รอยรักเหมันต์
...เพราะสายลมหนาวหรือเพราะมนต์เสน่ห์แห่งทุ่งดอกไม้ จึงนำพาให้สองหัวใจมาพบกัน

เมื่อเขาคือนักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อกับเธอเจ้าของสวนดอกไม้สาวผู้พราวเสน่ห์...
เพียงแรกพบสบตา เขาและเธอก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่เลย
จอมทัพจะสามารถนำดอกไม้งามดอกนี้

Tags: ฤดูหนาว

ตอน: ตอนที่ ๑๗ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ (๒)

ตอนที่ ๑๗

ชัยพาจอมทัพเข้ามาถึงตรงจุดที่รักษ์ราชซุ่มดูเหตุการณ์อยู่ ระหว่างทางเขาได้รับการบอกเรื่องราวเหล่านั้น และเรื่องของรักษ์ราช นักธุรกิจหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ เมื่อมาถึงเขาก็ได้ทำความรู้จักกับนายตำรวจหนุ่มอีกรอบและรับรู้ถึงแผนการทั้งหมด

“ผมจะขอเข้าไปช่วยพวกผู้หญิงอีกคนหนึ่ง” จอมทัพบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ

“มันจะดีหรือครับ ผมว่าคุณไปอยู่กับกองบัญชาการของผมทางนู้นจะดีกว่านะครับ คอยแสตนด์บายกับกลุ่มข้างในจะดีกว่า”

ขณะที่ชัยพาจอมทัพมาถึงไม่กี่นาที กลุ่มกองกำลังตำรวจก็มาถึงและกระจายกันอยู่โดยรอบสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็วและเตรียมพร้อมที่จะรับสัญญาณให้บุกได้ตลอดเวลา

“แต่ผมอยากจะเข้าไปช่วยด้วย ผมเป็นห่วงน้องสาวของผม”

เป็นอีกคนที่คำพูดไม่ค่อยจะตรงกับใจสักเท่าไร แม้ว่าปากจะบอกว่าห่วงน้องสาว แต่ภายในใจของเขากลับเต้นแรงและเป็นห่วงเมยาวีมากกว่า

“มันอันตรายนะครับ”

“ให้ผมไปกับชัยดีกว่า เพราะยังไงแล้วผมก็คิดว่าตัวเองเอาตัวรอดได้”

ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ รักษ์ราชมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ของตนนิดหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบมั่นใจอย่างนั้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถที่จะขัดอะไรได้อีก

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจครับ ดูแลตัวเองกันให้ดีๆ ล่ะ ผมมั่นใจครับว่าพวกคุณจะต้องเอาตัวรอดได้”

นายตำรวจหนุ่มคลี่ยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงเสริมความมั่นใจให้กับจอมทัพ ขณะนักธุรกิจหนุ่มก็เอื้อมมือไปจับอีกฝ่าย เพื่อจะบอกว่าตนก็มั่นใจในครั้งนี้เช่นกัน

“แล้วเมื่อไรเราถึงจะเข้าไปช่วยพวกผู้หญิงได้ล่ะครับ นี่มันก็นานเต็มทีแล้วนะ”

“ใจเย็นๆ สิครับคุณชัย ต้องรอให้ได้สัญญาณจากหมวดสิก่อน”

เขาหมายถึง แผนการที่ได้วางกันเอาไว้ นั่นก็คือ ตำรวจจะบุกเข้าไปได้ก็ต่อเมื่อเห็นว่าทางฝ่ายของกัญสิณีได้พาพวกผู้หญิงแอบหนีกันออกมาด้านล่างเรียบร้อยแล้ว

“แล้วเมื่อไรกันครับ ทำไมมันนานนักล่ะ…แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นเสียก่อน...”

จอมทัพทำหน้าเคร่ง เขาพยายามเป็นที่สุดที่จะมองเข้าไปยังเรือนไม้ใต้ถุนสูงหลังนั้น เพื่อจะให้เห็นว่ามีกลุ่มผู้หญิงวิ่งตามกันออกมา พรางก็อดเป็นห่วงและกังวลต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากว่าเจออุปสรรค เขาจะทำอย่างไร...

////

ร่างบางของผู้หมวดสาวสั่นสะท้านเมื่อไอ้หน้าโหดคนหนึ่งเล็งปืนมาทางตนและเดินขึ้นบันไดมา กรอบหน้าสวยซีดเผือด เมื่อแผนการผิดดังที่คาดเอาไว้

“เอ่อ...”

“อีเชี่- มึง แอบหนีมานี่หว่า”

มันเดินขึ้นบันได พร้อมกับผู้หมวดสาวที่เดินถอยหลัง โดยมีเหล่าสาวๆ ถอยตามกันไปเป็นพรวน เธอพยายามมองหาจังหวะ สมองเริ่มทำงานอย่างหนัก เช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นแรงแข่งกับเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า

“ว่ายังไง พวกมึงออกมาได้ยังไง”

“ฉัน...เอ่อ ฉัน”

“ไอ้กรดไอ้วิทย์เอ้ย พวกมึงเฝ้านังพวกนี้ยังไงวะ ปล่อยให้มันออกมาได้”

ไอ้หน้าโหดบ่นไม่หยุด โดยยังต้อนเหล่าสาวๆ จนมาจนมุมตรงจุดเดิม ก่อนโอกาสจะเดินทางมาถึงอีกครั้ง เมื่อตอนที่ไอ้ชั่วนั่นเผลอ กัญสิณีจึงย่อตัวลงพร้อมกับใช้ท่าเตะกวาดพื้นจนไอ้คนนั้นล้มลงไปและอย่างรวดเร็วร่างบางก็ถลาลงมาบนตัวของมัน แล้วเกร็งมือล็อคคอและบิดจนมันคอหักพับ ไม่สามารถที่จะร้องอะไรได้มากไปกว่าเสียงฮึมฮัมในลำคอตอนแรกและก็นิ่งสนิทไปในที่สุด

“มะ...มันตาย หรือ คะ”

วัสนางค์ เอ่ยเสียงสั่นเธอยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงหน้าของไอ้หน้าโหดนั้นแดงก่ำ แถมดวงตายังเบิกค้างและถลนออกมาอย่างน่ากลัว

“ใช่ ถ้าไม่ฆ่ามัน มันก็จะฆ่าพวกเรา รีบไปกันต่อเถอะเสียเวลามามากแล้วล่ะ” ผู้หมวดสาวเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่สะทกสะท้านต่อการตายของร่างที่ตนพิฆาตฆ่า ก่อนจะเตือนพวกสาวๆ ให้ตามตนกลับไปยังทางเดิมอีกครั้ง
หลังตกใจกับเหตุการณ์เหล่านั้นและได้รับเสียงเตือนจากผู้นำสาว เหล่าสาวๆ จึงรีบสลัดเอาความรู้สึกเหล่านั้นทิ้งไปและกลับมาอยู่ในสภาวการณ์ปัจจุบันอีกครั้งเพราะถ้าตนไม่ทำเช่นนั้นก็จะไม่มีวันรอดพ้นไปจากสถานที่แห่งนี้ได้เช่นกัน

หลังลงมาถึงพื้นดินได้แล้ว กัญสิณีก็บอกให้เหล่าสาวๆ รีบวิ่งฝ่าเงามืดไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่คิดว่าปลอดภัยมากที่สุด ก่อนจะส่งสัญญาณให้กับตำรวจบุกในทันที

////

เสียงปืนดังขึ้น ทำให้เหล่าสมุนไอ้ชุนที่กำลังเคลิ้มหลับสะดุ้งตื่นและหันมาจับปืนในทันทีเพื่อต่อสู้กับกลุ่มตำรวจที่บุกเข้ามา

ปัง...ปัง!!!

หลายคนกลายเป็นศพและยังมีอีกหลายคนต่อสู้กันจนหลังพิงต้นไม้ นั่นก็เป็นเช่นเดียวกับเหล่าตำรวจที่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว

พวกกากเดนมนุษย์ แม้จะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ด้วยสัญชาติญาณที่เตือนพวกมันให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แม้จะเห็นว่าเพื่อนถูกจับตายแดดิ้นไปต่อหน้าต่อตาแต่พวกมันก็ยังฮึดสู้สาดกระสุนยิงสวนไปไม่ยั้ง

เปรี้ยง...!!!!

ปัง ปัง!!

“พี่ จะเอาไงดีครับ พวกตำรวจมันรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่”

“สัตว์เอ้ย...พลาดอีกจนได้”

ไอ้ชุนที่ยังงุนงงอยู่สบถด้วยสำเนียงต่ำความเลวชาติที่อยู่ในตัวปะทุขึ้นถึงขีดจำกัดก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้หญิงซึ่งกำลังวิ่งฝ่าความมืดอยู่ไม่ห่างกันนัก

“อีห่าพวกนั้นหนีไปได้ยังไงวะ ไอ้เดช ไอ้มา ตามกูมาทางนี้เร็ว ที่เหลือฆ่าแม่-มันให้หมด” มันสั่งการลูกน้องแล้ววิ่งนำลิ่วไปยังกลุ่มผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

/////

การสาดกระสุนยังเป็นไปอย่างดุเดือด เหล่าตำรวจสามารถกระชับพื้นที่ได้ทีละนิด ท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหวของกัมปนาทที่สาดฟาดฟันเข้าใส่กัน ลูกน้องไอ้ชุนหลายคนถูกสังเวยทิ้งวิญญาณเฝ้าสวนแห่งนั้นและยังมีอีกหลายคนที่จนตรอกและสู้ตาย ทว่าก็ยังมีบางส่วนที่ยอมมอบตัวในที่สุด

การกระชับพื้นที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงปืนที่ค่อยๆ เงียบลง กลิ่นดินปืนและกลิ่นคาวเลือดลอยกรุ่นหลังเสียงปืนเงียบลง ผู้กำกับการสวป. จึงนำกำลังตำรวจเข้ามาเคลียร์พื้นที่ด้วยตัวเอง

“ได้ทั้งหมดไหม จ่าเมฆขึ้นไปตรวจบนบ้านสิว่ายังเหลืออยู่อีกหรือเปล่า”

เสียงสั่งการดังขึ้น พร้อมกับจ่าเมฆและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งก็รีบวิ่งขึ้นบ้านหลังนั้น ก่อนจะกลับลงมาพร้อมกับไอ้เดนนรกสองคนที่ถูกซัดจนสลบอยู่ในห้องและยังมีอีกคนที่ตายคาที่ น่าจะเป็นฝีมือของร้อยตำรวจตรีหญิงกัญสิณี ที่พาพวกผู้หญิงหนีไปได้อีกทางหนึ่ง

“ผู้กำกับครับ เรายังจับตัวไอ้ชุนไม่ได้ มันน่าจะตามพวกของหมวดสิไปนะครับ”

ตำรวจนายหนึ่งวิ่งมารายงาน หลังจากที่ไม่พบร่างของไอ้ชุน อาชญากรตัวฉกาจซึ่งเป็นเป้าหมายในครั้งนี้รวมอยู่ด้วย

“แย่แล้วสิ ส่งกองกำลังตามหมวดราชไปช่วยหมวดสิเร็ว” ผู้กำกับหน้าเคร่งและเป็นห่วงอีกกลุ่มหนึ่งที่หนีไปอีกทาง โดยมีไอ้ตัวร้ายตามไปอย่างกระชันชิด

/////

วิ่งฝ่าความมืดมาไม่เท่าไร หากก็ยังไม่พ้นไปจากความอึมครึ้มของสวนป่าแห่งนั้นไปได้ ความอ่อนเปลี้ยจึงเข้ามาเยือนเหล่าสาวๆ หลายคนหยุดพักด้วยเสียงหายใจที่หอบถี่ หากเมื่อตำรวจสาวที่วิ่งตามมาถึงเห็นเข้าจึงเอ็ดบอกด้วยเสียงเข้ม

“รีบไปกันต่อสิ นี่มันยังไม่ปลอดภัยเลยนะ”

ปัง!!

พอประโยคนั้นจบลง เสียงปืนก็ดังตามมา กัญสิณีต้องรีบก้มตัวหลบคมกระสุนที่สาดมาจากเงามืดข้างหลัง จนเข้าไปเจาะยังต้นลำไยต้นหนึ่ง อย่างหวุดหวิด

“พวกมันตามมาแล้ว เร็ว รีบไปกันต่อเร็ว” ผู้หมวดสาวเร่งก่อนจะต้อนเหล่าสาวๆ ให้พากันรีบวิ่งไปข้างหน้า

ปัง!

เปรี้ยง!!

พวกมันยิงมา กัญสิณีจึงเล็งปืนและลั่นไกกลับไปก่อนจะรีบวิ่งตามเหล่าสาวๆ ไปอย่างรวดเร็ว

“เร็วๆ พวกมันมากันแล้ว ถ้าใครไม่อยากตายและอยากกลับบ้านก็รีบวิ่งไปเร็วๆ”

เสียงเร่งดังตามมาอีก แม้จะเหน็ดเหนื่อยไม่แพ้พวกสาวๆ ที่วิ่งอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยหน้าที่ของเธอที่ต้องช่วยเหลือและพาพวกผู้หญิงให้รอดพ้นไปจากที่นี่ให้ได้ ทำให้กัญสิณีข่มใจและรีบวิ่งตามพวกผู้หญิงไปในทันที

ปัง ปัง!!!

เสียงปืนดังตามมาอีกเป็นชุดและคราวนี้ก็ใกล้เข้ามาเต็มที เมยาวียกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าของตนเอง เพราะนี่ก็เป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ต้องมาวิ่งหนีคนร้ายอย่างในละครโทรทัศน์และในนิยายน้ำเน่าที่มณีกานดาเพื่อนของเธอชอบอ่าน

“เร็วสิคุณเหมย พวกคุณอยากถูกจับไปอีกรอบหรือยังไง คุณฝน ปูเป้ เร็ว”

ตำรวจสาวเร่งอีกครั้ง ทว่ายิ่งนานสามสาวก็ยิ่งล้าที่ขาเรี่ยวแรงที่มีอยู่เริ่มลดน้อยลงและเมื่อเห็นว่ากระชันชิดเต็มที วัสนางค์จึงหยุดลงพร้อมกับอีกสองสาว

“หยุดกันทำไม ไปต่อสิ พวกมันตามมากันแล้วนะ”

“ฉันว่าคุณสิพาพวกผู้หญิงรีบหนีไปเถอะค่ะ ฉันจะล่อพวกมันไปอีกทางเอง” วัสนางค์เอ่ยแข่งกับเสียงหอบหายใจตัวเอง ขณะปุณชิกาและเมยาวีต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“ไม่ได้ พวกคุณจะต้องไปด้วยกัน ไปสิ เร็ว...”

“ไม่ค่ะพี่สิ พี่จะต้องช่วยพวกผู้หญิงหนีไปให้ได้ เดี๋ยวปูเป้กับพี่เหมยพี่ฝนจะล่อมันไปอีกทางเอง”

“ก็พี่บอกไม่ได้ยังไงล่ะปูเป้ ไปเร็วค่ะ คุณเหมย คุณฝน”

แม้จะเร่งเพียงใดหากทั้งสามสาวกลับตั้งอยู่ในความคิดเดิม พวกเธอส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้จะนึกกลัวมากแค่ไหน แต่ยังไงแล้ว พวกผู้หญิงที่วิ่งไปข้างหน้านั้นยังมีพ่อแม่รออยู่ที่บ้าน คนพวกนั้นจะต้องหนีออกไปให้ได้ พวกเธอจะภูมิใจไม่ใช่หรือ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือในครั้งนี้

“ฝนชำนาญพื้นที่นี้มากกว่าคุณ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ พวกเราจะล่อมันไปหาตำรวจให้ได้ คุณสิรีบพาผู้หญิงพวกนั้นไปอีกทางเถอะค่ะ”

“ไม่ได้ ไปถะ...”

ปัง!!

ยังพูดประโยคนั้นไม่จบดีเสียด้วยซ้ำ เสียงปืนก็ดังขึ้นอีก นั่นจึงทำให้การตัดสินใจของกัญสิณีต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว เธอถอนใจก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับทั้งสามสาวและวิ่งตามกลุ่มผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งไปอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย...พวกมันอยู่ทางนู้น รีบไปเร็ว” ไอ้ชุนตะโกนบอกลูกน้องเสียงดัง แล้วรีบวิ่งไปยังเงาที่เห็นอยู่ตรงหน้าในทันที

“ตามฉันมาทางนี้เร็ว เหมย คุณปูเป้”

วัสนางค์สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะรีบวิ่งนำอีกสองสาวไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว โดยมีไอ้ชุนและลูกน้องตามไปอย่างกระชันชิด

ปัง!!

“หยุดนะเว้ย หยุด...”

ไอ้ชุนตะโกนแข่งกับความเร็วที่วิ่งตามร่างสามร่างซึ่งเห็นอยู่ตรงหน้า ภายใต้เงามืดครึ้มของหมู่แมกไม้ แม้แสงจันทร์เดือนเพ็ญจะสาดแสงจ้าก็ตาม ทว่าแสงเหล่านั้นกลับไม่อาจส่งลอดลงมาได้เพราะมีหมู่แมกไม้คอยบดบังเอาไว้

ปัง ปัง!!

“ว้าย...”

เสียงปืนแหวกความมืดพร้อมกับห่ากระสุนที่ตามมาติดๆ เสียงร้องลั่นด้วยความตกใจนั้นเป็นของปุณชิกา ไม่ได้จากการถูกคมกระสุนบาดเนื้อขาวๆ นั้นหรอก หากเป็นสิ่งหนึ่งที่คว้าตัวของเธอเอาไว้ ในตอนที่วิ่งผ่านต้นไม้ต้นหนึ่งไป

“ปูเป้...ชัย”

เป็นเมยาวีที่หันกลับมา ก่อนจะเห็นญาติผู้น้องซึ่งคว้าตัวของปุณชิกา ทว่าเธอยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรได้
มากกว่านั้น จอมทัพก็มาถึงตัวของเธอและรีบดึงแขนของเธอวิ่งลิ่วไปอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

มองเห็นทั้งสองสาวถูกคว้าตัวไปแล้ว วัสนางค์จึงได้แต่ยืนคว้างด้วยหัวใจที่วาบหวิว จะตามใครคนหนึ่งไป ก็เริ่มจะลังเล เธอจึงได้แต่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ มองไปมองมาอยู่เช่นนั้น

“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ...ว้าย” ต้องเป็นฝ่ายร้องลั่นเสียเอง เมื่อรักษ์ราชที่ตามมาและคว้าร่างของเธอเอาไว้ได้ อีกเช่นกัน

“นี่นาย...ปล่อยฉันนะ ไอ้คนบ้า” เธอโวยลั่นด้วยความไม่พอใจแกมตกใจสุดขีด เมื่อเห็นว่าเป็นเขาและเธอก็เข้าใจว่าเขานั่นแหละคือพวกค้ามนุษย์

“อยู่นิ่งๆ สิคุณ อย่าดิ้นไป”

เขายกมือขึ้นปิดปากของแม่สาวจอมพยศเพื่อกันไม่ให้เธอร้องจนได้ยินเสียงไปยังไอ้พวกที่ตามมา ทว่าวัสนางค์กลับเข้าใจผิดเพราะคิดว่าเขาต้องการจะพาเธอกลับไปยังรังของมันอีกครั้ง

ดวงหน้าสวยซีดสนิท เมื่อคิดถึงความซวยของตนเอง นอกจากจะถูกจับมาแล้ว เธอยังจะได้เจอกับไอ้ค้ามนุษย์หน้าเข้มนี่อีก ไม่รู้ว่ามันจับเธอได้แล้วจะฆ่าเธอด้วยความแค้นที่แอบหนีมาหรือเปล่า

ดังนั้นสิ่งที่ทำได้นั่นก็คือดิ้นรนให้หนีออกไปให้ได้ โดยมีทั้งหมัด ทั้งเท้าที่ซัดกระหน่ำใส่ชายหนุ่มที่ตนอยู่ในอ้อมกอดแบบไม่ยั้ง

“ผมบอกให้หยุดยังไงล่ะ ผมมาช่วยคุณนะ มาทางนี้เร็ว” ไม่พูดเปล่า นายตำรวจหนุ่มจากกองปราบก็ยกร่างบางของสาวจอมโก๊ะขึ้นบ่าและวิ่งฝ่าเงามืดไปอีกทางในที่สุด

และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับกลุ่มของไอ้ชุนที่วิ่งมาหยุดลงตรงจุดนั้น ก่อนจะเห็นหลังของคนทั้งสามที่วิ่งแยกไปคนละทิศ มันจึงสั่งการให้ลูกน้องตามไป

“วันนี้กูไม่ได้ชีวิตพวกมึง อย่าหวังว่ากูจะยอมหนี”

มันสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะกระชับปืนในมือแน่น ประกายตาแข็งกร้าวมองฝ่าเงามืดไป มองเห็นหลังของไอ้คนหนึ่งที่วิ่งอยู่ข้างหน้าอยู่ไวๆ มันขบกรามจนเป็นสันและรีบวิ่งตามไปในที่สุด

/////

ปัง!!

เสียงปืนแหวกความมืดของยามราตรีมาครั้งหนึ่ง ก่อนกระสุนลูกหนึ่งจะวิ่งมาถูกที่หัวไหล่ของชัย จนชายหนุ่มร้องลั่น ความแรงของลูกกระสุน ทำให้เขาเสียหลักและล้มไปข้างหน้า

“ชัย...ว้าย นี่นายถูกยิง”

เห็นเขากุมที่หัวไหล่และมีเลือดสีแดงไหลออกมาจนเต็มฝ่ามือ แม้จะเห็นในความมืดเธอก็รู้ว่าเขาถูกยิง ความเป็นห่วงจึงเข้าแทนที่ในทันที

ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นได้จนสำเร็จ โดยมีปุณชิกาช่วยพยุงอีกแรง เขาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่อยู่ข้างกายนิดหนึ่ง ก่อนจะพากันเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง

“แข็งใจหน่อยนะครับ คุณปูเป้”

เขารู้ว่าเธอเหนื่อยมาก แม้ว่าตนจะถูกยิง แต่เขาก็ห่วงเธอมากกว่า ปุณชิกาหัวใจเต้นรัว ในยามที่มองกรอบหน้าคมของเขา ก็พลันนึกซาบซึ้งใจไปด้วย...เขาช่วยเธอและก็ถูกยิง ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
สักนิด เขาควรจะไปช่วยพี่สาวของตนเองสิ ไม่ใช่เธอ

“ฉันไม่เป็นไร นายนั่นแหละ รีบไปต่อกันเถอะ มันตามมาแล้ว”

เหลียวหลังกลับไป ก็เห็นไอ้คนหนึ่งวิ่งฝ่าเงามืดมาไกลๆ เธอจึงรีบช่วยพยุงเขาให้ไปข้างหน้าแข่งกับเวลาที่กระชั้นชิดเต็มที

“นายเสียเลือดมากนะชัย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมทนได้ ไปกันเถอะครับเดี๋ยวมันจะตามทัน”

อยากจะช่วยเขาเต็มหัวใจ ทว่าไม่ได้เปิดโอกาสให้เธอช่วยสักน้อยนิด ประกอบกับความตายที่ตามมาแบบไม่ให้พัก จึงทำให้เธอวางเรื่องนั้นเอาไว้และใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพยุงคนถูกยิงให้รีบเดินเป็นวิ่งไปข้างหน้าตามแต่เรี่ยวแรงจะไปต่อได้

วิ่งมาได้สักพัก ชัยก็รู้สึกชาหนึบที่ต้นแขน อาจจะเพราะเสียเลือดจากการถูกยิงก็เป็นได้ อีกทั้งที่แผลนั้นแม้จะไม่ใหญ่เท่าไร แต่ดูเหมือนมันจะทำให้เลือดไหลไม่หยุดเลย ความเหน็ดเหนื่อยเข้าจู่โจม พร้อมกับเรี่ยวแรงที่เริ่มจะหมดไป

“ผมว่า ผมจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ ก่อนที่ผมจะหมดแรงไปมากกว่านี้”

เขาพูดแข่งกับเวลาแห่งความตายที่ใกล้จะมาถึง เสียงหอบหายใจจากทั้งสองยังคงดังกระชันถี่ เขาและเธอมองหน้ากันด้วยความเป็นห่วง โดยเฉพาะปุณชิกาที่คิดอะไรไม่ออกเลยเพราะบัดนี้ เธอทั้งกลัวและเป็นห่วงเขาไม่แพ้กัน

“นายจะทำอะไรชัย ฉันว่าเรารีบไปต่อกันเถอะนะ”

“ไม่ครับ ถ้าขืนว่าเราวิ่งอยู่แบบนี้ ไม่ช้าจะต้องเสร็จมันแน่ คุณปูเป้ครับคุณวิ่งไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะจัดการมันเอง”

“แต่นายได้รับบาดเจ็บนะชัย ไม่ได้ เราจะต้องวิ่งไปด้วยกัน ไปเร็ว”

“แต่คุณปูเป้ครับ...”

คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน พร้อมกับความเจ็บที่จู่โจมอย่างหนัก ปุณชิกาเห็นดังนั้นก็เป็นห่วงเขาจับใจ สายตาที่แสดงออกมา ทำให้เธอมองเห็นว่าเขาเจ็บปวดมากเพียงใด สิ่งเดียวที่จะทำได้คือการให้กำลังใจ หญิงสาวรีบโผเข้ากอดเขา พร้อมกับเอ่ยเสียงเครือ ถ้าหากจะตายแล้วเธอก็ขอตายพร้อมกับเขาที่นี่แหละ

“ฉันจะไม่ไปไหน ฉันจะอยู่กับนายที่นี่”

“แต่คุณจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ ผมเป็นห่วงคุณ”

“นายชัย ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงฉัน แต่นายก็ห่วงตัวเองบ้างสิ เกิดเป็นอะไรขึ้นมา นายจะรู้บ้างไหมว่ายังมีคนเป็นห่วงนายอีกมาก โดยเฉพาะ...เอ่อ ฉัน”

“คุณปูเป้...”

ชัยเอ่ยเสียงสั่นพร่า หัวใจหนุ่มเต้นแรง ปุณชิกาบอกว่าเธอเป็นห่วงเขา ชายหนุ่มรู้สึกดีใจเป็นยิ่งนักที่ได้ยินประโยคนั้นจากเธอ สมองที่ใกล้จะดับลงกลับมีความคิดขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับเธอก่อนจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างในเวลานั้น...

ไอ้เดนนรกที่ตามทั้งสองหนุ่มสาววิ่งมาหยุดอยู่ตรงจุดสุดท้ายที่มันเห็นว่าชัยและผู้หญิงคนหนึ่งยืนคุยกันอยู่ มันหันมองไปโดยรอบด้วยสายตาหวาดระแวง หากแต่ปืนในมือก็ไม่ได้วางที่จะสาดส่องมองหาศัตรูที่คิดว่าจะหลบอยู่แถวนั้น

ในเวลานั้น ขณะที่มันเผลอและหันไปอีกทาง ชัยที่หลบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งก็โผล่ออกมาจากเงามืด พร้อมกับท่อนไม้ที่ฟาดลงไปยังมือของมันจนปืนหลุดไปและทำให้ร่างของมันก็เสียหลักไปข้างหน้าในทันที

ปัง!

ชายหนุ่มเล็งปืนในมือไปยังร่างตรงหน้า พร้อมกับลั่นไกอย่างรวดเร็ว

เสียงปืนดังสนั่น กระสุนแหวกเข้าสู่ร่างของมันจนเลือดกระจาย ไอ้คนนั้นทรุดลงนอนกับพื้น ใบหน้าแหลกลาญ มือทั้งสองที่กุมตรงช่องท้องมีเลือดสีแดงไหลทะลักออกมา ไม่คิดว่าตนจะมาพลาดด้วยวิธีง่ายๆ เช่นนี้เลยสักนิด

“เป็นยังไงบ้างครับ คุณปูเป้...”

หลังจัดการกับไอ้คนนั้นได้แล้ว ชายหนุ่มจึงรีบโผเข้าไปหาปุณชิกาที่ออกมาจากหลังต้นไม้และยืนตัวสั่นด้วยความกลัว

ทว่ายังไม่ทันจะได้มาถึงตัวของหญิงสาวเสียงปืนก็ดังลั่นอีกครั้ง

ปัง!!

“ชัย!!”

หญิงสาวร้องลั่น กรอบหน้าสวยซีดเผือดดวงตาคู่สวยเบิกถลน เมื่อเห็นชัดๆ ว่าไอ้คนที่ทรุดกายลงไปกับพื้นนั้นคว้าปืนและยิงชายหนุ่มที่หันหลังให้มันอย่างรวดเร็ว

ยิ่งมาเห็นเลือดที่ไหลทะลักออกมาของเขาอีก เธอก็แทบจะทรุดกายลงตรงนั้นแต่ยังดีที่ชัยมีสติมากกว่า เขาหันกลับไปและยกปืนขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยมืออันสั่นระริก ก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นอีกนัด

ปัง!

กระสุนร้อนฉ่า แหวกอากาศเจาะเข้าสู่กลางหน้าผากของไอ้คนนั้นอย่างรวดเร็ว ด้วยระยะทางที่ใกล้ขนาดนั้น แม้ว่าคนที่ไม่เคยยิงปืนยังไม่น่าจะพลาด ดวงหน้าของไอ้คนนั้นเหลือกลาญ เลือดสีเข้มไหลทะลักสวนออกมาตรงตำแหน่งเดียวของกระสุนที่วิ่งฝ่าเข้าไป

ร่างนั้นสั่นระริก ปืนยังถือค้างในมือ แต่วิญญาณกลับถูกกระชากออกจากร่างไปแล้ว มันจึงหมดสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้อีกต่อไป

“ชัย...”

ปุณชิกาพยายามข่มเสียงของตัวเองไม่ให้สั่น เพราะเห็นชัดๆ ว่าหลังจากที่จัดการกับไอ้คนนั้นได้แล้ว ชัยก็เข่าทรุดลงไปกับพื้นทันที

“ชัย...นายจะต้องไม่เป็นอะไรนะ ชัย...”

เธอช้อนศีรษะของเขาขึ้นมาหนุนตักตนเอง พร้อมกับมือบางที่จับกรอบหน้าคมของเขา เขย่าเรียกชายหนุ่มด้วยเสียงอันสั่นเทา

“นายจะต้องไม่เป็นอะไรนะ ชัย”

พยายามเป็นที่สุดที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ทว่าเธอก็ไม่สามารถที่จะทำได้อีกต่อไป ต่อมน้ำตามันทะลักทลายออกมา มองที่แผลของเขาแล้วก็ยิ่งใจหาย ตรงตำแหน่งนั้นมีเลือดไหลไม่หยุด หากอะไรไม่สำคัญในตอนที่ร่างคนถูกยิงกลับคลี่ยิ้มด้วยความสุขใจเมื่อเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา

“คะ...คุณปูเป้...คุณ ปะ เป็นห่วง- ผม...”

“คนบ้า ก็เป็นห่วงสิ ลุกขึ้นมาเลยนะ เร็ว เราจะต้องหนีไปด้วยกัน”

เธอเขย่าเรียกเขาเสียงรัวแถมยังสั่นอย่างที่ไม่อาจห้ามได้อีก ในใจยังภาวนาขอให้เขาลุกขึ้นมาให้ได้และวิ่งออกไปข้างหน้าด้วยกันกับเธอ ทว่าสภาพที่เห็นแล้ว ยิ่งทำให้เธอใจหาย เพราะดูแล้วเขาไม่สามารถที่จะทำได้อย่างที่เธอขอให้เป็นสักนิด

แถมในตอนนี้ ท่าทีที่อิดโรยของเขา ยิ่งสร้างความเป็นห่วงให้เธอเป็นยิ่งนัก...ไม่นะ เขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาจะต้องหายและหนีไปพร้อมกับเธอ...

ชายหนุ่มที่อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวคลี่ยิ้ม ในยามที่เห็นกรอบหน้าของเธอแล้ว นอกจากจะทำให้เขาสุขใจแล้ว มันยังทำให้เขารับรู้ได้ถึงกระแสความห่วงใยที่แผ่มาจากเธออีก ไม่เสียแรงที่เขาแอบรักเธอและนี่ก็คงจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะได้รู้จักกับเธอแล้ว เพราะเขารู้ เวลาของตนเองใกล้จะหมดเต็มทีแล้วเหมือนกัน

“คะ-คุณปู...เป้ ผม ดี...ดีใจ ที่ได้ระ รู้จักกับคุณ”

“ฉันก็ดีใจ ชัย ไปเถอะ เราจะต้องไปด้วยกันนะ” เธอเร่งเร้าหากเขากลับส่ายหน้า

“ไม่มี...ประโยชน์- ระ หรอกครับ คะ...คุณ หนีไปเถอะ ทะ...ทางนั้น มีตะ- ตำรวจรออยู่ พวก...เขามาช่วยคะ...คุณ”

น้ำเสียงของชายหนุ่มเริ่มขาดเป็นห้วงๆ พร้อมกับอาการปวดจี๊ดที่แล่นไปทั่วทั้งร่างกาย ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้วที่เขาจะพาเธอหนีไปได้อีก เพราะรู้ตัวดีว่าชีวิตของตนเองคงจะเดินทางและหมดลงเพียงแค่นี้จริงๆ เขาดีใจที่ได้เจอกับเธอ ดีใจที่ได้แอบรักเธอและดีใจที่เห็นเธอเป็นห่วงเขา

เห็นสภาพนั้นแล้ว ปุณชิกายิ่งน้ำตาไหลพราก ทั้งเป็นห่วงเขาและอยากจะช่วยเขาเหลือคณนา หากแต่เธอเป็นผู้หญิง แม้จะพยายามมากเพียงใดที่จะพยุงเขาขึ้น ทว่าก็ไม่อาจทำได้ เธอร้องไห้ฟูมฟายเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้า ที่ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดตนเองต้องมาตายแบบนี้

ไม่...ไม่ได้ เธอจะให้เขาตายไม่ได้

“ชัย เราจะต้องไปด้วยกัน เราจะต้องไปด้วยกันนะ...”

“คุณปะ- ปูเป้ครับ ผะ...ผม ระ...”

พูดได้แค่นั้นสติที่มีเหลืออยู่ก็ดับวูบไป น้ำตาหลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่คม เช่นเดียวกับปุณชิกาที่รู้สึกใจหายในทันทีเมื่อเห็นว่าร่างนั้นซบลงไปอย่างรวดเร็ว โดยยังมีอีกหลายคำที่ยังค้างคาอยู่

“ชัย...ฮือ...ชัย อย่าเป็นอะไรนะ ชัย ฟื้นสิ ชัย...”

เธอโอบกอดร่างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ทั่วร่างกายชาวูบไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้เป็นเช่นนั้น หากสิ่งที่ยืนยันอย่างเด่นชัดอยู่ในขณะนี้ก็คือปฏิกิริยาตอบสนองจากร่างที่อยู่ในอ้อมกอดไม่มีอีกแล้ว

ไม่...ไม่นะ จะต้องไม่เป็นแบบนี้...เธอยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา ไม่นะชัย นายจะต้องฟื้นขึ้นมาสิ นายจะต้องมาฟังความในใจของฉันก่อนสิ

“ฮือ...ชัย นายยังตายไม่ได้นะ ชัย...”

เธอร่ำไห้สะอึกสะอื้น หัวใจสาววูบไหวคล้ายกำลังจะขาดอะไรไปสักอย่าง หรือว่าสิ่งที่เธอรู้สึกจะบ่งบอกให้เธอได้รู้ว่า ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดเวลานี้จะไม่ฟื้นขึ้นมาพูดคุยและให้กำลังใจกับเธออีกต่อไป...



พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2555, 21:30:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2555, 21:30:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1579





<< ตอนที่ ๑๖ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ (๑)   ตอนที่ ๑๘ สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ ๓ >>
pattisa 28 เม.ย. 2555, 21:56:53 น.
อย่าตายนะนายชัย เดี๋ยวปูเป้จะไร้คู่


anOO 29 เม.ย. 2555, 15:21:18 น.
โชว์แมนซะขนาดนี้ นายชัยคงไม่ถึงตายหรอกนะ
อย่าใจเสาะหนีปูเป็ไปซะก่อนล่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account