รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: สายรุ้งของยุดา

ท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรีปีสุดท้าย สาวสวยใบหน้าเรียวยาวหากกลมโตแจ่มใส จมูกโด่งอันเล็กกับริมฝีปากบาง ๆ สีระเรื่อราวสีของกลีบกุหลาบ
ยามเยื้อนยิ้มมีฟันเกมุมปากดูซุกซนเอาแต่ใจ พรรณยุดา เมืองเอกเรียกนามอีกฝ่ายในใจ
“อาจารย์ครับ” นักศึกษาหนุ่มเรียกย้ำค่อนข้างดัง
ดอกเตอร์ เมืองเอกรู้สึกตัวเก้อไปนิดหนึ่งถามลูกศิษย์ชายร่างโย่งซึ่งยืนทำหน้าบ้องแบ้ว
“มีอะไร”
“ผมไม่มีครับแต่อาจารย์คงมีเพราะเรียกผมมาพบครับ”
“อ้อใช่ เรื่องงานที่รับปากจะช่วยไว้เขาให้ไปรายงานตัววันนี้เลย”
“จริงหรือครับ ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ”
ลูกศิษย์ยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยความทะเล้นแล้วชะโงกมองไปทางระเบียงตึก เขาไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ แต่อาจารย์หนุ่มวัยสามสิบเศษ เหม่อมอง ผิวคมเข้มหากสะอ้านใบหน้าเหลี่ยม ได้รูปอย่างชายไทย ดวงตาคมกริบรับกับคิ้วดกหนายาว อาจารย์เมืองเอก เป็นความฝันของนักศึกษาสาว ปีที่ผ่านมา เลื่องชื่อมากจนเป็นที่ล้อเลียนในห้องคณาจารย์
แต่ดอกเตอร์ เมืองเอกยังวางตัวดีไม่ให้เป็นที่ครหาได้ ใครเล่าจะรู้จิตใจที่ซ่อนอยู่ภายใน
ทุกครั้งที่เข้าสอนพิเศษ แวบแรกของภาพที่เขามองหาคือความสดใสของลูกศิษย์ชื่อ พรรณยุดา เธอคนนั้นช่างซักช่างถามในวิชาการสอนของเขา บางครั้งขอคำปรึกษาที่ห้องพักโดยไปกับเพื่อนชายหญิง
เมืองเอกวางตัวเป็นครูทั้งที่ใจเขว ขณะที่พรรณยุดาวางตัวเป็นศิษย์ที่ดีไม่ให้อาจารย์จับได้ ว่าตนหลงใหลใฝ่ฝันนับแรกเห็น เธอเชื่อว่าถ้าเธอแสดงท่าทีให้อาจารย์หนุ่มได้รู้ เขาอาจจะรังเกียจ
เพื่อนสาวกลุ่มเดียวกันเคยวิจารณ์เมืองเอกว่า
“รูปหล่อพ่อรวย การศึกษาสูง อายุปูนนี้ถ้าไม่มีเมียก็ต้องเก้ง กวาง กระทิง มหิงสา”
“ตัวสุดท้ายที่แกเรียกน่ะแฟนแกแล้วยัวติ่ง”
สาวชื่อติ่ง มีแฟนใสซื่อตัวดำไม่ว่าสาวเจ้าต้องการอะไร ต้อยจะรีบทำให้อย่างเต็มใจสุดขีด ดังนั้นฉายาของเขาจึงเรียกเล่นกันว่าคุณระบือ บางทีก็เติมกอไก่ ส่วนคำว่า มหิงสาเพิ่งเพิ่มเข้าไป
“ไม่ใช่อีเก้งแน่ แน่ ๆ ฉันเคยเห็นอาจารย์ควงกับสาวแสนจืดคนหนึ่ง เปรียบยังไงดีล่ะเวลา”เก้งตัวจริงออกแต๋วแตก ขณะที่บรรยายภาพที่เคยพบเมืองเอก “เออเหมือนหนุ่มหล่อประคองพานดอกบัวขาบนั่นละ”
“เปรียบไม่เข้าท่า” ใครคนหนึ่งขัดเพราะไม่เข้าใจ
“แหม” คนอุปมาอุปไมยเกาผมยุ่ง “หนุ่มหล่อเก๋ไก๋เขาต้องถือกุหลาบลิลลี่หรือไม่ก็ทิวลิปใช่มั้ย นี่เขาถือดอกบัวหมายความว่า ผู้หญิงที่เขาควงนั้นเขาให้เกียรติวางบนพานเลยเอ้า”
ในกลุ่มถอนใจเป็นแถวเมื่อเข้าใจความหมายแล้วสรุป
“อย่างอาจารย์ ต้องคนแรดไร้เดียงสาอย่างฉันนี่” ติ่งพูดแล้วลุกขึ้น ชูแขน สะบัดเอวเต้นได้ ได้สุดเหวี่ยง
เก้งจริงทำหน้าละห้อย
“ฉัน เสียดายตุ้ม ชะมัด”
“ยายบ้าทะลึ่ง”
พรรณยุดาปล่อยเพื่อนวิจารณ์สนุก หากตัวเองรู้สึกห่อเหี่ยวดังดอกไม้ต้องแดดจัด
เมืองเอกถอนใจยาวต่อภาพที่เห็น คู่ควรกันแล้วกับคนรุ่นเดียวกัน เขาเองก็มีหญิงที่รอคอย บุษราหญิงสาววัยใกล้เคียง ไม่สะดุดตาอะไรเป็นคนเรียบง่าย อ่อนโยนใจดี เก่งงานบ้านงานเรือนทุกอย่าง กรหมั้นหมายด้วยการปรองดองของผู้ใหญ่
เขามีคู่หมั้น พรรณยุดามีคู่รักสาวผู้ปราดเปรียวคล่องแคล่วหัวใจชายหนุ่มกระชุ่มกระชวยได้อย่างประหลาดเพียงนึกถึงชื่อของเธอ เขารักเธอแล้วแน่ ๆ
เมืองเอก นายต้องถอนหัวใจและความรู้สึกกลับคืนเดี๋ยวนี้ เขาสั่งตัวเองขับรถไปจอดที่บ้านหลังใหญ่มีแมกไม้เขียวขจีล้อมรอบ บีบแตรเรียกคนงานให้เปิดประตูรับ เมื่อหญิงสาวแต่งกายง่าย ๆ มาถึงก็ปั้นยิ้มให้สวยที่สุดส่งให้หนุ่มมาดเข้มต้องใจ
เมืองเอกยิ้มตอบนิด ๆ ที่มุมปากรู้จักกันดีกับสาวคนนี้ ผู้ช่วยแม่บ้านของสุธีเพื่อนนักธุรกิจของเขา
“คุณทีอยู่มั้ย”
“อยู่ค่ะ นั่งอยู่ที่ศาลาลมค่ะ คุณดาริการ์ก็มาด้วยค่ะ”
“ดารา”
“ค่ะแหม”เธอลดเสียงลงมานิดหนึ่ง“ในหนังเป็นนางเอ้กนางเอกหนูหลงชอบ”
“แล้วตัวจริงล่ะ”
“ดัดจริตเชียว คุณอาจารย์จะดื่มอะไรค่ะหนูจะได้จัดให้”
“เบียร์เย็นเจี๊ยบขวดหนึ่ง ขอบใจมากน่ะแจ๋ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ สำหรับคุณอาจารย์แล้วหนูเต็มไจ้เต็มใจ” สาวใช้จีบเพื่อนเจ้านายนิดนึงพอให้ชื่นใจ
เมืองเอกเดินไปหาเพื่อนที่ศาลาลมรูปทรงกลม สุธีรูปร่างออกท้วมผิวขาวสวมแว่น พูดจาฉะฉานตรงไปตรงมา หญิงสาวผู้นั่งตรงข้ามใบหน้าคมดูเป็นลูกครึ่งผมทำสีออกน้ำตาลทอง สวยสะดุดตา เรือนร่างดูสูงโปร่งเมื่อลุกขึ้นยืนเหลียวหาขอตกและเธอเหลือบแลมาทางชายหนุ่มผู้มาใหม่ ดาริการ์ค่อนข้างเป็นหญิงเจ้าชู้ดังที่นักข่าวเขียนแซวในหนังสือต่าง ๆ ชอบคบไฮโซและเลิกรากันง่ายๆ
สุธีทักทายเอะอะตามนิสัยพร้อมเชื้อเชิญเมืองเอกให้นั่งร่วมวงพร้อมกับเอ่ยกำกวม หยอกเย้า
“อาจม เอ้ย อาจารย์เชิญ ๆ นึกไงจะมาสอนพิเศษเราวะวันนี้ เฮ่ย ถึงเราจะจบแค่ปริญญาโทแต่ก็รอบรู้พอตัวโดยเฉพาะเรื่องที่ ดอกเตอร์ อย่างนายไม่ค่อยรู้”
ครานี้ดาริการ์ทำท่าไร้เดียงสาได้เหมือนจริง เอียงคอมองเมืองเอกนิด ๆ เขายิ้มให้
“ผมเป็นเพื่อนของสุธีครับ ชื่อเมืองเอก”
“นัตตี้ค่ะ”เธอแนะนำยิ้มพราย
สุธีหมั่นไส้นิด ๆ เพราะเมื่อครู่ยังระริกระรี้กับเขาอยู่เลย ความปากไวจึงเอ่ยไม่เกรงใจ
“นัตตี้ที่แปลว่า ถั่วเปลือกแข็งไงเพื่อน”
“ผลไม้เปลือกแข็งค่ะคุณที”
หล่อสวนกลับแง่งอนใส่สุธีแล้วหันมาตาหวานใส่เมืองเอก ชายร่างท้วมถามเพื่อนสนิททำท่าจะรินเครื่องดื่มให้
“เหล้ามั้ย”
“สั่งเบียร์ไปแล้ว” ขาดคำของเมืองเอกแจ๋ว เดินถือแก้วเบียร์มาให้พร้อมแช่ในถังน้ำแข็งสำรองมาอีก ดาริการ์ไม่ยอมเป็นผู้ฟัง จึงสอดแทรกการมีส่วนร่วมการสนทนาตลอดเวลา
“คุณเมืองเอกเป็นเพื่อนสนิทคุณทีหรือค่ะ”
“ใครว่า” สุธีอีกที่ขวางลำ
“เราเป็นผัวเมียกันมาก่อน”
“ต้าย”
เธอกรี้ดเสียงทำท่าต้ายยังปากว่าเมืองเอกหัวเราะร่วนพร้อมสุธี เมื่อหลอกอำให้อีกฝ่ายไขว้เขวไปได้
คุณหญิงดลยาชะเง้อมองถนนหน้าตึกบ่อย ๆ เมื่อรถแล่นเข้ามา ตั่งแต่รถลูกสาวคนโต คนรอง หลานชาย ยังไม่มีรถของเมืองเอกกลับมาเลย
ถึงเวลา 22 นาฬิกา เมืองเอกกลับถึงบ้าน ใบหน้าคนคายบวมแดงนิด ๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เขายิ้มทันทีเมื่อสบตาเขียวปัดของผู้ให้กำเนิด และเริ่มเทศน์ราวกับเขายังเป็นนักเรียนมัธยมและริดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก
“เป็นครูบาอาจารย์ทำตัวเหลวไหลกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ นี่ดีน่ะที่ยังไม่มีลูกไม่มีเมียถ้ามีครอบครัวแล้วอย่าเหลวไหลแบบนี้”
“งั้นยังไม่มีดีกว่า” ฤทธิ์แอลกอฮอล์แท้ ๆ ที่ทำให้เขากล้าต่อปากต่อคำมารดาคุณหญิงร้องเหมือนถูกดีดใบหู
“ต้าย ช่างพูดมาได้นะแมค ดีล่ะปลายปีนี้แต่งงานกับหนูบุษไปเสียทีจะได้เลิกเหลวไหล ไป ๆ อาบน้ำอาบท่าเหม็นเหล้า”
เมืองเอกเดินสะพายเสื้อนอกพาดไหล่ค่อนข้างเซนิด เขาดื่มมากจริง ๆ วันนี้ดื่มเพราะคิดจะ ถอนใจจากเด็กสาวที่เขา...อาจหมายปองมานานแล้วก็เป็นได้!!
พรรณยุดาจอดรถหน้าหอพักนักเรียนแพทย์ วาสิฐีเดินลงจากหอมาหา เมื่อพรรณยุดาเห็นเพื่อนก็เปิดประตูรถลงไป ทั้งสองจับจูงมือพากันไปนั่งที่เก้าอี้หินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ วาสิฐีถามอ่อนโยนเมื่อเห็นพรรณยุดาไม่ค่อยสบายใจ
“เหนื่อยมากหรือ”
“วาสิ ยุดาอยากบอก”
“อะไรจ้ะ”
“ต้องสัญญาเป็นความลับ”
“สัญญา” นักเรียนแพทย์คนงามยกมือให้คำปฏิญาณ
พรรณยุดาไม่ลังเลอีกแล้วที่จะเปิดอกคุย
“ยุดาอกหัก”
“ไปรักใครตั่งแต่เมื่อไหร่”
“เกือบปีแล้วล่ะ เขาเป็นอาจารย์สอนพิเศษชื่อดอกเตอร์เมืองเอก เขาหล่อมากเป็นขวัญใจสาว ๆ รวมทั้งยุดา”
“แล้วทำไมจึงอกหักล่ะเจามีแฟนแล้วหรือ”
พรรณยุดาพยักหน้าน้ำตาพราวกลบตาวาสิฐีดึงเพื่อนโอบบ่าปลอบโยนยุดาจะทำอย่างไรดียุดาพยายามลืมแต่ยุดาทำไม่ได้ยุดาจึงต้องมาหาวาสิฐีในวันนี้ยุดากลุ้มใจไม่ใช่แต่พรรณยุดาหรอกที่รักเขาข้างเดียว วาสิฐีรู้ตัวดีว่าเธอก็หลงรักชายผู้หนึ่งมานานนักหนา เป็นรักที่ไม่อาจสมหวังได้เลยปิดบังเงียบไม่ปริปากบอกแม้เพื่อนสนิทอย่างพรรณยุดา
“Rainbow Bridge.”สะพานสายรุ้ง
“ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ยุดาไม่ต้องการให้อาจารย์สมเพทลูกศิษย์หน้าโง่”
“ยุดาไม่โง่”
“แต่”เธอลังเลขณะที่วาสิฐีเข้มแข็งนัก
“ฐานะของยุดาไม่มีอะไรต้องอายนี่จ๊ะ สวยมีความรู้และชาติตระกูล”
“เขามีแฟนแล้วยุดาไม่แย่งของใคร มันน่าอายไม่ใช่หรือถ้าพรากรักของคนอื่น”
“จริงอยู่ว่าถ้าเราทำสำเร็จต้องมีใครคนหนึ่งเจ็บปวด รุ้งสายนี้ยุดาต้องข้ามด้วยตัวเอง จะเจ็บของหรือเขาเจ็บ”
“ถ้าเป็นวาสิ” ถูกย้อนคนงามใบหน้าเปลี่ยนไปนิด ก่อนปรับให้เรียบเฉย
“วาสิข้ามสะพานนั้นแล้ว”
“เจ็บปวด”
“เจ็บ”
“วาสิ” พรรณยุดากอดเพื่อนรักจนแน่นร้องไห้ไม่อายวาสิฐี สักอย่างพรรณยุดาต้องเลือกด้วยตัวเองเจ็บโดยความเงียบเช่นวาสิฐี หรือ ให้เขารู้
“ให้วาสิไปเป็นเพื่อนมั้ย” พรรณยุดาน่าเป็นห่วงเพราะทุกอย่างเคยอยากได้แล้วได้เสมอต่างจากวาสิฐีเพราะถูกยื้อแย่งไปจนชาชินหัวใจจึงแกร่งยอมรับความปวดร้าวไว้ได้
“ไม่หรอก วาสิทำได้ยุดาก็ต้องทำได้เช่นกัน” ครานี้เธอฝืนยิ้ม
“คนเก่งของวาสิ”
“บอกยุดาได้มั้ยใครหรือคนนั้น”
ให้ตาย วาสิฐีไม่มีทางบอกใคร
คุณหญิงจิตตรีค่อนข้างเป็นห่วงเมื่อหลานสาวกลับผิดเวลาโทรไปเช็คจึงทราบว่าไปหาวาสิฐีที่หอพัก นายแพทย์เดวิดลูบหลังมือมารดาเบา ๆ คุณหญิงคลายวิตกกังวล
“เขาเป็นฝาแฝดที่ไม่ยอมแยกกันง่าย ๆ โถมะรืนนี่วาสิเขาก็กลับบ้านอยู่แล้วยังต้องแจ้นไปหา”
“บางทีเด็กเขาก็พูดคุยกันรู้เรื่องกว่าเรา มีอะไรเขาชอบปรึกษากันตามลำพัง”
“ยังไงก็แก้ให้ถูกแล้วกันเด็กฉลาดในบางเรื่องแต่ประสบการณ์คนมากวัยกว่ารู้ดี”
เดวิดอยากบอก ถ้าเป็นเรื่องของหัวใจประสบการณ์ห้ามหวงไม่ได้เลย ราวมารดาจะมีสัญชาตญาณท่านเอ่ยถึงพุทธวัจนะ
“พระพุทธเจ้าสอนไว้ ใครชนะจิตตนเองได้คนผู้นั้นหมดกิเลศหมดทุกข์”
“ครับ สักกี่คนชนะจิตได้”
“คนหนึ่งที่แม่อยากเห็นคือเดวิดของแม่”
“คุณแม่”
โอ้ นี่ท่านก็มองออกหรือ ไม่มีคำใดหลุดออกมานอกจากมือนุ่มของท่านลูบแก้มเขาเบา ๆ ราวสัมผัสของบอบบาง นายแพทย์เดวิดจูบมือท่าน กระซิบแผ่ว หากหนักแน่น
“ผม ชนะครับคุณแม่อย่าห่วง”
ลูกรัก บางครั้งแม่รู้แต่แม่เองก็ยอมรับไม่ได้ คุณหญิงโดยสายเลือดวิตกกังวลในใจอย่างเงียบ!!
ตอนที่9 ทางหัวใจที่วกวน



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2555, 22:55:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2555, 22:55:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1892





<< หัวใจอันร้อนรุ่ม   ทางหัวใจที่วกวน >>
Thananya 7 พ.ค. 2555, 23:10:39 น.
ได้อะไรจากตอนนี้เยอะเลยค่ะ แอบฮากลุ่มเพื่อนยุดาตอนคุยกันด้วย ฮ่าๆ ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องนี้


คิมหันตุ์ 7 พ.ค. 2555, 23:49:06 น.
สะพานสายรุ้ง ^V^


nutcha 8 พ.ค. 2555, 12:25:15 น.
ได้แง่คิดหลายอย่างจากตอนนี้ค่ะ


Zephyr 8 พ.ค. 2555, 19:48:48 น.
ลุงเดวิดชนะเรื่องอะไรอ่ะ


นางแก้ว 9 พ.ค. 2555, 08:18:49 น.
ลุงเดวิดชนะที่เด็กไม่เล่นด้วยลุงก็ไม่ทำให้เด็กเส่อมความเคารพค่ะ ลุง
เดวิดชอบวาสิฐี ท้ายๆลุงเดวิดเป็นผู้ชายที่น่าสนใจมากมากเชียวค่ะ


sirynth 12 พ.ค. 2555, 22:55:04 น.
OMG, that was the Dr.'s wife saw, at least David is a nice guy.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account