รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: ต้นรักผลิใบ

อากาศยามเช้าค่อนข้างสดชื่นเพราะอยู่ในช่วงปลายหนาว นายแพทย์เดวิดและหมอทอแสงออกกกำลังกายที่สนามหญ้า วิลล์อยู่ในชุดวอร์มเดินไปร่วมบริหาร
“ตื่นเช้าครับเดฟ” ประโยคของน้องชายถ้าคนไม่ใกล้ชิดจะเข้าใจว่าเขาพูดถึงตัวเองแต่จริงแล้วเขาทักพี่ชาย น่าจะพูดเดฟตื่นเช้าเชียวครับ
“วิลล์ก็ตื่นเช้าทั้งที่เวลาเมืองไทยต่างกับอเมริกา”
วาสิฐีวิ่งออกกำลังกายผ่านถนนหน้าตึก เร็วทันกันวิลล์ขอตัวจากพี่ชายวิ่งตามไปแป้งก็เร็วเช่นกันคว้าจักยานของเหลียวปั่นตามตะกร้าหน้ารถมีเครื่องดื่มเกลือแร่แช่เย็นหมอทอแสงเอ่ยพร้อมบิดตัวบริหารเอว
“วาสิฐีอาจจะทำให้คุณวิลล์อยู่เมืองไทยตลอดไป”
ถ้าเป็นวิลล์ เหมาะสมกันหรือพ่อม่ายวัยสามสิบปี
“คุณแม่คงไม่ยอมง่าย ๆ แน่ วาสิฐีเป็นกำพร้าฐานะเดียวกับงามพริ้มหรือเหมือนแข แต่ถ้าเป็นลับ ๆ อาจจะได้”
“หมอทอแสง คนที่คุณพูดถึงอีกหน่อยจะเป็นหมอ อาชีพที่คนยกย่องที่สุดไม่ใช่หรือ”
“คุณก็เคยยกย่องมาแล้ว ในฐานะคนไข้ใจ”เธอเลี้ยวกลับเรื่องเก่า“เมื่อคืนที่วิลล์พูดว่าจะมีภรรยาเหมือนพี่เดวิด อาจจะซ่อนคำว่า หมอ ก็เป็นได้ไม่ใช่หรือ”
ผู้หญิงขาดเสน่ห์ก็ตรงที่ชอบฟื้นฝอยหาตะเข็บเดวิดรับฟังโดยไม่เปิดปากคำใดๆอีก และเขาไม่เห็นว่ามีผิดสิ่งใดถ้าวิลล์จะรักหรือแต่งงานกับวาสิฐี...ในเมื่อครั้งหนึ่งเขายังมีใจถลำไปเช่นกัน เด็กแสนดีคนนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ไม่ใช่ตราบาปที่ไม่อาจแต่งงานกับคนต่างฐานะกัน!
ร่างบางออกตกใจเมื่อจู่ ๆ วิลล์ก็วิ่งไปตีคู่
“อรุณสวัสดิ์ว้าส”
“วาสิค่ะ วาก็ได้ไม่ใช่ว้าส”
“ว้าส”
“วา”
“wow”
วาสิฐีหัวเราะกับลิ้นอ่อนสำเนียงแปร่ง ๆ
“น้าวิลล์ตื่นเช้าจังเลยนะคะท่าทางสดชื่นด้วย”
“ฝันดี มีนางฟ้าผมดำเป็นประกาย” เขาจีบเธอไม่ผิดแน่ วาสิฐีทำเฉไฉออกนอเรื่องไปถึงสาวลิลนรี “ผมสั้นดัดปลายหรือเปล่าคะ”
เขาทำตาพราวเมื่อหญิงสาวรู้ทัน สองหนุ่มสาววิ่งรอบสวนสาธารณะแล้วจึงเดินไปหาที่นั่ง แป้งรีบบริการเครื่องดื่ม
“ขอบคุณค่ะพี่แป้ง”
“แป้ง เก่งมากทำงานได้ดีเยี่ยม ขากลับขี่จักรยานกลับมั้ยว้าว”
“วาสิต่างหากค่ะไม่ใช่ว้าว วาสงสารจักรยาน”
“ทำไมล่ะ” เขาเว้นวรรคนิดพยายามเอ่ย “ว้าส”
“น้าวิลล์ตัวโตไงคะ”
“อื้ม อย่างนั้นราจะขี่จักยานกลับบ้านกัน” เขาคว้ามือนุ่มเล็ก ๆ จูงไป เธอดึงออกหากเขาจับแน่นเดินแน่วไปที่จักยานคันเดียวกับที่แป้งขี่มา
“นั่งซ้อน” เขาสั่ง เธอทำตาม
หัวใจสองดวงต่างคนหากเต้นเป็นจังหวะเดียวกันอยากให้ถนนสายนี้ยาวไกลออกไปอีก ไกลหลาย ๆ กิโล
“น้าวิลล์จะไปไหนคะ” หล่อนถามเมื่อเขาเลี้ยวไปซอนอื่น
“ขี่เล่นหลาย ๆ ซอย เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กผมไปทุกซอยเลยนะ บ้านไกลออกไปเยอะทีเดียว”วิลล์บอกเล่าด้วยท่าทีมีความสุข
ทั้งสองมีความสุขตามลำพังอย่างเงียบๆ หารู้ ไม่ว่าแป้งนอนแผ่หลาบนพื้นสนามหญ้านอนหอบเป็นสุนัขเหนื่อยจัด งามพริ้มเดินเข้าไปใกล้ ยืนค้ำศีรษะชายหนุ่มรุ่นพี่ แป้งเขารีบผุดลุกขึ้นนั่งและยืนเผชิญ
“แป้ง”งามพริ้มเรียกอีกฝ่ายเสมอตัว
“ไปกับคุณวิลล์ทำไมกลับคนเดียว”
“เจ้านายไปกับคุณวาสิฐี” เขาจงใจบอก “ท่าทางมีความสุขมากเสียด้วยสิพริ้ม”
“อย่าเรียกฉันว่าพริ้มเฉย ๆ นะฉันไม่ได้เป็นคนใช้เหมือนกับเรา”
“ประทานโทษเถิด ฉันไม่ได้กินเงินเดือนของเธอ และเธอไม่ได้มีฐานะเหนือกว่าฉัน ฉันโตในบ้านนี้เหมือนเธอไอ้ที่ฉันไม่เรียนปริญญาตรีไม่ใช่ว่าคุณท่านไม่อุปการะ แต่ฉันมันคนสันดานขี้เกียจ งามพริ้ม ฉันจะสอนให้อีกอย่างนะว่า ให้คนอื่นเขายกย่องเรา ดีกว่าบังคับให้คนอื่นให้คนอื่นจำยอม เพราะเธอจะไม่มีวันได้สิ่งนั้นตลอดชีวิตของเธอ ไปล่ะนายฉันมาแล้วทั้งสองคนเสียด้วย” แป้งทิ้งท้ายให้งามพริ้มริษยาต่อวาสิฐีเสียอย่างนั้น
ชายร่างสันทัดวิ่งไปรอรับหน้าเจ้านาย ซึ่ง วิลล์ คงเหนื่อยจัดเพราะหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อไหลย้อย ลูกคุณหญิงใช้เท้ายันพื้นให้วาสิฐีลงแล้ว จึงส่งรถให้แป้งนำไปเก็บ เมื่อว่างมือแล้ว วิลล์จึงตบบ่าคนสนิทเอ่ยชม
“ต่อไปจะมีเงินพิเศษให้กินขนม”
“ขอบพระคุณคร้าบเจ้านาย”
“บ่าย ๆ จะไปเที่ยวเตรียมรถไว้”
วาสิฐีแยกไปรอชายหนุ่ม วิลล์เดินเข้าตึก งามพริ้มเข้าไปพูดคุยซักถามเรื่องต่าง ๆ ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับวิลล์ เพราะเขามองอีกฝ่ายเหมือนพวกเซลแมนกำลังเสนอขายสินค้าอะไรสักอย่างที่เขาไม่พอใจ และคนอย่างวิลล์ไม่ปิดปากกับความคิด เขาจึงตัดบทกับอีกฝ่ายว่า
“ฉันไม่รู้เรื่องที่เธอถาม และไม่อยากฟังเรื่องที่เธอพูด” กล่าวจบเขาเร่งฝีเท้าจากไป
ทิ้งให้งามพริ้มมองความหวังที่ดับวูบเหมือนไฟฟ้าถูกตัดอย่างไรอย่างนั้น

วิลล์ มองดูความวุ่นวายในบ้านของเขา ทั้งที่เป็นวันหยุดหลังอาหารเช้าเขาไปหามารดาที่ห้องนั่งเล่นลายทองจดคำสั่งอยู่ใกล้ ๆ งามพริ้มและเหลียวลำไยช่วยกันจัดดอกไม้
“ครึกครื้นจังบ้านเรา พี่เดวิดไปคลินิกหรือครับ”
“จ้ะวันเสาร์เขาช่วยหมอแสงได้พักจริงก็วันอาทิตย์”
“หน้าจะเปิดเป็นโพลีคลินิกแบบสิบเตียงยี่สิบเตียง”
“ชวนพี่เขาสิจ้ะอีกหน่อยบ้านเราก็มีหมออีกคน”
“วาสิฐีอยู่ที่นี่หรือครับแม่”
“จ้ะนี่วิลล์ไม่รู้หรือว่าเขาอยู่ที่นี่มาเจ็ดปีแล้ว”
“ไม่ทราบเลยครับ ผมเข้าใจว่าเขามาพักกับยูดาร์เพราะเห็นสนิทกันตั้งแต่เด็ก”
“กำพร้าพ่อตายแม่เลี้ยงเขาจะไม่ให้เรียนต่อ แม่เสียดายอนาคตจึงอุปการะไว้”
“ดีนะครับ ไม่เช่นนั้นบ้านเราอาจขาดบุคลากรที่สำคัญไปคนหนึ่ง นี่จัดงานอะไรครับ”
“เลี้ยงต้อนรับวิลล์ไงล่ะวันนี้แม่ชวนญาติสนิทมาหลายคน แค่ลูกหลานก็เกือบครึ่งร้อย”
“โอ้โห”
“มีเพื่อน ๆ คนไทยบ้างมั้ยชวนมาสิจ้ะ”
“พอมีครับสองสามคน เขากลับเมืองไทยก่อนผมทั้งสองคน ดีเลย” เขาเรียกคนสนิทสั่งความ
“สมุดโทรศัพท์สีเทาเล่มขนาดฝ่ามือเอามาให้ที”
“ครับ” แป้งทำหน้าที่รวดเร็ว ร่างสันทัดของเขาวิ่งสวนทางกับพรรณยุดาซึ่งกำลังเดินลง พรรณยุดาดุอีกฝ่ายด้วยเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“เอ้านายแป้งเดี๋ยวได้ตกบันได”
“คุณยุดาพึ่งตื่นหรือครับ”
“ทางการแพทย์เขาว่าคนตื่นสายจะอารมณ์ดีไม่รู้หรือ เห็นวาสิมั้ย”
แป้งนึกคิด เขาไม่เห็นวาสิฐีเลย ตั้งแต่วิ่งออกกำลังกายแล้วแยกกับนายผู้ชายของเขา วาสิฐีหายไปไหนเขาไม่ทราบเลย
“ไม่ทราบครับหลังอาหารเช้าก็ไม่เห็นเลยครับ ผมไปนะครับจะรีบเอาสมุดให้คุณวิลล์”
พรรณยุดากดกริ่งหน้าห้องอาหาร เหลียวรีบลามือไปทำหน้าที่ปรนนิบัติคุณหนูของบ้าน ส่วนแป้งนำสมุดไปให้นาย ชายลูกครึ่ง ซึ่งเหมือนฝรั่งอย่างแทบไม่มีเชื้อไทย เว้นแต่ผิวดีไม่ตกกระหรือดูหยาบ รับมาแล้วเดินไปที่ศาลาลม
วิลล์ต่อสายโทรศัพท์ส่วนตัวถึงเพื่อนสนิทจนครบ ส่วนพรรณยุดาถามหาเพื่อนสนิทจากสาวใช้ร่างโย่ง
“วาสิอยู่ไหนละเหลียว”
“แกะผลไม้อยู่ในครัวกับป้าปุ่นค่ะ”
“เออน่าสนุกไปดูดีกว่า” เหลียวยิ้มรับ ไม่ต้องบอกก็รู้พรรณยุดาติดเพื่อนเป็นตังเม
ในห้องครัว ซึ่งแยกส่วนออกจากคฤหาสน์ใหญ่ไปทางด้านหลัง เป็นห้องใหญ่ กว้าง ไม่กันห้อง ภายใน เต็มไปด้วยตู้แช่แข็ง และเฟอร์นิเจอร์เข้าชุดตกแต่ได้ทันสมัย
โต๊ะไม้ ขัดเงา มีหญิงหลายคน รวมทั้งวาสิฐีและป้าปุ่น กำลังช่วยกันแกะสลัก ผลไม้ เพื่อออกงานเลี้ยงในคืนนี้
มือเรียวขาวแกะสลักผลไม้เป็นรูปดอกไม้ต่าง ๆ แคล่วคล่องและสวยงาม พรรณยุดากระแอมให้เสียง หลายคนขจึงทัก ส่วนเพื่อนรักเลื่อนเก้าอี้ให้นั่งใกล้อย่างรู้ใจ หลานสาวคุณหญิง ลองทำดูบ้างทำได้ช้าแต่ก็สามารถทำจนสำเร็จ ดอกโบตั๋นขนาดเล็กจากผลแคนตาลูป ทำให้พรรณยุดาภูมิใจมาก เอ่ยกับวาสิฐีว่า
“อ้ะดอกนี้จัดไว้ต่างหากจะให้คนพิเศษ”
“ฮ๊า แน่ใจหรือคนพิเศษคนนั้น”
“ให้วาสิ ต่างหากล่ะ เนี่ยพอส่งการ์ดไปให้เขาแล้ว ยุดายังมานอนนึกว่าขออย่าให้เขาอ่านเข้าใจเล้ย”
“นั่นแน่ ใบ้คำหรือ”
“คล้าย ๆ ไม่เอาไม่พูดแล้ว ถ้าเขามองว่ายุดาเพี้ยนยุดายังไม่รู้จะเอาหน้าซุกตรงไหน”
“ซุกทำไมออกจะสวย เอางี้อีกหน่อยวาสิเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งแล้วจะแปลงโฉมให้ยุดา”
“ดาราไหนล่ะที่ว่าสวยล่ะ”
วาสิฐีแทบไม่รู้จักดาราไทยเลยสักคน ตั้งหน้าเรียนมีบ้างไปดูหนังกับพรรณยุดาก็จะเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
“ซินดี้ คลอฟอด”
“ยี้ ป้าแกแก่แล้วนะวาสิ ไม่เอาหรอกอยู่หมวย สวยเซ็กซี่อย่างนี้ละ”
นางปุ่นแม่บ้านพร้อมลูกมืออีกสองคน ฟังการกระเซ้าเย้าแหย่กันอย่างเพริดเพลิน พรรณยุดาผุดลุก เดินไปทางด้านหลัง เปิดประตูเย็นดูของที่จะเป็นเมนูเด็ด งามพริ้มปั้นหน้าถมึงทึงเข้ามาในครัว เห็นวาสิฐีชะเง้อชะแง้มองอะไรบางอย่างเธอไม่ทันดูว่าวาสิฐีทำอะไรจึงกระแนะกระแหน
“เรียนหมอแล้วดีจังเลยนะ ได้สิทธิพิเศษหาเรื่องอ่านหนังสือหรือไม่ ก็หนีเข้าครัวมาหาอาหารสมอง”
วาสิฐีรู้ตัวเสมอว่าเป็นที่อิจฉาริษยาของงามพริ้มมานาน เธอไม่ตอบโต้แต่เอ่ยเสียงอ่อน
“เหนื่อยหรือพริ้ม ทานผลไม้มั้ย”
“โอ้ย ใครจะว่างดอกไม้ยังจัดไม่เสร็จเลยมีน้ำใจก็ไปช่วยกันบ้าง”
นางปุ่นอดไม่ไหวจึงแก้ต่างให้คนที่นางรัก
“คุณวาสิเธอช่วยทำผลไม้ตั้งแต่เช้าไม่ได้นั่งเฉย ๆ นะแม่พริ้ม”
“ยุ่ง ฉันถามยายปุ่นเมื่อไหร่”
พรรณยุดาเปิดตู้เย็นเดินออกมาให้งามพริ้มเห็นหญิงผิวคมคล้ำนิ่งขึงดังถูกจับตอกตรึง รู้ดีพรรณยุดาไม่ให้ใครแตะต้องเพื่อนของเธอท่าทางพรรณยุดาโกรธมากจึงเอ่ยเสียงขุ่น หน้าเครียดจัด
“ถ้าเหนื่อยก็พักขาดเธอเสียคน งานเขาไม่ชะงักหรอก วาสิฉันไม่ได้กินแรงของใครจำเอาไว้ด้วย ฉันได้ยินที่เธอว่าทั้งหมดนะพริ้ม”
“คุณยุดา”
“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไป อ้อปุ่นกลางวันทำสลัดกุ้งให้ยุดากับวาสินะวาสิทานกุ้งได้ใช่มั้ย”
เธอหันไปถามวาสิฐี งามพริ้มต้องตากหน้ากลับไปท่ามกลางความสะใจของผู้ช่วยแม่บ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ และ ไม่มีใครสักคนชอบนิสัยขี้อิจฉาของงามพริ้ม
เมื่อยู่ตามลำพังแล้ว งามพริ้มปิดห้องร้องไห้โฮ เธอไม่ยอมรับว่ามีสิ่งใดสู้วาสิฐีได้ เธอคิดว่าเธอเพียงแต่โชคร้ายที่พรรณยุดาชิงชังสุดท้ายเธอคิดร้ายกับความรักแน่นเหนียวของสองสาวที่มีให้กันราวกับเกิดมาจากสายเลือดเดียวกัน
‘พวกแกเป็นเลสเบี้ยน พวกวิปริตวิตถารฉันไม่แพ้แกหรอกนังวาสิฐี’

อาหารตั้งโต๊ะลายทองร่วมโต๊ะกับคุณหญิงจิตตรีและวิลล์ พรรณยุดาและวาสิฐี งามพริ้มแอบมองอยู่ข้างตึก มืออบอุ่นของเหมือนแขแตะเบา ๆ เข้าใจงามพริ้ม
“แข มาเมื่อไหร่”
“พึ่งมา เห็นท่านกำลังทานอาหารเลยยังไม่ไปรบกวน ใครหรือฝรั่งคนนั้น แฟนคุณยุดาใช่มั้ย”
“คุณวิลล์กลับมาแล้ว”
“เหรอแล้วนี่จะมีงานต้อนรับหรือไงจึงดูยุ่ง ๆ กัน”
เหมือนแขไม่ได้เข้าใจผิดเพราะคนงานในบ้าน จัดโน่น นี่วุ่นวายมีเวทีแสดงข้างสนาม
“คงจัดต้อนรับคุณวิลล์คนนี้”
“งั้นเราไปช่วยเขากันเถอะ”เหมือนแขหญิงสาวน้ำใจงามเอ่ยชวนเพื่อน แต่งามพริ้มมีปัญหาทุกครั้งไปเช่นเดียวกัน
“ขณะที่เราทำงานงกงกเหมือนคนใช้ แต่วาสินั่งชูคอ อย่างลืมตัวว่าเป้นแค่คนอาศัย”
“พริ้ม เธอควรปล่อยวางเรื่องนี้ได้นานแล้วนะ”
“ฉันไม่ปล่อยหรอก มันกะเรากำพรืดเดียวกัน”งามพริ้มเอ่ยอย่างดื้อด้าน
“เธอน่าจะรู้ เพราะฉันพูดไปหลายครั้งแล้ว เราสองคนได้รับการอุปการะฐานะกำพร้า แต่วาสิฐีในฐานะหลานคนหนึ่งดูคุณท่านพูดแทนตัวเองท่านใช้คำว่ายายทุกครั้ง”
“จนวาสิเหลิงคิดว่าตัวเองเป็นลูกท่านหลานเธอ”
“ฉันไม่เคยได้ยินวาสิเรียกว่าคุณยายอย่างคุณยุดาเรียก วาสิยังเรียกคุณท่าน เรียกคุณหมอว่าอาจารย์ กับพวกคนงานแก่กว่าก็เรียกพี่เรียกน้า เธอน่าที่จะคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้วนะพริ้ม”
“ฉันจะไม่ จนกว่าฉันจะได้ดีกว่ามัน”
เหมือนแขโคลงศีรษะอย่างอ่อนระอาในความดื้อรั้นของงามพริ้ม หญิงสาวผู้เจียมตัวมีความคิดส่วนตัวว่า
แข่งเรือแข่งพายยังแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาอย่าหมายแข่ง!!
ที่บ้านสิงหเสนา
เลียบเมืองปิดตำราเรียนบิดขี้เกียจกระดูกลั่นกรุบกรับ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาดี ออกไปเดินเล่นในสวนด้านหลัง สายตาในกรอบแว่นมองไปที่ ซุ้มศาลาทรงไทย ซึ่งมีกรงนกแขวนไว้ดูเล่น เลียบเมืองเห็นพี่ชายของเขาคือเมืองเอก นำข้อสอบมาตรวจทานอย่างขะมักเขม้น นักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายเดินไปหาคนเป็นพี่ เมืองเอกทักทายโดยที่สายตายังไม่คลาดจากกองงานตรงหน้า
“ใครว่าเป็นครูสบายมีวันมากกว่าอาชีพอื่น ๆแต่พี่ผมยังทำงานไม่หยุด”
“อีกหน่อยเป็นหมอก็ไม่ได้หยุด”
“พี่บุษยังไม่มาอีกหรือครับ ปรกติป่านนี้มาส่งปิ่นโตแล้ว”
“นายก็พูดเป็นเล่นไปได้” เขาว่าให้
“ผมเห็นจริงอย่างนั้นนี่ครับ พี่บุษไม่เคยมามือเปล่า ผมว่าแต่งงานแล้วก็หาทำเลเหมาะ ๆ เปิดร้านขายอาหารไปซะอีกอาชีพดีมั้ยพี่แมค”
“คงไม่เปิดใกล้คลินิกของนายนะไม”
“โธ่ผมจะไปได้ประโยชน์อะไร มีคนป่วยที่ไหนร้องกินอาหารบ้างละครับ”
“เออจริง หัวไวสมเป็นหมอ”
เลียบเมืองหามุมนั่งไม่รบกวนการทำงานของพี่ชาย แต่สายตาก็ยังเห็นปึกโปสการ์ดของคนเสน่ห์แรง เขาผุดลุกหยิบไปอ่านอย่างถือวิสาสะ
“นักศึกษาสาว ๆ ทั้งนั้นไม่หลบตาพี่บุษบ้างเดี๋ยวก็โดนดีหรอก”
“เขาเห็นแล้วไม่พูดอะไร พี่เอามาอ่านแก้เครียดเท่านั้น อ้ะแผ่นนั้นอย่าอ่าน”
เขาอุทานเมื่อน้องชายหยิบกระดาษสีฟ้าไปพลิกดู ยิ่งห้าม เลียบเมืองยิ่งอยากอ่าน ดังนั้นเมืองเอกจึงหยุด และวางทีท่าเป็นปกติ หมอคนซนวิจารณ์ว่า
“ชื่อเหมือนเพื่อนของคนที่เกือบเป็นแฟนผม”
“พูดอะไรนะ อ้อ” เมืองเอกทวนประโยคอีกครั้งจึงเข้าใจ ว่าน้องชายแอบรักข้างเดียว แต่เขาสนใจที่ว่าอีกฝ่ายอาจรู้จักพรรณยุดา “ไมรู้จักหรือ”
“เขาชื่อพรรณยุดาสนิทกับวาสิของผมมาก จนทีแรกเข้าใจว่าพวกเขาชอบฉิ่งฉับกันเสียอีกที่ไหนได้ น่ารักทั้งคู่ ผมไม่เคยได้ร่วมก๊วนไปไหนกับสองหญิงนี่หรอกครับพี่แมค วาสิของผมหวงตัวมาก แต่ผมก็จีบเขามาห้าหกปีแล้วล่ะแต่ถ้าพรรณยุดามาปุ้บ หลานสาวคุณหญิงคนนั้นจะคว้าวาสิของผมไปทุกครั้ง แต่ว่าคุณพรรณยุดาเขาชอบพี่หรือครับ”
“เปล่า” เมืองเอกปฏิเสธ “เขียนกลอนอะไรไม่รู้ อ่านแล้วขำๆแค่ศิษย์อาจารย์ เขาก็อวยพรเฉย ๆ”
คนเล่าไม่ทันสังเกตตัวเองว่ามีเสียงหัวเราะระรื่นออกมาจากลำคอ สีหน้าท่าทางสดใสผิดตา เลียบเมืองยังถือกระดาษสีฟ้า มีรูปวาดสายรุ้ง
“พี่บุษเขาอ่านแผ่นนี้หรือเปล่า”
“ไม่มั้ง” เมืองเอกตอบอย่างไม่แน่ใจ เพราะแยกเก็บไว้แล้ว เขาชอบเอามาอ่านเล่นอยู่บ่อยๆ จนลืมซุก ทำให้เลียบเมืองบังเอิญเห็น
“ดีแล้วล่ะเพราะถ้าเขารู้วิธีอ่านคงสะเทือนกันบ้าง”
“วิธีอ่าน อะไรไม”
“เลียบเมืองสังเกตเห็นความกระตือรือร้นผิดปรกติของพี่ชาย เพราะเขาวางปากกาและสนใจจะรับรู้
“หมายความว่าอย่างไรไม่เข้าใจ”
“อ่านเผิน ๆ ก็เหมือนอวยพรธรรมดา
วาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก
ขอให้พรของนักบุญที่พรรณยุดา
นับถือเละเชื่อว่าศักดิ์สิทธิที่มีต่ออาจารย์
จะดลบันดาลให้สุขสมหวังมั่นคงตลอดไป
“ก็คำอวยพรไม่เห็นแปลก” พี่ชายไหวไหล่หลงดีใจว่ามีปริศนาอะไรซ่อนอยู่เสียอีก
“ลองตัดท้าย ๆ ทั้งสี่บรรทัดดูสิพี่แมค
ความรัก
ที่พรรณยุดา
มีต่ออาจารย์
มั่นคงตลอดไป นี่ละคำความหมายจากคำท้ายประโยค”
นี่เองความรู้สึกของคนสมหวัง ตัวมันลอย ๆ และกลั้นยิ้มไม่ได้แต่ก็ยังมีปัญหา
“ไม่ใช้มั้ง ฉันเป็นครูของเขา”
“พี่ก็ไม่ต้องทำหน้าตามีความสุขอย่างนี้ให้ผมเห็นสิถ้าคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกศิษย์”
“นายไม นายมันหัวหมอ”
“ก็ผมจะเป็นหมอ”
ผู้ชายเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาเมืองเอกพึ่งรู้ลูกศิษย์ที่เขาแอบมองจะรู้สึกเช่นนี้กับเขา หลงต่อว่าเขียนอะไรไม่ได้ความที่ไหนได้มันได้ความอย่างที่สุดต่างหากชายหนุ่มลูกผู้ดีมีเงินรู้สึกตัวลอย อย่างไร้พันธะใดๆมาฉุดทั้งสิ้น!!

ญาติผู้ใหญ่และลูกพี่ลูกน้องหลายสิบคนทยอยกันมาบ้านสราญจิต ทำให้ตึกกว้าง แคบไปถนัด คุณชายจิตติบิดาของหม่อมหลวง พีระเดช มาพร้อมภรรยาและลูกสาวซึ่งรุ่นเดียวกับ นายแพทย์เดวิด คุณหญิงรจิตมากับลูกชาย-ลูกสาว และหลาน ๆทุคนให้ความสนใจกับหนุ่มซึ่งเหมือนชายต่างชาติ รูปงามสะดุดใจ
“วิลล์เหมือนคุณย่ามากเลยนะ เขาถึงหวงมากจริงมั้ยคะพี่หญิง”
“นั่นสิ พูดไทยก็ไม่ชัดอย่าเผลอพูดสุภาษิตล่ะน้อง วิลล์ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง กับยุดาเขาชอบแกล้งมากเห็นเป็นเรื่องสนุก”
คุณหญิงรจิตหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลดสียง
“วันนี้เชิญใครมาดูตัวบ้างคะ”
“ยังเลย วิลล์พึ่งมาอยู่กับพี่ ยังหวงไว้ชมไปก่อน”
“โธ่พี่หญิงขา เลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้นไม่ต้องใครอื่นตัวพี่หญิงประกาศปาวจะแต่งงานกับคุณบราวน์ ท่านพ่อแทบตัดขาดเพราะหมายมั่นกับคุณโสไว้ พี่หญิงก็ยังไม่ยอม น้องว่าวิลล์คล้ายพี่หญิงในเรื่องความรัก เชื่อน้องเถอะค่ะว่เขาจะหาเอง”
“พี่อยากได้คนเทียมหน้าเทียมตากันกับ วิลล์เพราะวิลล์เป็นคนเดียวจะสืบสกุลต่อไป”
“ดูเขาไม่เหมือนคนไทยเอาเสียเลยค่ะพี่หญิง เขาเอาแต่ใจมากไม่ใช่หรือคะ”
คุณหญิงผู้พี่ไม่ตอบคำ แต่เหลือบสายตามองออกไปที่สนามหญ้า หน้าตึก วิลล์เด่นท่ามกลางหมู่ดาวน้องสาว-หลานสาวขอถ่ายภาพราวกับเป็นดาราสำคัญ
“มีญาติงาม ๆ แบบนี้พี่ๆน้องๆเขาปลื้มมาก”คุณชายกล่าว
“พีเรียนจบแล้วใช่มั้ยคะพี่ชาย พีก็รูปสวยอีกหน่อยบันไดวังคงไม่แห้ง”
“จะทาบทามคุณติ๋วให้สมน้ำสมเนื้อกันดี” คุณชายยึดติดกับชาติกำเนิดมาก “พี่ไม่ยอมมีสะใภ้ไม่สมฐานะแน่ อายคน ห่วงสกุลของเราด้วย”
คุณชายจิตติเอ่ยหนักแน่น ดังนั้นพีระเดชจึงได้แต่นึกชอบวาสิฐี แต่ไม่กล้าออกตัวอย่างเปิดเผย เพราะรู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรเขาไม่มีทางสมรักอย่างแน่นอน
ขณะนั้นพรรณยุดาในชุดราตรีสั้นสีตองอ่อน เดินลงจากบันไดตามด้วยวาสิฐีชุดสีครีม คนงามผู้ตามหลังผ่านห้องโถงเหลือบเห็นท่านผู้ใหญ่ซึ่งเคยให้ทุนการศึกษาตั้งแต่เด็กจนจบมัธยมปลาย เธอเดินไปใกล้แล้วคุกเข่ากราบคุณหญิงรจิต ซึ่งรีบเชยคางเพ่งพิศ พลางชมดวงหน้างามรับกันทุกส่วนดวงตาดำสนิทเช่นสีผมและคิ้ว ดูเค้าเป็นคนจริงใจและจริงจัง ริมฝีปากเต็มอิ่มแดงระเรื่อย้อยได้รูปสวยท่านเอ่ยปากชมเปาะ
“วาสิฐีของครูหรือนี่ พอเป็นว่าที่คุณหมอก็สวยเชียว” ท่านกล่าวชื่นชม
พรรณยุดาเข้าไปนั่งกับพื้นไหว้ผู้ใหญ่แล้วฉะอ้อนถาม
“ชมเพื่อนยุดาเท่านั้นหรือคะคุณยายน้อย”
“เอ้าชมยุดาอีกคนสวยสมชื่อ”
“ยุดาทราบหรอกค่ะว่าสวยไม่เท่าหมอนางงาม”เธอกระแซะไหล่เพื่อนฟ้องต่อคุณหญิง
“เนี่ยจะหนีกลับหอพักไม่ยอมร่วมงานค่ะคุณยาย”
“อ้าวทำไมล่ะวาสิ เรานี่แปลกคนใหญ่แล้ว”
คุณหญิงจิตตรีกล่าวดุ ๆ แต่ก็ทราบว่าวาสิฐีเจียมตัว
ขณะนั้น นายแพทย์ เดวิดและ แพทย์หญิงทอแสงแต่งชุดไปรเวทเดินมาจากสนาม เข้าไปนั่งร่วมกับผู้ใหญ่เอ่ยหลังจากทำความเคารพญาติแล้ว
“ข้างนอกมีแต่วัยรุ่น ผมขอตัวนั่งที่นี่ดีกว่าครับ”
“วัยเดียวกับหมอก็มานี่จ้ะ”
“คุณพัดก็จะหนีมานี่เหมือนกัน”เดวิดหมายถึงหม่อมหลวงพัชนีบุตรีของคุณชายจิตติ “วงดนตรีเขาเล่นเพลงร็อคเอาใจพวกคุณหนู”
พรรณยุดาสะกิดเพื่อนให้ลุกออกไปร่วมสนุก นายแพทย์เดวิดเหลือบสายตามองวาสิฐีอย่างไม่อาจห้ามใจ แล้วจึงหันไปสนทนากับผู้ใหญ่ ต่อมา หม่อมหลวง.พัชนีซึ่งมีรูปโฉมโสภาเดินคู่กับสามีฐานะเดียวกัน แต่รูปร่างท้วม ท่าทางนิ่มคล้ายสตรี ทั้งคู่เข้าไปภายใน เมื่อนั่งแล้ว เธอกล่าวชมสองสตรีที่สวนทางออกไป
“พรรณยุดาสวยมากเลยคะเห็นตอนเป็นเด็กเขาดูหมวย ๆ นั่นคงเพื่อนคู่แฝดกระมังค่ะ”
ใคร ๆ ก็ทราบถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของหญิงสาวทั้งคู่ เมื่อคุณหญิงรจิตเอ่ยรับ
“ใช่ เพื่อนพ่อพีน้องชายแม่พัดนั่นละ”
“ค่ะ พัดทราบ พีเขาคร่ำครวญนักหนาว่าจะต้องจากกันไกล” หม่อมหลวงพัชนีเปิดเผยความลับ
แต่คุณชายจิตติไม่ใคร่พอใจดุเสียงไม่เบาเลย
“พูดอะไรเลอะไปใหญ่แม่พัด นั่นลูกกำพร้าเด็กในอุปการะอาหญิงเท่านั้นถึงอนาคตจะเป็นหมอแต่ชาติกำเนิดก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงด้วย”
หม่อมหลวงพัชนี สีหน้าสลดลง ครุ่นคิดอย่างตำหนิ คุณชายผู้เป็นบิดาเจ้ายศเจ้าอย่างเช่นนี้ เธอจึงได้สามีเป็น มล.รูปร่างยังกับโอ่งมังกร ทำอะไรเชื่องช้าและติดกระตุกกระติ้งแม้จะเป็นชายแท้ ๆชีวิตสมรสของเธอจึงขาดความสุขในทุกเรื่องที่ควรมี
“พ่อจะทาบทามคุณติ๋วน้องสาวคุณเติมนี่ละให้กับพี”
หม่อมหลวงพัชนีสะท้อนใจ ทุกข์แทนน้องชาย เพราะคุณติ๋วกับคุณเติมคล้ายกันไปเสียทุกอย่างอ้วนไร้สัดส่วนหน้ากลมแป้นคล้ายจานข้าว แต่หม่อมหลวงพีระเดชน้องชาย สวยเหมือนคุณแม่ คุณพัชนีเสียดายน้องชายนักหนาทีเดียว
บรรยากาศข้างนอกเต็มไปด้วยความสุข คึกคัก และวุ่นวาย เสียงอึกทึกของดนตรี และเสียงจอแจของบรรดาแขกกิตติมศักดิ์
สุธีชี้มือโหวกเหวก บอกเมืองเอกผู้ทำหน้าที่ขับรถเข้าบ้านผิดบ้านถูกจนมาถึงสุดซอย คฤหาสน์สีเบจ ติดไฟแสงสีสวยงามนักดนตรีเล่นเพลงสด ๆ คนที่อาศัยมารถคันเดียวกัน ต่างชี้บอกกันอย่างวุ่นวาย
“นั่น ๆ ใช่แน่”
“แน่หรือ ที เดี๋ยวเหมือนหลังที่แล้วถูกไล่ยังกับตะกวด”
“ที่นี่มีงานต้องใช่สิน่า”
เมืองเอกจอดรถเพื่อถามยามหน้าประตูซึ่งรีบทำหน้าที่โบกมือให้นำรถเข้าเลยไม่ต้องถามกันพอดีเมืองเอกนำรถไปจอดต่อท้ายกับอีกคัน
“มันรวยจริงๆเลยไอ้เพื่อนนิสัยบ้าบอคอแตกของเราคนนี้ ดูรถที่ร่วมงานสิเบ็นซ์เอี่ยม ๆ ทั้งนั้น”
“ของนายก็เบ็นซ์”
“รุ่นเก่า”
ทั้งสองพากันเดินเข้างาน วิลล์ยังคงถูกล้อมด้วยญาติซึ่งวัยเดียวกันก็มี ดวงตาสีน้ำเงินแกมเทาไวพอที่จะเห็นเพื่อน เขารีบแยกกลุ่มญาติไปหาเพื่อนสนิททั้งสองคนโดยไม่บอกกล่าวใคร วิลล์คือวิลล์เสมอ เขาส่งเสียงทักพร้อมโบกมือเป็นสัญญาณให้เพื่อนทั้งสองคน
“ไฮ แมค ที่”
สุธีทำเบะปากนิด
“สำเนียงยาเหมือนเดิม นี่ถ้าเกิดฉันเป็นญาติอินทิราคานธีล่ะก็มันจะต้องเรียกฉันคาที่ คาที่”
“ท่าทางเราจะเป็นเพื่อนสนิทของมันแค่สองคน”
“มันไม่บอกลิลลี่เลยมั้งไม่เห็นมา”
วิลล์เดินมาจนถึง ยิ้มกว้างดูอบอุ่นจริงใจสุธีกล่าวชม
“หล่อจริง ๆ ว่ะเพื่อนเรา”
“ฉันถึงไม่พาผู้หญิงมารู้จักมันเด็ดขาด”
เมืองเอกสัมผัสมือวิลล์ดึงไปกอด ชายไทยกระทำต่อกันอาจดูแปลกแต่พวกเขาเคยชินกับการทำเช่นนี้
“ยูเก่งมากหาจนเจอ”
“รู้ซะบ้างไผเป็นไผ” เมืองเอกตบอกโอ้อวด
“ภาษาอะไร”วิลล์ไม่เข้าใจ สุธีตบหลังเพื่อนชาย
“นายลืมหรือไงแมคว่าภาษาไทยของเพื่อนเราไม่แข็งแรง อย่าพูดคำยาก ขนาดภาษาพ่อ เอ่อไม่ใช่ต้องบอกว่าภาษาคุณหญิงแม่ของมันยังรู้ไม่หมด”
“ยิ่งพูดมาก ยิ่งไม่รู้เรื่อง ไปทางโน้นกันเถอะแมค ที่”
“อ้ะเหล้า” สุธีแถเข้าไปหยิบแก้วบรั่นดีจากถาดที่แป้งนำมาเสิร์ฟ
เมืองเอกก็เช่นกัน ทั้งสองตามวิลล์ไปที่โต๊ะชุดหนึ่งซึ่งว่างอยู่ พรรณยุดาเหลือบสายตามาเห็นเมืองเอกพอดี เสน่ห์เหลือร้ายของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวเสียวปลาบไปถึงปลายนิ้ว เผลอตัวกระตุกแขนวาสิฐีจนอีกฝ่ายถลา ละสายตาจากการชมการเต้นสนุกสนานญาติ ของพรรณยุดาและวิลล์!
อาการสั่นและบีบมือวาสิฐีเอาไว้แน่น มือของพรรณยุดาชื้นเหงื่อ ทำให้ส่าที่คุณหมอรู้ว่าเพื่อนรักกำลังมีอาการตื่นเต้นสุดขีด วาสิฐีปลอบใจเพื่อให้พรรณยุดาได้คลายใจและหายใจได้ตามปกติ
“ใจเย็นจ้ะ วาก็อยู๋กับยุดาแล้วนี่ มีอะไรหนอทำให้ยุดาของวาสิตื่นเต้นขนาดนี้”
“มองไปที่โต๊ะน้าวิลล์ สิจ๊ะ”
ความฉลาดของวาสิฐีทำให้ไม่ได้เหลียวหน้าไปมองทันที แต่เธอเหลือบสายตามอง นอกจากเห็นชายหนุ่มที่ทำให้คุณหมอกหัวใจผิดจังหวะเสียเองแล้ว วาสิฐียังเห็นหนุ่มงามแบบชายไทยแท้ หนุ่มวัยสามสิบ ผู้ชายสูงโปร่งประมาณ 180 ซม. แต่งกายด้วยเสื้อสปอร์ตสีกรมท่ากางเกงเนื้อสีเข้ม หน้าคมคายหล่อเหลา และเดาได้ว่าใครคือคนที่ทำให้พรรณยุดามีอาการสั่นราวกับจะคนขาดเลือดอย่างหนัก คนอ้วนไม่น่าใช่ถึงจะหน้าตาดีก็เถอะ
“อาจารย์เมืองเอกใช่มั้ย ดูดีเชียว สมกับยุดาจังเลย”
“ทำไงดีล่ะยุดา ยุดาเขียนบอกรักเขาไปแล้วด้วย เขาอาจจะดูถูก”
“ทำไม่รู้ไม่ชี้ก็สิ้นเรื่อง หรือจะไปทักทายฐานะศิษย์อาจารย์ ว่าไงเอาสักอย่างสุขหรือทุกข์”
“ถ้าทุกข์”
“จะได้ตัดสินใจ ถ้าสุข ยุดาฝันดีตลอดชาติเลยนะ”
พรรณยุดาสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ตั้งใจแน่วแน่ ว่า บุก ยังไม่ทันบุกได้สมใจ
วิลล์พาเพื่อนไปรู้จักผู้ใหญ่เสียก่อน พรรณยุดามองค้อนน้าชายคนโปรด
“ดูน้าวิลล์ยังกับแกล้ง”
“เดี๋ยวก็มา คงพาไปรู้จักคุณท่านก่อน สงสัยเพื่อนน้าวิลล์จะมีอยู่สองคนนี้เท่านั้น แต่ดีจังเลยนะ ที่หนึ่งในนั้นเป็นคนของยุดาเสียด้วย”
“จะน่ารักไปถึงไหนกันนะวาสิ” พรรณยุดาเอ่ยปาก เพราะวาสิฐีรู้ใจพรรณยุดาทุกอย่าง
แต่พรรณยุดารู้เรื่องของวาสิฐี เท่ที่หญิงสาวเปิดให้รู้เท่านั้น ไม่มีใครที่วาสิฐีปิดแล้วปิดได้สนิทมาก เว้นแต่ แพทย์เดวิด ที่มองหญิงสาวได้เกือบปรุโปร่งต่อความในใจของเธอ เว้นแต่เดวิดยังไม่ทราบว่าชายที่วาสิฐี เก็บไว้ในห้องหัวใจ และปิดล็อกประตุแน่นหนาคนนั้นคือใคร



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ค. 2555, 12:44:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ค. 2555, 12:46:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1907





<< ทางหัวใจที่วกวน   ความสุขของนางซินฯ >>
nutcha 9 พ.ค. 2555, 14:11:39 น.
ทำไปทำมาคนกันเองทั้งน้าน


นางแก้ว 9 พ.ค. 2555, 14:24:42 น.
โลกกลม จ๋ษเชื่อเรื่องนี้มากมากเลยนะคะพี่นุช เมื่อตอนอายุยี่สิบ ไปส่งเพื่อนคัดเลือกทหาร เหม็นขี้หน้าไอ้หนุ่มผมยาว ท่าทางกวนประสาท กินเหล้าเฮฮากลางวันเปรี้ยง ไม่ได้รู้จักกันสักนิด แต่ห้าปีต่อมา เขาคนนั้นก็มาเป้นเจ้าบ่าว พอไปดูรูปเก่าแล้วแค้นตัวเองจริงๆว่าทำไมโลกมันกลมอย่างนี้ ไอ้หนุ่มผมยาว มาเป้นทหารเรือเนี่ยละ


tookta 9 พ.ค. 2555, 22:19:13 น.
5555 พรหมลิขิตบันดาลชักพาจ้าไรเตอร์


คิมหันตุ์ 9 พ.ค. 2555, 23:29:04 น.
อิอิ


Zephyr 10 พ.ค. 2555, 18:29:00 น.
อ้าว แหม เพื่อนน้าวิลล์สินะ เสร็จโก๋ล่ะ หึหึ
ยายพริ้มนี่ก็ เฮ้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account