รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: คืนสุข


ชายหนุ่มคนที่คุณหญิงแม่หวง กำลังทำหน้าที่เดินไปส่งแขกจนถึงรถโบกมือให้อย่างเคยชิน คุณหญิงมุดายิ้มน้อย ๆ กับตัวเองนำความปลื้มปีตินี้ไปถึงวังเสน่หา
หม่อมไฉไลอายุยังไม่มากถือว่าเป็นรุ่นน้องคุณหญิงจิตตรีหลายปี หม่อมรอรับลูกสาวที่ห้องโถง เมื่อคุณหญิงไปถึงก็ไม่อาจกั้นความอิ่มใจไว้ได้
“หม่อมแม่ขา ทราบมั้ยค่ะว่าลูกไปพบใครที่บ้านสราญจิต”
“คุณหญิงเกริ่นถึงลูกชายคนที่กลับจากเมืองนอกให้แม่ฟังแล้ว ไง ถูกใจหรือ”
“หม่อมแม่ทราบหรือคะ”
“หน้าลูกปิดไม่มิดนี่จ้ะ ว่าไงถูกใจใช่มั้ย”
“เขา งามเหมือนรูปปั้นกรีก คุยสนุกเป็นกันเองลูกชอบเขาค่ะ”
“หน้าไม่อายไปพบวันเดียวบอกชอบพอแล้วหรือ”
“ดวงตาสีแปลก ๆ ของเขาสีน้ำเงินปนเทามองลูกตรง ๆ ลูกงี้อายแทบแย่ค่ะ”
“ถ้าชอบ คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะคุณหญิงเปิดทางมาเอง”
ผู้ให้กำเนิดให้กำลังใจลูกสาวของตนอย่างเต็มที่ คุณหญิงมุกดารู้สึกว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้เอาเสียเลย มองอะไรมีความสุขไปโดยสิ้น!
พรรณยุดานั่งนิ่งให้วาสิฐีทำผมคุณหมอผู้กลายมาเป็นช่างเสริมสวยจับผมจากสองข้างดึงไปรัดครึ่งศีรษะ ทำผมแล้วคุณหมอจึงลงมือแต่งหน้าบาง ๆ สวยใสหลังจากเป็นผู้ใช้บริการแล้ว พรรณยุดาเปลี่ยนไปเป็นช่างโดยที่เพื่อนรักนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่แทน
วาสิฐีถูกพรรณยุดารวบผมขึ้นหมด ปล่อยลูกผมระท้ายทอยนิดน้ำมันใส่ผมเป็นเกลียวที่จอนดูหวานจับใจ แข่งกับคุณหญิงมุกดา พรรณยุดาคิดในใจ สองสาวแต่งกายคล้ายกันด้วยชุดพีชเหนือเข่า ของพรรณยุดาคอย้อยสายเดี่ยวสีม่วง ขณะที่วาสิฐีสวมสีครีมเรียบ ๆ หากเจ้าตัวสวยจนข่มชุด
เมื่อพากันลงมาที่ลานจอดรถจึงพบวิลล์พิงรถรออยู่ในชุดเสื้อราคาแพง ลายสก๊อต สีเทาลายขาว กางเกงแสลกสีเข้ม รองเท้าคัทชูสีน้ำตาล วาสิฐีชะงักเท้าไปนิดหนึ่ง เมื่อรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเพื่อนรัก แต่ วาสิฐีไม่อาจถอนตัวในกลางครันได้เลย เพื่อนรักคนดี จับมือวาสิฐี ซึ่งเธอรับรู้ได้ว่าหญิงสาวมือเย็นผิดปกติ หลานสาวคุณหญิง
“ไปงานวันเกิดของคุณสุธี คนอ้วน ๆ เพื่อนของน้าวิลล์”
“น่าจะบอกวาสิก่อน” เธอบ่น
“ขืนบอกก็หาเรื่องกลับหอพักจนได้สิน่า มาแล้วค่ะน้าวิลล์” เธอทักน้าชายเสียงดัง ๆ ตัดบทไม่เถียงกับวาสิฐี
แป้งเปิดประตูรถให้ทั้งสองประตูพรรณยุดานั่งคู่ไปกับน้าชายวาสิฐีนั่งด้านหน้า แป้งขับรถเซฟิโรไปยังจุดนัดพบ งามพริ้มแอบมองด้วยความสนใจ และสงสัยว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ลำไยเอ่ยบอกราวกับรู้ใจอีกฝ่ายว่า
“ได้ยินว่าจะไปงานวันเกิดของคุณสุธี เพื่อนคุณวิลล์ คนที่เต้นรำกับพริ้มวันนั้นนั่นล่ะ”
งามพริ้มใจหายวับด้วยความผิดหวัง เธอคาดว่าสุธีคงชอบ เพราะเขาแสดงออกด้วยความสนใจในการพูดคุยกับเธอ แต่ว่างานวันเกิดของเขาแท้ๆกลับไม่ปริปากบอกเธอสักคำเดียว...เธอได้แต่ระบายลมหายใจร้อนออกมา แล้วหันไปต่อว่าลำไย
“พี่ลำไยพูดอย่างนี้กับพริ้มเพราะอะไร พี่คิดว่าพริ้มจะสนใจเพื่อนคุณวิลล์อย่างนั้นหรือคะ”
“เปล่า แค่เห็นพริ้มมาแอบมองนานแล้วเลยอยากบอกว่าคุณวาไปไหนกับคุณยุดาเท่านั้น ไม่อยากให้ใครนินทาคุณวากับคุณวิลล์ในทางไม่ดี”
ฮึ !งามพริ้มทำเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินจากไป ส่วนเหมือนแขนั่งช่วยป้าปุ่นอยู่ในครัว เพื่อทำอาหารว่างสำหรับกลางคืนให้กับคุณหญิง ครู่หนึ่งจึงเดินกลับไปที่พัก ระหว่างทางพบงามพริ้ม เหมือนแขเห็นหน้างอง้ำอีกฝ่าย เหมือนแขจึงได้แต่เอ่ยว่า
“กินรังแตนอีกแล้ว”
“ช่างฉันเถอะ เธอเตรียมตัวจะไปสอนอะไรแถวชายแดนแล้วไม่ใช่หรือ”
“ สงสัยว่าจะต้องช่วยสอนเด็กในมูลนิธินี่แล้วล่ะ ขาดครู ได้ข่าวว่าครูคนเก่าออก”
“เงินเดือนถูก ใครจะอยู่ได้”
“ไม่ได้อยู่ที่เงินเสมอไปหรอก อยู่ที่สำนึกของคนด้วย โตมากับมูลนิธิ แต่พอสอบวิชาชีพครูได้ ก็ไปหาที่เงินดีและสบายกว่า”
“โอ๊ย คนงามจิตงามใจ สงสัยเธอคงขึ้นสวรรค์ก่อนตายแล้วล่ะ”เหมือนแขไม่ได้โกรธ ต่อการประชดของงามพริ้ม เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่า ช่างคิดไปทางร้ายถ่ายเดียว เพราะสภาพจิตใจที่โดนทารุณมาตั้งแต่เด็กจากคนรอบข้าง กระทั่งมูลนิธิบราวน์ไปรับตัวมาเลี้ยงดู แม้จะแยกจากเด็กที่โรงเรียนอุปถัมภ์แล้ว งามพริ้มยังดีได้แค่เพียงหน้าตา เท่านั้นส่วนจิตใจ ไม่มีใครสอนงามพริ้มได้เลยเหมือนแขคนเดียวที่ทนต่ออารมณ์ของอีกฝ่ายได้!!
วิลล์ มีท่าทีรื่นรมย์ สบายใจ และมองคนนั่งหน้าโดยที่วาสิฐีพยายามเหลือเกินที่จะมองข้างหน้าและข้างรถ พรรณยุดาไม่อยากให้เพื่อนรำคาญใจจึงไม่ชวนคุย ให้อีกฝ่ายหันมา หาไม่ เธออาจจะได้เห็นคนงาม งอนได้
“ไปถูกใช่มั้ยแป้ง” “ชายงามสง่าถามคนสนิทสำเนียงแปร่ง
“ไปถูกครับเจ้านาย ผับดังมากมีแต่คนมีระดับ”
“ทำไมรู้” พรรณยุดาย้อนถาม
แป้งทำเขินนิด ๆ ขณะตอบ
“ผมอ่านจากหนังสือพิมพ์ครับ จริง ๆ แล้วไม่เคยไป”
“ขึ้นไปด้วยกันมั้ยแป้ง” วิลล์ชวนอย่างมีน้ำใจ
“ไม่ครับ ไม่เด็ดขาด” แป้งปฏิเสธเสียงแข็ง เขาเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ
สองสาวสวย กับหนุ่มรูปงาม พากันเดินไปยัง ผับ ซึ่งจัดคล้ายดังบ้านตึก ทันสมัย มีที่จอดรถกว้าง เป็นการทำธุรกิจคล้ายกับเป็นงานปาร์ตี้ของชาวต่างชาติ แต่ที่นี่มีระดับกว่า เพราะมีสามชั้น มีการบริการอย่างครบวงจร และถูกกฎหมาย ไม่รับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปด ในส่วนของชั้นการแสดง ตรวจเข้มงวดเรื่องอายุต้องครบยี่สิบปี ผับนี้ราคาค่าหัวแพง และบางคนมีบัตรวีไอพี
การแต่งกายล้วนสวยงามและมีราคามาประกวด หลายคนแฝงเข้ามาเพื่อหาความสำราญ ซึ่งยอมลับกันเงียบๆว่า มีให้เลือก
บริกรหนุ่มอายุเกินสามสิบ แต่งกายคล้ายข้าราชการทหารบก การตัดผมสั้นทำให้ดูเหมือนกับว่า ขณะนี้ ผู้เข้าใช้บริการ กำลังได้รับการต้อนรับจากนักเรียนนายร้อยอย่างไรอย่างนั้นเพราะเครื่องแบบคล้ายกัน หนุ่มบุคลิกดีเข้ามาต้อนรับ หนึ่งหนุ่ม สองสาวตามลักษณะที่สุธีสั่งไว้ เมื่อถามจนรู้ชื่อเสียงแล้วจึงพาไปที่โต๊ะชุดใหญ่เป็นชุดโซฟาตัวเดียวยาวนั่งได้หลายคนและ เก้าอี้อีกสองตัวนั่งคู่ สูงปิดศีรษะได้ แม้จะคนร่างใหญ่อย่างสุธียังจมลงไปในโซฟา เอนตัวตามสบาย
ณ ที่นั้นสุธี เมืองเอก ดาริการ์นั่งคั่นกลาง พรรณยุดาเหลือบตามอง โดยไม่กล้าเดาว่าหญิงคุ้นหน้าคนนี้เป็นคนรักของใครกันแน่ระหว่างเมืองเอกหรือสุธี ชายร่างท้วม แต่เจ้าชู้อย่างที่ควงใครไม่ซ้ำหน้า และหว่านความหวานไปได้ทั่ว ฝ่ายเมืองเอกจับตามองพรรณยุดาไม่วางตา เขารอที่จะสบตาคนสวย
คราแรกวาสิฐีขุ่นเคืองน้อยที่โดนเพื่อนรักทำตัวเป็นแม่สื่อ แต่เมื่อพรรณยุดาสั่นด้วยความประหม่า ว่าที่คุณหมอเห็นใจอีกฝ่ายไม่น้อย จึงกระซิบเบาๆ
“ผ่อนลมหายใจออกทีละน้อยนะ หายใจจังหวะเดียวกับวาสิเลยนะเอ้า”
“แหมวาสิล่ะก็”พรรณยุดาหัวเราะออกมาเบาๆ แต่รู้สึกดีขึ้นจริงเสียด้วย
“วิลล์นั่งตรงนี้มาที่นี่” สุธีเชื้อเชิญเอาใจ
“ยุดาด้วยครับ”
พรรณยุดาจะดึงวาสิฐีไปนั่งด้วยกัน หากว่าน้าชายตัวเองฉวยมือนุ่มของวาสิฐีดึงไว้แน่น ไม่ให้ไปนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันพรรณยุดา ดังนั้นพรรณยุดาทำท่าจะนั่งคนเดียว สุธีเอ่ยปากอย่างเจ้ากี้เจ้าการว่า
“แกมานั่งขนาบแฟนฉันทำไมวะแมค ไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้นไป”
กล่าวพลางผลักเมืองเอก ซึ่งทำถลาตามแรงไปนั่งเก้าอี้ตัวที่พรรณยุดากำลังหย่อนตัวลงนั่ง จึงโดนตัวหญิงสาวนิดจนเสียหลัก แต่เมืองเอกรั้งอีกฝ่ายลงนั่งข้างกายได้อย่างพอดิบพอดี สุธีแนะนำผู้มาใหม่ให้รู้จักดาริการ์ ทั้งสามคนไม่รู้จักดาราสาวสักคนเดียว ทำให้สุธีหันไปหยอกสาวสวย
“ไม่ใช่แฟนคลับ เลยไม่มีคนกรี๊ดหรือขอลายเซ็นเลยนะนัทตี้”
“ดีค่ะ จะได้พักเป็นส่วนตัวบ้าง นี่ยังกลัวปาปารัสซี่จะแอบถ่ายภาพเราเลยนะคะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะทันทีที่มีข่าวผมจะชิ่งออกมาเองด้วยการควงสาวอื่นเพื่อกลบกระแส”
“คนบ้าเอ๊ย คุณนี่เจ้าชู้เรียกพ่อเลยนะ”
“เอ้าเล่นถึงพ่อเลย ไม่รู้หรือว่าพวกนี้เขาเป็นลูกหลานผู้ดีทั้งนั้นเลยนะ ว่าแต่คุณๆท่านจะดื่มอะไรมั้ย” ดาริการ์รีบแทรก
“ให้ทาย ต้องเป็นน้ำนางเอกใช่มั้ย”
สุธีขัดคอดารา
“คุณเป็นนางเอกยังดื่มเหล้าเลยนัตตี้” ดาราสาวกระทุ้งคนตัวใหญ่
“ขอมาการิต้าค่ะ” พรรณยุดาสั่งคอคเทล
วาสิฐีสั่งจิงเจอเอล หัวใจหญิงสาวสองคนกำลังเต้นรัวราวกับนัดกันไว้ เพราะชายสองคนกำลังทำตัวตามสบายทำให้เบียดชิดแล้วยังทำไม่รู้ไม่ชี้
วิลล์พูดคุยฝรั่งปนไทยกับเพื่อน ๆ ดาริการ์พยายามให้ความสนใจกับชายรูปงาม หากวิลล์กับให้ความสนใจวาสิฐีอย่างเปิดเผย ดาริการ์จึงชวนคุยตรงๆ
“คุณวิลล์เป็นลูกครึ่งอะไรคะ”
“อเมริกันอิตาเลี่ยน อังกฤษไทย เขาเรียกอะไรนะ มิกซ์ ฮ่า ฮ่า” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี แล้วหันไปทำตามหวานเชื่อมใส่วาสิฐี พลางเอ่ยเสียงทุ้ม
“ แต่ผมชอบคนไทยมากนะ นางฟ้าผมดำ ตาสวยปากสวยมากมากเลย” เขาจีบคนข้างกาย
วาสิฐีอายแทบแทรกแผ่นดินหนี สุธีกลั้วหัวเราะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบแล้วเอ่ยปากเย้าหญิงสาวคนที่โดนจีบแล้วพยายามทำตัวหินผา ที่ไม่หวั่นไหวต่อสายลม
“วิลล์เอ๊ยวิลล์ พูดซื่ออย่างนี้คนรักภูมิใจ แต่คนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอานะ เพราะคนเรามันต้องทำตัวเป็นมะกอกสามตะกร้าเข้าไว้” วิลล์งุนงงเพราะไม่เข้าใจ เมืองเอกซ้ำเติม
“พูดสุภาษิตให้เพื่อนรักของเราฟัง มันฟังก็ไม่รู้เรื่องหรอก เหมือนแกสีซอให้ไอ้เผือกฟังว่ะ”
ทุกคนหัวเราะสนุกแม้แต่วาสิฐียังหัวเราะเบา ๆ วิลล์เอียงกายเข้าแนบชิด วาสิฐีดึงตัวเองซุกเบาะนุ่ม แทบจะให้หายเข้าไปในโวฟา เพราะดูเหมือนวิลล์จงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มนวล ซึ่งกระแสเลือดสูบฉีดจนร้อนผ่าว
“พวกเขาว่าผมใช้มั้ยว้าส”
“คงใช่ค่ะน้าวิลล์”
“งั้นไปบอกความหมายให้ผมฟังเดี๋ยวนี้ว้าส” ชายรูปงามเอ่ยขึงขัง พาร่างสูงเข้าโอบเอวบางด้วยแขนข้างหนึ่ง ผุดลุกขึ้น วาสิฐีจำใจต้องลุกไม่เช่นนั้นเธออาจอาจจะถูกฉุดกระชากลากถู
ร่างสูงสง่างามหยุดยืนกลางฟลอเต้นรำ เขาโอบร่างบางแนบชิด วาสิฐีทั้งสุข และเศร้าผสมปนเปจนไม่อาจทราบอย่างไหนมากกว่ากัน ยังใบหน้าคมคายก้มจนใกล้
“พวกเขาว่าอะไรผม บอกหน่อยสิ ผมไม่อยากโง่”
คนโง่ที่ไหนจะฉวยโอกาสอย่างนี้ คะน้าวิลล์ น้ากำลังฉวยโอกาสในความไม่รู้หากำไรอยู่นะคะ...วาสิฐีต่อว่าอีกฝ่ายในใจ
“มะกอกสามตะกร้าหมายถึงคนกระล่อนชอบโกหก สีซอให้เอ่อประโยคจริง ๆ คือสีซอให้ควายฟังหมายถึงสั่งสอนหรือแนะนำคนโง่ก็ไม่มีประโยชน์”
“ต้องหาหนังสือเปรียบเทียบมาอ่านบ้างแล้ว ว้าสหาให้หน่อยนะพรุ่งนี้ผมจะไปหาที่หอพัก”
“วาสิ ยังไม่ว่างค่ะให้ยุดาหาให้ได้มั้ยค่ะ”
“พรุ่งนี้” เขาย้ำกระซิบใกล้ริมหูจมูกโด่งจวนเจียนปะทะพวงแก้ม
“จะไป” เขาได้รับรู้ว่าหญิงสาวกายสั่นนิด ๆ ด้วยความประหม่าทำให้วิลล์ทนไม่ได้จึงรั้งอีกฝ่ายเข้าไปโอบกอดแนบแน่น สารภาพความในใจ
“รักว้าสเหลือเกิน ทำไมผมรักว้าสอย่างนี้ รักผมนะว้าส”
“น้าวิลล์ขา ปล่อยวาสินะคะ ปล่อยเถอะ”
“อย่าเพิ่งเลยนะ อย่าเพิ่งเลย”เสียงพร่ำบอกสั่นพลิ้ว อ้อมกอดอบอุ่น วาสิฐี ปล่อยมือจากการโอบลักษณะเต้นออก และปล่อยตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ในความสลัวลาง หยาดน้ำตาสะท้อนแสงไฟเป็นประกายพราวพราย น้ำตาแห่งความอบอุ่นและมีความสุขของหญิงสาวที่แอบหลงรักชายผู้ที่สารภาพรักเธออย่างเต็มปากเต็มคำ
เมืองเอกถามคนที่นั่งคู่ ซึ่งบีบตัวเองไม่ให้กระทบร่างชายหนุ่มเมืองเอกอยากวิ่งกลับไปบอกมารดาว่า ไม่เอาแล้วการหมั้น เขาไม่เห็นด้วยแล้ว เขาพบคนที่ใช่ ใช่แล้ว วันนี้เขาอยากเป็นอิสระต่อการหมั้นหมาย
“ยุดา ขอผมเต้นรำสักเพลงนะ”
“เพลงสโลว์แบบนี้ยุดาไม่ชอบ”
สุธีหัวเราะสนุกหยอกเย้าเพื่อนร่วมก๊วน
“ใช่ ๆ ดอกเตอร์ อาจจะหน้ามืดได้”
ดาริการ์ก็ปากไวเอ่ยโพล่ง ๆ
“คนบางคนเขาต้องอาศัยความมืดช่วยพรางความในใจเหมือนกัน ยุดาฟังไว้นะว่า เสียอะไรไม่เท่าเสียรู้คนที่เรารักและยิ่งคนที่เขามีคู่อยู่แล้วด้วย ควรจะต้องห่างที่สุด”
สุธีฟังคำของดาราสาวสุดสวยแล้ว อยากเตะตัวเองสักป้าบ ที่วันนี้ใจอ่อนพาเธอมาร่วมงานเกิดอยากจะกินของเขา เขาน่าจะหาผู้หญิงเป็นใบ้มาควงเพื่อช่วยเพื่อนๆของเขาให้สมหวังในราตรีแห่งความสุขมากกว่าจะพาคนปากมากมาพูดให้เสียอารมณ์ ถึงผู้หญิงควรคิดอย่างนี้ แต่สำหรับผู้ชายเจ้าชู้ ฟังแล้วน่ารำคาญ
ชายร่างท้วมแก้ความรำคาญด้วยการกระแทกกลับไปว่า
“บางที รู้ว่าเขาหลอกผู้หญิงก็เต็มใจ” ดาริการ์เงยขึ้นมองเสี่ยวหน้าคม ทั้งเจ็บและทึ้งจุก เขากำลังหลอกหญิงสาวอยู่จริง ๆ ใช่มั้ย
พรรณยุดามีอาการเดียวกันกับคาราสาว ซึ่งแม้ดาริการ์จะเจ้าชู้ แต่สุธีคือคนที่เธอรัก หากว่าชายหนุ่มไม่ได้พูดสักคำว่ารักหรือจะสร้างเรือนหออยู่ด้วย ถึงเขาหลอกแต่เต็มใจ...สุธีไม่ได้พูดเล่น แต่ย้อนดาริการ์ให้รู้ตัว
“นี่อย่ามาทะเลาะกันเลยจะทำให้อากาศรอบตัวเราเป็นพิษเสียเปล่า ไปไปหาที่กอดให้คนเห็นดีกว่า”กล่าวจบ
สุธีฉุดดาริการ์ไปแทนที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้อยู่ตามลำพังกับหญิงสาวที่ทำให้เมืองเอกเซ็ง และชวนสุธีหาเรื่องมาดื่มเหล้า ชวนวิลล์ให้พาพรรณยุดามาด้วย และวิลล์ก็ฉวยโอกาสให้หลานสาวชวนวาสิฐีมาอีกที
เมืองเอกพิงหลังกับพนักนุ่ม จ้องนิ่งที่ใบหน้าสวยของพรรณยุดา หญิงสาวหลบสายตาคม กล่าวประชดไปว่า
“หน้ายุดาไม่เหมือนคนของอาจารย์หรอกค่ะ”
“ผมไม่ถนัดเรื่องการประชดหรอกนะยุดา และผมไม่คิดหลอกคนที่ผมชอบ แต่ผมเสียใจกับตัวเองว่าทำไมไม่รู้จักคุณก่อนหน้านี้”
“พวกเรา หมายถึงยุดากับเพื่อน ๆ เคยสันนิษฐานว่าอาจารย์คงมีภรรยาแล้ว”
“ไม่ใช่ครับ ผมยังไม่ได้แต่งงาน”
“แต่ต้องแต่งแน่ใช่มั้ยคะ”
เขานิ่งอึ้งหนักไปทั้งหัวใจ พรรณยุดาปวดร้าวไม่แพ้กัน เธอเบือนหน้าซ่อนความรู้สึกของความเสียใจซึ่งกำลังหล่อรื้นขึ้นมาที่ขอบตา เมืองเอกกุมมือนุ่มบีบเบา ก่อนจะสอดนิ้วรัดรึงแน่นมิอาจห้ามใจได้ เขารักเธอจริงๆ รักอย่างไม่เคยได้รักใครมาก่อน
“ผมรักคุณ ยุดา”
“อาจารย์”
“ผมไม่คิดว่าจะพูดคำนี้ได้ จนผม ได้รับการ์ดใบนั้น ได้รู้ความหมายว่าคุณใจตรงกันกับผม ผมจึงตัดสินใจได้ว่าคงไม่ถูกถ้าผมจะบอกรัก”
เมืองเอกหยุดคำพูด ยื่นหน้าไปใกล้ กระซิบบอก
“ผมรักคุณรักมากอย่างที่ผู้ชายอย่างผมไม่เคยมีรักให้ใครมากเท่านี้ เชื่อเถอะว่าผมไม่เคยรักใคร แม้แต่คนนั้น”
“อาจารย์ขา”พรรณยุดารียกเสียงโหยหาโถมร่างระหงเข้าสวดกอดชายหนุ่ม เมืองเอกกอดอย่างไม่รั้งรอใจ ริมฝีปากหนาแตะแต้มลงบนริมฝีปากคู่บาง อย่างแผ่วเบา ก่อนจุมพิตลงบนริมฝีปากบน ดูดดื่มราวกับต้องการลิ้มรสความหวาน หญิงสาวร้อนผะผ่าวไปทั้งกาย
นี่หรือจูบแรก รสชาติช่างแปลกประหลาด ความร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งกาย เมืองเอกเลื่อนลงมาจุมพิตริมฝีปากล่างครานี้พรรณยุดาแอบจูบตอบ ทั้งสองโอบกอดกันแนบแน่นราวกับว่า หากแยกจากกันเวลานี้ พวกเขาจะต้องขาดใจตายอย่างแน่นอน....
วิลล์คลายอ้อมกอด เชยนิ้วกับคางมล วาสิฐีไม่อาจให้อารมณ์อยู่เหนือใจตัวเองอีกแล้ว หญิงสาวผละจากวิลล์เมื่อเขาฉวยโอกาสมากขึ้น แต่เมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ ปรากฏว่าทุกคนไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มตามไปยืนชิด ประคองร่างบอบบางดึงให้นั่งใกล้ บนโซฟาคู่ตัวเดิม
“โกรธผมมากหรือว้าส”
“ว้าส บอกน้าวิลล์แล้วไงคะว่ามีที่รักอยู่แล้ว”เขายกมือกอดไว้กับอก ปลายนิ้วข้างหนึ่งแตะจมูก
“รักมาก ขนาดไม่มองผมเลยหรือ”
“น้าวิลล์คงไม่ชอบถ้าคนที่น้าวิลล์รักจะหลายใจ”
“ใช่ ถ้าผมรักใครเขาควรจะรักผม”
คนเกเร ถ้าเป็นคนไข้จะจับผ่าตัดหัวใจไปแยกดองไว้ให้หายดื้อ
“WOW ทำหน้าเหมือนอยากจะผ่าตัดหัวใจผมอย่างนั้น”
“น้าวิลล์”
“นะ รักผม”
โถ น้าวิลล์ขา หัวใจของวาสิฐีเป็นของน้าวิลล์อยู่ทุกลมหายใจอยู่แล้ว แต่คุณท่านเลี้ยงวาสิฐีมา วาสิฐีทำร้ายคุณท่านด้วยความเห็นแก่ตัวได้อย่างไรกันคะ!!
“ตอบสิว้าส”
“วาสิไม่คู่ควรกับน้าวิลล์หรอกค่ะ วาสิเป็นเด็กกำพร้าไม่มีฐานะหรือชาติตระกูล”
“กังวลทำไม เมื่อรักแล้ว เราก็แบ่งปันความสุขในชีวิตร่วมกันได้.”
“วาสิ มีเขาคนนั้นอยู่แล้วค่ะน้าวิลล์ คนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขในชีวิต” วาสิฐีโปปด แล้วรู้สึกร้าวรานใจ เมื่อสีหน้าระรื่นด้วยความสุขของวิลล์ถอดสีลงไปอย่างเห็นได้ชัด
หากแล้วความคมและเข้มกลับคืนมาที่ชายหนุ่มอีกครั้งอย่างคนขี้โกงและเอาแต่ใจ
“ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผมว้าส ลืมเขาคนนั้นไป ผมจะทำให้ชีวิตของคุณสมบูรณ์ นะที่รัก ไม่มีใครรักคุณได้มากเท่าผมอีกแล้วว้าส”
“เขาไม่มีความผิดอะไรนี่คะน้าวิลล์ เขาเป็นคนดีมีพระคุณกับวาสิ ไม่มีเหตุผลที่วาสิจะต้องทรยศต่อเขา” “แนะนำให้ผมรู้จักกับเขาสิ ถ้าเขามีความรักคุณมากกว่าผมจริงๆผมจะปล่อยคุณไป ชีวิตนี้ผมจะไม่แต่งงานอีกเลย ผมไม่อยากเสียใจอีกแล้ว”
น้าวิลล์ขา เพราะอะไรคนที่เพียบพร้อมอย่างน้าวิลล์จึงตามตื้อวาสิคนนี้ เพราะสวยหรือค่ะน้าวิลล์หาที่สวยงามกว่านี้สักกี่คนก็ได้ ทำไมต้องมามองคนที่ไม่คู่ควรกับน้าวิลล์อย่างนี้!!
“ทำไมล่ะคะน้าวิลล์ เพราะอะไรจึงพูดว่ารักวาสิอย่างง่ายดายเช่นนี้”
“ผมไม่เคยโกหกหัวใจตัวเอง เมื่อรักผมไม่ลังเล เห็นหน้าวาสิฐีผมก็บอกตัวเองคุณเกิดมาเพื่อผม ให้ผมจูบคุณได้มั้ยว้าส”
“วาสิเป็นคนไทยค่ะ สิ่งนั้นควรมอบให้กับคนที่ตัวเองรักที่สุดเท่านั้น”
“ไม่เป็นไร ผมอาจใจร้อนเกินไป คุณเวอร์จิ้น”
วาสิฐี เสแสร้งมองไปทางอื่น เพื่อไม่ให้ตัวเองอ่อนไหวกับสายตาเว้าวอนของวิลล์ สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความจริงใจ วาสิฐีเองก็รักชายคนนี้แทบขาดใจรอนๆอยู่แล้ว อย่าว่าแต่จูบเลย
โอ้...ความเป็นหมอทำให้วาสิฐีเรียนรู้มาก เธอรู้ว่าเธอกำลังต้องการอะไร ต้องการมากแค่ไหน หากเพียงวิลล์จะแค่กอดเธออีกครั้งเธอคงไม่อาจทนได้
ต้องหาพรรณยุดา ต้องรีบขวนอีกฝ่ายให้มานั่งอยู่ใกล้ หญิงสาวเหลียวหน้ามองหาเพื่อนรัก จึงพบในความมืดสลัวกลางฟลอ หญิงสาวกำลังเต้นรำช้าๆตามจังหวะเพลง ซุกซบอยู่กับชายที่เธอหลงรัก
วิลล์ก็เห็นภาพเดียวกัน แต่ชายหนุ่มร่างสง่างามกลับไม่แสดงท่าทีเป็นห่วง วาสิฐีทำท่าจะผุดลุกไปตาม แต่วิลล์คว้าข้อมือเล็ก ๆ หยุดไว้ พลางถาม
“ไปไหน”
“น้าวิลล์ไม่ห่วงยุดาหรือคะ”
“ความรักของใคร คนนั้นควรตัดสินใจ ไม่ควรที่คนอื่นจะเข้าไปก้าวก่าย ยุดารักแมค แมครักยุดามีเพียงสองคนเท่านั้นที่เป็นของกันและกัน แต่...ผมยังไม่ตกลงให้ว้าสกับใคร เพราะผมรักว้าส ได้ยินหรือเปล่า”
วาสิฐีนิ่งเงียบแทนคำตอบ วิลล์อยากกอดจูบอีกฝ่าย หากว่าเขาเกรงใจอีกฝ่ายซึ่งบางครั้งดูอ่อนหวานและบางครั้งดูเยือกกเย็นอย่างเช่นเวลานี้ โดยที่วิลล์ไม่รู้เลยว่า วาสิฐี เหมือนแท่งเทียน ที่ดูเหมือนกับแข็ง แต่ถ้าไฟอย่างเขาเข้าลน เธอจะอ่อนทันทีด้วยบรรยากาศคืนนี้เป็นคืนที่วาสิฐีมีความสุข แม้จะทุกข์ทรมานใจกับคำว่า กตัญญู!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2555, 21:37:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2555, 21:37:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2086





<< แอบนัด   ย่างก้าวของผู้นำ >>
nutcha 11 พ.ค. 2555, 00:39:41 น.
เศร้าจังต่างรักกันแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน


nunoi 11 พ.ค. 2555, 15:27:00 น.


Zephyr 11 พ.ค. 2555, 19:18:08 น.
โห เศร้าซึม ทำไงดีเนี่ย
คุณหญิงอย่ายิดติดเลยเถอะ สงสารลูกหน่อย เฮ้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account