รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: ทางหัวใจที่วกวน


โปสการ์ดวาเลนไทน์วางซ้อนเป็นปึกบนโต๊ะทำงานของเมืองเอก คณาจารย์ชายหญิงต่างล้อเล่น ดอกเตอร์ ประภาหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขัน
“เด็กสมัยนี้เขากล้าแสดงออกจริง ๆ”
“ดิฉันว่าน่าเกลียดมาก”ดอกเตอร์ แสงทิพย์สาวแก่มองโลกในแง่ร้ายเห็นอีกอย่างเรื่องไม่งามขึ้น
“เรื่องควรทำไม่ทำเรื่องไร้สาระ คุณเมืองเอกก็ระมัดระวังหน่อยอย่าให้เกิดเรื่องไม่งามขึ้นล่ะพวกสื่อมวลชนมันร้ายเหมือนงูพิษ”
หลายคนให้ความเห็นใจ ดอกเตอร์แสงทิพย์กับสื่อ ดอกเตอร์ ร้ายกว่านักขอให้ใครพลาดเถอะเก็บรายงานหมด ตัวเองได้ดีแต่เพื่อนร่วมอาชีพรังเกียจยิ่งนัก
“ทิ้งขยะเสียให้หมดจะได้สำนึกตัว”เธอออกความคิดครานี้ ดอกเตอร์ ประภาขัดใจ
“โถ เราก็เคยเป็นเด็กมาก่อนใครลองได้โดนอย่างที่อาจารย์แนะนำให้ทำล่ะก็เป็นแผลจนวันตาย”
“ก็ดีไง” ใครได้เห็นดวงตาใต้กรอบแว่นโปนเหลือกเท่าไข่ห่าน
“จะได้รู้สึก”
“ไม่ดีหรอกครับ” อาจารย์ผู้ชายอีกคน
“ถูกทำร้ายใจขนาดนี้อาจเป็นจนยอมขึ้นคานเลยก็ได้”
อาจารย์ประภาหยิกแขนเพื่อนหมับ หากสะใจที่ทำให้ ดอกเตอร์ แสงทิพย์เชิดหน้าไปนั่งโต๊ะทำงานได้ ไม่ใช่ไม่อยากแต่งงานแต่มีเรื่องทั้งเข็ดและเจ็บจนยอมขึ้นคานจริง ๆ คนเป็นต้นเหตุเก็บโพสการ์ดใส่กระเป๋าหนังที่เขาถือติดมือเป็นประจำ
“จะอ่านทุกใบมั้ยค่ะ”ดอกเตอร์ประภาถามเบา ๆ เพราะรู้ดีว่า ดอกเตอร์ แสงทิพย์เขม้นมองด้วยสายตาเปล่งประกายราวกับเป็นเพลิงไฟที่พร้อมจะเผาจดหมายหรือโปสการ์ดทุกใบให้มอดไหม้ไปด้วยความคิดว่าไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงอยู่
เมืองเอกตอบด้วยความจริงใจ
“ครับทุกใบในฐานะอาจารย์ครับ”
“ก็อย่างนี้เด็กถึงยกให้เป็นขวัญใจ แหมถ้าไม่ว่าติดว่าดิฉันลูกสองสามีหนึ่งล่ะก็จะฝากให้สักใบ”
“ผมคงได้รับลูกปืนกลับมาแน่ ทราบว่าท่านผู้พันยิงปืนแม่นมากเพราะเป็นนักกีฬาเหรียญทอง”
ดอกเตอร์ ประภาหัวเราะเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เว้นเพียงผู้เดียวจริง ๆ ปั้นหน้าได้ปึ่ง ของแท้
เมืองเอกใช้เวลาว่างของเย็นวันศุกร์หลังจากเลิกงานแล้ว อ่านข้อความต่าง ๆ บนการ์ดหลากหลายรูปแบบ บางแผ่นช่างฝัน บางแผ่นหวานเชิญชวน บางแผ่นด้วยความเคารพรักจริงใจ จนถึงแผ่นสีฟ้า แต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวดูเรียบง่าย มีสายรุ้งวาดด้วยสีไม้หลากสี
หากเมื่ออ่านชื่อคนให้ เลือดในกายเมืองเอกร้อนวูบวาบ สีหน้าแดงเข้มขึ้นมาอย่างห้ามหรือสะกดอารมณ์ยินดีเอาไว้ไม่อยู่ แม้จะเป็นคำอวยพรแปลก ๆ ชายหนุ่มตั้งใจอ่านทุกตัวอักษร
วาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก
ขอให้พรของนักบุญที่พรรณยุดา
นับถือและเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มีต่ออาจารย์
จะดลบันดาลให้สุขสมหวัง มั่นคงตลอดไป
เป็นคำอวยพร แปลกเว้นวรรคไม่ค่อยถูก เขายิ้มกับตัวเองเมื่อคิดว่าลูกศิษย์ของเขาแต่กลอนไม่เอาไหนเลยจะอวยพรทั้งทีก็เขียนไม่ได้รูปประโยค ลายมือง่าย ๆเหมือนเด็ก
หลานชายตัวเล็กวัยแปดขวบลูกของพี่สาวเดินเข้ามาในห้องถามเสียงใส แล้วคว้ากระดาษในมือน้าชายไปอ่านอย่างซุกซน จากนั้นบ่นงึมงำ
“พวกนักศึกษาเขียนอะไรไม่รู้เรื่องให้ขนมซะยังดีกว่า”
เมืองเอกแย่งกลับคืนหลานชายรายงาน
“น้าบุษทำขนมมาฝากครับ ข้าวตังหน้าตั้งอร่อยมาก”
คนข่าวคงชิมมาแล้ว เมืองเอกคิดอย่างไม่รู้สึกวาบหวามแม้เพียงปลายก้อย!!

ที่บ้านสราญจิต
คนงานในบ้านนับสิบคนดูเหมือนจะมารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงทั้งหมด เว้นยามประตูพรรณยุดานำรถเข้าไปเก็บ ออกแปลกใจกับบรรยากาศรอบ ๆ บ้าน ผู้คนหายไปไหนหมด แวะเดินไปห้องทำงานของคุณหญิงจิตตรีทางด้านหนึ่งก่อน ห้องทำงานก็ไม่มีคนอยู่แม้แต่ลายทองก็ไม่อยู่
พรรณยุดาเริ่มใจไม่ดีเมื่อคิดว่าคุณหญิงอาจจะล้มเจ็บ ผู้คนเขาถึงได้หายเงียบกันไปหมด หญิงสาวเร่งฝีเท้าไปห้องโถงน่าจะต้องมีใครอยู่แน่ และที่นั่นคนงานชายหญิงนั่งพื้นกันหน้าสลอนโซฟาตัวใหญ่คุณหญิงจิตตรีนั่งคู่กับชายหนุ่มร่างใหญ่ไหล่กว้างผิวขาวจัดผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นทันสมัยใบหน้างามดั่งรูปปั้นกรีก วิลล์
ทุกคนหันมาทางร่างสูงโปร่งของพรรณยุดา ซึ่งยืนตะลึงนิ่งลืมหายใจ จนวิลล์เปิดยิ้มอ่อนโยนแลดูอบอุ่น พรรณยุดาเดินเขาไปนั่งใกล้สวมกอดน้าชาย น้ำตารินร่วงด้วยความตื้นตันใจ
“ยูดาร์ งอแงจังเลย”
“นึกว่าน้าวิลล์จะไม่กลับบ้านเราเสียแล้ว”
“น้าอยู่บ้าน ที่นี่ต้องกลับอยู่แน่ ยูดาร์ร้องไห้ไม่สวยเลย”
สำเนียงของวิลล์แปร่ง ประโยคพูดผิดเพี้ยน คนงานพากันซ่อนยิ้มด้วยความเอ็นดู คุณหญิงจิตตรีมีความสุขอย่างที่สุด ขณะนั้น งามพริ้มในชุดนักศึกษามาเคารพวิลล์เมื่อรู้จากยามว่าชายหนุ่มกลับมาบ้านอยู่อย่างถาวรดวงใจของงามพริ้มสั่นระริก มีความหวังบางอย่างขึ้นมาอย่างไม่เคยคิดว่าจะเป็นขึ้นมาได้ วิลล์ทักทยเมื่องอีกฝ่ายเติบโตเป็นสาวเต้มวัย
“คงใกล้เรียนจบโตกันหมดแล้ว”
“จบเทอมนี้แล้วค่ะคุณวิลล์”งามพริ้มตอบหวานเป็นพิเศษ อยากขึ้นไปนั่งคู่ให้คนได้เห็นว่าเธอเหมาะสมกับวิลล์มากแค่ไหน
คุณหญิงจิตตรีเอ่ยกับบริวารภายในบ้านด้วยความสดชื่นอย่างปิดไม่ได้ว่า
“เอาล่ะชื่นชมกันพอแล้ว ใครมีหน้าที่อะไรก็แยกย้ายกันไปทำ แล้วเจ้าแป้ง”
แป้งลูกชายยายปุ่นแม่ครัวใหญ่ เสนอหน้าออกมา
“ดูแลคุณวิลล์ เป็นต้นห้องอย่าได้ขาดตกบกพร่อง”
“ขอรับคุณท่าน”
“นอกนั้นไปได้ เว้นเจ้าแป้งไว้คนหนึ่ง”
ทุกคนออกจนหมด พร้อมไปวิพากษ์วิจารณ์ถึงนายเก่าผู้มาใหม่ งามพริ้มแสนเสียดายที่เข้าไปนั่งได้ครู่เดียวก็ถูกไล่ให้ออกมาแล้ว
คุณหญิงเอ่ยกับลูกชายว่า
“วิลล์จะพักผ่อนก็ตามใจนะมาถึงเหนื่อย ๆ”
“พึ่งมาหรือคะน้าวิลล์ ดูสิทุกคนรู้หมดยกเว้นยุดาคนเดียว”
“เซอร์ไพรซ์ไงตื่นเต้นมั้ย”
“ช็อกค่ะ เชิญน้าวิลล์พักผ่อนค่ะ ซี ยู ลาทส เตอร์”
“ยุดา ต้องพูดไทยมาก ๆ น้าเราเขายิ่งเหมือนฝรั่ง”
“ต้องรีบหาแฟนไทยสวย ๆ สอนภาษา น้าวิลล์มีแฟนหรือยังค่ะ”
“แฟน มีแล้ว”
“ใครกัน” พรรณยุดาถามหน้าตาตื่น ก่อนมีท่าทีสลดลง เอ่ยอย่างคอตก ว่า“ฝรั่งอีกแล้วหรือ”
วิลล์ไม่ตอบจากนั้นเดินขึ้นไปบนห้องพักส่วนตัว
ห้องนอนของวิลล์เป็นห้องใหญ่อยู่ด้านหนึ่งของตึกมีมุมส่วนตัวคุณหญิงจิตตรีตกแต่งห้องไว้ให้น้าวิลล์ด้วยตัวเอง
แป้งเก็บของออกจากกระเป๋าใบใหญ่หลายใบเขาวางในที่เก็บอย่างเป็นระเบียบ วิลล์ดูการทำงานแคล่วคล่องของแป้ง
“คุณแม่เทรนให้หรือแป้ง”
“ครับ คุณท่านสอนครับด้านในสุดเป็นห้องน้ำครับพึ่งต่อเติม สวยมากครับคุณท่านจะอาบน้ำก่อนมั้ยครับผมจะผสมน้ำให้ครับ”
“ไม่เป็นไรขอบใจ ร้อนนะอาบน้ำก็ดี”
เขาเดินไปด้านในสุด ห้องน้ำของเขาอยู่ใกล้ห้องนอนตกแต่งด้วยฉากกั้นจนแทบไม่รู้ว่ามีห้องน้ำอยู่ข้าง ๆ นี้ ห้องแต่งตัวอยู่มุมหนึ่งใกล้ ๆ ห้องน้ำจึงสะดวกสบาย ห้องนอนกว้างโล่ง ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกส่งให้ วิลล์หัวเราะชอบใจที่แป้งอุตส่าห์เข้ามาปรนนิบัติถึงที่นี่
“เอาล่ะแป้ง ทำหน้าที่ดีมากแต่ถึงขนาดจะขัดถูให้คงไม่ได้ โอ เค แป้งทำหน้าที่ดูแลทำความสะอาดในห้องของฉัน เรื่องส่วนตัวแป้งจัดเตรียมไว้ก็พอไม่ต้อง พูดว่าอย่างไร ถึงตัวถึงฉัน”
“อ๋อ ถึงลูกถึงคนครับเจ้านาย”
“พูดว่าอะไรนะถึงลูกถึงคนหรือ อืมม์ ไม่ใช่ถึงตัวถึงฉัน” เขาทวนคำ
“ครับท่าน” รับคำแล้วออกไปเร็ว วิลล์พอใจมาก
เขาได้อยู่ส่วนตัวจริง ๆ แล้วในห้องรโหฐาน ทอดกายลงนอนบนเตียงกว้างใหญ่หลังอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยแล้ว กลิ่นหอมจาง ๆ ของหมอนกรุ่นจมูก บ้านเกิดเมืองนอน แม้จะจากไปแต่ในที่สุด เขาก็ได้กลับมาแล้ว
เมื่อย่างเท้าเหยียบแผ่นดินไทยความอบอุ่น แผ่ซ่านทั่วกาย คุณหญิงจิตตรีผู้เป็นมารดายืนร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติ ชายหนุ่มจูบและหอมแก้มมารดา ท่านโอบกอดเข้าแนบแน่น บอกถึงความรักและความปรารถนาแรงกล้าในการรอเขากลับมา
“กลับบ้านเราเสียที แม่รอวิลล์มานานแล้วลูกรัก”
รอมานานแล้ว คำพูดของมารดาดังคำชี้ผิด เขาทิ้งท่านไปอยู่กับคุณย่าจนกระทั่งท่านตายจากสองปีจึงได้กลับ เมืองไทย แผ่นดินที่แม่อยู่
“วิลล์ขอโทษมัม ไม่ว่าเมื่อไหร่ลูกชายคนนี้ก็เอาแต่ใจเสมอ วิลล์จะไม่ไปไหนอีกแล้ววิลล์สัญญา”
น้ำตาของแม่รินไหลปลาบปลื้มเขาพึ่งรับรู้ ท่านรักเขามากแค่ไหน เขาเสียอีกเห็นแต่ความรักของย่า
แม่ผู้ให้กำเนิด หาคนสนิทไว้ดูแลมีห้องชุดส่วนตัว ยกย่องเขาดังราชาก็ไม่ปาน ดูเถิดความอบอุ่นของห้องนอน กลิ่นน้ำหอมที่เขาโปรดปราณ แม่ช่างเอาใจทุกอย่างรู้ใจแม้จะอยู่ไกลคนล่ะมหาสมุทรกั้น แม่ วิลล์spoil เขาครวญ

พรรณยุดานั่งปลายเตียงต่อสายโทรศัพท์ถึงเพื่อนรักเมื่อกะเวลาได้ว่าเลิกเรียนแล้ว คนรับปลายสายนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือมุมห้อง กางตำราและสมุดเล็กเชอร์ ยังสวมชุดนักเรียนแพทย์ครบเครื่อง
“วาสิจ๋า” คงมีข่าวดีเพราะเพื่อนหวานทันทีที่วาสิฐีรับสาย
“จ๋า ข่าวดีหรือจ้ะดีใจด้วยล่วงหน้า อาจารย์รับรักแล้ว”
“ไม่ใช่หรอกเรื่องนั้น แต่ยุดาก็ตัดสินใจส่งการ์ดไป เขาอาจจะไม่อ่านก็ได้”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ ถ้าเขาเย็นชาขนาดนั้นวาสิเชื่อว่ายุดาไม่รักแน่ แล้วข่าวดีที่ว่าอะไร”
“ไม่บอกดีกว่าเปลี่ยนใจแล้ว บ้ายบาย พรุ่งนี้ยุดาจะไปรับนะ”
วาสิวางโทรศัพท์แล้วจึงผุดลุกไปเปลี่ยนผ้าเพื่ออาบน้ำชำระกาย เธอเดินมาได้ครึ่งทางของความสำเร็จแล้ว น้องของเธอ อำภาเล่า จะได้เป็นหมอเหมือนเธอมั้ย
ชุดคลุมสีชมพูสดใสโพกผ้าขนหนูมัดผม วาสิฐีทักทายเพื่อนร่วมหอพักต้องใช้ห้องน้ำรวม โทรศัพท์ดังอยู่นานแล้ววาสิฐีเหลือบมองเบอร์โทรศัพท์ซึ่งขึ้นโชว์เบอร์ของเพื่อนนิสิตแพทย์ร่วมชั้น ชื่อเลียบเมือง ชายร่างสูงโปร่ง น่าตาดีผิวสองสีใบหน้าคมคายแม้จะใส่แว่นสายตา เลียบเมืองจีบวาสิฐีมาตั้งแต่แรกเข้าเรียนกระทั่งปีสุดท้ายนี่แล้ว
วาสิฐีรับสาย
“ไมหรือจ้ะ”
“ครับ ทานข้าวหรือยังผมรับไปทานข้าวนะวันนี้”
“ทานแล้วจ้ะกับวันดี”
วิสิฐีปฏิเสธเช่นเคย ว่าที่คุณหมอไม่ยอมไปไหนมาไหนตามลำพังกับเลียบเมือง เว้นแต่ถ้าอยากไปเที่ยวกับเธอก็ต้องขนนักเรียนแพทย์เกือบทั้งคณะไปด้วย
“ไปทานซะนะผิดเวลาจะเป็นโรคกระเพาะ”
“โรคกระเพาะผมไม่เป็นหรอก เพราะเวลานี้เป็นโรคหัวใจ”
“หัวใจอะไรล่ะ”เธอยั่วเล่นทั้งที่รู้ว่าเขาจีบ
“หัวใจรักวาสิฐีคนดี เป็นหมอประจำตัวให้ผมหน่อยสินะ”
“จะบอกวันดีให้นะเขาถนัดเรื่องหัวใจ”
“งั้นโรคของผมยังไม่กำเริบดีกว่า แค่นี้นะครับ ฝันถึงผมบ้างส่วนผมจะฝันถึงวาสิ”
“ฝันดีนะคะ ไม”
หญิงสาวแสนสวยปิดสายโทรศัพท์ หลังจากอวยพรเพื่อนชายแล้ว เธอเอนกายลงนอนโดยไม่ได้คิดถึงคนที่คุยก่อนหน้านี้แต่อย่างใด!!

ย้อนไปถึงครอบครัวของสุภา หลังจากขายบ้าน และมาซ้อเทาเฮาส์อยู่ เพื่อหวังได้มีเงินเหลือใช้มาก แต่สุภากลับติดการพนันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น เวลาผ่านไปเงินจึงเริ่มร่อยหรอลงทุกที สุภาไม่หยิบจับทำงาน แต่อำภารู้สถานการณ์ดีว่าอนาคตของเธอไม่มีความแน่นอนแล้ว ดังนั้นเด็กสาวจึงหางานพิเศษทำ เพื่อแอบเก็บเงินไว้เพื่อพยุงครอบครัว ความฝันที่อยากเรียนแพทย์ไม่อาจทำให้เธอไปถึงฝัน เพราะทั้งเรียนและทำงานจนไม่มีเวลาที่จะอ่านหนังสือ ดังนั้นแม้แต่มหาวิทยาลัยปิดยังสอบเข้าไม่ได้ อำภาเรียนมหาวิทยาลัยเปิด จบแล้วและได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ มีเงินเดือนพอเลี้ยงตัวเองและส่งเสียน้องสาวคนเล็กอย่างที่อำภาโหยหา โอทีเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น
ลดาวัลย์โยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟา ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่ง สปริงโซฟาดีดตัวทำให้หญิงสาวเด้งตัวขึ้นมาสองครั้ง สุภารำคาญสายตาเมื่อกลับมาจากข้างนอกแล้วเห็นอาการไม่ทุกข์ร้อนของลูกสาวคนเล็ก
“เรียนหนัก หรือว่าเที่ยวหนักกันล่ะทำท่าเหมือนโลกนี้มันทับแกเอาไว้”
“ถ้าโลกทับคนได้ คนที่โดนทับอยู่คือพี่อ้ำไม่ใช่ด๋า แล้วนี่โดนหลอกหมดไปเท่าไหร่ล่ะคุณแม่”
“ใครจะมาหลอกฉัน”
“สารพัดบ่อนนั่นละคุณแม่ ถ้ามันไม่หลอกผีพนัน มันจะเอาเงินที่ไหนมาหมุนมาเปิดกิจการหรูหราได้ล่ะ เงินเดือนคนแจกไพ่ คนดูแลบ่อน มีรายได้มากกว่าเสียอีก ภาษีก็ไม่ต้องเสีย”
“แกก็บอกพี่แกให้ไปทำงานที่บ่อนสิด๋า”
“ไม่มีทาง คุณแม่บอกเองเถอะ พี่อ้ำปากจัดกว่าคุณแม่ร้อยเท่า ด๋าไม่กล้าหรอก เดี๋ยวโดนตบ นี่ด๋าต้องลงทะเบียนใหม่ยังไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเลย”
สุภายิ่งไม่รู้จะขอเงินลูกสาวอย่างไร คิดแล้วนางเจ็บใจไม่น้อย เมื่อหวนย้อนคิดถึงวาสิฐีว่าป่านนี้คงสบายไปแล้ว ถ้าไม่ยกอีกฝ่ายให้คุณหญิง คงกดลูกเลี้ยงไว้ใช้ได้อีกนาน ส่วนอำภาลูกตัวเองนั้นยิ่งโตยิ่งแข็งอย่างที่สุภาได้แต่ด่า ว่าอีกฝ่ายอกตัญญู หรือเนรคุณ โดยที่สุดท้ายต้องขอเงินลูกสาวทุกเดือนไป
อำภายืนรอรถโดยสารอยู่หน้าบริษัท เวลาห้าโมงเย็นเป็นช่วงที่คนมากที่สุดอำภาเดินขึ้นบันไดรถตามลำดับ ขึ้นไปแออัดกับผู้โดยสารจำนวนเกินน้ำหนักแบบรับ แต่รถประจำทางไม่รับขึ้นก็ไม่ได้อีก
อำภาโดนเบียดแทบจะเกือบได้สามีบนรถประจำทาง เพราะแน่นขนัดมาก หญิงสาวระวังตัวแจ กระทั่งถึงอีกป้าย คนบนรถลงมาก อำภาได้ถอนหายใจ ขยับกระเป๋าสะพาย ปรากฏว่าเธอโดนกรีดกระเป๋า
“อ้ายบ้าเอ๊ย พี่จอดรถหน่อย จอดหน่อย”
“จอดไม่ได้ครับ นอกป้าย”
“ฉันโดนกรีดกระเป๋า มันต้องลงไปเมื่อกี้แน่”
“ตามไม่ทันหรอกคุณป่านนี้มันคงไปไกลแล้ว”
“จะจอดหรือจะพูดซ้ำเติมให้ถึงป้าย”อำภาต่อว่าเสียงเขียว กระเป๋ารถร่างท้วม ทำท่าไม่พอใจที่เห็นสาวสวยเอาเรื่องคนขับ ดังนั้นสาวกระเป๋ารถจึงเอ่ยกระแทกเสียงว่า
“ซวยคนเดียวก็พอแล้ว อย่ามาพานให้คนอื่นเขาซวยด้วยเลยน่า”
“นี่เธอว่าฉันหรือไง” อำภาเอาเรื่องด้วยความหงุดหงิด “หรือคิดว่าฉันไม่เคยดูคลิปกระเป๋ารถตบคนแก่ ถ้าคิดว่ามือตีนฉันซุกหีบ หรือว่ามีกำลังน้อยเท่าป้าคนนั้นก็เอาเลยนะ จอดกลางป้ายเลย” อำภาท้ารบ คนในรถพากันตื่นเตจ้น หลายคนนั่งรถประจำกับคันนี้ และได้รับความรกหูรกตามาตลอด วันนี้เกินวีรสตรีดวงตกมาแก้ไขสถานการณ์แค้นฝังใจให้ ใครเล่าจะไม่อยากนั่งรถต่อไปอีกป้ายเพื่อบางคนจะบันทึกคลิปต่อไป
คนขับรถแกล้งขับกระตุก อำภากัดริมฝีปากแน่น กระเป๋ารถหัวเราะเยาะ สุดท้ายจอดป้ายหน้า อำภาจึงได้ลง และคนอื่นก็ลง บางคนพูดกับอำภาว่า น่าจะลากกระเป๋ารถจอมแสบลงมาตบ หรือไม่ก็เอาขวดน้ำฟาดหน้าคนขับรถ
อำภาได้แต่นึกสังเวชตัวเองที่ซวยซ้ำซวยซ้อน กระเป๋าเธอโดนกรีด จึงเข้าไปนั่งยังที่พักโดยสารเพื่อดูว่ามีอะไรที่คนร้ายเอาไปได้บ้าง
“ดีแล้วที่แยกของใช้ไว้”อำภากล่าวสีหน้าดีขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่ากระเป๋าสตางค์ขนาดเล็กอยู่ในกระเป๋ายูนิฟอร์มซึ่งเป็นเสื้อช็อบ และกางเกงหลายกระเป๋า ในกระเป๋าสะพายมีกระเป๋าเอกสารเป็นแบบคลิบเล่มเล็กเก็บเป็นซองคล้ายกระเป๋าเงินทรงยาว คนร้ายได้ไปแค่นั้น อำภาดึงแฟชไดร์ทออกมาจากกระเป๋ากางเกง ยังดีที่เธอรอบคอบ เก็บงานไว้ก่อนกลับบ้านเสมอ อย่างดีคืนนี้ต้องนั่งทำรายงานใหม่เท่านั้น คิดแล้วคนแกร่งยิ้มเยาะคนร้ายที่ได้เอกสารไปเท่านั้น ใจเธออยากให้มันย้อนกลับมาตบเธอสักที เพราะว่าไม่ได้อะไร บางทีเธออาจจะ...อำภาเหยียดยิ้มมุมปาก เมื่อคิดว่า อยากใช้บริการไอ้รถเวรคันเมื่อครู่ ซึ่งเธอโดยสารมาอีกสักครั้ง เสียดายจำหมายเลขไม่ได้เสียแล้ว หาไม่ อาจจะได้ระบายความเครียดจากงานออกไปเสียบ้างก็เป็นได้!!!
วันนี้ที่บ้านสราญจิต
ทุ่มเศษ อาหารค่ำตั้งโต๊ะเตรียมไว้ให้บรรดาเจ้านายของบ้าน นายแพทย์ เดวิด หมอทอแสงกลับเร็วเป็นพอเศษ เพื่อร่วมเลี้ยงต้อนรับวิลล์ คุณหญิงจิตตรีและพรรณยุดา ต่างนั่งรอเวลาอยู่ที่ห้องโถง วิลล์ยังไม่ลงจากห้องส่วนตัว
รถเก๋งสีเหลืองแช้ด แล่นปราดมาจอดเทียบหน้าตึก ห้องโถงติดกระจกรอบมองเห็นหน้าตึกได้ถนัด
หญิงสาวร่างโปร่งทันสมัย ข้างหนึ่งชายกระโปรงปิดเข่าอีกด้านถกเลิกถึงขาอ่อนเช่นเดียวกับเสื้อแขนยาวรุ่ยร่ายปิดเลยข้อพับศอก อีกข้างเปลือยแขนเป็นเกาะอก ดูประหลาดหากก็สวย
“ใครกัน” หมอทอแสงหันขวับที่สามีเขายักไหล่ทำหน้าเบ้ไม่รู้จัก
“แต่งตัวชอบกล” พรรณยุดาเป็นสาวทันสมัยยังมองแปลก
แขกผู้มาเยือนเดินกรีดกรายราวกับกำลังอยู่บนเวทีแสดงแบบชุด เธอผู้แต่งกายสวยไม่สมสถานที่เป็นฝ่ายจับสายตาทั่วทุกคน ก่อนแนะนำตัวเหมือนครูแนะนำต่อหน้านักเรียนว่า
“สวัสดีค่ะทุกคน ฉันเป็นแฟนวิลลิค่ะ”
“แฟน” พรรณยุดาอุทานลั่นกว่าใคร
“เสียสติ” คือถ้อยอุทานต่อท้าย คุณหญิงรีบกระตุ้นข้อมือพรรณยุดาอย่างเตือนไม่ให้เอ่ยวาจาร้ายออกมา แต่ดูเหมือนว่าลิลลี่จะไม่ทันฟัง
“ดิฉันลิลนรีค่า”
คุณหญิงสบตากับลูกชายคนโต ขณะนั้นวิลล์เดินออกจาก้องแป้งรอรายงาน
“คุณผู้หญิงชื่อลิลนรีมารอที่ห้องโถงครับเจ้านาย”
“ลิลลี่” เขาทวนคำก้าวลงบันไดเร็ว ๆ เพื่อไปพบหญิงสาวประหลาด
“ไฮ วิลล์” สาวเจ้าถลาเข้าไปโอบรอบคอชายร่างสูงกว่า 185 ซม
เธอจูบซ้ายขวาและจุมพิตริมฝีปากได้รูปสวยของเขาคนในที่นั้นเบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่นไม่คุ้นกิริยา สาวเหลียวผู้ดูแลรับใช้ด้านอาหารเดินมาเชิญเจ้านายข ต้องยืนอ้าปากค้างตะลึงตะไล
วิลล์โอบเอวคอดกิ่วมาแนะนำมารดา
“ลิลลี่เพื่อนครับคุณแม่ นี่คุณแม่แล้วนั่นพี่ชายพี่สะใภ้”
ลิลลี่ค้อมศรีษะให้เอียง ๆ ไว้ตัวราวกับอยู่ฐานะสูงส่ง พรรณยุดานบนิ้วค้างกับกิริยาฝรั่งจัด คุณหญิงเอ่ย
“คงอยู่เมืองนอกมานานแล้วนะคุณ”
“สองปีค่ะ”เธอตอบอย่างฉะฉาน
ลำไยรู้สึกตัวจึงรีบค้อมกายไปคุกเข่ากับพื้นเชิญคุณหญิงและสมาชิกร่วมทานอาหารค่ำลิลนรีกอดแขนของวิลล์เดินคู่เคียงสู่ห้องอาหาร
“ว้าว ล้อบเตอร์”
พรรณยุดาเหยียดปากอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
“น่าจะให้ป้าปุ่นทำกุ้งเต้นสักจานนะลำไย”
“คุณยุดาอยากทานหรือคะ”
“อือ เขาว่าเวลาทานมันจะดีดดิ้ก ๆ ดัดจริตดีดดิ้นน่ะ”
“ฮะแอ้ม”
เดวิดกระแอมค่อนข้างดัง พรรณยุดาหน้าง้ำทันที อาหารมื้อนั้น คนบ้านสราญจิตต้องพะอืดพะอมกับความดัดจริตของลิลนรียิ่งนักโน่น เพราะความเสแสร้ง ทำไม่รู้จักอาหารไทย ลงท้ายเมื่อมื้อนั้นผ่านไปเรื่องจึงไปดังในครัว
“ต้องล่อสากกะเบือ” แม่ครัวพูดออกมาอย่างหมั่นไส้ “หรืออาจจะเรียกสากกระเบือว่าไม้ท่อนตันอีกเสียก็ไม่รู้”
“ไปว่าคุณผู้หญิงทำไมล่ะแม่” แป้งร้อนตัวกลัวใครจะได้ยินมารดาว่าร้ายลิลนรี “อาจจะเป็นคุณผู้หญิงบราวน์”
“โฮ้ย” นางอุทานไม่เห็นด้วย แต่ก็ฉุกใจ
วิลล์เหมือนใครที่ไหน แต่งกับคนใกล้ตายก็ทำมาแล้ว นับประสากับคนดัดจริตอาจจะถูกใจนายของบ้านก็เป็นได้!!

พรรณยุดากลืนก้อนยินดีทั้งมวลไม่เอ่ยให้วาสิฐีฟังเพราะความผิดหวังในตัวน้าชาย หลังอาหารค่ำวิลล์ออกไปท่องราตรีกับลิลนรีโดยเอารถที่บ้านไปหายไปทั้งคืน
คุณหญิงจิตตรีสะอื้นไห้โดยไม่มีน้ำตา เดวิดปลอบโยนโดยเงียบงันคุณหญิงพยักหน้าคล้ายยอมรับ
“วิลล์เขาเป็นฝรั่ง บางทีประเพณีบ้านเราไม่เหมาะสำหรับเขา”
“แม่”


วันหยุดนี้สองสาวยังสวมชุดนักศึกษาพากันเดินเที่ยวด้วยกัน
“ไม่แจ่มใสเลย”
“เบื่อโลก เบื่อคนเบื่อความหวัง”
“พูดยังกับคนท้อใจ”
พรรณยุดาขยับบอกแล้วเปลี่ยนใจไม่บอก เปลี่ยนเรื่องคุย
“ไปหาซื้อเสื้อผ้ากันดีกว่าวาสิ ยุดาเบื่อชุดเก่า”
“ตามใจ แต่ห้ามซื้อให้วาสิน่ะ”
ทั้งสองเข้าร้านบูติก ชั้นนำ วาสิฐีเหลือบเห็นแป้งจึงทักทายอย่างสนใจ แป้งเข้าร้านหรูมีระดับเธอทิ้งพรรณยุดาแล้วเดินไปทักทายแป้งอย่างไม่ถือตัว
“พี่แป้ง”
“คุณวา”
“นั่นแน่นิยมของมียี่ห้อเสียด้วย”
“เอ่อ เปล่าครับพี่มา ส่ง”
เขาหันไปทางหนุ่มร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างสวมเสื้อโปโลกางเกงผ้าเนื้อดี ชายหนุ่มผู้เหมือนชาวต่างชาติคนนั้น วาสิฐีไม่มีวันลืมวิลล์หันมาทางหญิงสาวตามสัญชาตญาณ คนทั้งคู่สานสบตากันนิ่งนาน ราวถูกมนต์สะกด
“แองเจิ้ล”วิลล์ครางในอก
“น้า เอ่อคุณวิลล์” วาสิฐีเอ่ยแผ่วแทบไม่ลอดริมฝีปากยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อมเขารับไหว้โดยที่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร พรรณยุดาเดินหาวาสิฐีจนพบ
“วาสิ” เมื่อเห็นน้าชายทำท่าทักก็พอดีลิลนรีเข้ามาคล้องแขนวิลล์สนิทสนมยิ่งหัวใจวาสิฐีที่เคยเยียวยาด้วยตัวเองแหลกสลายลงไปอีกครั้ง พรรณยุดายอมเสียมารยาทคว้าแขนวาสิฐีดึงกึ่งลากเพื่อนจ่ำอ้าวไปอย่างไม่สนใจวิลล์ก้าวยาว ๆ ตามหลานสาวขณะเดียวกับลิลนีเกือบวิ่งตาม
“ยูดาร์ ทำไมต้องหนี” เขาเอ่ยถามเสียงดัง
พรรณยุดาหยุดฝีเท้ากึกหันมาเผชิญร่างสูงใหญ่เดินมาจนทันยืนค้ำหญิงสาวทั้งสอง
“หนีทำไม”
“ไม่ได้หนีสักหน่อย”เธอเริ่มเกเร
“ยุดาไปเที่ยวตามประสาสาว ๆ ไม่เกี่ยวกะคนแก่ ๆ”
ลิลนรีเต้นร่า
“ต้ายหยาบคาย”
“ว้อท”เขาไม่เข้าใจคำกระทบกระแทกแดกดัน “พูดช้า ๆ ให้ฟังอีกครั้ง”
“ใครแก่กัน”
พรรณยุดาไหวไหล่ จ้องมองเขม็งท่าทางเกเรไม่ใช่น้อย วาสิฐีกระตุกแขนเพื่อนเป็นการเตือนสติ วิลล์เลื่อนสายตามองร่างบอบบางดูอรชรดังหุ่นแสดงในห้องเสื้อ ใบหน้างามเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดผิวละเอียดลออตา ใจหนุ่มกระตุกวูบวาบเมื่อสานสบนัยน์ตากัน ลิลนรีเร่งชายหนุ่มแสดงออกความเป็นเจ้าของเต็มที่ แต่หนุ่มรูปงามยังคงสนใจวาสิฐีอย่างเปิดเผย
“เพื่อนยูดาร์หรือ”
“วาสิฐีเพื่อนยุดาไงคะน้าวิลล์”
ชายหนุ่มหวนนึกถึงเด็กผอมผมเปียยาว เด็กคนนี้งามที่ดวงตากลมโต สิ่งนี้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อโตเต็มสาวเธอช่างงดงามสะดุดตา
พรรณยุดาเห็น น้าชายให้ความสนใจวาสิฐีอย่างออกนอกหน้า หญิงสาววางแผนแย่ง จากหญิงที่ตนแสนชัง
“ดีเลยจ้ะวาสิ เราเจอเจ้ามือใหญ่แล้วล่ะ น้าวิลล์ต้องไปกับยุดา”
“โอ เค”วิลล์ตอบรับทันที
ลิลนรีขัดเคืองใจไม่ยอมแพ้ จึงกระตุกแขนชายผู้เอาแต่ใจ
“คุณต้องไปกับลิลลี่”
“เอ๊ะน้าวิลล์” พรรณยุดาขึ้นเสียงลืมตัวและมีความโกรธ
ลิลลี่เชิดหน้าหรือวางตัวเป็นต่อ วาสิฐีจึงเอ่ยเบาหากจงใจให้วิลล์และลิลลี่ได้ยิน
“อย่าแกล้งน้าวิลล์เลยยุดา เราไปกันเถอะ”
“ไม่” พรรณยุดาปฏิเสธทันควันไม่รามือง่าย ๆแต่วาสิฐีทักท้วงว่า
“แต่ถ้าเราไปกับคนสูงวัย หนุ่มอื่นจะมองว่ามีคนคุม เดี๋ยวไม่มีใครมาจีบนะจ้ะยุดา”
เพื่อนรักปล่อยแขนจากการยื้อแย่งชายหนุ่ม ผละจากน้าชายด้วยความรู้สึก อยากเอาชนะ ความครัน
“เด็กบ้าปากคอเราะร้าย” ลิลลี่ว่าตามหลัง ไม่ชอบคำว่าแก่ แต่มาได้ยินคำว่าสูงวัยเข้าไปอีก เธอเพิ่งอายุสามสิบกว่ายังไม่ได้แต่งงาน ทำให้อดอิจฉา สองสาวสวยยังสดยังสาวนัก
วิลล์ยอมรามืออย่างไม่เคยเป็น แต่ดวงตาสีน้ำเงินสวยมีแววบางอย่างซ่อนอยู่อย่างเงียบๆ รอเวลาที่จะทำบางอย่างตามแต่ใจตัวเอง ร่างสูง ไหล่กว้างก้าวเดิน พร้อมลิลนรี แป้งเดินไปห่าง ๆ
“ไปไหนคะวิลล์”
“หายูดาร์ ไง เขาหนีไม่พ้น”ชายหนุ่มตอบเต็มคำเขาเข้าใจคำว่าสูงวัย และอยากตามไปคุมเพื่อกันท่าชายอื่นจริง
“ไม่เอานะ ลิลลี่จะไปตามลำพัง”
“ครับเชิญ” เขาพายมือไม่ตามใจ ลิลนรีโกรธจนปากคอสั่นแต่ปั้นอารมณ์กันใหม่
“ตามใจวิลล์ไปไหนไปกัน”
ชายหนุ่มพอใจเสมอที่ได้รับการตามใจ
ร้านอาหารค่อนข้างแน่นวิลล์ถือถาดอาหารเดินมาที่หญิงสาวทั้งสองซึ่งทำก้มหน้าก้มตากินทั้งที่เหลือบเห็นอยู่ไว ๆ ลิลนรียังตามมาอีก
“ขอโทษนะ โต๊ะไม่ว่างเลย” เขาวางถาดอาหารพร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้ลิลนรีและตัวเอง
“เชิญค่า” พรรณยุดาลากเสียงดัง ยักคิ้วให้วาสิฐีอย่างผู้กำชัยชนะ ไม่ใช่เพราะหลานหรอก เพราะวิลล์สนใจวาสิฐีคนงามต่างหาก เด็กสาวยิ้มต้อนรับ
“ยิ้มสวยจังเลย”;ลล์ชมจากใจจริง
เธอเขินจนใบหน้าแดงจัด ทำให้สาวผู้มากวัยหมั่นไส้หากทำอะไรไม่ได้มีใครเคยชนะความเอาแต่ใจของวิลล์บ้าง เพื่อน ๆ ยกฉายาให้เรา สปอย แมน คุณผู้ชายเสียนิสัย
“ยูดาร์จะซื้อของต่อมั้ย”
“ไงวาสิเอาไงดี”
วาสิฐีพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลาเกือบทุ่มแล้ว วิลล์เข้าใจว่าเธอต้องรีบกลับจึงแนะนำ
“โทรบอกผู้ปกครองก่อนมั้ยผมจะไปส่งเอง” เขาบอกอ่อนโยนและสุภาพ ลิลนรีอีกที่สอดแทรกด้วยความอิจฉา
“วิลล์เขาชอบทำเป็นสุภาพบุรุษกับสาวทุกคนนั่นแหละอย่าเอาไปฝันนะจ้ะ แต่งชุดนักศึกษาอย่างนี้ด้วยเดี๋ยวเรียนไม่จบ”
“อย่าห่วง” ยุดาอีกที่เอาเรื่อง
“เราจะอยู่เป็นโสดจนแก่เลยล่ะ”
อีเด็กเวร ลิลนรีด่าปาวในอก ถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติของฝ่ายชายที่ใฝ่ปองได้เห็นดีกันวาสิฐีมองเพื่อนอย่างขอความเห็น วิลล์ไม่รู้ว่าวาสิฐีอยู่บ้านเดียวกับเขา
“กลับดีกว่ายุดาไปส่งวาสิฐีเองไม่รบกวนน้าวิลล์ค่ะสองทุ่มเจอกันนะคะน้าวิลล์”
“ครับได้วันนี้มีเรื่องจะคุย”
วิลล์สั่งหลานสาวตามหลังไป พรรณยุดาหันมาโบกมือให้น้าชาย
งามพริ้มแต่งชุดลำลองขึ้นมาบีบนวดให้คุณหญิงจิตตรีที่ห้องนั่งเล่นพรรณยุดาและวาสิฐีเขาไปทักทายแล้วขอตัวอาบน้ำโดยฉุดเพื่อนไปด้วยงามพริ้มลอบมองค้อนวาสิฐี เด็กกำพร้าในปกคองของคุณหญิงแต่อยู่บนตึกใหญ่เช่นเดียวกับพวกคุณ คุณ โดยเฉพาะเวลานี้วิลล์ก็กลับมาอยู่ที่นี่แล้ว
“พอแล้วล่ะพริ้มขอบใจนะที่บีบนวดให้ เก่งเหมือนกันนะเรา”
“ขอบพระคุณที่ท่านชมค่ะ”
“จบแล้วจะทำงานทำการอะไร เหมือนแขไปฝึกงานสอนที่ต่างจังหวัดแล้ว”
“พริ้มจบเลาขาค่ะคุณท่าน พริ้มขอทำงานที่บริษัทของคุณท่านได้มั้ยคะ”
“เดี๋ยวคุยกับวิลล์ เขาจะกลับมาบริหารงานเองเขาจะอยากได้เลขาไว้”
งามพริ้มสุขวาบในอก ภาวนาให้วิลล์รับ วิลล์ตามกลับมาบ้านไม่ช้านานเลยคุยกับมารดาที่ห้องนั่งเล่น
ครู่หนึ่งพรรณยุดาและวาสิฐีก็ลงมาสมทบ เขาแปลกใจเมื่อเห็นวาสิฐีพักที่นี่ งามพริ้มรู้สึกต่ำต้อยทันทีที่วาสิฐีเข้าไปนั่งบนเก้าอี้เช่นคุณ ๆ แต่เธอนั่งกับพื้นใกล้คุณหญิงจิตตรี กล้าพูดกล้าแสดงออกในความต้องการของตนเองนั่นคือความกระด้างไม่น่าเอ็นดูของงามพริ้ม
“คุณวิลล์จะทำงานเมื่อไหร่คะ”
“เร็ว ๆ นี้แหละต้องไปเรียนรู้งานอีกมาก”
“พริ้มเรียนจบแล้วพูดได้สามภาษา พริ้มขอสมัครเป็นเลขาได้มั้ยค่ะ”
คิ้วเข้มขมวดนิด ครุ่นคิดเป็นครู่หนึ่งจึงตอบเรียบเฉยสำเนียงแปร่ง
“เอาไว้ฉันเริ่มงานเมื่อไหร่เธอไปสมัคที่บริษัทถ้าผ่านการคัดเลือกก็ตกลง”
เด็กสาวอัดอั้นในใจยิ่ง เขาพูดแบ่งชนชั้นเห็นชัดเมื่อหันไปคุยกับวาสิฐีใช้คำพูดอีกอย่าง
“วาสิคงเรียนจบพร้อมยูดาร์จบอะไรครับ”
“ยังไม่จบค่ะเหลืออีกสองปี”
“วาสิเขาจะเป็นคุณหมอ” พรรณยุดาโอ้อวด
“ตำแหน่งเลขาของน้าวิลล์ยุดาจองไว้แล้วจะทำเองค่ะไม่สอบสัมภาษณ์ด้วย”
งามพริ้มกดเล็บกับฝ่ามือตัวเอง พรรณยุดาจงชังเธอมาตั้งแต่เด็กจนเดี๋ยวนี้ก็ยังแสดงความเป็นนายแจ่มชัด
“ ออล ไรท์ ยูห้ามทำให้ไอเสียงาน”
“ไม่มีปัญหา ๆ ฝึกงานอาทิตย์หน้านี้เลยพูดได้ไม่กี่ภาษาหรอกค่ะแต่เอาตัวรอดได้ทุกภาษา”
คุณหญิงจิตตรีชื่นใจยิ่งเมื่อ นายแพทย์เดวิดเข้าไปร่วมสนทนาพร้อมหมอทอแสงหลังกลับจากทำงานและชำระกายเรียบร้อย คนงานในบ้านยังชอบมาแอบดูวิลล์ด้วยหลงความงามดังดาราของเขา
“วาสิผอมไปหรือเปล่า ยามมองดูซูบไปนะลูก” คุณหญิงถามด้วยความห่วง
“ทานอาหารไม่ค่อยได่ค่ะคุณท่านทานแต่ผักผลไม้”เธอตอบ
“Dat หรือ ผมไม่เห็นว่าอ้วนเลย”วิลล์แทรก
นายแพทย์ เดวิดเอ่ยคำอธิบายเพราะรู้ดีสุด
“ตอนนี้นักเรียนแพทย์ผอมเหมือนวาสิทุกคนแหละครับคุณแม่เพราะต้องผ่าศพทุกวัน”
“ยี้ มือนี้จับคนตายทุกวันล่ะสิ” พรรณยุดาปัดมือเพื่อนออกจากที่วางแขนวาสิจึงกางมือทำท่าดังผีไหล่จับเพื่อน ทุกคนหัวเราะกันสนุก คุณหญิงจิตตรีเอ่ย
“มิน่า หมอหลายคนเป็นมังสะวิรัต”
“ยาฆ่าเชื้อเป็นน้ำหอมส่วนตัวจริงมั้ยหมอแสง” หันไปหยอกภรรยา
พรรณยุดาทำดอมดมเพื่อนรักแล้วปิดจมูก
“เหม็นจริง ๆ ด้วยค่ะคุณยาย หมอวาสิคุณใช้น้ำห้อมยี่ห้ออะไรเนี่ย”เธอเย้าเพื่อน
“disinfeetent ค่ะคุณยุดา แต่สำหรับคุณหมอจะแนะนำให้ใช้ stryehnine นะคะ”
“อะไร” พรรณยุดาไม่เข้าใจศัพท์แพทย์นัก
“ยาเบื่อ”
ทุกคนสนุกสนานกับการสนทนา แต่งามพริ้มขัดหูขัดตายิ่งนัก ลำไยผู้ช่วยแม่บ้านวัยสามสิบนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ทุกคน คุณหญิงเอ่ยถามบุตรชายคนเล็ก
“ดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้นะวิลล์”
“ผมทานข้าวแล้วครับ พวกเหล้าหรือของเมาผมจะดื่มเป็นบางโอกาสเท่านั้น”
“ลิลนรี เป็นคนพิเศษหรือเปล่า” มารดายังห่วงในเรื่องนี้อยู่มาก และมิอาจยอมรับหญิงสาวได้ วิลล์หัวเราะในลำคอบเบาๆ
มารดาทำหน้าตึงไปนิด ชายหนุ่มจึง ตอบให้ท่านคลายใจ
“ไม่ใช่หรอกครับคุณแม่”
“แม่โล่งใจมากทีเดียวรู้มั้ย” คุณหญิงถอนใจยาวโล่งอย่างปากพูด
“แม่ไม่ชอบเธอหรือครับ”
“ใครชอบบ้างบอกแม่ที เขาไปเมืองนอกแค่สองปีแต่เป็นฝรั่งมาก คนไทยลืมความเป้นไทยแม่ไม่พอใจเอาเสียเลย”
“ผมจะมีภรรยาเป็นคนไทยแบบพี่เดวิดครับ”
หมอทอแสงยิ้มรับหน้าบานไปกว่าเดิม ไม่ฉุกใจความหมายลึกในถ้อยประโยคแบบพี่ชายคือภรรยาต้องเป็นหมอ



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2555, 10:05:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2555, 10:05:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1940





<< สายรุ้งของยุดา   ต้นรักผลิใบ >>
nutcha 8 พ.ค. 2555, 14:21:38 น.
เอ....ถ้าจำไม่ผิดวิลล์ไมได้คู่กับวาสิใช่ไหมคะ


nutcha 8 พ.ค. 2555, 14:21:52 น.
เอ....ถ้าจำไม่ผิดวิลล์ไมได้คู่กับวาสิใช่ไหมคะ


นางแก้ว 8 พ.ค. 2555, 16:57:06 น.
หนูเขียนเองหนูก็ว่าหนูจำไม่ผิดนะคะว่าเรียงพระเอกนางเอกถูก อิอิ ฉากใหญ่หลายคู่น่ะอยู๋ข้างหน้าค่ะพี่นุช เดี่ยวก็มาถึงแล้วล่ะค่ะ เรื่องนี้ยาวมั่กมั่ก


คิมหันตุ์ 8 พ.ค. 2555, 17:12:03 น.
โอ้ย. โดนสปอยเลยง่ะอุส่าแอบคิดไปแล้วว่าเสร็จน้าวิลล์ T___T


nunoi 8 พ.ค. 2555, 18:47:06 น.
แหม!ไม่ทันไรก็จะหาภรรยา แบบพี่ชาย ทั้งผู้หญิงไทยและมีอาชีพเป็นหมอ เชียวเหรอค่ะน้าวิลล์


Thananya 8 พ.ค. 2555, 19:05:25 น.
ตอบนี้สนุกจัง ลุ้นๆๆ หนูวาสิร่าเริงขึ้นเยอะนะเนี่ย


นางแก้ว 8 พ.ค. 2555, 19:06:57 น.
รับรองพระเอกเรื่องนี้น่าร๊ากกกกกกกกกกกทุกคน


Zephyr 8 พ.ค. 2555, 20:10:36 น.
แหงะ อยากอ่านต่อแล้วววววว วาสิจะคู่กะวิลล์ป่ะคะ คู่เถอะดูน่ารักออก แถมน้าวิลล์จะได้ไม่ผิดคอนเซปต์ เมียเป็นคนไทยและเป็นหมอ ฮ่าๆๆๆ คู่ยุดากะอาจารย์แมคก็น่าลุ้นนะคะ อิอิ เลียบเมืองกับน้องอ้ำรึป่าว แต่จะจเอกันยังไงเนี่ย


tookta 8 พ.ค. 2555, 22:38:33 น.
สายรุ้งของน้องวา มาแล้วจ้า


sirynth 12 พ.ค. 2555, 23:09:05 น.
ugh, how can Will & Wasi not a couple? Sad day for me.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account