อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 8

8.


บนโต๊ะมีอาหารที่ดีที่สุดของร้านอยู่ถึงห้าอย่าง ทั้งที่สุริยาพยายามจะบอกว่า

“อย่าสั่งมาเยอะเดี๋ยวทานไม่หมด เสียดายแย่” แต่อีกคนก็หาได้เชื่อฟัง

“ไม่เป็นไรน่า วันนี้ผมอยากเลี้ยงตอบแทนคุณสองคนให้เต็มที่” รุ่งโรจน์บอกพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วชักสีหน้าตำหนิคนไม่รักษาเวลานัด

และยังไม่ทันที่เขาจะบริภาษอะไรออกไป สาวเจ้าคนที่ถูกพูดถึงก็เดินใส่ชุดพนักงานถือถาดวางโถข้าวออกมา

“แสงทอง” ทั้งสุริยาและรุ่งโรจน์อุทานเกือบจะพร้อมกัน

“มีอะไรให้หนูรับใช้หรือเจ้าคะ” อีกคนยิ้มนิ่ง ๆ ในวงหน้า

“เกิดอะไรขึ้น” รุ่งโรจน์หันซ้ายหันขวามองพนักงานคนอื่น ๆ

“ทำไมเธอทำอย่างนี้ล่ะ”

“หากแม้เลือกเกิดได้ หนูก็อยากจะร่ำรวยเงินทองอย่างคุณชายนะเจ้าคะ แต่นี่..ชีวิตมันเศร้า” แสงทอง ทำน้ำเสียงสะอื้น ส่งผลให้สุริยาหัวเราะ

“วันนี้เธอลางานครึ่งวันได้ไหม ไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมานั่งกินด้วยกัน”

“ถ้าทำอย่างนั้นจะถูกหักเงินสองร้อยบาทเจ้าค่ะ เสียดายตังค์แย่”


“โอเค เดี๋ยวฉันจัดการให้” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ คงถามหาผู้จัดการหรือไม่ก็เจ้าของร้าน คุยกันสักพักแล้วก็ควักเงินให้ตรงนั้นสองร้อยบาท พอเดินกลับมา สาวแสงทองก็ถอดผ้าคลุมผมกับผ้ากันเปื้อนสีขาววางไว้ข้างตัวเรียบร้อย

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ที่กรุณา” หญิงสาวยังตั้งท่ากวนอารมณ์ของเขา

“เล่นไปได้เรื่อยนะเราแล้วทำไมถึงมาทำงานที่นี่ได้” รุ่งโรจน์ทำเสียงดุ

“ก็ตอบแล้วไงว่าจน ลูกกำพร้า ป้าลุงเลี้ยง และคนอื่นเลี้ยงมันจะสุขสบายสักแค่ไหนเชียว” ว่าพลางก็คดข้าวใส่จานให้สองหนุ่ม พร้อมกับรินน้ำส่งให้

“เด็กรามเจ้าค่ะ หาประสบการณ์ชีวิตด้วย และอย่างหนูจะไปเป็นสาวโคโยตี้ หรือสาวไซด์ไลน์ก็คงไม่ไหวหรอก ใจไม่รัก”

“แต่หุ่นเธอให้นะ” รุ่งโรจน์แซว แต่อีกคนหาเล่นกับประเด็นนั้นไม่

“แล้วนี่พี่ยามาได้ไงเนี่ย” สายตาหญิงสาวที่มองทางสุริยาผิดกับมองทางรุ่งโรจน์

“คุณรุ่งเขาไปรับมา ไปถึงบ้านเลย เก่งจริง ๆ เพียงแค่เห็นวินมอ-ไซค์ที่พี่ซ้อน เขาก็ยังไปถูก”

“เก่งอยู่แล้ว พันธุ์เขาดี เรื่องแค่นี้ขี้ผงใช่ไหม”

“ปากเธอจริง ๆ เลย” รุ่งโรจน์ว่าให้

“จ้า..จะเก็บปากไว้กินของแพง ๆ นี่” ว่าพลางก็ตักอาหารกินด้วยท่าสบายอารมณ์

“มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” สุริยาถามบ้าง

“วันรุ่งขึ้น ..จริง ๆ จะกลับมาด้วยกันกับพี่นี่แหละ แต่รำคาญป้า เดี๋ยวจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้แกเครียดเสียเปล่า ๆ ก็เลย เลื่อนมาอีกวัน..”

“อืม แล้วเรื่องเรียนไปถึงไหนแล้ว” รุ่งโรจน์ตั้งคำถาม

“เหลือแค่ไม่กี่เล่มก็จะจบแล้ว”

“กี่ปีแล้วล่ะ” สุริยาอยากรู้เพิ่มเติม

“4 ปีนี้แล้ว ลงอังกฤษมาแปดรอบแล้วตกอยู่นั่นแหละ ..ติวก็ยังโง่เหมือนเดิม”

“ให้ฉันติวให้ไหม” รุ่งโรจน์เสนอตัว

“ไม่หรอก เกรงใจ กลัวเป็นข่าว กลัวเฮียจะเสียเวลาไปป้อสาว ๆ” น้ำคำของแสงทอง ดูคล้ายไม่มีแววกริ่งเกรงในความมั่งมีของอีกคนสักนิด


เมื่อจัดการกับอาหารคาวจนหมด ของหวานเป็นผลไม้และไอศครีมจึงตามมาพร้อมกับที่สุริยาส่งรูปที่ปางจันทร์ให้แสงทอง

“สวยเหมือนกันแฮะเรา” แสงทองเปรยขึ้น

หลังจากนั้นรุ่งโรจน์ก็แสร้งอาเจียน สุริยา ยิ้ม ๆ เมื่อได้เห็นอารมณ์สบาย ๆ ของทั้งสองคน

..บรรยากาศเช่นนี้กระมังที่รุ่งโรจน์ต้องการได้จากเขาและแสงทอง

“คืนนี้ว่างไหม” รุ่งโรจน์ถามขึ้น แสงทองไม่ตอบ สุริยาก็ไม่ตอบ

“จะพาไปดูหนัง”

“ไม่ไป เปลือง เรื่องละตั้งเป็นร้อย เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า” แสงทองตอบทันที ส่วนสุริยา

“พรุ่งนี้ต้องไปทัวร์อยุธยาครับ ไปด้วยกันไหม”

ทีนี้ แสงทองตาโตก่อนจะบอกว่า “อยากไปด้วยจัง แต่ติดติว”

“วันมาฆะก็ได้นะ จัดสองรอบ ไปนะ รถออกตอนเจ็ดโมงเช้าที่ทางเข้านิคม”

“ผมไปด้วยได้ปะ” รุ่งโรจน์แทรกขึ้น

“เฮียไป คนบนรถได้แตกตื่นกันพอดี..”

“คงไม่หรอก ..ฉันคนธรรมดา ๆ ไม่ใช่เทวดาสักหน่อย”

“แน่ใจนะ โน่น..” แสงทองเหลือกลูกตาไปทางด้านซ้ายหลาย ๆ รอบ เพื่อให้ทั้งสองคนรู้ว่าค่อย ๆ มองไปทางนั้นนะ

“เห็นไหม..ญาติพี่ เดี๋ยวคงได้มีรูปหนูกับพี่ยาติดไปหากินอีก”

“คงไม่หรอก ข่าวแบบนี้ขายไม่ได้ มันต้องผมอยู่กับคุณยะสองคน หรือไม่ก็อยู่กับเธอสองคน อันนี้รับรอง พอมีลุ้น”

“เบื่อไหม” สุริยาถามขึ้นมาบ้าง

“เบื่อมาก ผมบอกแล้วไง ผมอยากเป็นคนธรรมดา จะไปไหนก็ได้ ไม่มีกล้อง ไม่มีใครมาจับตามอง ไม่มีคนเอาไปพูดถึงวิพากษ์วิจารณ์แบบถูกบ้างผิดบ้างอย่างนั้น”

“ทำใจเถอะครับ ..สรรเสริญ นินทา มันของคู่โลก..คุณก็หมั่นทำภาพดี ๆ ออกมาสิ ดูซิว่า จะมีข่าวในลักษณะไหนอีก..”

“ใช่ เริ่มจาก ไปไหว้พระ 9 วัด บ่อย ๆ ดูซิว่าจะมีภาพพี่กำลังสวดมนต์ไหว้พระไหม...ถ้ามีก็ถือว่าช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่สายตาชาวโลกทางอ้อมแล้วกัน เนอะ”


เวลาประมาณสองทุ่มรถคันสีดำมาจอดที่ใต้ถุนคอนโดย่านมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ สุริยาทำหน้าแปลกใจเมื่อคนขับคะยั้นคะยอให้ลงจากรถและเดินเข้าลิฟท์ไปด้วยกัน ลิฟท์มาหยุดที่ชั้นหก รุ่งโรจน์ก็เดินนำจนกระทั่งไปหยุดที่ห้อง 618 ไขกุญแจเข้าไปแล้วก็เปิดไฟสว่างไสว เผยให้เห็นห้องขนาด 32 ตารางเมตรที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีเยี่ยม มีมุมครัวตรงใกล้ ๆ กับประตูทางเข้า มีห้องรับแขกและมีประตูอีกบานคงจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำคงจะอยู่ข้างในด้วย

ที่สำคัญสิ่งที่ทำให้สุริยาตะลึงคือรอบ ๆ ชั้นวางโทรทัศน์เครื่องเสียง มีชั้นวางหนังสือรายล้อมอยู่จนเต็มผนังหนึ่งด้าน บนนั้นมีหนังสือ อสท. ตั้งแต่เล่มละไม่กี่บาทจนถึงปัจจุบัน..เขาถือวิสาสะเดินไปยืนมองใกล้ ๆ แล้วดึงบางเล่มมายืนอ่าน ขณะที่รุ่งโรจน์เปิดตู้เย็น เปิดเบียร์สำหรับตน และน้ำอัดลม เย็น ๆ สำหรับสุริยา..

สุริยาถือหนังสือมานั่งบนโซฟาเคียงกัน

“เป็นไง ..คุณชอบใช่ไหม หนังสือทั้งหมดของพี่ชายผม แกชอบท่องเที่ยว สมัยหนุ่ม ๆ ก็ไปปิ๊งกับพี่สะใภ้บนภูกระดึงนี่แหละ ชอบเที่ยวธรรมชาติทั้งสองคน หนังสือพวกนี้แกสะสมตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ ปัจจุบัน ผมก็ตอบรับเป็นสมาชิกต่อ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหรอก มีหน้าที่จ่ายเงินให้ พอมีหนังสือมา ไปรับที่ข้างล่างแล้วมาเรียงไว้ ผมถึงบอกว่า คุณน่าจะมาอยู่ที่นี่ ในห้องนอนมีคอมพิวเตอร์ด้วยนะ เล่นเน็ตได้ พิมพ์งานได้ ของผมเอง เคยบ้าเห่ออยู่พักหนึ่ง บ้าเกมส์ บ้าแชต ตอนนี้เบื่อมาก ๆ”

“แล้ววัน ๆ คุณมีกิจกรรมอะไรบ้าง”

“ก็เที่ยวกลางคืน ตื่นสาย ๆ บ่าย ๆ เย็น ๆ ค่ำ ๆ แวะไปดูธุรกิจที่ลงขันกับเพื่อน ไปตกปลาบ้าง ตีกอล์ฟบ้าง ไปสนามแข่งรถบ้าง หรือไม่ก็ไปออกเดทกับบรรดาสาว ๆ ที่พบกันตั้งแต่กลางคืน”

“ที่แห่งนี้”

“ไม่ ผมไม่เคยพาใครมามั่วสุมหรอก เจ้าของห้องเก่าเขาขอไว้ นาน ๆ ถ้าขี้เกียจกลับบ้านก็จะมานอนสักที หรือมีเรื่องขัดใจกับคุณแม่ก็มาสถิตอยู่ที่นี่แหละ เป็นส่วนตัวหน่อย ได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียว ได้คิดอะไรแล้วก็ได้มองหนังสือพวกนี้ แต่ไม่คิดจะอ่านนะ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงมากกว่า”

พูดจบก็ลุกขึ้นพาอีกคนเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ในนั้นมีเตียงขนาดสองคนหัวเตียงมีโต๊ะโคมไฟ มีตู้เสื้อผ้าเข้าชุด ติดแอร์ ปูพรม ติดวอลล์เปเปอร์สีฟ้าอ่อน ลายดอกไม้สีส้มดอกเล็ก ๆ ที่มุมห้องมีโต๊ะคอม พร้อมอุปกรณ์ประกอบครบชุด

“มาอยู่ที่นี่เถอะ คุณจะได้มีเวลาค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ต้องไปร้านหนังสือบ่อย ๆ ผมรู้นะว่าคุณไปอ่านฟรีแน่ ๆ เลย และที่สำคัญ ผมว่าคุณลองหัดเขียนหนังสือพวกท่องเที่ยวในเชิงศาสนาเฉพาะเล่มดูบ้างก็ได้ จับมาจัดหมวดหมู่ใหม่ มันก็จะเป็นอีกอาชีพที่มั่นคงของคุณ”

น้ำเสียงของอีกคนจริงจัง จนสุริยารู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณมากครับ แต่”

“คุณยังไม่ต้องตกลงก็ได้ คืนนี้ผมจะไปนอนที่บ้านคุณด้วยนะ พรุ่งนี้ผมจะไปทัวร์กับคุณ อยากไปดูว่าคุณทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ตกลงไหม”

“แต่ที่บ้านผมคงไม่สะดวก” คนพูดนึกถึงห้องน้ำที่ไม่ทันสมัย ห้องนอนที่ไม่มีแอร์ กับที่นอนหลังเล็กปูกับพื้นของตน รวมทั้งอาจจะได้ยินเสียงเด็กสองคนวิ่งหยอกเย้ากัน หรือไม่ก็คนเป็นป้าตื่นมาตั้งแต่ตีสามเตรียมของออกไปขาย อาจทำให้เขานอนหลับไม่สนิทก็เป็นได้

“เดี๋ยวผมจะอาบน้ำไปจากที่นี่เลยแล้วกัน หรือถ้าคุณไม่สะดวก ให้ผมไปคุณก็นอนกับผมที่นี่ก็ได้”

“ผมต้องไปเตรียมข้อมูล กับเตรียมของที่บ้านอีกหลายอย่าง เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณไปส่งผม แล้วก็กลับมานอนที่นี่ ตอนเช้าคุณค่อยเอารถไปจอดตรงหน้านิคม แล้วขึ้นรถทัวร์ไปด้วยกัน”

“ไม่เอา..ผมอาบน้ำที่นี่ แล้วไปนอนกับคุณที่บ้านก็ได้ ผมอยากนอนกับคุณ อุ่นดี” พูดจบก็ไม่สนใจอีกคนจะว่าอย่างไร เดินไปเปิดตู้ คงจะแก้ผ้าตามเคย สุริยาเห็นดังนั้นจึงรีบเดินออกจากห้องนอนไปนั่งอ่านหนังสือรออยู่ข้างนอก

ขณะนั่งรถกลับบ้านด้วยกัน เสียงโทรศัพท์มือถือของรุ่งโรจน์ก็ดังขึ้น เจ้าตัวเพียงหยิบมาดูเบอร์ที่โชว์ แต่ก็ไม่กดรับ

“แม่ผมเอง พรุ่งนี้วันแห่งความรัก ท่านคงพยายามจะให้ผมไปออกเดทกับใครบางคนเพื่อจะได้เป็นข่าวในวันถัดไป แต่เสียใจ ผมรู้ทันแม่ผมแล้ว” พูดจบเสียงโทรศัพท์ก็เงียบไปก่อนที่เขาจะกดปิดเครื่องทันที

“คุณทำอย่างนี้ แม่คุณ ไม่..”

“ท่านคงชินแล้วล่ะ ผมมันดื้อ บางเรื่องผมก็ตามใจท่านนะ แต่เรื่องแม่พวกดารานี่ผมบอกตรง ๆ ผมเบื่อ พวกหล่อนบางคนก็ปรารถนาให้ผมเป็นคนรักของเจ้าหล่อนจริง ๆ โทรตามสามเวลาหลังอาหาร ต้องการให้ผมพาไปด้วยทุกที่ ที่เจ้าหล่อนต้องไป ทำเหมือนผมเป็นคนขับรถ ให้ผมไปนั่งเฝ้าที่กองถ่าย เพื่อจะได้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์รายวัน คิดดูเถอะ”

“จริง ๆ ถ้าคุณคิดจะทำตามแผนแม่คุณ คุณก็จะยิ่งสบาย เป็นดาราได้เงินมาง่าย ๆ คุณก็จะยิ่งมีความสุข”

“คุณพูดเองไม่ใช่รึว่าเงินก็ไม่ได้ทำให้เรามีสุขเสมอไป สู้ทำในสิ่งที่อยากทำไม่ได้ นั่นคือความสุข”

“ครับ นี่คือผมไม่มีทางเลือกที่ดี ได้เงินมาง่าย ๆ แล้วไม่ผิดศีลธรรมเช่นนั้น แต่ถ้าผมเลือกได้ผมก็เลือกทางเดินนั้น”

“อย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ ..ปัญหาโลกแตก ว่าแต่คุณเถอะ พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปซื้อดอกกุหลาบให้ใครหรือเปล่า”

“ไม่มีหรอก ผมคนโสด” พูดยังไม่ทันจะจบ โทรศัพท์มือถือของตนก็ดังขึ้นมาบ้าง..เป็นน้องแก้ว

“อือ ..พรุ่งนี้ไปด้วยใช่ไหม พี่เห็นชื่อแล้ว..ดีดี..เรื่องข่าว...เอ่อ..เพื่อนกัน มั่วนิ่ม ..เพื่อนกันจริง ๆ ..แค่นี้นะ”

สุริยาวางสายพลางถอนหายใจออกมา

“พรุ่งนี้คุณยังจะไปกับผมไหม ในลูกทัวร์มีกลุ่มเจ้าแก้วนี่แหละมันแก่นกว่าพวกหน่อย..มันคงจะแซวผมเรื่องนี้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าคุณไปด้วยรับรองคุณไม่เป็นอันมีความสุขแน่ เปลี่ยนเป็นวันมาฆะก็ได้นะ เพ็ญเดือนสามได้บุญเยอะดี”

รุ่งโรจน์นิ่งเงียบจนกระทั่งขับรถจอดที่หน้าบ้านป้าของสุริยา เขาล็อครถเดินตามเข้าบ้านไปด้วยทีท่าสบาย ๆ สุริยาแนะนำให้รู้จักกับคุณป้าและเด็กสองคนลูกสาวพี่ตั้ม..

ต่อง กับ แต๋ม สองสาวเมื่อเห็นหนุ่มหล่อเนี้ยบก็ชะมดชม้ายชายตามอง อย่างเปิดเผยความในใจ จนกระทั่งผู้เป็นย่าต้องไล่ขึ้นไปนอน

สองหนุ่มก็แยกย้ายเข้าห้องส่วนตัว


“นอนที่คอนโดคุณก็ดีอยู่แล้ว ไม่อบอ้าวอย่างนี้” สุริยาว่าให้รุ่งโรจน์ที่กดเปิดพัดลมแล้วล้มตัวลงนอน ลืมตาใส ไม่บอกความรู้สึกใด ๆ

“เมาหรือเปล่า” สุริยาถามด้วยเห็นอีกคนดื่มเบียร์ไปสองกระป๋อง

“ไม่หรอก..กำลังดี ..ไปซิ ไปอาบน้ำจะได้มานอน” สุริยาปฏิบัติตามคำสั่งนั้น แต่พอกลับเข้ามา เขาไม่นอน แต่กลับหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมเขียนรายชื่อลูกทัวร์แต่ละคน แล้วจับเรียงตามลำดับเลขที่นั่ง

“ถ้าไม่รีบขึ้นรถแล้วจัดที่นั่งแบบนี้ รับรองได้มีแย่งที่กัน ลำบากนะ อยากแต่จะนั่งข้างหน้ากันทั้งนั้น..ทั้งที่จองตั๋วทีหลัง พรุ่งนี้คุณไปแน่ใช่ไหม ถ้าไปนะ ช่วยงานผมหน่อยได้ปะ”

สุริยาต้องการให้อีกคนมีส่วนร่วมจึงเสนองานนี้ไปให้

“คุณดูแผนผังรถนี่นะ แล้วก็เอารายชื่อติดตามเบาะ ตอนที่รถมาถึงปั๊บได้ป่ะ”

อีกคนสั่นหัว แล้วบอกให้อธิบายใหม่อีกรอบ..และก็อีกรอบ..จนกระทั่งสุริยาอธิบายจนเหนื่อย รุ่งโรจน์ก็หัวเราะก่อนจะปิดไฟแล้วดึงอีกคนให้ไปนอนเคียงกัน..



เวลาประมาณเจ็ดโมงสามสิบนาที รถทัวร์คันนั้นจึงแล่นออกจากจุดนัดหมาย มีบ้างที่บ่นว่าไม่ตรงเวลาอีกแล้ว สุริยาได้แต่ใช้ไมโครโฟนแก้ตัวไปว่า นัดคนไทยมันก็เป็นอย่างนี้แหละ นี่ก็เป็นปัญหาสำหรับสุริยาทัวร์ตลอดมา บางทีก่อนถึงวันเดินทางหนึ่งวัน เขาก็จะเพิ่มค่าโทรศัพท์ให้เจ้าอ้อย โทรไปแจ้งเตือนให้คนที่จองและมาจ่ายเงินได้รู้ตัว ว่าพรุ่งนี้ต้องเดินทางท่องเที่ยว ลืมหรือเปล่า พร้อมไหม แต่ปัญหานี้ก็ใช่จะหมดไป เพราะบางคนก็อ้างว่าตื่นสาย

พอขึ้นไปบนรถสิ่งหนึ่งที่เขาให้ลูกทัวร์ทำ นั่นคือสวดมนต์ทำวัตรเช้า โดยมีแผ่นวีซีดีแบบคาราโอเกะนำ หลังจากนั้นก็พาแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก่อนจะแจกข้าวกล่องและน้ำหนึ่งแก้ว พลางเปิดเพลงเบา ๆ เส้นทางตั้งแต่จุดนัดหมายจนถึงวัดในอยุธยา ด้วยอยู่ไม่ไกลนักยังไม่ทันได้อธิบายอะไรมากมายรถก็ถึงที่หมายแห่งแรก

วัดใหญ่ชัยมงคล..ลูกทัวร์ลงจากรถแบบกลัวว่าวัดใหญ่จะรีบบินหนี บางคนก็มีข้าวกล่องติดมือลงไปนั่งกินข้างล่าง..สุริยายืนรอที่ประตู คอยรับมือของคนมีอายุมากหน่อยซึ่งก้าวขึ้นลงรถด้วยความยากลำบาก..หากเจ้าอ้อยเดินทางมาด้วยหน้าที่ตรงนี้หญิงสาวก็จะรับไป..แต่วันนี้เด็กอ้อยไม่มา เขาจึงทำงานเพียงลำพัง

และคณะสุดท้ายเกือบสิบคนที่ต้องมีส่วนลดอยู่เสมอ แต่ต้องนั่งด้านหลังก็กิ๊วก๊าวพากันลงมา

“โอ๊ย..พี่ยารับหนูหน่อย” สาวแก้วส่งมือให้พร้อมกับหัวเราะกิ๊กกั๊ก ยิ้มระรื่นกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เดินตามหลัง ชายหนุ่มไม่ปฏิบัติตามเพียงยืนยิ้ม ๆ ดูสาว ๆ หน้าตาแช่มชื่นด้วยเครื่องสำอาง...ก้าวลงทีละคน..และจนถึงคู่สุดท้าย..

“วันนี้มาเป็นคู่...มีอะไรพิเศษให้หรือเปล่า”

“มีซิ ..เดี๋ยวกลับมารับแล้วกัน”

“แล้วพี่ไม่ไปไหว้พระด้วยกันหรือ..”

“เดี๋ยวตามไปจ้ะ” เมื่อคณะสาว ๆ ไปกันแล้ว..ก็เหลือลูกทัวร์คนสุดท้ายที่นั่งด้านท้ายสุด ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถโดยมีหมวกแก๊บและแว่นตาดำพรางใบหน้า..

“ผมบอกแล้ว ว่าอย่ามา เป็นไง พวกมันคุยกันแซ่บเลยซิ”

รุ่งโรจน์ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มแหย ๆ แล้วถามว่า

“ผมต้องเริ่มต้นจากอะไรก่อน..”

“ก็ไปไหว้พระในพระวิหารเก่า..แล้วก็ไปดูเจดีย์ชัยมงคลทางด้านหลัง ถ่ายรูป และก็ข้ามมาสักการะ ราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทางฝั่งนี้..”

“ไปกับผมซิ”

สุริยาเดินเคียงกับรุ่งโรจน์ไปซื้อธูปเทียนดอกไม้ตรงจุดไหว้พระนอนนก่อนจะไปที่เจดีย์ด้านหลัง ตรงนั้นมีลูกทัวร์บางคนเรียกร้องให้สุริยาถ่ายรูปให้..รุ่งโรจน์จึงยืนเคว้งเพราะสุริยาเป็นที่ต้องการของลูกทัวร์เหลือเกิน เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังยุ่ง เขาก็เร่ออกเดินเที่ยวเพียงลำพัง

สุริยาหันกลับมาอีกที เมื่อไม่พบรุ่งโรจน์ก็เดินดูว่าลูกทัวร์แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมอยู่ตรงไหน ก่อนจะเดินกลับมารอที่ประตูรถ แต่พอกลับมาถึง เขาพบว่ารุ่งโรจน์ถือดอกกุหลาบหอบใหญ่ยืนคอยท่า

“ผมเห็นรถทัวร์คันหนึ่ง เขาแจกตอนที่ลูกทัวร์เดินลงมาแล้วก็บอกว่า วันนี้วันวาเลนไทน์นะคะ ทัวร์เราแจกดอกกุหลาบค่ะจะให้กันระหว่างคนรักกัน หรือจะเอาไปบูชาพระก็ได้ค่ะ..คุณว่าดีไหม”

สุริยาพยักหน้าแล้วก็บอกว่า

“ดีซิ ของฟรี..”

รุ่งโรจน์ส่งให้ก่อนจะรีบขึ้นรถไปนั่งที่เบาะท้ายสุดติดหน้าต่าง เขาไม่ปรารถนาตกเป็นเป้าสายตาของคนบนรถในขณะนี้จริง ๆ

พอลูกทัวร์ขึ้นรถมาครบ สุริยาก็เอ่ยว่า “อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ” แล้วเสียงสาธุการก็ดังขึ้นเหมือนจะรู้ระเบียบ แล้วไกด์ผีของทัวร์เถื่อนอย่างที่สุริยาชอบพูด ขอร้องให้สาวแก้วมาเดินแจกดอกกุหลาบ แล้วก็บอกว่า เป็นอภินันทนาการจากสุริยาทัวร์ แล้วก็เปิดไมค์เล่าเรื่องราวครั้งหลังของวัดนี้ย่อ ๆ กับต้องรีบอธิบายเรื่องราวในวัดพนัญเชิง พร้อมกับแนะนำให้ลูกทัวร์บางคนซึ่งชอบกินได้ซื้อของ อร่อย ๆ ที่วัดแห่งนี้..

จบจากวัดพนัญเชิงซึ่งมีหลวงพ่อซำปอกงศักดิ์สิทธิ์ ก็เดินทางข้ามแม่น้ำไปวัดพุทไธสวรรย์ และวัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งมีปรางปราสาทแบบขอมตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ

...หลังจากนั้นก็พาไปวัดกษัตราธิราชวรวิหาร จบจากวัดกษัตราก็ได้เวลาอาหารกลางวันจึงพาไปที่ร้านเรือนแพริมแม่น้ำโดยต่างคนต่างจ่าย..

ออกจากร้านอาหาร ก็มาที่วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าทำลายในคราวเสียกรุง มีพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยสำริด ปางมารวิชัย และพระคันธาราฐ ศิลปะทวาราวดีจากวัดมหาธาตุมาประดิษฐานไว้ในพระวิหารน้อย

จบจากวัดหน้าพระเมรุก็ข้ามแม่น้ำมา ณ สัญลักษณ์ของเมืองอยุธยาราชธานีเก่าคือโบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระราชวังโบราณ ที่เหลือเพียงฐานอิฐปูนกับพระเจดีย์สามองค์ใหญ่ตระหง่าน

สุริยาได้บอกกับลูกทัวร์ไว้แล้วว่า มาเที่ยวอยุธยาจะได้อารมณ์หลากหลายได้เห็นความเสื่อม ในความเจริญรุ่งเรือง ได้เห็นโลกที่ได้หมุนไป ได้เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง และสิ่งหนึ่งประการใดที่จะติดตัวเราไปได้คือ บุญกุศลคุณงามความดี พร้อมกันก็ได้ยกประวัติบุคคลในสมัยนั้นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน ด้วยระยะทางจากวัดหนึ่งไปวัดหนึ่ง กระชั้นชิด เขาจึงไม่สามารถเล่าเรื่องราว ต่าง ๆ ยืดยาวได้..และได้แต่เพียงบอกว่า สนใจจะฟังก็ต้องไปด้วยกันบ่อย ๆ จะได้พยายามสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ผสมกับพิธีกรรมเล็กน้อยในทางพระพุทธศาสนา

....หลังจากนั้นพยายามเสนอ ทริปอื่น ๆ ที่จะจัดขึ้นในวันข้างหน้าคือ พระพุทธฉาย พระพุทธบาทสระบุรี และเมืองเก่าลพบุรี..

เวลาตะวันคล้อยบ่าย สุริยาทัวร์ก็พาไปโบราณสถานวัดมหาธาตุ และวัดราชบูรณะ อธิบายคติถึงการสร้างวัดมหาธาตุไว้เป็นมิ่งกลางเมือง ณ เมืองต่าง ๆ พร้อมกันนั้น ก็ได้พยายามที่จะชักจูงใจให้ลูกทัวร์สนใจที่จะมุ่งเดินทางไปสักการะวัดมหาธาตุ ในเมืองอื่น ๆ คือ พิษณุโลกและสุโขทัย รวมถึงเมืองลพบุรีที่จะจัดในเร็ววัน

พอลงจากรถทัวร์ รุ่งโรจน์ จึงเดินมาหาแล้วถามว่า “เหนื่อยไหม”

“ไม่ได้ทำทุกวันพอทนไหว”

“จริง ๆ คุณน่าจะหาผู้ช่วยนะ อย่างเช่นตอนแจกผ้าเย็นหรือไม่ก็แจกน้ำดื่ม แจกลูกอมหรือตอนพาคนแก่ไปจุดต่าง ๆ ถ้ามีผู้ช่วยคงจะประทับใจกว่านี้...”

“จะน้อมรับครับ”

“แสงทองไง”

“ปกติก็มีเด็กอ้อย หรือเด็กในร้านพี่สมใจ พี่สาวผมน่ะครับมาช่วย แต่วันนี้ วันแห่งความรัก ไปเที่ยวไหนกับแฟนเขาละมั้ง จึงไม่ยอมมาด้วย..”

“คุณก็เลยต้องทำหน้าที่คนเดียว คนงก ..หน้าแดงเลย ไม่สบายรึเปล่า” รุ่งโรจน์ถาม คนต้องตอบเอาสองมือจับใบหน้าตนเอง ..แล้วก็สั่นหัว..

หลังจากนั้นลูกทัวร์ก็ขึ้นรถมาครบ ก่อนจะพาไปที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร สักการะพระอินทร์แปลง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ จบจากตรงนั้นได้เวลาประมาณสี่โมงเย็นจึงพาไปที่ตลาดหัวรอ ซื้ออาหารขนมขบเคี้ยวแบบชาวบ้าน ๆ ก่อนจะบอกว่ารายการแถมนั่นก็คือดูพระอาทิตย์ตกดินที่วัดภูเขาทอง..สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรทรงม้าศึก

และคำพูดที่ติดปากสุริยาในเวลาจัดทัวร์คือ “หากพระอาทิตย์ไม่ตกดินเสียก่อนคงจะได้พาไปอีกหลายที่ แต่ไม่เป็นไรครับ วันนี้เราไปครบตามที่ได้ตั้งใจไว้ก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว ทบทวนนะครับ ว่าตั้งแต่เช้ามีวัดอะไรบ้าง..”

ลูกทัวร์ก็พากันเอ่ยถึงวัดต่าง ๆ ตามลำดับที่พาไป บ้างก็จดไว้ บ้างก็ถ่ายรูป..

“อย่าลืมนะครับ ทั้งหลับตื่น นั่งนอนยืนเดิน ให้ตรึกระลึกนึกถึงผลบุญจากการดั้นด้นเดินทางมาไหว้พระ 9 วัดด้วยกันในวันนี้ บางวัดอาจจะเป็นวัดสมบูรณ์ในปัจจุบัน บางวัดอาจจะเป็นวัดร้าง แต่อย่าถือสาว่าไม่ใช่วัด ไม่ศรัทธา แม้ที่ดินวัดร้างหากเข้าไปบุกรุกก็ถือว่าผิดทางธรรมะ หากแต่เรามาไหว้สักการะ ด้วยจิตที่เลื่อมใส มีบุญเสมอกัน..หลังจากนี้ให้อธิษฐานจิตตามผมนะครับ”..

ว่าแล้วก็ว่าบทอธิษฐานจิตที่กล่าวนำรุ่งโรจน์ตอนที่สักการะพระธาตุศรีจอมทองด้วยกัน..

“ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจมา ตรึกระลึกนึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านวัดในเมืองพระนครศรีอยุธยา ด้วยเดชแห่งบุญนั้น..ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เกิดมาในตระกูลสัมมาทิฐิ มีบัณฑิตเป็นกัลยาณมิตร ให้ถึงพร้อมด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และมรรคผลนิพพาน

ให้มีดวงบุญศักดิ์สิทธิ์ไพศาล ดลบันดาลให้ เป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ ให้ธุรกิจการงานเจริญรุ่ง ให้มีกำลังสูงส่ง มีกำลังใจไม่สิ้นสุด มีใจใหญ่กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำความดี ให้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์เป็นยอดกัลยาณมิตรของโลก ให้เดินทางปลอดภัยในทุกเมื่อ รอดพ้นจากอุปัทวันอันตรายทั้งปวง ให้มีดวงปัญญาสว่างไสว รู้แจ้งในศาสตร์ทั้งปวง แทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ประมาทในชีวิต คิดสอนตนเองได้ คนภัยพาลอย่าได้มากล้ำกราย ขออย่าได้ไปทำร้ายใคร และใครอย่าได้มาทำร้ายเรา ให้เข้ารู้แจ้งกฎแห่งกรรม มุ่งทำกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น

เมื่อถึงคราวออกบวช ประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เป็นผู้รักศีล เจริญด้วยสมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญาสอนตนและคนอื่นได้เป็นอัศจรรย์..

ขออานุภาพบารมี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก บารมีพระนิพพานทั่วธาตุทั่วธรรม จงดลบันดาลให้ความปรารถนาทั้งมวลของข้าพเจ้าจงเป็นผลสำเร็จ ๆ ทุกประการเทอญ นิพพานะปัจจะโย โหตุ..”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2554, 11:33:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2554, 11:33:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1669





<< 7.   9 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:30:33 น.
ชอบมาก ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account