ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 11.“มีอะไรหรือเปล่า ใครทำให้นอนไม่หลับ”

11.

เป็นเพราะมีนัดนำหนังสือเรียนไปส่งคืนให้เขาที่หัวลำโพงทำให้เมขลามีความกังวลใจเกิดขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ระแวงว่าจะตื่นสายไปไม่ทันนัด หญิงสาวลุกขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่ยังไม่ตีห้า วิจิตรศราที่ตกใจตื่นเพราะเพื่อนสาวคนสนิททำตัวผิดปกติ จึงใช้อ้างข้อว่าจะเข้าห้องน้ำ มายืนรอถามเมขลาที่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง..เมขลาเองก็ตกใจที่เห็นวิจิตรศรามายืนหัวกระเซิงหน้ายับดักรออยู่

“จะรีบไปไหนแต่มืด แต่ดึกเหรอเม”

“มืดที่ไหน จะเช้าแล้ว”

“ปกติตื่นตีห้า อาบน้ำตีห้ากว่า ๆ แต่นี่ยังไม่ตีห้าเลยนะ”

“นอนไม่ค่อยหลับนะ..”

“มีอะไรหรือเปล่า ใครทำให้นอนไม่หลับ”

“ไม่มีหรอก..เดี๋ยวขอแต่งตัวก่อน” ตัดบทแล้วเมขลาที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ก็เดินเข้าห้องตัวเอง ทิ้งกลิ่นสบู่เอ็นไซม์ย่านาง ให้วิจิตรศรานึกอยากจะอาบน้ำขึ้นมาบ้าง..แต่วิจิตรศราก็มีเรื่องต้องเคลียร์ก่อนที่จะทำอย่างนั้น


เมขลาต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าวิจิตรศราเปิดประตูห้องนอนตัวเองไว้ แถมเจ้าตัวยังไม่กลับไปนอนที่เตียงนอนเพื่อรอเวลาตื่นจริง ๆ ในเวลาเจ็ดโมงเช้าอย่างที่เคยเป็น..หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟาตัวที่ใกล้ประตู..เมขลาสบตากับเพื่อน วิจิตรศราเองนั้นก็จมูกไวพอจะได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงของเมขลาซึ่งนาน ๆ ทีเจ้าตัวจะยอมใช้เพื่อเสริมสร้างเสน่ห์..

“พี่นรบดีจะมารับเหรอ” วิจิตรศราแกล้งถาม

“เปล่า ไปรถไฟเหมือนเดิม”

“ใส่น้ำหอมด้วยนะ มีอะไรพิเศษแน่ ๆ”
เมขลายิ้มนิด ๆ แต่ว่าหญิงสาวก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก..วิคิดมากไปเอง ไป ๆ กลับไปนอนเถอะ เมไปแล้ว”

“หวังว่าคงไม่แอบอี๋อ๋ออยู่กับนายกฤษณะนั่นนะ” วิจิตรศราตัดสินใจไม่อ้อมค้อม เมขลาชะงักเท้าที่จะก้าวลงบันไดก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิท

“เมื่อคืนพี่นรบดีโทรหาวิ..พี่เขาถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องหัวใจของเม เขาอยากจีบเม..วิเห็นดีเห็นงามด้วยเป็นอย่างมาก..” ข้อดีของวิจิตรศราคือไม่ใช่คนอ้อมค้อม..มีอะไรหญิงสาวก็มักจะพูดตรง ๆ แบบนี้

“ไม่ต้องเลย”

“วิ เชียร์พี่เขานะ เม..วิ ซักไซร้ไล่เลี่ยงเรื่องแฟนเก่าพี่เขาหมดแล้ว พี่เขาบอกเคลียร์ แถมยินดีจะให้เบอร์โทรแฟนพี่เขาที่เราเคยเห็นกันด้วยนะ..พี่ดาว จำได้ไหม”

“ทำไมเขาเลิกกันล่ะ”

“ก็..แหม รักในวัยเรียน เรียนจบก็จบ..เอาเหอะ ถ้ากลัวว่าพี่เขาจะไม่ดีจริง เดี๋ยววิจะเช็คประวัติพี่เขาไปทางคนอื่น ๆ เมก็รู้ว่าวิกว้างขวางแค่ไหน” สมัยเรียนนั้นรุ่นพี่โปรดปรานวิจิตรศรากันเป็นอย่างมาก นอกจากวิจิตรศราจะมีเงิน มีรถ แล้วหญิงสาวไม่ใช่คนเชิดหยิ่งจนรุ่นพี่หมั่นไส้ วิจิตรศราทุ่มเททำกิจกรรม อย่างงานออกค่ายอาสาวิจิตรศราลงทั้งเงินและแรงพร้อมลุยตลอดเวลา ด้วยคิดว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นมีเพียงช่วงสั้น ๆ และวิจิตรศราก็คิดถูก เมื่อเปิดร้านใหม่ ๆ วิจิตรศราโทรหารุ่นพี่คนนั้นคนนี้ แนะนำร้านตัวเองสำหรับการพบปะสังสรรค์กันของรุ่นพี่ เพื่อน ๆ และรุ่นน้อง ซึ่งหลายกลุ่มก็กลับมาช่วยเหลือ ช่วยบอกต่อ จนร้านของวิจิตรศรามีลูกค้าเข้ามาไม่ได้ขาด กระทั่งล่าสุดที่โทนเนอร์และสบู่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก อย.มีสติ๊กเกอร์ติดเรียบร้อย วิจิตรศราก็ใช้วิธีโทรหา แนะนำสินค้า นอกจากนั้นยังใช้ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี..ดังนั้นเรื่องสืบประวัติของนรบดีให้ละเอียดลึกซึ้ง จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับวิจิตรศรา..

เมขลาถอนหายใจอย่างแรง เพราะไม่คิดว่า นรบดีจะคิดจริงจังกับเธอถึงขนาดโทรมาคุยกับคนที่มีความสำคัญกับความคิดของเธอเป็นอย่างมาก แต่ว่า เธอเองนั้น เริ่มเชื่อคำพูดของกฤษณะที่ว่า


‘ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลือกใครสักคนด้วยความรู้สึกของตัวคุณเอง’


“เป็นอะไรเงียบไป” วิจิตรศราเอ่ยถามเมื่ออธิบายไปแล้วเมขลากลับยืนนิ่วหน้าครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ

“เมไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่นรบดีเลยนะ”

“งั้นก็แอบจับมือเขาซิ..แต่เขาก็พูดเหมือนนายกฤษณะนะ..คือจะไม่ยอมใช้วิธีนี้ในการเลือกคู่..”

“เอาเป็นว่าให้เวลาเป็นตัวตัดสินใจดีกว่า ตอนนี้เมขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกัน”
“เย็นนี้กลับมากับพี่เขานะ วิชวนพี่เขามาที่นี่ด้วย พี่เค้าบอกว่า สบู่ใช้ดีมาก ว่าจะมาเลือกชนิดอื่นไปฝากคนอื่นด้วยนะ”

เมขลาถอนหายใจอย่างแรง..ก่อนจะเดินลงไปบันไดไป..วิจิตรศรายิ้มด้วยมั่นใจว่า ทางเดียวที่จะต้อนเมขลาให้ค้นพบหัวใจตัวเองได้นั้นก็คือทางสองแพร่งที่เมขลาต้องเลือกเดินนี่เอง..



และเมื่อรถไฟขบวนที่เคยนั่งอยู่เป็นไปประจำเข้าชานชลา..เมขลาที่สะพายกระเป๋าใบกะทัดรัดกอดหนังสือเรียนเล่มโตของกฤษณะไว้กับอกก็เดินหลบคนที่เดินตามหลังมาไปทางริมสุดของทางเดิน หญิงสาวสาวเท้าช้า ๆ โดยสายตาก็พยายามชำเลืองมองว่านายกฤษณะจะมาถึงหรือยัง กระทั่งเมขลาเดินไปหยุดยืนตรงจุดที่เธอกับเขาชนกันในวันแรก..วันแรกที่ได้ถูกเนื้อต้องตัวเขา..ใจของเมขลาสั่นไหวอย่างรุ่นแรง..จนเมขลาต้องหลับตา และในมโนภาพของเมขลาเพียงเสี้ยวนาทีที่หลับตา หญิงสาวเห็นภาพใบหน้าของ กฤษณะเต็มไปด้วยเลือด!!

เมขลาลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าตระหนก...ญาณหยั่งรู้แบบนี้กลับมาให้ใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำอีกแล้ว..และครั้งนี้ เมขลารู้สึกเป็นห่วงเขายิ่งขึ้น..และด้วยไม่มั่นใจว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร หรือเป็นแบบที่เห็นไปหรือยัง.. เมขลาจึงต้องเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาเขาเสียก่อน และเสียงที่เขาตอบกลับมาก็ทำให้เมขลาหายใจได้โล่งจมูก

“ผมขี่มอเตอร์ไซด์อยู่ครับ อีกไม่กี่ไฟแดงก็ถึงแล้ว รอผมเดี๋ยวนะ”

ใกล้ถึงของเขา ทำเอาเมขลายืนเมื่อยและเมขลาก็กระสับกระส่ายเพราะเข็มนาฬิกานั้นเคลื่อนไปเกินเวลาที่เมขลาเคยขึ้นรถเมล์..ถ้ารอเขาอีกสิบนาที เธอไปทำงานสายแน่ ๆ เมขลาเริ่มร้อนรน

และเมื่อตัดสินใจว่าจะไม่รอเขาแล้ว เท้าที่จะก้าวไปยังป้ายรถเมล์ก็ต้องชะงักเมื่อเขาที่อยู่ในชุดฟอร์มของการรถไฟแห่งประเทศไทยวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา

“โทษทีครับ..คือแบบว่า ไฟแดงเมื่อกี้ คือ รถติด แล้วก็มีรถชนกัน มีรถขวางทางผมก็เลย..”เขารีบขอโทษขอโพยและแก้ตัวเป็นการใหญ่ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาจงใจแอบดูว่าเมขลาจะทนรอเขาได้ไหม และแผนถัดไปของเขานั้น..ก็คือเขาต้องการให้หญิงสาวซ้อนท้ายรถของเขาไปยังตึกสูงใหญ่บนถนนสีลมแทนการนั่งรถเมล์ เขาอยากรู้ว่าเมขลาจะยอมรับกับสภาพสามัญชนคนธรรมดาของเขาได้ไหม..

“ไม่ต้องอธิบาย..ฉันรีบ นี่หนังสือคุณ” เมขลาส่งหนังสือให้เขา เขาแสร้งรับไม่ถนัด หนังสือจึงร่วง เมขลาเองก็ผวาจะคว้าหนังสือเพราะเห็นว่าในมือของเขานั้นมีถุงใส่ขนมถุงที่ได้หิ้วไปให้เธอเมื่อวาน

ดังนั้นหน้าผากของทั้งสองคนจึงชนกันอย่างแรง..เมขลาผงะ เขาเองก็ผงะเหมือนกัน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ..ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” มุกนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

“เจอคุณทีไรฉันซวยทุกทีไป..” ความเจ็บก่อให้เกิดความโกรธ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น หญิงสาวยังรู้สึกเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะมีเลือดมาให้เห็น..อย่างที่เห็นในมโนภาพ
“ผมขอโทษ เจ็บตรงไหน มา ผมเป่าให้” พอเขาทำท่าจะจับตรงจุดที่เธอคลำอยู่ เมขลาก็ผงะหนีมือของเขา..

“ไม่ต้องฉันหายเจ็บแล้ว..ฉันจะรีบไปทำงาน” น้ำเสียงของเมขลายังคงห้วน ๆ บ่งอารมณ์กรุ่น

“ผมว่าคุณไปรถเมล์ตอนนี้ไม่ทันแน่ ๆ รถติดมาก..ไปรถมอ-ไซด์ผมดีกว่า..มา ๆ มาทางนี้” ว่าแล้วเขาก็ถือวิสาสะใช้มือข้างซ้ายที่ว่างจากถุงขนมและหนังสือเรียน จับมือข้างซ้ายของเมขลาแล้วจูงให้เดินตามกันออกมาจากตรงนั้น..

“ไม่ต้องจับมือฉันแบบนี้”

“ก็คุณรีบไม่ใช่เหรอ”

“แต่ฉันไม่เคยนั่งรถมอเตอร์ไซด์แถว ๆ นี้ รถบนถนนมันเยอะ ฉันกลัว”

“ลองสิ..แล้วจะติดใจ”

“ไม่เอา กลัว..”

“หรือรังเกียจรถผม..หรือรังเกียจผม..” ถามหญิงสาวไปเขาก็จับมือดุ่มเดินไป เมขลาเองจะดึงมือตัวเองออกจากมือของเขา แต่อีกใจ เขาก็ไม่ได้ฉวยโอกาสอะไรกับเธอ เพียงแต่เธอเองอดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมเขาจะต้องทำแบบนี้กับเธอ เขามีเรื่องทำให้เธอคิดไม่ถึงตลอดเวลา..กระทั่งเขาพาเธอไปยังรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ของเขา..

และเขาก็ปล่อยมือของเธอ ก่อนจะรีบคว้าหมวกกันนอกที่คว่ำไว้บนกระจกส่องหลังมายื่นให้

“รีบใส่หัวซะ กันตำรวจจับ”

“หมวกนี่มันกันหัวกระแทกพื้น”

“น่า เร็ว ๆ” บังคับกราย ๆ แล้วเขาก็คว้าหมวกอีกใบมาสวมอย่างทุลักทุเลเพราะว่าในมือของเขานั้นมีหนังสือและถุงขนม เมขลาที่สวมหมวกพร้อมล็อกตรงคางเสร็จเรียบร้อยจึงต้องเข้าแย่งหนังสือกับถุงขนมมาถือไว้..

“ขนมนี่ของคุณนะ ตั้งใจซื้อมาฝากจากชุมพร วันนี้เอาไปด้วยล่ะ..แล้วหนังสือผมถือให้ดี ๆ นะ ตัวหนังสือถูกลมพัดปลิวไปจนกระดาษขาว ผมต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก..”



ตอนที่นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ของเขาเมขลานั่งไพล่มือซ้ายมีถุงขนมกับหนังสือของเขาส่วนมือขวานั้นหญิงสาวพยายามจะจับที่ขอบเบาะ แต่ว่าเมื่อรถของเขาเคลื่อนตัว เขาก็หันมาเปิดหน้าหมวกร้องบอกให้เมขลาจับที่เอวหรือที่ชายเสื้อของเขา แต่ว่าเมขลาก็ไม่ยอมทำตาม จนกระทั่งรถติดไฟแดง..เขาก็ละมือมาจับมือเมขลาให้เกาะที่เอวของเขาแทน..

“ตรงนี้มันจะดีกว่า”

“แต่..”

“เชื่อผมเหอะ..”

เมขลาถอนหายใจเบา ๆ กระทั่งมีสัญญาณไฟเขียว เขาออกรถอย่างนุ่มนวลและขับขี่ไม่หวาดเสียวจนเกินไปนัก จนกระทั่งมาถึงหน้าตึก เขาก็จอดรถโดยเมขลาพ่นลมออกจากปากผ่อนความตื่นเต้น..และก็ดีใจด้วยว่าเธอเข้างานทันเวลาที่บริษัทกำหนดไว้

“ขอบคุณนะ” บอกเขาแล้วเมขลาก็ยื่นหมวกสั่งให้เขาพร้อมกับหนังสือ เขาอิดออดโดยการบิดไล่ความเมื่อยขบ..

“เร็ว ฉันรีบ”

พอเมขลาขึ้นเสียงเขาจึงรีบยื่นมือมารับของ..

“ขอบคุณนะ”

“อืม..ไปแล้ว” บอกเขาแล้วเมขลาหันหน้าดุ่มเดินเข้าตึกโดยไม่ได้หันมามองว่าเขาอมยิ้มมองเมขลาจนลับตา..

“น้า..” กฤษณะหันไปมองทางต้นเสียงพบว่าเป็นอุมารินทร์ที่อยู่ในชุดกระโปรงแซคสีดำคลุมด้วยเสื้อสูทสีเหลืองอ่อนใส่รองเท้าสั้นสูงเดินสะพายกระเป๋าใบโตหน้าตั้งเขามาหา

“มาแถวนี้ได้อย่างไร”

“มาจีบสาว”

“หมอเมเหรอ”

“อืม..”

“เจอเขาหรือยัง..”

“เจอแล้วขึ้นไปทำงานแล้ว..ตัวเองก็รีบขึ้นตึกไปทำงานเหอะ..อย่างไรก็ฝากเป็นหูเป็นตาให้ด้วยนะ ดูด้วยว่ามีหนุ่มอื่นมาวอแวหรือเปล่า”

“ให้เท่าไหร่” อุมารินทร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์..

“งก..”

“เห็นวุธบอกว่าสบู่ใช้ดี..ขอฟรีสักโหลได้เปล่า”
พออุมารินทร์เอ่ยออกมาอย่างนี้ กฤษณะก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้อุมารินทร์เป็นคำตอบ..


เมขลานั่งมองกระดาษที่มีตัวอักษรตรงหน้าพลางอมยิ้ม ด้วยจินตนาการไปถึงคำพูดของเขา หาก ลมมันสามารถตีตัวอักษรบนกระดาษปลิวออกไปแล้วกระดาษก็ขาวตามเดิมมันคงเป็นเรื่องมหัศจรรย์แน่ ๆ เขาคิดประโยคนั้นมาหยอกเธอได้อย่างไร เมขลาอมยิ้มก่อนจะสูดลมหายใจเข้าจมูกเบา ๆ ซึ่งเมขลายอมรับกับตัวเองว่า ระหว่างที่นั่งรถของเขา เธอพยายามหันจมูกไปทางอื่นแต่ว่ากลิ่นตัวของเขาก็โชยเข้าจมูกของเธอ..และมันก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกจนถึงตอนนี้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ เมขลาจึงต้องหายใจออกถี่ ๆ จนกระทั่งพี่แม่บ้านที่กำลังจะเข้ามาหาผงะ..

“เป็นอะไรคะคุณหนูนา”

“ไม่มีอะไรหรอกพี่..” หันไปถามแล้วเมขลาก็ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่าในมือพี่แม่บ้านมีกุหลาบสีขาวช่อกะทัดรัดติดมืออยู่ด้วย..

“มีคนฝากเอาให้ค่ะ”

“ใครเหรอ” เมลขานิ่วหน้า ทั้งที่ใจก็พอเดาคำตอบได้ว่า กุหลาบน่าจะเป็นของใคร และพอพี่แม่บ้านเอ่ยชื่อของนรบดีออกมา เมขลาก็ถึงกับทำหน้าเมื่อย..

“รับไว้เถอะคะ สวยออก”

“รับกุหลาบเขาไว้ก็เท่ากับรับน้ำใจของเขา”

“ไม่ชอบเขาเหรอค่ะ สาว ๆ ชั้นเรากรี๊ดกร๊าดเขากันทั้งนะ หุ่นดี หน้าตาอินเทรนด์ มีรถขับตำแหน่งสูงเงินเดือนดีด้วย”

“รู้เยอะไปหรือเปล่าคะ”

“แหม..ตึกนี้แคบจะตาย ใครจะไปใครจะมา พวกพี่ต้องช่วยกันสแกนเก็บข้อมูล”

“สบู่กับโทนเนอร์มีสติ๊กเกอร์แล้วนะคะ พี่จะรับไปขายไหม..ทุนสี่สิบบาทขายสักห้าสิบหกสิบกินกำไรกันไป” เมขลาวกเข้าเครื่องธุรกิจ ระหว่างนั้นพี่แม่บ้านก็เดินเอาดอกไม้ช่อนั้นมาวางไว้บนโต๊ะและเมขลาก็หาได้รู้สึกใด ๆ ในทางบวกกับความหอมและความงดงามนั่น

“เก็บเงินตอนเงินเดือนออกได้ไหมคะ”

“ข้อนี้หนูนาต้องถามหุ้นส่วนก่อนค่ะ..แต่รับมาขายไปทีละเล็กละน้อยก็ได้ หนูนาสามารถหิ้วมาให้ได้ทุกวันอยู่แล้ว..สั่งวันนี้พรุ่งนี้ส่งของ แล้วก็รับเงิน ขายได้ห้าก้อน พี่ได้ห้าสิบบาทคิดซะว่าเป็นค่ารถเพราะอย่างไรเสียพี่ก็คุยกับคนอื่นไปทั่ว ..เอ้ย ต้องมีเรื่องไปสแกนเก็บข้อมูลกันอยู่แล้ว..” เรื่องระบบการจัดจำหน่ายนั้นวิจิตรศรานั้นวางแผนให้เมขลามาเป็นอย่างดี ด้วยเป็นของแฮนด์เมดที่ค่อนข้างจะมีราคาสูง แม้ศุภนิมิตจะให้เครดิตกับสองสาวมาก่อนแต่ว่า พอมาจัดจำหน่ายแบบนี้มันก็จะได้เงินแบบเบี้ยหัวแตกถ้าบริหารจัดการไม่ดีก็มีสิทธิ์ทุนหายกำไรหดได้

“หนูนาก็รู้ว่ามีคนทำธุรกิจแบบนี้กันเยอะอยู่แล้ว แล้วตึกเราก็ใช้ระบบเงินสิ้นเดือนกันทั้งนั้น”

“แต่ของเราน่าจะเป็นอะไรที่แตกต่างค่ะ..สรุปมาค่ะ ว่าจะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอา หนูนาจะได้ถามพี่อีกคน เพราะเขาก็ขายของเก่งเหมือนกัน”

“เอาก็ได้ค่ะ ขอสบู่มาอย่างละสองก้อน เว้นมะเฟือง มะเฟืองเอาหนึ่งโหล ย่านางและถ่านเอาอย่างละครึ่งโหลแล้วกัน..เป็นเงินเท่าไหร่บอกพี่ด้วย พรุ่งนี้จะได้เตรียมมาให้ถูก..”



เมื่อลงมาจากพักผ่อนในช่วงบ่ายก่อนที่โรงเรียนจะเลิกวิจิตรศราก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นกฤษณะนั่งอ่านหนังสืออยู่ในร้าน แต่ว่าครั้งนี้เขาสั่งขนมและเครื่องดื่มตามกติกาและมารยาทของร้านมาไว้ตรงหน้าด้วย เขาชำเลืองตามามองเจ้าของร้านหน่อยหนึ่งก่อนจะเบนสายตากับไปยังหนังสือ ซึ่งวิจิตรศราเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่ามีเขานั่งอยู่ตรงนั้น..แต่ว่าสงครามจิตวิทยาแบบนี้ วิจิตรศราก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เมื่อผ่านไปสักพักกฤษณะวางหนังสือลงแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาอ้าปากพร้อมมีเสียงกรนเบา ๆ

“นี่ ๆ ๆ นายกฤษณะ” กฤษณะสะดุ้งเฮือก..เพราะเสียงแปร๋นของวิจิตรศรา

“นายจะมาหลับที่ร้านฉันไม่ได้นะ”

“ก็ผมง่วง”

“ง่วงก็กลับบ้านไปสิ ที่นี่ร้านอาหารนะ เดี๋ยวแขกเข้าร้านมาเห็น เขาจะกินอะไรไม่ลง”

“งั้นผมอ่านหนังสือต่อ” ว่าแล้วเขาก็คว้าแก้วน้ำชาเย็นซึ่งน้ำแข็งละลายหมดแล้วขึ้นมาดูดน้ำที่มีรสชาติจืดจางลงคอ หลังจากนั้นก็จิ้มขนมปิ้งเข้าปาก เมื่อวิจิตรศรายังไม่ละสายตาเขาก็คว้าหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ โดยครั้งนี้เขาแสร้งอ่านออกเสียง ซึ่งวิจิตรศราต้องถลึงตาปรามให้อีกครั้ง

“ก็ ถ้าอ่านในใจ ผมก็ง่วง”

“งั้นนายก็กลับไปอ่านที่บ้าน”

“ไม่กลับ ผมมีสิทธิ์จะนั่งอยู่ที่นี่ เพราะผมสั่งอาหารมากินด้วย..”

“จะนั่งรออะไร รอหนูนารึ”

“ใช่”

“จะรอทำไม”

“ผมคิดถึงเขา..อยากเห็นหน้า”

“น่าจะถามฉันด้วยนะว่า หนูนาน่ะ เขาคิดถึงนายหรือเปล่า”

“คุณต้องตอบว่าไม่คิด แต่ผมมั่นใจว่าเขาคิดถึงผมเหมือนกัน”

“หลงตัวเอง”

“ผมจะอ่านหนังสือ อย่ารบกวนสมาธิ”

“ชิร์”..


และระหว่างนั่งรอเมขลากลับมาบ้านด้วยความรู้สึกกระหยิ่มใจ ในร้านลูกค้าที่มีซื้อเครื่องดื่มซื้ออาหารก็มีบางคนถามถึงสบู่และเจ้าโทนเนอร์ขวดสีฟ้าที่วางเด่นมีไฟส่องเพิ่มความสะดุดตา และวิจิตรศราก็อธิบายเป็นคลุ้งเป็นแควจนกฤษณะพลอยรับรู้สรรพคุณของผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายไปด้วย วิจิตรศราเองนั้นดูทีว่ากฤษณะเริ่มสนใจสินค้า หญิงสาวจึงต้องปรับอารมณ์เพราะถ้าเปลี่ยนศัตรูเป็นลูกค้าได้ ก็เท่ากับว่าเธอชนะ และเมื่อว่างเว้นจากลูกค้าวิจิตรศราจึงเอ่ยถามกฤษณะด้วยน้ำเสียงฟังสบายหูกว่าที่เขาเคยได้ยิน

“นี่ นายกฤษณะ ฟังฉันพูดเรื่องจันทร์เจ้าฉายอยู่ตั้งนาน สนใจสินค้าของฉันบ้างไหมละ”

“สน” กฤษณะตอบโดยไม่ได้เงยหน้าคุยกับวิจิตรศราอย่างที่มันควรจะเป็น แต่วิจิตรศราก็ไม่นึกถือสาหาความอะไรกับคนพรรด์อย่างนั้น ซึ่งเธอเหมารวมกฤษณะไว้ในพวกบ้าบอคอแตกผิดมนุษย์มนาไปแล้วด้วย

“สนก็ซื้อซิ..”

“รอซื้อกับคุณหนูนา รอให้เขาอธิบายให้ฟังใหม่”

“เตรียมใจผิดหวังไว้บ้างแล้วกัน”

“คนอย่างผมไม่เคยแพ้”

“จริงรึ” เผลอปากไปแล้ววิจิตรศราก็นึกได้ว่าไม่ควรไปดึงเรื่องน้องหมวยกลับมาให้เขาตาเขียวตาร้อนหรือไล่ลูกค้าที่จะมาดูดวงออกจากร้านไปอีก..

“แล้วถ้าวันนี้หนูนากลับดึก นายก็จะนั่งรออยู่อย่างนี้รึ” วิจิตรศรารีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“เขาไม่เคยกลับผิดเวลาไม่ใช่รึ”

“รู้ได้ไง”

“ผู้ชายน่ะ ถ้าจะจีบใคร เขาก็ต้องหาข้อมูลไว้บ้างแล้ว คนแถวนี้เยอะแยะ ผมก็ถาม ๆ เขาหมดแล้ว”

พอกฤษณะตอบอย่างนั้นดอกอ้อที่ยืนฟังการโต้คารมระหว่างนายจ้างกับกฤษณะถึงกับหายใจโล่งคอขึ้น

“แต่นายอาจจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้หนูนาเขามีผู้ชายที่เพอร์เพคมากมาจีบ..ซึ่งถ้าเทียบกับนาย..เขาโอเคมาก ๆ รูปหล่อ พ่อรวยแล้วก็อนาคตไกล เงินเดือนรึก็ครึ่งแสน มีรถยนต์ขับ..จารนัยไม่หวาดไม่ไหว"

“เหรอ” สายตาของกฤษณะยังอยู่กับหนังสือ วิจิตรศราจึงไม่ได้เห็นแววตาสลดอย่างที่อยากจะเห็น

“ถอนตัวถอนใจยังทันนะ..ไม่มีประโยชน์หรอก คบหากันอย่างเพื่อนดีกว่า”

“ไม่..”

“อุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดีนะ..ถ้าไม่เชื่อก็ตามใจ”

“ขอบคุณ”

“ตกลงเอาโทนเนอร์หนึ่งขวด สบู่สักสองก้อนก่อนแล้วกันนะ สบู่มะเฟืองนี่สำหรับฟอกหน้าสบู่ย่านางแนะนำให้ฟอกตัว ฟอกแล้วเย็นสดชื่นเหมือนทาแป้งตางูเชียวแหละ ชุดนี้พิเศษสำหรับนาย โทนเนอร์ฉันลดให้ได้ยี่สิบบาท สบู่นี่สองก้อนร้อย เป็นสามร้อยเจ็ดสิบบาทฉันใส่ถุงให้เลยแล้วกัน..นายโอเคนะ”



เมื่อปิดการขายให้กฤษณะไม่ลงวิจิตรศราจึงขึ้นชั้นบนเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวด้วยวันนี้ศุภนิมิตรจะมารับเธอออกไปคุยกับคนทำเว็บไซด์ซึ่งวิจิตรศราจะต้องเป็นคนไปคุยคอนเซ็ปของเว็บกับคนออกแบบเพื่อให้ดีไซด์เว็บ www.chanchaochay.com ให้สะดุดตา เมื่อคลิ๊กเข้าไปดูแล้วให้เกิดความรู้สึกเชื่อถือในตัวสินค้า และเรื่องเว็บไซด์นี้วิจิตรศราใช้เรื่องเวลาของเขาที่มีอยู่อย่างจำกัดมาเป็นตัวชวนให้เขา ยอมให้เธอหุ้นในธุรกิจตัวนี้ โดยวิจิตรศราจะเป็นคนจ่ายค่าออกแบบเว็บครึ่งหนึ่ง ค่าเซิร์ฟเวอร์ต่อปี โดยยอดสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซด์และขั้นตอนจัดส่งนั้นวิจิตรศราจะเป็นคนดูแล และหากว่าศุภมิตรจะขายสินค้าด้วยตัวเองตามเดิมด้วยระบบขายตรง กับคนอื่น ๆ ที่ไม่ผ่านเว็บไซด์ เขาจะต้องขายราคาเดียวกับราคาในเว็บไซด์หรือราคาเดียวกับที่เขาให้กับเธอและเมขลา..

เขายอมตกลงเพราะในเบื้องต้นเขาไม่มีทุนที่จะทำให้สินค้าตัวนี้ผลิตในระบบโรงงานและอีกอย่างเขาก็อยากให้ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์และสบู่เติบโตด้วยระบบปากต่อปาก ซึ่งมันอาจจะโตช้าแต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องเติบโตอย่างมั่นคงและ ถ้าสบช่องดี ๆ นั่นหมายถึงฐานลูกค้าระบบปากต่อปากแน่นเหนียวจนเขาคิดว่าจะไม่เสี่ยงมากเมื่อลาออกจากงานประจำที่ได้เงินเดือนสูงมาก เมื่อนั้นเขาอาจจะขยับขยายช่องทางการตลาดให้กว้างขวางและดีกว่านี้ แต่ว่าในเวลานี้การช่วยเหลือของวิจิรศราก็ทำให้เขามั่นใจว่า โอกาสที่จะเติบโตขึ้นตามแผนที่ได้วางไว้มีอย่างแน่นอน นอกจากนั้น ความรู้สึกในขณะนี้ เขาคิดว่า เขาเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคู่ทุกข์คู่ยากในขณะที่เป็นคู่รักกันไปด้วยอย่างที่เขาเคยฝันถึงแล้ว ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้วิจิตร ศราหลุดมือหรือน้อยใจเขา จนกระทั่งมอบหัวใจไปกับผู้ชายอื่นอย่างเด็ดขาด..

ต้องขอบคุณนายนรบดีที่ทำให้เขาค้นพบหัวใจตัวเองว่า ความรักที่มีให้วิจิตรศราในครั้งนี้นั้น มันเกิดขึ้นตามเหตุตามผลไม่มีเรื่องของคำทำนายทายทักมาเป็นตัวช่วยตัดสินใจเหมือนหลาย ๆ คู่ที่เมขลาทำนายไปให้..

และเมื่อศุภนิมิตมาถึงหน้าร้าน วิจิตรศราที่นั่งคุยอยู่กับนรบดีก็แปลกใจที่เห็นศุภนิมิตยิ้มกว้างมีดวงตาเป็นมิตรให้นรบดีทั้งที่วันก่อนนั้นหน้าตาเขาดูเย็นชากับรุ่นพี่ที่เธอแนะนำให้รู้จักจนเธอรู้สึกลำบากใจ

และเมื่ออยู่บนรถกันตามลำพังวิจิตรศราก็ขอไม่เก็บความสงสัยไว้..

“วันนี้ดูพี่มิตรอารมณ์ดีมีข่าวดีอะไรหรือเปล่าคะ”

“มี..อยากรู้ไหมว่าอะไร” สายตาของเขาเชื่อมอยู่กับสายตาของวิจิตรศราจนหญิงสาวต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา..แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ได้ยินถ้อยคำหวานจากปากของเขาว่า

“พี่เพิ่งรู้ใจตัวเองว่าพี่ชอบวิ แล้ววิละรู้สึกอย่างไรกับพี่..”

//////////////// ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจครับ ////// ขอเสียงคนที่มี ราชนาวีที่รัก ไว้ในครอบครองหน่อยครับ...จะได้มีแรงพล็อต ในสวนศิลป์ ซึ่งเป็นภาคต่อของพี่ต้นกล้วย พี่ชายของหนูนาครับ..พลีสสสสสสสสสสส



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2555, 09:13:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2555, 09:13:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2289





<< 10. "สวยถูกใจแม่จังเลย"   12.“ถ้าหนูนาบอกว่าไม่ใช่ วิจะให้พี่ไปจากชีวิตพี่ไหมละ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 7 พ.ค. 2555, 09:14:05 น.
วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. 2555
เป็นทริปกระชับมิตรที่มี ผลิตภัณฑ์ จันทร์เจ้าฉาย เป็นตัวเชื่อม..
เราจะไปเวิร์คช็อป ดูกรรมวิธีผลิตโทนเนอร์ เอนไซม์ กับ ลองกวนสบู่เอนไซม์จันทร์เจ้าฉายด้วยตนเอง.. //ได้ยินแว่ว ๆ ว่าจะมีสบู่แฟนซีรูปแบบขนมไทยที่ไม่มีขายที่ไหนแจกด้วยนะ และพิเศษสุด ๆ สำหรับ หนุ่มสาวจันทร์เจ้าฉายที่มีขวดเปล่า..สามารถนำไปเติมโทนเนอร์ได้คนละหนึ่งขวด ในราคาพิเศษสุด ๆ (ไปลุ้นเองว่าเท่าไหร่)
นอกจากนั้น มื้อกลางวัน ของเรายังพิเศษ ๆ สุด เพราะเจ้าของภัตตาคาร ฮวดหูฉลาม ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์จันทร์เจ้าฉายจะจัดเลี้ยงเราให้อิ่มหมีพลีมันในราคาย่อมเยา..
เมนูที่เผยมาแล้ว ได้แก่ ทะเลลวก แฮ่กึ๊น หูฉลาม ขาหมู หมั่นโถว ปลากะพงนึ่งมะนาว บะหมี่หมูแดง หม้อไฟสุกี้ และข้าวเหนียวเปียกแปะก๊วย
หลังอิ่มท้องแล้ว (ก่อนอิ่มท้อง เราจะไปดอนหอยหลอดกับวัดบ้านแหลมกันก่อน) เราก็ลุยเที่ยวอัมพวากันครับ ทั้งทางรถและทางเรือ..สถานที่ที่จะไปก็มี วัดบางแคน้อย ค่ายบางกุ้ง อุทยาน ร.2 วัดภุมรินทร์กุฏีทอง วัดอัมพวัน วัดจุฬามณี..(ประมาณนี้ครับ)

กำหนดการคร่าว ๆ
07.00 น.พร้อมกันที่จุดนัดพบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
08.00 รถลงทางด่วนแวะรับสมาชิกอีกกลุ่มที่บิ๊กซีพระราม 2
10.00 ซื้ออาหารทะเลแห้ง/ สดที่ดอนหอยหลอด
11.00 ร้านฮวดหูฉลาม ดูกรรมวิธีผลิตโทนเนอร์และสบู่ รับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. -1900 น. แวะเที่ยวตามโปรแกรมจ้า..ถึงกทม.ประมาณ 2100 น. แยกย้ายกันกลับบ้านครับ
ค่าใช้จ่าย 900 บาท
รวมค่ารถตู้ไปกลับ อนุสารีย์ชัย-อัมพวา ค่าอาหารกลางวันหนึ่งมื้อ (มื้อเช้า เป็นขนมกับนมกล่อง มื้อเย็น หากินกันเองที่ตลาดน้ำอัมพวา) ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ประกันชีวิตระหว่างการเดินทาง

สนใจติดต่อสอบถามได้หรือที่ข้อความในเฟสบุ๊ค หรือโทร 0869299779 ครับ


จุฬามณีเฟื่องนคร 7 พ.ค. 2555, 09:14:46 น.
ตอนนี้ได้สมาชิกร่วมเดินทา 15 ท่านแล้ว ได้สักอีก 7 ท่านก้เปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถบัสเล็กได้แล้วครับ...


Orathai 7 พ.ค. 2555, 09:52:23 น.
หมั่นไส้นายคะน้าาา.... ยกมือแล้วนะคะ เห็นหรือเปล่าน้ออ


sai 7 พ.ค. 2555, 11:11:18 น.
โว้ววว พี่มิตรหวานซะ จนสาววิเราแอบหลบสายตากันเลยที่เดียว(ที่หลบเพราะกลัวเค้าเห็นแววดีใจป่าวหว่า )


nutcha 7 พ.ค. 2555, 11:15:35 น.
ยังไม่ได้พี่ต้นกล้ามากอดเพราะที่ร้านหนังสือยังไม่มี รอสอยอยู่ค่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 7 พ.ค. 2555, 11:18:09 น.
จะอธิบายโดยละเอียดในบทถัดไปครับ /// แล้วเรื่องวิจิตรศรากับศุภนิมิตรก็จบเพียงเท่านี้แหละ แบบว่า จะไปเล่นกับคู่หลักให้เด่น ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้น อันที่จริง คู่ของวิจิตรศรากับศุภนิมิตรอยากเล่นให้เยอะกว่านี้ แต่ว่า เรื่องนี้อยากเขียนสั้น ๆ ครับ..


innam 7 พ.ค. 2555, 11:22:46 น.
ตามลุ้นอีกคู่


anOO 7 พ.ค. 2555, 16:33:10 น.
มายกป้ายเชียร์นายคะน้าอีกคน อย่าเพิ่งถอดใจนะ


คิมหันตุ์ 7 พ.ค. 2555, 23:35:39 น.
ลงชื่อ


lookAme 10 พ.ค. 2555, 10:50:51 น.
มาลงชื่อว่ามีด้วยอีกคน


Zephyr 11 พ.ค. 2555, 18:12:54 น.
เค้ามีแล้วจ้า พี่ๆครบเลยสี่คน อิอิ
หนูนาก็ ป๊อบเชียว ช่วงนี้ หึหึ
นายน้าก็นะรุกแล้ว
พี่มิตรก็บอกหนูวิซะที เฮ่อ จะลงเอยกันแล้วคู่นึง อีกคู่ล่ะ


OPUS 15 พ.ค. 2555, 12:46:12 น.
เสียดายอยู่ไกลถึงเชียงใหม่ไม่มีโอกาสไปร่วมทริปกะคุณเฟื่อง นอกจากเป็นนักเขียนแล้วยังนำเที่ยวด้วยเหรอค่ะ คุ้น ๆ เหมือนตัวละครเอกเรื่องไรน้า


Rungnaree 19 ธ.ค. 2555, 14:56:24 น.
ว้าววววววววววววววววว พี่กล้วยยยยยยยย


Rungnaree 19 ธ.ค. 2555, 14:56:48 น.
คุณ OPUS เหมือนคุณรักษ์ไท ในองค์การบริหารส่วนหัวใจ รึปล่าวคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account