รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: หัวใจอันร้อนรุ่ม


วาสิฐีนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบตามลำพังที่ศาลาทรงไทยริมน้ำหลังตึก งามพริ้มเห็นจากเรือนเล็กจึงเดินไปหาอีกฝ่าย หญิงสาวผิวงาม เงยขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มหวานใส รอยยิ้มที่งามพริ้มเกลียดเพราะสวยจับใจ
“ไม่อ่านหนังสือหรือพริ้มใกล้เอนทรานซ์แล้ว”
“อ่าน อยากพักสายตาบ้าง ไปเที่ยวมั้ยวาสิ”
“ยังหรอกต้องอ่านหนังสือ”
“อ๋อ ต้องคุณยุดาชวนสินะวาสิถึงจะไปด้วยได้”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะงามพริ้ม”
“ไม่จริงหรอกหรือ คุณยุดาเขาเอาหัวโขนมาสวมหัวเธออยู่ แล้วก็ร้องเพลงให้เธอรำไปตามจังหวะที่เขาต้องการ อย่าลืมตัวเสียล่ะว่าพอถอดหัวโขนเธอกับฉันก็ฐานะเดียวกัน”
วาสิฐีพึ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้ว่าเธอก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งคิดกับเธออย่างนี้
“ฉันไม่รู้เพราะอะไรพริ้มจึงคิดอย่างนี้กับฉัน แต่ขอบอกพริ้มอย่างจริงจากใจฉันไม่เคยหลงระเริงกับสิ่งที่ได้รับเลยพริ้มฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับการอุปการะจากคุณท่านเหมือนเธอฐานะของฉันก็เป็นเช่นเหมือนเดิม”
“แต่ทุกคนยกย่องเธอเหมือนคุณยุดา”
“พริ้ม” วาสิฐีเรียกชื่อเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นดวงตาดำสนิทของเธอสบตรงประกายบางอย่างทำให้งามพริ้มขนลุกซู่ แววเกลียดอย่างนั้นหรือ
“เธออย่าอิจฉาฉันเลย เพราะไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเหาะเหินไม่เดินดินสักนิด”
“ใครอิจฉาเธอ”
“อย่าว่าฉันเข้าใจผิดล่ะ ตั้งแต่เธอเข้ามายุ่งมาคุยกับฉันอยู่ตรงนี้คำไหนที่เพื่อนคุยกับเพื่อน มีประโยคไหนบ้างที่ไม่ใช่ถ้อยคำถากถาง”
“เธอกำลังลืมตัว”
“ฉันไม่เคยลืม ฉันชื่อวาสิฐี เด็กกำพร้าที่คุณท่านและยุดาช่วยเหลือ ฉันจะอ่านหนังสือต่อ ถ้าไม่มีธุระจะคุยฉันจะไม่คุยด้วยแล้ว”
“จองหอง” งามพริ้มว่าใส่หน้า
นิ้วมือเรียวขาวจับปลายปากกาจนแน่นข่มอารมณ์ครุกรุ่นภายใน พึ่งรู้งามพริ้มคิดอย่างไรกับตนเอง เหมือนแขล่ะ
ขณะนั้น หม่อมหลวง.พีระเดชและพรรณยุดาพากันเดินมาที่ศาลาท่าน้ำ พรรณยุดาโบกมือให้แต่ไกล งามพริ้มเห็นว่าพรรณยุดามาทางนี้จึงแกล้งเปิดหนังสือเรียนของวาสิฐีเล่น เธอร่วมวงสนทนากับพรรณยุดาและหม่อมหลวง.พีระเดชหากปราดแรกที่พรรณยุดามองผ่านมาที่งามพริ้ม ประกายตาส่อแววเช่น นายมองบ่าวแล้วเขาไปเบียดชิดวาสิฐี
“ไงว่าที่คุณหมอ อย่าเครียดเคร่งมากนักเลยเก็บหนังสือก่อนไปเที่ยวกับยุดานะคุณพี่จะเป็นเจ้ามือ”
“ไม่ล่ะยุดาวาสิจะอ่านหนังสือ”เธอปฏิเสธ พรรณยุดาทำหน้ามุ่ยเสียงอ่อย
“อย่าเครียดนักซิ ไปนะไปนะคุณพี่อุตส่าห์มา”
“ยุดาจ๋า ยุดาก็ทราบว่าสอบแพทย์ยากขนาดไหน วาสิไม่อยากสอบตก ขอวาสินะวาสิจะอ่านหนังสือ”
“ก็ได้” ยุดาพูดสั้น ๆ แต่ทำท่าน่ารัก
“งั้นคุณพี่อ่านหนังสือแทนเที่ยวก็แล้วกัน”ที่แท้พรรณยุดาทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักนั่นเอง
หม่อมหลวงพีระเดชมองตั้งหนังสือ พรรณยุดาขัดตากับงามพริ้มที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนจนพรรณยุดาต้องเอ่ยปากแกมไล่อีกฝ่าย
“พริ้มเขาจะสอบแพทย์เหรออ่านหนังสือของวาสิไม่ยอมลุกไปไหนสักที”
“ยุดาล่ะก็ พริ้มเขานั่งคุยเป็นเพื่อนวาสิอยู่นะจ้ะพอเจ้าของที่มาก็หาเรื่องพวกเราเลยเหรอจ้ะ” ในบ้านนี้มีแต่วาสิฐีเท่านั้นที่กล้าขัดใจพรรณยุดา
“ยุดาแปลกใจนี่นาว่าพริ้มเขานั่งอ่านหนังสือวาสิทำไม ตายล่ะคุณพี่เที่ยงแล้วไม่ใช่หรือ ยุดาหิวข้าววาสิไปทานอาหารกลางวันกันที่ซุ้มกระดังงานะไปลุกเดี๋ยวนี้”
ออกคำสั่งพร้อมเก็บหนังสือเสร็จสรรพ
“ทานกันสามคนจะได้คุยสนุกกันคุณพี่มีเรื่องเล่าเยอะแยะเลยใช่มั้ยคุณพี่”พรรณยุดาตัดบทไม่ชวนงามพริ้ม หม่อมหลวง.พีระเดชกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก
เหมือนแขบิดขี้เกียจเมื่อทบทวนข้อสอบไปจนหมดรายวิชางามพริ้มกระแทกตัวนั่งบนหมอนรอง
“กินรังแตนมาหรือพริ้ม”
“ฉันไม่เข้าใจคุณยุดาเลยนะแข วาสิก็อยู่ฐานะเดียวกับพวกเราแต่คุณยุดายกย่องจนเลิศเลอคนงานที่นี่เรียกคุณทุกคำ”
“เขาเป็นเพื่อนสนิทคุณยุดาเราก็รู้อยู่แล้วนี่ พวกเราได้รับอุปการะจากคุณท่านตั่งแต่ออกจากบ้านกำพร้ามาแต่เด็ก พริ้มเธอทำใจให้ยอมรับเถอะคุณยุดาสูงกว่าเรา”
“วาสิล่ะ วาสิไม่ได้สูงกว่าฉันหรือเธอ”
“ฉันไม่เคยเห็นวาสิเขาวางตัวเหนือกว่าเราเลยนะพริ้ม เธอตอบฉันหน่อยซิพริ้ม เธอคิดแข่งอะไรกับวาสิ” คำพูดเหมือนแขดังคอมเข็มทิ่มกลางปลายนิ้วของงามพริ้ม เจ็บแปลบปลาบ
วาสิฐีสวยงาม เรือนร่างยิ่งโตเต็มสาวยิ่งดูอรชร ผิวพรรณนั้นเล่าสวยกว่าพรรณยุดาซึ่งเป็นคนมีเชื้อสายเสียอีก
เด็กสาวคนนั้นยังโชคดี ในความเลวร้ายของชีวิต พรรณยุดาฉุดดึงไว้เคียงข้างจึงสูงส่ง
นายทิ้งคนสวนรดน้ำต้นไม้แต่เช้า ละอองน้ำแตกเป็นฝอย สะท้อนแสงแดดจนเกิดประกายรุ้ง หลังจาก
เอนทรานผ่านพ้นพรรณยุดาตัดผมสั้นเปิดท้ายทอยขณะที่วาสิฐีเลิกรัดเปีย พรรณยุดาชี้ชวนเพื่อนรักให้ดูรุ้งสายเล็ก ๆ ที่ปรากฏขณะนายทิ้งกำลังรดน้ำ
“รุ้งทำไมถึงโค้งล่ะ”
“ไม่รู้สิ เพราะโลกกลม มั้ง”
“เอ้ ว่าที่คุณหมอสรุปชุ่ยจัง” พรรณยุดาว่า วาสิฐีหัวเราะชอบใจ
ครู่หนึ่งพรรณยุดาวาดฝันใช้นิ้วมือวาดเส้นโค้งกลางอากาศ
“ถ้ามีรุ้งสักสายพาดจากเมืองไทยไปอเมริกาได้ยุดาจะเดินไปดู”
“ดูอะไรหรือจ้ะยุดา”
“ดูว่าสุดปลายสายรุ้งที่ยุดานึก น้าวิลล์กำลังทำอะไรอยู่”
เอาอีกแล้วใจวาสิฐีเจ็บดั่งถูกของมีคมบาด ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อน้าวิลล์
อีกมุมหนึ่งของชีวิต หญิงสาวผมทองเป็นประกายดูราวเส้นไหม นิ้วมือเรียวขาวของวิลล์ลูปไล้ทะนุถนอม นั่งบนเตียงเคียงข้าง เดียน่า
“ผมรักคุณ” เขาพร่ำบอกภรรยา
“ผมใส่สเวตเตอร์ที่คุณถักให้เห็นมั้ยยอดรัก”
ร่างผ่ายผอมนอนนิ่งสงบ มือเพียงมือเรียวเห็นกระดูกขึ้นขยับกุมมือสามี
“ เดียน่า”
“ใช้ชีวิตกับความรัก ให้เต้ฒที่ รักให้เต็มที่ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวที่รัก”
“เดียน่า”วิลล์เรียกหาผู้ที่ตนรักอย่างสุดใจ”ผมไม่อยากเสียคุณไป”
“คุณไม่เคยเสียฉันไปไม่ว่าเมื่อไหร่...อย่าอยู่คนเดียวนะ ได้ยินมั้ย”เสียงแผ่วเบาดังพลิ้วดุจสายลมวิลล์เพียงคนเดียวที่ได้ยิน และอยู่กับเธอตลอดเวลา
คุณย่าเป็นชาวอเมริกันอิตตาลีผมขาวทั้งศีรษะมีความชรามากแล้ว ผู้ดูแลเป็นหญิงผิวร่างอ้วนเข็นรถเข็นมาส่งถึงในห้องส่วนตัวของวิลล์ หลายวันแล้วที่หลานชายคนโปรดสุดเฝ้าดูแลภรรยาไม่ห่าง
“วิลล์” คุณย่าเรียก วิลล์ขยับกายลงจากเตียงนอนจับมือผู้เป็นย่าจูบพิตเบาข้างแก้ม
“ย่า ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ”
“วิลล์ ทำดีแล้วช่วงที่สำคัญของความรักคือการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน เดียน่าเขารับรู้แล้วชีวิตของเขาได้รับความรักที่ยิ่งใหญ่จากผู้ชายคนหนึ่ง”
ตอบไม่ได้ทำไมจึงรักเดียน่าได้มากมายถึงขนาดนี้ ผู้หญิงที่ต่อสู้กับความตายด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลแม่ความตายที่ทุกคนเกรงกลัว แต่เธอกับเผชิญอย่างไม่หวาดหวั่น
คุณหญิงจิตตรีวางสายโทรศัพท์ลงบนแป้นโทร ถอนใจยาว ลูกชายคนเล็กโทรมาบอกเดียน่าจากไปแล้ว ท่านบอกไม่ถูกว่าเวลานี้ท่านมีความรู้สึกแท้จริงคืออะไร เศร้า หรือโล่งใจ สองปีวิลล์ประคบประหงมภรรยาที่ไม่เหมาะสมกับเขาเลย หากก็รักเหลือเกิน
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์เดวิด ทำเรื่องลาหยุดเพื่อไปเมืองนอกกับมารดา หมอทอแสงหวีผมหน้าตู้กระจกพร้อมเอ่ยคุยกับสามี
รูปร่างค่อนข้างอวบใบหน้าบอกชัดมีเชื้อจีนไม่สะดุดตานอกจากสะอาด”
“วิลล์เขาแปลก ๆ นะที่เลือกแต่งงานกับคนอ่อนแออย่างเดียน่า เขาเป็นชายหนุ่มที่จะเลือกใครก็ได้แท้ ๆ”
“ความรักไม่มีทางเลือกหรอกคุณแสง”
“แต่ก็ควรคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย รักทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องจากกันเราจะรักเพื่ออะไรคะ แสงเชื่อนะคะว่าขณะที่เขามองเดียน่าเขาต้องเคยนึกบ้างล่ะว่า เธอจะต้องตาย”
“คุณล่ะหมอ รักผมทั้งที่รู้ว่าผมเป็นหมัน คุณเคยคิดขณะที่มองผมหรือเปล่า”
ถูกถ้อยคำย้อนหมอทอแสงจึงค้อนคมกระแทกเสียงใส่
“ดิฉันไม่ได้มองที่สมบัติก็แล้วกัน”
“ผมรู้เพราะคุณรวยกว่าผมเสียอีก”
“ขวางคุณแล้วนะเดวิด” หมอทอแสงค้อนคมแง่งอนราวเด็กสาว ๆ สามียิ้มนิด ปากบางยิ่งบางเฉียบไปกว่าเดิม รองศาสตราจารย์นายแพทย์เดวิด มีเรือนกายสูงโปร่งเป็นคนสุภาพและหน้าตาหล่อเหลาดูเป็นลูกครึ่งละม้ายทั้งบิดา และคุณหญิงจิตตรีผู้เป็นมารดา คุณหมอขวัญใจนักศึกษา
“อายุมากขึ้นต้องแก่ตาม แปลกที่เมียผมเด็กลง”
“คุณก็เถอะอย่าให้รู้นะว่าไปมีใคร” หมอทอแสงขู่หน้าง้ำคนเป็นสามียิ่งรู้สึกขันมากขึ้น
“พึ่งรู้ว่าคุณหวง”
หมอทอแสงจิ้มนิ้วลงบอกสามีแรง ๆ
“หวงค่ะหวงมากเสียด้วย”
พรรณยุดาชวนวาสิฐีไปส่งคุณหญิงจิตตรีและรองศาตราจารย์ นายแพทย์เดวิดพร้อมหมอทอแสง วาสิฐีไม่สังเกตแววตาใต้กรอบแว่นของหมอทอแสงว่ามองเธอด้วยสายตาเช่นไร พรรณยุดากอดคุณหญิงเป็นการล่ำลาอีกครั้งพร้อมวิงวอนบุพการีว่า
“นำน้าวิลล์กลับบ้านเราให้ได้นะคะคุณยาย”
“คุณย่าวิลล์คงไม่ยอม”
“น่าจะเปลี่ยนเอาคุณลุงไปแทนบ้าง”
“อ้าว”ผู้มีศักดิ์เป็นลุงอุทานดัง ยีผมสั้นรับใบหน้าสวยใสจนยุ่งเหยิง ก่อนเอ่ยเย้าไปทางภรรยา“คุณป้าคงไม่ยอมลองถามดูสิยุดา” เขากระซิบบอก วาสิฐีได้ยินจึงยิ้มจาง ๆ ในสีหน้า
เด็กคนนี้ยิ้มสวย หมอทอแสงนึกเรื่องเดียวกับสามีโดยไม่รู้ตัว ชาติกำเนิดเท่านั้นไม่เพียบพร้อมเทียมหน้าเหล่าไฮโซ หากเกิดบนกองทองวาสิฐีจะเด่นยิ่งกว่าเดือนเต็มดวง
ขากลับหมอทอแสงเป็นคนขับรถ พรรณยุดานั่งคู่ไปกับป้าสะใภ้วาสิฐีนั่งเบาะหลัง ผู้มากวัยสุดในรถถามวาสิฐีโดยที่สองเด็กสาวไม่รู้ถึงเจตนาคนถาม
“น้อง ๆ ไม่ติดต่อมาเลยหรือ หมอหมายถึงแม่เลี้ยงของวาสิ”
“เขาย้ายกันไปหมดไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนกันค่ะคุณหมอ”
“คิดถึงมั้ย”
“สนิทกับอำภาน้องคนรอง ห่วงว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่กลัวน้องจะไม่ได้เรียนต่อ”
“ยังดีนะวาสิ ที่ยังไม่ลืม”
พรรณยุดาไม่ฉุกใจคิด ต่างจากวาสิฐีเมื่อสบตาที่มองผ่านกระจกหลังจึงทราบหมอทอแสงกดเธอไว้ฐานะผู้อาศัยไม่ให้ลืมกำพรืดตัวเอง โอ้ จะให้ทำตัวเช่นไรคนรอบข้างจึงจะทราบได้ว่าวาสิฐีไม่คิดตีเสมอพวกท่าน ๆ เลยสักคน รองศาสตราจารย์นพ เดวิดปล่อยให้มารดาสนทนากับคุณย่าของเขาตามลำพังที่เก้าอี้ไม้ในสวน วิลล์นั่งเหงาอยู่ใต้ต้นไม้ อีกต้นหนึ่งห่างออกไป
นายแพทย์เดวิด พาร่างสูงไปนั่งข้างน้องชายซึ่งร่างใหญ่ผิวขาวนวลละเอียดใบหน้าคมคายชาวตะวันตกดวงตาสีเทาประกายน้ำเงินมีความเหงาฉายชัด เขาทักพี่ชาย
“พี่ นั่งก่อนครับ”
“อีกนานมั้ยกว่าจะกลับบ้าน”
“ย่า เก้าสิบแล้ว ผมอยากอยู่กับท่าน”
“บ้านของวิลล์ ไม่ใช่ที่นี่วิลล์ลืมแล้วหรือ” คุณแม่ของเราท่านเหงาไม่แพ้คุณย่าหรอกนะ”
“ผมเห็นแก่ตัวหรือเปล่าพี่”
“ให้พี่ตอบหรือ” เขาถามน้องชาย
“บริษัทที่บ้านยังต้องดูแล วิลล์น่าจะตั้งใจเรียนให้จบเสียที”
“ผมขอโทษครับ”
เขาปล่อยเวลาไปกับการดูแลเดียน่าไม่ห่างทั้งการเรียนและครอบครัว เดวิดวางมือลงบนบ่าน้องชายบีบเบา สองพี่น้องสบตากัน
คนพี่เรียกร้อง หากคนน้องต้องการเวลา อีกนานเพียงใดเล่ากว่าเขาจะคิดถึงคนรอคอย!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2555, 09:46:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2555, 09:46:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1917





<< ทางเดินสู๋ฝัน   สายรุ้งของยุดา >>
nutcha 7 พ.ค. 2555, 11:37:23 น.
อยากเจอพระเอกอีกสองคนจัง


นางแก้ว 7 พ.ค. 2555, 12:08:03 น.
ใจคนอ่านร้อน หรือคนแต่งเปิดตัวพระเอกช้ากันเล่านี่


tookta 7 พ.ค. 2555, 13:04:35 น.
5555 แหมไรเตอร์แต่งเรื่องได้แบบจิตนาการบรรเจิดนี่คะ พวกเราเลยอยากให้เด็กๆ เป็นสาวเร็วๆ เพื่อจะได้เปิดตัวพระเอกเสียที 555 ชอบและชื่นชมจิตใจที่ดีงามของน้องยุดามากๆค่ะ เรียกว่าสวยทั้งนอกทั้งใน รักเพื่อนที่สุด หาแทบไม่ได้แล้วค่ะมิตรภาพที่น่ายกย่อง บริสุทธิ์ งดงาม


nunoi 7 พ.ค. 2555, 14:08:57 น.
น้าวิลล์จะกลับมาหรือเปล่านะ


tookta 7 พ.ค. 2555, 17:57:53 น.
สงสัยจะกลับตอนที่น้องวาเรียนหมอจบแล้ว 55 คุณวิลล์เศร้าได้แต่อย่าสาบรักนะคะ ที่ปลายฟ้ายังมีสายรุ้งที่งดงามให้ชุ่มชื่นใจอยู่เสมอ


Thananya 7 พ.ค. 2555, 22:53:51 น.
ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ เปิดเข้ามาเห็นเรื่องนี้อัพ รีบคลิกเข้ามาอ่าน หยุดงานทุกอย่างทันที ติดหนึบ ฮ่าๆ


นางแก้ว 7 พ.ค. 2555, 23:15:39 น.
ขอบคุณค่ะ กำลังปั่นหนึบเลยเช่นกันค่ะ ให้จบก่อนสิ้นเดือนค่ะ


Zephyr 8 พ.ค. 2555, 19:41:26 น.
จบก่อนสิ้นเดือน ว้าว ตามอ่านแบบไฟลน ฮี่ๆๆๆ
น้าวิลล์กลับมาได้แล้วค่า
ว้า ทำไม ป้าแสงคิดแบบนี้ละคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account