดขึ้นเรื่อยๆด้วยค่ะ



ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2555, 09:45:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2555, 09:45:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2000





<< บทที่ 18   บทที่ 20 >>
Auuuu 28 เม.ย. 2555, 11:12:32 น.
อยากรู้จังแฮะ ว่าใครสั่งพวกนั้น คาดว่าเป็นศัตรูจากตอนงานเลี้ยงแน่ๆ
ชีวิตวุ่นวายมากๆเลย ว่าแต่ว่า พระเอกตัดดอกไม้ให้ใครหว่า??
เอาไปไหว้แม่?
ลุ้นระทึกปนเครียด


nunoi 28 เม.ย. 2555, 11:26:04 น.
นั่นซิค่ะ คิดว่าคุณดลตัดกุหลาบไปไหว้แม่หรือเปล่า แล้วจะเจอกับแม่ของหนูรินไหม๊เพราะหายไปในวันนี้ของทุกปีนี่น่า แอบฮาพี่ต้นเหมือนกันน่ะ เฮ้อ!รักไม่รู้กี่เศร้า จริงๆ
ขอให้พี่ดลกับหนูรินปลอดภัยน๊า


Heronett 28 เม.ย. 2555, 11:26:45 น.
รักกัน แต่ต่างคนต่างปากแข็งทั้งคู่ เห้อ


MYsister 28 เม.ย. 2555, 11:36:28 น.
kun Don ja raud mai??? Jai rai jingjing


roseolar 28 เม.ย. 2555, 11:41:38 น.
ที่พี่ต้นไม่ซื้อท้อ แปลว่าจะสู้ต่อใช่มั้ย สงสารพี่ต้นก็สงสารอยู่หรอก แต่หมอเขตน่ารักและแสนดีขนาดนี้ จะให้คนอ่านเข้าข้างพี่ต้นต่อไปก็คงไม่ไหว ขอแปรพักตร์ไปซบอกหมอเขตแป๊บนึงละกันนะคะ ไว้พี่ต้นพร้อมสู้เมื่อไรค่อยหันกลับมาเชียร์เหมือนเดิม >_<
ส่วนคุณดลชักจะน่าสงสารเข้าไปทุกวัน รินจ๋าอย่าใจร้ายกับคุณดลนักสิจ๊ะ ถึงคุณดลจะร้ายแต่เขาก็รักรินนะ มองให้ลึกๆจะได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่คุณดลซ่อนไว้ อยากรู้ว่าถ้าคุณดลโดนยิง รินจะรู้สึกยังไง
ปล.หมอเขตรักหมอน้ำไม่ได้นะคะ เพราะหมอเขตต้องรักคนอ่านคนนี้เท่านั้น ฮาาาา~


tutas 28 เม.ย. 2555, 13:17:07 น.
รู้สึกตามอารมย์คุณดลไม่ทันแล้วค่ะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต่างคนต่างปิดกั้นตัวเองอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะแฮบปี้ล่ะคะ แต่ตอนนี้ตู่เริ่มจะชอบคุณดลแล้วสิ อิอิ แต่สงสารพี่ต้นจังโดนพ่อหมอน้ำกีดขวางความรัก แงๆๆๆ


anOO 28 เม.ย. 2555, 15:07:00 น.
งานเข้าแล้วไงนายดล รินจะซวยไปด้วยไหมเนี้ย
พี่ต้น สู้หน่อยนะ อย่าเพิ่งถอยเลย


ดาวคันชั่ง 28 เม.ย. 2555, 19:25:37 น.
พี่ต้นขนาดเศร้าๆยังแอบฮา น่ารักมาก

ทำไมอ่านๆไป ชักสงสารนายดลมากกว่ารินแล้วล่ะเนี่ย


หมูบูลิน 29 เม.ย. 2555, 00:05:05 น.
นายดลกับหนูรินดวงแข็งทั้งคู่คงไม่เป็นไรหลอมั้งนะ


Amata 30 เม.ย. 2555, 12:02:54 น.
ดีขึ้นมากแล้ว เลยเข้ามาตามต่อ ความรักแบบนี้ช่างน่าสงสารเน้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account