บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 5 ( เปลี่ยนชื่อ จากบ่วงมาร ค่ะ)
สวัสดีค่ะ มาช้าไปหนึ่งวัน แหะๆ
คราวนี้มีการเปลี่ยนชื่อเรื่องค่ะ จาก บ่วงมาร ที่แต่เดิมใช้ในการประกวด
เป็น บ่วงร้อยรัก ค่ะ ^^ เพื่อให้ความรู้สึกเป็นนิยายรักขึ้นอีกนิด
ยังไงก็ฝากแนะนำ ติ-ชม ด้วยนะคะ
-----------------
หมูอ้วน -- ต้องวัดใจกันแล้วค่ะงานนี้
ปอแก้ว -- ใช่พระเอกไหมน้า... ต้องติดตามค่ะ
-----------------
ตอนที่ 5
ตรีประดับขยับตัวออกห่างจากหน้าต่าง ประณีตซึ่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ เลยสะดุ้งตัวตื่น เด็กสาวตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไประหว่างที่นั่งคอยตรีประดับเข้านอน พักหลังมานี้มีเพียงอุดรเท่านั้นที่ยังนอนในบ้านพักคนใช้ ส่วนคุณแม่บ้านละอองอยู่ดูแลอรรถบนตึกใหญ่ ตัวหล่อนเองก็ยึดเรือนหลังเล็กไว้รับใช้ดูแลตรีประดับ
“ คุณสองจะไปไหนคะ ? ”
คนถูกทักถอนหายใจเฮือก สีหน้าครุ่นคิดหมกมุ่น อากัปกิริยาของตรีประดับทำเอาเด็กสาวรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ ว่าจะลงไปดูคุณแม่หน่อยน่ะ ป่านนี้ยังไม่กลับเลย ”
ประณีตเหลือบตามองนาฬิกา ในใจคิดว่ายังหัวค่ำขนาดนี้นวลอนงค์คงไม่รีบกลับบ้าน ความจริงเด็กสาวอยากจะคิดด้วยซ้ำว่านิสัยของแม่ลูกนั้นแตกต่าง ไม่น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันได้ ในขณะที่ตรีประดับนั้นเรียบร้อย เก็บเนื้อเก็บตัวมิดชิด นวลอนงค์กลับตรงกันข้าม การใช้ชีวิตแทบจะไปกันได้ดีกับมิ่งโมรี ถ้าให้บอกว่าคนทั้งคู่ร่วมสายเลือดเดียวกัน หล่อนยังเชื่อมากกว่า
“ หนูไปด้วยค่ะ ”
คนอ่อนวัยกว่า ขยับตัวลุกโกรกกราก อยากล้างหน้าไล่ความง่วงงุน แต่อดใจไว้ เพราะร่างโปร่งของตรีประดับก้าวหายออกจากห้องไปแล้ว คนเดินตามลอบถอนหายใจอีกครั้ง ไม่อยากนึกสภาพหลังกลับถึงบ้านของนวลอนงค์นัก พักหลังมานี้ มารดาของตรีประดับมักขับรถไปไหนมาไหนเอง ไม่หล่อนก็อุดรต้องอยู่คอยเปิดประตูให้ และถ้าไม่เกรี้ยวกราดโมโหใครสักคนจนต้องลงอารมณ์กับบุตรสาว นวลอนงค์ก็เมาจนแทบจะคลานกลับเข้าบ้าน เลวร้ายยิ่งกว่ามิ่งโมรีที่เคยตะลอนหายไปคืนเว้นคืน กลับอีกทีสว่างเสียอีก
“ ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ออกไปเดินเล่นข้างนอกรอคุณแม่กันนะนิด มองจากหน้าต่างห้องเห็นต้นแก้วออกดอกสวยเชียว แถมยิ่งดึกกลิ่นยิ่งหอมจัด ขอเก็บมาปักแจกันหน้าเตียงสักหน่อย เจ้าของคงไม่ว่าอะไร ”
ประณีตยิ้มเฝื่อน แม้มิ่งโมรีไม่เคยออกปากห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับต้นไม้ของหล่อน แต่ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าไม่สมควรแตะต้องของของหญิงสาวให้ ‘ เป็นเรื่อง ’ ขึ้นมา
“ งั้นเดี๋ยวหนู ไปหยิบผ้าคลุมไหล่มาให้นะคะ ”
ร่างเล็ก รีบกลับขึ้นไปบนห้อง เลือกผ้าคลุมไหล่ผืนสีน้ำเงินบางจากตู้เสื้อผ้า จังหวะที่เดินผ่านหน้าต่างเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะมองหาต้นดอกแก้วตามที่ตรีประดับเปรยถึง และแม้จะเปลี่ยนมุมมองเท่าใด ประณีตก็ยังมองไม่เห็นต้นไม้ของมิ่งโมรีอย่างที่ผู้เป็นนายว่า
“ ตรงไหนวะ ” หากความกลัวว่าตรีประดับจะคอยนานทำให้เด็กสาวไม่ทันใส่ใจ “ มาแล้วค่ะคุณสอง ”
ตรีประดับรับผ้าคลุมไหล่มาห่มร่างกายให้อบอุ่น หญิงสาวก้าวเท้าเร็วๆ เหมือนเร่งรีบออกจากเรือนหลังเล็กจนประณีตเกือบตามไม่ทัน หยาดน้ำค้างยามค่ำในช่วงย่างเข้าฤดูหนาวให้ความเย็นเยียบอย่างประหลาด ตรีประดับก้าวเดินไปตามทางก่อนหยุดชะงักเมื่อสายตาประทะเข้ากับของบางอย่างบนพื้นดินในสวน
“ อะไรน่ะนิด ” เสียงที่เอ่ยถามแผ่วระโหย ร่างโปร่งชาแข็ง คนถูกเรียกให้ดู ก้าวเข้าไปเพื่อหยิบเศษผ้าสีขาวที่ขยุกอยู่บนพื้น ปากพึมพำบอกว่า
“ ผ้าขี้ริ้วมั้งคะ ”
หากแล้วเด็กสาวก็แทบผงะ เมื่อจำได้ว่า เป็นเสื้อคลุมของมิ่งโมรีที่หล่อนเพิ่งซักรีดส่งขึ้นไปให้บนตึกใหญ่ แล้ว...แล้วทำไมถึงมาหล่อนอยู่ตรงนี้ได้
“ มี...อะไรหรือนิด ”
ร่างโปร่งขยับตัวเข้าหารวดเร็ว ประณีตนึกอยากซ่อนเสื้อคลุมนอนของมิ่งโมรีใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้ ตรีประดับมองเศษผ้าในมือประณีตด้วยแววตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะหุนหันก้าวไปยังทางที่มุ่งไปสู่บ้านพักของอุดรโดยมีประณีตวิ่งตามแทบจะล้มลุกคลุกดินกับพื้น
“ นายอุ่น ! นายอุ่น ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะนายอุ่น ”
เสียงดังโกรกกรากของคนที่อยู่ในห้องทำให้ประณีตต้องจับตรีประดับให้ถอยห่างออกมา เด็กสาวยืนมองเหตุการณ์อย่างลุ้นระทึก ไม่อยากคิดว่าถ้ามิ่งโมรีอยู่ที่นี่จริง จะเกิดอะไรขึ้น
“ คุณสองขา ” มือเล็กที่กอบกุมไว้สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้าน ประณีตเรียกตรีประดับอย่างสงสาร
“ นิดอยู่กับฉันนะ อยู่กับฉัน ”
ประตูที่ปิดอยู่เปิดออก สิ่งแรกที่มองเห็นคือความมืด ตามด้วยกลิ่นหอมจนเกือบฉุนของแป้งเย็นทาตัวที่เจ้าของห้องประเคนใส่จนขาววอกไปทั้งหน้า ประณีตกลืนน้ำลาย มองอกกำยำ มีรอยแผลขีดเป็นทางสั้นๆ หลายแห่ง อุดรไม่ได้ใส่เสื้อคนสวนหนุ่มนุ่งกางเกงเลสีดำอวดอกคล้ำเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ขณะที่ตรีประดับเบือนสายตาหนีไปทางอื่น
“ คุณสอง ”
คนงัวเงียเปิดประตูออกมาทำสีหน้างุนงง ตรีประดับหันมองสบดวงตาหรี่เล็กที่มองตรงมาอย่างแปลกใจ ก่อนพุ่งตัวผลักบานประตูให้กว้างออก ร่างโปร่งก้าวเข้าไปในห้องนอนเล็กของคนสวนหนุ่ม กวาดสายตามองหาร่างเล็กผอมที่คิดว่าต้องพบเจอรวดเร็ว แต่ห้องแคบกลับว่างเปล่า พื้นปูนเย็นเฉียบปูเสื่อสีซีดเกือบขาด มีหมอนและมุ้งมัดกระจุกรวมกันไว้ไม่บ่งบอกว่าจะมีใครซุกซ่อนอยู่ได้ เหนือหน้าต่างขึ้นไปคือหมวกและเสื้อคลุมลายตารางที่อุดรมักใส่ติดตัวอยู่เป็นนิจ แขวนพะรุงพะรังรวมกับถุงพลาสติกใส่สบู่ยาสีฟันแบบซื้อแล้วทิ้งซองละไม่กี่บาท สิ่งตกแต่งที่เห็นจะเด่นที่สุดคือลังกระดาษใบใหญ่กองสุมรวมกันไว้ชิดผนังสุดมุมห้อง คล้ายเจ้าตัวเตรียมพร้อมจะจากไปทุกเมื่อ คนก้าวเข้ามายามค่ำยืนอ้ำอึ้ง ประณีตที่แตกตื่นตามผู้เป็นนายเหลียวมองร่างสูงที่หยุดอยู่แค่หน้าประตูตอนตรีประดับบุกรุกค่อยๆ ก้าวเข้ามา อะไรบางอย่างในเนื้อตัวของคนส่วนหนุ่มที่หล่อนนับถือเสมือนญาติพี่น้องทำให้เด็กสาวรู้สึกกลัวหัวหด
“ พี่อุ่นยังไม่นอนอีกเหรอ ”
“ อื้อ...ยัง ”
อุดรตอบง่ายๆ ส่งรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ใบหน้าภายใต้หนวดเครารกอ่อนโยนลง หากแค่เท่านี้เด็กสาวก็โล่งใจแล้วว่า ชายหนุ่มไม่โกรธที่จู่ๆ ก็ต้องต้อนรับตรีประดับในยามวิกาลโดยไม่มีเหตุผล
“ คุณสองมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ ”
คนตามเข้ามาโดยเว้นระยะห่างไว้ตามเดิมถามนอบน้อม เสียงทุ้มที่เจือรอยสุภาพ ทั้งท่าทีย่อตัวเองลงเพื่อพูดคุยให้ความเคารพนายจ้างสาวเป็นอย่างยิ่งทำให้ประณีตที่เผลอจับปลายเสื้อตรีประดับไว้ เด็กสาวหันมองอุดรและตรีประดับสลับกันไปมา โล่งอกลึกๆ ที่ไม่พบมิ่งโมรีอยู่กันสองต่อสองกับคนสวนหนุ่มในห้องนอนที่ไม่มีอะไรเลย
“ มิ่ง...”
ตรีประดับหลุดปากได้แค่นั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น มองท่าทางสงบเสงี่ยม ไร้วี่แววใดๆ ให้จับผิดได้ของคนสวนหนุ่มแล้วรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่ถามหามิ่งโมรีให้อีกฝ่ายยอมรับ ประณีตเองเห็นท่าไม่ดี เด็กสาวเลยแก้ไขสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนใจด้วยการถามว่า
“ พี่อุ่นเห็นคุณมิ่งบ้างไหม ? เมื่อกี้คุณมิ่งแวะไปหาคุณสองที่เรือนเล็ก แล้วลืมเสื้อคลุมไว้ พอออกมาตามเธออีกทีก็ไม่เห็นแล้ว ”
คนที่เดาเหตุการณ์ได้ทั้งหมดพยักหน้าเข้าใจ มองดูประณีตที่ทำตัวเหมือนเรดาร์ตรวจจับกวาดสายตาไปรอบห้อง เบิกตากว้างมองเสื้อชั้นในชิ้นน้อยที่ถูกคลุมปิดด้วยผ้าห่มแต่ยังแฉลบตัวเองออกมาให้เห็นอย่างจง ด้วยใบหน้าซ่อนรอยยิ้ม
“ ไม่เห็น ไม่แน่ว่าเธออาจยังเดินเล่นอยู่ในสวน หรือกลับเข้าบ้านใหญ่ไปแล้ว ”
“ แล้ว…แล้ว…นี่พี่อุ่น ไม่ต้องรอเปิดประตูบ้านเหรอ ”
ประณีตชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าหล่อนคงบอกความรู้สึกทั้งหมด เพราะคนถูกถามจ้องตาวาวกลับมา
“ ไม่ต้อง คุณละอองเพิ่งบอกว่าไม่ต้องรอ คืนนี้คุณนวลจะค้างที่บ้านเพื่อนในสมาคม และบอกด้วยว่าท่านจะโทรศัพท์บอกคุณสองอีกที ”
“ งั้นเราก็กลับกันเถอะนิด ”
ตรีประดับตัดสินใจชวนเด็กสาวกลับ หญิงสาวมองคนที่ยังก้มหน้า เอ่ยเบาๆ ราวกับยกภูเขาทั้งหมดออกจากอกว่า
“ ขอโทษนะ ที่เข้าใจผิด ”
ประณีตพะวักพะวง ก่อนเร่งร้อนตามหลังตรีประดับออกมา เด็กสาวมองชิ้นผ้าในมือแล้วอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองร่างโปร่งระหงที่เดินนำออกมาก่อน ทำไมหนอ ทำไม ตรีประดับถึงแน่ใจว่ามิ่งโมรีอยู่กับอุดร หรือ ผู้เป็นนายจะเห็นภาพอะไรที่ไม่ควรเห็น แล้วคุณมิ่งล่ะหายไปไหน ชุดชั้นในตัวนั้น…ประณีตกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ตลอดเวลาหล่อนไม่เคยเห็นอุดรพาใครเข้าบ้าน ไม่แม้แต่สักครั้งจะเอ่ยถึงเรื่องราวชีวิตส่วนตัว ผู้หญิง เหล้า บุหรี่ กลายเป็นของต้องห้ามในชีวิตของชายหนุ่ม แล้วคนที่วางตัวดีมาตลอดมีเหตุผลอะไรที่จะพ่ายแพ้ให้กับเล่ห์กลของมิ่งโมรี ความคิดของเด็กสาวหยุดลง เมื่อตรีประดับหยุดเดิน จู่ๆ ร่างโปร่งที่เห็นเพียงแผ่นหลังบางก็สะท้านขึ้นลงอย่างคนที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คนอ่อนวัยรีบก้าวไปดักหน้า ถามไถ่ถึงหยาดน้ำตาที่หยดให้เห็นด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า
“ คุณสอง...คุณสองร้องไห้ทำไมคะ ? ”
คนถูกถามปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ขอบตาแดงก่ำ แม้จะร้องไห้จนใบหน้ายับยู่ยี่ แต่คนสวยย่อมสวยอยู่วันยังค่ำ น้ำตาและความอ่อนล้ากับเรื่องที่ได้เจอไม่ได้ทำให้ดวงหน้าหวานดูย่ำแย่ลงเลยสักนิด
“ เจ็บใจตัวเองน่ะนิด วูบนั้นฉันคิดอะไรไม่รู้ ”
ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม ประณีตก็รู้ความหมาย ตรีประดับเลือกที่จะเชื่อใจน้องสาวคนเดียวของหล่อน ในขณะที่เด็กสาวสิ้นศรัทธาไปแล้ว
“ มิ่งจะอยู่กับนายอุ่นได้ยังไง จะไปทำเรื่องบัดสีแบบนั้นได้ยังไง ”
“ หนู...ก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ” ไหนๆ ก็ไหนๆ อย่าให้เรื่องรู้ถึงหูตรีประดับเลยจะดีกว่า ทว่าประโยคต่อมาของตรีประดับกลับเปลี่ยนใจประณีตโดยฉับพลัน
“ ฉันนี่เลวจริงๆ คิดถึงมิ่งในมุมสกปรกแบบนั้นได้ยังไง สมแล้วที่จะถูกมิ่งเกลียด ”
“ มัน…มันก็ไม่แน่หรอกนะคะ ”
“ หมายความยังไง ? ”
ตรีประดับถามเสียงสะอื้น รีบปาดป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า หญิงสาวมองเขม็งไปยังคนที่ยืนกำชุดคลุมของมิ่งโมรีไว้แน่น ที่คราวนี้ทำหน้าเหมือนตกนรกทั้งเป็นขึ้นมาทันที
“ เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า ”
“ นิด ! ” เป็นครั้งแรกที่ตรีประดับตวาดสั่ง ประณีตสะดุ้ง แทบจะร้องไห้เสียเดี๋ยวนั้น
“ คือ…คือหนูเห็นชุดชั้นในของผู้หญิง คล้ายกับของคุณมิ่งที่ห้องของพี่อุ่นเมื่อกี้นี้น่ะค่ะ ”
แค่นั้น ตรีประดับก็ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา ประณีตทรุดตัวลงตาม ก้มตัวลงจับข้อเท้าผู้เป็นนายไว้ ละล่ำละลักบอก
“ คุณสองคะ หนูขอโทษ ”
“ มิ่ง…ทำไม... ทำไมมิ่งทำอย่างนั้น กับนายอุ่นน่ะเหรอ กับคนสวนของบ้านน่ะเหรอ ”
“ บางที มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะคะ หนู…หนู หนูจะลองไปถามพี่อุ่น ไปดูให้แน่ใจอีกที ”
คนอาสาไปดูให้ทำท่าจะลุกพรวดพราดขึ้นหากตรีประดับกลับดึงข้อมือเล็กไว้ ส่ายหน้า
“ อย่านะนิด อย่าไป ”
“ หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ”
“ ไม่นะนิด เราจะทำเป็นเหมือนปกติ…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่า...อย่าให้ฉันต้องรู้อะไรมากกว่านี้เลย ”
คนพูดปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ยิ้มให้เด็กสาวพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มที่ ตรีประดับก้าวกลับไปทางเก่าเหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจาร่าง ทิ้งให้ประณีตยืนอึ้ง มองกลับไปยังบ้านพักคนใช้ของอุดรด้วยแววตารังเกียจ
***
มิ่งโมรีตอบรับเสียงเรียกของนางละอองแม่บ้านเก่าแก่ด้วยการละสายตาจากดอกแก้ว หญิงสาวลุกจากเตียงอย่างโอ้เอ้ ตอนที่คนสูงวัยกว่าเปิดประตูบานเล็กเข้ามา ความเบาหวิวของร่างกาย ทำให้หญิงสาวต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ขยับดูชุดเสื้อผ้ารุ่มร่ามที่ถูกบังคับให้ใส่เหมือนหล่อนเป็นเด็กไม่ประสาด้วยแววตาหงุดหงิด เมื่อคืน…ที่หล่อนไปดักรออุดร ทอดตัวเสนอชายหนุ่มพร้อมคำขอร้องที่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก คงเรียกอาการไข้ให้หวนกลับ หญิงสาวต้องค้นหายาที่มักจะถูกเก็บไว้สุดมุมลิ้นชัก จัดการช่วยเหลือตัวเองโดยไร้การเหลียวแลจากคนที่รอฟังข่าว นางละอองแทบไม่เอ่ยสิ่งใดเลย นอกจากมองหล่อนงุ่มง่ามค้นหาเสื้อหนาวตัวหนาแต่สีสันและลวดลายเก่าเก็บมาใส่ให้อุ่นไว้ จวบจนกระทั่งซุกตัวนอนลงบนเตียง นั่นล่ะ มิ่งโมรีถึงได้รู้ว่าทำผิดมหันต์ หญิงสาวถูกบังคับให้สารภาพว่า หล่อนต้องถอดชุดชั้นในเป็นหลักประกันไว้ที่บ้านพักของคนสวนหนุ่ม ทำเอาคนที่มีสีหน้านิ่งสนิทเกือบตลอดเวลาอดประชดเสียงแข็งไม่ได้ว่า
‘ ทีหลังก็ถอดทั้งชุดนั่นแหละค่ะ จะให้ไปทำไมคะแค่ชิ้นเดียว ’
‘ มิ่งก็อยากทำค่ะ เอาไว้คราวหน้านะคะ จะทำ ’
มิ่งโมรีโต้ตอบไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ยาแก้ไข้ที่เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว หล่อนง่วงจนเกือบหลับ ได้แต่โต้เถียงซ้ำซากด้วยถ้อยคำที่เอาแต่ใจ คำสุดท้ายที่ได้ยินจึงเป็นคำเตือนที่หล่อนไม่แน่ใจในความหมายนัก
‘ ระวังนะคะ คุณจะขว้างงูไม่พ้นคอ ’
มือผอมขยับเปิดม่าน เรียกแสงสว่างเข้าสู่ห้องนอนเล็ก หญิงสาวเกาะขอบหน้าต่างมองลงไปยังจุดที่สามารถเห็นสวนหลังบ้านได้ชัดเจน อุดรไม่ได้อยู่ที่นั่น บางที...ชายหนุ่มอาจถูกนวลอนงค์เรียกใช้ให้ไปที่ไหนสักแห่ง พักหลังมานี้มารดาตรีประดับมีธุระนอกบ้านเกือบทุกวัน แถมยังกลับไม่เป็นเวลาและไม่แวะเวียนมาเยี่ยมอรรถอีกเลยหลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับตรีประดับในครั้งนั้น แน่ล่ะ มิ่งโมรีพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีคนมาก้าวก่ายคอยจับผิด ทางที่หล่อนปูไว้แม้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ควรมีก้อนหินสักก้อนขยับเข้ามากระทบ ส่วนตรีประดับนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้จะแวะเวียนมาหาผู้เป็นบิดา แต่ก็เป็นไปอย่างไร้ตัวตนเต็มที พูดจากันก็แทบจะนับคำได้ มิ่งโมรีเลยเบื่อที่จะระราน อีกอย่างหล่อนเสียเวลาไปมากแล้ว ไม่ควรจะยืดเยื้อให้เรื่องราวบานปลายยิ่งไปกว่านี้ ก่อนตรีนนท์จะกลับ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย พินัยกรรมที่อรรถเขียนไว้ต้องถูกเปิด แค่เท่านี้ ‘ เรื่อง ’ ที่หล่อนต้องทำก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“ นายอุ่นไม่อยู่ ? ”
มิ่งโมรีถาม ปลายน้ำเสียงค่อนข้างแหบเพราะผลพวงจากการตากน้ำค้างทั้งเสื้อผ้าชุดบาง แถมยังก๋ากั่นถอดชุดชั้นในฝากไว้กับคนสวนหนุ่มที่จำเป็นต่อแผน ทุกอย่างที่ทำ ล้วนเดิมพันด้วย ‘ ชีวิต ’ ที่...หญิงสาวไม่ทุ่มสุดตัวไม่ได้
“ ค่ะไม่อยู่ คุณจะรับอะไรดีคะเช้านี้ ”
“ ไปไหนคะ ? ”
คนถูกถามชะงักไปนิด ดวงหน้าเรียบพยายามยิ่งที่จะเก็บอาการไม่ชอบใจไว้มิดชิด มิ่งโมรีคาดเดาทุกอย่างได้จากสีหน้านางละออง เสียงที่เอ่ยตามมาจึงค่อนไปทางปลอบประโลม เอาใจ มากกว่าจะเหนื่อยหน่ายที่ถูกบังคับ
“ งานมิ่งคงไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีนายอุ่นอยู่ด้วย ”
นางละอองสูดลมหายใจลึก กระนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยยังแปร่งปร่าจนคนฟังจับได้ มือกร้านที่พยายามดูแลความเรียบร้อยของห้องนอนเล็กขยับจัดนั่นนี่ เป็นการบอกคนฟังกลายๆ ว่า จะพูดให้น้อยที่สุด สั้นที่สุดจะเข้าใจหรือไม่ก็แล้วแต่มิ่งโมรีจะพิจารณา
“ คุณนวลเรียกใช้ค่ะ มีธุระ ให้พาไปโรงพยาบาล ”
“ ไม่สบาย ? ”
นางละอองสบตาสีน้ำตาลสุกใส มองอาการอยากรู้ของอีกฝ่าย แล้วถอนหายใจยาว ลงท้ายก็ต้องอธิบายรายละเอียดทั้งที่ไม่อยากทำ
“ น่าจะเป็นการไปเยี่ยมคนไข้ที่เธอรู้จักเป็นการส่วนตัวมากกว่าค่ะ เพราะคุณสองไม่ได้ไปด้วย ”
มิ่งโมรีพยักหน้าเข้าใจในคำตอบ ร่างผอมผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้นางละอองจัดเก็บข้าวของน้อยชิ้นในห้องซึ่งเป็นระเบียบอยู่แล้วต่อไปเงียบๆ กลับออกมาอีกทีคนสูงวัยหว่าก็เตรียมพร้อมจะออกจากห้องนอนเล็กแล้ว
“ จดหมายถึงกุลชาติ รู้สึกระยะนี้จะห่างไปจากเดิม ”
คนที่ก้าวออกมาด้วยชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดสายเดียวรัดรูปอวดผิวสีน้ำตาลผ่องเน้นคำ มิ่งโมรีสำรวจตัวเองผ่านกระจก ดวงหน้าถูกจัดตบแต่งไว้เป็นสีจัดเช่นเดิม ก่อนฉาบทับด้วยความกระด้างที่เจ้าตัวบรรจงปรุงแต่งขึ้นมาอย่างจงใจ ลบรอยน่ามองและความอ่อนเยาว์กว่าวัยอย่างที่เจ้าตัวพอใจที่จะเห็นมากกว่าความสดใสเมื่อวันวาน
“ คงเบื่อที่จะเขียนแล้วมั้งคะ ” นางละอองตอบเอื่อยๆ ก่อนออกความเห็นในเรื่องที่นางควบคุมดูแลอยู่ “ วันนี้มีเรื่องมาจากทางคุณนวลค่ะ ”
มิ่งโมรีเปิดรอยยิ้มพอใจ หญิงสาวไม่คิดหรอกว่าในช่วงที่หล่อนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวระราน นวลอนงค์จะอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไร ตรีประดับนั้นไม่ต้องห่วง พี่สาวหล่อนนิสัยต่างจากตรีนนท์ เมื่อถูกสั่งห้ามคนสูงวัยกว่าจะถอยออกไปห่างๆ ไม่เข้ามายุ่งด้วยทันทีเพราะไม่กล้า ผิดกับชายหนุ่มที่เรียนไกลอยู่ต่างประเทศ ซึ่งพยายามยิ่งที่จะเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวในทุกเรื่องที่หล่อนทำ แถมยังรู้ทันในทุกสิ่งที่หญิงสาวคิดไว้ ถ้ามิ่งโมรีไม่ยื่นคำขาด ว่าจะทำลายทุกอย่างในกุลชาติให้ย่อยยับ ตรีนนท์คงไม่วางมือจากหล่อนโดยสงบ กระนั้น คนเป็นพี่ชายยังบังคับให้มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ซึ่งหญิงสาวเกือบยอมรับไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายจะไม่ใช้แผนการจนทำให้ต้องยอมจำนน
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ”
“ สามวันก่อน ตั้งแต่ที่คุณไม่สบาย ”
“ คุณละอองไม่ได้รายงานมิ่ง ”
น้ำเสียงหญิงสาวขุ่นมัว หล่อนควรจะรู้ ‘ ทุกเรื่อง ’ ไม่ใช่แค่ ‘ บางเรื่อง ’ อย่างที่ คุณแม่บ้านเก่าแก่กำลังพยายามทำให้เป็นอย่างนั้น
“ คุณไม่สบาย ดิฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรายงาน เพราะถึงบอกไป คุณจะทำอะไรได้นอกจากนอนฟังข่าวอยู่บนเตียง ”
นางละอองเน้นทุกถ้อยคำเพื่อโต้กลับ มองท่าทีนิ่งงันไปบ้างของคนอ่อนวัยกว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย มิ่งโมรีสูดลมหายใจยาว พยายามสงบจิตใจตัวเองด้วยคำถามที่หล่อนอยากรู้
“ เอาล่ะค่ะ เรื่องของคุณนวลก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง คราวนี้ใครคะ ”
ปลายประโยคน้ำเสียงมิ่งโมรีเข้มขึ้น ร่างผอมนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งลวดลายเก่า มองใบหน้าที่บรรจงแต่งให้มีสีสันฉูดฉาดอย่างที่นวลอนงค์ชอบค่อนแคะว่าแต่งหน้าเหมือนโสเภณีข้างถนน กำพืดหล่อนมาจากไหน ต่อให้เก็บกดไว้เท่าไหร่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกมา เช่นเดียวกับแม่แท้ๆ ของหล่อนที่ชอบแย่งสามีชาวบ้านเพราะไม่มีปัญญาหาเองได้ พอมีลูกเกิดมา แทนที่จะเลี้ยงไว้เอง ก็จับโยนมาให้อรรถที่หน้ามืดตามัวรักลูกโสเภณีข้างถนนมากกว่าลูกในไส้ และเพื่อตอบสนองความคิดของนวลอนงค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มิ่งโมรีเลยเจริญรอยตามผู้เป็นมารดาทุกกระเบียดนิ้ว แย่งผู้ชายทุกคนที่นวลอนงค์คัดสรรมาให้ตรีประดับ แย่งแล้วทิ้งเหมือนทิ้งขยะที่ไม่มีค่าชิ้นหนึ่ง
“ ดิฉันไม่ทราบค่ะ ” คนถูกถามบอกเสียงเรียบ ดวงหน้าค่อนข้างขาวก้มต่ำ การเงียบและไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องราวใดๆ เท่ากับเป็นการเตือนให้หญิงสาวระวังตัว
“ งั้นมิ่งจะลงไปพบเดี๋ยวนี้ จะได้ทราบ ”
มิ่งโมรีใช้แปรงหวีผมยาวๆ ให้สยายเต็มแผ่นหลัง ผมสีดำสนิทล้อมดวงหน้ารูปไข่ สิ่งเดียวที่ไม่ได้ฉาบไล้ให้เป็นสีจัดคือรอบดวงตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเปล่งประกายสุกใส และดวงตากลมวาวนี่เองที่ข่มให้ร่างผอมซึ่งแม้จะแต่งหน้าจัดจ้านยังดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอันแท้จริง
“ ดิฉันยังยืนยันว่า เรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น คุณไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ” นางละอองเตือนอีกครั้ง น้ำเสียงเฉียบขาดกว่าเดิม “ คุณสองควรจะตัดสินใจเอง ไม่ใช่คุณ ”
“ มิ่งทำไม่ได้หรอกค่ะ ” คนถูกเตือนวางแปรงในมือลง ลุกขึ้นยืน ริมฝีปากบางเปิดรอยยิ้มอย่างที่นางละอองไม่ชอบใจเลยเมื่อเอ่ยต่อว่า “ ในเมื่อผู้ชายของคุณสองยังเป็นผู้ชายแบบที่มิ่งชอบ มิ่งก็จะแย่งมา ”
“ มิ่งโมรี... ”
คนสูงวัยกว่าเรียกได้แค่นั้น ก็กดลิ้นตัวเองไว้ นางละอองห้ามตัวเองด้วยการจิกเล็บลงบนมือจนเจ็บ ผิดกับคนอ่อนวัยกว่าที่หัวเราะสดใส หญิงสาวเดินตรงมาเพื่อกอดแม่บ้านเก่าของกุลชาติไว้ เอียงคอกระซิบถ้อยคำที่นางละอองไม่คาดว่าจะได้ยิน แล้วผละถอยห่างออกจากห้องรวดเร็ว
คนถูกทิ้งคลายมือออก ข่มใจให้สงบด้วยการตรวจดูความเรียบร้อยของห้องนอนเล็กอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดคลาดสายตาจึงก้าวออกจากห้อง นางควรวางใจกับการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของคนเป็นแม่ หากนั่นจะไม่ใช่ ‘ แม่ ’ ที่คิดถึงตัวเองก่อนเสมออย่างนวลอนงค์ ผู้ชายทุกคนของตรีประดับเหมือนผู้ซื้อที่เข้ามาตรวจดูสภาพสินค้าว่าควรหยิบมาวางประดับไว้ในบ้านหรือไม่ นวลอนงค์เลือกคู่ชีวิตตรีประดับจากฐานะที่นำเสนอมากกว่าความดีจากภายในที่อยู่ยืนยง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าสุดท้ายความสัมพันธ์ที่เพิ่งก่อร่างมักจบลงก่อนที่จะมีใครเริ่มต้น มิ่งโมรีที่เข้ามาแทรกกลางก็แค่เลือกจังหวะ เสนอภาพลักษณ์ผู้หญิงหน้าตาไม่ดีแต่ฐานะดี ผู้ชายที่ผ่านเข้ามาโดยหวังผลแห่งความสุขสบายเลยผละจากตรีประดับโดยง่าย เพราะแม้หญิงสาวจะพร้อมด้วยรูปสมบัติบวกหน้าที่การงานอันก้าวหน้า แต่เปลือกหลังที่หุ้มห่อไว้คือความจนกับเรือนหลังเล็กท้ายสวนอันอุดอู้
ไม่มีใครอย่างลำบาก...กัดก้อนเกลือกินเพื่อสร้างตัวเองโดยพกแม่ยายที่ผลาญเงินลูกสาวเป็นว่าเล่น มิ่งโมรีรู้ข้อเสียนั้นดีและใช้มันเป็นสิ่งดึงดูดใจแทนเสน่ห์หาที่หล่อนไม่แม้แต่จะมีด้วยซ้ำ
“ ขออนุญาตนะคะ ”
นางละอองหยุดตัวเองยังประตูห้องสุดท้ายริมระเบียงกว้าง เคาะเบาๆ ก่อนผลักเข้าไปช้าๆ เพื่อพบว่าอรรถนอนนิ่งดุจไร้ลมหายใจอยู่บนเตียง อดีตแม่นมมองดวงหน้าซีดที่ต้องแสงสว่าง นางเลี้ยงอรรถมากับมือ รักและให้ความรักเสมือนลูกในไส้ ทว่า การเฝ้าเห็นอรรถเติบใหญ่คงไม่เพียงพอ ชายหนุ่มทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาจนทุกอย่างบานปลาย ก่อนจะหลีกหนีตราบาปในใจด้วยการกลายเป็นเจ้าชายนิทราที่ไม่มีใครรู้วันตื่น
“ อากาศวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ ค่อนข้างร้อนกว่าเมื่อวาน ”
นางละอองเริ่มต้น มองกะละมังใบเล็กมีผ้าขนหนูชุบน้ำแช่อยู่นิ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใครที่เข้ามาคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ
“ คุณมิ่งลงไปข้างล่าง ไปพบผู้ชายคนใหม่ที่คุณนวลหามาให้คุณสอง เธอคงจะแย่ง...สำเร็จเหมือนเคย ”
คนรับใช้เก่าแก่ของกุลชาติเอ่ยเสียงเบา ค่อยๆ ยกแขนที่วางแนบลำตัวของอรรถขึ้น ทำกายบริหารกล้ามเนื้ออย่างที่ทางโรงพยาบาลแนะนำมาช้าๆ ป้องกันอาการหดลีบลงของร่างกายเมื่อต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงนานๆ ป้องกันแผลกดทับที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อละเลยที่จะใส่ใจ
“ คุณจะไถ่บาปนี้ยังไงคะ ”
นางละอองถามด้วยน้ำเสียงสงบ แววตาที่มองอรรถเต็มไปด้วยความอ่อนโยนระคนผิดหวัง
“ คุณฝังความแค้นไว้ในใจของคนๆ หนึ่ง โดยไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้คนๆ นั้นกำลังทวงคืนทุกอย่าง คุณจะทำยังไงคะ ”
แขนผอม ขาวเพราะไม่ต้องแดดเลยเป็นเวลานานที่นางละอองจับอยู่กระตุก ตอบสนองคำพูดจนคนสูงวัยกว่าต้องกลั้นลมหายใจมองนิ่ง อรรถยังมีโอกาสฟื้น เพียงแค่คนในครอบครัวไม่ละทิ้งความหวัง เพียรพยายามพูดคุยด้วยโดยไม่ย่อท้อ สิ่งเดียวที่นางละอองยึดถือและกระทำตามมาโดยตลอดในขณะที่นวลอนงค์ถอดใจตั้งแต่แรกเริ่มน่าจะใกล้วันสัมฤทธิ์ผล
แต่…จะมีประโยชน์อะไรในการยื้อชีวิต คนที่ตายไปแล้วครึ่งชีวิต ฟื้นขึ้นมาเพื่อพบว่าทุกอย่างกำลังจะพังพินาศด้วยน้ำมือตนกระนั้นหรือ อย่างที่อรรถเคยบอกยามเรื่องเกิด แล้วเขาหอบหิ้วเด็กผู้หญิงตัวเล็กเข้ากุลชาติพร้อมประวัติกระดำกระด่างห้อยตามหลัง
มิ่งโมรีไม่ใช่ความหวัง...แต่หล่อนเป็นตัวทำลายความหวังทั้งหมดต่างหาก
สีหน้านางละอองเปี่ยมไปด้วยความกังวล ใจนึกถึงชายหนุ่มที่หล่อนเพิ่งให้ประณีตนำทางไปยังเรือนหลังเล็ก คนที่...นางมองไม่เห็นความรู้สึกใดๆ พาดผ่านแววตานอกจากท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบตัว อะไรบางอย่างเตือนให้นางละอองเริ่มระมัดระวังตัวเอง จดหมายที่ห่างหายไป อาจมีความหมายถึงการมาเยือนโดยตรง ใครคนนั้นกำลังรุกไล่เข้ามาในขณะที่มิ่งโมรีเริ่มต้นแผนของหล่อนช้าๆ อย่างมั่นคง
“ ห่วงใช่ไหมคะ ถ้าห่วง...คุณก็ต้องรีบฟื้นขึ้นมานะคะ ”
***
ตรีประดับผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเมื่อสะดุดสายตาเข้ากับร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว พับแขนไว้ตรงข้อศอกอย่างลวกๆ มืออีกข้างของชายหนุ่มหิ้วสูทสีดำสนิทที่เกือบระพื้นเพราะไม่ทันระวัง ร่างสูงอยู่ใต้ซุ้มกุหลาบ ยืนแหงนเงยขึ้นมองฟ้า ก่อนหลับตาแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มหยักบุ๋ม ชื่นชมดื่มด่ำอยู่กับกลิ่นหอมและตัวดอกที่บานสะพรั่ง ท่าทีวางตัวสบายกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ทำให้คิ้วที่ขมวดเครียดของตรีประดับคลายลง หญิงสาวสืบเท้าเข้าหา เรียกให้คนที่ยืนหันหลังอยู่ หันกลับมามองด้วยคำทักทายสดใส
“ สวัสดีค่ะ ”
คนถูกทักหันกลับมามอง ดวงตาคู่เรียวใต้คิ้วหนาตวัดเฉียงบอกเชื้อสาย ฉายรอยแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าตัวติดกันสีชมพูจางคือผู้ประกาศสาวภาพลักษณ์ดีจากหน้าจอโทรทัศน์ บุคลิกค่อนข้างจริงจังของหญิงสาว สร้างความนิยมให้แก่ตัวหล่อนไม่น้อย ผู้ประกาศข่าวสาวคนแรกและอาจเป็นคนเดียวที่เก็บตัว ไร้ข่าวฉาว ไม่เคยตกเป็นข่าวซุบซิบให้ถูกนินทาเช่นผู้ประกาศข่าวในสถานีอื่นๆ หญิงสาววางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมสมัยใหม่ที่ทุกอย่างฉาบฉวยรวดเร็วจนเกือบกลายเป็นความมักง่าย ทั้งที่หล่อนออกจะดีขนาดนั้นแต่กลับถูกจัดให้ได้อันดับหนึ่งในตำแหน่งหญิงสาวผู้น่าเบื่อ แม่พระที่น่าจะอยู่ตามวัดมากกว่าจะมาเดินหลงอยู่ในเมืองใหญ่ เพราะสิ่งดีงามของหล่อนมาพร้อมกับความจืดชืด เหมือนขนมปังแข็งๆที่ไม่ได้เข้าเตาอบ ชื่อเสียงของตรีประดับเลยอยู่ในฐานะผู้ประกาศข่าวที่ ‘ สมควร’ ยึดไว้เป็นแบบอย่างแต่ไม่มีใครอยากเป็นแบบหล่อน เป็นภาพฝันอันสูงไกลที่น้อยคนนักจะแตะต้องหรือเอื้อมถึง
“ คุณสอง ? ”
ริมฝีปากบางสวยดุจสตรีคลี่รอยยิ้มกระจ่าง ตรีประดับรู้สึกดวงหน้าร้อนผ่าว ยามสบดวงตาคมที่หยี่เล็กลง ผมสีดำสนิทปัดเป๋ตามแรงลมพัด หากแทนที่จะลบความน่าดูออกไป กลับกลายเป็นว่ายิ่งเสริมให้ชายหนุ่มตรงหน้าสดใสมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนแสงอาทิตย์ในยามเช้าของวันที่หล่อนไม่ได้เห็นมานานแสนนาน
“ คุณมาเช้าไปนะคะ เพราะมิ่งคงยังไม่ตื่น ”
ตรีประดับยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ศีรษะทุยได้รูปสวยก้มดูเวลาที่ข้อมือแล้วนิ่งไปนิดเพื่อทวนความจำว่าเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนหรือไม่ เพราะผู้ชายที่นวลอนงค์ ‘ เลือก ’ ให้ด้วยการอ้างถึง ‘ อนาคตที่ดี ’ ถ้าไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ก็มักพบเจอได้ในแวดวงสังคม ที่อาชีพการงานบังคับทำให้หล่อนต้องพบปะผู้คนอยู่เสมอ ที่สำคัญ มารดาหล่อนไม่เคยอนุญาตให้ใครล่วงล้ำเข้ามาถึงอาณาเขตเรือนหลังเล็กด้วยเหตุผลง่ายๆ
‘ อายคนเค้าตายชัก เป็นเมียหลวงแท้ๆ แต่กลับระเห็จมาอยู่เรือนหลังเล็ก นามสกุลผัวก็ไม่ได้ใช้ ’
‘ อย่างนี้ ทางนั้นเค้าจะยิ่งหาว่าเราหลอกลวงนะคะแม่ ’
ตรีประดับเคยหยั่งเชิง แย้งผู้เป็นมารดาเรียบๆ แต่ก็เท่านั้น เมื่อไหร่ที่นวลอนงค์ยึดมั่นในความคิดตนแล้ว ใครก็ยากจะเปลี่ยน
‘ หลอกที่ไหน ก็แค่ค่อยๆ บอก ’ หากคำว่า ค่อยๆ บอกของมารดาไม่เคยมาถึง ชายหนุ่มส่วนใหญ่มักเปลี่ยนใจง่ายๆ เมื่อมิ่งโมรีลงมาตีสนิท ยังความเจ็บแค้นให้ผู้ที่เฝ้าดูไม่น้อย
‘ หมด ! หมดไม่มีเหลือ ถูกอีลูกโสเภณีมันคาบไปหมด ’
คนตรงหน้าจึงเป็นรายแรกที่ก้าวมาถึงในส่วนที่นวลอนงค์พยายามปิดตายไว้ นั่นหมายความว่าชายหนุ่มต้องมีความสำคัญไม่น้อยต่อผู้เป็นมารดา
“ คุณมิ่ง ? ”
คนยืนอยู่ทวนชื่อที่ได้ยินซ้ำ สีหน้ายังไม่คลายความแปลกใจ ตรีประดับเพิ่งรู้สึกว่าหล่อนคิดอะไรเพลินก็ตอนได้ยินประโยคสุดท้ายเป็นเชิงถามจากชายหนุ่มว่า
“ ยังไม่ตื่น ? ”
“ ค่ะ มิ่งค่อนข้างตื่นสายประจำ อาจจะเที่ยงๆ คุณถึงจะได้พบเธอ ” ตรีประดับยิ้มแล้วขมวดคิ้วมุ่น ถามด้วยน้ำเสียงเบาลงกว่าเดิมว่า “ ขอโทษนะคะ คุณไม่ใช่...คนที่มารับมิ่งออกไปเที่ยวทุกคืนหรอกเหรอคะ ? ”
“ เปล่าครับ ”
เสียงทุ้มเจือรอยหัวเราะ ทำให้ดวงหน้าขาวสว่างหน้ามอง ผู้ชาย...ที่ยามอยู่เฉยงดงามราวรูปสลักหากยามยิ้มก็เหมือนโลกทั้งโลกจะหยุดไว้อยู่ในมือของอีกฝ่าย
“ ผมเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ”
“ ตายจริง ” ตรีประดับอุทาน ดวงหน้าหวานแดงซ่าน ยกมือขึ้นทัดปอยผมยาวที่ตกลงมาแก้เก้อ บอกเขินๆ ในความไม่รู้ด้วยน้ำเสียงอ่อนใจต่อนิสัยช่างลืมของตัวเอง “ ขอโทษด้วยนะคะ ที่คิดว่าเป็นคนเดียวกัน ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแค่ฟังเฉย ไม่ถือสา แถมยังยิ้มเอ็นดูที่หล่อนปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มให้วิ่งเล่นสนุก หญิงสาวเลยกล้าเสริม แก้ต่างเพื่อคลายความเข้าใจผิดแทนคนที่ถูกพูดถึงว่า
“ มิ่งมนุษย์สัมพันธ์ดีค่ะ เลยทำให้มีเพื่อนผู้ชายค่อนข้างเยอะ เป็นผู้หญิงที่ทำให้คนอื่นหลงรักได้ง่ายๆ ขนาดดิฉันกับคุณแม่ช่วยกันจำก็แล้ว ยังจำได้บ้าง...ไม่ได้บ้าง ”
ดวงตาคมเป็นประกายระยับ ฟังตรีประดับให้คำแนะนำด้วยสีหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม หญิงสาวเองก็เล่าเพลิน เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ตั้งอกตั้งใจฟังหล่อนพูด
“ มิ่งอาจจะชอบของขวัญที่ดูมีราคามากหน่อย ชอบกลางคืน และก็ชอบคนตามใจไม่ทำให้หงุดงิด แต่นั่นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะชนะใจ ”
“ อ้อ...”
“ คุณคงต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อที่จะชนะใจ ” ตรีประดับบอกเสียงใส พึมพำบอกตัวเองเช่นเดียวกันว่า “ ดิฉันเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเหมือนกัน ”
“ ขนาดพี่สาวยังต้องพยายาม ผมคงแย่แน่ๆ ”
“ ยกเว้นดิฉันค่ะ มิ่งไม่เคยรักพี่สาวอย่างดิฉันเลย ”
ตรีประดับว่าเสียงเบา สีหน้าหมองลง หญิงสาวเงียบไปขณะที่คนฟังไม่ออกความเห็น กระทั่งหล่อนเชิดหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก ยิ้มให้ชายหนุ่มเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยนั่นล่ะอีกฝ่ายถึงได้ยิ้มตอบมาราวกับให้กำลังใจ
“ คุยตั้งนาน และคุณคงรู้จักดิฉันแล้ว แต่ว่า...”
“ เรียกผมว่าเทียนง่ายกว่า ”
“ ค่ะ ”
ตรีประดับยิ้มรับ มองกอกุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมระรวยอย่างลังเลใจ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่คงจับกิริยาหล่อนได้ เลยถามแทนหล่อนเหมือนนั่งอยู่กลางใจว่า
“ อยากรู้ว่าผมทำอาชีพอะไรใช่ไหม ”
คนตัวสูง ดวงหน้าขาวจัด ริมฝีปากแดงมีรอยยิ้มแต้มเสมอ เปลี่ยนแววตาเป็นเจ้าเล่ห์มองตรงมาที่ตรีประดับอย่างสื่อความหมาย ผู้ประกาศสาวก้มหน้าหลบ ขัดเขินจนวางตัวไม่ถูก ผู้ชายคนนี้ยิ้มแล้วทำให้โลกสว่างไสว แม้แต่บรรยากาศยามเช้าที่แสงแดดเริ่มลงจัดก็ยังเปลี่ยนเป็นละมุนละไมเพียงรอยยิ้มเดียวของอีกฝ่าย
“ ผมทำอาชีพเกี่ยวกับ...รถยนต์ ”
“ ขอโทษที่ละลาบละล้วงนะคะ แต่ดิฉันถูกมิ่งสั่งให้ถามประวัติคนที่มาหาน่ะค่ะ จะด้วยวิธีไหนก็ต้องรู้ให้ได้ และถ้า...”
“ ถ้ารวยน้อยกว่า คุณมิ่งน้องสาวคุณคงสั่งให้ไล่ผมไปไวๆ ”
ชายหนุ่มแทรกขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ดวงตาฉลาดเฉลียวเป็นประกายประหลาด ตรีประดับยิ้มฝืน ต้องเปลี่ยนเรื่องว่า
“ ยังไงให้ ดิฉันพาคุณเข้าไปรอมิ่งที่บ้านหลังใหญ่ดีกว่าค่ะ เพราะนอกจากต้นไม้แล้ว เรือนหลังเล็กก็ไม่มีอะไรน่าดูอีก ”
“ ของบางอย่าง แค่ใช้สายตาดูคงไม่ได้ เปลือกนอกที่หุ้มไว้ อาจทำให้คนเราไขว้เขวได้เสมอ ”
“ คะ ? ”
คนไม่เข้าใจความหมายในคำที่เอ่ยเลิกคิ้วถาม ขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะเปิดเผย ดวงตาระยิบพราวแข่งกับแสงของดวงตะวัน
“ ผมก็แค่พูดเรื่อยเปื่อย คุณสองอย่าสนใจเลย ”
คนถูกห้ามไม่ให้สนใจเลยเดินนำชายหนุ่มไปยังบ้านใหญ่ หากก้าวไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ตรีประดับก็คะมำไปข้างหน้า ดีแต่ว่าคนตามหลังมาดึงแขนหล่อนไว้ได้ทัน ที่จะล้มเลยกลายเป็นว่าร่างโปร่งปลิวเข้าสู่อ้อมอกของชายหนุ่มแทน
“ ขอบคุณค่ะ ”
ร่างโปร่งขยับตัวกุกกัก พยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนที่จงใจรัดแน่น คนรุกรานหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ หากไม่วายอ้อยอิ่งอยู่กับเรือนผมหยิกยาวที่ม้วนเป็นลอนสวย ตรีประดับก้มหน้างุด หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าคนยืนอยู่ตรงข้ามจะได้ยินด้วยซ้ำ หากท่าทีเป็นปกติของอีกฝ่าย ดุจเรื่องที่ทำนั้นแสนธรรมดาทำให้ผู้ประกาศข่าวสาวสงบใจตัวเองลง หล่อนจะตื่นเต้นหวั่นไหว ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ความในใจไม่ได้เด็ดขาด
“ ผมไม่รู้จักคุณมิ่งอะไรนั่น และคนที่ผมมาพบ ก็ไม่ใช่น้องสาวคุณ ” คนเล่า เล่าง่ายๆ เฉลยทุกอย่างด้วยน้ำเสียงสบายๆ หากคนฟังถึงกับผงะถอย ไม่แน่ใจจนต้องถามซ้ำ
“ คะ ? คุณว่าอะไรนะคะ ”
“ ผมเป็นแขกของคุณนวลอนงค์ ”
ชายหนุ่มสารภาพช้าชัด ก้มตัวลงหยิบเสื้อสูทที่ตกขึ้นสะบัดโดยไม่เกรงว่าฝุ่นจากผืนดินจะปลิวกระจายใส่หญิงสาวที่ยืนตะลึงอยู่ ตาสบตา ตรีประดับเห็นรอยยิ้มที่หล่อนเพิ่งชื่นชมว่าสามารถกอบกุมโลกไว้ทั้งโลกชัดแจ้ง
“ คุณนวลอนงค์จ้างผมมา เมื่อกี้ผมบอกว่าทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ใช่ไหม ผมขับรถแท็กซี่น่ะคุณ ”
คนรับฟังไม่แน่ใจสภาพตัวเองนัก รู้สึกเหมือนถูกตีด้วยไม้หน้าสามจนชาไปทั้งตัว หญิงสาวเกือบก้าวเท้าถอยห่างจากร่างสูง ถ้าไม่คำนึงถึงมารยาทที่ควรวางไว้ ตรีประดับคงกระทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายรู้ว่าหล่อนไม่พอใจ ดังนั้น แทนที่จะหันหลังกลับออกจากสวนเล็กโดยเร็วอย่างใจคิด ตรีประดับจึงยังยืนอยู่ สมกับที่ผู้เป็นมารดาชื่นชมเสมอว่าหล่อนเหมาะแล้วสำหรับกุลชาติ เหมาะแล้วสำหรับสังคมชั้นสูงที่ในอนาคตข้างหน้านี้คนเป็นแม่ต้องดันหล่อนให้เข้าไปให้ได้
“ เมื่อกี้ผมให้เด็กผู้หญิงที่ทำงานอยู่ที่นี่ไปที่อื่น ”
ชายหนุ่มหันมองรอบตัว ชี้นิ้วโบ้เบ้ไปมา ไม่สนใจท่าทีเหมือนเก็บกลืนยาขมของผู้ประกาศข่าวสาว มือเรียวขาวแตะกลีบกุหลาบอย่างสนใจเป็นพิเศษ ท่าทีนั้นละมุนละไมจนยากจะเดาได้ว่าพื้นเพของอีกฝ่ายมีแค่นั้นจริงๆ
“ กลัวถูกจับได้น่ะ ว่าไม่ใช่ผู้ดีจริง ? ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ”
“ จนยังไงล่ะ ผมจนกว่าที่คุณคิดเยอะเลย ” ดวงตาคมเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม ไล่สายตาผ่านร่างโปร่งระหงอย่างจาบ
จ้วง ตรีประดับรีบยกมือขึ้นกอดตัวเองไว้ คนยืนอยู่เลยยิ่งยั่วได้การยื่นหน้าเข้ามาทำท่าสูดกลิ่นหอมจากเนื้อตัวอีกฝ่าย ที่ถอยกรูดเพราะตกใจอย่างรวดเร็ว
“ คุณ ! ”
“ เอะอะอะไร อ้าว มาแล้วเหรอ ? แล้วนี่ยัยสองมาทำอะไรที่นี่ ”
ตรีประดับขยับตัวถอยห่าง หลบสายตามารดาที่มองมาให้พ้นพิรุธ หญิงสาวขยับเข้าซ่อนตัวด้านหลังนวลอนงค์ ไม่สบตาคนยืนอยู่เลยสักนิดตอนที่ตอบว่า
“ สองมาเก็บดอกกุหลาบน่ะค่ะแม่ แล้วบังเอิญพบคนของคุณแม่เข้า ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ยกมือไหว้ปลก แย้มยิ้มสดใส ทว่า นวลอนงค์ไม่สนใจรับไหว้ ไม่แม้แต่จะยิ้มตอบ นางสั่งด้วยสีหน้าอยากรู้ให้ชายหนุ่มหมุนตัวให้ดูจนถ้วนทั่ว ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อพบแต่ความสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ
“ แกดูดีกว่าที่ฉันคิดมาก ”
“ เงินคุณนวล ทำให้แม้แต่ขอทาน ก็กลายเป็นหลานชายเศรษฐีได้ คุณสองยังเชื่อผมเสียสนิท ใช่ไหมครับ ? ”
ท้ายประโยคคนพูดหลิ่วตามองผู้ประกาศขาวสาว คนถูกกระทบหันมองขวับ เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จา
“ ขนาดหลอกยัยสองได้ ก็แสดงว่าเก่งไม่เลว หน้าตาผิวพรรณใช้ได้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าแกมาจากสลัม กินนอนอยู่ข้างถนน ”
“ คุณแม่คะ ” ตรีประดับเรียกมารดา ตัดบทก่อนที่นวลอนงค์จะขุดประวัติคนตรงหน้าออกมาบรรยายให้หล่อนรู้ไปมากกว่านี้ “ ผู้ชายคนนี้บอกว่าคุณแม่จ้าง คุณแม่จ้างมาทำไมเหรอคะ ? ”
ถึงชายหนุ่มที่มารดาจ้างมาจะดูดีมากตามคำชม แต่เมื่อสังเกตให้ดีกิริยาบางอย่างของอีกฝ่ายนั้นขัดตาอย่างเห็นได้ชัด พอไม่ต้องเก็บอาการ ชายหนุ่มก็แทบจะแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น ทั้งท่าทางกรุ้มกริ่ม หลุกหลิก กิริยาพยายามตีเสมอของคนตรงหน้า ทำให้ตรีประดับต้องข่มใจหันมองไปทางอื่น หล่อนจะพูดอย่างไรได้ว่าอีกฝ่ายไม่น่าไว้วางใจ
“ ก็จ้างมาให้จีบแกน่ะสิ ”
ผู้เป็นมารดาตอบเสียงเฉย ขณะที่คนอ่อนวัยกว่านิ่งอึ้งหันมองคนเป็นแม่อย่างตกใจ นวลอนงค์มองกิริยาลูกสาวแล้วให้หงุดหงิด ย้ำเสียงแข็งให้ตรีประดับรู้ตัวว่าทั้งหมดที่นางทำก็เพื่อความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายทั้งนั้นหาใช่เพื่อตัวนางไม่
“ คุณแม่รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา ”
“ อะไรกันยัยสอง โน่นนี่ก็ไม่พอใจ จะเอายังไงกับฉัน นี่มันเรื่องของแกทั้งนั้นนะ ฉันอุตส่าห์ช่วยแล้วยังมาทำหน้าทำตาไม่พอใจ ”
“ ถ้าเป็นเรื่องของสองจริง คุณแม่คงไม่พยายามเข้ามายุ่ง ”
“ นี่แกจะเป็นแม่ฉันหรือยังไง นังเด็กโง่นี่ อย่ามาทำสะบัดสะบิ้งนะ ”
นวลอนงค์ตวาดอย่างมีอารมณ์ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ผิวปากหวือ ตรีประดับกำมือแน่นตวัดสายตามอง ‘ผู้ชาย ’ ที่มารดาเลือกให้ ก่อนถามนวลอนงค์ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นยิ่งกว่าเดิมว่า
“ คุณแม่จะทำอะไรคะ ”
“ ฉันอยากเห็นนังเด็กนรกนั่นมันเต้นเป็นเจ้าเข้าน่ะสิ คิดว่ามีแต่ผู้ลากมากดีมาชอบแกอีกหรือไง ฉันจะจัดยาจกให้มันไปนอนกกสักคืนสองคืน ทีนี้ล่ะจะได้รู้รสว่าโลกถล่มมันเป็นยังไง ”
นวลอนงค์เอ่ยอย่างหมายมาด ก่อนหันมาใช้น้ำเย็นเข้าลูบเมื่อดูแล้วตรีประดับคงไม่ยอมทำตามแน่
“ ฉันเลือกคนของฉันไว้ให้แกแล้วยัยสอง แต่ขืนส่งมาให้แกตรงๆ นังเด็กบ้านั่นได้คาบไปกินเหมือนเดิม แกมันเคยทันคนเสียที่ไหน ฉันเลยคิดแผนนี้ขึ้นมา และถ้ามันไปได้สวย... ”
คนสูงวัยกว่ายิ้มย่อง ตรีประดับถอนหายใจยาว อยากบอกมารดาเหลือเกินว่า มิ่งโมรีนั้นไม่โง่ คนอ่อนวัยกว่าฉลาดกว่าที่คิด แค่โทรศัพท์กริ๊งเดียว ทนายความของกุลชาติที่ถือหางน้องสาวหล่อนอยู่คงรีบสืบสาวประวัติชายหนุ่มตรงหน้าแล้วแผ่ประจานให้ฟังทันที ทีนี้เลือกราวก็จะลุกลามใหญ่โต ไม่ใช่แค่เรือนหลังเล็กที่จะไมได้อยู่ หล่อนและคนเป็นแม่อาจต้องระเห็จออกจากกุลชาติ ไร้ที่หลักปักที่นอนเป็นแน่
“ แกเองก็ต้องเล่นละครไปกับฉันด้วยเข้าใจไหมยัยสอง ” นวลอนงค์ลูบแขนลูบไหล่ลูกสาว ปลอบประโลมให้คล้อยตาม “ เราจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ แกกับฉันได้กระเด็นออกจากบ้านไปใช้ชีวิตข้างถนนสมใจนังเด็กนั่นแน่ ”
“ คุณนวลไว้ใจผมได้เลยครับ ผมจะจีบคุณมิ่งให้สำเร็จ แล้วส่งคุณสอง ลูกสาวคุณนวลไปสู่ประตูสวรรค์เอง ”
ชายหนุ่มแทรกขึ้นเบาๆ ขณะที่ตรีประดับพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันมองอีกฝ่ายอย่างรังเกียจ
“ ลูกสาวฉันไม่ใช่คนตาย ถึงต้องให้แกส่งไปสวรรค์ ”
นวลอนงค์แวดเสียงแหลมถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่จ้างวานมาดันตัวตรีประดับไปด้านหลังอย่างแหนหวง พร้อมกำชับเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่หล่อนจ้างมากำเริบเกินหน้าที่
“ แกแค่ทำตามที่ฉันบอก ประวัติอะไรที่สั่งให้จำ แกต้องจำให้ได้ เรื่องอื่นอย่าสะเออะเข้ามายุ่ง ”
“ ผมจำได้ขึ้นใจแล้วครับ ”
“ งั้นก็ดี แล้วแกมาที่นี่มีใครเห็นหรือเปล่า ? ” นวลอนงค์ถามระแวง นางไม่ต้องการให้ความแตกก่อนที่ทุกอย่างจะสำเร็จ มิ่งโมรีต้องตกนรกทั้งเป็นเหมือนกับนาง !
“ มีผู้หญิงแก่ สั่งให้ผมเดินตามเด็กรับใช้มาที่นี่ ”
“ นังละออง จำไว้นะว่าแกต้องระวังยัยแม่บ้านนั่นไว้มันเป็นเสือซ่อนเล็บเห็นเงียบๆติ๋มแต่ร้าย ส่วนนังเด็กนิดี่พาแกมาที่นี่มันไว้ใจได้เพราะมันรักยัยสอง นี่เดี๋ยวแกกลับไปที่บ้านใหญ่ ทำทีเป็นว่ามารับยัยสองแต่นั่งรอผิดบ้าน แล้วถ้านังเด็กบ้านั่นมันลงมาหา แกก็ทำเหมือนรังเกียจ ท้าทายมันเข้าไว้มันจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ”
คนฟังคำสั่งซ่อนรอยยิ้มขัน แกล้งถามเสียงซื่อ หน้าซื่อว่า
“ ผมต้องบอกประวัติตามที่คุณนวลจดมาให้ด้วยหรือเปล่า ”
“ บอกไปสิ บอกไปว่าแกชื่อเทียนสรวง เป็นหลานชายเจ้าสัวธนา นามสกุลอะไร จบมาจากที่ไหน บอกให้หมด ”
“ แล้วถ้าเกิดตัวจริงเค้าโผล่มา… ”
นวลอนงค์ตวัดสายตามอง เอ่ยย้ำเสียงเหี้ยม
“ ฉันคิดว่าแกจะทำงานของฉันเสร็จก่อนที่ หลานชายเจ้าสัวจะกลับมา ระหว่างนั้น ฉันอนุญาตให้แกทำได้ทุกอย่าง ฉุดมันลงนรกไปได้ด้วยยิ่งดี ถ้าแกทำได้ ฉันจะจ่ายเงินให้อีกก้อนหนึ่งเป็นรางวัลพิเศษ แต่ถ้าแกมีปัญหามากนัก ฉันก็มีวิธีจัดการแกให้หมดปัญหาได้เหมือนกัน ”
“ ผมไม่มีทางทำให้นายจ้าง ที่จ่ายเงินงามอย่างคุณนวลผิดหวังเด็ดขาด ”
“ ดี ! จำคำพูดแกไว้ให้ดี ไป...ยัยสองไปเตรียมตัว เดี๋ยวค่อยตามมันไปที่บ้านโน้น ”
นวลอนงค์เดินกลับเข้าบ้านอย่างหมดธุระ ตรีประดับมองชายหนุ่มที่ขยับสวมเสื้อสูทให้เข้าที่ด้วยมาดที่กลมกลืน อย่างระแวงไหว คนถูกมองกระแอมกระไอเล็กน้อย ถ่มน้ำลายลงบนมือแล้วถูกทำความสะอาดกับกางเกง พร้อมยื่นตรงหน้าหญิงสาว
“ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณสอง ผมเทียนสรวง เรียกสั้นๆ ว่าเทียน ก็ได้ ”
เทียนสรวงเอ่ยยิ้มๆ หวังได้รับไมตรีจิตเหมือนที่เคยได้ ทว่า สิ่งที่ได้รับกลับเป็นหยาดน้ำตาที่กลิ้งผ่านสองข้างแก้มของตรีประดับ ผู้ประกาศสาวร้องไห้จนหลังไหล่สะเทือน
“ ฉันไม่รู้จักคุณ ? ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ ผละหนีจากชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนกระต่ายบาดเจ็บ คนถูกทิ้งยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ลดมือที่ยื่นค้างลงสอดเข้ากระเป๋า เอ่ยกับตัวเองด้วยสีหน้าพอใจ
“ ตรีประดับ มิ่งโมรี จะเลือกใครดี ไอ้เทียน ! ”
***
โปรดติดตามตอนต่อไป...
คราวนี้มีการเปลี่ยนชื่อเรื่องค่ะ จาก บ่วงมาร ที่แต่เดิมใช้ในการประกวด
เป็น บ่วงร้อยรัก ค่ะ ^^ เพื่อให้ความรู้สึกเป็นนิยายรักขึ้นอีกนิด
ยังไงก็ฝากแนะนำ ติ-ชม ด้วยนะคะ
-----------------
หมูอ้วน -- ต้องวัดใจกันแล้วค่ะงานนี้
ปอแก้ว -- ใช่พระเอกไหมน้า... ต้องติดตามค่ะ
-----------------
ตอนที่ 5
ตรีประดับขยับตัวออกห่างจากหน้าต่าง ประณีตซึ่งฟุบหลับอยู่ข้างๆ เลยสะดุ้งตัวตื่น เด็กสาวตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไประหว่างที่นั่งคอยตรีประดับเข้านอน พักหลังมานี้มีเพียงอุดรเท่านั้นที่ยังนอนในบ้านพักคนใช้ ส่วนคุณแม่บ้านละอองอยู่ดูแลอรรถบนตึกใหญ่ ตัวหล่อนเองก็ยึดเรือนหลังเล็กไว้รับใช้ดูแลตรีประดับ
“ คุณสองจะไปไหนคะ ? ”
คนถูกทักถอนหายใจเฮือก สีหน้าครุ่นคิดหมกมุ่น อากัปกิริยาของตรีประดับทำเอาเด็กสาวรู้สึกไม่ชอบมาพากล
“ ว่าจะลงไปดูคุณแม่หน่อยน่ะ ป่านนี้ยังไม่กลับเลย ”
ประณีตเหลือบตามองนาฬิกา ในใจคิดว่ายังหัวค่ำขนาดนี้นวลอนงค์คงไม่รีบกลับบ้าน ความจริงเด็กสาวอยากจะคิดด้วยซ้ำว่านิสัยของแม่ลูกนั้นแตกต่าง ไม่น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกันได้ ในขณะที่ตรีประดับนั้นเรียบร้อย เก็บเนื้อเก็บตัวมิดชิด นวลอนงค์กลับตรงกันข้าม การใช้ชีวิตแทบจะไปกันได้ดีกับมิ่งโมรี ถ้าให้บอกว่าคนทั้งคู่ร่วมสายเลือดเดียวกัน หล่อนยังเชื่อมากกว่า
“ หนูไปด้วยค่ะ ”
คนอ่อนวัยกว่า ขยับตัวลุกโกรกกราก อยากล้างหน้าไล่ความง่วงงุน แต่อดใจไว้ เพราะร่างโปร่งของตรีประดับก้าวหายออกจากห้องไปแล้ว คนเดินตามลอบถอนหายใจอีกครั้ง ไม่อยากนึกสภาพหลังกลับถึงบ้านของนวลอนงค์นัก พักหลังมานี้ มารดาของตรีประดับมักขับรถไปไหนมาไหนเอง ไม่หล่อนก็อุดรต้องอยู่คอยเปิดประตูให้ และถ้าไม่เกรี้ยวกราดโมโหใครสักคนจนต้องลงอารมณ์กับบุตรสาว นวลอนงค์ก็เมาจนแทบจะคลานกลับเข้าบ้าน เลวร้ายยิ่งกว่ามิ่งโมรีที่เคยตะลอนหายไปคืนเว้นคืน กลับอีกทีสว่างเสียอีก
“ ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว ออกไปเดินเล่นข้างนอกรอคุณแม่กันนะนิด มองจากหน้าต่างห้องเห็นต้นแก้วออกดอกสวยเชียว แถมยิ่งดึกกลิ่นยิ่งหอมจัด ขอเก็บมาปักแจกันหน้าเตียงสักหน่อย เจ้าของคงไม่ว่าอะไร ”
ประณีตยิ้มเฝื่อน แม้มิ่งโมรีไม่เคยออกปากห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับต้นไม้ของหล่อน แต่ทุกคนในบ้านต่างรู้ดีว่าไม่สมควรแตะต้องของของหญิงสาวให้ ‘ เป็นเรื่อง ’ ขึ้นมา
“ งั้นเดี๋ยวหนู ไปหยิบผ้าคลุมไหล่มาให้นะคะ ”
ร่างเล็ก รีบกลับขึ้นไปบนห้อง เลือกผ้าคลุมไหล่ผืนสีน้ำเงินบางจากตู้เสื้อผ้า จังหวะที่เดินผ่านหน้าต่างเด็กสาวอดไม่ได้ที่จะมองหาต้นดอกแก้วตามที่ตรีประดับเปรยถึง และแม้จะเปลี่ยนมุมมองเท่าใด ประณีตก็ยังมองไม่เห็นต้นไม้ของมิ่งโมรีอย่างที่ผู้เป็นนายว่า
“ ตรงไหนวะ ” หากความกลัวว่าตรีประดับจะคอยนานทำให้เด็กสาวไม่ทันใส่ใจ “ มาแล้วค่ะคุณสอง ”
ตรีประดับรับผ้าคลุมไหล่มาห่มร่างกายให้อบอุ่น หญิงสาวก้าวเท้าเร็วๆ เหมือนเร่งรีบออกจากเรือนหลังเล็กจนประณีตเกือบตามไม่ทัน หยาดน้ำค้างยามค่ำในช่วงย่างเข้าฤดูหนาวให้ความเย็นเยียบอย่างประหลาด ตรีประดับก้าวเดินไปตามทางก่อนหยุดชะงักเมื่อสายตาประทะเข้ากับของบางอย่างบนพื้นดินในสวน
“ อะไรน่ะนิด ” เสียงที่เอ่ยถามแผ่วระโหย ร่างโปร่งชาแข็ง คนถูกเรียกให้ดู ก้าวเข้าไปเพื่อหยิบเศษผ้าสีขาวที่ขยุกอยู่บนพื้น ปากพึมพำบอกว่า
“ ผ้าขี้ริ้วมั้งคะ ”
หากแล้วเด็กสาวก็แทบผงะ เมื่อจำได้ว่า เป็นเสื้อคลุมของมิ่งโมรีที่หล่อนเพิ่งซักรีดส่งขึ้นไปให้บนตึกใหญ่ แล้ว...แล้วทำไมถึงมาหล่อนอยู่ตรงนี้ได้
“ มี...อะไรหรือนิด ”
ร่างโปร่งขยับตัวเข้าหารวดเร็ว ประณีตนึกอยากซ่อนเสื้อคลุมนอนของมิ่งโมรีใจแทบขาดแต่ทำไม่ได้ ตรีประดับมองเศษผ้าในมือประณีตด้วยแววตาเบิกกว้าง ก่อนที่จะหุนหันก้าวไปยังทางที่มุ่งไปสู่บ้านพักของอุดรโดยมีประณีตวิ่งตามแทบจะล้มลุกคลุกดินกับพื้น
“ นายอุ่น ! นายอุ่น ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะนายอุ่น ”
เสียงดังโกรกกรากของคนที่อยู่ในห้องทำให้ประณีตต้องจับตรีประดับให้ถอยห่างออกมา เด็กสาวยืนมองเหตุการณ์อย่างลุ้นระทึก ไม่อยากคิดว่าถ้ามิ่งโมรีอยู่ที่นี่จริง จะเกิดอะไรขึ้น
“ คุณสองขา ” มือเล็กที่กอบกุมไว้สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะท้าน ประณีตเรียกตรีประดับอย่างสงสาร
“ นิดอยู่กับฉันนะ อยู่กับฉัน ”
ประตูที่ปิดอยู่เปิดออก สิ่งแรกที่มองเห็นคือความมืด ตามด้วยกลิ่นหอมจนเกือบฉุนของแป้งเย็นทาตัวที่เจ้าของห้องประเคนใส่จนขาววอกไปทั้งหน้า ประณีตกลืนน้ำลาย มองอกกำยำ มีรอยแผลขีดเป็นทางสั้นๆ หลายแห่ง อุดรไม่ได้ใส่เสื้อคนสวนหนุ่มนุ่งกางเกงเลสีดำอวดอกคล้ำเต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง ขณะที่ตรีประดับเบือนสายตาหนีไปทางอื่น
“ คุณสอง ”
คนงัวเงียเปิดประตูออกมาทำสีหน้างุนงง ตรีประดับหันมองสบดวงตาหรี่เล็กที่มองตรงมาอย่างแปลกใจ ก่อนพุ่งตัวผลักบานประตูให้กว้างออก ร่างโปร่งก้าวเข้าไปในห้องนอนเล็กของคนสวนหนุ่ม กวาดสายตามองหาร่างเล็กผอมที่คิดว่าต้องพบเจอรวดเร็ว แต่ห้องแคบกลับว่างเปล่า พื้นปูนเย็นเฉียบปูเสื่อสีซีดเกือบขาด มีหมอนและมุ้งมัดกระจุกรวมกันไว้ไม่บ่งบอกว่าจะมีใครซุกซ่อนอยู่ได้ เหนือหน้าต่างขึ้นไปคือหมวกและเสื้อคลุมลายตารางที่อุดรมักใส่ติดตัวอยู่เป็นนิจ แขวนพะรุงพะรังรวมกับถุงพลาสติกใส่สบู่ยาสีฟันแบบซื้อแล้วทิ้งซองละไม่กี่บาท สิ่งตกแต่งที่เห็นจะเด่นที่สุดคือลังกระดาษใบใหญ่กองสุมรวมกันไว้ชิดผนังสุดมุมห้อง คล้ายเจ้าตัวเตรียมพร้อมจะจากไปทุกเมื่อ คนก้าวเข้ามายามค่ำยืนอ้ำอึ้ง ประณีตที่แตกตื่นตามผู้เป็นนายเหลียวมองร่างสูงที่หยุดอยู่แค่หน้าประตูตอนตรีประดับบุกรุกค่อยๆ ก้าวเข้ามา อะไรบางอย่างในเนื้อตัวของคนส่วนหนุ่มที่หล่อนนับถือเสมือนญาติพี่น้องทำให้เด็กสาวรู้สึกกลัวหัวหด
“ พี่อุ่นยังไม่นอนอีกเหรอ ”
“ อื้อ...ยัง ”
อุดรตอบง่ายๆ ส่งรอยยิ้มสดใสที่ทำให้ใบหน้าภายใต้หนวดเครารกอ่อนโยนลง หากแค่เท่านี้เด็กสาวก็โล่งใจแล้วว่า ชายหนุ่มไม่โกรธที่จู่ๆ ก็ต้องต้อนรับตรีประดับในยามวิกาลโดยไม่มีเหตุผล
“ คุณสองมีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ ”
คนตามเข้ามาโดยเว้นระยะห่างไว้ตามเดิมถามนอบน้อม เสียงทุ้มที่เจือรอยสุภาพ ทั้งท่าทีย่อตัวเองลงเพื่อพูดคุยให้ความเคารพนายจ้างสาวเป็นอย่างยิ่งทำให้ประณีตที่เผลอจับปลายเสื้อตรีประดับไว้ เด็กสาวหันมองอุดรและตรีประดับสลับกันไปมา โล่งอกลึกๆ ที่ไม่พบมิ่งโมรีอยู่กันสองต่อสองกับคนสวนหนุ่มในห้องนอนที่ไม่มีอะไรเลย
“ มิ่ง...”
ตรีประดับหลุดปากได้แค่นั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น มองท่าทางสงบเสงี่ยม ไร้วี่แววใดๆ ให้จับผิดได้ของคนสวนหนุ่มแล้วรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่ถามหามิ่งโมรีให้อีกฝ่ายยอมรับ ประณีตเองเห็นท่าไม่ดี เด็กสาวเลยแก้ไขสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนใจด้วยการถามว่า
“ พี่อุ่นเห็นคุณมิ่งบ้างไหม ? เมื่อกี้คุณมิ่งแวะไปหาคุณสองที่เรือนเล็ก แล้วลืมเสื้อคลุมไว้ พอออกมาตามเธออีกทีก็ไม่เห็นแล้ว ”
คนที่เดาเหตุการณ์ได้ทั้งหมดพยักหน้าเข้าใจ มองดูประณีตที่ทำตัวเหมือนเรดาร์ตรวจจับกวาดสายตาไปรอบห้อง เบิกตากว้างมองเสื้อชั้นในชิ้นน้อยที่ถูกคลุมปิดด้วยผ้าห่มแต่ยังแฉลบตัวเองออกมาให้เห็นอย่างจง ด้วยใบหน้าซ่อนรอยยิ้ม
“ ไม่เห็น ไม่แน่ว่าเธออาจยังเดินเล่นอยู่ในสวน หรือกลับเข้าบ้านใหญ่ไปแล้ว ”
“ แล้ว…แล้ว…นี่พี่อุ่น ไม่ต้องรอเปิดประตูบ้านเหรอ ”
ประณีตชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าหล่อนคงบอกความรู้สึกทั้งหมด เพราะคนถูกถามจ้องตาวาวกลับมา
“ ไม่ต้อง คุณละอองเพิ่งบอกว่าไม่ต้องรอ คืนนี้คุณนวลจะค้างที่บ้านเพื่อนในสมาคม และบอกด้วยว่าท่านจะโทรศัพท์บอกคุณสองอีกที ”
“ งั้นเราก็กลับกันเถอะนิด ”
ตรีประดับตัดสินใจชวนเด็กสาวกลับ หญิงสาวมองคนที่ยังก้มหน้า เอ่ยเบาๆ ราวกับยกภูเขาทั้งหมดออกจากอกว่า
“ ขอโทษนะ ที่เข้าใจผิด ”
ประณีตพะวักพะวง ก่อนเร่งร้อนตามหลังตรีประดับออกมา เด็กสาวมองชิ้นผ้าในมือแล้วอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองร่างโปร่งระหงที่เดินนำออกมาก่อน ทำไมหนอ ทำไม ตรีประดับถึงแน่ใจว่ามิ่งโมรีอยู่กับอุดร หรือ ผู้เป็นนายจะเห็นภาพอะไรที่ไม่ควรเห็น แล้วคุณมิ่งล่ะหายไปไหน ชุดชั้นในตัวนั้น…ประณีตกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ตลอดเวลาหล่อนไม่เคยเห็นอุดรพาใครเข้าบ้าน ไม่แม้แต่สักครั้งจะเอ่ยถึงเรื่องราวชีวิตส่วนตัว ผู้หญิง เหล้า บุหรี่ กลายเป็นของต้องห้ามในชีวิตของชายหนุ่ม แล้วคนที่วางตัวดีมาตลอดมีเหตุผลอะไรที่จะพ่ายแพ้ให้กับเล่ห์กลของมิ่งโมรี ความคิดของเด็กสาวหยุดลง เมื่อตรีประดับหยุดเดิน จู่ๆ ร่างโปร่งที่เห็นเพียงแผ่นหลังบางก็สะท้านขึ้นลงอย่างคนที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คนอ่อนวัยรีบก้าวไปดักหน้า ถามไถ่ถึงหยาดน้ำตาที่หยดให้เห็นด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่า
“ คุณสอง...คุณสองร้องไห้ทำไมคะ ? ”
คนถูกถามปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ขอบตาแดงก่ำ แม้จะร้องไห้จนใบหน้ายับยู่ยี่ แต่คนสวยย่อมสวยอยู่วันยังค่ำ น้ำตาและความอ่อนล้ากับเรื่องที่ได้เจอไม่ได้ทำให้ดวงหน้าหวานดูย่ำแย่ลงเลยสักนิด
“ เจ็บใจตัวเองน่ะนิด วูบนั้นฉันคิดอะไรไม่รู้ ”
ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่ม ประณีตก็รู้ความหมาย ตรีประดับเลือกที่จะเชื่อใจน้องสาวคนเดียวของหล่อน ในขณะที่เด็กสาวสิ้นศรัทธาไปแล้ว
“ มิ่งจะอยู่กับนายอุ่นได้ยังไง จะไปทำเรื่องบัดสีแบบนั้นได้ยังไง ”
“ หนู...ก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ ” ไหนๆ ก็ไหนๆ อย่าให้เรื่องรู้ถึงหูตรีประดับเลยจะดีกว่า ทว่าประโยคต่อมาของตรีประดับกลับเปลี่ยนใจประณีตโดยฉับพลัน
“ ฉันนี่เลวจริงๆ คิดถึงมิ่งในมุมสกปรกแบบนั้นได้ยังไง สมแล้วที่จะถูกมิ่งเกลียด ”
“ มัน…มันก็ไม่แน่หรอกนะคะ ”
“ หมายความยังไง ? ”
ตรีประดับถามเสียงสะอื้น รีบปาดป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า หญิงสาวมองเขม็งไปยังคนที่ยืนกำชุดคลุมของมิ่งโมรีไว้แน่น ที่คราวนี้ทำหน้าเหมือนตกนรกทั้งเป็นขึ้นมาทันที
“ เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่า ”
“ นิด ! ” เป็นครั้งแรกที่ตรีประดับตวาดสั่ง ประณีตสะดุ้ง แทบจะร้องไห้เสียเดี๋ยวนั้น
“ คือ…คือหนูเห็นชุดชั้นในของผู้หญิง คล้ายกับของคุณมิ่งที่ห้องของพี่อุ่นเมื่อกี้นี้น่ะค่ะ ”
แค่นั้น ตรีประดับก็ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา ประณีตทรุดตัวลงตาม ก้มตัวลงจับข้อเท้าผู้เป็นนายไว้ ละล่ำละลักบอก
“ คุณสองคะ หนูขอโทษ ”
“ มิ่ง…ทำไม... ทำไมมิ่งทำอย่างนั้น กับนายอุ่นน่ะเหรอ กับคนสวนของบ้านน่ะเหรอ ”
“ บางที มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะคะ หนู…หนู หนูจะลองไปถามพี่อุ่น ไปดูให้แน่ใจอีกที ”
คนอาสาไปดูให้ทำท่าจะลุกพรวดพราดขึ้นหากตรีประดับกลับดึงข้อมือเล็กไว้ ส่ายหน้า
“ อย่านะนิด อย่าไป ”
“ หนูสัญญาค่ะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ”
“ ไม่นะนิด เราจะทำเป็นเหมือนปกติ…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่า...อย่าให้ฉันต้องรู้อะไรมากกว่านี้เลย ”
คนพูดปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ยิ้มให้เด็กสาวพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มที่ ตรีประดับก้าวกลับไปทางเก่าเหมือนคนที่วิญญาณหลุดออกจาร่าง ทิ้งให้ประณีตยืนอึ้ง มองกลับไปยังบ้านพักคนใช้ของอุดรด้วยแววตารังเกียจ
***
มิ่งโมรีตอบรับเสียงเรียกของนางละอองแม่บ้านเก่าแก่ด้วยการละสายตาจากดอกแก้ว หญิงสาวลุกจากเตียงอย่างโอ้เอ้ ตอนที่คนสูงวัยกว่าเปิดประตูบานเล็กเข้ามา ความเบาหวิวของร่างกาย ทำให้หญิงสาวต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ขยับดูชุดเสื้อผ้ารุ่มร่ามที่ถูกบังคับให้ใส่เหมือนหล่อนเป็นเด็กไม่ประสาด้วยแววตาหงุดหงิด เมื่อคืน…ที่หล่อนไปดักรออุดร ทอดตัวเสนอชายหนุ่มพร้อมคำขอร้องที่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก คงเรียกอาการไข้ให้หวนกลับ หญิงสาวต้องค้นหายาที่มักจะถูกเก็บไว้สุดมุมลิ้นชัก จัดการช่วยเหลือตัวเองโดยไร้การเหลียวแลจากคนที่รอฟังข่าว นางละอองแทบไม่เอ่ยสิ่งใดเลย นอกจากมองหล่อนงุ่มง่ามค้นหาเสื้อหนาวตัวหนาแต่สีสันและลวดลายเก่าเก็บมาใส่ให้อุ่นไว้ จวบจนกระทั่งซุกตัวนอนลงบนเตียง นั่นล่ะ มิ่งโมรีถึงได้รู้ว่าทำผิดมหันต์ หญิงสาวถูกบังคับให้สารภาพว่า หล่อนต้องถอดชุดชั้นในเป็นหลักประกันไว้ที่บ้านพักของคนสวนหนุ่ม ทำเอาคนที่มีสีหน้านิ่งสนิทเกือบตลอดเวลาอดประชดเสียงแข็งไม่ได้ว่า
‘ ทีหลังก็ถอดทั้งชุดนั่นแหละค่ะ จะให้ไปทำไมคะแค่ชิ้นเดียว ’
‘ มิ่งก็อยากทำค่ะ เอาไว้คราวหน้านะคะ จะทำ ’
มิ่งโมรีโต้ตอบไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้ ยาแก้ไข้ที่เริ่มออกฤทธิ์ ทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัว หล่อนง่วงจนเกือบหลับ ได้แต่โต้เถียงซ้ำซากด้วยถ้อยคำที่เอาแต่ใจ คำสุดท้ายที่ได้ยินจึงเป็นคำเตือนที่หล่อนไม่แน่ใจในความหมายนัก
‘ ระวังนะคะ คุณจะขว้างงูไม่พ้นคอ ’
มือผอมขยับเปิดม่าน เรียกแสงสว่างเข้าสู่ห้องนอนเล็ก หญิงสาวเกาะขอบหน้าต่างมองลงไปยังจุดที่สามารถเห็นสวนหลังบ้านได้ชัดเจน อุดรไม่ได้อยู่ที่นั่น บางที...ชายหนุ่มอาจถูกนวลอนงค์เรียกใช้ให้ไปที่ไหนสักแห่ง พักหลังมานี้มารดาตรีประดับมีธุระนอกบ้านเกือบทุกวัน แถมยังกลับไม่เป็นเวลาและไม่แวะเวียนมาเยี่ยมอรรถอีกเลยหลังจากเกิดเรื่องขึ้นกับตรีประดับในครั้งนั้น แน่ล่ะ มิ่งโมรีพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่มีคนมาก้าวก่ายคอยจับผิด ทางที่หล่อนปูไว้แม้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ควรมีก้อนหินสักก้อนขยับเข้ามากระทบ ส่วนตรีประดับนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้จะแวะเวียนมาหาผู้เป็นบิดา แต่ก็เป็นไปอย่างไร้ตัวตนเต็มที พูดจากันก็แทบจะนับคำได้ มิ่งโมรีเลยเบื่อที่จะระราน อีกอย่างหล่อนเสียเวลาไปมากแล้ว ไม่ควรจะยืดเยื้อให้เรื่องราวบานปลายยิ่งไปกว่านี้ ก่อนตรีนนท์จะกลับ ทุกอย่างต้องเรียบร้อย พินัยกรรมที่อรรถเขียนไว้ต้องถูกเปิด แค่เท่านี้ ‘ เรื่อง ’ ที่หล่อนต้องทำก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“ นายอุ่นไม่อยู่ ? ”
มิ่งโมรีถาม ปลายน้ำเสียงค่อนข้างแหบเพราะผลพวงจากการตากน้ำค้างทั้งเสื้อผ้าชุดบาง แถมยังก๋ากั่นถอดชุดชั้นในฝากไว้กับคนสวนหนุ่มที่จำเป็นต่อแผน ทุกอย่างที่ทำ ล้วนเดิมพันด้วย ‘ ชีวิต ’ ที่...หญิงสาวไม่ทุ่มสุดตัวไม่ได้
“ ค่ะไม่อยู่ คุณจะรับอะไรดีคะเช้านี้ ”
“ ไปไหนคะ ? ”
คนถูกถามชะงักไปนิด ดวงหน้าเรียบพยายามยิ่งที่จะเก็บอาการไม่ชอบใจไว้มิดชิด มิ่งโมรีคาดเดาทุกอย่างได้จากสีหน้านางละออง เสียงที่เอ่ยตามมาจึงค่อนไปทางปลอบประโลม เอาใจ มากกว่าจะเหนื่อยหน่ายที่ถูกบังคับ
“ งานมิ่งคงไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีนายอุ่นอยู่ด้วย ”
นางละอองสูดลมหายใจลึก กระนั้นน้ำเสียงที่เอ่ยยังแปร่งปร่าจนคนฟังจับได้ มือกร้านที่พยายามดูแลความเรียบร้อยของห้องนอนเล็กขยับจัดนั่นนี่ เป็นการบอกคนฟังกลายๆ ว่า จะพูดให้น้อยที่สุด สั้นที่สุดจะเข้าใจหรือไม่ก็แล้วแต่มิ่งโมรีจะพิจารณา
“ คุณนวลเรียกใช้ค่ะ มีธุระ ให้พาไปโรงพยาบาล ”
“ ไม่สบาย ? ”
นางละอองสบตาสีน้ำตาลสุกใส มองอาการอยากรู้ของอีกฝ่าย แล้วถอนหายใจยาว ลงท้ายก็ต้องอธิบายรายละเอียดทั้งที่ไม่อยากทำ
“ น่าจะเป็นการไปเยี่ยมคนไข้ที่เธอรู้จักเป็นการส่วนตัวมากกว่าค่ะ เพราะคุณสองไม่ได้ไปด้วย ”
มิ่งโมรีพยักหน้าเข้าใจในคำตอบ ร่างผอมผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้นางละอองจัดเก็บข้าวของน้อยชิ้นในห้องซึ่งเป็นระเบียบอยู่แล้วต่อไปเงียบๆ กลับออกมาอีกทีคนสูงวัยหว่าก็เตรียมพร้อมจะออกจากห้องนอนเล็กแล้ว
“ จดหมายถึงกุลชาติ รู้สึกระยะนี้จะห่างไปจากเดิม ”
คนที่ก้าวออกมาด้วยชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดสายเดียวรัดรูปอวดผิวสีน้ำตาลผ่องเน้นคำ มิ่งโมรีสำรวจตัวเองผ่านกระจก ดวงหน้าถูกจัดตบแต่งไว้เป็นสีจัดเช่นเดิม ก่อนฉาบทับด้วยความกระด้างที่เจ้าตัวบรรจงปรุงแต่งขึ้นมาอย่างจงใจ ลบรอยน่ามองและความอ่อนเยาว์กว่าวัยอย่างที่เจ้าตัวพอใจที่จะเห็นมากกว่าความสดใสเมื่อวันวาน
“ คงเบื่อที่จะเขียนแล้วมั้งคะ ” นางละอองตอบเอื่อยๆ ก่อนออกความเห็นในเรื่องที่นางควบคุมดูแลอยู่ “ วันนี้มีเรื่องมาจากทางคุณนวลค่ะ ”
มิ่งโมรีเปิดรอยยิ้มพอใจ หญิงสาวไม่คิดหรอกว่าในช่วงที่หล่อนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวระราน นวลอนงค์จะอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไร ตรีประดับนั้นไม่ต้องห่วง พี่สาวหล่อนนิสัยต่างจากตรีนนท์ เมื่อถูกสั่งห้ามคนสูงวัยกว่าจะถอยออกไปห่างๆ ไม่เข้ามายุ่งด้วยทันทีเพราะไม่กล้า ผิดกับชายหนุ่มที่เรียนไกลอยู่ต่างประเทศ ซึ่งพยายามยิ่งที่จะเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวในทุกเรื่องที่หล่อนทำ แถมยังรู้ทันในทุกสิ่งที่หญิงสาวคิดไว้ ถ้ามิ่งโมรีไม่ยื่นคำขาด ว่าจะทำลายทุกอย่างในกุลชาติให้ย่อยยับ ตรีนนท์คงไม่วางมือจากหล่อนโดยสงบ กระนั้น คนเป็นพี่ชายยังบังคับให้มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ซึ่งหญิงสาวเกือบยอมรับไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายจะไม่ใช้แผนการจนทำให้ต้องยอมจำนน
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ”
“ สามวันก่อน ตั้งแต่ที่คุณไม่สบาย ”
“ คุณละอองไม่ได้รายงานมิ่ง ”
น้ำเสียงหญิงสาวขุ่นมัว หล่อนควรจะรู้ ‘ ทุกเรื่อง ’ ไม่ใช่แค่ ‘ บางเรื่อง ’ อย่างที่ คุณแม่บ้านเก่าแก่กำลังพยายามทำให้เป็นอย่างนั้น
“ คุณไม่สบาย ดิฉันไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรายงาน เพราะถึงบอกไป คุณจะทำอะไรได้นอกจากนอนฟังข่าวอยู่บนเตียง ”
นางละอองเน้นทุกถ้อยคำเพื่อโต้กลับ มองท่าทีนิ่งงันไปบ้างของคนอ่อนวัยกว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย มิ่งโมรีสูดลมหายใจยาว พยายามสงบจิตใจตัวเองด้วยคำถามที่หล่อนอยากรู้
“ เอาล่ะค่ะ เรื่องของคุณนวลก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง คราวนี้ใครคะ ”
ปลายประโยคน้ำเสียงมิ่งโมรีเข้มขึ้น ร่างผอมนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งลวดลายเก่า มองใบหน้าที่บรรจงแต่งให้มีสีสันฉูดฉาดอย่างที่นวลอนงค์ชอบค่อนแคะว่าแต่งหน้าเหมือนโสเภณีข้างถนน กำพืดหล่อนมาจากไหน ต่อให้เก็บกดไว้เท่าไหร่ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงออกมา เช่นเดียวกับแม่แท้ๆ ของหล่อนที่ชอบแย่งสามีชาวบ้านเพราะไม่มีปัญญาหาเองได้ พอมีลูกเกิดมา แทนที่จะเลี้ยงไว้เอง ก็จับโยนมาให้อรรถที่หน้ามืดตามัวรักลูกโสเภณีข้างถนนมากกว่าลูกในไส้ และเพื่อตอบสนองความคิดของนวลอนงค์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น มิ่งโมรีเลยเจริญรอยตามผู้เป็นมารดาทุกกระเบียดนิ้ว แย่งผู้ชายทุกคนที่นวลอนงค์คัดสรรมาให้ตรีประดับ แย่งแล้วทิ้งเหมือนทิ้งขยะที่ไม่มีค่าชิ้นหนึ่ง
“ ดิฉันไม่ทราบค่ะ ” คนถูกถามบอกเสียงเรียบ ดวงหน้าค่อนข้างขาวก้มต่ำ การเงียบและไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องราวใดๆ เท่ากับเป็นการเตือนให้หญิงสาวระวังตัว
“ งั้นมิ่งจะลงไปพบเดี๋ยวนี้ จะได้ทราบ ”
มิ่งโมรีใช้แปรงหวีผมยาวๆ ให้สยายเต็มแผ่นหลัง ผมสีดำสนิทล้อมดวงหน้ารูปไข่ สิ่งเดียวที่ไม่ได้ฉาบไล้ให้เป็นสีจัดคือรอบดวงตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเปล่งประกายสุกใส และดวงตากลมวาวนี่เองที่ข่มให้ร่างผอมซึ่งแม้จะแต่งหน้าจัดจ้านยังดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอันแท้จริง
“ ดิฉันยังยืนยันว่า เรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น คุณไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ” นางละอองเตือนอีกครั้ง น้ำเสียงเฉียบขาดกว่าเดิม “ คุณสองควรจะตัดสินใจเอง ไม่ใช่คุณ ”
“ มิ่งทำไม่ได้หรอกค่ะ ” คนถูกเตือนวางแปรงในมือลง ลุกขึ้นยืน ริมฝีปากบางเปิดรอยยิ้มอย่างที่นางละอองไม่ชอบใจเลยเมื่อเอ่ยต่อว่า “ ในเมื่อผู้ชายของคุณสองยังเป็นผู้ชายแบบที่มิ่งชอบ มิ่งก็จะแย่งมา ”
“ มิ่งโมรี... ”
คนสูงวัยกว่าเรียกได้แค่นั้น ก็กดลิ้นตัวเองไว้ นางละอองห้ามตัวเองด้วยการจิกเล็บลงบนมือจนเจ็บ ผิดกับคนอ่อนวัยกว่าที่หัวเราะสดใส หญิงสาวเดินตรงมาเพื่อกอดแม่บ้านเก่าของกุลชาติไว้ เอียงคอกระซิบถ้อยคำที่นางละอองไม่คาดว่าจะได้ยิน แล้วผละถอยห่างออกจากห้องรวดเร็ว
คนถูกทิ้งคลายมือออก ข่มใจให้สงบด้วยการตรวจดูความเรียบร้อยของห้องนอนเล็กอีกครั้งจนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดคลาดสายตาจึงก้าวออกจากห้อง นางควรวางใจกับการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของคนเป็นแม่ หากนั่นจะไม่ใช่ ‘ แม่ ’ ที่คิดถึงตัวเองก่อนเสมออย่างนวลอนงค์ ผู้ชายทุกคนของตรีประดับเหมือนผู้ซื้อที่เข้ามาตรวจดูสภาพสินค้าว่าควรหยิบมาวางประดับไว้ในบ้านหรือไม่ นวลอนงค์เลือกคู่ชีวิตตรีประดับจากฐานะที่นำเสนอมากกว่าความดีจากภายในที่อยู่ยืนยง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าสุดท้ายความสัมพันธ์ที่เพิ่งก่อร่างมักจบลงก่อนที่จะมีใครเริ่มต้น มิ่งโมรีที่เข้ามาแทรกกลางก็แค่เลือกจังหวะ เสนอภาพลักษณ์ผู้หญิงหน้าตาไม่ดีแต่ฐานะดี ผู้ชายที่ผ่านเข้ามาโดยหวังผลแห่งความสุขสบายเลยผละจากตรีประดับโดยง่าย เพราะแม้หญิงสาวจะพร้อมด้วยรูปสมบัติบวกหน้าที่การงานอันก้าวหน้า แต่เปลือกหลังที่หุ้มห่อไว้คือความจนกับเรือนหลังเล็กท้ายสวนอันอุดอู้
ไม่มีใครอย่างลำบาก...กัดก้อนเกลือกินเพื่อสร้างตัวเองโดยพกแม่ยายที่ผลาญเงินลูกสาวเป็นว่าเล่น มิ่งโมรีรู้ข้อเสียนั้นดีและใช้มันเป็นสิ่งดึงดูดใจแทนเสน่ห์หาที่หล่อนไม่แม้แต่จะมีด้วยซ้ำ
“ ขออนุญาตนะคะ ”
นางละอองหยุดตัวเองยังประตูห้องสุดท้ายริมระเบียงกว้าง เคาะเบาๆ ก่อนผลักเข้าไปช้าๆ เพื่อพบว่าอรรถนอนนิ่งดุจไร้ลมหายใจอยู่บนเตียง อดีตแม่นมมองดวงหน้าซีดที่ต้องแสงสว่าง นางเลี้ยงอรรถมากับมือ รักและให้ความรักเสมือนลูกในไส้ ทว่า การเฝ้าเห็นอรรถเติบใหญ่คงไม่เพียงพอ ชายหนุ่มทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาจนทุกอย่างบานปลาย ก่อนจะหลีกหนีตราบาปในใจด้วยการกลายเป็นเจ้าชายนิทราที่ไม่มีใครรู้วันตื่น
“ อากาศวันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ ค่อนข้างร้อนกว่าเมื่อวาน ”
นางละอองเริ่มต้น มองกะละมังใบเล็กมีผ้าขนหนูชุบน้ำแช่อยู่นิ่ง ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของใครที่เข้ามาคอยดูแลอย่างสม่ำเสมอ
“ คุณมิ่งลงไปข้างล่าง ไปพบผู้ชายคนใหม่ที่คุณนวลหามาให้คุณสอง เธอคงจะแย่ง...สำเร็จเหมือนเคย ”
คนรับใช้เก่าแก่ของกุลชาติเอ่ยเสียงเบา ค่อยๆ ยกแขนที่วางแนบลำตัวของอรรถขึ้น ทำกายบริหารกล้ามเนื้ออย่างที่ทางโรงพยาบาลแนะนำมาช้าๆ ป้องกันอาการหดลีบลงของร่างกายเมื่อต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงนานๆ ป้องกันแผลกดทับที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอเมื่อละเลยที่จะใส่ใจ
“ คุณจะไถ่บาปนี้ยังไงคะ ”
นางละอองถามด้วยน้ำเสียงสงบ แววตาที่มองอรรถเต็มไปด้วยความอ่อนโยนระคนผิดหวัง
“ คุณฝังความแค้นไว้ในใจของคนๆ หนึ่ง โดยไม่เคยคิดถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้คนๆ นั้นกำลังทวงคืนทุกอย่าง คุณจะทำยังไงคะ ”
แขนผอม ขาวเพราะไม่ต้องแดดเลยเป็นเวลานานที่นางละอองจับอยู่กระตุก ตอบสนองคำพูดจนคนสูงวัยกว่าต้องกลั้นลมหายใจมองนิ่ง อรรถยังมีโอกาสฟื้น เพียงแค่คนในครอบครัวไม่ละทิ้งความหวัง เพียรพยายามพูดคุยด้วยโดยไม่ย่อท้อ สิ่งเดียวที่นางละอองยึดถือและกระทำตามมาโดยตลอดในขณะที่นวลอนงค์ถอดใจตั้งแต่แรกเริ่มน่าจะใกล้วันสัมฤทธิ์ผล
แต่…จะมีประโยชน์อะไรในการยื้อชีวิต คนที่ตายไปแล้วครึ่งชีวิต ฟื้นขึ้นมาเพื่อพบว่าทุกอย่างกำลังจะพังพินาศด้วยน้ำมือตนกระนั้นหรือ อย่างที่อรรถเคยบอกยามเรื่องเกิด แล้วเขาหอบหิ้วเด็กผู้หญิงตัวเล็กเข้ากุลชาติพร้อมประวัติกระดำกระด่างห้อยตามหลัง
มิ่งโมรีไม่ใช่ความหวัง...แต่หล่อนเป็นตัวทำลายความหวังทั้งหมดต่างหาก
สีหน้านางละอองเปี่ยมไปด้วยความกังวล ใจนึกถึงชายหนุ่มที่หล่อนเพิ่งให้ประณีตนำทางไปยังเรือนหลังเล็ก คนที่...นางมองไม่เห็นความรู้สึกใดๆ พาดผ่านแววตานอกจากท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งรอบตัว อะไรบางอย่างเตือนให้นางละอองเริ่มระมัดระวังตัวเอง จดหมายที่ห่างหายไป อาจมีความหมายถึงการมาเยือนโดยตรง ใครคนนั้นกำลังรุกไล่เข้ามาในขณะที่มิ่งโมรีเริ่มต้นแผนของหล่อนช้าๆ อย่างมั่นคง
“ ห่วงใช่ไหมคะ ถ้าห่วง...คุณก็ต้องรีบฟื้นขึ้นมานะคะ ”
***
ตรีประดับผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงเมื่อสะดุดสายตาเข้ากับร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัว พับแขนไว้ตรงข้อศอกอย่างลวกๆ มืออีกข้างของชายหนุ่มหิ้วสูทสีดำสนิทที่เกือบระพื้นเพราะไม่ทันระวัง ร่างสูงอยู่ใต้ซุ้มกุหลาบ ยืนแหงนเงยขึ้นมองฟ้า ก่อนหลับตาแล้วยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มหยักบุ๋ม ชื่นชมดื่มด่ำอยู่กับกลิ่นหอมและตัวดอกที่บานสะพรั่ง ท่าทีวางตัวสบายกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ทำให้คิ้วที่ขมวดเครียดของตรีประดับคลายลง หญิงสาวสืบเท้าเข้าหา เรียกให้คนที่ยืนหันหลังอยู่ หันกลับมามองด้วยคำทักทายสดใส
“ สวัสดีค่ะ ”
คนถูกทักหันกลับมามอง ดวงตาคู่เรียวใต้คิ้วหนาตวัดเฉียงบอกเชื้อสาย ฉายรอยแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวในชุดเสื้อผ้าตัวติดกันสีชมพูจางคือผู้ประกาศสาวภาพลักษณ์ดีจากหน้าจอโทรทัศน์ บุคลิกค่อนข้างจริงจังของหญิงสาว สร้างความนิยมให้แก่ตัวหล่อนไม่น้อย ผู้ประกาศข่าวสาวคนแรกและอาจเป็นคนเดียวที่เก็บตัว ไร้ข่าวฉาว ไม่เคยตกเป็นข่าวซุบซิบให้ถูกนินทาเช่นผู้ประกาศข่าวในสถานีอื่นๆ หญิงสาววางตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคมสมัยใหม่ที่ทุกอย่างฉาบฉวยรวดเร็วจนเกือบกลายเป็นความมักง่าย ทั้งที่หล่อนออกจะดีขนาดนั้นแต่กลับถูกจัดให้ได้อันดับหนึ่งในตำแหน่งหญิงสาวผู้น่าเบื่อ แม่พระที่น่าจะอยู่ตามวัดมากกว่าจะมาเดินหลงอยู่ในเมืองใหญ่ เพราะสิ่งดีงามของหล่อนมาพร้อมกับความจืดชืด เหมือนขนมปังแข็งๆที่ไม่ได้เข้าเตาอบ ชื่อเสียงของตรีประดับเลยอยู่ในฐานะผู้ประกาศข่าวที่ ‘ สมควร’ ยึดไว้เป็นแบบอย่างแต่ไม่มีใครอยากเป็นแบบหล่อน เป็นภาพฝันอันสูงไกลที่น้อยคนนักจะแตะต้องหรือเอื้อมถึง
“ คุณสอง ? ”
ริมฝีปากบางสวยดุจสตรีคลี่รอยยิ้มกระจ่าง ตรีประดับรู้สึกดวงหน้าร้อนผ่าว ยามสบดวงตาคมที่หยี่เล็กลง ผมสีดำสนิทปัดเป๋ตามแรงลมพัด หากแทนที่จะลบความน่าดูออกไป กลับกลายเป็นว่ายิ่งเสริมให้ชายหนุ่มตรงหน้าสดใสมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนแสงอาทิตย์ในยามเช้าของวันที่หล่อนไม่ได้เห็นมานานแสนนาน
“ คุณมาเช้าไปนะคะ เพราะมิ่งคงยังไม่ตื่น ”
ตรีประดับยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นกันเองมากขึ้น ศีรษะทุยได้รูปสวยก้มดูเวลาที่ข้อมือแล้วนิ่งไปนิดเพื่อทวนความจำว่าเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนหรือไม่ เพราะผู้ชายที่นวลอนงค์ ‘ เลือก ’ ให้ด้วยการอ้างถึง ‘ อนาคตที่ดี ’ ถ้าไม่คุ้นเคยกันมาก่อน ก็มักพบเจอได้ในแวดวงสังคม ที่อาชีพการงานบังคับทำให้หล่อนต้องพบปะผู้คนอยู่เสมอ ที่สำคัญ มารดาหล่อนไม่เคยอนุญาตให้ใครล่วงล้ำเข้ามาถึงอาณาเขตเรือนหลังเล็กด้วยเหตุผลง่ายๆ
‘ อายคนเค้าตายชัก เป็นเมียหลวงแท้ๆ แต่กลับระเห็จมาอยู่เรือนหลังเล็ก นามสกุลผัวก็ไม่ได้ใช้ ’
‘ อย่างนี้ ทางนั้นเค้าจะยิ่งหาว่าเราหลอกลวงนะคะแม่ ’
ตรีประดับเคยหยั่งเชิง แย้งผู้เป็นมารดาเรียบๆ แต่ก็เท่านั้น เมื่อไหร่ที่นวลอนงค์ยึดมั่นในความคิดตนแล้ว ใครก็ยากจะเปลี่ยน
‘ หลอกที่ไหน ก็แค่ค่อยๆ บอก ’ หากคำว่า ค่อยๆ บอกของมารดาไม่เคยมาถึง ชายหนุ่มส่วนใหญ่มักเปลี่ยนใจง่ายๆ เมื่อมิ่งโมรีลงมาตีสนิท ยังความเจ็บแค้นให้ผู้ที่เฝ้าดูไม่น้อย
‘ หมด ! หมดไม่มีเหลือ ถูกอีลูกโสเภณีมันคาบไปหมด ’
คนตรงหน้าจึงเป็นรายแรกที่ก้าวมาถึงในส่วนที่นวลอนงค์พยายามปิดตายไว้ นั่นหมายความว่าชายหนุ่มต้องมีความสำคัญไม่น้อยต่อผู้เป็นมารดา
“ คุณมิ่ง ? ”
คนยืนอยู่ทวนชื่อที่ได้ยินซ้ำ สีหน้ายังไม่คลายความแปลกใจ ตรีประดับเพิ่งรู้สึกว่าหล่อนคิดอะไรเพลินก็ตอนได้ยินประโยคสุดท้ายเป็นเชิงถามจากชายหนุ่มว่า
“ ยังไม่ตื่น ? ”
“ ค่ะ มิ่งค่อนข้างตื่นสายประจำ อาจจะเที่ยงๆ คุณถึงจะได้พบเธอ ” ตรีประดับยิ้มแล้วขมวดคิ้วมุ่น ถามด้วยน้ำเสียงเบาลงกว่าเดิมว่า “ ขอโทษนะคะ คุณไม่ใช่...คนที่มารับมิ่งออกไปเที่ยวทุกคืนหรอกเหรอคะ ? ”
“ เปล่าครับ ”
เสียงทุ้มเจือรอยหัวเราะ ทำให้ดวงหน้าขาวสว่างหน้ามอง ผู้ชาย...ที่ยามอยู่เฉยงดงามราวรูปสลักหากยามยิ้มก็เหมือนโลกทั้งโลกจะหยุดไว้อยู่ในมือของอีกฝ่าย
“ ผมเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ”
“ ตายจริง ” ตรีประดับอุทาน ดวงหน้าหวานแดงซ่าน ยกมือขึ้นทัดปอยผมยาวที่ตกลงมาแก้เก้อ บอกเขินๆ ในความไม่รู้ด้วยน้ำเสียงอ่อนใจต่อนิสัยช่างลืมของตัวเอง “ ขอโทษด้วยนะคะ ที่คิดว่าเป็นคนเดียวกัน ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายแค่ฟังเฉย ไม่ถือสา แถมยังยิ้มเอ็นดูที่หล่อนปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มให้วิ่งเล่นสนุก หญิงสาวเลยกล้าเสริม แก้ต่างเพื่อคลายความเข้าใจผิดแทนคนที่ถูกพูดถึงว่า
“ มิ่งมนุษย์สัมพันธ์ดีค่ะ เลยทำให้มีเพื่อนผู้ชายค่อนข้างเยอะ เป็นผู้หญิงที่ทำให้คนอื่นหลงรักได้ง่ายๆ ขนาดดิฉันกับคุณแม่ช่วยกันจำก็แล้ว ยังจำได้บ้าง...ไม่ได้บ้าง ”
ดวงตาคมเป็นประกายระยับ ฟังตรีประดับให้คำแนะนำด้วยสีหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม หญิงสาวเองก็เล่าเพลิน เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ตั้งอกตั้งใจฟังหล่อนพูด
“ มิ่งอาจจะชอบของขวัญที่ดูมีราคามากหน่อย ชอบกลางคืน และก็ชอบคนตามใจไม่ทำให้หงุดงิด แต่นั่นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะชนะใจ ”
“ อ้อ...”
“ คุณคงต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อที่จะชนะใจ ” ตรีประดับบอกเสียงใส พึมพำบอกตัวเองเช่นเดียวกันว่า “ ดิฉันเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเหมือนกัน ”
“ ขนาดพี่สาวยังต้องพยายาม ผมคงแย่แน่ๆ ”
“ ยกเว้นดิฉันค่ะ มิ่งไม่เคยรักพี่สาวอย่างดิฉันเลย ”
ตรีประดับว่าเสียงเบา สีหน้าหมองลง หญิงสาวเงียบไปขณะที่คนฟังไม่ออกความเห็น กระทั่งหล่อนเชิดหน้าขึ้นสูดลมหายใจลึก ยิ้มให้ชายหนุ่มเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยนั่นล่ะอีกฝ่ายถึงได้ยิ้มตอบมาราวกับให้กำลังใจ
“ คุยตั้งนาน และคุณคงรู้จักดิฉันแล้ว แต่ว่า...”
“ เรียกผมว่าเทียนง่ายกว่า ”
“ ค่ะ ”
ตรีประดับยิ้มรับ มองกอกุหลาบที่ส่งกลิ่นหอมระรวยอย่างลังเลใจ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่คงจับกิริยาหล่อนได้ เลยถามแทนหล่อนเหมือนนั่งอยู่กลางใจว่า
“ อยากรู้ว่าผมทำอาชีพอะไรใช่ไหม ”
คนตัวสูง ดวงหน้าขาวจัด ริมฝีปากแดงมีรอยยิ้มแต้มเสมอ เปลี่ยนแววตาเป็นเจ้าเล่ห์มองตรงมาที่ตรีประดับอย่างสื่อความหมาย ผู้ประกาศสาวก้มหน้าหลบ ขัดเขินจนวางตัวไม่ถูก ผู้ชายคนนี้ยิ้มแล้วทำให้โลกสว่างไสว แม้แต่บรรยากาศยามเช้าที่แสงแดดเริ่มลงจัดก็ยังเปลี่ยนเป็นละมุนละไมเพียงรอยยิ้มเดียวของอีกฝ่าย
“ ผมทำอาชีพเกี่ยวกับ...รถยนต์ ”
“ ขอโทษที่ละลาบละล้วงนะคะ แต่ดิฉันถูกมิ่งสั่งให้ถามประวัติคนที่มาหาน่ะค่ะ จะด้วยวิธีไหนก็ต้องรู้ให้ได้ และถ้า...”
“ ถ้ารวยน้อยกว่า คุณมิ่งน้องสาวคุณคงสั่งให้ไล่ผมไปไวๆ ”
ชายหนุ่มแทรกขึ้นอย่างรู้เท่าทัน ดวงตาฉลาดเฉลียวเป็นประกายประหลาด ตรีประดับยิ้มฝืน ต้องเปลี่ยนเรื่องว่า
“ ยังไงให้ ดิฉันพาคุณเข้าไปรอมิ่งที่บ้านหลังใหญ่ดีกว่าค่ะ เพราะนอกจากต้นไม้แล้ว เรือนหลังเล็กก็ไม่มีอะไรน่าดูอีก ”
“ ของบางอย่าง แค่ใช้สายตาดูคงไม่ได้ เปลือกนอกที่หุ้มไว้ อาจทำให้คนเราไขว้เขวได้เสมอ ”
“ คะ ? ”
คนไม่เข้าใจความหมายในคำที่เอ่ยเลิกคิ้วถาม ขณะที่ชายหนุ่มหัวเราะเปิดเผย ดวงตาระยิบพราวแข่งกับแสงของดวงตะวัน
“ ผมก็แค่พูดเรื่อยเปื่อย คุณสองอย่าสนใจเลย ”
คนถูกห้ามไม่ให้สนใจเลยเดินนำชายหนุ่มไปยังบ้านใหญ่ หากก้าวไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ตรีประดับก็คะมำไปข้างหน้า ดีแต่ว่าคนตามหลังมาดึงแขนหล่อนไว้ได้ทัน ที่จะล้มเลยกลายเป็นว่าร่างโปร่งปลิวเข้าสู่อ้อมอกของชายหนุ่มแทน
“ ขอบคุณค่ะ ”
ร่างโปร่งขยับตัวกุกกัก พยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนที่จงใจรัดแน่น คนรุกรานหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ยอมปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ หากไม่วายอ้อยอิ่งอยู่กับเรือนผมหยิกยาวที่ม้วนเป็นลอนสวย ตรีประดับก้มหน้างุด หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าคนยืนอยู่ตรงข้ามจะได้ยินด้วยซ้ำ หากท่าทีเป็นปกติของอีกฝ่าย ดุจเรื่องที่ทำนั้นแสนธรรมดาทำให้ผู้ประกาศข่าวสาวสงบใจตัวเองลง หล่อนจะตื่นเต้นหวั่นไหว ให้อีกฝ่ายล่วงรู้ความในใจไม่ได้เด็ดขาด
“ ผมไม่รู้จักคุณมิ่งอะไรนั่น และคนที่ผมมาพบ ก็ไม่ใช่น้องสาวคุณ ” คนเล่า เล่าง่ายๆ เฉลยทุกอย่างด้วยน้ำเสียงสบายๆ หากคนฟังถึงกับผงะถอย ไม่แน่ใจจนต้องถามซ้ำ
“ คะ ? คุณว่าอะไรนะคะ ”
“ ผมเป็นแขกของคุณนวลอนงค์ ”
ชายหนุ่มสารภาพช้าชัด ก้มตัวลงหยิบเสื้อสูทที่ตกขึ้นสะบัดโดยไม่เกรงว่าฝุ่นจากผืนดินจะปลิวกระจายใส่หญิงสาวที่ยืนตะลึงอยู่ ตาสบตา ตรีประดับเห็นรอยยิ้มที่หล่อนเพิ่งชื่นชมว่าสามารถกอบกุมโลกไว้ทั้งโลกชัดแจ้ง
“ คุณนวลอนงค์จ้างผมมา เมื่อกี้ผมบอกว่าทำงานเกี่ยวกับรถยนต์ใช่ไหม ผมขับรถแท็กซี่น่ะคุณ ”
คนรับฟังไม่แน่ใจสภาพตัวเองนัก รู้สึกเหมือนถูกตีด้วยไม้หน้าสามจนชาไปทั้งตัว หญิงสาวเกือบก้าวเท้าถอยห่างจากร่างสูง ถ้าไม่คำนึงถึงมารยาทที่ควรวางไว้ ตรีประดับคงกระทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายรู้ว่าหล่อนไม่พอใจ ดังนั้น แทนที่จะหันหลังกลับออกจากสวนเล็กโดยเร็วอย่างใจคิด ตรีประดับจึงยังยืนอยู่ สมกับที่ผู้เป็นมารดาชื่นชมเสมอว่าหล่อนเหมาะแล้วสำหรับกุลชาติ เหมาะแล้วสำหรับสังคมชั้นสูงที่ในอนาคตข้างหน้านี้คนเป็นแม่ต้องดันหล่อนให้เข้าไปให้ได้
“ เมื่อกี้ผมให้เด็กผู้หญิงที่ทำงานอยู่ที่นี่ไปที่อื่น ”
ชายหนุ่มหันมองรอบตัว ชี้นิ้วโบ้เบ้ไปมา ไม่สนใจท่าทีเหมือนเก็บกลืนยาขมของผู้ประกาศข่าวสาว มือเรียวขาวแตะกลีบกุหลาบอย่างสนใจเป็นพิเศษ ท่าทีนั้นละมุนละไมจนยากจะเดาได้ว่าพื้นเพของอีกฝ่ายมีแค่นั้นจริงๆ
“ กลัวถูกจับได้น่ะ ว่าไม่ใช่ผู้ดีจริง ? ”
“ หมายความว่ายังไงคะ ”
“ จนยังไงล่ะ ผมจนกว่าที่คุณคิดเยอะเลย ” ดวงตาคมเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม ไล่สายตาผ่านร่างโปร่งระหงอย่างจาบ
จ้วง ตรีประดับรีบยกมือขึ้นกอดตัวเองไว้ คนยืนอยู่เลยยิ่งยั่วได้การยื่นหน้าเข้ามาทำท่าสูดกลิ่นหอมจากเนื้อตัวอีกฝ่าย ที่ถอยกรูดเพราะตกใจอย่างรวดเร็ว
“ คุณ ! ”
“ เอะอะอะไร อ้าว มาแล้วเหรอ ? แล้วนี่ยัยสองมาทำอะไรที่นี่ ”
ตรีประดับขยับตัวถอยห่าง หลบสายตามารดาที่มองมาให้พ้นพิรุธ หญิงสาวขยับเข้าซ่อนตัวด้านหลังนวลอนงค์ ไม่สบตาคนยืนอยู่เลยสักนิดตอนที่ตอบว่า
“ สองมาเก็บดอกกุหลาบน่ะค่ะแม่ แล้วบังเอิญพบคนของคุณแม่เข้า ”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ยกมือไหว้ปลก แย้มยิ้มสดใส ทว่า นวลอนงค์ไม่สนใจรับไหว้ ไม่แม้แต่จะยิ้มตอบ นางสั่งด้วยสีหน้าอยากรู้ให้ชายหนุ่มหมุนตัวให้ดูจนถ้วนทั่ว ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อพบแต่ความสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ
“ แกดูดีกว่าที่ฉันคิดมาก ”
“ เงินคุณนวล ทำให้แม้แต่ขอทาน ก็กลายเป็นหลานชายเศรษฐีได้ คุณสองยังเชื่อผมเสียสนิท ใช่ไหมครับ ? ”
ท้ายประโยคคนพูดหลิ่วตามองผู้ประกาศขาวสาว คนถูกกระทบหันมองขวับ เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จา
“ ขนาดหลอกยัยสองได้ ก็แสดงว่าเก่งไม่เลว หน้าตาผิวพรรณใช้ได้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่าแกมาจากสลัม กินนอนอยู่ข้างถนน ”
“ คุณแม่คะ ” ตรีประดับเรียกมารดา ตัดบทก่อนที่นวลอนงค์จะขุดประวัติคนตรงหน้าออกมาบรรยายให้หล่อนรู้ไปมากกว่านี้ “ ผู้ชายคนนี้บอกว่าคุณแม่จ้าง คุณแม่จ้างมาทำไมเหรอคะ ? ”
ถึงชายหนุ่มที่มารดาจ้างมาจะดูดีมากตามคำชม แต่เมื่อสังเกตให้ดีกิริยาบางอย่างของอีกฝ่ายนั้นขัดตาอย่างเห็นได้ชัด พอไม่ต้องเก็บอาการ ชายหนุ่มก็แทบจะแสดงธาตุแท้ออกมาให้เห็น ทั้งท่าทางกรุ้มกริ่ม หลุกหลิก กิริยาพยายามตีเสมอของคนตรงหน้า ทำให้ตรีประดับต้องข่มใจหันมองไปทางอื่น หล่อนจะพูดอย่างไรได้ว่าอีกฝ่ายไม่น่าไว้วางใจ
“ ก็จ้างมาให้จีบแกน่ะสิ ”
ผู้เป็นมารดาตอบเสียงเฉย ขณะที่คนอ่อนวัยกว่านิ่งอึ้งหันมองคนเป็นแม่อย่างตกใจ นวลอนงค์มองกิริยาลูกสาวแล้วให้หงุดหงิด ย้ำเสียงแข็งให้ตรีประดับรู้ตัวว่าทั้งหมดที่นางทำก็เพื่อความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายทั้งนั้นหาใช่เพื่อตัวนางไม่
“ คุณแม่รู้ตัวไหมคะว่าพูดอะไรออกมา ”
“ อะไรกันยัยสอง โน่นนี่ก็ไม่พอใจ จะเอายังไงกับฉัน นี่มันเรื่องของแกทั้งนั้นนะ ฉันอุตส่าห์ช่วยแล้วยังมาทำหน้าทำตาไม่พอใจ ”
“ ถ้าเป็นเรื่องของสองจริง คุณแม่คงไม่พยายามเข้ามายุ่ง ”
“ นี่แกจะเป็นแม่ฉันหรือยังไง นังเด็กโง่นี่ อย่ามาทำสะบัดสะบิ้งนะ ”
นวลอนงค์ตวาดอย่างมีอารมณ์ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนฟังอยู่ผิวปากหวือ ตรีประดับกำมือแน่นตวัดสายตามอง ‘ผู้ชาย ’ ที่มารดาเลือกให้ ก่อนถามนวลอนงค์ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นยิ่งกว่าเดิมว่า
“ คุณแม่จะทำอะไรคะ ”
“ ฉันอยากเห็นนังเด็กนรกนั่นมันเต้นเป็นเจ้าเข้าน่ะสิ คิดว่ามีแต่ผู้ลากมากดีมาชอบแกอีกหรือไง ฉันจะจัดยาจกให้มันไปนอนกกสักคืนสองคืน ทีนี้ล่ะจะได้รู้รสว่าโลกถล่มมันเป็นยังไง ”
นวลอนงค์เอ่ยอย่างหมายมาด ก่อนหันมาใช้น้ำเย็นเข้าลูบเมื่อดูแล้วตรีประดับคงไม่ยอมทำตามแน่
“ ฉันเลือกคนของฉันไว้ให้แกแล้วยัยสอง แต่ขืนส่งมาให้แกตรงๆ นังเด็กบ้านั่นได้คาบไปกินเหมือนเดิม แกมันเคยทันคนเสียที่ไหน ฉันเลยคิดแผนนี้ขึ้นมา และถ้ามันไปได้สวย... ”
คนสูงวัยกว่ายิ้มย่อง ตรีประดับถอนหายใจยาว อยากบอกมารดาเหลือเกินว่า มิ่งโมรีนั้นไม่โง่ คนอ่อนวัยกว่าฉลาดกว่าที่คิด แค่โทรศัพท์กริ๊งเดียว ทนายความของกุลชาติที่ถือหางน้องสาวหล่อนอยู่คงรีบสืบสาวประวัติชายหนุ่มตรงหน้าแล้วแผ่ประจานให้ฟังทันที ทีนี้เลือกราวก็จะลุกลามใหญ่โต ไม่ใช่แค่เรือนหลังเล็กที่จะไมได้อยู่ หล่อนและคนเป็นแม่อาจต้องระเห็จออกจากกุลชาติ ไร้ที่หลักปักที่นอนเป็นแน่
“ แกเองก็ต้องเล่นละครไปกับฉันด้วยเข้าใจไหมยัยสอง ” นวลอนงค์ลูบแขนลูบไหล่ลูกสาว ปลอบประโลมให้คล้อยตาม “ เราจะพลาดไม่ได้ เพราะถ้าพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ แกกับฉันได้กระเด็นออกจากบ้านไปใช้ชีวิตข้างถนนสมใจนังเด็กนั่นแน่ ”
“ คุณนวลไว้ใจผมได้เลยครับ ผมจะจีบคุณมิ่งให้สำเร็จ แล้วส่งคุณสอง ลูกสาวคุณนวลไปสู่ประตูสวรรค์เอง ”
ชายหนุ่มแทรกขึ้นเบาๆ ขณะที่ตรีประดับพยายามบังคับตัวเองไม่ให้หันมองอีกฝ่ายอย่างรังเกียจ
“ ลูกสาวฉันไม่ใช่คนตาย ถึงต้องให้แกส่งไปสวรรค์ ”
นวลอนงค์แวดเสียงแหลมถลึงตาใส่ชายหนุ่มที่จ้างวานมาดันตัวตรีประดับไปด้านหลังอย่างแหนหวง พร้อมกำชับเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่หล่อนจ้างมากำเริบเกินหน้าที่
“ แกแค่ทำตามที่ฉันบอก ประวัติอะไรที่สั่งให้จำ แกต้องจำให้ได้ เรื่องอื่นอย่าสะเออะเข้ามายุ่ง ”
“ ผมจำได้ขึ้นใจแล้วครับ ”
“ งั้นก็ดี แล้วแกมาที่นี่มีใครเห็นหรือเปล่า ? ” นวลอนงค์ถามระแวง นางไม่ต้องการให้ความแตกก่อนที่ทุกอย่างจะสำเร็จ มิ่งโมรีต้องตกนรกทั้งเป็นเหมือนกับนาง !
“ มีผู้หญิงแก่ สั่งให้ผมเดินตามเด็กรับใช้มาที่นี่ ”
“ นังละออง จำไว้นะว่าแกต้องระวังยัยแม่บ้านนั่นไว้มันเป็นเสือซ่อนเล็บเห็นเงียบๆติ๋มแต่ร้าย ส่วนนังเด็กนิดี่พาแกมาที่นี่มันไว้ใจได้เพราะมันรักยัยสอง นี่เดี๋ยวแกกลับไปที่บ้านใหญ่ ทำทีเป็นว่ามารับยัยสองแต่นั่งรอผิดบ้าน แล้วถ้านังเด็กบ้านั่นมันลงมาหา แกก็ทำเหมือนรังเกียจ ท้าทายมันเข้าไว้มันจะได้ไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ”
คนฟังคำสั่งซ่อนรอยยิ้มขัน แกล้งถามเสียงซื่อ หน้าซื่อว่า
“ ผมต้องบอกประวัติตามที่คุณนวลจดมาให้ด้วยหรือเปล่า ”
“ บอกไปสิ บอกไปว่าแกชื่อเทียนสรวง เป็นหลานชายเจ้าสัวธนา นามสกุลอะไร จบมาจากที่ไหน บอกให้หมด ”
“ แล้วถ้าเกิดตัวจริงเค้าโผล่มา… ”
นวลอนงค์ตวัดสายตามอง เอ่ยย้ำเสียงเหี้ยม
“ ฉันคิดว่าแกจะทำงานของฉันเสร็จก่อนที่ หลานชายเจ้าสัวจะกลับมา ระหว่างนั้น ฉันอนุญาตให้แกทำได้ทุกอย่าง ฉุดมันลงนรกไปได้ด้วยยิ่งดี ถ้าแกทำได้ ฉันจะจ่ายเงินให้อีกก้อนหนึ่งเป็นรางวัลพิเศษ แต่ถ้าแกมีปัญหามากนัก ฉันก็มีวิธีจัดการแกให้หมดปัญหาได้เหมือนกัน ”
“ ผมไม่มีทางทำให้นายจ้าง ที่จ่ายเงินงามอย่างคุณนวลผิดหวังเด็ดขาด ”
“ ดี ! จำคำพูดแกไว้ให้ดี ไป...ยัยสองไปเตรียมตัว เดี๋ยวค่อยตามมันไปที่บ้านโน้น ”
นวลอนงค์เดินกลับเข้าบ้านอย่างหมดธุระ ตรีประดับมองชายหนุ่มที่ขยับสวมเสื้อสูทให้เข้าที่ด้วยมาดที่กลมกลืน อย่างระแวงไหว คนถูกมองกระแอมกระไอเล็กน้อย ถ่มน้ำลายลงบนมือแล้วถูกทำความสะอาดกับกางเกง พร้อมยื่นตรงหน้าหญิงสาว
“ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณสอง ผมเทียนสรวง เรียกสั้นๆ ว่าเทียน ก็ได้ ”
เทียนสรวงเอ่ยยิ้มๆ หวังได้รับไมตรีจิตเหมือนที่เคยได้ ทว่า สิ่งที่ได้รับกลับเป็นหยาดน้ำตาที่กลิ้งผ่านสองข้างแก้มของตรีประดับ ผู้ประกาศสาวร้องไห้จนหลังไหล่สะเทือน
“ ฉันไม่รู้จักคุณ ? ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ ผละหนีจากชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนกระต่ายบาดเจ็บ คนถูกทิ้งยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ลดมือที่ยื่นค้างลงสอดเข้ากระเป๋า เอ่ยกับตัวเองด้วยสีหน้าพอใจ
“ ตรีประดับ มิ่งโมรี จะเลือกใครดี ไอ้เทียน ! ”
***
โปรดติดตามตอนต่อไป...
บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2555, 13:06:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 เม.ย. 2555, 13:06:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 2028
<< บ่วงมาร ตอนที่ 4 | บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 6 >> |
ปอแก้ว 30 เม.ย. 2555, 15:10:38 น.
ยัยมิ่งก็ร้าย แม่คุณสองก็ไม่เบา สรุปว่าสองน่าสงสารค่ะ
แล้วนายเทียนอะไรนี่ก็ดูไม่น่าไว้ใจเลย
ชอบคุณคนตอนที่แล้วมากกว่าค่ะ
ยัยมิ่งก็ร้าย แม่คุณสองก็ไม่เบา สรุปว่าสองน่าสงสารค่ะ
แล้วนายเทียนอะไรนี่ก็ดูไม่น่าไว้ใจเลย
ชอบคุณคนตอนที่แล้วมากกว่าค่ะ
มุกมาดา 30 เม.ย. 2555, 15:48:51 น.
โอ้ ชื่อใหม่ บ่วงร้อยรัก ดูหวานขึ้น แต่เนื้อเรื่องยังดราม่าเหมือนเดิม ยายมิ่งก็ร้ายเหมือนเดิม ตรีประดับก็น่าสงสารเหมือนเดิม ส่วนนายเทียนต้องเข้ามามีจุดประสงค์ไม่ดีเอายายมิ่งไปเลย ท่าทางร้ายต้องเจอร้าย อิ อิ
โอ้ ชื่อใหม่ บ่วงร้อยรัก ดูหวานขึ้น แต่เนื้อเรื่องยังดราม่าเหมือนเดิม ยายมิ่งก็ร้ายเหมือนเดิม ตรีประดับก็น่าสงสารเหมือนเดิม ส่วนนายเทียนต้องเข้ามามีจุดประสงค์ไม่ดีเอายายมิ่งไปเลย ท่าทางร้ายต้องเจอร้าย อิ อิ
หมูอ้วน 30 เม.ย. 2555, 22:59:48 น.
งานนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี เฮ้อ..
งานนี้ไม่รู้จะสงสารใครดี เฮ้อ..
มารชมพู 1 มิ.ย. 2555, 16:03:48 น.
ความรู้สึกว่าต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเหมทอนมิ่งพยายามปกป้องสองอยู่นะเรื่องที่แม่หาผู้ชายมาให้นะ
ความรู้สึกว่าต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเหมทอนมิ่งพยายามปกป้องสองอยู่นะเรื่องที่แม่หาผู้ชายมาให้นะ