ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์
ตอน: 12.“ถ้าหนูนาบอกว่าไม่ใช่ วิจะให้พี่ไปจากชีวิตพี่ไหมละ”
ม่านพรหม
12.
เจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน วิจิตรศราที่เป็นสาวมั่นของเพื่อน ๆ ถึงกับนิ่งอึ้ง คำสารภาพความในใจจากเขามันรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด และเขาก็รุกเร้าเธอทันทีจนกระทั่งเธอคิดคำตอบที่จะให้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นเช่นเดิมแทบไม่ได้
“เงียบ” เขารุกเร้าด้วยสีหน้าเป็นต่อ
“คะคะ..คือ..” จริง ๆ หญิงสาวอยากจะร้องกรี๊ดๆๆ ให้สาแก่ใจที่ความพยายาม
เข้าไปสู่ในใจของเขาสำเร็จผล แต่ว่าเมื่อนั่งอยู่กับเขาตามลำพังในรถที่คับแคบวิจิตรศราจึงต้องพยายามตั้งสติ..
ซึ่งเธองุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นมากกว่า ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้กล้าเอยปากออกมาทั้งที่ก่อนหน้านั้น เขาก็วางตัวกับเธอเหมือนพี่ชายน้องสาว..
“พี่ล้อเล่นอะไรกับวิหรือเปล่า”วิจิตรศราแทบจะเรียบเรียงประโยคมาตอบโต้เขาแทบไม่ทัน..และครั้งนี้วิจิตรศราก็หันหน้ามามองเขาที่ขับอยู่ด้วย และเหมือนเขาจะรู้ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรคุยกันระหว่างที่เขารถ เขาจึงหักเลี้ยวพารถเข้าชิดฟุตบาท
หลังจากนั้นก็ปิดวิทยุที่เปิดไว้อย่างเคยชิน..
“ก่อนหน้านั้นพี่ก็พอรู้ว่าวิคิดอะไรกับพี่ แต่พี่เองยังสับสน..จนกระทั่งเมื่อวันก่อน ตอนที่พี่เห็นวิคุยกับนายนรบดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่ยอมรับว่าพี่หึง หึงเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะหึง”
ใบหน้าของวิจิตรศราเริ่มแดงระเรื่อ หญิงสาวก้มหน้าซ่อนความปรีดาเอาไว้..อยากจะดูว่าเขาจะพูดอย่างไรต่อหากว่าเธอยังแสดงบทนิ่งเงียบงุนงงแบบนี้
“เมื่อคืนพี่ถามตัวเองว่า พี่จะจัดการกับอารมณ์ของพี่อย่างไรดี พี่กลัวสูญเสียวิไป..วันนี้พี่เลยคิดว่า พี่ขอสารภาพความรู้สึกของพี่เสียดีกว่า..พี่เลยขอบอกให้วิรับรู้ไว้”
“รับทราบค่ะ” วิจิตรศรายิ้มน้อย ๆ ในใจนั้นรู้สึกเซ็งกับวิธีบอกความรู้สึกของเขาเสียเหลือเกิน
แต่เขาก็เป็นคนชัดเจนกับตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร และเป็นคนทำธุรกิจคนหนึ่งที่เถรตรงมาก คือสบู่ที่เขาให้เธอมาขายนั้น เขาบอกว่าให้ในราคาที่ได้กำไรน้อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าให้เขาต้องแถมหรือขออะไรกับเขาอีกเลย ซึ่งตอนหลังแม้เธอจะช่วยเขาขายได้มากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยแถมและเธอก็แน่พอที่จะไม่ขอ มีแต่บางครั้งที่เขาทำก้อนพิเศษ ๆ มาให้ใช้ เช่นทำเป็นขนมชั้น ทำเป็นขนมตะโก้ ซึ่งมันก็น่ากินเสียกว่าจะเอาฟอกตัว..
“รับทราบว่าไง”
“ก็..รับทราบว่าพี่รู้สึกดี ๆ กับวิ”
“แล้ววิละรู้สึกอย่างไรกับพี่..”
“ก็พี่ก็อ่านความรู้สึกของวิออกแล้วนี่คะ ก็ตามนั้น”
“เป็นแฟนกันใช่ไหม”
“พี่ต้องการแบบนั้นใช่ไหม..”
“ใช่..พี่ต้องการให้วิเป็นคนสำคัญของพี่”
“ทำไมคะ วิมีอะไรพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ”
“พี่ไม่มีใครนะ มีแต่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แล้วพี่จะเอาไปวิไปเปรียบเทียบกับใคร”
“เปรียบเทียบกับหนูนา”
“ตั้งแต่รู้ว่าวิชอบพี่ พี่ก็ไม่คิดอะไรพิเศษ ๆ กับหนูนาอีกเลยนะ”
“แล้วทำไมปล่อยให้วิจีบพี่อยู่ตั้งนาน”
“ก็อยากจะดูว่าวิชอบพี่จริงหรือเปล่า..แล้วทำไมวิชอบพี่ล่ะ วิทุ่มเทให้พี่มากเลยนะ ช่วยซื้อสบู่กับโทเนอร์ของพี่ไปทำตลาดจนเหนื่อย ก็ไม่น้อย”
“วิก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เจอหน้าก็ถูกชะตา ชอบ..บอกไม่ถูก..เกิดขึ้นเอง เคยทำเวรทำกรรมด้วยกันมามั้ง คนชอบวิเยอะแยะแต่วิเฉย ๆ”
“แล้ววิให้หนูนาดูดวงหรือเปล่า..”
“ถ้าวิบอกว่า ให้ดูแล้วหนูนาก็บอกว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน พี่จะทำอย่างไร พี่จะเชื่อไหม”
“ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน มันก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากกันไป...เหมือนพี่กับคนรักเก่าของพี่..เหมือนแฟนกฤษณะกับแฟนเก่าของเค้า ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน จะไม่ได้ลงเอยกัน ..อนาคตมันก็ต้องมีเหตุให้ต้องไปจากกัน..บอกมาก่อนว่าได้ให้หนูนาดูดวงหรือเปล่า”
“ดู แต่เขาไม่ยอมบอกอะไรคะ..ขอเว้นไว้..แต่วิมั่นใจว่า หนูนารู้ว่าเราเป็นเนื้อคู่กันค่ะ เพราะถ้า เห็นว่าพี่ไม่ใช่ เค้าก็จะต้องห้ามวิไม่ให้ตามตื้อพี่ แต่นี่เขาเฉย ๆก็แสดงว่า เขารู้ว่าอย่างไรเสีย พี่ก็หนีวิไม่พ้น เพราะเป็นลิขิตจากพระพรหมมาแล้ว”
“ฉลาดมาก”
“อ้าว..ไม่ฉลาดจะจีบพี่ติดเหรอ”
“ติดแล้ว”
“หรือยังไม่ติด”
“สัญญาว่าจะมีวิคนเดียว..”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ก็เป็นคนปากหวาน..”
“รู้ได้ไงว่าปากหวาน”
“เป็นการเปรียบเทียบค่ะ..”วิจิตรศราเริ่มนึกกลัวเขาขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าเขาจะคารมคมคายถึงเพียงนี้..
“ไปต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องเขาจะรอนาน” เมื่อคุยกันได้เรื่องแล้ววิจิตรศราก็วกไปหาเรื่องงานที่กำลังจะไปทำกันและเพื่อความสบายใจของเขาและเธอ วิจิตรศราซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เถรตรงกับธุรกิจเช่นกันก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นขึ้นมาหลังจากที่เขาออกรถว่า..
“แม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนเดิม แต่ว่า เงื่อนไขทางธุรกิจที่เราเคยตกลงกันขอให้เหมือนเดิมนะคะ..”
“พี่ชอบที่วิเป็นคนชัดเจนและจริงจังกับงาน”
“วิก็อยากรวยด้วยมือวิเองเหมือนกัน..”
“วิโชคดีที่มีทุน” ก่อนหน้านั้นวิจิตรศราเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียดว่าทางบ้านเธอทำอะไรและปีหนึ่งเธอได้เงินกงสีมาเท่าไหร่..ซึ่งเขานั้นคำนวนไว้แล้วว่า วิจิตรศราต้องมีเงินเก็บไม่ต่ำกว่าห้าล้านแน่ ๆ เพราะเงินรายได้ในปัจจุบันของวิจิตรศรานั้นมีอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญหญิงสาวไม่ใช่คนใช้เงินมือเติบ คือรู้จักกินรู้จักใช้ตามกาลสมควร แต่ความหมายที่เขาเอ่ยออกไปนั้นไม่ได้แปลว่า เขาชอบหญิงสาวเพราะหญิงสาวนั้นร่ำรวย..ซึ่งวิจิตรศราก็น่าจะรู้ใจเขาดี ว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่หยิ่งในศักดิ์ศรีพอตัวเหมือนกัน
“ไม่ได้เลือกวิเพราะวิมีทุนใช่ไหมคะ”
“ถ้าความสามารถระดับวิ มาแต่ตัวแบบพี่ พี่ก็เชื่อว่าวันหนึ่งวิก็ต้องรวยได้เช่นกัน”
“แต่วิก็โชคดีที่วิมีทุน วิก็เลยกล้าเสี่ยงทำนั่นทำนี่ไป..แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น วิบอกก่อนนะคะว่า นอกจากความมั่นใจในตัวเองแล้ว วิเชื่อเมขลาด้วยค่ะ เมขลาดูให้วิก่อนแล้วว่า วิต้องเดินทางสายนี้เท่านั้นเพราะถ้าเป็นลูกน้องใครวิก็อยู่ไม่ได้แน่..เพราะวิไม่ชอบฟังคำสั่ง”
“แล้วถ้าพี่เป็นคนสั่งวิจะทำไหม”
“เป็นกรณี ๆ ไปค่ะ แต่พี่ก็คงรู้ใจวิเหมือนกันว่า ใช้วิอย่างไรแล้ววิถึงจะทำ”
“พี่ไม่รู้”
“ซื่อสัตย์กับวิค่ะ รักวิคนเดียวมีวิคนเดียว แค่นั้นแหละคะ..แค่นั้น ใช้ความซื่อสัตย์เป็นตัวสั่งวิ”
“พี่สัญญา..”
“สัญญาว่า”
“สัญญาว่าพี่จะรักวิและซื่อสัตย์กับวิอย่างสุดกำลัง”
“วิจะทำให้จันทร์เจ้าฉายของพี่ระบือไกล เราจะต้องรวยด้วยกันค่ะ”
“ขอบใจมากนะวิ ใจพี่ฟูจนคบอกแล้วตอนนี้”
“ขอบคุณพี่มิตรเหมือนกันที่ไม่ทำให้วิผิดหวัง”
“แล้วถ้าพี่ไม่รักวิตอบ อย่างที่วิหวังไว้”
“วิไม่เชื่อว่าวิจะทำไม่สำเร็จ วิก็เลยไม่ได้คิดไว้ว่าถ้าผิดหวังจะต้องทำอย่างไร”
“มั่นใจเว่อร์”
“อ้าว..ก็วิบอกแล้วว่า ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กันหนูนาห้ามวิไปแล้ว..ก็แค่นั้นเอง”...
“แล้วนี่ เราออกกันมาแล้วแบบนี้ ทางนั้นหนูนาจะจัดการกับปัญหาหนึ่งหญิงสองชายอย่างไร”
“วิให้น้องอ้อกับอุสาคอยเก็บข้อมูลไว้แล้ว แม้หนูนาจะเล่าไม่ครบ แต่พรุ่งนี้ วิได้บันทึกเหตุการณ์ตอนเราไม่อยู่ครบถ้วนแน่นอน”
“แล้วที่วิเห็น หนูนาเอนเอียงไปทางไหน”
“กฤษณะค่ะ” พอวิจิตรศราเอ่ยออกมาอย่างนั้นศุภนิมิตจึงหันมามองหน้าพร้อมกับร้องครางเป็นคำถามว่า “ฮึ”
“บอกตรง ๆ นะคะ นายกฤษณะนั้น ถ้าเขาจีบวิ วิก็หวั่นไหวค่ะ เขาแปลกประหลาดดีแท้ ผู้ชายแบบเขา มันดูเร้าใจดีค่ะ แบบพี่นรบดีมันมีให้เห็นได้อย่างดาษดื่น”
“งั้นก็เป็นโชคดีของพี่ที่กฤษณะเขาไม่ได้จีบวิ”
“เขาไม่จีบวิหรอกค่ะเพราะเขาเกิดมาเพื่อหนูนา”
“วิรู้ได้ไง”
“หนูนาสัมผัสมือใครหนูนาจะเห็นอะไรสักอย่างในเรื่องของอนาคตของคนคนนั้น แต่หนูนาไม่สามารถรู้เห็นอนาคตของตัวเอง ซึ่งวันที่หนูนาสัมผัสมือกับกฤษณะ หนูนาก็ไม่เห็นอนาคตของกฤษณะ..ตรรกะนั้น มันก็น่าที่จะเป็นว่า กฤษณะนั้นก็คือคนในอนาคตของหนูนา ดังนั้นหนูนาจึงมองไม่เห็นว่าเนื้อคู่ของกฤษณะคือใคร ประมาณนี้แหละค่ะ”
“เยี่ยมไปเลยที่รัก..ไขปริศนาได้ด้วย แต่ว่าแน่ใจนะว่ามันถูก..”
“แน่ใจซิคะ..เอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้พี่ลองให้เมขลาดูให้ว่าเราเป็นเนื้อคู่กันหรือเปล่า”
“ถ้าหนูนาบอกว่าไม่ใช่ วิจะให้พี่ไปจากชีวิตพี่ไหมละ”
“อย่างไรก็ใช่แน่นอน”
“งั้นก็อย่าไปดูเลย ชีวิตเรา เราต้องลิขิตชีวิตของเราเอง โอเคเปล่า”
“ค่ะ”
โต๊ะตัวที่ตั้งอยู่หน้าร้านเมขลายังคงนั่งคุยและกินข้าวกับนรบดีอย่างเป็นกันเอง แต่ที่ในร้านกฤษณะนั้นนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าเรียบเฉย เฉยเสียใจเมขลาเองก็นึกกลัวใจของเขา แต่ครั้งนี้หญิงสาวอยากจะลองใจเขาว่า เขาจะทนกับการที่เธอทำเป็นไม่สนใจเขาได้ไหม
วันนี้ตอนที่นั่งรถของนรบดีกลับมาแล้วเห็นเขานั่งอยู่ เมขลาถึงกับผงะ เพราะคิดว่า เขาจะต้องออกฤทธิ์ออกเดช หรือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้นรบดีรู้ว่าเขาเป็นคู่แข็ง แต่เขากลับเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะก้มก้มตาอ่านหนังสือต่อ เธอเองก็ยิ้มให้เขาเพียงแย้มริมฝีปากก่อนจะขึ้นไปข้างบนล้างหน้าเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นกางเกงขาสั้นแค่น่องกับเสื้อยืดสีชมพูอ่อนลายการ์ตูนตัวหลวมโพรก..และตอนที่เธอเดินลงมานั้นเขาก็มองหน้าเธออีก เธอยิ้มให้เขาก่อนจะทักทายเบา ๆ ว่า “จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม”
“สั่งครับ แต่คุณหนูนาดูแลเพื่อนของคุณก่อนเถอะครับ”
เมขลาทำหน้าฉงนเพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะสั่งอะไรกับเธอ และเมื่อเขาไม่เคลียร์และเปิดทางให้เอเดินไปหาพี่นรบดีกับวิจิตรศราที่นั่งคุยกันอยู่หน้าร้าน เมขลาจึงต้องเล่นบทแล้วแต่เรื่อง..ที่เขากำลังเล่นอยู่ แต่ว่าก่อนที่วิจิตรศราจะออกจากบ้านไป วิจิตรศราก็กระซิบบอกเมขลาว่า “ตั้งสติรับมือกับไอ้บ้านั่นให้ดี ๆ นะ แล้วจะกลับมาฟังเลิฟสตอร์รี่ หนึ่งหญิง หนึ่งชายบูติค และหนึ่งชายเถื่อน...”
นรบดีขับรถกลับบ้านในช่วงเวลาที่ร้านใกล้จะปิด เมขลาก็เดินกลับเข้ามาหากฤษณะซึ่งเขาก็เหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวเพียงนิดก่อนจะหันหน้าเพ่งสายตาไปที่เกมส์บนมือถือต่อ
“ร้านจะปิดแล้วค่ะ”
“คุยอะไรกันน้านนาน” น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าหึงหวงหรืออะไรทั้งสิ้น..เหมือนถามขึ้นมาลอย ๆ อย่างเพื่อนถามเพื่อนเท่านั้น
“คุยกันเรื่อยเปื่อย..ร้านจะปิดแล้วนะ”
“ผมอยากได้ สบู่กับโทนเนอร์ไปใช้บ้าง”
“ก็ซื้อซิ”
“ผมอยากรู้ว่า มัน มี ดี อะไร” ท้ายประโยคเขาใช้สำเนียงใต้
“แล้วทำไมอยากซื้อละ ถ้าอยากซื้อก็น่าจะรู้แล้วว่ามันมีดีอะไร”
“ผมอยากรู้จักปากคุณหนูนา”
“แต่มันจะหมดเวลาแล้วนะ จะปิดร้าน เด็ก ๆ จะกลับบ้านกันแล้ว”
“อธิบายสั้น ๆ พอ..”
“ได้” ว่าแล้วเมขลาก็เดินไปคว้าตระกร้าใส่สบู่กับโทนเนอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาวางตรงหน้าของเขาหลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้าม แต่ว่าครั้งนี้สายตาของกฤษณะมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างเปิดเผยความรู้สึก..เมขลารู้สึกเขินขึ้นมา แต่ว่าหญิงสาวก็พยายามซ่อนมันไว้ แม้มันจะไม่มิดชิด แต่เธอจะทำให้เขารู้สึกไม่ได้ว่า เธอหวั่นไหวไปกับการเดินเกมส์จีบของเขา
“ใช้แล้วผิวหน้าเปล่งปลั่งนวลเนียนแบบหน้าคุณหนูนาใช่ไหม”
เมขลาพยักหน้า ตอนนั้น ทั้งน้องอ้อและอุสาต่างเก็บของไปเหลือบตาดู เงี่ยหูฟัง ชนิดไม่ยอมให้คำพูดคำไหนตกหล่นไปอย่างเด็ดขาด เพราะวิจิตรศราได้บอกไว้ก่อนไปว่า ใครเล่าได้ละเอียดสุดจะมีรางวัลให้
“ใช้นานไหม กว่าจะได้ขนาดนี้”
“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น หน้าก็ดีอยู่แล้ว”
“ก็ไม่ได้แปลว่าดีเพราะไอ้นี่ละซิ”
“ตอนหลังมาใช้สบู่กับโทนเนอร์..สบู่เค้าฟองน้อยแต่ว่าฟองละเอียด มันรู้สึกว่าหน้านุ่มทันทีหลังจากที่ล้างน้ำออก ส่วนโทนเนอร์นี่ มันปรับสภาพผิวได้ดี เมื่อก่อนฉันเองก็ผิวมัน..มีปัญหาเรื่องทีโซน”
“ตรงไหน คือทีโซน”
“ก็ตรงหน้าผากจมูก เป็นรูปตัวที”
“อืม..” รับทราบพลางทำมือให้เห็นว่าเขาเข้าใจเรื่องทีโซนบนใบหน้าของเขาแล้ว แต่ถึงกระนั้นดวงตาที่มองหน้าเมขลานั้นยังเปิดเผยความในใจจนเมขลาต้องหลบสายตา แล้วเมขลาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอยังไม่ได้คืนกล่องที่เขาใส่น้ำพริกมาให้..
“เอ่อ เดี๋ยวนะ” เมขลาแก้เขินโดยการลุกจากตรงนั้นแล้วเดินเข้าไปในครัว อึดใจใหญ่ ๆ เมขลาก็เดินออกมา แต่ว่าระหว่างที่เมขลาหายไป กฤษณะก็ยกคิ้วหลิ่วตาให้น้องอ้อ โดยที่น้องอ้อได้แต่แอบขำกับแอบชูหัวแม่โป้งให้กฤษณะที่จีบคุณหนูนาจนเธอพลอยขวนเขินไปด้วย..
“อะไรนะ ไอ้หมอนั่นเอาสบู่ไปสองโหลเลยเหรอ..” สองโหลเป็นแบบคละชนิด เมื่อเมขลารายผลวิจิตรศราแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ว่ามันก็เป็นไปแล้ว นอกจากนั้น เขายังเอาโทนเนอร์ซึ่งมีราคาถึงขวดละ 290 บาท ไปอีก 3 ขวด โดยไม่ได้ต่อรองสักคำเดียว..มันผิดวิสัยของเขาแท้ ๆ
“เห็นว่าจะเอาไปแนะนำให้เพื่อน ๆ ใช้ด้วย”
“ก็ดีที่มาจีบหญิง ยังรู้จักลงทุนมั่ง อะไรมั่ง แต่เยอะอยู่นะ แล้วจะมีเงินกินถึงสิ้นเดือนไหมน่ะ”
“เขาอาจจะไปเอาไปขายต่อก็ได้”
“เราให้ซื้อกับเราตั้งแต่บ่ายไม่ยอมซื้อ รอซื้อกับตัวนี่เอง” เย้าเมขลาไป ดวงตาก็พยายามดูความในใจของเมขลาผ่านดวงตาไปด้วยแต่เมขลาก็เบือนหน้าหนีแถมยังเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าที่วิจิตรศราคิด
“เสร็จไอ้เถื่อนนี่แน่ ๆเลย”
“ไปว่าเค้า”
“ออกรับแทนตลอดเลยนะ”
“เขาก็แค่ห่าม ๆ”
“คนแปลกประหลาด นี่นะถ้าเขาจีบวิ ไม่แน่ วิอาจจะเคลิ้มก็ได้..แต่อย่างว่าแหละ เค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อวิเหมือนพี่มิตร”
“กล้าพูด” เมขลาเบะปากให้วิจิตรศราที่นั่งอยู่บนสตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ..โดยเมขลาเองก็รู้สึกว่า วิจิตรศราดูสดชื่นผิดปกติ..
“เขาสารภาพรักวิแล้วเม”
“ฮะ อะไรนะ เกิดขึ้นได้อย่างไร”
“ก็..พี่นรบดีนั่นแหละเป็นเหตุ..เขาบอกว่า เห็นวิอี๋อ๋อกับพี่นรบดีเมื่อวันก่อนแล้วเขาก็ ร้อนรุ่มทุรนทุราย..ก็เลย ไม่อยากเสียเวลาดูใจวิอีกต่อไปดีกว่า..”
“ดีใจด้วยนะ”
“วันนี้คุยกันเยอะเชียวแหละ คุยกันถึงเรื่องแต่งงานด้วยนะ”
“โห ยังเด็กไปนะ”
“วิก็สรุปไปว่า ถ้าเมยังไม่แต่ง วิก็ไม่แต่ง”
“เอ้า จะเอาชีวิตตัวเองมาผูกไว้กับเมทำไม เห็นว่าเหมาะสมควรแต่งก็แต่งกันไปสิ”
“ไม่เอาหรอก วิรักเมนะ ถ้าเมต้องออกจากบ้านวิไป ก็ต้องออกไปกับคนที่วิ เห็นว่าเขาจะต้องดูแลเมได้ดีกว่าวิ แล้วก็ทำให้เมมีความสุขตลอดไปด้วย”
“ยากมากเลยนะนั่น”
“แต่ตอนนี้มันก็มีมาให้เมดูให้วิเลือกถึงสองคนแล้วนะ..เมหวั่นไหวไปกับใคร บอกวิหน่อย แต่ห้ามบอกว่าเป็นนายกฤษณะนะ วิไม่ชอบหน้าเค้า”
“เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าถ้าเขาจีบตัวเอง เอาอย่างไรกันเนี่ย”
“ก็เค้าไม่ชอบวินี่ ดันไปชอบเม น่าโมโหไหมละ เรารึสวยกว่าตั้งเยอะ”
เมขลาหัวเราะออกมาก่อนจะยอมเผยคำทำนายที่ได้ปิดบังไว้ให้วิจิตรศราตัวลอย
“ก็วิกับพี่มิตรเป็นเนื้อคู่กันนิ..ต่อให้ใครหน้าไหนก็เข้าไม่ถึงใจวิ แล้วใครหน้าไหนก็ทำให้พี่มิตรรักไม่ได้หรอก..”
“จริง ๆ หรือเม”
“จริง..และครั้งนี้อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนจะเป็นเนื้อคู่กัน แม้ไม่ต้องมีใครมาชี้ มาบอกมายืนยันคอนเฟิร์ม ถึงที่สุด เขาก็ต้องมาเจอกัน มาทำกิจกรรมด้วยกัน และบอกรักกันในที่สุด..”
“แม้แต่ตัวเมเองก็ต้องพิสูจน์รักแท้หรือไม่แท้ คู่จริงหรือคู่แท้ ด้วยความรู้สึกของเมเอง” วิจิตรศราสรุปพลางครุ่นคิดขึ้นมาได้ว่า ต่อไปหากเมขลาจะไม่อยากดูดวงเรื่องเนื้อคู่ให้อีก เธอก็จะไม่ขยั้นขยอ ร้องขอให้เมขลาเปิดเผยความลับจากพระพรหม..
เสียงเคาะประตูทำให้หน่องที่มาอาศัยห้องของกฤษณะดูหนังแผ่นที่ยืมเพื่อนมาอีกทีหนึ่งทะลึ่งพรวดจากเตียงนอนนุ่ม ๆ และมีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม..เขากรากไปที่ประตูโดยอาศัยแสงไฟจากหน้าจอโทรทัศน์แทนไฟเพดานเพราะต้องการประหยัดไฟให้เพื่อน น้ำเสียงที่ถามออกไปอย่างแผ่วเบาว่า
“ใครเหรอ”
ทำให้คนที่เคาะอยู่หน้าห้อง คิดว่าเป็นเสียงของเจ้าห้อง ซึ่งวันนี้น่าจะมีอารมณ์ต้อนรับเธอ หญิงสาวจึงไขชื่อของตัวเองอย่างแผ่วเบา เป็นการส่งซิกให้เจ้าของห้องรู้ว่า เธอพร้อมจะทำให้เห็นว่าการมาเคาะห้องเขาในวันนี้หรือการที่จะได้เข้าไปในห้องนี้มันจะเป็นความลับของเขากับเธอเพียงสองคน
“จอยเองพี่”
“จอย..” หน่องกลอกตาไปมา เขารู้ว่าจอยชอบกฤษณะแต่ว่าเพื่อนเขาปฏิเสธน้ำใจหญิงสาวชนิดถอนรากถอนโคนแต่จอยก็ตามตื้อกฤษณะไม่เลิก วันก่อนที่อยู่กันในห้องสามคนจอยก็ยังถือขนมมาฝากถุงใหญ่ เขาเองนั้นชอบจอย เพราะหน้าอกหน้าใจล้นหลามทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่คิดจะจีบก็รู้ชะตาชีวิตตัวเองว่าไม่มีทางติดอย่างแน่นอน แม้ประวัติของจอยนั้นไม่ค่อยจะสวยหรูสักเท่าไหร่ แต่ว่า คนอย่างเขาถ้าได้ลงเอยกับจอยด้วยหนทางใดก็แล้ว แต่เขาคิดว่า มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง..
หน่องตัดสินใจเดินกลับไปคว้ารีโมทโทรทัศน์กดปิดระบบการทำงาน หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งมาที่ประตู ปลดกลอนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาห่ม..
พอประตูเปิดแง้ม จอยก็รีบผลักประตูเข้ามาหลังจากนั้นก็แทรกกายบอบบางของตนเข้ามาในห้อง ตั้งสติพยายามปรับสายตามองหน้าเจ้าของห้อง
“พี่ไม่สบายนะจอย เจ็บคอนิดหน่อย” เสียงของเจ้าของดังมาจากจุดที่เตียงตั้งอยู่ซึ่งจอยก็รู้ดีว่ามันอยู่ทิศทางไหนของเตียง
“พี่เป็นอะไรมากไหม”
“นิดหน่อยแค่เจ็บคอ..” ว่าแล้วหน่องก็แสร้งไอเบา ๆ และเสียงไอนั้นจอยก็จับสัญญาณได้ว่า มันเป็นการเชื้อเชิญให้เธอไปที่เตียง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเธอจะต้องมุดไปที่ใต้ผ้าห่มเสียเร็วไวด้วย..
12.
เจอคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน วิจิตรศราที่เป็นสาวมั่นของเพื่อน ๆ ถึงกับนิ่งอึ้ง คำสารภาพความในใจจากเขามันรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด และเขาก็รุกเร้าเธอทันทีจนกระทั่งเธอคิดคำตอบที่จะให้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นเช่นเดิมแทบไม่ได้
“เงียบ” เขารุกเร้าด้วยสีหน้าเป็นต่อ
“คะคะ..คือ..” จริง ๆ หญิงสาวอยากจะร้องกรี๊ดๆๆ ให้สาแก่ใจที่ความพยายาม
เข้าไปสู่ในใจของเขาสำเร็จผล แต่ว่าเมื่อนั่งอยู่กับเขาตามลำพังในรถที่คับแคบวิจิตรศราจึงต้องพยายามตั้งสติ..
ซึ่งเธองุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นมากกว่า ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้กล้าเอยปากออกมาทั้งที่ก่อนหน้านั้น เขาก็วางตัวกับเธอเหมือนพี่ชายน้องสาว..
“พี่ล้อเล่นอะไรกับวิหรือเปล่า”วิจิตรศราแทบจะเรียบเรียงประโยคมาตอบโต้เขาแทบไม่ทัน..และครั้งนี้วิจิตรศราก็หันหน้ามามองเขาที่ขับอยู่ด้วย และเหมือนเขาจะรู้ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรคุยกันระหว่างที่เขารถ เขาจึงหักเลี้ยวพารถเข้าชิดฟุตบาท
หลังจากนั้นก็ปิดวิทยุที่เปิดไว้อย่างเคยชิน..
“ก่อนหน้านั้นพี่ก็พอรู้ว่าวิคิดอะไรกับพี่ แต่พี่เองยังสับสน..จนกระทั่งเมื่อวันก่อน ตอนที่พี่เห็นวิคุยกับนายนรบดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่ยอมรับว่าพี่หึง หึงเป็นอย่างมาก ทั้งที่ไม่เคยคิดว่าจะหึง”
ใบหน้าของวิจิตรศราเริ่มแดงระเรื่อ หญิงสาวก้มหน้าซ่อนความปรีดาเอาไว้..อยากจะดูว่าเขาจะพูดอย่างไรต่อหากว่าเธอยังแสดงบทนิ่งเงียบงุนงงแบบนี้
“เมื่อคืนพี่ถามตัวเองว่า พี่จะจัดการกับอารมณ์ของพี่อย่างไรดี พี่กลัวสูญเสียวิไป..วันนี้พี่เลยคิดว่า พี่ขอสารภาพความรู้สึกของพี่เสียดีกว่า..พี่เลยขอบอกให้วิรับรู้ไว้”
“รับทราบค่ะ” วิจิตรศรายิ้มน้อย ๆ ในใจนั้นรู้สึกเซ็งกับวิธีบอกความรู้สึกของเขาเสียเหลือเกิน
แต่เขาก็เป็นคนชัดเจนกับตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร และเป็นคนทำธุรกิจคนหนึ่งที่เถรตรงมาก คือสบู่ที่เขาให้เธอมาขายนั้น เขาบอกว่าให้ในราคาที่ได้กำไรน้อยมาก เพราะฉะนั้นอย่าให้เขาต้องแถมหรือขออะไรกับเขาอีกเลย ซึ่งตอนหลังแม้เธอจะช่วยเขาขายได้มากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยแถมและเธอก็แน่พอที่จะไม่ขอ มีแต่บางครั้งที่เขาทำก้อนพิเศษ ๆ มาให้ใช้ เช่นทำเป็นขนมชั้น ทำเป็นขนมตะโก้ ซึ่งมันก็น่ากินเสียกว่าจะเอาฟอกตัว..
“รับทราบว่าไง”
“ก็..รับทราบว่าพี่รู้สึกดี ๆ กับวิ”
“แล้ววิละรู้สึกอย่างไรกับพี่..”
“ก็พี่ก็อ่านความรู้สึกของวิออกแล้วนี่คะ ก็ตามนั้น”
“เป็นแฟนกันใช่ไหม”
“พี่ต้องการแบบนั้นใช่ไหม..”
“ใช่..พี่ต้องการให้วิเป็นคนสำคัญของพี่”
“ทำไมคะ วิมีอะไรพิเศษกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ”
“พี่ไม่มีใครนะ มีแต่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น แล้วพี่จะเอาไปวิไปเปรียบเทียบกับใคร”
“เปรียบเทียบกับหนูนา”
“ตั้งแต่รู้ว่าวิชอบพี่ พี่ก็ไม่คิดอะไรพิเศษ ๆ กับหนูนาอีกเลยนะ”
“แล้วทำไมปล่อยให้วิจีบพี่อยู่ตั้งนาน”
“ก็อยากจะดูว่าวิชอบพี่จริงหรือเปล่า..แล้วทำไมวิชอบพี่ล่ะ วิทุ่มเทให้พี่มากเลยนะ ช่วยซื้อสบู่กับโทเนอร์ของพี่ไปทำตลาดจนเหนื่อย ก็ไม่น้อย”
“วิก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เจอหน้าก็ถูกชะตา ชอบ..บอกไม่ถูก..เกิดขึ้นเอง เคยทำเวรทำกรรมด้วยกันมามั้ง คนชอบวิเยอะแยะแต่วิเฉย ๆ”
“แล้ววิให้หนูนาดูดวงหรือเปล่า..”
“ถ้าวิบอกว่า ให้ดูแล้วหนูนาก็บอกว่าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน พี่จะทำอย่างไร พี่จะเชื่อไหม”
“ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน มันก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากกันไป...เหมือนพี่กับคนรักเก่าของพี่..เหมือนแฟนกฤษณะกับแฟนเก่าของเค้า ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กัน จะไม่ได้ลงเอยกัน ..อนาคตมันก็ต้องมีเหตุให้ต้องไปจากกัน..บอกมาก่อนว่าได้ให้หนูนาดูดวงหรือเปล่า”
“ดู แต่เขาไม่ยอมบอกอะไรคะ..ขอเว้นไว้..แต่วิมั่นใจว่า หนูนารู้ว่าเราเป็นเนื้อคู่กันค่ะ เพราะถ้า เห็นว่าพี่ไม่ใช่ เค้าก็จะต้องห้ามวิไม่ให้ตามตื้อพี่ แต่นี่เขาเฉย ๆก็แสดงว่า เขารู้ว่าอย่างไรเสีย พี่ก็หนีวิไม่พ้น เพราะเป็นลิขิตจากพระพรหมมาแล้ว”
“ฉลาดมาก”
“อ้าว..ไม่ฉลาดจะจีบพี่ติดเหรอ”
“ติดแล้ว”
“หรือยังไม่ติด”
“สัญญาว่าจะมีวิคนเดียว..”
“ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ก็เป็นคนปากหวาน..”
“รู้ได้ไงว่าปากหวาน”
“เป็นการเปรียบเทียบค่ะ..”วิจิตรศราเริ่มนึกกลัวเขาขึ้นมา เพราะไม่คิดว่าเขาจะคารมคมคายถึงเพียงนี้..
“ไปต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องเขาจะรอนาน” เมื่อคุยกันได้เรื่องแล้ววิจิตรศราก็วกไปหาเรื่องงานที่กำลังจะไปทำกันและเพื่อความสบายใจของเขาและเธอ วิจิตรศราซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เถรตรงกับธุรกิจเช่นกันก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นขึ้นมาหลังจากที่เขาออกรถว่า..
“แม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่เหมือนเดิม แต่ว่า เงื่อนไขทางธุรกิจที่เราเคยตกลงกันขอให้เหมือนเดิมนะคะ..”
“พี่ชอบที่วิเป็นคนชัดเจนและจริงจังกับงาน”
“วิก็อยากรวยด้วยมือวิเองเหมือนกัน..”
“วิโชคดีที่มีทุน” ก่อนหน้านั้นวิจิตรศราเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียดว่าทางบ้านเธอทำอะไรและปีหนึ่งเธอได้เงินกงสีมาเท่าไหร่..ซึ่งเขานั้นคำนวนไว้แล้วว่า วิจิตรศราต้องมีเงินเก็บไม่ต่ำกว่าห้าล้านแน่ ๆ เพราะเงินรายได้ในปัจจุบันของวิจิตรศรานั้นมีอยู่ไม่น้อย และที่สำคัญหญิงสาวไม่ใช่คนใช้เงินมือเติบ คือรู้จักกินรู้จักใช้ตามกาลสมควร แต่ความหมายที่เขาเอ่ยออกไปนั้นไม่ได้แปลว่า เขาชอบหญิงสาวเพราะหญิงสาวนั้นร่ำรวย..ซึ่งวิจิตรศราก็น่าจะรู้ใจเขาดี ว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่หยิ่งในศักดิ์ศรีพอตัวเหมือนกัน
“ไม่ได้เลือกวิเพราะวิมีทุนใช่ไหมคะ”
“ถ้าความสามารถระดับวิ มาแต่ตัวแบบพี่ พี่ก็เชื่อว่าวันหนึ่งวิก็ต้องรวยได้เช่นกัน”
“แต่วิก็โชคดีที่วิมีทุน วิก็เลยกล้าเสี่ยงทำนั่นทำนี่ไป..แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น วิบอกก่อนนะคะว่า นอกจากความมั่นใจในตัวเองแล้ว วิเชื่อเมขลาด้วยค่ะ เมขลาดูให้วิก่อนแล้วว่า วิต้องเดินทางสายนี้เท่านั้นเพราะถ้าเป็นลูกน้องใครวิก็อยู่ไม่ได้แน่..เพราะวิไม่ชอบฟังคำสั่ง”
“แล้วถ้าพี่เป็นคนสั่งวิจะทำไหม”
“เป็นกรณี ๆ ไปค่ะ แต่พี่ก็คงรู้ใจวิเหมือนกันว่า ใช้วิอย่างไรแล้ววิถึงจะทำ”
“พี่ไม่รู้”
“ซื่อสัตย์กับวิค่ะ รักวิคนเดียวมีวิคนเดียว แค่นั้นแหละคะ..แค่นั้น ใช้ความซื่อสัตย์เป็นตัวสั่งวิ”
“พี่สัญญา..”
“สัญญาว่า”
“สัญญาว่าพี่จะรักวิและซื่อสัตย์กับวิอย่างสุดกำลัง”
“วิจะทำให้จันทร์เจ้าฉายของพี่ระบือไกล เราจะต้องรวยด้วยกันค่ะ”
“ขอบใจมากนะวิ ใจพี่ฟูจนคบอกแล้วตอนนี้”
“ขอบคุณพี่มิตรเหมือนกันที่ไม่ทำให้วิผิดหวัง”
“แล้วถ้าพี่ไม่รักวิตอบ อย่างที่วิหวังไว้”
“วิไม่เชื่อว่าวิจะทำไม่สำเร็จ วิก็เลยไม่ได้คิดไว้ว่าถ้าผิดหวังจะต้องทำอย่างไร”
“มั่นใจเว่อร์”
“อ้าว..ก็วิบอกแล้วว่า ถ้าเราไม่ใช่เนื้อคู่กันหนูนาห้ามวิไปแล้ว..ก็แค่นั้นเอง”...
“แล้วนี่ เราออกกันมาแล้วแบบนี้ ทางนั้นหนูนาจะจัดการกับปัญหาหนึ่งหญิงสองชายอย่างไร”
“วิให้น้องอ้อกับอุสาคอยเก็บข้อมูลไว้แล้ว แม้หนูนาจะเล่าไม่ครบ แต่พรุ่งนี้ วิได้บันทึกเหตุการณ์ตอนเราไม่อยู่ครบถ้วนแน่นอน”
“แล้วที่วิเห็น หนูนาเอนเอียงไปทางไหน”
“กฤษณะค่ะ” พอวิจิตรศราเอ่ยออกมาอย่างนั้นศุภนิมิตจึงหันมามองหน้าพร้อมกับร้องครางเป็นคำถามว่า “ฮึ”
“บอกตรง ๆ นะคะ นายกฤษณะนั้น ถ้าเขาจีบวิ วิก็หวั่นไหวค่ะ เขาแปลกประหลาดดีแท้ ผู้ชายแบบเขา มันดูเร้าใจดีค่ะ แบบพี่นรบดีมันมีให้เห็นได้อย่างดาษดื่น”
“งั้นก็เป็นโชคดีของพี่ที่กฤษณะเขาไม่ได้จีบวิ”
“เขาไม่จีบวิหรอกค่ะเพราะเขาเกิดมาเพื่อหนูนา”
“วิรู้ได้ไง”
“หนูนาสัมผัสมือใครหนูนาจะเห็นอะไรสักอย่างในเรื่องของอนาคตของคนคนนั้น แต่หนูนาไม่สามารถรู้เห็นอนาคตของตัวเอง ซึ่งวันที่หนูนาสัมผัสมือกับกฤษณะ หนูนาก็ไม่เห็นอนาคตของกฤษณะ..ตรรกะนั้น มันก็น่าที่จะเป็นว่า กฤษณะนั้นก็คือคนในอนาคตของหนูนา ดังนั้นหนูนาจึงมองไม่เห็นว่าเนื้อคู่ของกฤษณะคือใคร ประมาณนี้แหละค่ะ”
“เยี่ยมไปเลยที่รัก..ไขปริศนาได้ด้วย แต่ว่าแน่ใจนะว่ามันถูก..”
“แน่ใจซิคะ..เอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้พี่ลองให้เมขลาดูให้ว่าเราเป็นเนื้อคู่กันหรือเปล่า”
“ถ้าหนูนาบอกว่าไม่ใช่ วิจะให้พี่ไปจากชีวิตพี่ไหมละ”
“อย่างไรก็ใช่แน่นอน”
“งั้นก็อย่าไปดูเลย ชีวิตเรา เราต้องลิขิตชีวิตของเราเอง โอเคเปล่า”
“ค่ะ”
โต๊ะตัวที่ตั้งอยู่หน้าร้านเมขลายังคงนั่งคุยและกินข้าวกับนรบดีอย่างเป็นกันเอง แต่ที่ในร้านกฤษณะนั้นนั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือด้วยใบหน้าเรียบเฉย เฉยเสียใจเมขลาเองก็นึกกลัวใจของเขา แต่ครั้งนี้หญิงสาวอยากจะลองใจเขาว่า เขาจะทนกับการที่เธอทำเป็นไม่สนใจเขาได้ไหม
วันนี้ตอนที่นั่งรถของนรบดีกลับมาแล้วเห็นเขานั่งอยู่ เมขลาถึงกับผงะ เพราะคิดว่า เขาจะต้องออกฤทธิ์ออกเดช หรือทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้นรบดีรู้ว่าเขาเป็นคู่แข็ง แต่เขากลับเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะก้มก้มตาอ่านหนังสือต่อ เธอเองก็ยิ้มให้เขาเพียงแย้มริมฝีปากก่อนจะขึ้นไปข้างบนล้างหน้าเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นกางเกงขาสั้นแค่น่องกับเสื้อยืดสีชมพูอ่อนลายการ์ตูนตัวหลวมโพรก..และตอนที่เธอเดินลงมานั้นเขาก็มองหน้าเธออีก เธอยิ้มให้เขาก่อนจะทักทายเบา ๆ ว่า “จะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม”
“สั่งครับ แต่คุณหนูนาดูแลเพื่อนของคุณก่อนเถอะครับ”
เมขลาทำหน้าฉงนเพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะสั่งอะไรกับเธอ และเมื่อเขาไม่เคลียร์และเปิดทางให้เอเดินไปหาพี่นรบดีกับวิจิตรศราที่นั่งคุยกันอยู่หน้าร้าน เมขลาจึงต้องเล่นบทแล้วแต่เรื่อง..ที่เขากำลังเล่นอยู่ แต่ว่าก่อนที่วิจิตรศราจะออกจากบ้านไป วิจิตรศราก็กระซิบบอกเมขลาว่า “ตั้งสติรับมือกับไอ้บ้านั่นให้ดี ๆ นะ แล้วจะกลับมาฟังเลิฟสตอร์รี่ หนึ่งหญิง หนึ่งชายบูติค และหนึ่งชายเถื่อน...”
นรบดีขับรถกลับบ้านในช่วงเวลาที่ร้านใกล้จะปิด เมขลาก็เดินกลับเข้ามาหากฤษณะซึ่งเขาก็เหลือบตาขึ้นมองหญิงสาวเพียงนิดก่อนจะหันหน้าเพ่งสายตาไปที่เกมส์บนมือถือต่อ
“ร้านจะปิดแล้วค่ะ”
“คุยอะไรกันน้านนาน” น้ำเสียงไม่ได้บอกว่าหึงหวงหรืออะไรทั้งสิ้น..เหมือนถามขึ้นมาลอย ๆ อย่างเพื่อนถามเพื่อนเท่านั้น
“คุยกันเรื่อยเปื่อย..ร้านจะปิดแล้วนะ”
“ผมอยากได้ สบู่กับโทนเนอร์ไปใช้บ้าง”
“ก็ซื้อซิ”
“ผมอยากรู้ว่า มัน มี ดี อะไร” ท้ายประโยคเขาใช้สำเนียงใต้
“แล้วทำไมอยากซื้อละ ถ้าอยากซื้อก็น่าจะรู้แล้วว่ามันมีดีอะไร”
“ผมอยากรู้จักปากคุณหนูนา”
“แต่มันจะหมดเวลาแล้วนะ จะปิดร้าน เด็ก ๆ จะกลับบ้านกันแล้ว”
“อธิบายสั้น ๆ พอ..”
“ได้” ว่าแล้วเมขลาก็เดินไปคว้าตระกร้าใส่สบู่กับโทนเนอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาวางตรงหน้าของเขาหลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้าม แต่ว่าครั้งนี้สายตาของกฤษณะมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างเปิดเผยความรู้สึก..เมขลารู้สึกเขินขึ้นมา แต่ว่าหญิงสาวก็พยายามซ่อนมันไว้ แม้มันจะไม่มิดชิด แต่เธอจะทำให้เขารู้สึกไม่ได้ว่า เธอหวั่นไหวไปกับการเดินเกมส์จีบของเขา
“ใช้แล้วผิวหน้าเปล่งปลั่งนวลเนียนแบบหน้าคุณหนูนาใช่ไหม”
เมขลาพยักหน้า ตอนนั้น ทั้งน้องอ้อและอุสาต่างเก็บของไปเหลือบตาดู เงี่ยหูฟัง ชนิดไม่ยอมให้คำพูดคำไหนตกหล่นไปอย่างเด็ดขาด เพราะวิจิตรศราได้บอกไว้ก่อนไปว่า ใครเล่าได้ละเอียดสุดจะมีรางวัลให้
“ใช้นานไหม กว่าจะได้ขนาดนี้”
“ไม่รู้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น หน้าก็ดีอยู่แล้ว”
“ก็ไม่ได้แปลว่าดีเพราะไอ้นี่ละซิ”
“ตอนหลังมาใช้สบู่กับโทนเนอร์..สบู่เค้าฟองน้อยแต่ว่าฟองละเอียด มันรู้สึกว่าหน้านุ่มทันทีหลังจากที่ล้างน้ำออก ส่วนโทนเนอร์นี่ มันปรับสภาพผิวได้ดี เมื่อก่อนฉันเองก็ผิวมัน..มีปัญหาเรื่องทีโซน”
“ตรงไหน คือทีโซน”
“ก็ตรงหน้าผากจมูก เป็นรูปตัวที”
“อืม..” รับทราบพลางทำมือให้เห็นว่าเขาเข้าใจเรื่องทีโซนบนใบหน้าของเขาแล้ว แต่ถึงกระนั้นดวงตาที่มองหน้าเมขลานั้นยังเปิดเผยความในใจจนเมขลาต้องหลบสายตา แล้วเมขลาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอยังไม่ได้คืนกล่องที่เขาใส่น้ำพริกมาให้..
“เอ่อ เดี๋ยวนะ” เมขลาแก้เขินโดยการลุกจากตรงนั้นแล้วเดินเข้าไปในครัว อึดใจใหญ่ ๆ เมขลาก็เดินออกมา แต่ว่าระหว่างที่เมขลาหายไป กฤษณะก็ยกคิ้วหลิ่วตาให้น้องอ้อ โดยที่น้องอ้อได้แต่แอบขำกับแอบชูหัวแม่โป้งให้กฤษณะที่จีบคุณหนูนาจนเธอพลอยขวนเขินไปด้วย..
“อะไรนะ ไอ้หมอนั่นเอาสบู่ไปสองโหลเลยเหรอ..” สองโหลเป็นแบบคละชนิด เมื่อเมขลารายผลวิจิตรศราแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ว่ามันก็เป็นไปแล้ว นอกจากนั้น เขายังเอาโทนเนอร์ซึ่งมีราคาถึงขวดละ 290 บาท ไปอีก 3 ขวด โดยไม่ได้ต่อรองสักคำเดียว..มันผิดวิสัยของเขาแท้ ๆ
“เห็นว่าจะเอาไปแนะนำให้เพื่อน ๆ ใช้ด้วย”
“ก็ดีที่มาจีบหญิง ยังรู้จักลงทุนมั่ง อะไรมั่ง แต่เยอะอยู่นะ แล้วจะมีเงินกินถึงสิ้นเดือนไหมน่ะ”
“เขาอาจจะไปเอาไปขายต่อก็ได้”
“เราให้ซื้อกับเราตั้งแต่บ่ายไม่ยอมซื้อ รอซื้อกับตัวนี่เอง” เย้าเมขลาไป ดวงตาก็พยายามดูความในใจของเมขลาผ่านดวงตาไปด้วยแต่เมขลาก็เบือนหน้าหนีแถมยังเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าที่วิจิตรศราคิด
“เสร็จไอ้เถื่อนนี่แน่ ๆเลย”
“ไปว่าเค้า”
“ออกรับแทนตลอดเลยนะ”
“เขาก็แค่ห่าม ๆ”
“คนแปลกประหลาด นี่นะถ้าเขาจีบวิ ไม่แน่ วิอาจจะเคลิ้มก็ได้..แต่อย่างว่าแหละ เค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อวิเหมือนพี่มิตร”
“กล้าพูด” เมขลาเบะปากให้วิจิตรศราที่นั่งอยู่บนสตูลหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ..โดยเมขลาเองก็รู้สึกว่า วิจิตรศราดูสดชื่นผิดปกติ..
“เขาสารภาพรักวิแล้วเม”
“ฮะ อะไรนะ เกิดขึ้นได้อย่างไร”
“ก็..พี่นรบดีนั่นแหละเป็นเหตุ..เขาบอกว่า เห็นวิอี๋อ๋อกับพี่นรบดีเมื่อวันก่อนแล้วเขาก็ ร้อนรุ่มทุรนทุราย..ก็เลย ไม่อยากเสียเวลาดูใจวิอีกต่อไปดีกว่า..”
“ดีใจด้วยนะ”
“วันนี้คุยกันเยอะเชียวแหละ คุยกันถึงเรื่องแต่งงานด้วยนะ”
“โห ยังเด็กไปนะ”
“วิก็สรุปไปว่า ถ้าเมยังไม่แต่ง วิก็ไม่แต่ง”
“เอ้า จะเอาชีวิตตัวเองมาผูกไว้กับเมทำไม เห็นว่าเหมาะสมควรแต่งก็แต่งกันไปสิ”
“ไม่เอาหรอก วิรักเมนะ ถ้าเมต้องออกจากบ้านวิไป ก็ต้องออกไปกับคนที่วิ เห็นว่าเขาจะต้องดูแลเมได้ดีกว่าวิ แล้วก็ทำให้เมมีความสุขตลอดไปด้วย”
“ยากมากเลยนะนั่น”
“แต่ตอนนี้มันก็มีมาให้เมดูให้วิเลือกถึงสองคนแล้วนะ..เมหวั่นไหวไปกับใคร บอกวิหน่อย แต่ห้ามบอกว่าเป็นนายกฤษณะนะ วิไม่ชอบหน้าเค้า”
“เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าถ้าเขาจีบตัวเอง เอาอย่างไรกันเนี่ย”
“ก็เค้าไม่ชอบวินี่ ดันไปชอบเม น่าโมโหไหมละ เรารึสวยกว่าตั้งเยอะ”
เมขลาหัวเราะออกมาก่อนจะยอมเผยคำทำนายที่ได้ปิดบังไว้ให้วิจิตรศราตัวลอย
“ก็วิกับพี่มิตรเป็นเนื้อคู่กันนิ..ต่อให้ใครหน้าไหนก็เข้าไม่ถึงใจวิ แล้วใครหน้าไหนก็ทำให้พี่มิตรรักไม่ได้หรอก..”
“จริง ๆ หรือเม”
“จริง..และครั้งนี้อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนจะเป็นเนื้อคู่กัน แม้ไม่ต้องมีใครมาชี้ มาบอกมายืนยันคอนเฟิร์ม ถึงที่สุด เขาก็ต้องมาเจอกัน มาทำกิจกรรมด้วยกัน และบอกรักกันในที่สุด..”
“แม้แต่ตัวเมเองก็ต้องพิสูจน์รักแท้หรือไม่แท้ คู่จริงหรือคู่แท้ ด้วยความรู้สึกของเมเอง” วิจิตรศราสรุปพลางครุ่นคิดขึ้นมาได้ว่า ต่อไปหากเมขลาจะไม่อยากดูดวงเรื่องเนื้อคู่ให้อีก เธอก็จะไม่ขยั้นขยอ ร้องขอให้เมขลาเปิดเผยความลับจากพระพรหม..
เสียงเคาะประตูทำให้หน่องที่มาอาศัยห้องของกฤษณะดูหนังแผ่นที่ยืมเพื่อนมาอีกทีหนึ่งทะลึ่งพรวดจากเตียงนอนนุ่ม ๆ และมีกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม..เขากรากไปที่ประตูโดยอาศัยแสงไฟจากหน้าจอโทรทัศน์แทนไฟเพดานเพราะต้องการประหยัดไฟให้เพื่อน น้ำเสียงที่ถามออกไปอย่างแผ่วเบาว่า
“ใครเหรอ”
ทำให้คนที่เคาะอยู่หน้าห้อง คิดว่าเป็นเสียงของเจ้าห้อง ซึ่งวันนี้น่าจะมีอารมณ์ต้อนรับเธอ หญิงสาวจึงไขชื่อของตัวเองอย่างแผ่วเบา เป็นการส่งซิกให้เจ้าของห้องรู้ว่า เธอพร้อมจะทำให้เห็นว่าการมาเคาะห้องเขาในวันนี้หรือการที่จะได้เข้าไปในห้องนี้มันจะเป็นความลับของเขากับเธอเพียงสองคน
“จอยเองพี่”
“จอย..” หน่องกลอกตาไปมา เขารู้ว่าจอยชอบกฤษณะแต่ว่าเพื่อนเขาปฏิเสธน้ำใจหญิงสาวชนิดถอนรากถอนโคนแต่จอยก็ตามตื้อกฤษณะไม่เลิก วันก่อนที่อยู่กันในห้องสามคนจอยก็ยังถือขนมมาฝากถุงใหญ่ เขาเองนั้นชอบจอย เพราะหน้าอกหน้าใจล้นหลามทั้งที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่คิดจะจีบก็รู้ชะตาชีวิตตัวเองว่าไม่มีทางติดอย่างแน่นอน แม้ประวัติของจอยนั้นไม่ค่อยจะสวยหรูสักเท่าไหร่ แต่ว่า คนอย่างเขาถ้าได้ลงเอยกับจอยด้วยหนทางใดก็แล้ว แต่เขาคิดว่า มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง..
หน่องตัดสินใจเดินกลับไปคว้ารีโมทโทรทัศน์กดปิดระบบการทำงาน หลังจากนั้นเขาก็รีบวิ่งมาที่ประตู ปลดกลอนก่อนจะรีบวิ่งไปขึ้นเตียงแล้วดึงผ้าห่มมาห่ม..
พอประตูเปิดแง้ม จอยก็รีบผลักประตูเข้ามาหลังจากนั้นก็แทรกกายบอบบางของตนเข้ามาในห้อง ตั้งสติพยายามปรับสายตามองหน้าเจ้าของห้อง
“พี่ไม่สบายนะจอย เจ็บคอนิดหน่อย” เสียงของเจ้าของดังมาจากจุดที่เตียงตั้งอยู่ซึ่งจอยก็รู้ดีว่ามันอยู่ทิศทางไหนของเตียง
“พี่เป็นอะไรมากไหม”
“นิดหน่อยแค่เจ็บคอ..” ว่าแล้วหน่องก็แสร้งไอเบา ๆ และเสียงไอนั้นจอยก็จับสัญญาณได้ว่า มันเป็นการเชื้อเชิญให้เธอไปที่เตียง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเธอจะต้องมุดไปที่ใต้ผ้าห่มเสียเร็วไวด้วย..

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2555, 12:14:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2555, 16:42:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 2322
<< 11.“มีอะไรหรือเปล่า ใครทำให้นอนไม่หลับ” | 13.“ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า หนูนาได้ไหมครับ" >> |

JuniorSATC 8 พ.ค. 2555, 12:16:49 น.
หนุกจังฮะ ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเพราะผมพรึ่งลองใช้เว็บนี้นะฮะ
หนุกจังฮะ ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเพราะผมพรึ่งลองใช้เว็บนี้นะฮะ

จุฬามณีเฟื่องนคร 8 พ.ค. 2555, 12:19:54 น.
ครับผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ
ครับผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ

JuniorSATC 8 พ.ค. 2555, 12:59:00 น.
ฮะ ขอบคุนครับ
ฮะ ขอบคุนครับ

nutcha 8 พ.ค. 2555, 14:56:55 น.
ท่าทางงานจะเข้าคะน้าเพราะนมยหน่องซะล่ะมั้ง
ท่าทางงานจะเข้าคะน้าเพราะนมยหน่องซะล่ะมั้ง

nutcha 8 พ.ค. 2555, 15:13:19 น.
เห็นคุณเฟื่องเขียน "สูรย์เสีย" ต้องเขียน "สูญเสีย" แบบนี้หรือเปล่าค่ะ
เห็นคุณเฟื่องเขียน "สูรย์เสีย" ต้องเขียน "สูญเสีย" แบบนี้หรือเปล่าค่ะ

จุฬามณีเฟื่องนคร 8 พ.ค. 2555, 16:34:53 น.
อั้ยยะ..
อั้ยยะ..

คิมหันตุ์ 8 พ.ค. 2555, 17:10:20 น.
อ่าวน้องจอยเสร็จ. อิอิ
อ่าวน้องจอยเสร็จ. อิอิ

anOO 9 พ.ค. 2555, 17:10:43 น.
อ้าว....พี่คะน้าโดนสวมรอยซะแล้ว
อ้าว....พี่คะน้าโดนสวมรอยซะแล้ว



Orathai 9 พ.ค. 2555, 22:21:15 น.
ยังจีบเมขลาไม่ติดเท่าไรเลย งานจะเข้านายคะน้าซะก่อนมั้ง
ยังจีบเมขลาไม่ติดเท่าไรเลย งานจะเข้านายคะน้าซะก่อนมั้ง

Zephyr 11 พ.ค. 2555, 18:28:48 น.
อ่าว นายหน่องทำไรเนี่ย พอจบเสร้จ เคลียร์ให้คะน้าด้วยนะ
ไม่งั้นคะน้า ตายแน่ๆ
อ่าว นายหน่องทำไรเนี่ย พอจบเสร้จ เคลียร์ให้คะน้าด้วยนะ
ไม่งั้นคะน้า ตายแน่ๆ