เพลงลิขิตบันดาลชักพา
เพลงรัก...สาวอวบที่เพิ่งอกหักเพราะรักเก่ากำลังหมั้นหมายกับคนอื่น โดนหลานสาวตัวดีหลอกให้มาเที่ยวปารีสเป็นเพื่อน แต่พอมาถึงเธอกลับต้องเล่นเรียลลิตี้เป็นคู่ฮันนีมูนของนักร้องดังซะงั้น งานนี้สาวอวบขึ้นคานจะทำอย่างไร..... ในเมื่อรักเก่าก็กลับมาทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่ความรักครั้งใหม่ก็กำลังเริ่มต้น
Tags: รัก,ท่องเที่ยว,ฝรั่งเศส

ตอน: บทที่ 10

ฉากต่อไปที่ฮันนีมูนทริป วิท ซุปเปอร์สตาร์เลือกมาถ่ายทำ คือพระราชวังเก่าอายุเกือบ 800 ปี... Musee de Louvre หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์’

รถบัสเข้าจอดชั้นใต้ดิน ก่อนที่น่านฟ้าจะเดินนำเข้าไปในอาคารที่ต่อเดิมใหม่ในสมัยประธานาธิบดีมิตเตอรองด์ เพื่อแนะนำให้รู้จักกับ ‘คุณสมชาย’ ชายไทยวัยกลางคน สวมแว่นหนา ท่าทางเหมือนศาสตราจารย์สติเฟื่อง ผู้มายืนรอให้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าที่ถูกเก็บรักษาไว้ ณ ที่แห่งนี้

เพลงรักไม่คิดว่าตัวเองจะตื่นเต้น เพราะเธอไม่เคยอ่านนิยายของแดน บราวน์ ไม่เคยสนใจประวัติศาสตร์โบราณคดีมาก่อน แถมเธอยังไม่เหมือนพิมพลอย ที่ต่อให้เคยมาเยือนที่นี่ไม่รู้กี่ครั้ง ก็ยังกระตือรือร้นอยู่ได้ เพียงแค่ครั้งนี้มีพี่แทนมาด้วย หญิงสาวถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แค่เดินชมวัตถุโบราณในตู้โชว์ เปิดโทรทัศน์ดูสารคดีก็มีค่าเท่ากัน

แต่ความคิดก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทีละน้อย เมื่อคุณสมชายพาเดินผ่านเครื่องตรวจสัมภาระ ขึ้นบันไดเลื่อนจากชั้นใต้ดิน มายังทางเดินที่เรียงรายไปด้วยประติมากรรมจากยอดฝีมือ หินอ่อนเนื้อดีที่ถูกแกะสลักอย่างงดงาม ต่างท่าทาง ต่างเนื้อหา ทำให้เธอได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตื่นตาโดยไม่รู้ตัว

และเมื่อชายวัยกลางคนพาเดินขึ้นบันไดมาอีกชั้น ห้องโถงยาวที่เพดานเป็นกระจกใสทำให้แสงสว่างส่องมาอย่างทั่วถึง ก็มีภาพวาดของจิตรกรระดับโลกประดับอยู่ทั้งสองฝั่งของผนังสีแดงอมน้ำตาล แม้เธอจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่สีน้ำมันบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่ ก็ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ เพลงรักถึงกับเบิ่งตาโตด้วยความตื่นใจ

ไม่ต้องพูดถึงตอนที่ไกด์ท้องถิ่นประกาศว่า ‘ห้องถัดไปเป็นห้องที่จัดแสดงภาพโมนาลิซ่า’ เพลงรักก็ขนลุกขึ้นมาเมื่อคิดว่าจะได้ชมภาพที่คนทั้งโลกรู้จักด้วยตาตัวเอง

“คุณจะรู้ได้เองว่า ‘เธอ’ อยู่ไหน” ชายวัยกลางคนกล่าว แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาทำความเข้าใจ เพราะเมื่อก้าวเข้ามาสู่ Grand Gallery ซึ่งเป็นโถงกว้างสีขาวสว่างที่อยู่ติดกัน ก็มีเพียงบริเวณเดียวเท่านั้น ที่คนยืนออกันจนมองไม่เห็นว่ามุงอะไรกันอยู่

“คุณไม่รู้หรอกว่าแท้จริงแล้ว ‘เธอ’ เป็นใคร บ้างก็ว่าเป็นสตรีที่ลีโอนาโดหลงรัก บ้างก็บอกว่าลีโอนาโดได้วาดหน้าตัวเองไว้ แล้วการศึกษาครั้งล่าสุดก็บอกว่าเธอคือลูกศิษย์หนุ่มของลีโอนาโดที่เขาหลงใหล นี่คือครั้งล่าสุด... แต่ไม่ใช่สุดท้าย เธอจะเป็นปริศนาต่อไป เพราะคำตอบ มีแค่ตัวคนวาดเท่านั้นที่รู้”

เพลงรักพยายามชะเง้อคอดู ‘เธอ’ ที่คุณสมชายเอ่ยถึง แต่เขย่งจนสุดปลายเท้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่ขอบของกรอบหลุยส์ที่เธอผู้นั้นบรรจุอยู่ “คนเยอะอย่างนี้แล้วฉันจะเห็นไหมเนี่ย” หญิงสาวบ่น ซึ่งคนข้างๆ ก็ได้ยิน

“ถ้าป้าอยากดูใกล้ๆ เดี๋ยวผมพาเข้าไป”

“ไม่ต้อง ห่างแค่ไม่กี่ก้าว ฉันเดินไปเองได้” คนตัวสั้นตอบกลับทันควันก่อนหันไปหาหลานสาว “พลอย ไปดูกับน้าไหม”

“พลอยต้องขอบายจริงๆ ค่ะงานนี้ พลอยเคยเห็นแล้ว แล้วพลอยก็ขี้เกียจฝ่าคนเข้าไป... น้าเพลงสู้ๆ นะคะ”

สาวร่างอวบจึงทำหน้ามุ่ย ขณะที่แทนกวียักคิ้วล้อเลียน “ก็บอกแล้วว่าจะพาเข้าไป”

“หึ...” เพลงรักทำเสียงประชด และก่อนที่ถ้อยคำจะประชันกลับมา นักร้องหนุ่มก็รีบส่งสัญญาณทวงสัญญา ด้วยการบุ้ยใบ้ไปทางพิมพลอย ซึ่งทำให้คนตั้งท่าโจมตีกลับจึงต้องถอยทัพ ก่อนจะกัดฟันเอ่ยออกไป “ก็เดินนำไปสิ”

แทนกวีหัวเราะชอบใจ กำลังจะเดินไปแล้วก็นึกบางอย่างขึ้นได้ เขาเอามือข้างหนึ่งเท้าเอวตัวเอง ก่อนจะสั่งเสียงยียวน “ควงสิ”

เพลงรักถลึงตาใส่ ก่อนเหลือบไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่จ้องมองอยู่ เธอเกรงใจเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ พิมพลอยยืนอยู่ตรงนี้ และความลับก็ต้องเป็นความลับ

หญิงสาวจำต้องเอามือแตะแขนเขาอย่างไม่เต็มใจ แล้วก็อยากกรีดร้องใส่หน้าเมื่อเขาเอ่ยลอยๆ ขณะเดินไปด้วยกัน

“ทำเล่นตัว เห็นมะ สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง”


โต้งที่เปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิตอลตัวเล็ก เพราะกล้องวิดีโอตัวใหญ่ถูกสั่งห้ามนำเข้ามา พยายามเก็บภาพคู่ฮันนีมูนซึ่งกำลังฝ่ากำแพงมนุษย์เข้าไปชมภาพวาดอันลื่อเลื่องในจุดที่ใกล้ที่สุด แต่เพราะร่างอ้วนท้วมของเขาเป็นอุปสรรคในการแทรกตัว จึงได้แต่เก็บภาพอยู่รอบนอก ขณะที่ลูกแก้วใช้ร่างเล็กบางของตัวเองแทรกผ่านช่องว่างอันน้อยนิดเข้าไปในหมู่ชน จึงถ่ายทั้งสองคนในระยะใกล้ได้
ครีเอทีฟสาวตามบันทึกภาพ ยามที่แทนกวีใช้วงแขนของตัวเองกันนักท่องเที่ยวคนอื่นไม่ให้มาเบียดเสียดเพลงรัก ซึ่งสาวร่างอวบก็เหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาโดยปริยาย แต่เธอก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เพราะหันซ้ายหันขวาก็แน่นไปหมด ไม่รู้จะขยับไปทางไหน

และเมื่อฟันฝ่าอุปสรรคมายังด้านหน้าสุดยังจุดที่ยลโฉลมโมนาลิซ่าได้ ทั้งสองก็ไม่ได้มีเวลาพิจารณาว่า ‘เธอ’ ในภาพเป็นใครกันแน่ เพราะเพียงยืนมองอยู่ไม่กี่อึดใจ นักท่องเที่ยวด้านหลังที่อยากพบปะกับสาวปริศนาคนนี้บ้าง ก็ทั้งกระแทก ทั้งดัน จนทั้งสองต้องรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่หลุดจากวงล้อม เพลงรักและแทนกวีก็ถอนหายใจออกมาเกือบจะพร้อมกัน

“รู้ไหมทำไมคนถึงอยากมาดู ‘เธอ’ กันมาก” เสียงคุณสมชายที่ยืนรออยู่เอ่ยถามขึ้น ในสิ่งที่เพลงรักกำลังสงสัยอยู่เช่นกัน

จากการสัมผัสด้วยตาในชั่วเวลาไม่ถึงนาที หญิงสาวก็ไม่เห็นว่าภาพที่ใครหลายคนอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาชมเป็นขวัญตา จะโดดเด่นกว่าภาพอื่นที่เรียงรายกันอยู่ตรงไหน ขนาดก็เล็กกว่า แถมสีก็ทึมๆ ไม่สดใส หรือจะผิดที่เธอไม่มีความรู้ความสนใจในงานศิลปะ จึงไม่พบความสวยงามเช่นคนอื่น

“อาจเป็นเพราะเธอลึกลับ น่าค้นหา ปิดด้านหนึ่งเป็นรอยยิ้ม แต่ปิดอีกด้านกลับเป็นรอยเศร้า ฉากหลังที่ข้างหนึ่งเป็นภูเขา อีกข้างเป็นทะเลสาบ แสงด้านหนึ่งสว่าง อีกด้านหนึ่งมืด สร้างคำถามให้คนทั่วโลกมาพิสูจน์ด้วยตาว่าลีโอนาโดต้องการสื่ออะไร แต่ใครจะรู้ล่ะ ต่อให้ศึกษากันให้ตาย ก็ไม่มีคำตอบที่แท้จริงอยู่ดี” คุณสมชายกล่าว ขณะทอดสายตาใต้แว่นหนาไปยังกลุ่มคนที่ห้อมล้อม ‘เธอ’ อยู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าถามผม เหตุผลที่ทำให้ ‘เธอ’ โดดเด่นกว่าภาพชิ้นไหนๆ คงเป็นเพราะลีโอนาโด ดาวินชีเป็นคนกล่าวไว้เองว่านี่คือผลงานที่ดีที่สุดของเขา”

ฟังแล้วเพลงรักที่ไม่ได้ซาบซึ้งในภาพวาด ยังแอบขนลุก มันเป็นความจริงที่ว่า... สิ่งใดจะมีค่า ก็ต่อเมื่อคนให้ค่าแก่สิ่งนั้น ยิ่งคนๆ นั้นเป็นถึงอัจฉริยะบุคคลที่ทั้งโลกรู้จัก ความสำคัญจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ

แล้วความรักของเธอล่ะ... อยู่ๆ คนคิดมากก็วกกลับมาคิดถึงเรื่องตัวเองอีกครั้ง ไม่มีใครเห็นค่าหรือว่ามันไม่มีค่าพอให้มองเห็น หญิงสาวเหลือบไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่โดยอัตโนมัติ นี่เขาจะรู้ตัวไหมว่าสิ่งที่เขาเคยทำ ยังคงทำให้เธอรู้สึกไร้ค่ามาจนถึงทุกวันนี้

“นี่... แล้วลูกแก้วล่ะ” เสียงห้วนของพลพรรคดังเพลงรักออกจากความคิด เธอสะดุ้งเล็กน้อย เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงฮือฮาดังขึ้นจากด้านหลัง เหล่าสมาชิกจึงหันไปมองพร้อมกัน แล้วคำตอบที่ปรากฏก็ทำให้ทุกคนตกใจ

กลุ่มคนกระจายเป็นวงกว้าง ก่อนจะเปิดทางให้พลเมืองดีประคองร่างที่ไร้สติออกมา

“ลูกแก้ว!!!”

--------------------------------------------------------------------------------

พลพรรคบ่นด้วยความหงุดหงิดเสียยกใหญ่ หลังพาสาวร่างเล็กที่เพิ่งฟื้นจากอาการหมดสติ มานั่งพักยังร้านกาแฟซึ่งแวดล้อมไปด้วยร้านขายของที่ระลึกในอาคารชั้นใต้ดินตามคำแนะนำของคีตภัค

“เห็นไหมว่าเพราะเธอไม่ยอมกินอะไร เลยเป็นลม ฉันสั่งแซนวิชกับโกโก้ร้อนมา รีบกินซะ... นี่ ไม่ต้องพูดเลยนะว่าไม่เป็นไร ตอนนี้หน้าเธอซีดยิ่งกว่ากระดาษอีกรู้ไหม ถ้าเธอยังดื้อ ฉันจะฟ้องพ่อเธอ” ชายหนุ่มร่างสูงโย่งดักคออย่างรู้ทัน ลูกแก้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แล้วหยิบขนมปังฝรั่งเศสประกบทูน่ารมควันมากัดเข้าปากอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเอ่ย “พอใจแล้วใช่ไหม”
หญิงสาวที่ยังคงถือยาดมที่พิมพลอยให้มาทำท่าจะลุก พลพรรคจึงรีบคว้ามือเธอไว้ “เธอจะไปไหน”

“ไปทำงาน”

“อะไรกันลูกแก้ว เธอไม่สบายอยู่นะ ไม่ต้องไปทงไปทำมันแล้ว ฉันไม่ให้เธอกลับไปหรอก”

“ทำไม... ไม่ให้ฉันกลับไป จะให้พี่คีย์ไล่ฉันออกอีกหรอ” หญิงสาวประชด พยายามสะบัดมือที่กุมไว้ออกไปแต่เขาก็ยิ่งจับแน่นขึ้น

“ลูกแก้ว... เธอเป็นอะไรกันแน่ เธอก็รู้ว่าเมื่อวานที่ฉันพูด ฉันไม่ได้ตั้งใจ เธอก็รู้จักฉันดีกว่าใครๆ เลยไม่ใช่หรอ แล้วทำไมคราวนี้ถึงมาโกรธฉันข้ามวันข้ามคืน ฉันเป็นห่วงเธอ อยากให้เธอพักผ่อน ทำไมเธอต้องคอยปฏิเสธน้ำใจฉันด้วย” ลูกชายนักการเมืองใหญ่ ที่ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใคร กลับถามด้วยเสียงตัดพ้อ และก่อนที่ลูกแก้วจะทันได้ตอบ เขาก็เอ่ยต่อเบาๆ “นี่เรายังเป็นแฟนกันอยู่หรือเปล่า...”

เท่านั้น ใจที่อยากจะแข็งแกร่งก็อ่อนยวบลงทันที เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะก่อกำแพงกันเขาออกไป แต่ที่คิดจะผลักไสเพื่อให้เขาเข้มแข็ง แท้จริงกลับทำให้เธอเองยิ่งอ่อนแอ เครียดจนนอนไม่หลับ กินไม่ลงเลยใช้งานเป็นข้ออ้าง ทั้งหมดที่อุตส่าห์ทำกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย

เธอแคร์เขาเกินกว่าจะใช้วิธีนี้ได้

“ฉันขอโทษ” หญิงสาวเอ่ยออกมาสั้นๆ ก่อนทรุดตัวลงนั่งที่เดิม “ปล่อยมือสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะกินได้ยังไง”

แล้วคนที่เคร่งเครียดมาตั้งแต่เมื่อวาน ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา “ขอบใจที่กลับมามีเหตุผล”

“ฉันก็มีเหตุผลตลอดแหละ”

“แต่ไม่เคยบอกฉัน” พลพรรคตอบกลับทันที แล้วชายหนุ่มน่าสงสารเมื่อครู่ ก็แปลงร่างกลับเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเช่นเดิม “ถ้าวันหนึ่งฉันไม่พูดกับเธอ ไม่สนใจเธอ เธอจะไม่อยากรู้เลยหรอว่าทำไม... เธอมีเหตุผลอะไรก็บอกมา รับได้หรือไม่ได้ฉันจะตัดสินใจเอง”

ลูกแก้วถอนหายใจยาวขณะครุ่นคิด ก่อนสุดท้ายจะเอ่ยออกมา “ฉันอยากให้นายกลับไปสนใจเรื่องเรียนต่อ”

-------------------------------------------------------------------------------

เรื่องบางอย่าง แค่ ‘พูด’ ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
แต่หลายคนก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ บ้างก็กลัวความเจ็บปวดหลังพูดออกไป หรือไม่...ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

เพลงรักและคีตภัคเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดในเวลานี้ คนสองคนที่ ‘เคย’ สนิทสนม ได้แต่ลอบมองกันราวคนแปลกหน้า ทั้งที่ฝ่ายหนึ่งก็มีคำถาม อีกฝ่ายหนึ่งก็อยากให้ตอบ แต่ก็ต้องเก็บคำพูดทุกอย่างไว้

ยิ่งเมื่อครีเอทีฟสาวถูกพาตัวไปนั่งพัก แล้วโปรดิวเซอร์หนุ่มร่างสูงใหญ่มารับหน้าที่บันทึกภาพต่อให้ ความอึดอัดใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เพลงรักไม่มีสมาธิตลอดการถ่ายทำที่เหลือ เธอเดินผ่านเทพีแห่งชัยชนะ (The Winged victory of Samothrace) ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางบันไดใต้โถงกว้าง โดยไม่สนใจว่านี่คือหนึ่งในสามของผลงานชิ้นเอกประจำพิพิธภัณฑ์เลยสักนิด... เทพีปกรนัมในสมัยกรีกโบราณที่สยายปีกด้วยท่วงท่าทรงพลัง ชายเสื้อสลักเสลาอย่างอ่อนช้อยราวกับกำลังเคลื่อนไหวอยู่จริง กลายเป็นเพียงรูปปั้นหัวขาด แขนขาดในหางตาของหญิงสาวเท่านั้น

หรือต่อให้คุณสมชายพาเดินไปชมผลงาน Masterpieces ชิ้นสุดท้าย... วีนัส เดอ ลาโม ผู้หญิงที่สวยที่สุดด้วยเค้าโครงใบหน้า และท่าทางการยืนที่สมดุลทุกมุมมอง เพลงรักก็ยังมองผ่านราวกับเป็นเพียงหินอ่อนแกะสลักอีกชิ้น ที่ประดับอยู่ในห้องจัดแสดง

ไม่มีอะไรอยู่ในความสนใจของเธอ เพราะเธอมัวแต่วิตกอยู่กับตากล้องคนใหม่ หญิงสาวนิ่งเงียบ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แล้วก็จมอยู่กับความคิดตัวเอง จนนักร้องหนุ่มที่เดินเคียงข้างสำเหนียกได้ถึงความผิดปกติ อยู่ๆ คนขี้บ่นก็ไม่ยอมพูดจา แม้ว่าจะหาทางกวนประสาทสักแค่ไหน แต่เธอก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ไม่สิ... เธอทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเลยด้วยซ้ำ

ตอนแรกเขาคิดว่าเธอโดนคำสาปจากอาถรรพณ์ของเก่า แต่ดูไปดูมา น่าจะเป็นเจ้านายของเขานี่แหละที่ทำคุณไสยใส่ เพราะนอกจากเธอจะลอบมองคีตภัคที่มาทำหน้าที่แทนลูกแก้ว มองแล้วก็ถอนหายใจ แทนกวียังเห็นว่ากล้องในมือของผู้ชายร่างสูงใหญ่ก็จับอยู่ที่หญิงสาวตลอดเวลาเช่นกัน

มีบางอย่างในความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ไม่ชอบมาพากล มันน่าเอะใจตั้งแต่หลายเหตุการณ์เมื่อวานแล้ว แต่นักร้องหนุ่มช่างสงสัยก็ยังสรุปไม่ได้ว่าคืออะไรกันแน่

แต่นั่นแหละ... ไม่ว่าคำตอบจะคืออะไร เขาก็อยากจะรู้ให้ได้

หลังคุณสมชายพาชมผลงานศิลป์ชิ้นสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย เขาเดินมาส่งยังลานกว้างใต้ฐานพีระมิดแก้ว ก่อนแยกจากไป เป็นจังหวะเดียวกับที่ครีเอทีฟสาวและแฟนหนุ่มกลับมาสมทบกับสมาชิกที่เหลือ เธอกล่าวขอโทษทุกคนที่ทำให้วุ่นวาย แล้วทำท่าจะกลับมาทำงานตามเดิม แต่พลพรรคก็ปรามเสียงเข้มว่าเธอยังไม่หายดี เดี๋ยวเขาจะทำหน้าที่นี้ให้เอง และเมื่อเธอปฏิเสธ เขาก็มองตาเขียวด้วยความไม่พอใจ หญิงสาวร่างเล็กเลยเอ่ยต่อด้วยเสียงที่อ่อนลงว่าเธออยากทำ ถ้าไม่ไหวแล้วจะบอก ชายหนุ่มจึงยินยอมด้วยใบหน้าที่แช่มชื่นขึ้น
ดูทั้งคู่ประนีประนอมต่อกัน หลังปั้นปึ่งใส่กันพักใหญ่ สงสัยว่าตอนที่ไปนั่งพักสองต่อสอง คงมีการปรับความเข้าใจเกิดขึ้น

แล้วแทนกวีที่กำลังหาโอกาสไขข้อข้องใจให้ตัวเองก็คิดบางอย่างออก เขารอจนกระทั่งการถ่ายทำด้านหน้าพีระมิดแก้ว...เอกลักษณ์ประจำพิพิธภัณฑ์เสร็จสิ้น แล้วใช้จังหวะที่น่านฟ้าปล่อยให้ทุกคนเดินเที่ยวเล่นบริเวณร้านขายของที่ระลึกชั้นใต้ดินตามอัธยาศัย ปรี่เข้าไปหาท่านประธานใหญ่ทันที

“ลูกแก้วดีกับแฟนแล้วหรอพี่คีย์”

คีตภัคที่ยืนรอคนอื่นๆ อยู่หน้าร้านหนังสือหันมองนักร้องในสังกัด “ก็คงอย่างนั้น”

“เห็นเมื่อวานยังงอนๆ กันอยู่ ดีกันก็ดีแล้วเนอะ”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เพียงแต่พยักหน้า ไม่ออกความคิดเห็น นักร้องหนุ่มเลยเอ่ยต่อ “คนเป็นแฟนกันจะทะเลาะกัน ไม่พูดกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนี่สิ... ถ้าไม่พูดกัน แต่แอบมองกัน พี่คีย์ว่าแปลกไหม”

คราวนี้สายตาของคนตัวใหญ่กว่าวูบไหวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันมามองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา

“นายกำลังหมายถึงใคร”

“เปล่า ผมก็แค่พูดไปเรื่อย” แทนกวีว่า ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ลอบสังเกตท่าทางของคู่สนทนาอย่างเก็บรายละเอียด “คน ที่ไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกัน จะทะเลาะกันได้ยังไง นอกเสียจาก... พวกเขารู้จักกันมาก่อน”

เพราะคีตภัคเอาแต่มองที่กองหนังสือ ทำให้นักร้องหนุ่มไม่เห็นสีหน้า แต่เมื่อชายหนุ่มร่างสูงใหญ่หันมา นัยน์ตาคมกริบที่ตวัดมองอย่างตำหนิ ก็ทำให้คนขี้สงสัยถึงกับชะงัก

“นายสนใจแค่เรื่องของตัวเองดีกว่า กับแฟนคลับของนาย... อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่านายกำลังแกล้งอะไรเธอ”

เจอไม้นี้เข้า นักสืบสมัครเล่นก็ไปต่อไม่ถูก เขาได้แต่ก้มหน้า พึมพำขอโทษเบาๆ รอจนอีกฝ่ายเดินจากไป เขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

แล้วแววตาของคนสลดเมื่อครู่ กลับฉายชัดถึงความมั่นใจบางอย่าง

เจ้านายจะไม่ใช่บุคคลที่ยอมถูกไล่ต้อนง่ายๆ แต่คำตอบรูปแบบนี้ปิดท้ายด้วยการเลี่ยงไป ก็ถือเป็นพิรุธที่ตอกย้ำว่าสันนิษฐานของเขาอาจเป็นจริง

คีตภัคและเพลงรัก จะต้อง ‘เคย’ รู้จักกันมาก่อน แต่จะเป็นฐานะอะไร... อีกไม่นานเขาก็ต้องได้รู้




********************
roseolar : พี่คีย์มีคู่แน่นอนค่ะ ปรากฏตัวแล้วด้วย ขอให้คอยลุ้นกัน
Pat : ไม่รู้ว่าใครจะตกหลุมใครก่อนนะคะ
พลอย : ดีใจจัง มีคนคิดเหมือนกัน คิคิ ชอบแทนอ่ะค่ะ
ืnunoi : นั่นสินะคะ ลองมาดูกันค่ะ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่าน และทุกๆ คอมเม้นค่ะ




ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2555, 20:07:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2555, 20:07:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1651





<< บทที่ 8   บทที่ 12 >>
ลิขิตรา 4 พ.ค. 2555, 21:21:14 น.
เอาละสิ...นายแทนรีบไปสืบความสัมพันธ์ของเพลงกับคีย์มาแถลงด่วนเลยค่ะ คนอ่านอยางรู้ใจจะขาดแล้ว


พลอย 5 พ.ค. 2555, 13:26:48 น.
อ่านตอนนี้แล้วชักอยากไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แต่คงไม่มีใครให้ควงไปดูโมนาลิซ่า


nunoi 5 พ.ค. 2555, 13:27:36 น.
เห็นด้วยกับคุณลิขิตราค่ะ


greenish 5 พ.ค. 2555, 16:52:39 น.
มารออ่านตอนต่อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account