กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ปาร เด็กสาวกำลังเริ่มชีวิตใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย เธอได้พี่รหัสเป็นผู้ชาย แต่เกิดเหตุไม่เข้าใจกันขึ้น ต่อมาต้องไปเข้าค่ายรับน้องใหม่ ปารต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาและเธอจะปรับความเข้าใจกันได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...


Tags: เรื่องยาว

ตอน: ตอนที่ 4

เด็กหญิงนั่งเงียบ ๆ พิงกองฟาง อยู่ที่ปลายนา ยังคงมีเศษซากของร่องรอยการถูกไฟไหม้หลงเหลืออยู่บ้าง ยกแขนเสื้อป้ายน้ำตาเป็นระยะ ๆ จนแขนเสื้อเปียกและชื้น เธอเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะพยายามบอกทุกคนว่า เธอไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครให้อภัยเธอ สิ่งที่เสียใจที่สุดก็คือ เธอทำให้พ่อที่เธอรักที่สุด ต้องถูกผู้คนประนามว่า สอนเธอไม่ดี เธอทำให้พ่อของเธอถูกใคร ๆ ตำหนิ ถูกเพื่อนบ้านพากันดูถูก ถูกต่อว่าในทางเสียหายต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่พ่อของเธอดีกับทุกคน แต่เวลาโกรธ ไม่พอใจขึ้นมา ก็ไม่มีใครนึกถึงความดีของพ่อของเธอที่เคยมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือทุกคนตลอดมาเลย

ลมหนาวพัดโชยมาเบา ๆ มากับความแห้งแล้ง และเฉียบเย็น แต่ไม่หนาวเหน็บเท่าความรู้สึกอ้างว้างในหัวใจ ที่มัวแต่คิดว่าไม่มีใครยอมรับและเข้าใจ เต็มไปด้วยความคิดที่ตอกย้ำซ้ำเติมตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า วกวนเวียนอยู่อย่างนั้น

เด็กหนุ่มยืนมองอาการของเด็กหญิงอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกไว้แล้วว่าเธอต้องอยู่ที่นี่ หลังจากไปหาเธอที่บ้านแล้วไม่พบ ที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำ และเป็นสถานที่ที่พ่อของเธอรัก เขาสาวเท้าเข้าไปหาเด็กหญิง แล้วนั่งลงข้าง ๆ

เด็กหญิงหันใบหน้าเปื้อนน้ำตามามอง พลางเช็ดน้ำตาข้างแก้มให้เหือดแห้ง
“พี่ยนตร์รู้ได้ไงคะ ว่าปารอยู่ที่นี่”
“พี่ฉลาดน่ะ” เขาพยายามพูดเล่นเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ
เธออยากจะร้องแหวะ อย่างทุกทีแต่มันพูดไม่ออก
“พี่รู้ทุกเรื่องล่ะ ที่เกี่ยวกับปาร เก่งมั้ย”
เธอหันมามองหน้าเด็กหนุ่ม อยากจะร้องยี้….แล้วบอกเขาว่า ขี้โม้ชะมัด แต่ยังไม่มีอารมณ์จะพูด
เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้เธอ
“เอ้า!! นี่เช็ดขี้มูกซะ! ไหลเข้าไปในปากแล้ว อร่อยป่ะ” พลางยิ้มกวนประสาทให้อีกต่างหาก

“บ้า!!! พี่ยนตร์บ้า!! ล้อปารอยู่ได้! คนเขายิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่”เด็กหญิงยกมือมาตบผลัวะที่หน้าขาของเด็กหนุ่ม ก่อนกระชากผ้าเช็ดหน้าของเขามาเช็ดน้ำมูกใส ๆ ที่ไหลยืดยาดออกมา

ยนตร์ยิ้ม วิธีกวนประสาทของเขาได้ผล ทำให้เธอเปลี่ยนอารมณ์จากเศร้าหมองมาเป็นหมั่นไส้ หรือเริ่มโมโหนิด ๆ ได้แล้ว เขายกมือโอบไหล่เธอไว้ แล้วตบแรง ๆ
“ไม่เอาน่า…คิดเรื่องเมื่อตอนเย็นอยู่หรอ อย่าคิดมากเลยนะ”
“เขาว่าพ่อปาร ปารเป็นเด็กไม่ดี ทำให้พ่อถูกคนอื่นต่อว่า ทำให้คนอื่นดูถูกพ่อ ปาร…เสีย…ใจ” น้ำตาไหลซึมออกมาอีกแล้ว เสียงพาลสั่นเครือ…

“เด็กโง่!! พ่อของปานเป็นคนดี ไม่ว่าใครจะพูดยังไง พ่อของปารก็ยังเป็นคนดีเสมอ ไม่เคยเปลี่ยนไปตามคำพูดของใครไม่ใช่เหรอ แม้แต่ตัวของปารเองก็ตาม ความจริงย่อมเป็นความจริงอยู่แล้ว ว่าใครทำอะไร ใครตั้งใจ ใครจงใจ อย่าไปสนใจเลยนะ กับแค่คำพูดของคนน่ะ”

เขาโครงหัวเด็กหญิงเข้ามาใกล้
“ให้ตัวเราเข้าใจตัวเราก็พอ อย่าไปเรียกร้องความเข้าใจจากคนอื่น บางทีมันเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้ระยะเวลานาน”

“พี่ยนตร์ ทำไมคนเราชอบใช้คำพูดที่ไม่ดีทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียใจ ช้ำใจ เจ็บปวดทรมานด้วยละคะ ยิ่งทำให้คนฟังเจ็บเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะใจเขา ยิ่งทำให้เขามีความสุขหรอคะ” หันไปจ้องหน้าเด็กหนุ่ม น้ำตาไหวระริกคลออยู่ในดวงตา

“ปาร…ชอบกินทุเรียนไหม” เขารู้ดีว่าเธอไม่ชอบเลย

ปารส่ายหัว

“เวลามีคนเอาทุเรียนมาให้ ปารทำยังไงล่ะ”

“ก็ไม่กินสิคะ” เธอหันมาทำหน้าฉงน ว่าเรื่องที่เธอถาม มันเกี่ยวอะไรกับทุเรียนด้วยฟะ!

“คำพูดของคนอื่นก็เหมือนกัน เมื่อมันไม่ดี ไม่อร่อย ก็อย่าไปกิน อย่าไปฟัง อย่าไปใส่ใจ” เธอจำได้แล้ว พ่อของเธอเคยเล่าเป็นนิทานสอนเธอและเขาพร้อมกัน เวลาทำงานช่วยพ่ออยู่ในสวน แต่เวลานี้เธอกลับนึกไม่ออกเอาเสียเลย

“เป็นไง กินเข้าไปเยอะล่ะสิ อร่อยมั้ยล่ะ แล้วใครให้กินเข้าไป บื้ออออจริง ๆ” เขาเขกหัวเธอ

เด็กหญิงร้องเสียงแหลมอยู่ในลำคอ “พี่ยนตร์อ่ะ เดี๋ยวเหอะ แกล้งปารหรอ” น้ำเสียงของเธอ ทำให้เขารู้ว่า เธอหายเศร้าแล้ว

“ทำไมไม่มีใครเข้าใจปารเลย ปารขอโทษ แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้ยัยอ้วนตกน้ำด้วย”

“อืม…การเสียใจกับสิ่งที่เราทำ การขอโทษ เป็นสิ่งที่ดีแล้วนะ พี่เข้าใจปารนะ และจะคอยให้โอกาสปารเสมอ ที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ แต่ปารต้องให้โอกาสตัวเองด้วยนะ อย่ามัวจมกับสิ่งที่ทำให้เราเสียใจ อย่ามัวทำร้ายตัวเองด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตครั้งแล้วครั้งเล่า ปารอย่าลืมให้โอกาสตัวเองด้วยนะ”

เด็กหญิงมองเขาด้วยสายตาชื่นชม เขามักโผล่เข้ามาทำให้สิ่งดีดีเกิดขึ้นกับเธอเสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม อยากจะกล่าวขอบคุณเขา แต่กลับพูดไม่ออก อยากจะเข้าไปกอดเขาอ้อนอย่างที่เคยเห็นสภาน้องสาวของเขาทำ อยากจะบอกเขาว่า รักเขาที่สุดเลย ก็ทำไม่ได้ เพราะเธอไม่ใช่คนที่มีนิสัยอย่างนั้น

“ไป! กลับบ้าน แม่ปารรอกินข้าวอยู่นะ รู้มั้ย…” เขาฉวยมือเด็กหญิงลุกขึ้น แต่ต้องตกใจกับความเย็นเฉียบของมือเล็ก ๆ ที่ได้สัมผัส
“มือเย็นเจี๊ยบเลยปาร! มือเย็นอีกแล้วหรอ” เขากุมมือเธอไว้ ให้มือเด็กหญิงอบอุ่น ก่อนใช้นิ้วคลึงแต่ละนิ้วของเธอไปมาตั้งแต่ปลายนิ้ว ไล่ไปจนถึงโคนนิ้วทุกนิ้ว แล้วถูนวดครั้งแล้วครั้งเล่า จนมือซีดขาวและเย็นเฉียบนั้น เริ่มมีสีเลือดและอุ่นขึ้นทั้งสองมือ

ปารมองเขานวดมือให้เธอ เหมือนกับที่พ่อของเธอเคยทำให้เสมอ ในช่วงอากาศเย็นอย่างนี้ เมื่อมือของเธอสัมผัสความเย็นมาก ๆ ไม่ว่าจะจากลมหรืออากาศเย็น มือก็จะเย็น ขาวซีด ไม่มีสีเลือด และอาจชาเป็นระยะ ๆ น้ำตาพาลรื้นขึ้นมาคลอไว้อีกแล้ว…

“พี่ยนตร์…ปารคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ”

เขาเข้ามาสวมกอดเด็กหญิงเอาไว้อย่างปลอบโยน

“พ่ออยู่กับปารเสมอ รู้สึกมั้ย ว่าท่านอยู่ใกล้ ๆ ปาร เพราะพ่ออยู่ในความรู้สึกที่แสนดี อยู่ในความทรงจำของเราอย่างไม่มีวันลืมเลือน อยู่ในตัวของปาร ปารมีเลือดของพ่ออยู่ในตัว พ่ออยู่กับทุกความรู้สึกดีดีของปารเสมอนะ พ่อไม่ได้จากปารไปไหนเลย”

ปารมองยนตร์แล้วยิ้มทั้งน้ำตา พลางพยักหน้ารับ

“แล้วเท้าปารเป็นอะไร ทำไมบวมเป่งอย่างงั้นล่ะ” เขาสังเกตเห็นเท้าของเธอก็บวมผิดปกติด้วย
“ปารข้อเท้าพลิก ตอนที่ทะเลาะกับยัยอ้วนน่ะ แล้วไม่ได้สนใจ มันคงอังเสบมั้ง ไม่เป็นไรหรอก เจ็บนิดหน่อยเอง”
“เดินไหวหรือเปล่า…” เขามองดูแล้วรู้ว่า มันไม่ใช่นิดหน่อยเลย
ปารพยักหน้า แล้วเดินโขยกเขยกให้เขาดู แม้จะรู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ที่ข้อเท้า แต่ก็พยายามอดทน ไม่แสดงออกที่สีหน้า
“มานี่มา…ขี่หลังพี่กลับดีกว่า เดี๋ยวจะยิ่งอักเสบยิ่งกว่าเดิมนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ยนตร์” จริง ๆ เธออยากขี่หลังเขากลับเหมือนกัน เหมือนตอนที่เธอเล็ก ๆ เขามักพาขี่หลังเดินเที่ยวเสมอ แต่ต้องปฏิเสธไว้ก่อน เพราะรู้สึกว่า วันนี้เธอรบกวนเขามามากแล้ว
“ถ้าอักเสบมากจะเดินไม่ได้เลยนะ เดี๋ยวเกิดต้องตัดขาทิ้งไม่รู้ด้วย” เด็กหนุ่มขู่
เด็กหญิงทำหน้าเหยเก
“จริงหรอ…”
ยนตร์พยักหน้า “มาเร็วเข้า มืดแล้ว ปารเดินเองเมื่อไหร่จะถึง” พลางย่อตัวลงให้เธอขึ้นขี่หลัง

เด็กหญิงยิ้มร่ารีบเข้าไปกอดคอเขาเอาไว้ให้เขาพาเธอกลับบ้าน

“พี่ยนตร์ใจดีที่สุดเลย”

“ไม่ต้องมาประจบเลย ว่าแต่เราอ่ะ ไปผลักยัยอ้วนเขาตกน้ำได้ไง เขาตัวเบ้อเร่อขนาดนั้น”

“โธ่…!! แค่ปารผลักเบา ๆ เอง ยัยอ้วนก็เสียหลักตกน้ำไปเองอ่ะ ปารไม่ได้ออกแรงอะไรซักหน่อย”

“เว่อร์ ๆ ใหญ่แล้ว”

ทั้งคู่ส่งเสียงหัวเราะรื่นเริงไปตลอดทาง

================

รอยยิ้มระบายอยู่ในสีหน้าของปาร เมื่อนึกถึงเหตุการณ์วัยเด็กที่เธอมีเขาคอยดูแลและช่วยเหลือตลอดมา จำได้ว่า ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุ 9 ขวบ ตั้งแต่จำความได้ ก็มีเขาที่คอยดูแลราวกับเป็นพี่ชายแท้ ๆ จนนึกอิจฉาสภาที่มีพี่ชายที่แสนใจดีอย่าง “พี่ยนตร์” เวลามีเรื่องทุกข์ท้อไม่สบายใจ เธอสามารถพูด สามารถบ่นให้เขาฟังได้ทุกเรื่อง เขาจะคอยรับฟัง และใส่ใจเรื่องราวของเธอเสมอ เขาสามารถทำให้เธอรู้สึกสบายใจ มีความสุข และยิ้มได้ทุกครั้งที่พบเจอเรื่องราวหนักใจ

เธอพยายามคิดถึงเรื่องราวดีดีเกี่ยวกับเขา เพื่อให้รู้สึกมีกำลังใจในการตามง้อเขามากขึ้น เพราะตามไปง้อเขามา 3 วัน แล้ว เขาก็ยังไม่หายโกรธ และไม่ยอมพูดจากับเธอเลย นึกแปลกใจอย่างมาก เพราะเขาไม่เคยโกรธเธอนานขนาดนี้เลย อย่างมาก ไม่เกิน 1 วัน เขาจะต้องหายโกรธแล้ว

“ผู้หญิงคนนั้น มีความสำคัญกับพี่ยนตร์ขนาดนี้เชียวหรอ” ปารพูดกับตัวเอง พาลนึกน้อยใจ ที่เขามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ 6 ปี ไม่เคยติดต่อเธอเลย แถมยังไปมีแฟนอีก ไหนบอกจะดูแลเธออย่างที่เคยรับปากกับพ่อของเธอไว้ เขายังเป็นคนเดิมอยู่หรือเปล่า เธอเริ่มไม่แน่ใจกับวันเวลาที่ผ่านมานาน เธออาจไม่ใช่คนที่เขาต้องคอยดูแลอีกแล้ว…เธอคิดไปเรื่อยเปื่อย

“ยัยปารบ้า คิดอะไรเหลวไหล” เธอรีบสลัดความรู้สึกน้อยใจ และความคิดไร้สาระออกไปจากสมอง ที่สำคัญเธอคิดว่า การจะขอโทษใคร ไม่ใช่เพราะเราต้องเป็นคนผิดเสมอไป หากเธอรู้ว่า ทำให้ใครไม่สบายใจเพราะเธอ แม้ว่า เธอ จะไม่ใช่คนผิดก็ตาม เธอก็ควรจะไปขอโทษอีกฝ่ายหนึ่งก่อนได้ และเธออยากทำให้เขายิ้มได้ เหมือนที่เขาทำให้เธอยิ้มได้ตลอดมา

ปารสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา
“บางที…วันนี้พี่ยนตร์อาจจะหายโกรธแล้วก็ได้” เธอให้กำลังใจตัวเองก่อนจะก้าวเท้าออกไปตามง้อหนุ่มขี้งอนอีกครั้ง

ปารแวะซื้อขนมของโปรดไปฝากพี่ยนตร์เหมือนเคย ทันที่ที่โผล่หน้าให้รุ่นพี่เห็น เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ จากใครต่อใคร ก็ดังขึ้นมาทันที

“น้องปารมาแล้วเหรอจ๊ะ”

“แหม…น่าอิจฉายนตร์มันจังเลยนะ”

“มีสาวน้อยน่ารักมาตามเอาใจถึงที่ทุกวี่ทุกวัน”

“มาเป็นน้องพี่ดีกว่า ไม่ต้องไปเป็นน้องไอ้ยนตร์มันแล้ว”

ปารฟังข้อความเหล่านั้นแล้วได้แต่ยิ้มแหย ๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ สะกิดหัวใจทุกครั้ง รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัด และอับอายขายหน้าอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่เพราะเขาเคยเป็นพี่ชายที่แสนดีเมื่อยังเด็ก จ้างให้ก็ไม่มีทางตามง้อใครขนาดนี้ เพราะเป็น “พี่ยนตร์” เธอจึงยอม แต่ไม่รู้ว่า เธอจะทนสภาพการถูกหยอกล้ออย่างนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน และวันนี้ก็อาจเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอดทน หากเขายังไม่ยอมให้อภัยเธอ เธอจะไม่ขอตามง้อเขาอีกแล้ว…

ยนตร์แอบมองเด็กสาวที่เดินตามเขาต้อย ๆ อย่างมีความสุข จริง ๆ เขาใจอ่อนตั้งแต่วันแรกที่เธอตามมาง้อแล้ว เพราะเธอเป็นน้องสาวที่น่ารัก เขาไม่เคยใจแข็งโกรธเธอได้นาน ๆ ซักที โดยเฉพาะเวลาโกรธกัน เธอจะคอยเอาใจ คอยดูแล ตามใจทุกอย่าง ใช้ให้ทำอะไรก็ทำให้ น่ารักที่สุด แต่การคืนดีง่าย ๆ มันก็เสียฟอร์ม เขาจึงแกล้งเก๊กหน้าเครียด ๆ เอาไว้ ปล่อยให้เธอตามง้ออยู่ซะหลายวันเลย รู้สึกมีความสุขที่เห็นเธอเดินตามคอยง้อคอยเอาใจอยู่อย่างนี้

“พี่ยนตร์!!! พี่แกล้งนี่…โธ่! ปล่อยให้ปารตามง้อตั้งนาน ร้ายกาจที่สุดเลย” และแล้วเธอก็จับไต๋เขาได้

“หนอย…ปล่อยให้ปารเดินตาม! ตั้งหลายวัน เกลียด! เกลียดพี่ยนตร์ที่สุดเลย” ปารโมโหสุดขีด ทั้งอับอาย ที่เดินตามเขาอยู่ตั้งนาน ที่แท้เขาก็แกล้งเธอ แกล้งเอาความรู้สึกดีดีของเธอมาล้อเล่น มาเป็นที่สนุกสนาน ปล่อยให้เธอตกเป็นที่ล้ออย่างสนุกปากของรุ่นพี่ เขาเอาแต่แอบอมยิ้มอย่างมีความสุข ปล่อยให้เธอทุกข์ กังวลใจ เป็นห่วงเขาอยู่หลายวัน ที่แท้เธอก็เป็นแค่ตัวตลกสำหรับเขาเท่านั้น ความผิดหวัง ความเสียใจ ประเดประดังเข้ามาในสมอง

เธอรีบวิ่งจากไปก่อนที่น้ำตาแห่งความน้อยใจจะรินไหลออกมา

“ปาร!!” ยนตร์ได้แต่ยืนเซ่อ มองเธอวิ่งจากไปอย่างโกรธเคือง

หลังจากนั้นปารพยายามหลบหน้า และไม่ยอมพูดกับยนตร์อีกเลย แม้ว่าเขาจะตามมาง้อ มาขอโทษอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยนิสัยของยนตร์ที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ และรู้สึกผิดอย่างมากที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย ว่าจะรู้สึกอย่างไรบ้าง เขาไม่ยอมละความพยายามที่จะทำให้เธอคืนดีกับเขาให้ได้ แม้ว่าจะตามง้อเธอมาหลายอาทิตย์แล้วก็ตาม

=============



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2555, 11:28:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2555, 11:28:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< ตอนที่3   ตอนที่5 >>
คิมหันตุ์ 7 พ.ค. 2555, 23:37:44 น.
ลงชื่อปูเสื่อรอ ^^


ริเศรษฐ์ 9 พ.ค. 2555, 21:25:00 น.
ขอบคุณมาก ๆ ค่า...ที่มาปูเสื่อรอให้กำลังใจนะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account