รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: แอบนัด


แอบนัด
ลดาวัลย์บิดขี้เกียจหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เสียงเครื่องดูดฝุ่นดังใกล้ หญิงสาวรีบลูกพรวด และเธอกระโดดดหลบเพราะเครื่องที่ว่านั้นกำลังไล่เข้ามาบนหน้าเธอ
“พี่อ้ำ ไม่เล่นนะ”
“พี่ไม่ได้เล่น แต่เธอต้อง ทำความสะอาดบ้านและห้องเสียทีห้องรกและยังมีกลิ่นโสโครกอีก กินอะไรแล้วไม่รู้จักเก็บจักทำ ซุกไว้ใต้เตียงจนขึ้นรา ถ้าไม่อยากโดนชามบะหมี่เน่าคว่ำใส่หัวก็รีบทำซะ”
“โฮ๊ย โอ๊ย ทำไมพี่อ้ำไม่รับแต่งงานไปกับเสี่ยพุงพุ้ยที่คุณแม่หามาให้นะ”
“อยากหามาก็ให้คุณแม่แต่งเอง เรื่องอะไรจะมาบังคับพี่ หรือไม่ก็แกนั่นล่ะเรียนให้จบ แล้วแต่งงานไปเลย” อำภาบ่นบ่น และยืนเท้าเอวจ้องหน้าน้องสาวว่าเมื่อไหร่จะทำตามที่เธอสั่ง ลดาวัลย์ทำกระฟัดกระเฟียดมาแย่งเครื่องดูดฝุ่น แต่อำภาดึงเอาไว้ น้องสาว เลยส่งเสียงดัง
“แม่ แม้ พี่อ้ำหาเรื่องตีด๋า”
“พี่ไปตีอะไรแก”กล่าวพลางฝาดมือที่ก้นน้องสาว ซึ่งเด้งตัวไปข้างหน้า “นี่ต่างหากทีตี เก็บชามเน่านั่นไปเททิ้งแล้วมาเอาเครื่องดูดฝุ่นนี่ไปทำความสะอาดด้วย”
ลดาวัลย์ไม่กลัวมารดา แต่กลัวพี่สาวคนนี้อย่างจับใจ ทั้งกลัวทั้งรัก เธอทำตามคำสั่งอย่างว่าไม่ง่ายแต่จำต้องทำ กระเง่ากระงอดเอาชามหลายใบซึ่งสุมไว้ใต้เตียงออกไปล้าง อำภาส่งเสียงตามหลังว่า
“เลยเข้าไปในห้องคุณแม่ด้วย กำลังถอดไพ่อยู่ ในนั้นมีอีกสามใบ”
“ทำไมพี่อ้ำไม่ทำล่ะ”
“แม่เขารักเธอมาก เขาอยากให้เธอปรนนิบัติเขานะสิ ทำงานบ้านเสร็จแล้วมาคุยเรื่องลงทะเบียนกันหน่อยนะด๋า”
ลดาวัลย์ทำปากเบี้ยวปากบิด บ่นงึมงำไม่ให้พี่สาวได้ยิน
“ไม่รู้จะเข็นให้เรียนทำไม ไม่ได้อยากเรียนสักหน่อย เค้าสอบไม่ผ่านแล้วยังมีหน้ามาดุอีก ขอให้หาผัวไม่ได้ทีเถอะยัยด๋าจะได้เกาะพี่อ้ำกินให้ตายไปข้างหนึ่งเลย”
ลดาวัลย์เดินเข้าไปในห้องมารดา เวลานั้นสุภายังอยู่ในชุดนอน นั่งถอดไพ่เล่นอยู่ริมเตียง บนโต๊ะใกล้หัวนอน มีจานอาหารเรียงรายอย่างที่อำภาบอก ลดาวัลย์เดินเข้าไปเก็บ สุภาเอ็ดว่า
“ได้ยินยัยอ้ำมันบ่นบ้าอะไรแต่เช้า”
“พี่อ้ำว่าถ้าคุณแม่แต่งงานกับเสี่ยคงมีเงินเล่นการพนันสบายเลย บ้านที่จำนองนี้จะได้ไม่เป้นภาระพี่อ้ำ”
“หน็อยนังลูกทรพี มันกล้าไล่แม่มันเชียวหรือนี่ ต้องสั่งสอนเสียบ้างแล้ว”
“โฮ๊ย” ลดาวัลย์ทำเสียงรำคาญมารดา ที่ปากร้ายได้ทุกวัน แต่ความดีไม่เคยทำให้อีกฝ่ายได้เห็น ดังนั้นจึงกล้าต่อปากต่อคำ “คุณแม่จะสอนอะไรพี่อ้ำล่ะคะ พี่อ้ำน่ะสอนคุณแม่จะดีกว่า พี่อ้ำทำงานด้วยเรียนด้วย เรียนจบแล้วยังมาแบกรับงาน คุณแม่น่ะเลิกเล่นการพนันเสียที พี่อ้ำจะได้ไม่ต้องงกโฮทีแบบนี้ สงสารลูกเสียบ้างสิ” กล่าวจบแล้เว เธอเก็บจานซ้อนกัน เดินออกไปไม่วายบ่นให้สุภาอารมณ์เสีย
“ขนาดกินแล้วยังค้างได้สามคืน ทำตัวแบบนี้ ด๋าเลยโดนหางเลขด้วย”
“แกมันสวยแต่รูป ส่วนนิสัยสกปรก”
“เหมือนใครกันน๊า แหมนี่ดีที่พี่วาไปสบาย ถ้าอยู่คงมีคนใช้ให้คุณแม่ดูสวยกว่านี้เนอะ”
“นังลูกเวร”สุภาเหวี่ยงไพ่ใส่ลดาวัลย์ท่าทางหงุดหงิด เคร่งเครียด และเมื่อได้ยินชื่อวาสิฐี ทำให้เธออยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไร ดังนั้นมื้อเช้า ซึ่งมาเป็นมื้อเที่ยงของที่นี่ด้วยการทำราดหน้ารับประทาน ฝีมืออำภา สุภาถามถึงวาสิฐี
“แกเจอนังวาหรือเปล่าอ้ำ มันเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ได้เจอ อ้ำจะไปหาพี่วาเจอได้ที่ไหนล่ะ จากกันตั้งห้าหกปีแล้ว” อำภาตอบ พลางคิด เจอก็ไม่มีทางให้มารดารู้อย่างแน่นอน
“แล้วแกเอาที่ไหนมาพูดว่านังนั่นมันไปสบาย”ภาหันมาเล่นงานลูกคนเล็ก
“เก๊าะ พี่วาไปอยู่กับหลานสาวคุณหญิงเขาต้องสบายล่ะ”
“แล้วมันเป็นเลสเบี้ยนหรือไง”
“ใครจะไปรู้ ว่าแต่เดือนนี้พี่อ้ำมีโอทีกี่ชั่วโมงล่ะ บัตรกี่บัตร คุณแม่เอาไปรูดใช้เกลี้ยงไม่ใช่หรือคะ ด๋าเห็นใบทวงหนี้เต็มตู้จดหมายเลย”
“ถ้าทนไม่ไหวก็จะหนีเอาตัวรอด” อำภาขู่
“พูดอย่างนี้ระวังเถอะจะโดนฉุดไปขายล้างหนี้” ลดาวัลย์เอ่ยอย่างรู้ใจคนเป็นแม่ ว่าอำมหิตเพียงใด แต่อำภาก็รู้ทางดีจึงว่า
“ฉันจะเอามีดเชือดคอตัวเอง แต่ก่อนเชือดฉันจะเขียนจดหมายส่งให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับว่าแค้นใจแค่ไหนถึงได้ทำเวรทำกรรมกับตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย รับรองได้ว่าไม่มีใครสมน้ำหน้าการตายของฉันหรอก แต่เธอรอรับจดหมายด่าคนที่ทำให้ฉันต้องตายก็แล้วกันด๋า”
“นี่” สุภาตบโต๊ะไม้ ดังปัง จานบนโต๊ะกระทบกันดัง เคร้ง คร้าง “มันจะมากไปแล้วนะนังอ้ำ”
“ก็ลองมาเอาอ้ำขายล้างหนี้ดูสิ จะรู้ว่าสายเลือดคุณนายสุภาเข้มข้นแค่ไหน พี่วาน่ะ ใจไม่ได้ครึ่งของอ้ำหรอก ถึงได้ยอมคุณแม่จนคุณพ่อมาเห็นกับตา” กล่าวพลางอำภานั้นเองที่น้ำตารื้นเต็มขอบตา คิดถึงพี่สาวอย่างจับใจ
เวลานั้นเอง เลียบเมืองได้ขับรถมาหาอำภาถึงบ้าน วันนี้เขาเอารถของเมืองเอกมาขับ จึงเป็นรถเบ็นซ์ รถของตัวเองนำเข้าซ่อม
“รถเสี่ยหรือเปล่าพี่อ้ำ ด๋าไปเอามีดให้มั้ยแทงเสี่ยหรือแทงตัวตายดี”ลดาวัลย์มีแก่ใจล้อเล่น อำภา มองมารดา ซึ่งอีกฝ่ายชะเง้อมองดูรถอย่างสนใจในราคา เธอเป็นคนเล่นการพนันในบ่อนใหญ่ เธอรู้ดีว่ารถเบ็นซ์คันนี้ราคามากกว่าสองล้านขึ้นไป
“หนุ่มหล่อ”ลดาวัลย์อุทานตื่นเต้น “คุณแม่เลี้ยงเด็กจนหมดตัวหรือไง”
“นังปากนรก”สุภาด่ากราด “ใครกัน”
“อ้อคนที่ทำงาน” อำภาเลี่ยง เมื่อจำเลียบเมืองได้ วันนี้เขามาพร้อมกับถุงของหลายอย่าง อำภาเดินออกไปรับ ลดาวัลย์หันไปเอ่ยกับมารดา พลางบอกว่า
“ถ้าคุณแม่คิดขายพี่อ้ำให้เสี่ย ด๋าจะแจ้งตำรวจ ด๋าชอบคนนี้แล้วล่ะ คนอะไรหล่อไม่เกรงอกเกรงใจดาราดัง”
“เก็บจานให้เรียบร้อยนังด๋า ทำตัวเป็นสาระแนเรียกยายอยู่นั่นล่ะ”
อำภารอรับเลียบเมืองที่หน้าประตู เธอเดินออกไปรับไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าบ้าน ทำให้เลียบเมืองแปลกใจมาก
“พี่ไมมาธุระอะไรหรือคะ”
“เอ่อ วันนี้จะเข้าหอวันสุดท้ายแล้ว เรียนจบ”
“ค่ะ จะพาอ้ำไปหาพี่วาหรือคะ”
“เอ่อ” เลียบเมืองบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าตื่นมาก็อยากออกไปหาซื้อของมาฝากอำภา และอยากรู้จักคนในบ้าน แต่ดูเหมือนหญิงสาวกันท่าไม่อยากให้เลียบเมืองเข้าบ้าน
“ นี่เป็นรองเท้า เห็นว่าสวยดีเลย คิดถึง อ้อคิดว่าอ้ำคงใส่ได้ครับ”
“พี่ไมจะจีบอ้ำหรือเปล่าคะนี่” อำภายิงคำถามตรงประเด็น ทำให้เลียบเมืองเห็นกระป๋องแห้วมาเปิดรอ เช่นเดียวกับเขาจีบวาสิฐี เขานิ่งไปอึดใจ จึงได้โพล่งออกมาจากใจจริง
“อ้ำมีคนรักหรือยัง ถ้ายังพี่ก็อยาก รู้จักมากกว่านี้”
“อ้ำไม่มีเวลาหรอกค่ะ ภาระอ้ำมาก อ้ำบ้างาน บ้าโอที ถ้าพี่ไมคิดอยากเป็นคนรักอ้ำ พี่ไมต้องคิดนานทีเดียว เพราะอ้ำไม่มีเวลาหวานให้ และไม่มีเวลาแม้แต่จะชวนเข้าไปในบ้านด้วยค่ะ”
“พูดกับผู้ชายอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าอ้ำ หรือว่ารำคาญเฉพาะพี่คนเดียว” ชายหนุ่มตัดพ้อออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจ เสียความรู้สึกมากกว่าวาสิฐีขนเพื่อนไปทานข้าว พาพรรณยุดากับสองหมอไปนั่งแทรกระหว่างดูหนังรัก หรือ หรือ...หรือ... อำภาทำออกมาเพียงน้อยนิด เขาเสียใจมากกว่าวาสิฐีวางตัวเขาเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น
“พี่ไม เอ่ออย่าว่าอ้ำเลยนะคะ ไม่ใช่ว่าอ้ำรู้สึกไม่ดีกับพี่ไม แต่อ้ำ”หญิงสาวไม่อายากพาเลียบเมืองไปรู้จักมารดาของตนเอง
ยังไม่ทันที่เลียบเมืองจะตอบว่าอย่างไร สุภาเป็นฝ่ายเดินออกมาเสนอหน้าทักทายด้วยเสียงอันหวานผิดปกติ
“อ้ำ ทำไมให้เพื่อนยืนรอนอกบ้านอย่างนี้ล่ะ เข้ามาคุยในบ้านเถอะ แม่เตรียมน้ำเตรียมขนมไว้ให้แล้วจ้ะลูก”
เลียบเมืองไหว้สุภา ขณะที่อำภาสะอึกกับการกระทำของมารดา ในที่สุด อำภาเอ่ยว่า
“พี่ไมกำลังกลับแล้วค่ะ คุณแม่เข้าไปในบ้านก่อนนะคะ”
สุภาอยากแหกปากด่าลูกสาวให้ฉ่ำใจเสียนัก เมื่ออำภาไม่ยอมไว้หน้า หันมาไล่นางทางอ้อม ทำให้นางต้องยกมือรับไหวลาจากเลียบเมืองก่อนเดินหน้าม้านกลับเข้าไปให้ลดาวัลย์หัวเราะคิกคัก
“แม่นะแม่ ไม่เข้าใจเอาเสียเลยว่าลูกไม่อยากให้เพื่อนรู้จักแม่สักคน”
“ฉันไม่ดีตรงไหน น่ารังเกียจตรงไหนนังด๋า”
“ตรงที่แม่ลืมตัวใส่ชุดนอนบางพรลิ่วออกไปโดยไม่สวมเสื้อปิดบังความอะร้าอร่ามนั่นหนึ่งประเด็น อีกหนึ่ง พี่อ้ำกันท่าเห็นๆ คงกลัวคุณแม่เอาเข็มไปสูบเลือดพี่หล่อนั่นแหงเลย”
“เวร เวรแท้ๆ”สุภาด่าตัวเองที่ลืมตัวใส่ชุดนอนไม่สวมเสื้อทับ ด่าลูกสาวไม่เจาะจงใครที่ทั้งสองต่างจี้แทงใจดำนางได้ถูกจุด
“อ้ำ”
“อายจังเลยค่ะที่คุณแม่ออกมาอย่างนั้น”
“เข้าใจแล้ว พี่ขอเบอร์อ้ำได้มั้ย สัญญาว่าจะโทรมาเป็นเวลา หรือเฉพาะที่อ้ำจะยิงไปหา เพราะพี่จะรอทุกเวลา แม้แต่เวลานอน”
อำภาอยากละลายตายไปกับคำหวานที่พร่ำพรอดออกมาจากปากหนาได้รูปสวยของเลียบเมือง และไม่เข้าใจว่า ทำไมเขาจึงบอกว่าพี่วาของเธอไม่สนใจเขาเกินเพื่อน
“พี่ไมคะ อ้ำจะโทรหาพี่ไมแน่นอนค่ะ สำหรับรองเท่าที่พี่ไมซ้อให้ อ้ำจะใส่วันที่เรามีเดทกันค่ะ”
โอ้...เลียบเมืองเห็นสี่แยกไฟแดงเปิดไฟเขียวพร้อมกันขึ้นมาในมโนสำนึกทันที ทางโปร่ง ทางปลอด จากนี้ขอให้อำภาโทรหาเขาโดยเร็ว
“พี่กลับก่อนนะครับ แล้วอย่าให้พี่รอนานเกินสองวันนะครับ เอ่อพี่เป็นหมออยู่ในโรงพยาบาลในกรุงเทพนี่ล่ะครับยังไม่เปิดคลินิก มีเวลาเยอะมาก ถ้าอ้ำสนใจเงินเดือนทั้งหมดของพี่ รีบสมัครงานเป็นผู้ช่วยดูแลหัวใจพี่เลยนะครับ”
“เดี๋ยวก็จมน้ำตาลตายตรงนี้ล่ะ เอาเบอร์มาค่ะ แต่เอ่อ จดใส่ที่ลึกลับหน่อยนะคะ”
“ครับ”เลียบเมืองยอมทุกอย่าง เขากลับเข้าไปในรถและจดหมายเลขโทรศัพท์ใส่แผ่นกระดาษเขียนข้อความกันลืมส่งให้อำภา อีฝ่ายใส่ลงไปในถุง จากนั้นยิ้มหวานโบกมือลาชายหนุ่ม ซึ่งหัวใจเบิกบานขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าจะสามารถบานได้มากกว่านี้อีกหรือไม่!!
อำภาเดินเข้าบ้าน สุภาตะคอกใส่ลูกสาวคนโตทันทีว่า
“แกขายหน้าผู้ชายรวยคนนั้นมากหรือที่มีฉันเป็นแม่”
“เขาเป็นแค่คนขับรถให้เจ้าของบริษัทที่อ้ำทำงานอยู่ นี่เจ้านายให้เขาเอารถไปล้างยังไถลกดเงินมาซื้อของให้อ้ำ ป่านนี้ลูกเมียเขาต้องกินข้าวกับน้ำปลาหรือเปล่า”
“อะไรนะ มันเป็นแค่คนขับรถ”
“ก็ใช่น่ะสิ อ้ำถึงไม่ยอมให้เข้าบ้านเราไง อ้ำจะเอาคนจนมาช่วยกันถล่มชีวิตอ้ำไปทำไมล่ะ”กล่าวจบ เธอขึ้นไปชั้นบน ลดาวัลย์มองตามอย่างไม่เชื่อ
ส่วนอำภาเชื่อวาจาคนจริงอย่างอำภา ด้วยความคิดว่าลูกสาวไม่ใช่คนโกหก แต่บัดนี้ อำภาได้โกหกคำโตเสียแล้ว!!
วิลล์รับโทรศัพท์จากสุธีพูดคุยกันครู่หนึ่งเมื่อเลิกติดต่อกันแล้ว เขาเกิดความคิดแยบยล เรียกลำไยให้ตามพรรณยุดามาพบ พรรณยุดามาหาน้าชายที่ข้างสระนั่งลงข้าง ๆ ถาม
“น้าวิลล์ให้ตามยุดา”
“เคยไปเที่ยวผับมั้ย”
“ไม่เคยค่ะ น้าวิลล์ก็ทราบว่ายุดาไม่ค่อยชอบที่มืด ๆ ไม่ชอบกลิ่นเหล้าควันบุหรี่”
“กลัวผี”
“ทั้งผีทั้งคน”
“วันนี้สุธีเลี้ยงวันเกิด ให้ชวนยุดากับวาสิฐีไปด้วย ไปบอกเพื่อนชวนให้ตกลงให้ได้”
“ขนาดเอาปืนขู่มั้ย”
พรรณยุดาสวนอย่างพอจะเข้าใจ น้าชายหาเรื่องชวนวาสิฐีเที่ยวโดยเอาเธอบังหน้า
“เลี้ยงในผับหรือคะ คงมีคนเยอะ”
“ก็ไม่รู้เขามีใครอีก ยุดาไปให้ได้” วิลล์มักเรียงประโยคคำพูดสลับที่กันเสมอ แต่คนใกล้ชิดต่างเข้าใจกันดี “ชวนว้าสให้ได้นะเด็กดี”
“ค่า ๆ”เธอรับคำยานคาง วิลล์กดศีรษะหลานสาวเล่น พรรณยุดาทำท่าราวนกกระพือปีกพลางว่า “จะเป็นคิวบิกให้คุณน้าที่รักค่ะ”
วิลล์หัวเราชอบใจ เมื่อได้รับการตามใจ พรรณยุดา เรียกลำไยมาสั่งความต่อว่าให้ไปตาม วาสิฐี ลำไยรับคำทันที พรรณยุดาสั่งต่อว่า
“ไม่ต้องไปบอกเขาล่ะว่าฉันอยู่กับน้าวิลล์”
ลำไยซ่อนยิ้ม ที่เก็บความลับของเจ้านายเอาไว้ เธอไปตามหาวาสิฐี ที่เก้าอี้ในสวนหลังตึก ใกล้เรือนพักคนงานฝ่ายหญิงสาวคนที่วิลล์คิดถึงทุกลมหายใจนั้นกำลังโดนงามพริ้มต่อว่าอย่างเปิดเผยไม่เกรงใจ
“เมื่อคืนเต้นรำกับคุณวิลล์ท่าทางมีความสุขมากนี่วาสิฐี”
เหมือนแขไม่ชอบใจนักกับความช่างอิจฉาของงามพริ้ม
“คุณวิลล์เขาเป็นพ่อม่าย กับคุณที่ชื่อลิลนรีที่เคยมาที่บ้านเขาก็จู๋จี๋กันออกนอกหน้า เธออย่าฝันเลยหวานว่าจะเป็นเจ้าหญิงของคุณวิลล์เลยวาสิ เพราะเธอจะอกหักเสียเปล่า”
“พริ้ม” วาสิฐีเตือน น้ำเสียงเยือกเย็นเช่นนิสัยที่ชอบคิดก่อนพูดเสมอ “อย่าเข้าใจอะไรผิดไปนักเลย ฉันสำนึกตัวเองอยู่เสมอว่าฉันเป็นกาฝากของบ้านสราญจิต ฉันจะไม่เกาะลำต้นที่ฉันได้อาศัยน้ำเลี้ยงจนตายหรอก ฉันจะเป็นฝ่ายยอมตายเอง”
“พูดบ้าอะไรของเธอ” งามพริ้มไม่เข้าใจ แต่เหมือนแขรู้ความหมายนั้น
หญิงสาวผู้ เจียมตัว รู้ว่า ‘วาสิฐีไม่มีวันทำร้ายคุณหญิงจิตตรี’
ลำไยเดินเข้าไปเชิญวาสิฐีให้ไปหาพรรณยุดาที่ห้องนั่งเล่นหลังจากรับคำน้าชายดิบดีต้องพาวาสิฐีไปให้ได้ วาสิฐีขอตัวจากเพื่อน ๆ งามพริ้มถามลำไย
“เรื่องอะไรหรือพี่ลำไย”
“คุณยุดาเธอเรียกหาคุณวา ท่าทางรอแทบไม่ไหวเสียด้วย”
ลำไยกระแทกเสียงตอบให้อีกฝ่ายอิจฉาเร่า ๆ หาความสุขไม่ได้ ตามประสาคนที่ชอบวาสิฐี แต่ไม่ชอบคนขี้อิจฉาอย่างงามพริ้ม!!
พรรณยุดาวางหนังสืออ่านเล่น เมื่อวาสิฐีเข้าไปนั่งเก้าอี้ยาวตัวเดียวกันมองตาแทนคำพูด
“ไปเที่ยวกับยุดานะคืนนี้”
“วาสิต้องกลับหอพักแล้ว”
“กลับพรุ่งนี้ ห้ามขัดใจเพื่อนที่รักเธออย่างฉัน พรุ่งนี้ยุดาจะขับไปส่งเอง”
“อ้อมแย่เลย ว่าแต่ เรื่องเที่ยวสำคัญนักหรือ เที่ยวที่ไหนกันทำให้ยุดาอยากไปนัก”
สายรุ้งที่หายไป พรรณยุดานึกพร่ำในใจ ถ้าวาสิฐีตกลงกับวิลล์ก็ดี เธอจะลองสู้กับหัวใจตัวเองสักตั้งแม้ว่าคนที่เธอรักและตัดใจไม่ได้จะมีใครอยู่แล้วก็ตามที..ไร้ยางอาย คำนี้ผุดขึ้นมา หากยุดากดปิดลงไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้แย่ง แค่เพียงเธออยากมีความสุขบ้างเท่านั้นเอง
วาสิฐีไม่ได้ถามไถ่อีกเมื่อพรรณยุดาต้องการเธอตามใจ เมื่อตกลงแล้วสองสาวต่างพากันไปดูงานทำ ซึ่งเวลานั้น แม่บ้านสาม-สี่คนวุ่นวายการจัดของ
หญิงสาวคนงามเดินไปในห้องนั่งเล่นเห็นอุปกรณ์การทำดอกไม้ตั้งวางอยู่จึงลงมือทำ คุณหญิงจิตตรีเดินเข้ามาในห้องพรรณยุดาถามบุพการี
“คุณยายเตรียมทำดอกไม้ไปช่วยสมาคมหรือคะ”
“คุณหญิงมุกดาเขาขอ รู้จักมั้ยล่ะ ราชวงศ์หญิงมุกดา เสน่หา ธิดาท่านไกร”
“ยุดาจำไม่ได้ค่ะคุณยาย”
“ชวนให้ออกสังคมด้วยกันก็ไม่ไป ติดวาสิยังกับตังเม”
“ก็วาสิรู้ใจยุดานี่นา คุณหญิงมุกดาเขาพึ่งมาขอหรือคะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินชื่อ”
“เดี๋ยวคุณหญิงคงมา เขาจะหารายได้ช่วยข้าราชการทหารที่พิการน้ำใจงามสวยมาก”
“ยังสวยหรือคะคิดว่ารุ่นเดียวกับคุณป้าพัชนี”
“ที่ไหนกัน พึ่งยี่สิบเจ็ดเท่านั้นเองยังไม่แต่งงาน กับหม่อมแม่เขาเป็นเพื่อนกับยาย”
เตรียมตุนาหงันให้ลูกชายล่ะสิ สองหญิงสาวคิดเรื่องเดียวกัน คุณหญิงจิตตรีถามวาสิฐีซึ่งนั่งพับดอกไม้เงียบ ๆ แต่ทำได้คล่องเพราะช่วยงานบ่อย
“วาสิกลับหอพรุ่งนี้หรือจ้ะ”
“ยุดาให้อยู่ค่ะคุณยาย” พรรณยุดาชิงตอบ “วันนี้จะไปงานวันเกิดเพื่อนกันก่อนค่ะ พรุ่งนี้ยุดาจะจับส่งถึงวิทยาลัยห่วงว่ายุดาจะพาเสียคนค่ะ”
“ถามยุดาเสียที่ไหนพูดมากไปได้นะเรา” พรรณยุดา ทำก้มหน้า เสยิ้มให้เพื่อนสาว ซึ่งหยักยิ้มคล้ายเยาะที่อีกฝ่ายโดนดุ พรรณยุดาจึงกระแซะไหล่อีกฝ่ายโดยแรงจนเสียหลัก จากนั้นสองสาวพากันหัวเราะเบาๆ
“ เด็ก ๆ ไปตามพริ้มกับแขมาช่วยกัน” คุณหญิงออกคำสั่งหญิงคนหนึ่งขยับตัวเพื่อทำตามคำสั่งประมุขบ้าน ให้มาทำงานที่โถงใหญ่สำหรับมีงานทำร่วมกัน
ทางด้านวิลล์ กำลังนั่งสนทนากับพี่ชายใต้ร่มไม้ใหญ่ บนเก้าอี้ไม้ยาวสีขาว
“อายุมากแล้วหมายตาใครไว้หรือยัง”
“ครับดู ๆ ไว้บ้าง” หนุ่มคนน้องตอบพี่ชาย ดวงตาเปล่งประกายนักต่อสู้
“วิลล์เป็นคนสืบตระกูลเป็นคนที่คุณแม่หวัง อย่าทำให้ท่านเสียใจล่ะ”
“ไม่เข้าใจเลยเดฟ” เขาเลิกคิ้วสูงหน้าผากยับย่น“ถ้าฉันจะรักใครทำไมคุณแม่ต้องเสียใจละ”
“คุณแม่ท่านเลือกฐานะ และความเหมาะสม”
“สำหรับผม หัวใจสำคัญสุด”
เขาเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ถ้าเงินและยศศักดิ์ทำให้หมดความสุข ผมขอเดินถนนเหมือนคนธรรมดาดีกว่าครับ”
“พูดเหมือนมองใครแล้วจริง ๆ”
วิลล์หัวเราะกลบเกลื่อน ขณะนั้นรถเก๋งสีเข้มมีคนขับแต่งกายสุภาพ ตอนหลังเป็นสุภาพสตรีสาว ท่าทางใจดีทำผมเกล้าตึงรูปหน้าสวยแต่งหน้าบาง ๆ
คุณหญิงมุกดามาถึงแล้ว เธองามสง่าทุกอิริยาบถ เด็กรับใช้ที่ทำงานอยู่หน้าตึกเดินนำไปพบคุณหญิงจิตตรี
คุณหญิงมุดาไหว้ผู้มากวัยกว่าอย่างนอบน้อมทักภามเสียงเบาจนแทบตะแคงหัวฟัง
“ทำดอกไม้กันยุ่งเชียวค่ะน้าหญิง มุกรบกวนหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกคุณหญิง ได้บุญเท่ากัน นั่งก่อนสิจ้ะ ใครสักคนไปตามคุณหมอกับคุณวิลล์มาทีซิ บอกว่าฉันมีแขกสำคัญจะแนะนำให้รู้จัก ไปห้องรับแขกนะ อ้อยุดานี่พี่หญิงมุกดา”
พรรณยุดายกมือไหว้อีกฝ่ายรับไหว้แล้วทักทายเบา ๆ เช่นเคย
“เคยได้ยินน้าหญิงพูดถึงบ่อย ๆ ตัวจริงสวยจนน่าเล่นละคร สนใจมั้ยคะน้องยุดา พี่หญิงจะจัดละครการกุศล”
“ยุดาไม่ถนัดค่ะต้องขอตัว”พรรณยุดาปฏิเสธแทบจะทันที
หญิงสาวไม่ชอบเข้าสังคมนักเธอชอบอยู่ใกล้กับเพื่อนรัก และครอบครัวของเธอมากกว่ายิ่งวิลล์กลับมาแล้ว เธอเหมือนมีเพื่อนคู่หูเพิ่มขึ้น มากว่าจะมีญาติผู้ใหญ่ เพราะวิลล์ลดฐานะลงมาเป็นเพื่อน เพื่อเพื่อน คิดแล้วพรรณยุดายิ้มให้ตัวเอง
“ไปคุยกันที่ห้องรับแขกดีกว่าทางนี้ปล่อยเด็ก ๆ เขาทำกันไปเถอะ”
คุณหญิงจิตตรีผุดลุก วาสิฐีอยู่ใกล้รีบลุกขึ้นประคอง จากนั้นคุณหญิงตบหลังมือเรียวนุ่งของว่าที่คุณหมอด้วยความขอบใจ วาสิฐีปล่อยท่านเดินนำแขกไป
คุณหญิงมุกดาเห็นวาสิฐีมีความงดงาม และกิริยาแช่มช้อยน่ารัก จึงเปรยขึ้น
“เด็กที่นี่หน้าตาสวย ๆ ทั้งนั้นคนที่ประคองน้าหญิงเธอสวยจริง ๆ นะคะบุตรีใครคะ”
“อ๋อ วาสิฐีเพื่อนของพรรณยุดาสองคนนั้นสนิทกันมาก วาสิฐีเรียนแพทย์ส่วนวายุดาเรียนจบแล้วจะเข้าทำงานเร็วนี้”
“ทั้งสวยทั้งเก่ง”
“หญิงมุกดาต่างหากที่ทั้งสวยทั้งเก่ง”
คุณหญิงจิตตรีกล่าวชม ทำให้คนที่ท่านนัดหมายเข้ามามีสีหน้าระเรื่อแดงราวกับถูกชายหนุ่มจีบ จะไม่ให้คุณหญิงมุกดาเก้ออย่างไรได้ ในเมื่อผู้ใหญ่พูดเป็นนัยๆว่าอยากเป้นทองแผ่นเดียวกัน
สองหญิงมียศศักดิ์มาแต่กำเนิด พากันเดินเข้าในห้องรับแขก เวลานั้น เด็กรับใช้ได้ตามรองศาสตราจารย์นายแพทย์เดวิด และวิลล์ให้มาถึงก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อผู้เป็นมารดาเข้ามา เดวิดและวิลล์ยืนลุกขึ้นรับพร้อมกน ซึ่งเป็นวัฒนะธรรมที่ดีงามมาก กว่าจะนั่งรอรับ
หญิงสาวสวยรูปร่างโปร่งบาง สวมอาภรณ์ผ้าไหมตัดเรียบร้อย เดวิดรับไหว้ วิลล์เช่นกัน คุณหญิงมุกดาไหวเยือกในใจราวถูกราดรดด้วยน้ำแข็งอันเย็นเยียบ แม้จะตั้งใจมาดูตัวชายหนุ่มแต่แรก หากเธอไม่คิดว่าวิลล์จะมีรูปร่างหน้าตางามสง่าสมชายชาตรีถึงเพียงนี้
เมื่อต่างทรุดกายลงนั่งบนชุด เก้าอี้นวม ราคาแพงเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงมุกดากล่าวเพื่อลบอาการเก้อเขินไปว่า
“หญิงมีบัตรกาล่าดินเนอร์มาด้วย เชิญพี่เดวิดและคุณวิลล์เสียเลยนะคะ”เธอจงใจยื่นให้วิลล์ซึ่งรับตามมารยาท
เขาพลิกอ่านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คำไทยบางคำวิลล์อ่านไม่ออกเลย อย่างคำว่า โดยเสด็จพระราชกุศล เขาหันไปหาพี่ชาย ชี้ให้ดูตัวอักษรที่ว่า เดวิดเอ่ยเป็นภาษาอิตาเลี่ยน เพื่อไม่ให้คุณหญิงได้รู้ และดูถูกภาษาไทยของน้องชาย ส่วนคุณหญิงแม่ออกปากว่า
“วิลล์พึ่งกลับยังเมืองไทย มาอยู่ไม่นาน ก่อนหน้านี้มาเป็นครั้งคราวไม่ค่อยได้เที่ยวไหน เขาจึงไม่ค่อยรู้จักใคร ต้องรบกวนหญิงมุกเป็นพี่เลี้ยงออกงานแล้วละ”
คุณหญิงจิตตรีทำพิธีเปิดสะพานให้ลูกชายก้าวเดินไปตามทางที่ท่านหวัง
“คุณหญิงเป็นนักเรียนเก่าจากวิทยาลัยเดียวกับวิลล์รู้มั้ย”
“พึ่งทราบครับ คุณหญิงจบมานานแล้วหรือครับ”
“หญิงจบโทเท่านั้นค่ะแล้วก็กลับมาช่วยงานหม่อมแม่ คุณวิลล์คงกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว”
คุณหญิงจิตตรีเอ่ยเปิดทาง
“เขาว่าจะหาผู้หญิงไทยเป็นคู่ชีวิต นี่ยังไม่ได้หมายตาใครไว้เลย”
“พาคุณหญิงไปรับลมเย็น ๆ ในสวนชายน้ำดีกว่ามั้ยวิลล์”
ความเป็นสุภาพบุรุษเขาจึงไม่อาจปฏิเสธลุกขึ้นผายมือเชื้อเชิญ
“เชิญครับคุณหญิง”
“เรียกมุกดาก็ได้ค่ะคุณวิลล์”
สองหนุ่มสาวจากไปแล้วคุณหญิงจิตตรีจึงเอ่ยกับลูกชายคนโต
“เหมาะสมกันมั้ยเดวิด”
“อยู่ที่คนกลางครับคุณแม่”
“วิลล์ยังไม่มีใคร คุณหญิงเพียบพร้อมทุกอย่างแม่เชื่อว่าความดีของคุณหญิงจะชนะได้”
“คุณหญิงเธอแสนดีอย่างคุณแม่ว่า เธอจะไม่มีคนถูกใจอยู่ก่อนหรือครับ”
“อาจกำลังเลือกอยู่ก็ได้นี่นา ไม่อยากให้วิลล์พลาดโอกาสแม่จึงทาบทามกับหม่อมไฉไล”
นายแพทย์เดวิดแยกจากมารดาเมื่อท่านได้เวลาพักผ่อน วิลล์กับคุณหญิงมุกกดาคงคุยกันถูกคอเพราะมีเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังมาแว่ว ๆ
คุณหมอหนุ่มใหญ่ผ่านไปทางห้องนั่งเล่น สาว ๆ ยังคงทำงานกันพร้อมเสียงพูดคุยกันเบา ๆ หนึ่งหญิงนั่งพับเพียบทำงานไปอย่างขะมักเขม้น เขาอยากรู้ที่เธอเคยพูดมีแล้วคนรัก ถ้าเป็นพีระเดชคงหน้าเป็นห่วง เพราะหม่อมราชวงศ์จิตติ กางขาผวาปีกขวางกั้นเต็มที่ คุณหญิงผู้ให้กำเนิดเขาก็ไม่ชอบใจถ้าวาสิฐีจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา เดวิดไม่อยากให้วิลล์ซึ่งเดาใจว่าชอบพอวาสิฐีต้องขัดใจกันกับมารดาซึ่ง เดวิดรักมารดามาก และรู้ว่าวิลล์รักมารดา และรักความต้องการของตนเอง วิลล์แยกกันอย่างเด็ดขาดได้เสียจริง!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2555, 19:51:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2555, 21:36:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 2191





<< ความสุขของนางซินฯ   คืนสุข >>
minafiba 10 พ.ค. 2555, 20:32:25 น.
^_________^


Thananya 10 พ.ค. 2555, 21:20:22 น.
หนุ่มๆเรื่องนี้ถือคติ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนรึเปล่าคะ ลุยเต็มสปีดขนาดนี้จะต้านไหวมั้ยเนี่ยสาวๆ


นางแก้ว 10 พ.ค. 2555, 21:23:33 น.
พี่ไมกับน้องอ้ำหายไปสองหน้าค่ะ


นางแก้ว 10 พ.ค. 2555, 21:55:23 น.
นำมาคืนแล้วค่ะพี่ไม และอ้ำ พร้อมกับตอนต่อไปอย่างต่อเนื่อง


nutcha 10 พ.ค. 2555, 22:28:36 น.
เหมือนจะลงตัวเลยเพราะแต่ละคู่ต่างก็รักกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นน้าถึงทำให้สลับคู่กันหมดเลย


Zephyr 11 พ.ค. 2555, 19:05:16 น.
เอ๊ น้าวิลล์ อย่าเพิ่งหวั่นไหวสิคะ เดี๋ยวหนูวาสิน้อยใจนะ ไปถูกคอกะคุณหญิงน่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account