รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: ทางเดินสู๋ฝัน

ในห้องนักเรียนเกรดดีไม่มีใครเห็นร่างอรชรอ้อนแอ้นของวาสิฐี ซึ่งไม่เคยหยุดเรียนโดยไม่จำเป็น พรรณยุดาไม่เห็นเพื่อนรักมาร่วมทานข้าวกลางวันดังเคย ทำให้เธอไม่สบายใจ จึงไปถามญาติผู้พี่ ซึ่งเรียนห้องคิงด้วยกันกับวาสิฐี
พรรณยุดาดักถาม หม่อมหลวง.พีระเดช ญาติผู้พี่
“วาสิลาหยุดหรือคุณพี”
“ไม่รู้สิไม่มีจดหมายหรือโทรศัพท์มาเลยอาจารย์ยังแปลกใจที่จู่ ๆ ก็หยุดเรียนกะทันหัน”
“อยู่กับยายผีเสื้อสมุทรนั่นด้วย ยุดาไม่อยากไว้ใจเลยนะคุณพี”
“พีก็ชักห่วงแล้วสิยุดา”
“ยุดาจะไปลาอาจารย์กลับก่อน”
“ฝากด้วยนะครับยุดา ผมห่วงวาสิจริง ๆ”
“ยุดายิ่งห่วงร้อยเท่า”
เด็กสาวเชื้อสายผู้ดีแต่กำเนิด เป็นอย่างที่พูดจริงๆ เธอไม่อาจยืนนิ่งรอให้ใครไปดูวาสิฐีแทนได้ เธอโทรไปขออนุญาตจากคุณหญิงจิตตรีซึ่งทำงานอยู่ที่บ้านโดยแต่งห้องชุดชั้นล่างทางปีกขวาของตึก คุณหญิงรับสายหลานรัก
“มีอะไรยุดา จะฟ้องเรื่องน้าชายเราอีกหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะคุณยาย ยุดาไม่ใช่คนช่างฟ้องนะคะ แต่ยุดาจะขออนุญาตคุณยายให้รถมารับยุดาก่อนเวลาค่ะ”
“ไปไหนกัน วาสิฐีไปด้วยหรือ”
“ไม่ค่ะ แต่ยุดาจะไปหาวาสิค่ะเขาไม่มาโรงเรียนค่ะ คุณพ่อวาสิตายไปแล้ว ไม่ทราบว่าแม่เลี้ยงใจยักษ์ของวาสิจะแกล้งวาสิหรือเปล่า คุณยายขาคุณยายต้องช่วยวาสินะคะคุณยาย”
“จ้ะๆ ยายจะให้รถไปรับนะ ถ้าเอาตัวมาได้เอามาเลย”
“ขอบคุณค่ะคุณยาย”
คุณหญิงวางสายจากหลานสาว ท่านมีท่าทีครุ่นคิดอย่างหนักพอควร
ลายทองสาวผิวคมขำใบหน้าคม เป็นเลขาคนสนิทของคุณหญิง เห็นท่าทีของท่านเหมือนหนักใจ จึงได้ถามด้วยความเป็นห่วง
“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือคะคุณท่าน”
“ไม่เชิงไม่สบายใจ เป็นห่วงอนาคตของวาสิฐีมากกว่า”
“อ๋อ เพื่อนของคุณยุดา” ลายทองก็รู้จักวาสิฐีเพราะเคยเห็นมากินเลี้ยงวันเกิดพรรณยุดาทุกปี
“รู้จักหรือ”
“ค่ะเคยเห็นน่ารักมากนะคะ”
“เขาเรียนเก่งมากเป็นนักเรียนทุนของคุณหญิงรจิต พ่อเขาตายกำลังมีปัญหากับแม่เลี้ยง เด็กอยากเป็นหมอ”ท่านถอนใจยาวเสียดายอนาคตเด็กสาวที่กำลังพูดถึงอยู่
“คุณท่านจะช่วยเหลืออย่างไรค่ะ”
“ต้องรอดูก่อน แม่เลี้ยงเขาปกครองกันอยู่ ลำพังวาสิฐีฉันเลี้ยงได้ไม่รังเกียจอะไรหรอกถ้าเขาจะยอมให้ฉันดูแล”
“คุณยุดาคงเดือดร้อนกว่าใคร ดูเธอรักหนูวาสิฐีมาก”
“นั่นสิ ไม่เห็นยุดาเขาติดใครเท่าวิสิฐีสักคน ดู ๆ ไปเหมือนฝาแฝดกันติดกันแจแต่เด็ก”
คุณหญิงจิตตรีเอ่ยถึงเพื่อนสนิทของหลานรัก ด้วยความรู้สึกเอ็นดู เพราะท่านรักคนที่อยากมีความก้าวหน้าในชีวิต
“ไปกับยุดาด้วยซิ ลายทอง ได้ความอย่างไรมาบอกฉันด้วย”
“ค่ะคุณท่าน”ลายทองรับคำ เดินออกไปนั่งรถเบ็นซ์คันที่จะไปรับพรรณยุดา
เมื่อรถที่บ้านให้มารับพรรณยุดารีบเดินไปที่รถเบ็นซ์ประจำ เธอเห็นลายทองมาด้วยจึงยกมือไหว้อีกฝ่ายลายทองรายงานว่าคุณหญิงให้ตามมาดูแลพรรณยุดาจึงยิ้มออกเพราะนึกรู้ว่า คุณหญิงยายจะต้องช่วยเหลือ !!
ทางด้านวาสิฐี และอำภา ต่างหลบภัยใกล้ตัว อยู่ในห้องสองสาวปรับทุกข์กันถึงเรื่องอนาคต วาสิฐีห่วงน้องสาวไม่น้อยไปกว่าอำภาห่วงพี่สาว
“พี่วาไม่ต้องมัวแต่ห่วงอ้ำหรอกค่ะ ห่วงตัวเองเถอะ หนีได้ก็หนีไปเลย ถ้ามีโอกาสให้พี่ยุดามารับเลยค่ะ”
“พี่ทำไม่ได้ขนาดนั้นหรอกอ้ำ เว้นแต่ยุดาจะมาเอง อ้ำไปกับพี่ด้วยนะ”
อำภานิ่งอึ้ง เพราะคำว่าแม่ ต่อให้ใจร้ายเพียงใด เธอไม่อาจทอดทิ้งคำว่ากตัญญูไปได้
“พี่วาเอาตัวให้รอดเถอะค่ะ คุณแม่ไม่ทำกับอ้ำเหมือนคิดทำกับพี่วาหรอกค่ะ”
“ทำไมท่านจึงเกลียดพี่นักก็ไม่รู้”วาสิฐีกล่าวพลางน้ำตาไหลพราก อำภาไม่กล่าวร้ายมารดา แต่รู้ดีแก่ใจ เธอเป็นเด็กแก่แดด รู้มาก ดังนั้นเรื่องที่มารดาคิดจึงเป็นเรื่องที่อำภาเดาได้ มารดาคิดอยากได้เงินของวาสิฐีที่มีส่วนได้จากเงินประกันของบิดาแบ่งกันแล้วยังได้มากอยู่ดี มารดาไม่ต้องการเห็นวาสิฐีได้ดี จึงได้คิดแต่ทางร้าย คิดได้กระทั่งขายอีกฝายไปให้พ้นบ้าน
พรรณยุดากดกริ่งเรียกหน้าประตูรั้ว วาสิฐีแง้มม่านดูจากห้องนอนเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนรัก อำภาเห็นด้วยจึงรีบเตือนพี่สาว
“พี่วาไปค่ะ พี่ยุดามาแล้วจริงๆ”
วาสิฐีจึงรีบออกจากห้องลงมาหาอีกฝ่ายในทันที สุภาเห็นลูกเลี้ยงออกมาจากห้องก็กรากเข้าไปจะทำร้ายวาสิฐีถอยกายไปสองก้าว อำภาขู่มารดาว่า
“อย่านะคะคุณแม่”
“ทำไมแกคิดว่านังวามันจะสู้ฉันหรือ”เธอกางเล็บเตรียมกระโจนเข้าหาลูกเลี้ยง
“พี่วาไม่สู้คุณแม่หรอกค่ะ แต่พี่วาจะไปแจ้งตำรวจคุณแม่ไม่เห็นพี่ยุดาหรือคะ พี่ยุดามาแล้ว”
“ฉันต้องไปไหว้มันหรือไง”
“อ้ำแค่อยากเตือนคุณแม่ว่า พี่ยุดาไม่ใช่พี่วาที่จะไม่ทำอะไรเลย พี่ยุดาเป็นลูกคนรวย เขาต้องเอาตำรวจมาจับคุณแม่แน่ๆ”
สุภากำหมัดแน่นแต่คำขู่ของอำภามีอำนาจเสียด้วย ใบหน้าเนียนขาวช้ำเป็นรอย เนื้อตัวเป็นจ้ำแดงด้วยเป็นคนผิวละเอียดจึงยิ่งเห็นชัดเจนหลักฐานเห็นทนโท่ตนหรือจะพ้นผิดได้ แต่ถ้าหุบปากเงียบอีกฝ่ายจะได้ใจจึงตะคอก
“เพื่อนเศรษฐีของแกมาแล้วนี่นังวา แต่อย่าหวังว่าจะออกไปไหนได้เลย”
วาสิฐีคิดถึงผู้ให้กำเนิดทั้งสองจับหัวใจ ถ้าท่านยังอยู่เธอคงไม่ตกอับถึงขนาดนี้เธออยากเป็นหมอและไปให้ถึงฝัน มีทางใดที่จะพาตัวเองไปได้
พรรณยุดายืนอยู่นอกประตูรั้ว เมื่อเพื่อนสาวโผตัวเข้าไปหา พรรณยุดากางแขนรอรับร่างเพื่อนสาวเมื่อเปิดประตูออกไปหาก็โผกอดกันแน่น ไม่ต้องให้วาสิฐีบอกเล่าอะไรมากหลักฐานฟ้องอยู่เต็มตา
“วาสิจ๋า”
“ยุดา”
“นางยักษ์มันใจร้ายจริง ๆ น่าแจ้งตำรวจนัก”
“ไม่ได้หรอกยุดา สงสารน้อง ยุดามาทำไมจ้ะ”
“ถามได้มานี่มาคุยกันในรถ”
คนขับรถรีบเปิดประตูให้สองเด็กสาวเข้าไปนั่งถามสารทุกข์สุกดิบกัน
“ทำไมไม่ไปโรงเรียนล่ะ”
“เขาจะให้วาสิออกจากโรงเรียน”
“อย่านะ ถ้าออกแล้ววาสิจะเป็นหมอได้ยังไง”
“เขาจะให้ไปสมัครเป็นนางแบบ”
“วาสิจะไปหรือ”
เด็กสาวส่ายหน้าจมูกอันเล็ก ๆ เป็นสันตรงได้รูปสวยแดงจัดด้วยผ่านการร้องไห้อย่างหนัก
“ไปอยู่กับยุดานะวาสิ”พรรณยุดากุมมือเพื่อนรักที่รักยิ่งของเธอ วาสิฐีกุมมือทับเพื่อนน้ำตาเอ่อท้นครา
“ช่วยวาสิด้วยนะยุดา ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับยุดา วาสิรอนะจ้ะยุดาจะไปเรียนคุณยายก่อนพรุ่งนี้จะมารับแน่นอน ยุดากลับก่อนนะจ้ะ”
“ยุดา”เธอกุมมือเพื่อนอีกครั้ง พรรณยุดาตบหลังมือเบา ๆ ปลอบใจ
“อย่าห่วงคนดีเรื่องเล็กจิ๊ดเดียวเองเก็บของรอได้เลย พรุ่งนี้พ้นกรรมแล้วล่ะวาสิฐี”
วาสิฐีก้าวลงจากรถเบ็นซ์ยืนส่งเพื่อนจนลับตา เมื่อหมุนกายกลับเข้าบ้านก็สะดุ้งกับแววตาดูร้ายราวกับงูพิษของสุภา เธอมายืนแต่เมื่อใดไม่รู้เลย
“ไงมันจะมาอุปถัมภ์ค้ำชูแกเมื่อไหร่นางวา”
“พรุ่งนี้ค่ะ”
“อย่าหวังเลยว่าจะได้ไป” สุภากล่าวเน้น ตาแข็งกร้าว “เสี่ยหมายจะมับแกแล้วเดี๋ยวนี้ด้วย”
“คุณ...น้า อ๊ายไม่นะ”วาสิฐีร้องสุดเสียงเจ็บปวดในใจที่สุด เธอผละจะวิ่งหนีตามพรรณยุดาไป แต่สุภาลากอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน วาสิฐีขืนตัวเต็มที่ไม่ให้อีกฝ่ายทำได้ตามใจชอบ
“ด๋า เปิดประตูห้องข้างล่าง” สุภาเอ่ยเรียกลูกคนเล็ก ลดาวัลย์ทำท่าเปิด อำภามองน้องคนเล็กแล้วกล่าวซ้ำ
“คุณแม่ให้เปิดประตูไงไม่ได้ยินหรือด๋า”
ลดาวัลย์ไม่กลัวมารดาเท่ากับกลัวพี่สาว ดังนั้นเมื่ออำภาสั่งเธอรีบเปิด เมื่อประตูเปิด สุภาอาศัยกำลังแรงฉุดลากวาสิฐีมาจนได้ วาสิฐีคาดไม่ถึงว่า อำภาจะช่วยสุภา เธอร้องไห้โฮ แต่ว่า เมื่อมารดาพาวาสิฐีมาถึงห้อง อำภากับใช้ร่างชนมารดาจนอีกฝ่ายเสียหลักถลันเข้าไปในห้อง อำภากระชากแขนพี่สาวหลุดพ้น เธอขังมารดาในห้องด้วยการขัดกับปิ่นเสียงผมขัดรูกุญแจ จากนั้นส่งลดาวัลย์
“ไปเอาช้อนกาแฟมายัยด๋า”ลดาวัลย์กลัวมารดาแต่ไม่เท่าพี่สาว หากว่าการขังมารดายิ่งทำให้เธอไม่กล้า วาสิฐีตัดสินใจทำตามอำภา ด้วยการวิ่งไปเอาเหล็กมาขัดช่องคล้องกุญแจ
สุภาผลักด้วยกำลังแรงแต่ไม่สามารถผลักดันออกมาได้ วาสิฐีวิ่งขึ้นไปเก็บผ้า อำภาไปปิดบ้านไม่ต้อนรับใคร ส่วนลดาวัลย์มองประตูห้องที่มารดาถูกขัง อำภาหันขวับมามองน้องสาวตาเขียว อีกฝ่ายเอ่ย
“พี่อ้ำไม่กลัวบาปหรือไง”
“พี่ช่วยคุณแม่ไม่ให้ทำบาปกับพี่วาต่างหาก คุแม่จะขายพี่วา พี่ไม่ยอมหรอก”
“แล้วถ้าคุณแม่ขายพี่อ้ำล่ะ”
“พี่จะขายแกแทนยัยด๋า” อำภาข่มขู่น้องซึ่งกลัว กระทั่งไม่กล้าปล่อยมารดา จึงได้แต่ตะโกนบอกมารดา
“คุณแม่ขา ด๋าไม่ได้ช่วยพี่อ้ำนะคะ แต่ด๋าไม่ชอบที่คุณแม่จะขายพี่วาตอนี้ปิดบ้านหมดแล้ว พี่อ้ำกำลังโทรไปยกเลิกเสี่ยที่คุณแม่ติดต่อแล้วค่ะ พี่วาไปเก็บผ้าลงมาแล้ว”
อำภาไม่ว่าอะไรที่น้องรายงานความเป็นไปของข้างนอก เพราะอย่างน้อยทำให้มรดาเงียบฟัง ไม่กระแทกประตูให้ต้องเสียแรง
พักใหญ่วาสิฐีลงมาจากชั้นบน และโทรเรียกพรรณยุดา ซึ่งอีกฝ่ายรับสายแล้วให้เลี้ยวรถกลับมารับเพื่อนรักทันที
เวลาผ่านไปจนกระทั่งพรรณยุดามารับเพื่อนสาวออกจากบ้านไปแล้ว อำภาจึงได้เปิดประตูให้ผู้ให้กำเนิด สุภาโมโห แต่หิวมากจึงเป็นลม สองพี่น้องได้ช่วยกันปฐมพยาบาลมารดา ซึ่งหมดเรี่ยวแรงตบตีสายเลือดตัวเอง แต่นอนแค้นที่ปิดฉากชีวิตของวาสิฐีไม่ได้ดังใจ
ที่บ้านสราญจิต ของคุณหญิงจิตตรี
สภาพการถูกทำร้ายมีให้เห็นทั้งคำบอกเล่าจากวิสิฐีที่ว่าสุภาจะขายเธอ ทำให้คุณหญิงไม่อาจวางเฉยได้ พรรณยุดาเจ้ากี้เจ้าการให้คนจัดห้องให้วาสิฐีอยู่บนตึก ห้องใกล้กันกับเธอ
คุณหญิงจิตตรีปรึกษาหารือกับทนายความประจำตัวคือทินกร ถึงข้อกฎหมายในการขอเป็นผู้ปกครองวาสิฐี ทนายวัยห้าสิบต้น ๆ รูปร่างสูง ผิว ขาวผมยังดำสนิท
“เด็กอายุสิบเจ็ดปี อีกสามปีก็สามารถปกครองตัวองได้ ทำยังไงจะให้ทางนั้นเซ็นยินยอมให้เราเข้าจัดการทุกอย่างได้”
“ไม่ยากครับคุณท่าน เท่าทีทราบรายละเอียดจากคุณยุดามาว่าแม้เลี้ยงหนูวาสิฐีทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บแค่นี้กฎหมายก็เล่นงานได้แล้วครับคุณท่าน จะฟ้องร้องเลยก็ได้ครับ ศาลจะให้เด็กเป็นผู้เลือกเพราะอายุเกินผู้เยาว์แล้ว”
“ฝากคุณด้วย ดูรายละเอียดทรัพย์สินที่เด็กควรจะได้ ทำชนิดที่ฝ่ายโน้นโกงไม่ได้เลยนะคุณทิน”
“เป็นคดีที่ง่ายทีสุดเลยครับ” เขาออกตัวด้วยความกระหยิ่ม แค่เด็กถูกทำร้ายก็เป็นคดีอาญาแล้ว
ทินกรทนายวัยห้าสิบเริ่มวางแผนการณ์ เมื่อกลับจากบ้านสราญจิตเขาให้ลูกน้องสืบถามเรื่องทรัพย์สินของสาลิตว่ามีอะไรบ้างที่จะต้องเป็นของวาสิฐีโดยชอบธรรม สาลิตเป็นข้าราชการจึงไม่ยากที่จะทำการสืบหาข้อมูล
งามพริ้มและเหมือนแขได้รับข่าวที่พูดกันในขณะที่ทานข้าวสำหรับคนงานในปกครองพรรณยุดาจะพาวาสิฐีมาอยู่ที่บ้านสราญจิต
บ่ายแก่ ๆ ของวันรุ่งขึ้นสุภาต้อนรับทนายทินกรด้วยความไม่เต็มใจนัก นางเชื้อเชิญให้เขานั่งอย่างห้วน ๆ น้ำท่าไม่จัดหามาให้ ทินกรและลูกน้องอีกคนสบตากันนิดพลางคิดในใจ“มันร้ายจริง ๆ”
คุณทินกรเกริ่นออกมาว่า
“ผมจะมาเจรจากับคุณเรื่องหนูวาสิฐี”
“มีอะไรจะต้องเจรจาอยากจะเอาไปไหนคุณเป็นผู้ปกครองเพื่อนยายวาใช่มั้ยเอาไปเลย”
“ก็ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรว่าคุณเต็มใจ หนูวาสิฐีเป็นผู้หญิงผมต้องกันไว้ก่อน ขอให้คุณเซ็นมอบอำนาจในการเป็นผู้ปกครองโดยไม่คัดค้านใด ๆ”
“ทำไมจะต้องค้านด้วยฉันเต็มใจให้ไปอย่างที่สุด”
เธอเซ็นให้ ส่งไปอย่างรวดเร็ว ทินกรและลูกน้องเซ็นรับเป็นพยาน สุภารำคาญที่ต้องเซ็นเอกสารหลายฉบับ แต่ทินกรก็ชวนคุยไปทางอื่นเรื่อย ๆไม่ให้อีกฝ่ายได้อ่านหนังสือเพราะความรำคาญ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“หนูวาสิฐี มีรอยถูกตี แต่เธอไม่ได้ว่าอะไร เธอบอกว่าหกล้ม”
“มันหกล้มจริงๆ เอ้าไหนอะไรจะให้เซ็น จะได้เซ็นให้เสร็จๆไป”
“มีอีกฉบับ เพราะว่าหนูวาสิ ต้องย้ายออกไปเข้าสำมะโนครัวทางโน้นแล้วนะครับ”
“จะไปนรกสวรรค์ที่ไหนก็ไปเถอะ ฉันก็จะย้ายออกจากที่นี่อยู่แล้ว”
“อ้าวทำไมล่ะครับ”
ครานี้สุภาปิดปากเงียบ หากทินกรลอบสบตาลูกน้อง ในความหมายว่า เอ็งต้องไปสืบดูให้แน่ว่าย้ายเพราะอะไร จะไปไหน และเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย
สุภาจึงเอ่ยขึ้น
“หมดเรื่องแค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้อยู่ตามสบายบ้าง”
“ครับขอบคุณ ที่คุณให้โอกาสเด็กดีอย่างหนูวาสิฐีได้เดินตามทางที่เธอฝัน”
“ฉันดีขนาดนี้ นังเด็กนั่นยังเที่ยวฟ้องคนอื่นว่าฉันใจยักษ์ใจมาร สาธุ ขอให้เวรกรรมที่มันทำกับฉันสนองโดยเร็วด้วยเถิด”
“กรรมก็เหมือนวัวนั่นล่ะครับ”ทินกรเอ่ยออกมาอย่างอดเห็นคนเสแสร้งแกล้งทำดีไม่ได้ สุภาไม่เข้าใจคิดแต่ว่าคนอื่นจะด่าตัวอยู่ร่ำไปจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“วัวอะไร ใครวัวใครควาย”
“วัวใครเข้าคอกคนนั้นครับ หมายความว่า กรรมใดใครก่อกรรมก็ต้องเป็นของคนนั้น”
กล่าวจบทนายความออกมาพร้อมลูกน้อง ปล่อยให้สุภามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรและคิดว่าตนเองเป็นผู้ชนะ แม้จะไม่เข้าใจว่านายทินกรหลอกด่าเข้าให้ก็ตามที ซึ่งคนที่คิดร้ายมักไมคิดถึงความผิดตัว เป็นดังเช่นสุภาอย่างนี้เอง!!
วันนี้ วาสิฐีกราบลงแทบเท้าคุณหญิงจิตตรีซึ่งนั่งบนเก้าอี้เดี่ยวบุนวมนุ่มลายดอกไม้สีสดท่านลูบศีรษะได้รูปสวย เด็กสาวผู้งดงามแช่มช้อย
“คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้าน ตั้งใจเรียนให้สำเร็จตามที่มุ่งหวัง เอ้าพวกนั้น”
ท่านทักไปทางหน้าห้องโถง พวกพนักงานหญิงต่างมามุงดูเพราะเคยเห็นวาสิฐีกันมาแล้วที่สนใจเพราะพรรณยุดาให้ความสำคัญ ขนาดจัดห้องให้ข้างบนตึกเดียวกัน ต่างจากงามพริ้มและเหมือนแขเด็กกำพร้าที่คุณหญิงรับอุปการะไว้ก่อนหลายปี
“มุงดูอะไรกันไม่รู้จักวาสิหรือเขามาตั้งแต่เมื่อวาน แต่วันนี้เป็นทางการแล้วที่ฉันจะบอกกับทุกคนว่า ต่อไปนี้คุณยายมีหลานสาวอีกคน คือวาสิฐีคนนี้ เรียกคุณวานะพวกเธอทั้งหลาย”
“ยุดาไม่ ไม่ต้องหรอก วาสิมาอาศัยใบบุญของ”
คุณหญิงจิตตรียิ้มเล็กน้อยรักเอ็นดูวาสิฐีอยู่เดิม เพราะอีกฝ่ายเป็นเหมือนคู่แฝดของพรรณยุดาจึงไม่มีความรังเกียจในข้อนี้ท่านเอ่ยว่า
“ตามใจยุดาเขาเถอะวาสิ หนูเป็นหลานยายอีกคน”
“คุณท่าน” ไม่มีทางอาจเอื้อมไปเทียบเท่าฐานะเพื่อนที่แสนดีคนนี้แน่นอน
งามพริ้มจิกเล็บกับฝ่ามือด้วยความริษยาวาสิฐี การเรียนความสวยงามสู้วาสิฐีไม่ได้ จนเมื่อวานข่าวที่ทำให้เธอมีความสุขยิ่งนักคือวาสิฐีถูกไล่ออกจากบ้านจนต้องมาอาศัยใบบุญคุณคุณหญิงเช่นเดียวกับเธอ หากวันนี้ได้รับรู้อย่างเป็นทางการตามที่พรรณยุดาแนะนำ วาสิฐีเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะหลานคนหนึ่ง ให้บริวารเรียกคุณเช่นเดียวกับพรรณยุดา นี่มันอะไรกัน เธอต้องเรียกเด็กกำพร้าเหมือนกันว่าคุณด้วยหรือไง ไม่อยากเลยสักนิดเดียว!!!
ห้องที่พรรณยุดาสั่งจัดให้วาสิฐีมีของใช้ทุกอย่างครบครัน อยู่ตรงข้ามกับห้องพรรณยุดาหน้าห้องมีตัวการ์ตูนเขียนห้องพรรณยุดา
ความเศร้าเหงาเริ่มคลายลงทีละน้อยจนในทีสุดก็เลื่อนหายไปด้วยความร่าเริงสดใสของพรรณยุดา เมื่ออยู่เพียงนี้ทั้งสองยิ่งติดพันกันแจ
ทินกรยังคงทำงานเรื่องตามทรัพย์สินในส่วนที่ควรจะได้ของวาสิฐี แต่ช้าไปในส่วนของเงินสดสุภาโอนไปหมด เหลือเพียงบ้านที่ประกาศขายและเมื่อขายได้ มีการเทเงิน ทินกรและลูกน้องจึงเข้าไปเจรจากับสุภาซึ่งโวยวายมาก
“เอ๊ะมันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
“ไม่ใช่ของคุณทั้งหมด โดยกฎหมายแล้วมรดกคุณต้องแบ่งกับทายาทโดยชอบธรรมครึ่งหนึ่ง เงินที่ขายบ้านได้ต้องถูกแบ่งครึ่ง ครึ่งหนึ่งเป็นของคุณแต่อีกครึ่งต้องมาหารสามหนูวาสิฐีต้องได้ส่วนหนึ่งในสาม”
“แก แกจะหักหลังฉันใช่มั้ย ที่อยากเอานังวาไปเลี้ยงดูเพราะเงินแสนแค่นี้”
“อย่าทำบาปกับเด็กนักเลยคุณ เงินช่วยเหลือจากส่วนราชการคุณก็เบียดบังของเด็กไป หรือถ้าไม่ยอมคืนเงินจริง จะค้าความกับผมก็ได้ ผมจะได้ฟ้องย้อนเรื่องเงินสินไหมจากประกันชีวิตของคุณสาลิตอีกส่วนหนึ่งทีนี้จะเสียมากกว่านี้” อีกสุภาเจ็บใจเท่าทวีคูณ ความที่กลัวคำขู่จำต้องยอมจ่ายเงินสามแสนบาทให้กับวาสิฐีไป
วันนำเงินเข้าบัญชี สุภาแทบกระโจนไปทำร้ายลูกเลี้ยงเสียให้แหลกคามือ เพระทนเห็นความมีน้ำมีนวลจนราศีจับไม่ได้ ดูวาสิฐีเหมือนพวกมีเชื้อสายเป็นผู้ดีมาแต่กำเนิด วาสิฐีมิใช่คนจองหอง แม้เธอไม่รักหรือให้ความเคาระกับสุภา แต่เธอมือไม่แข็ง ดังนั้นจึงยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างไม่คิดอะไรสักนิดเดียว
“นางคางคกขึ้นวอสักวัน เขาถีบตกลงนรก วันนั้นแกจะรู้สึก”
“อ้ำสบายดีมั้ยคะคุณน้า”
“มันต้องสบายอย่าแล้ว มันไม่ได้เข้าไปเป็นขี้ข้าบ้านใคร”
“วาสิไปเป็นคุณหนูเหมือนยุดาต่างหากล่ะน้า”
พรรณยุดาเต็มใจบอกหนักแน่นเชิดแกมเย้ยหยันโดยสีหน้าท่าทาง ก่อนจะคล้องแขนเพื่อนรักจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมามอง สุภาตามหลังกราดเกรี้ยว
“ท่าทางจะเป็นพวกลักเพศแล้วอีสองคนนี้ เออตีฉิ่งตีฉับกันเข้าไปเถอะชีวิตคงเจริญแย่แล้วล่ะ”
คนคิดร้าย ให้อย่างไรใจย่อมร้ายอยู่นั่นเอง!!!
ทินกรนำเรื่องไปเรียนคุณหญิงจิตตรีที่ห้องทำงานของท่าน ต่อท้าย
“เขาคงไม่รู้กฎหมายจริง ๆ ว่าต้องมีคำสั่งศาลคุณท่านจึงจะมีอำนาจการจัดการได้”
“นั่นสิ นี่ถ้าเขาฉุกใจเพียงนิด ถ้าเรามีอำนาจเต็มเงินสินไหมวาสิฐีก็ต้องได้ ถ้ากลัวค้าความจริง ๆ คงสู้กัน”
“กลัวเสียเงินมาก ผมคิดว่าจะหัวหมอเสียอีก”
“คนโลภจ้องแต่จะโกยก็อย่างนี้อะไรคว้าได้ก็คว้าไว้ก่อน สงสารวาสิเหมือนกันนะเงินไม่ใช่น้อยเลยที่ถูกโกงไป”
“ผมว่า หนูวาสิยังโชคดีนะครับที่มีมิตรอย่างคุณยุดา และได้รับความเมตตาจากคุณท่าน”
“ฉันชอบช่วยคนใครมีโอกาสก้าวหน้าฉันชอบยื่นโอกาสให้กับเขา และฉันเชื่อว่าวาสิฐีเขารักดี จะไม่มีวันทำให้ฉันเสียใจ”
“ผมถึงว่าเธอโชคดีครับที่ได้คุณท่านอุปการะเลี้ยงดู”
คุณหญิงยิ้มรับคำชม จนกระทั่ง เดวิดพาร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปในห้องเขาทักทายทนายและเข้าไปหามารดาจนใกล้เอ่ยอ่อนโยน
“คุณแม่ต้องทานอาหารหน่อยนะครับเพราะต้องงดอาหารตั้งแต่สองทุ่ม”
คุณหญิงยิ้มรับลูกชายคนโตแล้วเอ่ยกับทนายความประจำตัว
“ดูเถอะคุณทิน มีลูกเป็นหมอเขาก็จับเราตรวจอยู่เรื่อย ๆ”
“ผมรักคุณแม่”
เขากระซิบบอกใกล้ก้มจูบแก้มมารดา ท่านหัวเราะเบา ๆ เก้อปนสุขที่ลูกชายแสดงความรักต่อหน้าคนอื่น ทินกรยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย เขารู้จักครอบครัวนี้มานาน รองศาสตราจารย์นายแพทย์เดวิด เป็นบุตรชายคนโตเป็นคนที่รักและเทิดทูนมารดาอย่างที่สุด ส่วนวิลล์ไปเติบโตที่เมืองนอก ทนายประจำบ้านทราบแต่เพียงเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง นานปีทีหนจะมาเยี่ยมมารดา ส่วนใหญ่มารดาจะไปหา ทราบข่าวแต่งงานไปกับคนต่างชาติตั้งแต่ปีที่แล้ว กับคนรักที่ป่วยหนัก
คิดอะไรของเขาก็ไม่อาจทราบได้ ทั้งที่วิลล์มีความเพียบพร้อมเกินชั้นไฮโซหลายคนซึ่งรวย มีความรู้ แต่หน้าตาสุดแสนธรรมดา หรือบางคนดูดีพร้อมหมด รูปร่างก็ไม่ดีเท่า วิลล์จึงดูแปลกในสายตาของทนายความทินกร!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ค. 2555, 20:32:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ค. 2555, 20:32:40 น.

จำนวนการเข้าชม : 1808





<< อุ้งมือมาร   หัวใจอันร้อนรุ่ม >>
nutcha 6 พ.ค. 2555, 21:09:58 น.
ยุดาน่ารักที่สุด


คิมหันตุ์ 7 พ.ค. 2555, 00:48:40 น.
รอคุณน้าวิลล์ กลับมาค่ะ


Thananya 7 พ.ค. 2555, 22:43:08 น.
นึกว่านางเอกจะไม่รอดซะแล้ว รักยุดาจังเลย


Zephyr 8 พ.ค. 2555, 13:21:14 น.
ว้าว วาพ้นนรกแล้ว เริ่มชีวิตใหม่นะ


zilvermoon 14 พ.ค. 2555, 22:45:06 น.
อ้ำเป็นน้องที่ดีมากๆ ขอให้ชีวิตอ้ำเจริญเถอะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account