เพลงลิขิตบันดาลชักพา
เพลงรัก...สาวอวบที่เพิ่งอกหักเพราะรักเก่ากำลังหมั้นหมายกับคนอื่น โดนหลานสาวตัวดีหลอกให้มาเที่ยวปารีสเป็นเพื่อน แต่พอมาถึงเธอกลับต้องเล่นเรียลลิตี้เป็นคู่ฮันนีมูนของนักร้องดังซะงั้น งานนี้สาวอวบขึ้นคานจะทำอย่างไร..... ในเมื่อรักเก่าก็กลับมาทำให้หัวใจหวั่นไหว แต่ความรักครั้งใหม่ก็กำลังเริ่มต้น
Tags: รัก,ท่องเที่ยว,ฝรั่งเศส

ตอน: บทที่ 12

หลังของหวานซึ่งเป็นวาฟเฟิลกับไอศกรีมชอกโกแลตรสเข้มข้น (ซึ่งแทนกวีมอบหน้าที่ให้เพลงรักจัดการอีกตามเคย) น่านฟ้าก็พาสมาชิกที่อิ่มจนหนังท้องตึงขึ้นรถแท็กซี่ในยามที่ท้องฟ้าเริ่มมืด เนื่องจากหมดเวลาทำงานของพนักงานขับรถบัสที่เช่ามา เพื่อไปขึ้นเรือบาโตมูช (Bateaux Mouches) ชมทิวทัศน์ตอนกลางคืนของสองฝากฝั่งแม่น้ำแซนน์

พิมพลอยและเพลงรักมาพร้อมกับน่านฟ้าในรถคันแรก ก่อนที่นิยมการ แทนกวีและโต้งจะตามมาในคันที่สอง ปิดท้ายห่างๆ ด้วยลูกแก้ว พลพรรค และคีตภัค ก่อนที่ทั้งหมดจะมารวมตัวกันเพื่อรอเวลาสำหรับเรือรอบต่อไป บนท่า pont de l'alma ซึ่งมองเห็นหอไอเฟลซึ่งเปิดไฟอร่ามอีกฝั่งแม่น้ำ ตระหง่านอยู่กลางฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสีดำ

เพราะระหว่างรอไม่มีการถ่ายทำ ทำให้ต่างคนต่างแยกย้ายไปหามุมนั่งพักของตัวเอง โดยที่ลูกแก้วใช้เวลานี้มาคุยงานกับเพลงรักว่าต้องการให้บรรยากาศการชมวิวออกมาเป็นแบบไหน เพราะรู้ว่าคงโรแมนติกจ๊ะจ๋าต่อกันอย่างที่วางแผนไว้ไม่ได้ ครีเอทีฟสาวเลยปรึกษากับโปรดิวเซอร์ตอนที่นั่งรถมาด้วยกัน แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าภายในเวลาชั่วโมงกว่าที่อยู่บนเรือ จะต้องมีการพูดคุยที่ทำให้ผู้ชมรู้จักตัวตนของแทนกวีมากขึ้น

“ไม่ต้องกังวลนะคุณเพลง ฉันเตรียมคำถามไว้แล้ว คุณแค่ถาม แล้วเดี๋ยวแทนก็จะตอบตามนี้” สาวร่างเล็กว่า พร้อมกับยื่นแผ่นกระดาษที่จดคำถามมาให้ คนที่ไม่เต็มใจได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ซึ่งถือเป็นอันจบการประชุม

ลูกแก้วแยกกลับไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนรออยู่ไม่ไกล ทำให้ในที่สุดเพลงรักก็มีโอกาสอยู่ตามลำพังกับหลาน เธออยากถามบางอย่าง แต่พิมพลอยที่เอาแต่ใช้สมาร์ทโฟนแอบถ่ายรูปนักร้องหนุ่มซึ่งยืนติดขอบระเบียงอยู่กับสมาชิกที่เหลือ ก็ไม่ได้สนใจน้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เลยสักนิด

“หนาวไหมพลอย” เพลงรักใช้คำถามนี้เรียกให้หลานหันมา แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะพิมพลอยยังจับจ้องอยู่แต่คนบนหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อส่ายหน้าปฏิเสธ

“แต่อากาศเริ่มเย็นแล้วนะ ตอนนั่งเรือต้องหนาวกว่านี้แน่ คุณน่านบอกก่อนออกจากโรงแรมว่าให้เตรียมเสื้อมากันหนาวด้วย พลอยไม่ได้เอามานี่... ถ้าอย่างนั้นเอาผ้าของน้าไปห่มก่อนไหม อุ่นดีนะ”

“ไม่เอาหรอกค่ะ... ผ้าคลุมไหล่ของน้าเพลงเชยจะตาย ไม่เห็นสวยเลย น้าเพลงใช้เองเถอะค่ะ”

เพราะการปฏิเสธทันควันอย่างไร้เยื่อใย แถมไม่ยอมมองหน้า ทำให้เพลงรักเข้าใจว่าหลานคงยังไม่หายโกรธตน

“นี่พลอยยังงอนน้าอยู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามเสียงเครียด ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหันมามองทันที
“เปล่านะคะ พลอยไม่ได้งอนน้าเพลงสักหน่อย”

“เปล่าแล้วทำไมไม่มองหน้า พลอยยังโกรธน้าอยู่แน่ๆ”

“ก็บอกว่าเปล่าแล้วไงคะ น้าเพลงนี่ อยากให้พลอยโกรธนักหรือไง พลอยไม่โกรธน้าเพลงหรอกค่ะ เพราะพี่แทนบอกว่าอย่าโกรธ”

“พี่แทน!?!” หญิงสาวทวนคำ พลางเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่เพลินกับการถ่ายรูปหอไอเฟลที่กำลังเปิดไฟระยิบระยับ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “นายแทนกวีพูดอะไรกับพลอย”

“ก็...” เด็กสาวอดยิ้ม เมื่อนึกถึงตอนที่เธอได้ใกล้ชิดกับนักร้องหนุ่ม ก่อนจะเล่าบทสนทนาที่เกิดขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นแรงอีกครั้ง

‘น้องพลอยคุยกับพี่แทนได้ไหมคะ’

เสียงของนักร้องหนุ่มในดวงใจเอ่ยขึ้นซ้ำ หลังที่น้าสาวและจอมเผด็จการเดินกลับเข้าร้านไปแล้ว พิมพลอยไม่กล้าหันกลับไป เพราะหัวใจเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเธอก็ยังพยักหน้า ‘ได้ค่ะ’

แทนกวีพอเข้าใจว่าทำไมเด็กสาวถึงไม่หันมา เขาจึงเสนอ ‘ถ้าน้องพลอยมองหน้าพี่ไม่ได้ เอาอย่างนี้ไหมคะ เดี๋ยวน้องพลอยนั่งบนเก้าอี้นี่ แล้วพี่แทนจะยืนอยู่ข้างหลัง น้องพลอยจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าพี่ไง’

เด็กสาวร่างเล็กพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนรีบทำตามอย่างว่าง่าย แทนกวีมองเธอทรุดนั่งลงบนม้านั่งเรียบร้อย จึงเอ่ย

‘น้องพลอยไม่ชอบพี่คีย์หรอคะ’ เขาเริ่มต้น ด้วยประโยคที่แอบได้ยินตอนเดินตามออกมา แล้วคนที่นั่งอยู่ก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

‘ไม่ชอบค่ะ เขาดุ แล้วก็ชอบวางอำนาจด้วย’ พิมพลอยต่อว่า ก่อนจะนึกได้ว่าพี่แทนอาจคิดว่าเธอเป็นเด็กก้าวร้าว เด็กสาวจึงลดเสียงให้อ่อนลง ‘พลอยไม่ชอบคนดุๆ แบบนี้เลยค่ะ เขาเคยดุพี่แทนด้วย พลอยเคยเห็น’

‘ก็จริงนะคะ พี่คีย์นี่ดุจริงๆ’ นักร้องหนุ่มสนับสนุน ทำให้เด็กสาวเริ่มใจเย็นลงเมื่อมีคนเข้าข้าง

‘แล้วพี่แทนทนได้ยังไงคะ’

‘ก็...ไม่ได้ทนนี่คะ’ คำตอบของเขาทำให้เด็กสาวเกือบจะหันขวับมา แต่ก็ชะงักไว้เสียก่อน นักร้องหนุ่มยิ้มขำ ก่อนอธิบาย ‘ตอนแรกพี่ก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ ให้ใครมาดุ มาว่า แต่ต่อมาพี่ก็เริ่มชิน จนตอนนี้เปลี่ยนเป็นชอบซะแล้ว มีคนดุก็เท่ากับมีคนสังเกตเราอยู่ ถ้าเราสำคัญขนาดที่ใครคนหนึ่งจะมองเราตลอดเวลา มันก็น่าดีใจมากกว่าหงุดหงิดไม่ใช่หรอคะ’

พิมพลอยนิ่งไปสักพัก แล้วถึงเอ่ยออกมา ‘พี่แทนคิดอย่างนี้จริงๆ หรอคะ’

‘ค่ะ พี่แทนคิดอย่างนี้ แต่ถ้าน้องพลอยคิดไม่เหมือนพี่ก็ไม่ผิดนะคะ น้องพลอยจะโกรธพี่คีย์ก็ได้ เพราะพี่คีย์ก็ดุจริงๆ แต่น้องพลอยอย่าหงุดหงิดป้า...เอิ่ม คุณน้าของน้องพลอยเลยนะคะ’

“เขาพูดอย่างนี้จริงๆหรอ!!!”

อยู่ๆ คนที่รับฟังมาตลอดก็โพล่งถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ เด็กสาวที่กำลังเล่าเลยหันมามองน้าสาวที่นั่งข้างๆ

“น้าเพลงน่ะ อย่าเพิ่งขัดสิคะ”

“ก็น้าสงสัย นายนั่นพูดอย่างนี้จริงๆ หรอ เขาบอกว่าไม่ให้พลอยโกรธน้าจริงๆ หรอ”

“ก็จริงสิคะ” เด็กสาวตอบ วูบหนึ่งความรู้สึกปลาบปลื้มก่อเกิดในหัวใจ แต่วินาทีเดียวเท่านั้นก็พลันสลาย เมื่อหลานเอ่ยต่อ “พี่แทนบอกว่ายังไงน้าเพลงก็เป็นน้า แถมแก่แล้ว ไม่ควรโกรธ พลอยก็เลยสัญญากับพี่แทนว่าต่อไปพลอยจะไม่โกรธน้าเพลงอีก”

หัวใจพองลมเลยแฟบลงอย่างรวดเร็ว เพลงรักย่นหน้า นี่เธอกำลังคิดบ้าอะไรอยู่
เธอต้องการรู้แค่ว่าแทนกวีคุยอะไรกับพิมพลอย เกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้าที่เขารับปากว่าจะไม่พูดหรือเปล่า เมื่อไม่ใช่เธอก็เลยดีใจ ไม่ได้ยินดียินร้ายเรื่องที่เขา ‘ทำเหมือน’ ปกป้องเธอสักนิด

แค่บอกหลานว่าอย่าโกรธน้า มันเป็นเรื่องสามัญที่คนปกติเขาก็แนะนำกันทั้งนั้น
“พลอยคุยกับนายนั่นแค่นี้หรอ” เธอเปลี่ยนเรื่อง ขณะที่หลานหันกลับไปทางนักร้องหนุ่มอีกครั้ง

“เปล่าค่ะ... แต่ว่าอีกเรื่อง เป็นความลับระหว่างพลอยกับพี่แทน”

-------------------------------------------------------------------------------

ประมาณครึ่งชั่วโมง เรือบาโตมูชที่ทุกคนคอยก็จอดเทียบท่า รอให้ผู้โดยสารเที่ยวก่อนทยอยลงมา นักท่องเที่ยวกลุ่มต่อไปจึงต่อคิวขึ้นลำเรือ

ตัวเรือขนาดใหญ่มีสองชั้น ชั้นล่างด้านหน้าเป็นพื้นที่โล่ง ส่วนด้านในกรุกระจกเปิดเครื่องทำความร้อนให้ความอบอุ่น ลูกแก้วอยากได้ที่ที่มองเห็นวิวชัดเจน แต่เพราะเข้าแถวขึ้นมาในลำดับท้ายๆ ทำให้ที่นั่งด้านบนถูกจับจองไปมากแล้ว น่านฟ้าเลยเสนอให้นั่งด้านล่างแถวหน้าสุด ซึ่งแม้จะมืดไปสักหน่อย แต่ก็สามารถเก็บภาพทิวทัศน์ได้ทั่ว

ครีเอทีฟสาวจัดการให้นักร้องหนุ่มยืนคู่กับแฟนคลับผู้โชคดีด้านหน้า ก่อนสั่งถ่ายทำเมื่อเรือเริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ บนแม่น้ำสายหลักของกรุงปารีส พิมพลอยยืนดูการบันทึกเทปอยู่สักพัก ก่อนจะยอมแพ้กับกระแสลมเย็นที่พัดเข้ามาปะทะร่าง เธอเดินไปนั่งพักบนเก้าอี้สีส้มที่อยู่ถัดเข้ามา แต่สายตาไม่ละไปจากนักร้องหนุ่มในดวงใจ

ดูไปก็ยิ้มไป พักใหญ่เสียงของใครคนหนึ่งก็ปลุกจากภวังค์

“ฉันคุยกับเธอได้หรือยัง”

พิมพลอยที่กอดตัวเองเพราะความหนาว หันขวับไปทางต้นเสียง แล้วก็พบชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในแจ็ตเก็ตหนังสีน้ำตาลบนเก้าอี้ใกล้ๆ กำลังนั่งกอดอกจ้องมองเธออยู่ ด้วยไหล่กว้างที่ตั้งตรงอยู่เป็นนิจ ทำให้เธอรู้สึกว่าเขากำลังวางท่า ‘เบ่ง’ ใส่เธอ มากกว่าให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองอย่างที่เธอทำ เด็กสาวจึงรีบเปลี่ยนเป็นกอดอก แล้วยืนตัวตรงขึ้นบ้าง

“ถ้าคุณคีตภัคจะคุยธรรมดาตามประสาคนรู้จักกันก็เชิญค่ะ แต่ถ้าจะมาดุ มาต่อว่า ต้องขอเสียมารยาทนะคะที่ต้องปฏิเสธ” เด็กสาวว่าอย่างถือตัว ซึ่งดูตลกมากกว่าน่ายำเกรง ตัวก็เล็กนิดเดียว แต่ก็ยังอวดดีกับเขา

“นี่เป็นคำอนุญาตสินะ”

พิมพลอยเชิดคอขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ค่ะ แล้วคุณคีตภัคจะคุยเรื่องอะไรคะ ถ้าจะมาขอโทษเรื่องที่ร้านอาหาร ช่างมันเถอะค่ะ พลอยไม่ติดใจอะไรแล้ว” ท่าทางหยิ่งยโสเกินวัย ทำให้ชายหนุ่มอยากรู้จริงๆ ว่าเธอไปจำพฤติกรรมแบบนี้มาจากไหน แน่ใจได้ว่าไม่ใช่จากผู้เป็นน้า เพราะเพลงรักไม่เคยวางท่าน่าหมั่นไส้เช่นนี้

“ฉันไม่ได้มาขอโทษ แต่ฉันมาเพื่อให้เธอขอโทษฉันต่างหาก”

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาตั้งใจไว้ เพราะในตอนแรก เขาหาโอกาสเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอจริงๆ แล้วก็อยากถามเธอด้วยว่านักร้องหนุ่มคุยอะไรกับเธอบ้าง เพราะเมื่อเขาพยายามหาคำตอบจากแทนกวี ฝ่ายนั้นก็เอาแต่พูดว่าเป็นความลับๆ อยู่นั่น แต่เด็กสาวเอาแต่ใจซึ่งสมควรได้รับการอบรมเสียบ้าง ก็เปลี่ยนความตั้งใจของเขาทั้งหมด

“ทำไมพลอยต้องขอโทษ ในเมื่อพลอยไม่ได้ทำผิด” เด็กสาวเถียงกลับทันควัน ก่อนนึกบางอย่างขึ้นได้ “นี่ไงๆ เหตุผลว่าทำไมพลอยถึงไม่ชอบคุณ ไม่ใช่ว่าคุณดุพี่แทน แต่เพราะคุณชอบทำเหมือนตัวเองถูกที่สุด ดีที่สุดอยู่คนเดียว อย่างนี้มันเผด็จการชัดๆ พลอยไม่ได้ใจแคบ เห็นไหม ว่าพลอยมีเหตุผล”

เด็กสาวชี้แจงด้วยน้ำเสียงขึงขัง ทำเหมือนการชี้จุดผิดพลาดของเขาได้คือผลงานชิ้นโบว์แดงที่ต้องรีบโอ้อวด คีตภัคนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนถอนหายใจ โดยมีเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมา

“คุณคีตภัคขำอะไร”

“ฉันขำ...ที่เราต่างคนต่างก็คิดว่าตัวเองถูก เธอคิดว่าฉันเผด็จการ ส่วนฉันก็คิดว่าเธอเป็นเด็กเอาแต่ใจไม่รู้จักโต จริงๆ แล้วเธอก็มีเหตุผลของเธอ ส่วนฉันก็มีเหตุผลของฉัน แต่เราไม่เคยพูดกัน”

คราวนี้เด็กสาวเป็นฝ่ายเงียบบ้าง ถึงแม้เธอจะดื้อดึงในบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่คนเชื่อมั่นในตัวเองอย่างตะพึดตะพือ สิ่งที่เขาพูดมาก็มีส่วนถูก ไม่สิ... เรียกว่าเขาพูดความจริงดีกว่า เธอยอมรับในใจ แต่ยังคงวางฟอร์ม

“โอเค สรุปว่าเราสองคนต่างก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีใครขอโทษใคร”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เผลอยิ้ม แต่เพราะความมืดที่แสงสปอร์ตไลท์บนดาดฟ้าเรือส่องมาไม่ถึง จึงไม่มีผู้ใดได้เห็น

“ถ้าน้องสาวฉันเป็นแบบเธอก็คงดี ฉันอาจจะกล้าพูดตรงๆ แบบนี้” เขาเหมือนพูดออกมาลอยๆ พิมพลอยเลยไม่โต้ตอบอะไร

ทั้งสองนั่งมองการถ่ายทำอยู่ข้างกันต่อไป โดยที่ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดตัวเอง

--------------------------------------------------------------------------------

“ทำไม...เธอถึงมา...เป็น...นักร้อง”

หญิงสาวที่ห่อร่างอยู่ใต้ผ้าคลุมไหล่สีเขียว เอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักตาม ‘โพย’ ที่ได้รับมา ขณะที่เรือกำลังแล่นผ่านด้านข้างของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่เปิดไฟสว่างทางซ้ายมือ นักร้องหนุ่มที่อยู่ข้างๆ รู้ว่าไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่ที่ทำให้เธอปากสั่น หน้าชาอยู่ขณะนี้ เป็นเพราะลมเย็นจัดที่พัดแรงจนร่างอวบสะท้านต่างหาก

“ป้า เข้าไปนั่งข้างในไหม” เขาเสนอ ซึ่งไม่ได้อยู่ในบทที่เตรียมไว้

“ไม่เป็นไร ลูกแก้วอยากได้วิว ถ่าย....ข้างนอกเนี่ยแหละ”

“อย่างนี้ล่ะ ทำมาเป็นห่วงคนอื่น” แทนกวีว่าพร้อมส่ายหน้า เขาเองก็ต้องการให้งานออกมาดี แต่เธอก็ไม่ควรมายืนตากลมเช่นนี้ ยิ่งแสงแฟลชที่พลพรรคถือส่องมาเพื่อความสว่างในการถ่ายทำ ทำให้เห็นว่าเธอแดงระเรื่อแค่ไหน เขาก็ยิ่งไม่ชอบใจ “ป้า...มายืนนี่”

เขาเอ่ย พร้อมกับดึงร่างอวบที่ยืนพิงขอบเรือ ให้มาอยู่ข้างหลังเขา เพลงรักกำลังวุ่นวายกับการจัดการผมหยักศกที่ถูกลมพัดตีจนยุ่ง ไม่ทันรู้ตัวจึงถูกเคลื่อนย้ายโดยง่าย หญิงสาวมึนงงอยู่อึดใจ ก่อนเข้าใจความหมายของการกระทำ... เขาใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังกระแสลมแรงเพื่อเธอ

“ถึงผมจะตัวไม่ใหญ่ขนาดบังป้ามิด แต่ก็ยืนตรงนี้แหละ” ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้เอ่ย ทำให้คนที่ ‘เกือบ’ ซาบซึ้งถอนหายใจอย่างระอา

“เธอนี่นะ จะทำดีให้ดีตลอดไม่ได้หรือไง ทำไมจะต้องกวนประสาทด้วย”

“ก็ผมกลัวว่าป้าจะเคลิ้มน่ะสิ บรรยากาศยิ่งเป็นใจอยู่ เดี๋ยวป้าจะหลงผมไปมากกว่านี้”

“เธอน่ะสิ หลงตัวเองไม่มีใครเกิน” เพลงรักว่า เหมือนหยอกล้อกันมากว่าจะหงุดหงิดจริงจังเช่นแต่ก่อน “แล้วนี่จะบอกได้หรือยังว่าทำไมถึงอยากเป็นนักร้อง”

“โอ๊ย เป็นแฟนกันไม่รู้หรอว่าทำไม ผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้วตั้งหลายครั้ง ทั้งในหนังสือ ทีวี วิทยุ ป้าไม่เคยรู้เลยหรอ”

“ไม่รู้” หญิงสาวว่าพร้อมยักคิ้วให้ ท่าทางยียวนเช่นเดียวกับที่เขาเคยทำใส่เธอ แทนกวีเลยแกล้งทำเสียงกระเง้ากระงอด

“เป็นแฟนกันประสาอะไร ผมน้อยใจแล้วนะเนี่ย”

แล้วคนตัวสูงตรงหน้าก็บิดไปบิดมา อาการไม่ต่างจากหลานสาวเวลางอน เพลงรักพยายามแล้วแต่ก็เผลอหลุดยิ้ม ก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่รู้ตัว “ถึงเธอจะเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว แต่ฉันก็อยากฟังจากปากเธอนี่”

พูดจบแล้วก็เกิดความเงียบอยู่อึดใจ ก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป หญิงสาวเลยแก้เก้อด้วยการชี้ชวนไปยังกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่มานั่งจิบเบียร์ริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งส่งเสียงเฮเกรียวกราวทักทายนักท่องเที่ยวยามเรือแล่นผ่าน “ท่าทางสนุกดีนะ” เธอว่า แต่ก็ยังรู้สึกประดักประเดิก หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเอ่ยถามซ้ำด้วยเสียงเข้มขึ้น “บอกมาสิ ทำไมเธออยากเป็นนักร้อง แต่เหตุผลที่ว่าเพราะผมร้องเพลงดีมาตั้งแต่เด็ก หรือเพราะผมหน้าตาดีนี่ไม่เอานะ”

“โห ป้าเล่นดักคออย่างนี้ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง” เขาว่า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจัง “ผมเคยบอกคนอื่นไปว่าที่ผมอยากเป็นนักร้อง เพราะว่าเวลาร้องเพลงแล้วผมมีความสุข แต่ความจริงมีอีกเหตุผลหนึ่ง ป้าฟังก็อย่าหึงนะ... ที่ผมอยากร้องเพลง เพราะว่าผมจะเอาไว้ใช้จีบสาว”

แล้วแทนกวีก็เล่าว่า ตอนเขาอยู่มัธยมต้น เขาเคยแอบชอบเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่ง แต่เธอดันไปหลงรักนักร้องประสานเสียงของโรงเรียน เขาเลยคิดว่าถ้าร้องเพลงเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะชอบเขาบ้าง เขาเลยไปฝึกร้องเพลงอยู่เป็นปี ก่อนจะกล้าร้องให้เธอฟัง ซึ่งวันนั้นเขาก็คงไม่ได้ร้องดีเท่าไร แต่เธอคงเห็นในความพยายามของเขา เธอจึงยอมเป็นคบกับเขาในที่สุด

“เธอเป็นแฟนคนแรกของผม ทุกครั้งที่ผมร้องเพลง เธอจะตบมือให้... ผมมีความสุขมาก” ชายหนุ่มเอ่ย สายตาเหม่อลอยเมื่อนึกถึงความหลัง

“ถ้าอย่างนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่ทำให้เธออยากเป็นนักร้องสินะ” หญิงสาวว่าเสียงห้วน แม้เรื่องที่เขาเล่าจะเป็น ‘อดีต’ ไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็รู้สึกไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว

“ก็ไม่เชิง มันก่ำกึ่งระหว่างความสุขที่เธอฟัง กับความสุขที่ได้ร้องเพลง ผมไม่แน่ใจว่าอย่างไหนกันแน่ เพราะหลังจากที่เราเลิกกัน ผมก็ยังชอบร้องเพลงอยู่ดี” นักร้องหนุ่มว่า แววตาแฝงรอยหม่นเศร้าเอาไว้ แต่แวบเดียวเท่านั้นก็จางหาย ก่อนจะกลับมาเป็นนักร้องจอมกวนคนเดิม “นี่ ผมไม่เคยบอกข้อมูลเชิงลึกขนาดนี้กับสื่อแขนงไหนมาก่อน รู้แล้วก็ไม่ต้องหึงนะ ผมน่ะ...แยกอดีต ปัจจุบัน แล้วก็อนาคตจากกันได้”

แล้วชายหนุ่มก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เพลงรักต้องรีบเสมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว



******************************************
Pat : เพลงรักมัวแต่เขินค่ะ เลยคิดแผนแก้คืนไม่ทัน ^^
nunoi : แทนอาจถือคติ รักดอกจึงหยอกเล่น ถึงได้หยอกซะบ่อยเลย
ลิขิตรา : เดี๋ยวจะบอกแทนให้นะคะ
greenish : มาดูกันค่ะว่าเพลงรักจะทำยังไง แต่คนอย่างเพลงรักไม่น่าจะทำอะไรนะคะ 555
roseolar : จริงตามนั้นค่ะ แต่ว่าระหว่างพี่คีย์กับเพลงรักมีอะไร ต้องรอนิดนะคะ ใกล้จะเปิดเผยแล้ว

ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2555, 19:20:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2555, 19:20:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1641





<< บทที่ 10   บทที่ 16 >>
Pat 6 พ.ค. 2555, 20:41:37 น.
้รู้สึกไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว เพลงรักนะเพลงรักท่าจะตกหลุมนายแทนซะแล้ว


โฉมฉาย 6 พ.ค. 2555, 21:59:13 น.
มีหนุ่มหล่อมาอ้อล้ออย่างนี้ก็น่าหวั่นไหวอยู่นะ


พลอย 7 พ.ค. 2555, 12:01:31 น.
เพลงรักจะชอบแทนก่อนหรอเนี่ย


nunoi 7 พ.ค. 2555, 14:24:10 น.
เพลงรักเริ่มหึงโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account