อรุณสวัสดิ์หัวใจ # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
ความรักก่อให้เกิดความทุกข์ และรักที่เป็นไม่ได้ทุกข์ยิ่งกว่า
ตากับยายหล่อหลอมให้หลานสาวมีวิธีคิดอย่างคนพอเพียง
แต่บุญก็พา วาสนาก็ส่ง ให้เธอเป็นไปเกินกว่าที่ใจปรารถนา..

ไกล สุดเอื้อมมือถึง ไกล อยู่ถึงฟ้ากั้น
ไกล ไปหลายคืนวัน ไย รักมิกรายจากใจ

รักคือการแบ่งปัน รักคือการห่วงใบ รักคือการเสียสละ และรักคือการช่วยเหลือ

"ฉันไม่ได้แย่งเธอมาจากใคร เพียงแต่ว่าฉันทำตามที่ใจฉันเรียกร้องเท่านั้น
ถึงฉันจะเหลวไหลไปตามประสา แต่วันหนึ่งฉันก็รู้ว่าฉันควรหยุดที่ใคร"..

ดุจบ่วง ร้อยรัด ดวงใจ
ยิ่งแก้ ยิ่งพันใจ ยุ่งเหยิง
ยิ่งหนี ยิ่งตามติด ยากหลบ
พบคน ที่หัวใจ วางไว้ ใช่เลย

"ฉันรักเธอตั้งแต่เห็นหน้า เมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ ได้เห็นเนื้อแท้จากข้างใน ฉันก็รักเธอยิ่งขึ้น หัวใจของฉันเพรียกหาผู้หญิงดีพร้อมคนหนึ่ง แล้วฉันจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร"
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: 16

อรุณสวัสดิ์หัวใจ..# ชอนตะวัน เสร็จเป็นเล่มแล้วครับ สำหรับท่านที่โอนเงินมาแล้วพรุ่งนี้ผมจะไปส่งหนังสือไปให้นะครับ ส่วนท่านที่สนใจ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ f_nakhon@hotmail.com ราคาเล่มละ 200 บาทพร้อมค่าจัดส่ง..ครับ



ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ..

16

แล้วชุดที่สายบัวเห็นถึงกับทำให้เธอหัวเราะงอหาย

เสื้อตัวสีแดงแจ๊ด กางเกงตัวสีเหลืองอ๋อย มีชุดชั้นในให้เสร็จสรรพ

“อี๊ คุณอารักษ์เห็นบัวเป็นเมียเช่าฝรั่งหรืออย่างไรคะ”

“ก็แค่ให้มันเข้ากับบรรยากาศเท่านั้น”

เมื่อสายบัวออกมาจากห้องน้ำ พบว่าบนโต๊ะไม้ที่ระเบียงซึ่งหันหน้าไปสู่ทะเล มีอาหารมื้อเช้าวางไว้เรียบร้อย เป็นข้าวต้มเครื่องทะเล น้ำส้มคั้น นมสด แล้วก็ขนมปังปิ้งมีเนยสดกับแยมผลไม้วางเคียงกัน

“กินสิ”

“ไว้ใจได้ไหม”

“เหอะ ถ้าคิดไม่ซื่อ ไม่ปล่อยไว้หรอก”

สายบัวก้มหน้าก้มตากินแล้วก็กินเพราะเมื่อวานตอนเย็นด้วยกังวลว่าหน้า
ท้องจะป่องออกมาจึงทำให้กินไปแค่นิดเดียวและอีกอย่างอาหารที่อยู่บนโต๊ะก็ล้วนแต่จำพวกเนื้อสัตว์ เธอชอบพวกอาหารผักและผลไม้มากกว่าเพราะจะได้ไม่ต้องมาคอยลดน้ำหนักในภายหลัง

“หิวซิ”

“ค่ะ”

เมื่อกินอิ่มแล้ว สายตาเริ่มสังเกต

“พัทยามีเกาะใหญ่ ๆ แบบนี้อยู่ด้านหน้าด้วยหรือคะ”

“เกาะช้าง”

สายบัวทำหน้าครุ่นคิด แล้วก็ยกน้ำส้มขึ้นดื่ม ทำท่าให้คุณอารักษ์รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนจบไปแล้ว เธอรอดปลอดภัยมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปโหยไห้ด่าทอใครทั้งนั้น

“ไม่พูดถึงพวกเขาหน่อยรึ”

“จบแล้ว ขอบคุณนะคะที่ช่วย” สงสัยเหมือนกันว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังมีภัย

“เมื่อคืนฉันก็มางานเปิดตัวสินค้า พักที่โรงแรมด้วย พอดีกำลังจะเข้าที่พัก เห็นน้องฟ้าพานายโชติเข้าไป แล้วน้องฟ้าออกมาแค่คนเดียว แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คิด”

สายบัวยกมือทาบอก

“มันยังไม่ได้ทันทำอะไรเธอหรอก ฉันเข้าไปขัดจังหวะเสียก่อน เสียดายไหม”

“อี้”

“ฉัน ก็แค่ปกป้องของรักของหวงของฉัน” ถ้าฟังไม่ดีก็จะไม่เข้าใจ แต่ถ้าตั้งใจฟัง ก็จะรู้นัยยะนั้น

“กินอิ่มแล้วก็ไป เช็คเอาท์แล้ว”

เมื่อออกจากห้องพัก คุณอารักษ์เดินนำหน้า สายบัวตามอยู่ข้างหลัง จึงได้เห็นในลักษณะบางอย่างที่ละม้าย คือท่าเดิน แต่ส่วนสูงและส่วนสัดของคุณอารักษ์นั้นไม่โปร่งเท่าคุณหมอโกมุท ผู้มีผมปรกหน้า คุณอารักษ์นั้นคงจะได้ไรผมแบบคุณจารุวรรณคือหยักศก แต่เมื่อซอยจนสั้นเซ็ทจนตั้งก็น่าดูไปอีกแบบ

รถแล่นออกจากบังกะโล ถนนหนทางดูไม่จอแจพลุกพล่านแบบพัทยา จนสายบัวต้องหันมามองหน้าคนขับซึ่งสวมแว่นตาดำเสียแล้ว

“ที่ไหน”

ไม่ตอบ แต่ยังขับมุ่งตรงไปเรื่อย ๆ แล้วสายบัวก็ต้องตกใจ เมื่อรถกำลังแล่นเข้าไปจอดในเรือเฟอร์รี่

“เกาะช้าง จังหวัดตราดนี่”

“ใช่นะซิ ก็บอกแล้วว่าเกาะช้างไม่ใช่เกาะล้านที่พัทยา”

“แล้วคุณจะพาฉันไปไหน ไปทำไม ดิฉันต้องกลับกรุงเทพ มีหน้าที่ต้องคอย”

“หยุดพูดถึงเขาเลยนะ มากับฉัน คุยกับฉัน พูดอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเอ่ยชื่อเขา แล้วถึงไม่มีเธออยู่ เขาก็อยู่ได้ เขารู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่ามีเธออยู่ตรงนั้น หาความสุขให้ตัวเองบ้าง มาอยู่กรุงเทพตั้งนานแล้ว นับบ้างหรือเปล่า ว่ายิ้มได้กี่ครั้ง”

สายบัวนิ่งฟัง เมื่อรถจอดสนิท คุณอารักษ์ปลดล็อคแล้วก็เปิดประตู

“ขึ้นไปชั้นบน ไปดูวิวทิวทัศน์ อีกครึ่งชั่วโมงนะกว่าจะถึง เคยมาไหม”

สายบัวสั่นหัว

“ไม่เคยก็รีบซิ อย่ารอรีจะล็อกรถ เธอนั่งอยู่ไม่ได้หรอก อึดอัดแย่ เร็ว” เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทีเร่งเร้าของอีกคนสายบัวจำต้องก้าวตามไป

เมื่อไปถึงเก้าอี้โดยสาร คุณอารักษ์ยื่นน้ำอัดลมแบบกระป๋องมาให้

“ดื่มซะจะได้ซาบซ่า สดชื่น หรือจะเอากาแฟ”

“ไม่เอากลัวตัวดำ” สายบัวมีอารมณ์พูดเล่นขึ้นมาบ้าง

“เออซิ ลืมไปเลยว่ามาทะเล ครีมกันแดดหน่อยไหม” ไม่ทันจะตอบก็ลุกขึ้นเดินไปที่ร้านค้าเสียแล้ว กลับมาอีกที ในมือมีครีมกันแดดพร้อมกับขนมอีกหนึ่งห่อ

“กินไปเถอะไม่ต้องกลัวอ้วนหรอก จริง ๆ ฉันชอบคนเจ้าเนื้อหน่อยนะ กอดอุ่นดี”

สายบัวไม่ตอบโต้ เพียงรับครีมกันแดดมาทา ส่วนขนมไม่แตะต้อง

“ฉันก็ชอบคนผิวขาวด้วย”

สายบัววางขวดครีมในทันทีเช่นกัน



ทุกครั้งที่ได้เห็นทะเล สายบัวจะนึกถึงตากับยาย เคยยอมซื้อตั๋วที่โรงเรียนจัดให้กับเด็กนักเรียนไปเที่ยวทะเลพร้อมผู้ปกครอง

ตอนนั้น ตากับยายลองชิมน้ำทะเลด้วย

จึงได้รู้ว่ามันเค็มจริง ๆ

ส่วนยายก็เดินเก็บเปลือกหอยใส่ถุงยกใหญ่ ตาก็บอกว่าอายเขา แต่ตาเอาน้ำใส่ขวดกลับไป เพื่อจะไปทดลองดูว่า เอาไปตากแดดให้มันระเหยแล้ว จะกลายเป็นเกลือจริง ๆ หรือเปล่า

นึกถึงตรงนี้แล้วสายบัวก็หัวเราะออกมา

“เป็นไร”

“เปล่า”

“ต้องมีซิ” คุณอารักษ์ยังคาดคั้น

“นึกถึงตากับยาย” สายตาของคุณอารักษ์ที่มองมาทำท่าสนใจ
แล้วสายบัวก็เล่าอย่างไม่ได้นึกอาย คุณอารักษ์ไม่หัวเราะ เงียบ สายบัวจึงพูดต่อว่า

“บางทีความทรงจำของตัวเรา มันก็มีผลต่อการกระทำของเรา ภาพในใจของฉันนอกจากมีแต่ตากับยายแล้ว ยังมีแต่”

“เรอะ” คุณอารักษ์รีบเบรกเสียก่อน คงกลัวจะได้ยินสายบัวพูดถึงหมอโกมุท

“ต่อไป ฉันจะมีโอกาสเข้าไปอยู่ในหัวใจของเธอบ้างไหมนะ”

สายบัวนิ่งเงียบ ทำเหมือนไม่ได้ยิน สายตาเพ่งมองเกาะสีน้ำเงินที่ทะมึนอยู่ด้านหน้า ชีวิตของคนบนเกาะจะเป็นอย่างไรนะ อยากจะไปอยู่บนแผ่นดินที่มันกว้างขวางไหม

เมื่อเรือเฟอร์รี่เทียบท่า รถคันงามของคุณอารักษ์ก็แล่นลัดเลาะไปตามถนนคล้ายกับไม่มีจุดหมายปลายทาง สายบัวจ้องสองข้างทางไม่พูดว่าอะไร

“อยากเล่นน้ำทะเลไหม”

“ทำไมต้องมาที่นี่ด้วย”

“ชอบ และก็อยากให้เธอชอบด้วย”

แล้วรถคันนั้นก็ไปหยุดบนถนนลูกรังกลางดงมะพร้าว พอลงจากรถจะมองเห็นบ้านไม้หลังเล็กกะทัดรัดแต่ดูหรูอยู่ตรงใกล้ ๆ กับ โขดหินริมทะเล
สายบัวก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเดินตามเขาไปทั้งที่เขายังไม่ได้เอ่ยปากชวน

“บ้านเพื่อนในกลุ่ม ใครจะมาพักก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้คนกลางเป็นคนทราบจะได้สับรางทัน”

สายบัวนึกถึงเพื่อน ๆ กลุ่มนั้น แล้วนึกถึงความปลอดภัยของตน นี่เธอไว้ใจผู้ชายคนนี้มากไปหรือเปล่า เขาพามาที่นี่เพื่อสร้างบรรยากาศ สายบัวนึกถึงถ้อยคำที่เขาพนันกัน แม้มันจะหลายปีแล้ว หากเงินเดิมพันมันสูง เกมส์นี้มีเธอเป็นเหยื่อมันน่าเล่นไม่ใช่หรือ

คิดได้ดังนี้ เท้าก็หยุดก้าวเสียดื้อ ๆ

“ถ้าเดินออกไปก็ประมาณ 2 กิโลเมตรถึงจะถึงถนนใหญ่ ทางขวา จะเป็นรีสอร์ตขนาดใหญ่ของมหาเศรษฐี ทางซ้ายจะไปเจอหมู่บ้านที่ผ่านมาแล้ว ก็มาประมาณ 2 กิโลเหมือนกัน ผ่านป่าผ่านเขา ระหว่างที่เดินหากเจอพวกหื่นกาม หรือฝรั่งขี้นก มันก็เสี่ยงพอ ๆ กับที่เธอจะขึ้นมาบนเรือนนี้”

สายบัวถอนหายใจออกมา เธอติดกับเขาแล้วจริง ๆ

ขณะที่สายบัวกำลังละล้าละลังคิดไม่ออกว่าจะเข้าไปในบ้านหลังกะทัดรัดซึ่งตั้งอยู่เหนือโขดหินดีหรือไม่ หูของเธอก็ยินเสียง เพลงวิมานดิน เสียงร้องของคุณนันทิดา แก้วบัวสาย แล้วเธอก็ตัดสินใจได้ทันที

เพลงนี้ แม้จะเป็นเพลงที่ออกมาในช่วงที่ตากับยายอายุมากแล้ว แต่ตาก็ชมว่า เนื้อหาดี และยายก็บอกว่า ถ้าคนบ้านไหนมีศีล มีสัตย์ มีธรรม บ้านนั้นก็เป็นวิมาน ‘เป็นวิมานอยู่บนดิน’

เมื่อเธอก้าวขาถึงหัวบันได แล้วมองผ่านประตูเข้าไปในบ้าน สายตาก็พบตู้หนังสือใบใหญ่ ในนั้นอัดแน่นด้วยหนังสือเล่มเล็กเล่มใหญ่ สายบัวไปยืนเกาะประตูแบบสองบานปิดเข้าหากัน แล้วมองสันปกหนังสือที่เรียงรายรอให้หยิบ เธอกวาดสายตาไปรอบ ๆ บ้านไม่เห็นคนที่พาเธอมาไปหลบอยู่ตรงไหน พอหันกลับมาที่ระเบียงนอกชาน ก็พบกับต้นเดฟเป็นพวงห้อยระย้า เสียงใบมะพร้าวต้านลมหวีดหวิว น้ำทะเลซัดเข้าหาโขดหิน ดังซ่าซ่าน

“ชอบไหม”

คุณอารักษ์เปลี่ยนชุดจากกางเกงแสลคเสื้อเชิ้ตมาเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเลตัวสีแดงสด เหมือนกับสีเสื้อของเธอ

“ตอนนั้นพวกเรามาเที่ยวพอดี แล้วเขาประกาศขายที่ ก็ซื้อกันไว้ ส่วนบ้านก็ลงขันกันปลูก ตั้งใจจะทำรีสอร์ตแต่ทุนและจังหวะดี ๆ ยังไม่มี ก็เลย เป็นได้แค่นี้ บ้านน้อยคอยรัก” คุณอารักษ์บอกเล่าเสียเอง อยู่ที่บ้านคุณอารักษ์มาหลายปี เธอไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าคุณอารักษ์เรียนจบอะไรและทำงานอะไร เป็นไปได้อย่างไร ในหัวของเธอตอนนั้นมีแต่คุณหมอโกมุทอยู่คนเดียว นึกแล้วก็อดที่ขำตัวเองไม่ได้

“เธอนี่เป็นอะไร พูดแค่นี้ก็ขำ”

“เปล่า”

“เปล่าแปลว่ามี เล่ามาเสียดี ๆ “

“ไม่เล่า เก็บไว้คนเดียวดีกว่าเรื่องนี้”

สายบัวรีบกดท้องตัวเอง เพราะเสียงมันทำให้ขายหน้า

“หิวซิ บ่ายแล้ว ในครัวมีอาหารสด ทำให้ฉันกินหน่อยได้ไหม”

“ได้เจ้าค่ะ”

ว่าแล้วสายบัวก็เดินผ่านตู้หนังสือ ผ่านห้องที่ล็อกกุญแจไว้หนึ่งห้อง ข้างหลังเป็นห้องน้ำและก็ห้องครัว มีอุปกรณ์พร้อม ในตู้เย็นแช่อาหารทะเลไว้เหมือนมีการเตรียมการ

สายบัวถอนหายใจ ไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น หากแต่ถ้าคุณอารักษ์คิดไม่ซื่ออีก สายบัวมองหาไม้กวาด ไม่เห็น สายตาไปเห็นสากไม้ตาลที่วางอยู่ข้างครก ทำอย่างไรถึงจะพกมันไว้ใกล้ตัวได้ตลอดนะ หรือจะเป็นมีดด้ามนี้ ก็ไม่ดีอีก หากพลาดไปแทงจนตาย เธอก็ติดคุกหัวโต

“คิดอะไรอยู่แม่คุณ หิวแล้ว มีอะไรให้ช่วยไหม” ว่าแล้วก็ปรี่เข้ามาหาจนได้กลิ่นกายหอม

“มี ข้าวสารอยู่ไหน ช่วยตั้งข้าวหน่อยได้ไหมคะ” ว่าพลางถอยห่างอีกนิด

“ฉันทำอะไรไม่เป็น เธอก็รู้นี่”

“ฝึกซิ ฝึก จะบอกให้ค่ะ นี่ “ สายบัวส่งหม้อให้

“หาข้าวสารให้เจอะก่อน เจอแล้วใช่ไหม แล้วตวงใส่สัก 4 แก้วแล้วกัน เผื่อกินเยอะ ทำอย่างนั้นแหละ ไม่ต้องล้น เสร็จแล้ว เปิดน้ำก๊อกใส่ ซาวแล้วเททิ้ง สองครั้ง แล้วก็เอาน้ำใส่อีกครั้งให้ท่วมหลังมือ เอาผ้าผืนเช็ดที่ก้น ที่ก้นหม้อ ฮู้ ก้นหม้อ เสร็จแล้วก็เอาไปวาง วางที่ตัวหม้อสิ แล้วก็ปิดฝา เสียบปลั๊ก เรียบร้อยเก่งมาก”

คุณอารักษ์ยิ้มหน้าบาน ยักคิ้วแสดงให้รู้ว่า ‘จิ๊บจ๊อย’

“คนมันฝึกได้ แล้วทำอะไรต่อดี มีกุ้ง มีปลาหมึก มีอะไรอีกเนี่ย ปลา ต้มยำแล้วกัน คุณชอบไหม”

“แล้วเธอชอบอะไรล่ะ เอาแบบที่เธอชอบก็ได้”

“โอ เค ไปรอข้างนอกเถอะ เวียนหัว” สายบัวรู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายขึ้น รู้สึกว่ามันไม่อึดอัด คับใจ คิดอะไรก็ตื้อไปหมดเหมือนอยู่กับคุณหมอ

หลังจากผัดเผ็ดทะเลกระทะที่มีกลิ่นพริกกลิ่นกระเทียมมากไปสักนิดไปวางอยู่เบื้องหน้า แม้จะรู้ว่าคุณอารักษ์น้ำลายไหล แต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าตักเข้าปาก

“คงเผ็ดมากนะ มีแค่นี้หรือกับข้าวของเธอ”

อันที่จริงเมื่อผัดเผ็ดทะเลเสร็จแล้ว เธอเรียกคุณอารักษ์เข้าไปแกล้งว้ากใส่ ด้วยลืมกดปุ่มให้หม้อไฟฟ้าทำงานนั่นเอง เพราะฉะนั้นที่ตั้งใจจะกินตอนอาหารร้อน ๆ และข้าวกำลังอุ่นได้ที่ เลยกลายเป็นตรงกันข้าม

อาหารเย็นชืด แต่ข้าวร้อนจี๋ ด้วยเด้งปุ๊บยกมาปั๊บ แต่เมื่อเห็นหน้าตาแล้วจึงรู้ว่าพลาด

“ขอไข่เจียวหน่อยได้ไหม สักใบ”

“เรียนเชิญทำเอง ทำเสร็จแล้วล้างกระทะด้วยนะคะ”

“ทำไม่เป็นเธอก็รู้”

“ฝึกซิคะ หยิบถ้วยออกมา ตอกไข่ใส่ใช้ช้อนตี เทน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟ น้ำมันร้อนเทไข่ใส่ แล้วก็พิจารณาเอาเอง”

คุณอารักษ์หายไปพักใหญ่ทีเดียว กลับมาอีกที มีไข่หน้าตาดูไม่ได้มาหนึ่งจาน

“อือ เข้ากันนะ แกงเผ็ดมาก กับไข่ทอดเหม็น ๆ ขม ๆ”

“เพราะเธอคนเดียว เพราะเธอจริง ๆ “

สายบัวเผลอหัวเราะออกมา คุณอารักษ์จ้องหน้า สายบัวเหลือบไปสัมผัสกับแววตาที่มันบอกทุก ๆ อย่างจากข้างในที่เธอค้นหามานานจากใครสักคน



หลังจากมื้อกลางวันในภาคบ่ายผ่านไป หนังตาก็เริ่มหย่อน สายบัว สังเกตเห็นว่าที่ใต้ถุนเตี้ย ๆ นั้น มีเปลญวนแขวนอยู่ ตาที่มองในตู้หนังสือก็รู้แล้วว่าเธอจะอ่านงานนวนิยายของใคร

“หนังสือพวกนี้ของใคร”

“มีอยู่คนหนึ่งมันชอบ มันก็เลยทยอยขนมา ใครเคยมา รู้ว่ามีชั้นหนังสือ พอมาใหม่ก็ขนมาด้วย ก็เลยมีกิจกรรมให้ทำ”

สายบัวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกฝรั่ง คือมีหนังสืออยู่ในมือขณะพักผ่อน
อ่านไปได้สักพัก แล้วเธอก็ม่อยหลับไป ตื่นขึ้นมารู้สึกว่าผ่อนคลาย ไม่มีเรื่องใด ๆ หนักสมองสักเรื่อง

“บัว ไปเดินเล่นกัน”

ในตอนที่พระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมเขา คุณอารักษ์ก็พาสายบัว เดินเลาะโขดหิน ลงไปที่ทะเล

“เสียดายที่ตรงนี้มันไม่มีหาด ถ้ามีคงสนุกกว่านี้ และจะแพงกว่านี้”

“กลับกันเถอะค่ะ” เมื่อเดินออกมาไกลจากตัวบ้าน เมื่อต้องอยู่กับตามลำพังสายบัวกลับรู้สึกหัวใจตนเต้นผิดจังหวะ

“เบื่อหรือ”

“ชอบ แต่ มันไม่ควร”

“ชอบ ก็น่าจะอยู่ที่นี่สักคืน ฉันสัญญาว่าไม่ทำอะไรเธอหรอก ด้วยเกียรติของลูกเสือ เอ้า”

เห็นท่าทางสนุกของอีกคนแล้วสายบัวก็ยิ้มออกมา

ทำไมเธอไม่เคยเห็นคุณอารักษ์ในมุมนี้มาก่อน

“แล้วคุณไม่ต้องทำงานหรือคะ”

“ทำซิ งานของฉันมี แต่ทำตรงไหนก็ได้”

“ทำอะไร”

“รู้จักไหม อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์และก็ภาษาอังกฤษ ฉันอยู่ฝ่ายขายต่างประเทศ ทำอย่างไรก็ได้ให้บริษัทมีออเดอร์ และรักษายอดนั้นไว้ ถ้าเดือนไหนฉันขยันก็จะมีรายได้เพิ่ม แต่ถ้าขี้เกียจก็ยอดเดิม บางทีก็หาจับสินค้าดี ๆ ส่งออกไปเอง”

“มีงานแบบนี้ด้วยรึ”

“ถ้ามีปัญญาเยอะ ๆ ไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่องาน ฉันเองตอนวัยรุ่น ใช้ชีวิตเฟี้ยวฟ้าวมาเยอะ พออายุมากขึ้นมันก็คิดได้ แต่ตอนที่ฉันคิดได้เธอก็ไม่ได้สนใจจะมองฉัน” ท้ายประโยคคล้ายน้อยใจ

“เธอไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา แต่ฉันเห็นเธอตลอดเวลา”

สายบัวนิ่งฟัง เป็นไปได้อย่างไร เธอปิดตัวเองถึงขนาดนั้นเชียวหรือ

“ภาพวาดของเธอที่ขายได้ขายดี รู้ไหม มันไปไกลถึงต่างประเทศนะ ฉันส่งไปขายที่โน่นได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ”

สายบัวจ้องมองน้ำทะเลที่โถมซัดเข้าหาฝั่งอย่างบ้าคลั่ง รู้สึกใจตนสั่นหวิว ประหนึ่งฝั่งนั้นเป็นใจเธอและคำพูดของคุณอารักษ์คือเกลียวคลื่น แล้วภาพของคุณอารักษ์กับเพื่อนในแกลอรี่ที่สวนจตุจักรก็แล่นเข้ามาในความทรงจำ

“รูปของเธอที่ถ่ายลงนิตยสาร ฉันส่งไปเสนอที่นิตยสารในต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ จนกระทั่งเธอได้งานหนังสือหัวนอกกับโฆษณาน้ำหอมจากฝรั่งเศสที่ต้องการทำตลาดในเมืองไทย มันทำเงินให้เธอเยอะนะ แต่เธอก็ยังทำตัวติดดินจนน่าหมั่นไส้”

สายบัวรู้สึกว่าเธอหายใจขัด ๆ เหมือนเขากำลังผลักหินก้อนใหญ่ขวางเธอไว้ทุกทางจนกระทั่งหาทางออกได้ยากเต็มที

“รู้ไหม อาหารในร้านของเธอ อะไรอร่อยที่สุด จริง ๆ ฉันว่าแกงเขียวหวานขนมจีนนั่นไม่อร่อยเท่าไหร่หรอก อร่อยติดลิ้นจริง ๆ เห็นจะเป็นชุดน้ำพริกกะปิ หรือไม่ก็น้ำพริกขี้กาไข่ต้ม”

น้ำเสียงของคุณอารักษ์ขื่นลง

“ตอนงานรับปริญญาเธอ ฉันส่งช่อดอกไม้ไปให้เธอด้วยนะ น้าดาวเรืองถือไปให้ เธอเก็บมันไว้อย่างดี ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าเธอจะรู้ไหมนะว่า เป็นของฉัน” คุณอารักษ์หยุดมองสายบัวแล้วก็พูดต่อ

“เธอไม่เคยปล่อยให้ใครหน้าไหนมีโอกาสทั้งนั้น ทั้งนายดิน นายขัตติยะ พวกวินมอเตอร์ไซค์ นายลิขิตที่ กศน. หรือไม่ก็ช่างไฟ ตากล้อง หรือพวกกองบรรณาธิการ แม้แต่ฉันเองผู้มีหน้าตาไม่ได้ด้อยไปกว่าหมอโกมุท ในใจของเธอมีแต่หมอโกมุท แล้วเป็นอย่างไรล่ะ เขาไม่ได้สนใจเธอเลย เขาไม่เคยมองเห็นเธอเลย แต่เธอก็ยังรักยังรอเขา ฉันนับถือน้ำใจเธอจริง ๆ”

สายบัวใช้มืออุดหู

“บัว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรักเธอหมดหัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน ฉันรู้แต่ว่า ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็ไม่มีวันนี้ หัวใจฉันร่ำร้องหาเธอนานแล้วนะรู้ไหม แต่เธอก็ยังทู่ซี้อยู่ในบ้านหลังนั้น โดยไม่ได้นึกถึงความเหมาะสมใด ๆ เลย ที่ฉันทำอย่างนั้นเป็นเพราะฉันต้องการไล่ให้เธอออกมาอยู่ข้างนอก ออกมาให้สถานะของเธอกับเขา หรือกับฉันเท่าเทียมกัน แม้ใจฉันเจ็บปวดแต่ฉันก็อยากให้เธอสมหวังกับเขา แต่ส่วนหนึ่งของหัวใจของฉันก็บอกว่าฉันแพ้ไม่ได้ ดอกกุหลาบสีขาวเป็นของฉัน มันอาจจะไม่หอมเท่าแพงเท่าลิลลี่แต่ฉันก็ให้เธอด้วยความเต็มใจ ถ้าหมอโกมุทไม่เจ็บฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะสู้เขาไหวหรือเปล่า แต่เมื่อเขาเจ็บแล้วฉันก็อยากจะถอยให้กับเขา อยากให้เธอมีความสุข อยากให้เขามีใครสักคนที่รักเขาจริง ๆ ดูแล”

สายบัวลุกขึ้นแล้วรีบไต่ไปบนโขดหิน สูง ๆ ต่ำ ๆ แล้วเธอก็ก้าวพลาด จนกระทั่งตกลงไปในน้ำ

“สายบัว สายบัว”

“เจ็บ” เมื่อดึงขึ้นมาได้ หน้าแข้งและฝ่ามือของสายบัวถลอกจนเลือดไหลซิบ ๆ

“ทำไมต้องวิ่งด้วยเล่า” คุณอารักษ์ดูอารมณ์เสียขึ้นมา

“เดินไหวไหมเนี่ย”

“เจ็บที่ข้อเท้าด้วย เท้าแพลงตอนเหยียบพลาด”

“ฉันอุ้มเธอนะ” คงกลัวจะว่าฉวยโอกาส

เป็นครั้งแรกที่สายบัวได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชาย มันอบอุ่นอย่างประหลาดเลยทีเดียว

“ตัวหนักนะ”

เมื่อไต่หินจนไปถึงบนบ้านหลังน้อย คุณอารักษ์ก็วางสายบัวไว้บนพนักของชานระเบียง

“จะมียาทาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขาจะหักไหมเนี่ย”

“คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกแค่แพลง”

“ถ้าฉันเป็นหมอคงจะดี”

สายบัวสลดลงในทันที ถ้าคุณอารักษ์เป็นคุณหมอโกมุทเธอคงจะมีความสุขที่สุด ไยสวรรค์จึงเล่นตลกเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหมอโกมุท อันที่จริงยังไม่ถึงไหนด้วยซ้ำ แถมเธอกำลังจับได้ว่าเขาไม่ได้รักเธอสักนิดอย่างที่คุณอารักษ์เคยบอกว่าไว้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาต้องการ เขาไม่ได้พึงใจเธอที่รูปเสียแล้ว ใจดี ๆ ของเธอเขาจึงไม่เห็น

สายบัวปล่อยให้คุณอารักษ์ล้างแผลและทายาให้ แต่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นั้นมันฆ่าเชื้อหลาย ๆ อย่างไปจนถึงหัวใจ แต่เชื้อนั้นก็ดื้อด้านยากที่จะหลีกหนีไปง่าย ๆ

“คุณไม่กลัวเลือดหรอกรึ”

“ไม่ได้กลัวเลือด แต่กลัวแผลเหวอะหวะ” คนพูดจ้องหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะเลื่อนฝ่ามือนุ่มไปบีบหลอดครีมบาล์มออกมาพร้อม ทำท่าจะนวดที่ข้อเท้าของหญิงสาว

“อย่าเลยฉันทำเองดีกว่า”

“ฉันอาจจะมีโอกาสได้ทำให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้” เขาพูดหน้าตาย แต่สายบัวแทบใจสลาย



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2554, 10:16:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2554, 10:16:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 2383





<< 15   17. >>
mottanoy 4 พ.ค. 2554, 10:37:40 น.
เมื่อก่อนเกลียดอารักษ์ แต่ตอนนี้ซึ้งมากกก


innam 4 พ.ค. 2554, 11:00:09 น.
ลุ้นอารักษ์ด้วยคน


ก้อนอิฐ 4 พ.ค. 2554, 13:40:27 น.
คุณอารักษ์ รีบทำคะแนนเร็วๆ เข้า..ลุ้นจะแย่แล้วเนี่ย?


ณิณ 4 พ.ค. 2554, 18:29:07 น.
ฮื้ออ ผ่านมาตั้ง15 ตอนแร้ววว สายบัวเริ่มเห็นความดีของคุณอารักษ์ได้แล้วน้า


Pat 4 พ.ค. 2554, 21:26:40 น.
เมื่อเห็นความจริงในใจ ชักรู้สึกเห็นใจคุณอารักษ์ แต่คนไม่รักนะทำไงได้ สายบัวจ๋าให้โอกาสตัวเองให้โอกาสคุณอารักษ์หน่อยเถอะ เอ สงสัยต้องขอ โอกาสจากไรเตอร์ล่ะมั้ง ^^


คิมหันตุ์ 4 พ.ค. 2554, 22:16:42 น.
อีกนิดเดียว.........สู้เค้านะคุณอารักษ์


Sansanook 4 พ.ค. 2554, 22:22:04 น.
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าปิดทองหลังพระ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account