รักสุดสายที่ปลายรุ้ง (ไฟปรารถนา)

ความรัก ความผูกพัน และความกตัญญู สิ่งไหนในหัวใจคน ที่ต้องมาก่อน ต่างคนต่างใจ รอพิสูจน์จากหลากหลายชีวิต
Tags: รัก ต้องได้ ครอง

ตอน: ย่างก้าวของผู้นำ


ในห้องนอนของพรรณยุดา ไฟผนังห้องมีแสงไฟผนังเล็ก ๆ ส่องสะท้อนภาพวาด สายรุ้งพาดข้ามเป็นเส้นโค้งสองเด็กหญิงนั่งแหงนเงยดูรุ้งสายนั้นบนเนินหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีกระจายแซมสีเขียวของหญ้าทั่วเนิน
คืนนี้เจ้าของห้องดึงวาสิฐีมานอนเป็นเพื่อนบนเตียงกว้าง สองสาวนอนเคียงข้างกัน ต่างคนต่างเบิกตาโพลง มิอาจข่มให้หลับลงได้
หัวใจสองดวงเต้นรัว แรง ตื่นเต้นต่อการได้รับรู้รสรักจากผู้ชายที่พวกตนต่างหลงรัก พรรณยุดาพลิกกายมากอดเพื่อนรัก ถามตรงไปตรงมา
“รักน้าวิลล์มั้ยวาสิ”
“น้าวิลล์คู่ควรกับคนที่คุณท่านเลือกให้” ว่าที่คุณหมอเลี้ยงตอบคำถาม
“ยุดาถามว่ารักน้าวิลล์มั้ย”
“ไม่ ”
วาสิฐีปฏิเสธอย่างมั่นคง คุณหญิงมีบุญคุณมาก เธอไม่อาจทำร้ายท่านได้
“วาสิจ๋า ยุดารักอาจารย์เหลือเกินยุดา ห้ามใจตัวเองไม่ได้ วาสิคงไม่รู้ว่าคนที่มีรักแล้วไม่สมหวังเจ็บปวดแค่
ไหน”กล่าวแล้วพรรณยุดาปล่อยน้ำตารินไหลผ่านร่องหางตา วาสิฐีกอดร่างของเพื่อนรักไว้แนบแน่น เธอเข้าใจถึงความรักที่ไม่อาจสมรักได้ดี และเข้าใจสถานภาพของพรรณยุดาในเวลานี้ แต่เธอและพรรณยุดามีความแตกต่างกัน พรรณยุดาไม่ต้องเกรงใคร เมืองเอกยังไม่แต่งงาน และหญิงสาวไม่ติดหนี้บุญคุณใครอย่างที่วาสิฐีเป็น เธอปลอบเพื่นอสนิทอย่างอ่อนโยน
“อาจารย์เมืองเอกรักยุดาไม่ใช่หรือ”
“เขามีคู่หมั้นแล้วเป็นอาจารย์สอนอยู่ราชภัฏ”
วาสิกอดเพื่อนสาวปลอบใจโดยเงียบงัน
“ทุกคนที่มีความรักต้องทุกข์ ต้องเสร้าอย่างนี้หรือวาสิ”
“พวกเราก็รู้เหมือนที่เคยได้ยินมาก่อนนี้ ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์”
“น้าวิลล์คงไม่ปล่อยวาสิ อาจารย์ก็คงจะเป้นอย่างนั้นเหมือนกัน”
โอ้...วาสิฐีครวญในอก หยาดน้ำตาเอ่อท้น เธอย่อมรู้ถึงความดื้อดึงของวิลล์ แล้วเธอจะต้องเผชิญกับอะไรเล่า อาจารย์เมืองเอกมีวิธีจัดการเรื่องของตนกับคนในครอบครัว แล้วน้าวิลล์ขอวาสิฐีจะใจร้ายต่อคุณหญิงผู้เป็นมารดาได้อีกหรือนี่!
คอนโดสิบห้าชั้น เป็นคอนโดสำหรับทำการพานิช ไม่ใช่ที่พักอาศัย อยู่ในเครือของจอห์น วิลเลี่ยม บราวน์ ทั้งแบ่งเช่า และขายขาด แต่ผู้ที่เข้าใช้ยังต้องทำตามกฎของเจ้าของทรัพย์สินอย่างเป็นระเบียบ มียามเฝ้าคุ้มกันแน่นหนา มีการตรวจความปลอดภัย เพราะว่า คอนโดแห่งนี้เป็นที่ทำการของหลายหน่วยงาน ชั้นล่างยังมีธนาคารให้การบริการ อยู่สามธนาคาร บอกให้รู้ว่า มีการเงินสะพัดมากในที่แห่งนี้
วิลล์แต่งกายตามสบายเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินเข้าไปในตัวอาคารพาณิชย์สูงหลายสิบชั้นชายรูปงามเข้าไปเป็นคนสุดท้ายกดลิฟต์ชั้นที่ต้องการ
ผู้อยู่ร่วมลิฟต์ลงตามชั้นต่าง ๆ จนเหลือวิลล์และชายสวมสูทท่าทางจองหอง ดูถูกคนอย่างเห็นได้ชัดชายร่างสูงคนนั้นมองวิลล์เหมือนคนประหลาด เขามองชายรูปงามจากหัวจรดเท้า และมองสูงขึ้นไป วิลล์เป็นคนไม่สนใจคนอื่น แต่เมื่อเห็นกิริยาไร้มารยาทอย่างนี้ทำให้ชายหนุ่ม ออกอาการขุ่นเคือง เพราะถึงแม้เขาจะสวมรองเท้าแตะหนัง กางเกงทรงสบาย เสื้อโปโลสีพื้น แต่ราคาเครื่องแต่งกายของเขาไม่ได้ทำให้ชนชั้นกลางสบายใจนักหรอกเวลาที่ต้องจ่ายเงินซื้อหามามันมาแต่งอย่างนี้
ยิ่งวิลล์ขยับลงชั้นเดียวกับชายวัยสามสิบเศษสวมสูทสีน้ำเงิน ชายผู้นั้นยิ่งมองด้วยสายตาหยามหยันมากขึ้น ชายชุดสูทเดินนำไปที่บันได หยุดคุยกับยามสองสามคำ จากนั้นยามหันมาทางวิลล์ และเดินมาสกัดชายหนุ่มผู้มีลักษณะเป็นคนต่างชาติอย่างชัดเจน
“Do not wear me out.” แต่งกายไม่สุภาพห้ามเข้า
คำพูดดูถูกนี้วิลล์ถึงกับก้มมองตัวเองไหวไหล่ไม่แยแส ชายร่างใหญ่ดึงดันจะเข้าไปให้ได้ แต่ถูกยามผลักออกเต็มแรงสบถหยาบคายเพราะคิดว่าวิลล์ฟังภาษาไทยไม่ได้
“แม่ ง พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะไอ้ ฝรั่งขี้นก เอ๊ย Do you speak English or another language to me. พูดอังกฤษหรือภาษาอื่นได้มั้ย ไอ้โง่เอ๊ย”
“ผู้ชายคนนั้นสั่งให้ยูพูดและแสดงกิริยาอย่างนี้กับไอหรือ”วิลล์ตอบด้วยภาษาไทยอย่างเรียงคำมาแล้วอย่างดี ยามอึ้งไปอย่างสนิท เพราะหมายควมว่าฝั่งที่ด่าว่าขี้นกต้องร็ด้ยว่าเขาด่าไอ้บ้า
“กับคนที่มาติดต่อบริษัททุกคน คุณก็รับอย่างนี้หรือ”
“เอ่อที่นี่ต้องใส่สูททุกคน”ยามเสียงอ่อยลงมาหน่อย
“เมืองไทยร้อนแทบตายทำไมต้องบังคับ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“เป็นเรื่องของผม”
“ไปซะ พูดไทยได้ก็ดีแล้ว แต่งตัวกระจอกอย่างนี้ จะขึ้นมาเที่ยวสอดแนมหรือยังไง ไม่ไปดีดี คงต้องบังคับหรือแจ้งตำรวจกันบ้างแล้ว”
“หุบปาก เสียที” เขากระแทกเสียงดัง
ท่าทางเอาเรื่อง หน้างามแดงกล่ำ และเริ่มแดงไปทั้งกายด้วยความโกรธที่สุด
“ยูกำลังไล่เจ้านายของยู คนที่จ่ายเงินเดือนให้แม้แต่คนคนนั้นรู้ด้วยเสียไว้” ยามอยากหัวเราะกับคำว่าผิดประโยค แต่เขาคิดว่าควรร้องไห้มากกว่า เพราะก่อนหน้าคำผิดคือภาษาไทยที่ถูกต้องด้วยคำว่า เจ้าของบริษัท
วิลล์ได้เห็นคนผิวดำหน้าซีดเผือดราวกับจะเป็นลม จึงได้เอ่ยอย่างเคร่งขรึมต่อไปว่า
“ฉันคือจอห์น วิลเลี่ยม บราวน์ จูเนียร์ เฝ้าหน้าที่เอาไว้ห้ามบอกใครเรื่องฉัน”
“เอ่อ คุณ คุณคือ น้องชายคุณเดวิด” เขานอบน้อมผิดคนล่ะคน
“ฉันคือคนที่ยูจะต้องเชื่อฟังเป็นอันดับแรก”
ยามยกมือไหว้ท่วมหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่
วิลล์ไม่ถือสาหาความเขาเดินผ่านไปตามทางเดินห้องแรกที่เขาพบมีพนักงานทำงานกันหลายคนทั้งชายหญิงและต่างสวมสูท สีเดียวกัน หน้าห้องเขียนป้าย ฝ่ายบุคคลเป็นภาษาอังกฤษ วิลล์ไม่สนใจเขาเดินผ่านไปอีก สถานที่กว้างจัดแต่งกั้นกระจกแต่ล่ะช่องมีพนักงานทำงานเป็นส่วนตัว
เมื่อวิลล์ผ่านทุกคน ต่างมองเห็นเขาเป็นคนประหลาดยิ่งเมื่อถึงหน้าห้องเขียนผู้จัดการทั่วไป เลขาหน้าหวานร้องห้ามเสียงดังออกมาอย่างไม่พอใจว่า
“ถ้าพบท่านต้องนัดก่อน แต่ถ้ามาสัมภาษณ์งานก็ต้องรอข้างนอก ทำไมยามปล่อยให้เดินเข้ามานะ”
วิลล์พยักหน้ารับใบ หน้าคมคายเย็นชา ด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี จากนั้นชายหนุ่มผู้กำลังเข้ามารับหน้าที่ประธานบริษัทถามเยียบเย็น
“จะให้นั่งที่ไหน”
นิ้วเรียวขาวเล็บแดงแช้ดชี้ปราดไปที่โซฟาตัวยาว ขณะนั้นมีชาย-หญิง อายุประมาณยี่สิบห้า-ยี่สิบแปดปีนั่งรออยู่ก่อน แต่ละคนถือแฟ้ม สีหน้าบอกถึงความอดทนยิ่งยวดทุกคนแต่งกายสุภาพ คงมารอสัมภาษณ์งาน
“น้ำไม่มีรับแขกหรือ”วิลล์ถาม
“คุณเป็นใคร แค่ฝรั่งพูดไทยได้ แต่งกายก็ไม่สุภาพ เข้ามาถึงที่นี่ได้ คงต้องมีคนโดนไล่ออกกันบ้างหรอก”
วิลล์สิ้นความอดทน จึงได้เอ่ยออกไปทันที ที่ห้องทำงานที่เขาพึ่งเดินผ่านเข้ามา
“เรียกคุณทรงมาพบฉันเดี๋ยวนี้”
พนักงานต่างชะเง้อมองไม่มีใครพูดอะไร หากสาววัยยี่สิบแปดแต่งกายโบราณ จนดูเหมือนผิดยุคถือแฟ้มงานเล่มใหญ่เข้ามาพูดคุยกับเขาอย่างคนมีอัธยาศัยดี
“คุณทรงอยู่ชั้นบนค่ะ คุณจะพบคุณทรงหรือคะ แจ้งชื่อก่อนนะคะดิฉันจะติดต่อให้”
“จอห์น วิลเลี่ยม บราวน์ จูเนียร์”
หญิงสาวตาพองโตจนต้องขยับแว่น ซ้ำ พนักงานที่อยากรู้แต่ไม่อยากช่วย ต่างตกตะลึง ถึงไม่เคยรู้จักหน้าค่าตา แต่ทุกคนต้องรู้จักชื่อ ทายาทเจ้าขอองบริษัทนี้ เลขาหน้าหวานยังคงไม่รู้ข่าวร้อน
ไม่นานนักคุณทรงเป็นฝ่ายลงมาหา ชายมากวัยกว่ายกมือไหว้ชายหนุ่มตามคุณวุฒิ วิลล์รีบยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน
“คุณวิลล์ กลับจากนอกเงียบ ๆ ไม่บอกเลยครับ เชิญที่ห้องผมดีกว่า”
ชายวัยห้าสิบนอบน้อม วิลล์ตามไปที่ห้องข้างบน ชั้นผู้บริหารระดับสูง
“คุณหมอเข้ามาเดือนล่ะ 2 ครั้งเท่านั้นเอง คุณวิลล์คงกลับมาบริหารบริษัทเสียทีใช่มั้ยครับ”
“ครับผมจะแบ่งเบาภาระของคุณทรงเสียที คุณทำงานมาเกือบสิบปีแล้วนี่ครับตั้งแต่คุณพ่อเสีย ผมก็ยังเรียนไม่จบ ขอบคุณคุณทรงมากนะครับที่ไม่ทิ้งพวกผม”
“คุณพ่อคุณท่านให้โอกาสผม สิ่งนี้ผมต้องตอบแทนมากอยู่แล้วครับคุณวิลล์ แล้วคุณจะเริ่มเมื่อไหร่ครับ”
“พรุ่งนี้”
“ครับผมจะให้เขาแจ้งพนักงานเพื่อต้อนรับ”
วิลล์ถามถึงสาวแต่งกายผิดยุค คุณทรงหลุดหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ย
“อ้อ คุณฐิติมา สมุหบัญชีของบริษัทครับ”
“อัธยาศัยดีนะครับถึงจะ ออกมาจากยุค sixty” (1960 นิยมทำผมทรงบอล แต่งหน้าเข้ม รองเท้าหนา)
“เธอเป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานมาประมาณห้าปีแล้วครับเป็นคนของคุณท่าน”
“ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ชื่ออะไรครับ”
“สัญชัย คนของคุณศักดิ์ชัยหุ้นส่วนถือสิบเปอร์เซ็น เอ่อคุณวิลล์รู้จักหรือครับ”
“สิบเปอร์เซ็น ใหญ่หน้าดู ผมกลับล่ะครับคุณทรง พรุ่งนี้ผมจะมาเรียนรู้งาน”
“ยินดีครับ ผมดีใจมากนะครับที่ไม่ต้องใจหายใจคว่ำเวลาประชุม”
“มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับ” วิลล์ทำท่าผุดลุกไปแล้วต้องกลับลงนั่งอีก
“ผมเคยเรียนคุณหมอไปครั้งหนึ่งแล้วว่าบริษัทกำลังแบ่งพรรคพวก ผมอยากให้คุณหมอหรือคุณเข้ามาดูแล เพราะ ลำพังผมได้แต่ดูเท่านั้น ไม่มีอำนาจมากขนาดไปสู้รบกับคลื่นลูกใหม่ได้”
“เดฟ เอ่อคงพยายามติดต่อผมแล้ว แต่ผม” วิลล์คราง เขาที่เห็นแก่ตัวไม่ติดต่อกลับ
“ยังมีเวลามากถ้าคุณจะเข้มแข้งเหมือนคุณพ่อคุณ”
ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายเจิดจ้า เอาเรื่องออกมาอย่างที่คุณทรงเห็นแล้วยังรู้สึกถึงสงครามครั้งใหญ่ขนาดช้างล้มกำลังมาถึงแล้ว ไม่เสียทีที่รอมานาน
แป้งเปิดประตูรถให้เจ้านายขึ้นนั่ง ร่างใหญ่พิงเบาะนุ่มมองออกนอกรถนิ่งแขนข้างหนึ่งกอดอกอีกข้างเท้าข้างครุ่นคิดนิ่ง คนสนิทมองทางกระจกหลังคล้ายรอคำสั่งจะไปที่ใดต่อ
“หอพักวาสิฐี”
ชายหนุ่มเอ่ยไม่หันมอง แต่คนสนิทหมดข้อสงสัยไปแล้วว่า วิลล์หมายหมั้นปั้นมือตามจีบวาสิฐีแน่นอน
เลียบเมืองเดินเคียงข้างวาสิฐี สนทนากันถึงเวลาย้ายอกจากหอไปประกอบอาชีพตามที่เรียนมาจบสิ้นลง ถึงหอพักของหญิงสาว
เมื่อวิลล์ลงจากรถเห็นวาสิฐีเดินมาตั้งแต่ไกลพร้อมด้วยชายร่างสูงหน้าตาคมคายละม้ายใครคนหนึ่งที่เขารู้จัก เลียบเมืองถามวาสิฐีเมื่อเห็นหญิงสาวเดินไปหาร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างแม้เลียบเมืองจะเป็นคนสูงก็ยังน้อยกว่า
“ใครหรือวาสิฐี”
“คุณวิลล์ลูกชายคุณท่าน”
“แล้วเขาเกี่ยวอะไรกับวาล่ะถึงต้องมาหา” เลียบเมืองถาม หมดความหวง เพราะมีคนให้ห่วงหาแทนแล้ว เหลือแต่ความสงสัย
วิลล์เปิดยิ้มกว้างฟันเรียงขาวสะอาดส่งมาให้หญฺงสาว และยิ้มให้เลียบเมืองอย่างพร้อมท้ารบ
“น้าวิลล์สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ผมมาตามนัดไปกันหรือยัง”
“ไปค่ะ ไมนี่คุณวิลล์แล้วนี่คนที่วาสิพูดถึงค่ะ เลียบเมือง สิงหเสนา”
วิลล์รู้สึกชาวาบตลอดปลายนิ้ว ผู้ชายที่วาสิฐีรักหรือนี่ รูปหล่อมาก...แต่เขาไม่สนใจสักนิดเดียวชายหนุ่มพูดออกมาราวกับไม่มีเลียบเมืองอยู่ที่นั้นด้วย
“ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนของว้าส ไปกันเถอะผมจะได้ไม่ส่งว้าสดึกมากนัก”
กล่าวจบเดินนำไม่ฟังคำ วาสิฐีต้องเอ่ยลาไม่กล้าพาเลียบเมืองไปด้วยความเกรงใจ นักเรียนแพทย์เลียบเมืองยืนสะท้อนถอนใจ ผู้ชายมากวัยกว่าไม่เห็นหัวเขาสักนิด
แป้งเปิดประตูรถให้หญิงสาวและวิลล์นั่งคู่กันไป วิลล์ชวนพูดคุยถึงหนังสือที่เขาต้องการ วาสิฐีลอบค้อนกับความเอาแต่ใจของชายหนุ่ม ซึ่งไม่ยอมรามืออย่างที่ลี่นวาจาเอาไว้ ไม่มีใครรักวาสิฐีได้มากเท่าเขา วิลล์บอกเธออย่างนั้น
ร้านหนังสือโดยเฉพาะเปิดสองคูหามีนักเรียนนักศึกษาและประชาชน หลายคนกำลังเลือกหาซ้อหนังสือตมามต้องการ
วิลล์กุมมือนุ่มก้าวเดินเข้าไปภายในร้าน หญิงสาวพยายามดึงมือให้พ้นการควบคุม แต่กลับโดนดุ
“ว้าสอย่าดื้อ” จากนั้นทำเสียงอ่อน ดวงตาเว้าวอนอย่างที่วาสิฐีอยากเอาเข้มมาไล่จิ้มให้หัวใจกลวงเสียนัก
“ไหนช่วยหาหนังสือให้หน่อยภาษาอังกฤษก็ได้ หรือภาษาไทยเปรียบเทียบ”
“น้าวิลล์พออ่านภาษาไทยได้นะคะ”
“เคยเรียนชั้นประถม สนใจสอนพิเศษเพิ่มมั้ย อ่านได้ไม่ถูกทุกตัว”เขาบอกตาวาวามหวานจัด
“คุณหญิงมุกดาเธอทำงานด้านสงเคราะห์พอช่วยได้ค่ะ”
“ไม่เป็นเกี่ยวกับคนอื่น ต้องการว้าสคนเดียวเท่านั้น” เขาสรุปเอง
วาสิฐีเอื้อมหยิบหนังสือเล่มหนายาวประมาณสิบห้า ซม. ปกเขียวเข้มสุภาษิตเปรียบเทียบพร้อมความหมายทั้งภาษาไทยและสุภาษิตฝรั่ง ความสูงของชั้นมากกว่าการเอมมือถึง ทำให้หญฺงสาวหยิบไม่ถนัด วิลล์มีเจตตนาที่เข้ามายืนซ้อนหลังอย่างใกล้ชิด เข้าแตะบ่านุ่มบีบเบา อีกมือข้างว่างเอื้อมหยิบหนังสือสุภาษิตลงมาโดยง่าย
สายตาหลายคู่พากันมองอย่างสนใจกิริยาเปิดเผยของ
“ตัวเล็ก น่ารัก” เขาชม วาสิฐีเขินอายแทบทะลุกำแพงหนี วิลล์ซึ่งหยิบหนังสือกางออกด้วยมือเดียวมืออีกข้างกอดไหล่หญิงสาวเข้ามาแนบชิดกายเอ่ยปากขณะจับตามองอักษรและอ่นออกมาดังๆ
“จองตาเป็นหมัน”
“จ้องตาเป็นมันค่ะ” เธอแก้ให้ เพราะหลายคนที่กำลังมองและสนใจการอ่านออกเสียงของหนุ่มต่างชาติรูปงาม พากันหัวเราะกับสำเนียงแปร่ง ๆ
“lever take eyes off” (ละสายตาไม่ได้)
วาสิฐีพยายามจะเบี่ยงตัวออกมาให้จงได้ แต่เขาไม่ปล่อย และทำไม่รู้ไม่ชี้
“เอาเล่มนี้ก็แล้วกันอ่านได้ไม่มากนัก ถ้าว้าสว่างก็สอนผม ว้าสอยากได้หนังสือเล่มไหนมั้ย”
“ไม่ค่ะ กลับเลยนะคะ” เธอพลิกนาฬิกาข้อมือดูแล้วชวนกลับ
“หิวข้าว” เขาบอก “ดินเนอร์กัน อยากทานอะไร” เขาไม่กลับได้คืบเริ่มเอาศอก ทำให้วาสิฐีอ่อนใจ
วิลล์ส่งเงินให้แป้งไปหาทานตามลำพัง ส่วนตัวเขาเองพาวาสิฐีเข้าไปทานอาหารที่โต๊ะใกล้ริมแม่น้ำ เจ้าพระยาเมื่อความมืดสลัวครอบคลุมโดยรอบ ไฟกรงนกตามเสาระเบียงจึงถูกเปิดให้แสงสว่าง
จานอาหารสาม-สี่อย่างตั้งตรงหน้าซึ่งเป็นอาหารทะเลและมังสวิรัต
“วาสิฐีทานเนื้อได้มั้ย”
“ยังคงไม่รับค่ะ”
“อาหารทะเลไม่มีเลือดหรือเส้นใยมากนักทานได้มั้ย”
“พอได้ค่ะ”
วิลล์เอาใจอีกฝ่ายทุกอย่าง และที่ร้านแหงนี้ไม่ไกลกันคุณหญิงมุกดานั่งทานอาหารอยู่กับเพื่อนสาวสองคน เธอเห็นเหตุการณ์โดยตลอด วิลล์และวาสิฐีเพื่อนหลานสาวของเขาผู้หญิงสวยสวมชุดนักศึกษาติดเครื่องหมายสถาบันอันทรงเกียรติ เสื้อกราวนด์ที่สวมคลุมบอกคณะที่เรียน
“เป็นอะไรหญิงมุก เหม่อมองอะไรจ้ะ”
“ปละเปล่าไม่มีอะไร”
เพื่อนผมยาวถึงเอวหันมองตามสายตาของเพื่อนที่มอง แล้วล้อเลียน
“อิจฉาเด็ก ๆ ที่ควงคนหล่อหรือจ้ะ หญิงมุกก็อย่าเล่นตัวนักสิราชรถมาเกยตั้งหลายคัน”
“ข่าววงในแจ้งว่า คุณหญิงจิตตรีก็เตรียมราชรถไปรับไม่ใช่หรือจ้ะ”
เพื่อนหูไวแต่ตาไม่ไวพอ จึงไม่รู้ว่าคนที่เธอพูดถึงนั่งห่างไม่กี่โต๊ะนี้เองคุณหญิงมุกดาอดสะท้อนสะท้านใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่า หลายครั้งวิลล์โอบไหล่วาสิฐีเข้ามาใกล้ และหลายครั้งเขายื่นหน้าเข้าไปหยอกล้อหญิงสาวคล้ายไล่หอมแก้ม แต่วาสิฐีระวังตัวแจทีเดียว...ซึ่งจะระวังหรือไม่ คุณหญิงสรุปว่าเป็นมารยาไปเสียทั้งนั้น!!
เวลาเกือบห้าทุ่ม กว่าวิลล์จะกลับมาถึงบ้านสราญจิต
คุณหญิงจิตตรีหลับไปแล้ว นายแพทย์เดวิดยืนรับลมเล่นที่ศาลาลมหน้าตึก วิลล์ลงจากรถไปหาพี่ชาย เขาถามถึงเรื่องภายในบริษัทเพราะพี่ชายเป็นกรรมการอยู่
“พี่พึ่งรู้ไม่นานนี้เองจึงพยายามติดต่อไปหาวิลล์ ว่าไงรู้เห็นอะไรมาหรือยัง”
“เท่าที่ฟังคุณทรง ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ คลื่นใหม่คลื่นเก่าอะไร แต่ผมว่าคงมีใครระดมทุนเพื่อหวังถือหุ้นส่วนใหญ่เข้ามาแทนที่เรานะเดฟ”
“ร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ”
“คุณทรงเปรยออกมาว่าสุดกำลังของเขา ท่าทางเขาหวังผมมากเลย”
“เป็นหน้าที่ของวิลล์แล้ว แสดงให้เห็นเลือดบราวน์ในตัว”
“ผมรับรอง ไม่ให้บราวน์ล้มเพราะ วิลล์ เลี่ยม บราวน์ จูเนียร์อย่างผมแน่ ๆ”
“เริ่มเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ครับ”
“แล้วถือหนังสืออะไรหรือนั่น”
“สุภาษิต เพื่อนชอบแกล้งพูดให้ฟัง ผมไม่อยากเป็นอะไรนะที่เขาพูด เป็นควายที่เขาสีให้ฟัง”
“สีซอให้ควายฟัง”
นายแพทย์เดวิดแย้ง จากนั้นสองพี่น้องปล่อยเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจโดยพื้นฐานชาวต่างชาติย่อมมีคำกล่าวที่ทำให้เขาเจ็บได้ แต่สำหรับคำด่าแบบไทยๆบางคำก็ทำให้เขาหัวเราะ



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2555, 18:01:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2555, 18:01:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2360





<< คืนสุข   ดาบอัศวิน >>
tookta 11 พ.ค. 2555, 18:53:02 น.
ส่งกำลังใจมาให้ น้องวา น้องดา น้องอ้ำ ค่ะ สู้เพื่อรัก


Zephyr 11 พ.ค. 2555, 19:30:17 น.
โอ้ย คุณหญิงมุกดาไรเนี่ยจะร้ายลึกมั้ย ส่อแววเป็นความยุ่งยากนะ


nutcha 11 พ.ค. 2555, 19:30:37 น.
สงสารวาสิจริง ๆ ยิ่งรู้ว่าวิลล์มีใจให้วาสิก็ยิ่งเจ็บ


คิมหันตุ์ 11 พ.ค. 2555, 21:04:42 น.
^^


violette 11 พ.ค. 2555, 21:15:54 น.
สงสารวาสิจังเลยค่ะ


นางแก้ว 11 พ.ค. 2555, 22:09:14 น.
เขียนไปก็ใจหาย นึกแทนไปว่าถ้าพระเอกน่ารักอย่างนี้ เราคงลืมคุณหญิงแน่เลย เอาท้องมาฝากให้หายโกรธ แหมแต่ถ้าเขียนได้แค่นั้นเสียชื่อหมดแน่เลย


Thananya 11 พ.ค. 2555, 22:29:28 น.
อีกคนก็เดินหน้าจีบเต็มสูบ อุปสรรคก็เดินหน้ามาทุกทิศทาง ลุ้นจริงๆเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายที่จิตใจดีนะคะ สู้ๆๆ


นางแก้ว 11 พ.ค. 2555, 22:46:35 น.
ไม่เคยเขียนตัวละครเยอะขนาดนี้มาก่อน แต่มาจากการได้พูดคยกันกับบก.ว่า คนที่จะเขียนตัวละครเยอะได้ ต้องเป้นคนเขียนที่สามารถควบคุมความสำคัญของแต่ละคนให้มีบทบาทได้ ไม่ใช่มาแล้วจากไป ดังนั้นจึงเป้นงานท้าทานเหมือนกันค่ะ อยากเก่ง


nunoi 11 พ.ค. 2555, 22:59:58 น.
สงสารวาสิ จัง ยัยคุณหญิงมุกจะร้ายเงียบหรือเปล่านะ
เอาใจช่วยสาวๆ นะจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account