เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 21


บทที่ 21




ศรินดาก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาออกอย่างลวกๆ ไม่แม้แต่จะหันไปมองข้างหลัง ไม่ยอมมองคนที่ไล่เธอราวกับเธอไม่มีความรู้สึก

...คนบ้า! บ้าๆๆ บ้าที่สุด!!...

ร่างบางเตะก้อนหินบนพื้นอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ เหนื่อยก็เหนื่อย โกรธก็โกรธ หลากหลายอารมณ์ปนเปกันหมดจนเจ้าตัวต้องปล่อยโฮมาอีกระลอก

“ฮึก...คนบ้า...ทิ้งกันมาได้ แล้วจะให้หลับบ้านยังไงเล่า ฮือๆ...มารับฉันกลับไปเดี๋ยวนี้เลยนะคุณดล! “ เสียงหวานร้องออกมาอย่างเหลืออด ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆเพราะถ้าหยุดอยู่ตรงนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา

ปิ๊น!

เสียงรถดังขึ้นมาจากด้านหลัง แต่ศรินดาก็ยังเดินต่อไปไม่สนใจ

ปิ๊น! ปิ๊น!

เสียงแตรรถดังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง รินก็ยังก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ หากคราวนี้หญิงสาวข่มความไม่พอใจที่กำลังก่อตัวขึ้น

ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น!

เสียงแตรรถดังขึ้นเป็นสามครั้ง รินเร่งจังหวะการก้าวเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อความอดทนเริ่มถึงขีดจำกัด

ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น! ปิ๊น!

“จะบีบแตรเรียกญาติหรือไง!” หญิงสาวหันไปแหวเสียงดัง หน้าแดงเพราะความโกรธที่สะสมมาจากหลายเรื่อง จมูกแดงตาแดงเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่น้อย

ซีอาร์วีที่บีบแตรกวนประสาทปาดผ่านหน้าศรินดาก่อนจะจอดชิดริมทาง หญิงสาวยืนมองเจ้าของรถอย่างหาเรื่อง อยากรู้นักว่าหน้าตาจะเป็นยังไง ถึงได้ขับรถกวนประสาทอย่างนี้! แต่พอเห็นหน้าคนขับเต็มตา ศรินดาถึงกับทำตาโต อ้าปากค้างราวกับไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าคือเพื่อนสนิทของเธอ...สลิลธาร

“ไอ้หมอน้ำ!” รินร้องเรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง ก่อนจะโผเข้ากอดแน่น “...ดีใจจริงๆที่เจอ” น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง หากครั้งนี้มันมาจากความดีใจไม่ใช่เสียใจอย่างคราวแรก

“ใจเย็นๆ แกเป็นอะไร แล้วมาเดินอยู่ตรงนี้คนเดียวได้ยังไง” สลิลธารแกะเพื่อนที่กอดเธอแน่นเหมือนจิ้งจกที่ติดหนึบกับผนังให้พ้นตัว

“โดนคนบ้าปล่อยเกาะ” พูดเสียงอู้อี้ มือยกขึ้นเช็ดน้ำตาป้อย

“คุณดลอีกล่ะสิ” สลิลธารดักทางแล้วก็ถูกเสียด้วยเมื่อศรินดาพยักหน้ารับ

“แล้วทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไว้อย่างนี้” คุณหมอสาวถามต่อ

“อย่าถามนักได้ไหม ไม่รู้ ไม่อยากจำ ไม่อยากพูดถึง” เสียงหวานตอบสะบัด สลิลธารหรี่ตามองเพื่อนคล้ายจะจับผิด

“ที่โมโหนี่กำลังโกรธหรือกำลังงอน”

รินหันควับมามองเพื่อนตาขวาง “พูดงี้หมายความว่าไง ทำไมฉันต้องงอนเขา”

“ก็ไม่ได้หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่ก็อย่าร้อนตัวสิ”

“ไม่ได้ร้อนตัว!” ศรินดาปฏิเสธเสียงดัง

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” สลิลธารไหวไหล่ สายตาที่มองเหมือนกับว่ากำลังล้อเลียน

“แล้วพูดทำไม” ศรินดายังคงถามเสียงแข็ง ไม่ชอบเอาเสียเลยยามเมื่อถูกสลิลธารมองด้วยสายตาอย่างนี้

“พูดไม่ได้เหรอ ก็ไม่ได้งอนไม่ใช่รึไง”

รินมองเพื่อนตาเขียว ตัดสินใจสงบปากสงบคำไม่เถียงเพราะยิ่งเถียงก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งจนมุม และเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่เถียงต่อ สลิลธารก็อมยิ้มน้อยๆเพราะรู้ว่าการสนทนาครั้งนี้ตัวเองเป็นฝ่ายชนะ

“จะกลับด้วยกันหรือเปล่า” สลิลธารถามเพื่อนที่ทำหน้าบูด ส่วนศรินดานั้นมองไปที่ซีอาร์วีสีดำ

“ซื้อรถใหม่เหรอ” ไม่ตอบตามที่เพื่อนสาวถามแถมยังตั้งคำถามถามกลับอีกต่างหาก

“เปล่า รถเจ้หลินเค้า ยืมมาใช้...ระยะยาว” สลิลธารตอบยิ้มๆยามเอ่ยถึงลูกพี่ลูกน้องก่อนจะถามด้วยคำถามเดิมอีกครั้ง “แล้วตกลงจะกลับด้วยกันไหม”

“กลับสิ ใครจะโง่อยู่ล่ะ” พูดจบก็เดินลิ่วไปเปิดประตูรถทันทีพร้อมกับพาตัวเองไปนั่งบนรถทันที

“แล้วคุณดลล่ะ”

ศรินดาหันขวับมามองเพื่อนตาขุ่น “ถ้าคิดว่ายังเป็นเพื่อนกันอยู่ อย่าเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นให้ฉันได้ยิน” เธอบอกเพื่อนเสียงเย็น ก่อนจะปิดประตูอย่างแรง ไม่ได้เกรงใจเจ้าของรถเอาเสียเลย

สลิลธารโคลงศีรษะอย่างอ่อนใจ เอือมระอาในความดื้อรั้นและปากแข็งของเพื่อน

...อาการแบบนี้มันงอนชัดๆ ใครเห็นใครก็รู้...

...พอกันเลยทั้งคุณดลทั้งริน ปากแข็งกันทั้งคู่ ถ้าใครยอมผ่อนให้ก่อนนี่มันจะตายเลยหรือไงนะ...

คิดแล้วก็ไพล่นึกถึงผู้ชายอีกคนที่นิสัยแบบนี้ไม่แพ้กัน

...น้องชายว่าปากแข็งแล้ว แต่พี่ชายนี่สิทั้งแข็งทั้งหนัก อยากรู้นักว่าตอนเด็กๆถูกเลี้ยงด้วยอะไร โตมาถึงเก็บความรู้สึกได้ดีเยี่ยมกันขนาดนี้!...

“แล้วนี่จะกลับบ้านเลยใช่ไหมจะได้ไปส่ง” สลิลธารหันมาถามเพื่อนที่นั่งนิ่งอยู่นานแม้รถเคลื่อนตัวออกมาสักพัก ไม่ยอมบอกบอมกล่าวว่าจะให้เธอไปส่งที่ไหน

“ไม่...ไม่กลับ”

“อ้าว...ไม่กลับแล้วจะไปอยู่ไหน”

“อยู่กับแก”

“เฮ้ย!” สลิลธารอุทานเสียงหลง “แต่ฉันต้องทำงานที่โรงพยาบาลทั้งวันนะ แล้วแกจะอยู่กับฉันได้ไง”

“ไม่เป็นไร ฉันรอแกที่โรงพยาบาลก็ได้ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นกลับด้วยกัน”ศรินดายังยืนกรานคำเดิม ไม่อยากที่จะกลับบ้านไปเจอผู้ชายอย่างธนาดลแม้จะรู้ดีว่าทำอย่างนี้จะทำให้ทั้งพ่อเลี้ยงธฤต รวมทั้งมารดาของเธอเป็นห่วงก็ตาม

“จะบ้าเหรอ เดี๋ยวพี่ต้นแกได้มาแหกอกฉันพอดี” คุณหมอน้ำบอก ภาพของพนาดรที่เดินเข้ามาเอาเรื่องเธอโทษฐานไม่พาน้องสาวสุดที่รักของเขากลับบ้านชัดขึ้นในมโนทัศน์

“ฉันจะโทรบอกพี่ต้นเอง” ศรินดาตัดบทสั้นๆ จนสลิลธารต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง

“เออ...งั้นตามสะดวกเลย แต่อย่าให้พี่ชายแกมาว่าฉันได้ก็แล้วกันว่ากักตัวน้องสาวเขาเอาไว้” แม้จะยอมแพ้หากสลิลธารก็ยังไม่วายที่จะแอบแขวะ

รินไม่สนใจคำพูดของเพื่อน หญิงสาวหันหน้าออกนอกหน้าต่าง มองต้นไม้ใหญ่ริมทาง ปากบางเม้มแน่น กลืนก้อนสะอื้นที่จุกขึ้นมาลงไป กระพิบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่กำลังไหลออกมา ท่องในใจว่า เธอจะไม่ร้องไห้เพื่อผู้ชายคนนั้นอีก แค่ครั้งนั้นที่เธอร้องไห้ให้เขา ครั้งนั้นครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว

เพราะต้องพาศรินดาไปหาอะไรกินก่อนจะกลับเข้าที่พักเวลาจึงล่วงเลยมาเกือบห้าโมงเย็นสลิลธารพาเพื่อนเข้ามาในห้อง รินเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟา พลางกวาดตามองห้องของสลิลธารที่แบ่งเป็นสัดส่วน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอนและห้องน้ำ ถ้าจะให้คาดคะเนราคาแต่ละคืนคงไม่น้อยเลย

“นี่แกจะอยู่โรงแรมหรูๆอย่างนี้อีกนานไหม” รินถามเพื่อนสลิลธารไหวไหล่เล็กน้อย

“ไม่รู้สิ คงจนกว่าจะหาบ้านได้ล่ะมั้ง ว่าแต่แกเหอะโทรบอกพี่ชายหรือยัง” สลิลธารถามเพื่อน ส่วนศรินดานั้นยันตัวนั่งหลังตรง หยิบโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งซื้อมาใหม่หลังจากที่เครื่องเก่าถูกใครบางคนขว้างทิ้งจนไม่เหลือชิ้นดี แต่พอจะโทรออกก็ดันมีคนชิงโทรเข้ามาเสียก่อน รินขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อหน้าจอปรากฏชื่อ ‘พี่ต้น’

“ค่ะ พี่ต้น”

“อยู่ไหนน่ะริน”

“อยู่กับน้ำค่ะ คืนนี้รินค้างกับน้ำนะคะพี่ต้น”

“ทำไม มีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงไม่กลับบ้าน”

“เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร” หญิงสาวพูดปดก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “แล้วพี่ต้นล่ะคะ โทรหารินมีอะไรหรือเปล่า”

“รินรู้ไหมว่าดลไปไหน”

คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบว่า “ไม่ทราบค่ะ”

“เอื้องบอกว่ารินออกไปกับดลไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าดลอยู่ไหน”

“รินไม่ได้กลับกับคุณดลค่ะพี่ต้น” เธอตอบ ซึ่งคราวนี้เป้นความจริง แม้มันจะไม่ตรงกับความจริงทั้งหมดก็ตาม เพราะถ้าให้ตอบจริงๆ มันก็คงจะเป็น...เธอถูกไล่ให้ลงจากรถมาต่างหาก

“แล้วดลบอกรินไหมว่าเขาจะไปไหน” น้ำเสียงของพนาดรนั้นดูร้อนรนจนคนที่สนทนาด้วยอย่างศรินดาเริ่มสัมผัสได้

“ไม่ได้บอกค่ะ ทำไมเหรอพี่ต้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” รินเองก็สงสัยไม่น้อย เพราะน้อยครั้งที่พี่ต้นของเธอจะออกอาการ ‘ร้อนรน’ อย่างนี้ ศรินดาได้ยินเสียงถอนหายใจยาวมาตามสัญญาณโทรศัพท์ รู้สึกได้ทันทีว่าพนาดรต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่หนักใจอยู่เป็นแน่

“ดลยังไม่กลับบ้าน” คำตอบของพนาดรทำให้ลมหายใจของใครอีกคนกระตุกเบาๆ

“เรื่องแค่นี้น่ะหรือคะพี่ต้น คุณดลยังไม่กลับบ้านตอนนี้ รินไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไร” หญิงสาวกลบเกลื่อนอาการตกใจของตัวเองด้วยการพูดราวกับไม่สนใจหรือไม่แปลกอะไรที่คนอย่างธนาดลจะยังไม่กลับบ้าน

“มันไม่ใช่แค่นั้น ถ้าพี่จะบอกรินว่ามีคนเจอรถของดลแต่ไม่เจอเจ้าของรถ รินว่ามันแปลกไหม”

คราวนี้หญิงสาวรู้สึกว่าอุณหภูมิของตัวเองเริ่มเย็นชืด มือไม้สั่นสั่นแทบไม่มีแรงที่จะถือโทรศัพท์ แต่ก็ยังต้องทำเป็นไม่สนใจ...ไม่ใส่ใจ

“แล้วพี่ต้นจะทำยังไงต่อไปคะ”

“พี่ให้เพื่อนพี่ที่เป็นตำรวจให้ช่วยหาแล้ว แต่คิดว่าจะไม่แจ้งความ”

“กลัวจะส่งผลกระทบต่อไร่ใช่ไหมคะพี่ต้น” ศรินดาคาดเดาและมันก็ไม่น่าจะผิดเสียด้วย

“ใช่...ถ้ามีข่าวรั่วไหลว่าดลหายตัวไป พี่คิดว่ามันจะส่งผลไม่ดีต่อไร่ คนอื่นจะคิดว่าไร่เราสร้างศัตรูไว้เยอะ”

“ค่ะ”

“แค่นี้ก่อนนะริน ถ้าติดต่อดลได้รินรีบบอกพี่ทันทีเลยนะ เพราะพี่ไม่รู้ว่าจะปิดบังเรื่องนี้กับคุณพ่อได้นานแค่ไหน”

“ค่ะพี่ต้น” น้องสาวรับคำและสายก็ถูกตัดไป มือบางร่วงลงข้างลำตัวก่อนที่ร่างจะทรุดฮวบลงพิงกับโซฟา

...ใจหายหรือริน? จะใจหายไปทำไม ผู้ชายคนนั้นไม่มีอิทธิพลกับเธอขนาดนี้ ไม่มี!

...เป็นห่วงทำไมกันคนอย่างนั้น คนอย่างเธอจะไปเสียเวลาห่วงเขาทำไม จะห่วงทำไมกัน

...คนอย่างนั้น หายไปได้ก็ดี

หากพอคิดว่าเขาจะหายไปจริงๆ น้ำอุ่นๆก็รื่นขึ้นมาคลอเต็มดวงตา ศรินดาเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นมองเพดานเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

“เป็นอะไรไปริน” สลิลธารถาม เมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเพื่อนนั้นไม่ดีเลย

“คุณดลหายตัวไป...ยังหาไม่เจอ” ศรินดาตอบเสียงเบา ทั้งเบาและสั่น

สลิลธารนั่งลงข้างๆเพื่อน จับมือข้างหนึ่งของรินไว้และก็ต้องตกใจเพราะมือของรินนั้นเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง

“เป็นห่วงเขามากขนาดนี้เลยหรือริน”

ศรินดาหันมามองเพื่อนด้วยแววตาแข็งกร้าวทันที “ฉันไม่ได้เป็นห่วง” หญิงสาวย้ำคำหนักแน่น

“แล้วที่มือเย็นเฉียบอยู่นี่ล่ะ เขาเรียกว่าอะไร”

“แค่ตกใจ” รินเถียงไปข้างๆคูๆ เถียง...ทั้งๆที่รู้ว่ามันฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

“รู้ว่าหลอกตัวเอไม่ได้แล้วจะหลอกตัวเองทำไมนะริน”

“ฉันไม่ได้หลอกตัวเอง! ฉันไม่เคยเป็นห่วงผู้ชายคนนั้น ไม่เคย!” รินตะโกนใส่เพื่อน ก่อนจะวิ่งหนีเข้าไปในห้องนอนและล็อคประตูโดยปล่อยให้เจ้าของห้องทำได้แค่เพียงมองตาม

...เมื่อไหร่จะยอมรับได้สักทีนะริน

...เมื่อไหร่จะยอมรับว่าแกเป็นห่วงคุณดลมากขนาดไหน

...เมื่อไหร่จะยอมรับเสียงของหัวใจตัวเองเสียที

....จะหนีอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน












เปลือกตาที่ปิดสนิทมาหนึ่งคืนเต็มค่อยๆลืมตื่นขึ้น ชายหนุ่มปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางผ้าม่านที่เปิดกว้าง ธนาดลยันตัวขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน สำรวจดูรอบๆว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ที่ไหน และเมื่อได้ข้อมูลคร่าวๆจึงสรุปว่าที่นี่คงจะเป็นบ้านของใครสักคน ตาคู่คมเปลี่ยนทิศทางทันทีเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู แล้วอาการช็อคชั่วขณะก็เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มเห็นหน้าบุคลลที่เข้ามาเต็มตา

“เป็นไงบ้าง” นนทนัฐทัก มองคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง

“แกมาได้ยังไง” คนที่เจ็บย้านถามกลับอย่างไม่เกรงกลัว

“ก็นี่บ้านฉัน ทำไมฉันจะมาไม่ได้”

“อะไรนะ” ธนาดลย้อนถามเสียงสูง ไม่เข้าใจว่าตนเองมาอยู่ที่บ้านของนนทนัฐได้อย่างไร

“ฉันช่วยแกไว้” นนทนัฐไหวไหล่คล้ายกับเรื่องแค่นี้เป็นเรื่องอะไรที่ธรรมดาๆ ไม่ได้สำคัญอะไร

“ช่วยฉัน...ต้องการอะไร” ธนาดลถามอย่างไม่วางใจเพราะเขาไม่เคยเชื่อใจไอ้คนตรงหน้านี้เลยสักครั้งเดียว

นนทนัฐดีเฉพาะกับศรินดาคนเดียว ส่วนคนอื่น...ผู้ชายคนนี้ไม่ใส่ใจ

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่...อยากให้แกติดหนี้บุญคุณฉันแค่นั้นเอง”

“ไอ้นนท์!!” เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัน คิดอยู่แล้วว่านนทนัฐต้องมีเหตุผลแอบแฝงในครั้งนี้แน่ “ฉันจะกลับไร่ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน” ธนาดลบอกเสียงเย็น พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งยามที่ขยับตัวก็ตาม

“ถ้าคิดว่าไปสภาพนี้แล้วพ่อแกไม่ตกใจจนหัวใจวายก็เอา” นนทนัฐท้า มองสภาพธนาดลที่ดูย่ำแย่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“แกจะเอายังไงกับฉัน”

นนทนัฐยกมุมปากขึ้นน้อยๆ “อยู่บ้านฉันอีกสองสามวันให้สภาพดูดีกว่านี้แล้วค่อยกลับ”

“คิดจะเรียกคะแนนความดีจากผู้หญิงคนนั้นล่ะสิ” คนเจ็บบอกอย่างรู้ทัน ธนาดลรู้ตัวดีว่านนทนัฐนั้นไม่ถูกชะตากับตัวเองเท่าใดนัก ที่ช่วย...ก็คงเพราะอยากจะทำคะแนนให้ศรินดาเห็นใจ แถมการช่วยเขาในครั้งนี้ยังถือเป็นบุญคุณเพิ่มมาอีกต่างหาก

“ใช่...” นนทนัฐกล่าวอย่างผู้ชนะ “และบ้านแกก็ยังติดหนี้บุญคุณบ้านฉันด้วย”

ธนาดลมองตามหลังนนทนัฐอย่างเจ็บใจ ถ้าเลือกได้ชายหนุ่มเลือกที่จะนอนเจ็บอยู่ข้างถนนดีกว่ายอมให้คนอย่างนนทนัฐยื่นมือเข้ามาช่วย!











เสียงโทรศัพท์และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เจ้าของเครื่องกดรับด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้ว่านนทนัฐคือคนที่โทรเข้ามา

“ว่าไงจ๊ะนนท์”

“รินอยู่ไหนครับ”

“อยู่กับน้ำ ทำไมเหรอ นนท์มีอะไรหรือเปล่า”

“รินรอนนท์อยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวนนท์ไปรับ” ไม่รอคำตอบรับหรือปฏิเสธของอีกฝ่าย สัญญาณก็ถูกตัดไปและศรินดาเองก็ใช้เวลารอคนมารับไม่นานนัก เพราะไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงร่างของนนทนัฐก็ปรากฏตรงหน้าของเธอ

“มีอะไรนนท์ ทำไมถึงได้พารินมาที่บ้านนนท์แบบนี้” ศรินดาถามเมื่อจู่ๆนนทนัฐก็พาเธอออมาจากโรงแรมและมุ่งหน้ามาบ้านของตัวเองโดยไม่ถามความสมัครใจของเธอสักนิด

“มีอะไรอยากให้รินดู” ชายหนุ่มบอกก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้หญิงสาว

“อะไร” รินที่ลงจากรถเรียบร้อยแล้วเอียงคอถามอย่างสงสัย

“ตามมาเดี๋ยวก็รู้ครับ” นนทนัฐดึงมือบางให้เดินตามจนมาถึงหน้าห้องๆหนึ่ง ศรินดามองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ เครื่องหมายคำถามมากมายเกิดขึ้นเต็มหัว

“อะไรน่ะนนท์”

“เข้าไปสิ” นนทนัฐบุ้ยหน้าไปที่ประตู

“เข้าทำไม” หากหญิงสาวก็ยังคงถามและไม่ยอมที่จะก้าวเข้าไป

“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้ครับ” ชายหนุ่มยังคงคะยั้นคะยอ

“มีอะไรหรือเปล่านนท์” รินถามย้ำอีกที

“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้ นี่นนท์ใจดีสุดๆแล้วนะที่ยอมให้รินมา”

คิ้วเรียวสวยขมวดชิด ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจว่านนทนัฐพูดถึงเรื่องอะไร

“นนท์เข้าไปด้วยกันสิ”

“ไม่ล่ะ...มันเดี้ยงขนาดนี้คงไม่มีแรงทำอะไรรินหรอก แต่ถ้ามันทำรินก็รองดังๆนะ เดี๋ยวนนท์จะมาต่อยมันอีกสักหมัด” นนทนัฐยิ้มกว้างให้สาวข้างตัวก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ศรินดายืนคว้างอยู่หน้าประตูห้องคนเดียว

หญิงสาวจับที่ลูกบิดประตูก่อนจะเปิดเข้าไป ตาคู่โตกวาดมองรอบห้องแล้วก็ต้องสะดุดกับร่างๆหนึ่งที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ศรินดาเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่นอนอยู่ใช่คนเดียวกับคนที่เธอคิดหรือไม่

ใบหน้าขาวของเขามีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ปากแตก แต่ดีที่หัวไม่แตกเหมือนคราวนั้น ดูจากอาการภายนอกเหมือนกับไปมีเรื่องกับใครมาไม่มีผิด หญิงสาวลากเก้าอี้มานั่งข้างๆคนเจ็บโดยพยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุดเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น

...ไปมีเรื่องกับใครมาอีกนะคุณดล

หญิงสาวคิดในใจ แล้วเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็แล่นเข้ามาในหัว เหตุการณ์ที่เขาไล่เธอจากรถ...เมื่อวาน

...อย่าบอกนะว่าที่เขาไล่เธอลงจากรถเพราะรู้ว่ามีคนจะมาทำร้ายเลยไม่อยากให้เธอโดนลูกหลงไปด้วย ไม่น่ะ...ไม่ใช่หรอก...คนอย่างคุณดลไม่เคยทำอย่างนี้เพื่อใคร เขาไม่เคยปกป้องใคร และเขา...ไม่เคยปกป้องเธอ

รินลุกขึ้นทันทีเมื่อสรุปทุกย่างเอาเองเสร็จสรรพ หากพอจะก้าวขา ข้อมือก็ถูกรั้งไว้โดยคนที่นอนอยู่บนเตียง

“จะไปไหน” ธนาดลถามเสียงแผ่ว ชายหนุ่มไม่ได้หลับมาตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่แกล้งหลับเพื่อจะดูปฏิกิริยาของผู้หญิงคนนี้เท่านั้น

เพราะได้ยินเสียงของศรินดาคุยกับนนทนัฐจากนอกห้องจึงรู้ว่าเธอมา และดีใจ...ที่อย่างน้อยก็ได้เห็นหน้ากัน

“กลับไร่” รินตอบ หากไม่พยายามที่จะแกะมือของเขาออกอย่างเคย

“ฉันเจ็บอยู่ ไม่เป็นห่วงกันเลยหรือไง”

“ฉันไม่มีความรู้สึกนี้กับคุณค่ะ พอดีว่านนท์พามาและฉันเห็นแล้วว่าคุณปลอดภัย ฉันจะได้ไปบอกพี่ต้นว่าคุณไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงหวานนั้นเย็นชา ธนาดลปล่อยมือบางนั่นทันที หันหน้าหนีร่างของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“งั้นก็ออกไปได้แล้ว ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอเหมือนกัน” น้ำเสียงนั้นกระด้างขึ้นทันที ชายหนุ่มไม่แม้จะมองร่างของคนที่เดินจากไป จนได้ยินเสียงประตูปิดแล้วนั่นล่ะถึงได้หันมามอง

...ใจร้าย...ผู้หญิงใจร้าย...

...จะเป็นห่วงกันสักน้อยไม่ได้เลยหรือศรินดา

...จะใจร้ายแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน

...เธอกำลังเอาคืนใช่ไหม...เอาคืน...ที่ฉันทำร้ายเธอ

เมื่อเดินพ้นมาจากห้อง ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าธนาดลปลอดภัยศรินดาไม่แน่ใจนักว่าเธอดีใจหรือไม่ แต่คำพูดที่แสนเย็นชาที่พูดออกไปมันออกมาจากจิตใต้สำนึกของเธอ สมองสั่งการให้พูดอย่างนี้ พูดให้เขารู้ว่าเธอไม่เคยใยดีเขาเลยสักนิดเดียว ทว่าในหัวใจเล่า...มันคิดเช่นเดียวกับสมองหรือ

...ไม่รู้...เธอไม่รู้และไม่อยากจะรับรู้

นนทนัฐที่รออยู่ที่ห้องรับแขกลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเข้ามา ชายหนุ่มเดินเข้าไปยืนตรงหน้าศรินดาก่อนที่จะส่งยิ้มกว้างให้

“ออกมาเร็วจังครับ”

“ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม แค่รู้ว่าคุณดลปลอดภัยก็พอแล้ว” หญิงสาวพูดราวกับว่าไม่ใส่ใจ

“ดีใจจังที่รินคิดอย่างนี้”

ศรินดามองใบหน้าของนนทนัฐอย่างไม่เข้าใจ “ดีใจทำไมนนท์”

นนทนัฐยิ้มกริ่มเอื้อมมือไปกุมมือรินไว้หลวมๆ “ก็จะได้แน่ใจว่ารินไม่ได้คิดกับไอ้ดลเกินกว่าคำว่าพี่ไง”

ศรินดาเบิกตากว้าง ตกใจกับคำพูดของนนทนัฐ “อะไรทำให้นนท์คิดแบบนั้น อะไรที่ทำให้นนท์คิดว่ารินรู้สึกกับคุณดลเกินกว่าคำว่าพี่”

“ช่างเถอะ...แค่รินไม่คิดนนท์ก็พอใจแล้ว” นนทนัฐบอกปัด กระชับมือเล็กที่จับไว้

...เพราะถ้ารินไม่คิดอะไรซะอย่าง ต่อให้ไอ้ดลมันรักรินจริง มันก็แพ้อยู่วันยังค่ำ

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆอย่างผู้มีชัยชนะ ผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกว่าแววตาที่ธนาดลมองมายังศรินดานั้นเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นแบบเดียวกับที่เขามอง

“แล้วนนท์ไปเจอคุณดลได้ยังไง” ศรินดาตั้งคำถาม ไม่คาดคิดว่าคนที่ช่วยธนาดลจะเป็นนนทนัฐซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ก็...บังเอิญ”

“บังเอิญ?” หญิงสาวย้อนถามเสียงสูง

“อืม...บังเอิญนนท์ผ่านไปแถวนั้นพอดี แล้วก็เห็นมันสลบอยู่กับพื้น”

“นนท์ไม่ได้โกหกอะไรรินใช่ไหม” ศรินดาถามเพื่อความแน่ใจเพราะหญิงสาวรู้ว่าธนาดลกับนนทนัฐไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไรนัก

“นนท์จะโกหกทำไมครับ” นนทนัฐจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมมือที่เล็กกว่าไว้หลวมๆเพื่อยืนยันในคำตอบของตนเองว่าสิ่งที่พูดมาทั้งหมดหมดเขาไม่ได้โกหกเธอแม้แต่คำเดียว

“รินจะกลับบ้านแล้ว นนท์ไปส่งรินหน่อยได้ไหม” ศรินดารีบบอกตัดบท รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่นนทนัฐมองเธอด้วยสายตาอย่างนี้

“รินนี่หาทางหนีนนท์ได้ตลอดเลยนะ ทำไมครับ นนท์ไม่ดีพอที่รินจะฝากหัวใจไว้ด้วยหรือ” น้ำเสียงนั้นตัดพ้ออย่างชัดเจน ศรินดาทำหน้าไม่ถูก สงสารก็สงสารที่ปล่อยให้นนทนัฐรอมาได้หลายปี แต่ถ้าจะให้เธอตอบตกลง เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าแท้ที่จริงแล้วใจของเธอมีเขาอยู่จริงหรือไม่

“นนท์บอกว่าจะให้เวลาริน”

“แล้วรินจะเอาเวลาอีกเท่าไหร่ครับ หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน หนึ่งปี สิบปี หรือตลอดไป”

“รินไม่รู้ รินไม่รู้ว่ารินจะให้คำตอบกับนนท์ได้เมื่อไหร่ รินรู้แค่ว่า รินรู้สึกดีที่นนท์เป็นห่วงริน ตอนนี้รินรู้แค่นี้ แต่ถ้านนท์จะเอาคำตอบอะไรที่มากกว่านี้ รินคงให้นนท์ตอนนี้ไม่ได้” ดวงตาคู่สวยที่สบตอบกลับไปนั้นสั่นไหว

“ขอโทษ...นนท์ขอโทษนะที่เร่งรัดริน” เมื่อเห็นความไม่แน่ใจในสายตาของศรินดา ชายหนุ่มจึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เขาไม่ควรที่จะทำให้เธอคิดมาก เขารอเธอมานานขนาดนี้แล้ว ถ้าจะรอต่อไปอีกหน่อยมันก็คงจะไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือ

“นนท์อย่าขอโทษรินเลย รินต่างหากที่ต้องขอโทษนนท์ รินให้คำตอบที่ชัดเจนกว่านี้ไม่ได้ ขอโทษนะจ๊ะ” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวาน

“ไม่เป็นไรครับ แค่รินรู้ว่านนท์รักรินมากกว่าใครแค่นั้นก็พอ” รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นถูกส่งไปให้ศรินดาอย่างเคย หญิงสาวส่งยิ้มบางๆกลับไป นึกถึงใครบางคนที่ไม่เคยมีรอยยิ้มอย่างนี้ให้กับเธอ แม้เธอจะเคยได้รอยยิ้มอย่างนี้จากใครหลายๆคน แต่เธอไม่เคยได้รอยยิ้มอย่างนี้จากเขาเพียงแค่คนเดียว...ไม่เคยเลย

...นนท์รักรินมากกว่าใคร...

ใช่ นนทนัฐรักเธอมากจริงๆ แต่รักมากกว่าใครนั้นจริงหรือ นนท์รักเธอมากกว่า ‘ใคร’ จริงหรือ

หรือมีใครที่เธอไม่รู้รักเธอมากกว่านนท์ ใครที่เธอไม่คิดว่าเขาจะมารักเธอ ใครคนหนึ่งที่รักเธอมากกว่านนท์ และ ‘ใคร’...ที่เธอรัก...สุดหัวใจ


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ยังคงบีบคั้นกันต่อไป...คนอ่านที่รักอย่าเพิ่งเครียดไปนะค้าาาา
เรื่องราวมันกำลังดำเนินไปค่ะ :) ขอดราม่าไปอีกสักพักแล้วคุณดลจะจัดแบบหวานๆให้นะคะ

อย่าเพิ่งเครียดกันไปก่อนนะคะ ตอนนี้คนเขียนรู้สึกว่ามันเครียดมากไปหรือเปล่านะ...คิดกันยังไง ชอบไม่ชอบบอกได้นะคะ

*ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ใครใจดีทั้งคอมเมนท์กดไลค์ด้วยปอแก้วจะดีใจมากๆเลยค่ะ*


คุยกันอย่างเคยค่ะ...


คุณ nunoi : ฮืออออ...มันเครียดขนาดนั้นเลยหรือคะ

คุณ Auuuu : ต้องถามคุณดลเธอค่ะว่าจะเอาเรื่องไหม พระ-นางเรื่องนี้เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ค่ะ แต่สักวันคงจะหันหน้ามาคุยกัน

คุณ teesaparn : ตลอดๆเลยล่ะค่ะ ทู้กกกก...ตอน

คุณ Amata : ดีใจที่หายแล้วนะคะ รอๆๆคุณติณณ์กับหนูมุกค่ะ

คุณ Heronett : ใจร้ายเพราะต้องการปกป้องค่ะ ^^" ส่วนอีกกี่ตอนจบน่าจะไม่เกิน 15 ตอนอ่ะค่ะ (แลดูเยอะเนอะ)

คุณ Pat : คนเขียนก็หนักใจค่ะ เห็นคนอ่านกดดันและเครียดกันทั้งนั้นเลย ฮืออออ

คุณ anOO : ใช่ค่ะ ทุกคนมองแต่มุมของตัวเอง ส่วนรินตอนนี้เหมือนจะฉุกคิดได้นิดนึงแต่ก็คิดเอง (อีกแล้ว) ว่ามันไม่ใช่...เฮ้ออออ

คุณ บุรีวาด : มันดราม่าและกดดันใช่ไหมคะ ติดต่อกันหลายตอนเลยเนอะ กลัวคนอ่านเบื่อเหมือนกันค่ะ (ประมาณว่า...เมื่อไหร่จะหวานกันซักทีน้าาาา) // ขอบคุณที่เข้าใจเรื่องที่คุณดลตบหน้ารินนะค้าาาา

คุณ viengkawe : อิอิ เรื่องนี้อัพแทบทุกวันค่ะ เพราะค่อนข้างหลายตอน ค่อยๆตามอ่านก็ได้จ้าา ดีใจที่ยังตามอ่านกันนะคะ :)

คุณ ดาวคันชั่ง : คิดว่ามันจะยังกดดันไปอย่างนี้อีกหลายตอนน่ะสิคะ

คุณ เด็กหญิงม่อน : แหะๆ ความรักช่างมีอุปสรรคมากมายใช่ไหมคะ แต่ละคนปากแข็งกันทั้งนั้น

คุณ MYsister : นิยายเรื่องนี้กลายเป็นนิยายดราม่าไปแล้วใช่ไหมคะนี่ T^T

คุณ lovemuay : ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ยอมรับว่าเรื่องนี้มีฉากกดดันค่อนข้างติดต่อกันยาวจริงๆค่ะ ทั้งคู่พี่และคู่น้อง ส่วนเรื่องพี่ต้น...ยอมรับจากใจเลยค่ะว่ายอมถอยง่ายไปหน่อย แต่เขาจะยอมจริงๆหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไปน้าาาา

คุณ หมูบูลิน : เจ็บกันยาวๆเลยค่ะ ;(





ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ค. 2555, 09:16:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ค. 2555, 09:16:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 2088





<< บทที่ 20   บทที่ 22 >>
Heronett 1 พ.ค. 2555, 09:35:21 น.
ไม่มีใครรักรินเท่าคุณดลย่ะะะ


roseolar 1 พ.ค. 2555, 09:47:14 น.
เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ ไม่มีใครรักรินเท่าคุณดลอีกแล้ว ความรักที่เห็นแก่ตัวของนนท์หรือจะสู้ความรักที่เสียสละและไม่หวังผลตอบแทนของคุณดลได้ รักของคุณดลอาจไม่ถูกแสดงออก มองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริงนี่นา ถ้ารินไม่รู้จักใช้ใจสัมผัสก็คงไม่มีวันได้พบกับความรักงดงามของคุณดลหรอก เริ่มเหวี่ยงรินเพราะสงสารคุณดล ฮาาาา ฉากนี้คุณดลโกยคะแนนสงสารไปเต็มๆเลย ยิ่งอ่านยิ่งรักและประทับใจในตัวคุณดล มิเสียแรงที่สู้อุตส่าห์ปลาบปลื้มมม
ปล.ถึงจะเครียด แต่อ่านแล้วช่วยให้ความเครียดในชีวิตบรรเทาเบาบางลงเยอะเลย อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว >///<


เด็กหญิงม่อน 1 พ.ค. 2555, 10:23:27 น.
ก็ใครคนนั้นไม่ยอมแสดงออกแล้วหนูรินเค้าจะรู้ได้ยังไงล่ะจ๊ะว่ารักน่ะคุณดลเอ๊ยยยย

"ถ้าหากรักนี้ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจะรู้ว่ารักหรือเปล่าอาจยังไม่แน่ใจ" อิอิ เอาเพลงนี้ไปฟังบ่อยๆนะคุณดล


Auuuu 1 พ.ค. 2555, 10:50:31 น.
นนท์มีส่วนรู้เห็นป่าวหว่า?


anOO 1 พ.ค. 2555, 10:52:50 น.
ติดหนี้บุญคุณนายนนท์แบบนี้ คุณดลคงคิดหนัก
ถ้านายนนท์บังคับให้หลีกทางให้ล่ะ จะเจริญรอยตามพี่ต้นไหมนี่


nunoi 1 พ.ค. 2555, 13:07:43 น.
คุณดลซิจ๊ะที่รักรินมากกว่าใคร อยากรู้ว่าจะเข้าใจกันยังไงอ่ะ
เห็นด้วยกับหมอน้ำ ปากแข็งทั้งพี่ทั้งน้อง


MYsister 1 พ.ค. 2555, 13:08:30 น.
kunDon na song-san jing jing


ดาวคันชั่ง 1 พ.ค. 2555, 13:15:59 น.
ไม่ค่อยชอบนายนนท์เลยแฮะ บอกไม่ถูกว่าทำไม รู้แต่ว่าเชียร์คุณดลสุดใจ พี่ต้นด้วย


Amata 1 พ.ค. 2555, 16:46:02 น.
Happy Birthday จ้า ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
ให้หนึ่ง like กับ เด็กหญิงม่อน


lovemuay 1 พ.ค. 2555, 20:56:47 น.
นายนนท์ท่าทางจะร้ายลึก บางทีอาจจะเป็นคนจ้างคนมารุมสกัมนายดลก็ได้


Pat 1 พ.ค. 2555, 22:47:19 น.
HBDค่า


หมูบูลิน 2 พ.ค. 2555, 00:21:49 น.
นายนนท์เป็นคนจ้างพวกนั้นมาทำร้ายคุณดลป่ะเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account