เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 23


บทที่ 23




คนที่นอนอยู่ในห้องก็เสียใจไม่แพ้กันที่พูดออกไปแบบนั้น ธนาดลยันตัวลุกขึ้นนั่งข้างขอบเตียง ชายหนุ่มก้มหน้ามองพื้นนิ่ง คิดทบทวนคำพูดของตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะตอนนั้นอารมณ์น้อยใจมันมากเหลือเกิน มากจนเขาพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด พูดออกไปโดยไม่ตรงกับหัวใจสักนิดเดียว เขาไม่อยากเสียเธอไป ไม่อยากเลย อยากอยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้แม้ว่าจะไม่ได้รักกันก็ตามแต่ก็ขอให้ได้มองอย่างนี้...ตลอดไป

...อย่าไปได้ไหมศรินดา อย่าจากกันไปอย่างนี้ เพราะถ้าเธอไปแล้วฉันจะหายใจต่อไปได้ยังไง

ร่างสูงลุกขึ้นยืนทันที เขาทนไม่ได้ที่จะต้องเสียเธอไป ธนาดลเปิดประตูเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจสังขารที่ยังขยับเขยื้อนได้ไม่เป็นปกติ ตาคู่คมสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนกวาดมองไปทั่วบ้านเพื่อหาใครคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของตนเองยังดำเนินอยู่ได้ ใครคนหนึ่งที่เขามอบหัวใจให้แม้ว่าเธอจะไม่อยากได้ก็ตาม

“ต้องการอะไรรึเปล่าคะคุณดล” สาวใช้คนหนึ่งของบ้านนนทนัฐถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินพล่านเหมือนหาของ

“ศรินดาอยู่ไหน” คนเจ็บแถมยังเป็นผู้อาศัยถามเสียงห้วนแทนที่จะถามดีๆ

“อยู่ในสวนค่ะ”

พอได้รับคำตอบธนาดลก็รีบเดินไปที่สวนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายจะอำนวย ตอนนี้...เขาเองก็ยังคิดไม่ออกว่าเมื่อเจอหน้ากันเขาจะพูดอะไรกับเธอ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องเริ่มต้นที่ประโยคไหนก่อน รู้อยู่อย่างเดียว เขาอยากเห็นหน้าศรินดา เพราะกลัวเหลือเกิน กลัวว่าต่อไปเขาจะไม่ได้เห็นหน้าเธออีก

เก้าอี้ไม้ตัวยาวถูกจับจองโดยเจ้าของร่างเล็กบาง หญิงสาวมองเหม่อออกไปไกล ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งสิ้น อยากจะให้ความรู้สึกทั้งหลายที่รู้สึกอยู่ตอนนี้ลอยหายไปกับสายลม เธออยากให้มันหายไป เพราะอย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ วันนี้เธอได้รับรู้คำตอบอะไรหลายคำตอบ ทั้งคำตอบที่เธอต้องให้นนทนัฐและคำตอบที่เธอต้องตอบกับหัวใจของตัวเอง

เธอรักธนาดล เธอรักผู้ชายคนนั้นจริงๆและถ้ามันเป็นอย่างนี้เธอก็ต้องตอบปฏิเสธนนทนัฐไป หากแต่ทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำไมเธอถึงต้องตอบแต่งงานกับนนทนัฐ คำตอบนั้นช่างง่ายนัก...เพราะคนที่เธอรักออกปากไล่เธอด้วยตัวเอง เขาไล่เธอ เขาเกลียดเธอ เขาอยากให้เธอไปไกลๆ

...เกลียดเขาสิริน เกลียดเขา เกลียดให้มากๆ

...ทำไม่ได้แล้วใช่ไหม เธอ...เกลียดเขาไม่ลงแล้วใช่ไหมริน

ศรินดาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเหยียบใบไม้ดังกรอบแกรบ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามา ตาคู่โตเบิกกว้างอย่างตกใจระคนสงสัย สงสัยว่าเขาจะมาหาเธออีกทำไม แค่นี้มันยังไม่สาแก่ใจเขาอีกหรือ เห็นดังนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้นทันทีตั้งใจเดินหนีไปให้พ้นๆเพราะไม่อยากอยู่มองหน้ากันนานๆ

“จะไปไหน” คราวนี้ไม่ได้รั้งแขนอีกฝ่ายไว้อย่างเคยมีเพียงคำพูดที่เอ่ยรั้งไว้เท่านั้น ศรินดาหันกลับมามองด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

“ถามทำไมไม่ตอบ” คำถามนี้ธนาดลไม่เคยจำได้ว่าถามเธอไปแล้วกี่ครั้ง แต่ครั้งนี้มันแตกต่างจากครั้งที่แล้วๆมาเพราะมัน...อ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่อยากตอบ จะทำไม” หากศรินดากลับยังคงรักษาระดับความเย็นชาของเสียงได้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ฉันถามเธอดีๆ” คนที่มักจะอารมณ์ร้ายอยู่เสมอกลับยังสนทนาด้วยท่าทางที่ไม่เค้าของคนโมโหร้ายเลยแม้แต่น้อย

“แล้วฉันตอบคุณไม่ดีตรงไหน” รินย้อนถามทันควัน ธนาดลถอนหายใจเหยียดยาว เหนื่อยใจที่จะมายืนทะเลาะกันอย่างนี้เต็มทน

“เธอมาดูแลฉันไม่ใช่หรือ”

“ก็คุณไม่อยากเห็นหน้าฉัน แล้วฉันจะอยู่ให้คุณเห็นหน้าทำไม”

ชายหนุ่มยืนนิ่ง พยายามใช้ความคิดว่าตอนนี้เขาสมควรจะพูดอะไรออกมา อะไร...ที่เขาสมควรพูดก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสายเกินไป

“ไม่ใช่ฉันคนเดียวล่ะมั้งที่ไม่อยากเห็นหน้าเธอ เธอเองก็คงไม่อยากเห็นหน้าฉันสักเท่าไหร่ จริงไหม”ธนาดลแทบอยากจะตบปากตัวเอง กัดลิ้นตัวเองหรืออะไรก็ตามที่ดลใจให้ตัวเองพูดออกไปอย่างนี้!

...ไอ้บ้าเอ๊ย!! นี่นะเหรออะไรที่สมควรพูด สมองคิดได้แค่นี้รึไงวะไอ้ดล!!!

ศรินดาเชิดหน้าขึ้น ไม่เคยมีความหวังว่าคนอย่างธนาดลจะหันมาพูดดีกับเธอ

“มันแน่อยู่แล้วค่ะ ใครอยากจะเห็นหน้าคนที่เกลียด...ที่สุดล่ะคะ” หญิงสาวจงใจเน้นคำว่า ‘เกลียด’ ให้เด่นกว่าคำอื่นในประโยค ธนาดลกัดฟันแน่น รู้สึกเจ็บแปลบในใจทุกครั้งที่ศรินดาพูดคำว่าเกลียดได้ออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ

...มันเจ็บจริงๆนะศรินดา เจ็บจนคิดว่าถ้าตายไปได้ก็คงจะดี

“เกลียดมากไหม เธอ...เกลียดฉันมากไหม”

คนถูกถามเบิกตากว้าง ตกใจเมื่อเจอคำถามอย่างนี้ น้ำเสียงอย่างนี้ น้ำเสียงที่โศกเศร้า น้ำเสียงที่เธอไม่คิดว่าเธอจะได้ยินมันออกมาจากปากของธนาดล

“ฉัน...”

“คงเกลียดมากล่ะสิ ดีแล้ว...อย่างนี้ล่ะดีแล้ว” ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับ ทิ้งให้อีกคนยืนโดยที่ไม่เข้าใจในคำพูดทุกคำของเขา แต่มีหรือที่ศรินดาจะยอมให้เขาเดินผ่านไปง่ายๆ หญิงสาวรีบเดินไปดักหน้าก่อนที่ธนาดลจะเดินจากไป

“เดี๋ยว” ดวงตาโตสวยช้อนขึ้นมาใบหน้าคม “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมจู่ๆคุณมาพูดอย่างนี้ แล้วยังมาทำน้ำเสียงอย่างนี้อีก ฉัน...”

“เธอไม่จำเป็นต้องเข้าใจ เตรียมตัวเป็นเจ้าสาวให้ไอ้นนท์เถอะ” เขาตัดบทง่ายๆ ย้ำความเป็นจริงให้ตัวเองรับรู้ ย้ำให้จำให้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงของเขา หัวใจของผู้หญิงคนนี้...ไม่ใช่ของเขา

ศรินดามองหน้าธนาดลอย่างผิดหวัง เธอผิดหวังที่รักผู้ชายคนนี้ไปหมดหัวใจ รักทั้งๆที่รู้ว่าเธอจะไม่ได้คำว่ารักลับคืนมา รักทั้งๆที่รู้ว่าเขาเกลียดเธอ อยากให้เธอไปอยู่ไกลสายตา...ไกลหัวใจ

“ฉันเตรียมตัวดีแน่ค่ะ หวังว่าคุณดลคงให้เกียรติมางานนะคะ” เธอประชด ประชดเขา และประชด...หัวใจของตัวเอง

“งั้นเธอคงต้องผิดหวัง” คำพูดนั้นเอนเอียงไปทางความหมายปฏิเสธ ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหน้าของคู่สนทนา สายตาคู่นั้นมองเลยไปยังต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง

...เขา...ไม่กล้าพอที่จะมอง...ไม่กล้าเลยจริงๆ

“ทำไมคะ ฉันยังไม่ได้กำหนดวันเลย ทำไมคุณถึงมาไม่ได้” หากคนที่ไม่เคยจะใส่ใจสายตาและความรู้สึกธนาดลเลยยังคงย้ำเรื่องเดิมให้หัวใจอีกดวงยิ่งเจ็บ...กว่าที่เจ็บอยู่ตอนนี้

“นั่นมันเรื่องของฉัน!” ธนาดลตะคอกเสียงดัง เริ่มจะเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “ฉันจะไปหรือไม่ไปงานของเธอมันก็เรื่องของฉัน! เธอจะแต่งงานกับไอ้นนท์หรือใครมันก็เรื่องของเธอ! แล้วจำไว้นะศรินดา...จำไว้...ว่าฉันเกลียดที่สุดเวลาที่เธอมีความสุข!!”

ร่างสูงเดินจากไปทันทีหลังจากที่พูดจบ ศรินดายืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิม คิดไม่ถึงว่าคำพูดของเธอเพียงเท่านี้จะทำให้ธนาดลโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ แต่คำพูดของเขากลับแทงใจเธอให้เจ็บปวดมากมาย

...ฉันเกลียดที่สุดเวลาเธอมีความสุข

ร่างบางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวตัวเดิม ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าน้ำตานั้นเป็นเพื่อนสนิทของเธอไปเสียแล้ว เพราะไม่ว่าเวลาใดมันมักจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเสมอ

...เลิกรักเขาสิริน ถอนหัวใจออกมาซะจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดปวดอย่างนี้

...ทำได้หรือเปล่าริน เลิกรักเขาได้ไหม...ได้หรือเปล่า?

...ไม่ได้ใช่ไหม...ไม่ได้แล้วจะต้องทำยังไง...เธอ...ควรทำยังไงดี

...เจ็บจริงๆนะริน...หัวใจ...เจ็บมากจริงๆ













ธนาดลเดินกลับมาถึงห้องพักตัวเองโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาถึงที่นี่ได้อย่างไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่ได้พูดอะไรออกไปบ้าง แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่คำพูดที่เขาอยากจะพูดเลยสักนิด คำๆนั้นเพียงแค่คำเดียวที่อยากจะพูดอยากจะบอก...คำว่า ‘รัก’

“แค่รักคำเดียว พูดออกไปสิวะไอ้ดล รักๆๆ คำง่ายๆแค่นี้ทำไมพูดไม่ได้ โว๊ย!!!” หมอนหนุนใบเดิมที่เขาให้ปาหมายจะให้โดนหน้าศรินดาในคราแรกถูกเหวี่ยงเพื่อระบายอารมณ์ไปกองอยู่ที่ริมประตู

...แล้วต่อไปจะทำยังไง จะอยู่ต่อไปยังไง

...ฉันจะทำยังดีศรินดา เธอทำอย่างนี้...แล้วฉันจะต้องทำอย่างไร

...โง่มากใช่ไหม ฉันโง่มากเลยใช่ไหม โง่...ที่รักคนที่ทำยังไงก็ไม่มีทางที่จะยื่นคำว่ารักกลับคืนมา แต่ฉันก็ยัง...รักเธออยู่ดี













ลมที่พัดโชยมาอย่างแผ่วเบาราวกับว่าต้องการโอบกอดปลอบประโลมคนที่หยาดน้ำตาเพิ่งจะแห้งเหือดให้ลุกขึ้นกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ดวงตาสีดำขลับคู่สวยมองไปยังเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอย ไม่ได้รู้สึกเลยว่ามีใครอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา

“มานั่งทำอะไรคนเดียวครับ”

ศรินดาสะดุ้งเฮือก สติที่ปล่อยให้ลอยไปไกลค่อยๆกลับมา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มให้น้อยๆ

“ทำไมกลับมาเร็วจังนนท์”

“นนท์ลืมของน่ะ แต่เห็นรินนั่งอยู่คนเดียวเลยเข้ามาทัก เป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าไม่ดีเลย” นนทนัฐหันหลังมือมาแตะหน้าผากมนเพื่อวัดไข้

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“นนท์” ศรินดาเรียกชื่อผู้ชายตรงหน้าเบาๆทว่าชัดเจน

“ครับ”

“นนท์รักรินใช่ไหม”

นนทนัฐชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเจอคำถามแบบนี้ จากปากของผู้หญิงคนนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ ศรินดาถามเขาแบบนี้

“รักสิครับ รินถามทำไมหรือ” นนทนัฐตอบไปแล้วก็อมยิ้มแก้เก้อเขินไป

“แล้วนนท์อยากแต่งงานกับรินไหม”

“ว่าไงนะครับ?” ชายหนุ่มโพล่งออกมาทันทีหลังจากที่ศรินดาพูดจบ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเจอคำถามที่คาดไม่ถึง

“นนท์อยากแต่งงานกับรินหรือเปล่า” หากคนที่ตั้งคำถามกลับถามออกมาอย่างไม่รู้สึกเคอะเขินเลยแม้แต่น้อย ศรินดาถามไปโดยที่หัวใจไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นมอบให้กับนนทนัฐเลยสักนิดเดียว

“ก็...อยากสิครับ” ชายหนุ่มออกอาการประหม่าเล็กน้อยกับการตอบคำถามนี้

“งั้นเรามาแต่งงานกันไหม” หญิงสาวถามกลับไปราวกลับว่าเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ไม่มีอาการประหม่าหรือความตื่นเต้นอยู่ในแววตาและน้ำเสียงนั่นเลย ซึ่งผิดกับนนทนัฐลิบลับ รายนั้นยืนตะลึง อึ้งและค้างเติ่งอยู่กับที่ สีหน้าท่าทางทำราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะได้ยินได้ฟัง

“ว่า...ว่าไงนะครับ แต่งงานเหรอ รินจะแต่งงานกับนนท์จริงๆหรือ” เมื่อจับต้นชนปลายได้แล้วจึงถามออกไป หัวใจพองโตจนแทบจะออกมาดีใจนอกอก ศรินดายิ้มน้อยๆแทนคำตอบ ไม่ได้ตอบรับเป็นคำพูดออกไปเพราะเธอไม่อยากที่จะโกหกหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“โอย...นนท์ดีใจจนพูดไม่ออกเลยริน ดีใจจริงๆที่ต่อไปจะมีรินยืนอยู่เคียงข้าง นนท์รักรินนะครับ” ชายหนุ่มดึงร่างบางหอมกรุ่นเข้าสู่อ้อมกอด หญิงสาวปล่อยให้อีกฝ่ายกอดแน่น ไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้กอดตอบ น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาแต่ก็ไม่มีเสียงสะอื้นใดเล็ดลอดออกมาเลย

...รักคนที่เขารักเราน่ะดีแล้วริน อย่าเจ็บปวดรักใครข้างเดียวเลย

...เธอต้องลืมผู้ชายคนนั้นให้ได้ จะต้องลบเขาออกจากใจให้ได้

...จะลืมคุณ...จะลบภาพคุณออกไปให้ได้ ไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวใจ

“งั้นคราวนี้ขอให้นนท์เป็นฝ่ายถามรินบ้างนะครับ” นนทนัฐดันตัวรินให้ออกห่างจากตัวเองเล็กน้อย ดวงตาคู่เรียวสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย

“แต่งงานกับนนท์นะครับ”

ศรินดาพยักหน้ารับ ไม่ตอบรับด้วยคำพูดเหมือนเดิม ขอโทษนะนนท์ ขอโทษที่ตอบรับด้วยคำพูดไม่ได้ ขอโทษที่ยังรักนนท์ตอนนี้ไม่ด้ แต่ต่อไป...นนท์คงทำให้รินรักนนท์ได้ ทำให้รินลืมคุณดลได้...ใช่ไหม














เมื่อส่งศรินดากลับถึงบ้านของพ่อเลี้ยงธฤตเรียบร้อยแล้ว นนทนัฐก็กลับมายืนหน้าห้องของธนาดล ชายหนุ่มยิ้มอย่างสะใจ ไม่เคยสะใจอะไรครั้งไหนมากกว่าครั้งนี้ สะใจที่ชนะธนาดล ชนะแบบขาดลอยเสียด้วย ประตูห้องนอนสำหรับแขกถูกเปิดเข้าไปพร้อมกับร่างของเจ้าของบ้าน ธนาดลมองคนที่เข้ามาในห้องด้วยแววตาไม่พอใจราวกลับว่าแค้นเคืองกันมาเป็นสิบๆชาติ

“ออกไป” คนที่ยังเจ็บบอกอีกฝ่ายเสียงต่ำ หากนนทนัฐกลับเหยียดยิ้มและก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงกลัว

“นี่บ้านฉัน ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งแก”

ธนาดลลุกขึ้นยืนทันที “ฉันก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นักหรอก!”

น้ำเสียงทุ้มดังลั่นห้อง ชายหนุ่มเดินผ่านนทนัฐไปอย่างรวดเร็ว ข่มความโกรธเอาไว้ไม่ให้มันทะลักออกมาเพราะถ้าเขาอดทนไว้ไม่อยู่จริงคงได้อัดหน้าตากวนประสาทของไอ้คนตรงหน้านี่กันบ้าง

“ฉันขอรินแต่งงาน” ประโยคเดียวทำให้ธนาดลชะงักทันใด ชายหนุ่มกำหมัดแน่น พยายามทำใจยอมรับกับความจริงที่ต้องเผชิญ

“แล้วยังไง” ชายหนุ่มย้อนถาม ทำท่าทางราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีผลต่อเขา...ไม่มี

“ก็ไม่ยังไง แค่อยากบอกเอาไว้ในฐานะ...คนรู้จัก” นนทนัฐไหวไหล่ รอยยิ้มเยาะเย้ยยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา เพราะแค่มองก็รู้แล้วว่าธนาดลไม่ได้ ‘ไม่รู้สึกอะไร’ อย่างที่พยายามแสดงออกให้เห็น

“แค่นี้ใช่ไหมที่แกอยากจะพูด”

“แล้วจะให้พูดอะไรอีกล่ะ หรือจะให้พูดว่าฉันขอรินแต่งงานยังไง รินตกลงแต่งงานกับฉันยัง...”

พลั่ก!

หมัดลุ่นๆสวนตรงไปยังหน้าของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้ นนทนัฐล้มไปกองกับพื้น ยกมือขึ้นมาแตะมุมปากที่เลือดไหลซิบ ธนาดลมองคนที่ล้มไปกองอยู่กับพื้นอย่างไม่ใยดี

“แกจะทำอะไรมันก็เรื่องของแก ไม่ต้องมาบอกฉัน!” พูดจบก็กระชากประตูเปิดและปิดดังปึง นนทนัฐค่อยๆลุกขึ้นยืน ยังเจ็บแปลบที่แผลไม่หาย นี่ขนาดขอแต่งงานมันยังชกเขาเสียหนักขนาดนี้ ถ้าวันแต่ง มันไม่เอาปืนมายิงเขาเลยหรือ

แม้จะคิดในใจอย่างนั้นแต่ถ้าธนาดลเกิด ‘บ้า’ ทำอย่างนั้นจริงๆ นนทนัฐก็มั่นใจว่าตนเองก็สามารถ ‘บ้า’ ได้ไม่ต่างจากธนาดลเช่นกัน

...ถ้าแกคิดจะแย่งรินไปจากฉัน ถ้าวันนั้นมาถึง...ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะหันปากกระบอกปืนใส่แก ธนาดล!!!...

ร่างสูงใหญ่ของธนาดลที่เดินออกจากบ้านของนนทนัฐโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ตรงไหน ปลายทางที่เขาต้องไปมันคือที่ไหนกันแน่ หรือเขา...ไม่มีจุดหมายปลายทางที่จะต้องไป เพราะ ณ ปลายทางไม่มีใครคนนั้นรออยู่ ไม่มีหัวใจที่เขาอยากคว้ามาแนบกาย ไม่มีหัวใจที่เขาอยากได้มาดูแล ที่ตรงนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย...สักอย่างเดียว

ผิดกับอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนกอดอกมองคนที่ยอมจากไปโดยที่เขาไม่ต้องออกปากไล่ ริมฝีปากหยักลึกเหยียดยิ้มเยาะอย่างสะใจที่เห็นคนโอหังอย่างธนาดลในอาการหมดอาลัยตายอยาก แต่ก่อนที่นนทนัฐจะหมุนตัวกลับเข้าไปภายในตัวบ้าน โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงร้องพร้อมสั่นเพื่อต้องการบอกเจ้าของของมันว่าเวลานี้มีคนๆหนึ่งต้องการที่จะสนทนาด้วย

“มีอะไร” เพราะเห็นว่าใครเป็นฝ่ายโทรเข้ามา นนทนัฐจึงกรอกเสียงตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก

“ทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจใส่ผมด้วยล่ะครับนายน้อยนนทนัฐ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ต้องการจะยั่วโทสะของอีกฝ่ายให้ระเบิด

“ผมว่าเราตกลงกันแล้วนะคุณปารัช” นนทนัฐกดเสียงต่ำ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่ขอยืมมือปารัชช่วยจัดการเสี้ยนหนามหัวใจอย่างธนาดล

“ผมก็แค่โทรมาถามว่าคุณประสบความสำเร็จไหมก็เท่านั้น” ปารัชบอกพร้อมกับหัวเราะเสียงต่ำ

“คุณเป็นคนบงการพวกไอ้ชัย ไม่ใช่ผม!”

“แต่คุณก็เป็นคนบอกรายละเอียดของไอ้ดลทั้งหมดให้ผมฟังว่ามันไปทำอะไรที่ไหนและเมื่อไหร่”

“ผมให้ค่าตอบแทนคุณไปมากพอแล้วนะคุณปารัช ต้องการอะไรอีก” พอถึงจุดนี้...นนทนัฐรู้แล้วว่าการร่วมมือกับปารัชเป็นสิ่งที่ผิดอย่างมหันต์ แม้จะทรงอิทธิพลและมีเงินทองมากมายแต่ผู้ชายคนนี้ก็ไม่เคยรู้จักพอ!

“ผมน่ะก็ไม่ได้ต้องการอะไร...” ปลายสายลากเสียงยาวก่อนจะพูดต่อ “...แต่ไอ้ชิดกับไอ้ชัยน่ะสิ มันบอกว่าเงินไม่พอ อยากให้นายน้อยนนท์เพิ่มให้มันหน่อย”

นนทนัฐพ่นลมหายใจออกยาว นึกแล้วว่าพวกของปารัชต้องมาไม้นี้

“พรุ่งนี้ผมจะโอนไปให้ แค่นี้นะ” ตกลงตามข้อเสนอของอีกฝ่ายแล้วจึงกดตัดสายทิ้งทันที คิ้วเข้มขมวดชิดอย่างไม่พอใจ แต่แม้จะไม่พอใจเพราะต้องเสียเงินไปมากพอตัวหากถ้าผลลัพธ์ระยะยาวมันออกมาดีล่ะก็...การลงทุนในครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มแสนคุ้ม!











ศรินดานั่งอยู่คนเดียวในสวนกุหลาบของแม่เลี้ยงประจำไร่นี้ ซึ่งต่อให้มารดาของเธอแต่งงานกับพ่อเลี้ยงธฤต แต่สำหรับที่นี่ตำแหน่ง ‘แม่เลี้ยง’ มีเพียงคุณพินธุอร...มารดาของทั้งพนาดรและธนาดลเท่านั้นที่จะได้เป็น

คราวนี้หญิงสาวไม่กลัวที่จะมีใครมาไล่เธอเหมือนคราวก่อนเพราะเจ้าของสวนกุหลาบคนปัจจุบัน เขาคงไม่อยากเข้ามาในที่ที่เธออยู่ เพราะเขาเกลียดเธอ ไม่อยากเห็นหน้าเธอให้เสียสายตา

“ริน”

ศรินดาเอี้ยวตัวมองเมื่อได้ยินเสียงของสลิลธาร “ว่าไง”

“ว่างๆเลยแวะมาหา เป็นอะไรหรือเปล่า” ประโยคหลังตั้งคำถามถามเพื่อนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าไม่สู้ดี

“เปล่านี่...ไม่ได้เป็นอะไร” คนถูกจับผิดรีบปฏิเสธ แต่ก็หลบสายตาเพื่อน ไม่กล้ามอง

“อย่ามาโกหกกันเลย เราคบกันมากี่ปีแล้วริน แค่มองหน้าฉันก็รู้แล้วว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ”

ศรินดาหันหน้ามามองเพื่อนน้ำตาคลอ อยากที่จะโผเข้ากอดเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเธอไม่อยากให้ใครต้องมาคิดมากกับเรื่องของเธอ

“ฉันจะแต่งงานกับนนท์” แม้ว่าน้ำเสียงจะแผ่วเบา หากสลิลธารก็ได้ยินประโยคนั้นชัดเจน

“ว่าไงนะ!” น้ำเสียงที่ถามออกไปไม่ต่างอะไรกับการตะโกน ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้าง คุณหมอน้ำอยากจะพาเพื่อนตัวดีไปโรงพยาบาลเสียเดี๋ยวนี้เพื่อเช็คสมองว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่อย่างไรถึงได้พูดอะไรออกมาอย่างนี้

“ฉันตกลงจะแต่งงานกับนนท์” แม้คำตอบจะแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ความหมายก็ไม่ได้ต่างจากเดิมสักนิดเดียว

“แกจะบ้าหรือไง!” สลิลธารโวยลั่น “สมองกลับไปแล้วเหรอถึงได้พูดออกมาแบบนี้”

“ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะแต่งงานกับนนท์ไม่ได้ ทีเมื่อก่อนแกยังลุ้นให้ฉันรับรักนนท์ แต่ทำไมตอนนี้...”

“ก็เพราะว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วไง เมื่อก่อนหัวใจแกยังไม่มีใคร แต่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้ แกมีใครคนนั้นอยู่เต็มหัวใจ ใคร...ที่ไม่ใช่นนท์” สลิลธารพูดพร้อมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อน

“ฉันไม่...” รินละล่ำละลัก

“ยังจะปฏิเสธอีกเหรอริน ปฏิเสธใจตัวเองมานานขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ”

“ฉัน...”

“รักเขาใช่ไหมริน รักคุณดลเข้าแล้วใช่ไหม” คำถามของสลิลธารทำเอาน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเจอคำถามตรงๆของเพื่อน หญิงสาวโผเข้ากอดก่อนที่จะระบายความในใจทั้งหลายทั้งปวงออกมา

“น้ำ...ฉันจะทำยังไง จะทำยังไงดี ฉันรักเขา ฉันรักคุณดล รักทั้งๆที่รู้ว่าไม่ควรจะรัก แต่ฉันก็ถอนหัวใจออกมาไม่ได้แล้วน้ำ ฉันยกหัวใจให้ผู้ชายคนนั้นไปแล้วทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อยากได้ ทั้งที่รู้ว่าเขาเกลียดฉัน แค้นฉัน ฉันก็ยังรักอยู่ดี โง่ไหมน้ำ แกว่าฉันโง่ไหม เหมือนที่แกเคยบอกฉันว่าถ้าฉันแก้แค้นเขาแล้วเกิดฉันรักเขาขึ้นมา คนที่เจ็บที่สุดจะไม่ใช่ใครนอกจากฉัน...เป็นฉันเอง”

ศรินดาร้องไห้โฮ น้ำตาไหลพราก แต่สลิลธารปล่อยให้เพื่อนยืมบ่าเป็นที่ซับน้ำตาโดยไม่ว่าอะไรสักคำเพราะเธอรู้ดีว่ารักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บมากแค่ไหน นานพอควรกว่ารินจะหยุดร้อง ดวงตาคู่สวยทั้งบวมและแดงอย่างคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“สบายใจขึ้นไหม” คุณหมอน้ำถามอย่างเป็นห่วง ศรินดาพยักหน้าตอบ

“ริน...ปฏิเสธการแต่งงานไปซะ ตอนนี้ยังทันนะ อย่าโกหกตัวเองแบบนี้ เพราะแกจะไม่มีความสุขอีกเลย” สลิลธารขอร้องเพื่อนอีกครั้ง ไม่อยากเลยที่จะเห็นศรินดาเจ็บปวดไปกว่านี้

“ขอโทษนะน้ำ เรื่องนี้ฉันตัดสินใจแล้ว นนท์รักฉัน แค่นี้ก็พอ ส่วนฉันจะรักนนท์หรือเปล่า แต่งงานกันไปคงจะรักเอง”

สลิลธารถอนหายใจยาว แค่ปัญหาของตัวเองก็ยังแก้ไม่ตก แล้วนี่ยังมาเจอปัญหาของเพื่อนที่ยุ่งยากไม่แพ้กัน คิดแล้วเธอก็อยากจะเอาหัวโขกกำแพงวันละหลายๆรอบ

“เอาเถอะริน สิ่งที่ฉันควรบอก ฉันก็บอกไปหมดแล้ว แกจะเชื่อหรือไม่ มันก็แล้วแต่แก ชีวิตแกเป็นคนกำหนดเอง แต่ขอให้จำไว้ว่าถ้ามีปัญหาอะไร...ยังมีฉันอยู่ข้างๆเสมอ”

“ขอบคุณ” ศรินดาบอกด้วยคำพูดสั้นๆ หญิงสาวรับรู้มานานแล้วว่า สิ่งที่ดีที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิตของเธอคือการมีสลิลธารเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาไม่ว่าจะเป็นยามที่เธอมีความสุขที่สุดหรือทุกข์แสนสาหัส

หญิงสาวเดินมาส่งสลิลธารที่หน้าบ้าน จังหวะเดียวกับที่พนาดรกลับมาพอดี งานนี้คุณหมอสาวคนสวยก็ทำเมินไม่สนใจบุคคลที่กำลังเดินมาแม้แต่น้อย ซึ่งก็ไม่ต่างจากพนาดรมากนัก ชายหนุ่มไม่แม้จะทักทายเพื่อนของน้องสาวคนนี้เลย ศรินดามองสลับกันระหว่างเพื่อนสาวและพี่ชาย ไม่เข้าใจความเฉยชาระหว่างสองคนนี้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่จู่ๆก็เหมือนว่าโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เพราะภาพของผู้ชายคุ้นตากำลังเดินมาท่าทางคล้ายคนสติหลุดลอย

“คุณดล” ศรินดาเรียกชื่อธนาดลแผ่วเบา แต่ก็ยังดังพอที่จะให้พนาดรหันมามองตาม ชายหนุ่มมองน้องชายตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจและเป็นห่วง

“ดล! เป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า แล้วกลับมาได้ยังไง” เพราะความเป็นห่วงของคนเป็นพี่ชาย คำถามมากมายจึงพรั่งพรูออกมา

“แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลังนะครับ” น้องชายตัดบทง่ายๆ เดินเข้าบ้านไปโดยไม่แม้แต่จะมองมายังศรินดาสักนิดเดียว เศษเสี้ยวของสายตายังไม่มี

สลิลธารที่มองอากัปกิริยาของธนาดลอยู่ถึงกับลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จำได้ว่าเธอเคยขอให้เขาไม่รักเพื่อนเธอ แต่ตอนนี้เธออยากลองขอเขาใหม่ ขอให้เขายอมรับเสียงหัวใจของตัวเองว่าแท้ที่จริงแล้วใครกันที่หัวใจเขาต้องการ

...ปากแข็งกันทั้งคู่ ไม่มีใครด้อยกว่ากันเลยนะสองพี่น้องคู่นี้

“ฉันไปนะ” สลิลธารบอกลาเพื่อน...แค่คนเดียว ไม่สนใจอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่เลย

ก็แล้วทำไมเธอต้องไปสนใจเขาด้วย ทีเขาไม่สนใจเธอได้ ทำไมเธอจะไม่สนใจเขาบ้างไม่ได้ ไม่อยากคุยกันมากใช่ไหมพี่ต้น ได้ค่ะ...ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกเลย น้ำจะถือว่าไม่เคยรู้จักพี่ต้น ไม่เคย!!

พนาดรมองซีอาร์วีที่ขับห่างออกไปแล้วรู้สึกใจหายอย่างไรบอกไม่ถูก มันเหมือนกับว่าเขาจะไม่ได้เจอสลิลธารอีก เธอกับเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

“เข้าบ้านเถอะค่ะพี่ต้น” เมื่อเห็นพี่ชายมองตามรถของเพื่อนสาวตาละห้อย คนเป็นน้องอย่างศรินดาจึงทำได้แค่เพียงปลุกพี่ชายให้ตื่นจากภวังค์

“เดี๋ยวริน”

“คะ?”

“ที่ไร่ของนนทนัฐเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าทำไมดลถึงเดินกลับมาอย่างนี้” เพราะเห็นน้องชายกลับมาในสภาพที่ไม่สู้ดีนักจึงถาม และคิดว่าศรินดาน่าจะพอรู้อะไรบ้าง

“ไม่ทราบค่ะ” แต่น้องสาวกลับตอบปฏิเสธพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด

“พี่ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ดลไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน” พนาดรวิเคราะห์ คิ้วเข้มขมวดชิด แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับธนาดลระยะเวลาหนึ่ง แต่สายสัมพันธ์ของพี่น้องก็พอที่จะทำให้พนาดรรู้ว่ายามนี้น้องชายกำลังมีเรื่องหนักใจ

ศรินดาไม่เสนอความคิดเห็นอะไรออกมา หญิงสาวไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองมากนักว่าที่เขาซึมเศร้าซังกะตายแบบนี้เพราะเขาไม่อยากให้เธอแต่งงานกับนนทนัฐ

...เพ้อเจ้อน่ะริน คุณดลไม่ได้รักเธอเสียหน่อย ทำไมเขาจะต้องมาเศร้ากับเรื่องแต่งงานของเธอ เขาน่าจะดีใจมากกว่าที่เธอจะได้ไปไกลๆ

มือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้พนาดรเห็นและตั้งคำถามว่าเหตุใดเธอจึงบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมา

...บ้าน่ะริน! ร้องไห้ทำไม แค่ผู้ชายไม่รักจะร้องไห้ให้ได้อะไรขึ้นมา จะร้อง...ทำไมกัน เข้มแข็งเสียศรินดา เขาไม่ได้รักเธอได้ เธอเองก็เลิกรักเขาได้เช่นกัน!



--------------------------------------------------------------------------------------------

ประมาณอีก 10 ตอนก็จะถึงบทสรุปแล้วนะคะ รู้สึกว่าเรื่องนี้ยิ่งเขียนยิ่งดราม่า... T^T
เหมือนเดิมค่ะ ชอบไม่ชอบยังไงบอกได้ เข้าใจว่ามันบีบหัวใจและค่อนข้างไปทางเศร้า
แต่รับรองว่าจบ...ไม่เศร้านะคะ (เดี๋ยวจะมีตัวแปรมาช่วยค่ะ)

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเมนท์และกดไลค์นะคะ (กดไลค์+คอมเมนท์เป็นกำลังใจกันหน่อยน้าาา)
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยทำให้คุณดลผู้น่าสงสารติดอันดับ 3 นะคะ (คนเขียนดีใจมากเลย)



คุยกันคุยกันจ้าาา...




คุณ WallyValent : เป็นความคิดที่ดี! (อยากมีมาให้เลือกไม่ถูกอย่างนี้บ้างอะไรบ้าง)

คุณ tutas : แหะๆ งั้นปอแก้วยอมเป็นคนใจร้ายไปก่อนนะคะ...เพราะมันเป็นช่วงที่พระ-นางเขากำลังปฏิเสธที่อยู่ในใจน่ะค่ะ// ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณดลมาแรงอย่างนี้เป็นเพราะทุกคนจริงๆค่ะ ขอบคุณค่ะ :)

คุณ Amata : ตอนนี้นายนนท์คงโดนว่าเละแน่เลย...

คุณ jaijing : ถ้าตอนนี้คงต้องบอกว่าคนเขียนเองยังเศร้าเลยค่ะ T^T ไม่รู้ว่าครั้งแรกที่เขียนนั้นรู้สึกอย่างไร (เพราะนานมาก จำไม่ได้แล้ว) ดีใจนะคะที่ชอบ ปอแก้วยิ้มแก้มแตกแล้วค่ะ =^___^=

คุณ Heronett : นั่นน่ะสิคะ...เหมือนจะรู้ตัวแต่พอจะพูดก็ดันพูพอะไรที่ไม่เข้าท่า...มันน่านักเชียว

คุณ MYsister : ง่าาาา...ตอนนี้ปอแก้วโดนหาว่าใจร้ายแทนหนูรินไปเสียแล้วววว T___T

คุณ anOO : โอ๋...อย่าเพิ่งเซ็งค่ะ (แต่อ่านตอนนี้แล้วคุณ anOO ต้องเซ็งเพิ่มแน่เลย) รักแท้ต้องมีอุปสรรคกันมากหน่อยค่าาาา

คุณ เด็กหญิงม่อน : ปอแก้วหลีกทางให้เหนี่ยวเลยค่ะ...เอาให้หนักๆเลย!

คุณ หมูบูลิน : ก็...จะพูดประมาณนั้นก็ได้ค่ะ เป็นคนที่สีเทา...ประมาณนั้นอ่ะค่ะ - -"

คุณ nunoi : พี่ต้นน่าสงสารจริงๆค่ะ แต่เขียนไปเขียนมาปอแก้วชักเริ่มสงสารหมอเขตแล้ว ดีขนาดนั้นแต่น้ำก็ยังรักไม่ได้ T^T ส่วนคุ่คุณดล รู้ว่ารัก...แต่ก็ไม่ยอมเปิดใจ หันมามาบอกว่ารักกัน...ส่วนนนท์นั้น...ตอนนี้จะมีคนยังสงสารไหมคะ??

คุณ roseolar : คนที่จะมากระตุ้นคุณดลใกล้จะมาแล้วค่ะ เป็นคนที่คุณดลยอมเปิดใจด้วยและรับฟังมากกว่าคนเป็นพี่ชายอย่างพี่ต้นอีกค่ะ ตอนหน้า...เธอคนนั้นจะมาทำให้คุณดลเริ่มฮึดที่จะทำอะไรขึ้นมาบ้าง// ส่วนเรื่องหมอเขต...คิดเหมือนกันค่ะ คนดีผู้น่าสงสาร...

คุณ Auuuu : แฮ่ๆ อ่านตอนนี้แล้วคุณอุ๊อยากทำหน้ายังไงคะ?? T__T

คุณ lovemuay : ถูกต้องเลยค่ะ...จำได้ว่าสมัยตอนที่เขียนเพื่อนปอแก้วบอกว่า...หาคู่ให้หมอเขตเดี๋ยวนี้!! ประโยคนั้นยังจำได้ถึงตอนนี้เลย

คุณ ดาวคันชั่ง : ถ้าเทใจให้พี่ต้นไปหมดแล้วก็ช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ต้นด้วยนะคะ ^___^ ส่วนเรื่องคุณดลกับริน จะเป็นอย่างนี้ไปอีกแป๊บบบบบ...นึงน้าาาา (ที่บอกว่าชอบความเจ็บปวดนี่บอกคนเขียนหรือเปล่าคะ ฮาาาา)

คุณ Pat : นนทนัฐลายออกก็ตอนนี้ล่ะค่ะ อย่างที่เคยบอกไว้ ผู้ชายคนนี้นอกจากครอบครัวของตัวเองก็มีรินคนเดียวเท่านั้นค่ะที่นนทนัฐจะ 'ดี' ด้วย

คุณ wane : เห็นแววมาแต่ไกลแล้วใช่ไหมคะ แต่คนดีอย่างหมอเขตไม่ถูกมองข้ามนานแน่ค่ะ :)




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2555, 09:33:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2555, 09:35:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2097





<< บทที่ 22   บทที่ 24 >>
Pat 3 พ.ค. 2555, 11:32:11 น.
เริ่มเห็นลายนนท์ล่ะ ไม่แปลกที่นนท์จะทำแบบนั้ แต่ไม่น่าไปร่วมมือกับปารัชเลย


anOO 3 พ.ค. 2555, 11:58:38 น.
คิดไม่ถึงนะว่านายนนท์จะร่วมมือกับนายปาณัส
ถ้าสั่งทำเองยังดูไม่ร้ายเท่าไร แต่เป็นแบบนี้ก็ไว้ใจไม่ได้แล้ว


Heronett 3 พ.ค. 2555, 12:01:12 น.
เรื่องเดิมก็ยุ่งยากอยู่แล้ว รินยังไปขอนนท์แต่งงานอก กรรมเลยทีนี้ อิรุงตุงนัง ปล.คิดถึงพี่ต้นจังเลยยยย


Kazalong 3 พ.ค. 2555, 12:11:42 น.
โหยยยยคุณนนท์ทำไมใจร้ายจังเลย น่าสงสารคุณรินและคะณดล ปากแข็งกันทั้งคู่


roseolar 3 พ.ค. 2555, 13:57:02 น.
นายนนท์!!!!ทำอย่างนี้กับคุณดลของฉันได้ไงฮะ โกรธค่ะโกรธ เดี๋ยวดักตีหัวซะเลย ฮึ่มมม
คุณดลน่าสงสารที่สุดเลย อยากกอดปลอบอยู่ข้างๆจัง ฮืออออ
แอบลุ้นว่าใครจะเปลี่ยนใจคุณดลได้เนี่ย ตื่นเต้นมากมาย จะต้องเป็นคนที่มาพร้อมภูมิหลังชีวิตรักระหว่างพ่อกับแม่คุณดลแน่เลย อยากอ่านต่อแล้ว เริ่มมีอาการลงแดง ฮาาา
ส่วนหมอเขต ไม่ต้องไปตามหาคู่ให้ไกลเลยค่ะ เพราะคู่อยู่นี่ อยู่ทางนี้ ยกมือโบกอยู่ไหวๆ เห็นมั้ยคะ ทางนี้ไง (>__<)/
ถ้าคุณปอแก้วไม่แต่งคู่หมอเขตต่อ คนอ่านจะแต่งให้คุณปอแก้วอ่านเองเลยคอยดู แต่นางเอกนี่คงต้องชื่อเหมือนคนอ่านนะคะ โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ


lovemuay 3 พ.ค. 2555, 14:24:42 น.
ถ้านายดลจะปากแข็งอย่างงี้ เสียนางเอกไปก็สมควรแล้วหล่ะค่ะ


tutas 3 พ.ค. 2555, 15:41:07 น.
คุณปอแก้วใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย แงๆๆๆ เศร้าจนไม่รู้จะพูดอะไรเลย


nunoi 3 พ.ค. 2555, 17:51:48 น.
ตอนแรกยังแอบเห็นใจนายนนท์ บ้างคิดว่าจะไม่มีส่วนร่วมกับการทำร้ายคุณดลซะอีก ตอนนี้อยากตีหัวให้แบะ ซะเลย อยากให้ตัวแปร มาทำให้ทั้งสองคนยอมเปิดใจ กันซักทีอ่ะ
คุณปอแก้วขา ไม่อยากจะเศร้าแล้วค่ะ


ดาวคันชั่ง 3 พ.ค. 2555, 19:53:00 น.
ไปกันใหญ่แล้วริน จะไปขอนนท์แต่งงานทำไมเนี่ย เฮ้อ ประชดแบบนี้ไม่ดีเลย
ทำร้ายทั้งตัวเองและดลด้วย


MYsister 3 พ.ค. 2555, 20:23:34 น.


หมูบูลิน 4 พ.ค. 2555, 02:56:32 น.
พูดได้คำเดียวค่ะว่า "เจ็บ"


teesaparn 4 พ.ค. 2555, 11:56:03 น.
โอย เยียะหื้อน้ำตาเริ่มจ่อคลอแล้ว


Amata 4 พ.ค. 2555, 14:18:19 น.
ขอโทษด้วยจ้า...งานหล่นทับแล้วตอนนี้ ทั้งราชทั้งหลวง ตามอ่านแทบไม่ทัน
แต่ หนูรินขืนประชดแบบนั้นมีแต่เจ็บกับเจ็บนะเออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account