รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: ชายผู้เอาแต่ใจ

ที่โรงเรียนเอกชน จิตน้อมเกล้า ผู้อำนวยการคือหม่อมราชวงศ์รจิต ดิสยสกุลนาค นอกจากนี้ท่านยังเป็นกรรมการมูลนิธิ ดูแลเด็กด้อยโอกาสและกำพร้าวิลล์เลียม บราวน์ ซึ่งพี่สาวของท่าน คือ คุณหญิงจิตตรีเป็นประธาน โดยผู้ก่อตั้งคือ มิสเตอร์ จอห์น วิลล์เลียม บราวน์ สามีของคุณหญิงซึ่งล่วงลับไปแล้วได้สร้างเอาไว้ มูลนิธินี้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมเป็นอันมาก โดยรับอุปการะเด็กชายหญิงไว้ในปกครอง ให้ได้มีโอกาสศึกษา หรือส่งเสริมทางด้านอาชีพ นับว่าเป็นมูลนิธิที่ใหญ่แห่งหนึ่งทีเดียว
วันนี้ที่โรงเรียนจิตน้อมเกล้ามีการมอบรางวัลทุนการศึกษาแก่นักเรียนดีเด่นของโรงเรียน
นักเรียนชั้นประถมหก เสียงปรบมือให้กับเด็กหญิงรุ่นวัยสิบสองปีเมื่อเดินขึ้นรับทุนนักเรียนดีเด่นและทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียน หม่อมราชวงศ์หญิงรจิตผู้อำนวยการมอบทุนให้ด้วยตัวเอง
“วาสิฐี เก่งมากนะจ๊ะที่หนูสอบได้คะแนนติดหนึ่งในร้อยของประเทศเชียวนะ”
วิสิฐีปลาบปลื้มต่อคำชมของผู้อำนวยการเป็นอันมากเธอลงจากเวทีการมอบรางวัลไปนั่งยังที่โรงเรียนจัดไว้ให้
พรรณยุดา เพื่อนสนิท มีผิวพรรณผ่องใส ดวงหน้าบอกความเป็นลูกครึ่ง ดวงตาสีฟ้าเข้มจัด รัดแกละสองข้างหน้าใส กอดแขนวาสิฐีเพื่อนรักจนติดเป็นนิสัยเธอเอ่ยเสียงแจ้ว
“เรียกคุณหมอวาสิล่วงหน้าได้แล้ววาสิเรียนเก่งจริงๆ”
“โถยุดาจ๋า วาพึ่งอายุสิบสองเท่านั้นเองอีกตั้งหลายปีกว่าจะได้เอนทรานซ์”
“ยุดาเชื่อว่าวาสิต้องได้สวมเสื้อกราวนด์”
“แล้วยุดาล่ะจะสวมเสื้ออะไร”
“เสื้อสูทน่ะสิ”กล่าวพลาง ยุดาทำเดินวางมาดอวดเพื่อนรัก โดยการจับชายกระโปรงบานให้ดูแก่แดดมากขึ้น
“ อีกหน่อยเรียนจบปริญญา ยุดาจะเข้าบริหารบริษัทของคุณยาย น้าวิลล์จะเป็นผู้อำนวยการ”
วาสิฐีฟังคำบอกเล่าด้วยการยิ้มรับสดใส พรรณยุดาเอ่ยชมรอยยิ้มพิมพ์ใจของเพื่อนรัก
“วาสิยิ้มส้วย สวย เรียนจบได้เป็นคุณหมอแล้ว วามาเป็นผู้บริหารบริษัทได้นะยุดายินดีต้อนรับเพราะยุดาเส้นใหญ่มากกกก”
วาสิฐีหัวเราะประสานไปกับพรรณยุดา สองเด็กรุ่นคุยกันกระหนุงกระหนิงถูกคอ ในขณะที่เด็กหญิงอีกคนอิจฉาวาสิฐีหนึ่งในสองคืองามพริ้ม เธอมองภาพสนิทชิดเชื้อของพรรณยุดาที่มีต่อวาสิฐีด้วยความริษยาจนอดปากไว้ไม่อยู่
“ยัยวาชอบเลียแข้งเลียขาคุณยุดา จนคุณยุดาทำสนิทด้วย แต่กับพวกเราคุณยุดาวางตัวเป็นเจ้านาย ฉันไม่ชอบให้เป็นอย่างนี้เลย”
“ก็เราเป็นเด็กในปกครองคุณหญิงยายของคุณยุดา อยู่เรือนเล็กสำหรับเด็กกำพร้า ฐานะต่างกันกับวาสิฐีอยู่แล้วนี่”สแกวัลย์เอ่ยอย่างสำรวมตัวเอง
“วาสิก็ได้รับทุนเหมือนกัน” งามพริ้มมีเค้าว่าจะงามจัดในวันหนึ่งที่โตเป็นสาวเต็ม หากนิสัยช่างอิจฉาริษยา โดยเฉพาะกับวาสิฐี อย่างที่เรียกว่าแสนเกลียดก็ได้ แต่เพื่อนผู้เงียบขรึมกลับไม่คิดเหมือนเธอ
“วาสิไม่ได้รับทุนเด็กกำพร้า แต่เป็นทุนนักเรียนดีเด่นต่างหาก”
“ทำไมเธอต้องเข้าข้างยัยวาทุกทีเลยนะเหมือนแข เธอเป็นพวกใครกันแน่”
“เป็นพวกรักความจริงนะสิ”เหมือนแขโต้ออกไปแล้วหัวเราะ งามพริ้มหน้างอง้ำไม่พอใจ แต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเหมือนแขเป็นเพื่อนคนเดียวที่ยอมคบกับเธอ
สุภาเตรียมอาหารเย็นด้วยความจำเป็นมากกว่าความขยัน หลังจากวางสายโทรศัพท์ของเจ้าหนี้ไปแล้ว เธอเอาแต่คิด และค้นหาวิธีที่จะเอาเงินมาใช้หนี้ให้จงได้ จนกระทั่งเธอคิดได้วิธีหนึ่ง จากนั้นทนรอการกลับบ้านของสามีแทบรอไม่ไหวทีเดียว
สาริตปลดเน็คไทลงจากคอเพื่อคลายความอึดอัดลงบ้าง สุภานำเครื่องดื่มมาให้เธอหย่อนกายลงนั่งคุยอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มรับเบียร์ไปจิบบางๆ แม้วันนี้เขาจะกลับบ้านเร็ว แต่อดที่จะถามถึงลูกสาวทั้งสามไม่ได้
“ลูกยังไม่กลับหรือ”
“ยังค่ะ” สุภาตอบ ถอนใจนิดหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงซึมเพื่อให้อีกฝ่ายสงสารมากกว่าระแวง
“เทอมนี้ ลดาวัลย์ต้องเข้าเรียนที่ใหม่แล้ว สุอยากให้เรียนที่เดียวกับอ้ำค่ะคงต้องใช้เงินอุดหลายแสน”
“ทำไมต้องใช้เงิน เด็กมันได้จับฉลาก ได้สอบเข้าตามขั้นตอน”
“เราเป็นเด็กนอกพื้นที่จะจับฉลากได้ยังไงคะ และยัยด๋าไม่มีทางที่จะสอบได้ สุรู้”
“ถ้าสอบไม่ได้ก็เรียนประถมใกล้บ้านนี่ล่ะ”
“ทียัยวายังเรียนโรงเรียนแพงแสนแพงได้เลย ปีนี้วาจบ ป.6 แล้วเอาออกจากโรงเรียนเอกชนมาเข้าโรงเรียนใกล้ ๆ นี้ก็ได้นะคะ”
ชายวัยสามสิบเศษตวัดตาฉับผ่านหน้าภรรยาด้วยความไม่พอใจกับบทสรุปของเธอ สุภารู้ท่าว่าสามีเคืองขุ่นจึงรีบเปลี่ยนคำพูดให้ฟังดูดีกว่าเก่าแต่ความหมายยังคงเดิม
“สุเพียงแต่คิดว่าโรงเรียนของวาสิฐีไกลกลับบ้านก็เย็นกว่าน้องๆ”
“คุณจะพูดอะไรก็ได้ภา แต่ผมขอเตือนว่าผมมีลูกสามคน ถึงวาสิจะไม่ใช่ลูกคุณแต่ก็ยังเป็นลูกผม วาสิได้ทุนเรียนฟรี ค่าใช้จ่ายอะไรก็ไม่เสียอยู่แล้วผมไม่เห็นจำเป็นต้องออกจากโรงเรียนนี้”
สุภาแค้นแสนแค้น ที่แกล้งลูกเลี้ยงของเธอไม่ได้ แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม ก่อนขอตัวไปทำกับข้าว โดยที่สาริต ออกไปรดน้ำต้นไม้เป็นการค่าเวลารอลูกๆ
รถโรงเรียนอนุบาลกลับมาก่อน สาริตออกไปรับลูกคนเล็ก ลดาวัลย์ให้เขาอุ้ม ซึ่งเขาค้อมกายลงไปอุ้มลูกสาวหอมแก้มแดงสองฟอด ก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“จะเป็นสาวแล้วยังให้พ่ออุ้มอีกหรือด๋า”
“ด๋ารักคุณพ่อ”เด็กหญิงทำเป็นกระซิบ “รักมากกว่าคุณแม่อีกนะคะ”
สาริตหัวเราะชอบใจ บิดปลายจมูกรั้นของลูกคนเล็กนิดหนึ่งก่อนว่า
“เรามันเอาตัวรอดเก่งนักนะด๋า”เด็กหญิงหัวเราะเสียงใส สาริตวางร่างของ ลดาวัลย์ลง จากนั้นไม่นานรถโรงเรียนของอำภาก็มาถึง
ครูเปิดประตูให้อำภาลง เธอยกมือไหว้จากนั้นโบกมือลาเพื่อนซึ่งส่งเสียงเรียกกันดังแจ้วๆ สาริตยิ้มในสีหน้านึกรู้ว่าอำภามีคนรักมาก
“คุณพ่ออยู่บ้าน ดีใจจังค่ะ”อำภาวิ่งไปสวมกอดเอวบิดาด้วยความยินดี จากนั้นสามึนพ่อลูกจึงพากันเข้าบ้าน
สุภานำของกินเล่นมาเสิร์ฟให้อย่างเอาใจ อำภารื้อกระเป๋าหนังสือเพื่อทำการบ้าน ส่วน ลดาวัลย์นั่งห้อยขาเล่นกระทั่งบิดาเตือนถึงเรื่องการบ้าน เด็กหญิงว่า
“คุณครูให้ด๋าอ่านหนังสือค่ะ ไม่ต้องอ่านก็ได้ด๋าอ่านมาจากโรงเรียนแล้ว”
“อยู่บ้านก็อ่านไปด้วยได้นี่ด๋า”สุภาเอ่ย พลางทำท่าเหนื่อยใจ “ดูสิสอนเคยฟังที่ไหน”
“คุณแม่ไม่เห็นเคยสอนเลย” ลดาวัลย์เถียง สุภาถลึงตาแทบถลนโดยที่สามีไม่เห็น ลดาวัลย์จึงค่อยห่อกายลงอย่ากริ่งเกรงจากนั้นจึงเปิดกระเป๋าหนังสือ สาริตช่วยอีกฝ่ายดูการบ้านที่โดนฟ้องว่า แม่ไม่เคยสอน
เย็นมากแล้ว รถของโรงเรียนจิตน้อมเกล้ามาส่ง วาสิฐีเป็นเด็กคนสุดท้ายของรถจึงไม่มีเสียงใครทักหรือร้องขานจากใคร
เด็กหญิงมีความสุขกับทุนที่ได้รับ เธอหอบความดีใจเข้าไปในบ้าน สาริตหันไปมองประตูทางเข้า วาสิฐีทำความเคารพบิดาและแม่เลี้ยงซึ่งสะบัดหน้าไปทางอื่น
สาริตทักลูกสาวว่า
“ไงวาสิหน้าใสมาเชียวมีอะไรดี ๆ หรือลูก”
วาสิเดินเข่าไปนั่งพื้นใกล้บิดาซึ่งนั่งบนโซฟาสูงกว่า เปิดกระเป๋าหยิบใบประกาศเกียรติคุณส่งให้ ผู้ให้กำเนิดเปิดอ่านคำประกาศ อย่างชื่นชมยินดี อำภาถลึงตาแทบถลนด้วยความริษยาโดยไม่ให้สองพ่อลูกได้เห็น
สาริตค้อมกายลงมาโอบบ่าลูกสาวเข้าไปแนบอก ก้มจูบลงบนผมนุ่มสลวย ก่อนถามด้วยอารมณ์แจ่มใส
“เรียนเก่งขนาดนี้อยากเรียนเป็นอะไรดี”
“เป็นหมอค่ะคุณพ่อ”
สุภาได้ยินเต็มหู ความริษยาทำให้ไม่รู้สึกว่าได้ยินสิ่งที่ดี นางเหยียดปากเหยียดคอหยามหยันลูกเลี้ยง แล้วรีบถอดหน้ากากร้ายออกเมื่อสาริต หันมามองทางเธอ พร้อมเอ่ย
“โรงเรียนนี้เขาสอนได้มาตรฐาน ผมจะให้วาสิเรียนจนจบม.ปลาย”
สุภาระงับใจไม่ได้จึงกระแทกเสียงอย่างสะกดกลั้นไม่อยู่
“แล้วเรื่องยายด๋าจะว่าอย่างไรคะ เรื่องเรียนใกล้บ้าน สุไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”
“ให้ไปสอบ ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องอุด ผมยังยืนยันเรื่องเรียนใกล้บ้าน”
“เอ๊ะคุณริต พูดยังกับไม่เห็นแก่อนาคตลูก”
“ถ้าสอบไม่ได้ก็ต้องเรียนใกล้บ้าน ผมไม่ใช้เงินในทางที่ผิดแน่” สาริตสอนทั้งลูกและเมียไปในตัว
“เริ่มเรียนรู้ในการใช้ชีวิต เด็กก็ได้อวดอ้างแล้วว่าพ่อแม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อที่เรียน ให้เห็นความเป็นครูคอรัปชั่น แล้วต่อไปบ้านนี้เมืองนี้จะหาข้าราชการน้ำดีร่อนตระแกรงได้สักกี่คน”
“เห็นจะมีแต่คุณที่เดือดร้อนเรื่องนี้”
“เอาเงินที่ผมให้ใช้จ่ายทุกเดือนรู้จักใช้จ่าย คุณยังมีเงินเหลือเก็บหลายหมื่นบาทสุภา”
สุภาอึ้งไปอย่างสนิทใจ นางจะบอกเขาได้อย่างไรว่าไปพอกหนี้พนันนับค่อนแสน นางหาวิธีนำเงินมาใช้หนี้ ที่รู้ดีว่าโหดมากขนาดตัดแขนขาลูกหนี้รายวันกันเลยทีเดียว พวกเจ้าหนี้ร้ายกาจนี้เรียกกันเฉพาะว่า “พวกหมวกกันน็อก”
สุภายังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้เลย เป็นเรื่องน่าแปลกที่รู้ว่าพวกหมวกกันน็อก จอมโหดอย่างต้องเรียกว่าจระเข้บก แต่ยังมีคนกล้ายืม แล้วมาเอาเรื่องทีหลังซึ่งต้องเสี่ยงตายหรือพิการกันทีเดียว!!
สาริตยังยืนยันไม่ยอมอุดเงิน ซึ่งเงินที่ว่านี้สุภาต้องการนำไปใช้หนี้จึงโก่งราคาจริงไปค่อนกว่า แต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล คืนนั้นสาริตนอนไปแล้ว สุภายังนั่งคอตกนึกไม่ออกจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้
สุดท้ายสุภานึกอะไรได้บางอย่างเธอจึงตื่นเต้นกระทั่งระงับไม่อยู่หลุดปากออกมาว่า
“โง่เอ๊ยโง่อยู่ได้นานสองนาน ของอยู่ในบ้านแท้ๆ”
คิดได้แล้วสุภาจึงค่อยๆล้มตัวลงนอน ภาพสร้อยทองคำหนักห้าบาทลอยอยู่ตรงหน้า สร้อยของสาริตซึ่งถอดเก็บไว้ เพราะเขาต้องเดินทางไกลจึงระมัดระวังการสวมใส่ของมีค่าอย่างคนไม่ประมาท โดยเขาไม่รู้เลยว่า ผีพนันนั้นเข้าสิงภรรยาจนแยกแยะหน้าที่ไม่ได้ระหว่างเป็นเมียหรือขโมย!!!
ที่บ้าน สราญจิต
สนามหญ้าสีเขียวขจี มีต้นปาล์มหลากชนิด ล้วนเป็นปาล์มมีราคาแพง ใบใหญ่ ให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้ ไม้พุ่ม ไม้ดอกประดับ ได้รับการตัดแต่งเป็นรูปทรงสวย ที่เด่นชัดมากปลูกเป็นแถวเป็นแนวคือต้นเทียนหยด ออกดอกสีม่วงสะพรั่งทั้งต้น เป็นแนวยาว โต๊ะสนามใกล้ตึกใหญ่ในบ่าย สมาชิกในบ้านสราญจิต รับของว่างพร้อมหน้ากันในวันหยุด หม่อมราชวงศ์หญิงจิตตรี นั่งเป็นประธาน ท่านมีสีหน้าและท่าทางมีความสุข เมื่อได้อยู่พร้อมหน้ากันดังนี้ ซึ่งโดยปกติแล้ววิลล์ เป็นลูกชายคนสุดท้องจิอยู่ต่างประเทศกับคุณย่าของเขาเป็นส่วนใหญ่ ส่วน ร.ศ. น.พ.เดวิด อาจารย์ภาควิชาศัลยกรรมโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเป็นลูกที่ใกล้ชิดที่สุด
แต่ลูกสาวคือแอนนา มารดาของพรรณยุดาซึ่งเสียชีวิตไปพร้อมสามีด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เหลือพรรณยุดามาเป็นยาใจแทนที่มารดาของเธอ ขณะนี้พรรณยุดากำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยแรกรุ่นมีความร็สึกชื่นชมน้าชายคนเล็กเป็นพิเศษ
คุณหญิงเปิดประเด็นการสนทนา
“วิลล์ไม่ลองกลับมาทำงานก่อนหรือ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย งานไม่ควรให้คนอื่นดูแลแทนนานอย่างนี้”
“คุณทรงทำงานได้ดีนี่ครับ เดฟก็ยังดูแลได้” วิลล์หมายถึงพี่ชายซึ่งทำงานควบหลายตำแหน่ง
“เดฟมีงานสอน งานสัมมนาอีกเยอะ วิลล์น่าที่จะแบ่งเบาเดฟไปบ้าง”
หมอเดวิดรีบเอ่ยท้วงมารดา เพราะเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ของน้องชายผู้เอาแต่ใจของเขา
“ให้วิลล์เรียนเอกให้จบก่อนก็ได้ครับคุณแม่ ตอนนี้ผมยังทำไหว งานที่บริษัทของคุณพ่อไม่มีอะไรต้องกังวล”
“แต่มีการกว้านซื้อหุ้นมากขึ้น แม่กลัวว่าจะรักษาบริษัทให้เป็นของเราไม่ได้”
“วิลล์ไม่ได้เอาเปรียบเดฟนะมัม วิลล์ทำงานให้พ่อที่ดน่นด้วย” ชายหนุ่มมีคึวามคิดไปทางตะวันตก มากกว่า
เพราะชายหนุ่มไปอยู่เมืองนอกกับผู้เป็นย่าตั่งแต่อายุได้สิบปี ส่วนใหญ่คุณหญิงจะไปเยี่ยมแม่สามีซึ่งเป็นชาวอเมริกัน-อิตตาเลี่ยน สามีซึ่งเป็นคุณพ่อของวิลล์เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันอิตตาเลี่ยน ทำธุรกิจประสบความสำเร็จและคุณหญิงผู้เป็นมารดาเป็นธิดาของหม่อมเจ้ารังษีศิริ วังที่เป็นมรดกไปถึงคุณชายจิตติผู้เป็นลุง คุณหญิงจิตตรีและคุณหญิงรจิตต่างแยกมาสร้างบ้านเองกับสามีผู้เป็นมหาเศรษฐี
ญาติของเขามีมากจนนับไม่ถ้วน หากแต่ละคนไม่แก่งแย่งชิงดีเพราะต่างฝ่ายต่างทำมาหากินกันโดยจัดสรรมรดกกันไปอย่างยุติธรรมทุกประการความรู้ทางด้านหนังสือไทยของวิลล์เทียบได้กับประถมเท่านั้นเขาไปอยู่กับปู่และย่าที่เมืองนอก เขาจึงมีความใกล้ชิดกับต่างประเทศมากกว่าทางเมืองไทย ความคิดของเขาไม่อ่อนโยนเหมือนพี่ชายหรือพี่สาว เขาเป็นตัวของตัวเองจนอาจเรียกได้ว่า บางครั้งเป็นความเห็นแก่ตัว
“น้าวิลล์จะไม่มาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรบ้างหรือคะ” พรรณยุดาถาม ไม่สบอารมณ์น้าชายเช่นเดียวกัน เธอรักน้าชายคนนี้มาก แต่น้าชายชอบทำตัวขัดใจคุณยายของเธอเสมอ
“เรื่องนั้นเรื่องใหญ่มากเลยนะยูดา
“ไม่เห็นจะใหญ่เกินเป็นไปไม่ได้เลยนี่นา แค่ตัดสินใจมาดูแลคุณยายซึ่งเป็นคุณแม่ของน้าวิลล์เท่านั้น”
วิลล์หันไปกุมมือมารดา เอ่ยปากกับท่านอย่างอ่อนโยน
“วิลล์รักมัมเสมอ แต่วิลล์ยังไม่พร้อมจะมาอยู่ที่นี่ มัมเข้าใจนะ”
นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณหญิงไม่เคยได้ดั่งใจ ลูกชายคนนี้ไม่เคยเดินทางตามใจท่าน เขามีปู่และย่าสำคัญสำหรับชีวิตของเขาเสมอ
พรรณยุดาทำหน้าง้ำ มองค้อนน้าชาย วิลล์หันมายีผมอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู!
ไม่ว่าเมื่อไหร่ วิลล์เอาแต่ใจเสมอ และเมื่อเขาจากไปในวันรุ่งขึ้น ทางบ้านสราญจิตได้แต่รอคอยว่า อีกนานมั้ย กว่าชายผู้นี้จะกลับมาเยือนบ้านของเขาอีกครั้งหนึ่ง หรือว่าจะต้องเป็นฝ่ายไปเยี่ยมเขาเสียเอง ดังเช่นที่เป็นมาบ่อยๆ!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2555, 20:27:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2555, 20:28:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1883





<< แม่เลี้ยงสารเลว   สาวน้อยกับรักแรกพบ >>
Zephyr 5 พ.ค. 2555, 10:26:30 น.
น้าวิลล์นี่พระเอกป่ะคะ


นางแก้ว 5 พ.ค. 2555, 14:21:36 น.
วิลล์ พระเอก
เมืองเอก ก็พระเอก
เลียบเมืองก็พระเอกค่ะ
มีสามคู่สามคน


nutcha 6 พ.ค. 2555, 10:55:47 น.
หลายคู่แบบนี้ชอบค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account