เมืองริษยา
การหย่าร้าง...ไม่ใชจุดสิ้นสุดของความหายนะ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ "นีรนาท"...
การได้อยู่เพียงลำพัง ยิ่งโหดร้ายเสียกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อกระแสลมแห่งความริษยา พัดผ่านไปทั่วทุกพื้นที่ที่หล่อนก้าวเดินไป!
Tags: รัก ริษยา

ตอน: บทที่ ๓ คนหัวสูง

*นวนิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ บ.สถาพรบุคส์ แล้วครับผม*


บทที่ ๓ คนหัวสูง
-----------------



นีรนาททนนั่งรอแพทย์อย่างสงบไม่ได้... เธอเดินระส่ำระส่าย กระวนกระวายใจมากเหลือเกิน บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินที่มีแต่ผู้คนพลุกพล่าน ร่วมชั่วโมง...แพทย์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะก้าวออกมาจากห้อง

กระทั่ง... วิไลฉัตรเดินทางมาถึง นีรนาทรู้สึกโล่งขึ้นเปลาะหนึ่ง เมื่อเห็นคนสำคัญในชีวิตของเธอ มาถึงตามความต้องการของเธอจนได้

“เป็นยังไงบ้างนาท หมอออกมาจากห้องหรือยัง”

“ยังเลยพี่ฉัตร...” เสียงของหญิงสาว เต็มไปด้วยความหวั่นวิตกใจ “นาทใจคอไม่ดีเลยพี่ เขาจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“ใจเย็นๆก่อนเถอะน่ะ ว่าแต่...คนขับรถมอเตอร์ไซค์ล่ะ รายนั้นเป็นยังไง”

“กลับออกไปแล้วล่ะค่ะ” นีรนาทลดตัวลงนั่ง อธิบายเรื่องทั้งหมดให้วิไลฉัตรรับรู้
“นาทให้เงินเขาไปรักษาตัวจำนวนหนึ่ง เขาไม่ว่าอะไร... และดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ผู้ชายคนที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยสิคะ เขาถูกรถมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่ง ที่เบรกไม่อยู่จนทับขา เขาร้องเจ็บมาตลอดทาง...จนมาหมดสติเอาหน้าโรงพยาบาลนี่ล่ะค่ะ”

“หืม...ไอ้อินทัช! ไอ้ตัวซวย” วิไลฉัตรนึกพิโรธขึ้นมาฉับพลัน เมื่อดันนึกไปถึงตัวการสำคัญของเรื่อง “มันหนีไปแล้วใช่ไหมล่ะ หึ...สันดานชั่วที่โลกต้องจารึก เลวแบบนี้มีอยู่คนเดียวจริงๆ”

นีรนาทมิได้ใส่ใจในเรื่องของต้นเหตุ...แต่สิ่งที่เธอวิตก คืออาการของผู้ประสบเหตุ ผู้ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย แต่กลับต้องมาซวยเพราะอดีตสามีของหล่อนทำแท้ๆ

แต่ยามนี้...ก็มีแต่หล่อนเท่านั้นสิ ที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แก่ผู้ประสบเคราะห์ผู้นั้น

“แล้วว่ายังไงล่ะ เธอโทรศัพท์ไปบอกที่เซดิออสแล้วหรือยัง”

“โทรแล้วค่ะ ขอเลื่อนเป็นเข้างานวันพรุ่งนี้”

นีรนาทระบายลมหายใจอย่างกลัดกลุ้ม...วันแรกของนัดหมายการทำงานแท้ๆ แต่กลับมีเรื่องวิบัติเกิดขึ้นมาอีกเสียได้... สตรีทั้งสองนั่งกุมมือประสานกันอยู่พักหนึ่ง แพทย์ผู้รักษาอาการจึงก้าวออกมาจากห้อง ทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินถูกผลักออกมา นีรนาทและกับวิไลฉัตร ลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกัน แล้วตรงเข้าสอบถามเรื่องอาการทันที

“อาการส่วนอื่นของคนเจ็บ ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วงนะครับ มีเพียงจุดสำคัญจุดเดียว...คือบริเวณต้นขาด้านขวา ดูจากผลเอ็กซเรย์ กระดูกเป็นรอยร้าวยาวที่เดียวครับ”

นีรนาทนิ่งอึ้งตะลึงงัน... เช่นเดียวกับอาการของวิไลฉัตรตอนนี้ ทว่าอดีตผู้จัดการส่วนตัวนั้นมีสติมากกว่า จึงถามแพทย์ต่อด้วยความวิตก

“ขะ...เขาจะ...เดินได้เหมือนปกติไหมคะ?”

แพทย์หนุ่มประกอบสีหน้าหนักใจ ก่อนจะตอบด้วยเสียงอ่อน

“ให้เดินเป็นปรกติ ในเร็ววันนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนครับ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับเวลา และการกายภาพบำบัดในอนาคตด้วย แต่ช่วงนี้...คนไข้อาจจะกลับไปรักษาตัวได้ที่บ้าน แต่หมอยังไม่อนุญาตให้เดินนะครับ หมออยากให้นั่งรถเข็นก่อน รอให้กระดูกข้อต่อแข็งแรงกว่านี้ แล้วค่อยใช้ไม้ค้ำยันฝึกพยุงตัวกันต่อไป”

“นะ...นี่จะถึงขั้น...พิการไหมคะหมอ?” ยิ่งวิไลฉัตรถาม ใบหน้าของนีรนาทก็ยิ่งถอดสี

“ไม่หรอกครับ” คำตอบนี้ พาให้หญิงสาวโล่งใจขึ้นมาบ้าง “แต่อาจต้องใช้เวลา หมอไม่ยืนยันสำหรับระยะเวลาการฟื้นฟูนะครับ ถ้ายังไง...เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลพาไปพักที่ห้องนะครับ นอนโรงพยาบาลสักคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ครับ”

หลังจากที่แพทย์หนุ่ม เลี่ยงตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วในที่สุด... วิไลฉัตรจึงพานีรนาท ถอยกลับมานั่งพักหายใจ

“ติดต่อญาติเขาได้หรือเปล่าล่ะ?”

“ยังค่ะ...โทรศัพท์มือถือของเขา หน้าจอแตกละเอียดเลย เปิดไม่ได้ซีคะ” หญิงสาวยกถุงพลาสติกซิปล็อค แสดงให้วิไลฉัตรเห็นว่า...มีทรัพย์สินของผู้ประสบเหตุชิ้นใดอยู่บ้าง เท่าที่ดู... มีเพียงกระเป๋าสตางค์ใบหนึ่ง ข้างในมีบัตรประชาชน และเงินจำนวนไม่กี่ร้อยบาท และนาฬิกาข้อมือของเลียนแบบ ที่หน้าจอแตกละเอียด เข็มบนหน้าปัดหาย... กับผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง และ...

ใบรับสมัครคัดเลือกเข้าเป็นหนึ่งในโครงการ ‘เฟ้นหานายแบบ’ ที่ฉีกขาดจนไม่เหลือชิ้นดี

นีรนาทนึกหวั่นใจจนคิดกังวลไปไกลว่า... ความรู้สึกสิ้นหวังของผู้มีฝัน จะทำให้เขาต้องคลุ้มคลั่งจนเสียสติไปเลยหรือไม่... หากไม่เกิดเหตุการณ์นี้เสียก่อน เขาอาจจะได้เป็นหนึ่งในทีมนายแบบหน้าใหม่ อาจมีอนาคตไกล...ด้วยชื่อเสียงโด่งดัง และการงานที่มั่นคง

ไม่น่าเลย มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย...เป็นเพราะว่าความซวยของเธอหรือของเขากันแน่นะ!


+++++++++++++++


ทัตดรงค์ลืมตาตื่นขึ้นมา...พบกับชะตากรรมอันแสนเลวร้ายของตน เขาถึงกับแผดเสียงลั่น ร้องโวยวายขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเจ็บใจ วันนี้มันเป็นวันแห่งนรกชัดๆ! ถูกไล่ออกจากงาน ความมั่นคงทางการเงินบกพร่องเป็นต้นทุนของปัญหา ทว่าพระเสาร์กลับเข้าแทรกความซวยอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ ขายังต้องมาพิการ...อนาคตอันรุ่งเรือง จึงเป็นอันต้องสิ้นสูญไปในที่สุด! นี่มันเป็นเวรเป็นกรรม อะไรกันนักกันหนา

นีรนาทกับวิไลฉัตร ผลักประตูเข้ามาในห้อง...ด้วยท่าทีหวั่นวิตกในภาพสงบนิ่ง

ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม ผู้อาละวาดส่งเสียงจนหมดแรง นั่งค้อมหลังหอบเหนื่อย...และเงยวงหน้าคมขึ้นมองผู้มาเยือน ทันใดนั้นเอง...เขาตวาดเสียงลั่น ราวกับรู้ว่าหญิงสาวคือตัวการสำคัญ ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

“เธอใช่ไหม! เธอทำให้ฉันเป็นแบบนี้ใช่ไหม!! เธอทำลายชีวิตฉัน!”

บทแรกจากผู้ชายตรงหน้า...ก็พาให้นีรนาทแทบจะล้มทั้งยืน ดีที่ว่าวิไลฉัตรยืนประคองอยู่เบื้องหลัง... ในช่วงเวลาที่หญิงสาวยืนนิ่งตะลึงงัน พูดอะไรไม่ออก...ราวกับถูกสะกดด้วยแววตาคมกร้าวของบุรุษตรงหน้านั้น วิไลฉัตรก้าวไปยืนนำหน้า กลั้นความรู้สึกทั้งหมดในใจ ให้เกิดความสงบมากที่สุด...ก่อนจะเอ่ยคำพูดปลอบประโลม

“ใจเย็นๆนะคะคุณ... ไม่มีใครเจตนาจะทำร้ายคุณนะคะ มันจะหายดีในเร็ววัน ถ้าคุณ...”

“หุบปากไปเลย! พวกเธอทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้!”

เสมือนถูกฟาดด้วยของแข็งประจันเข้าที่ใบหน้า... วิไลฉัตรยืนตะลึงราวต้องคำสาป ผู้ชายตรงหน้าใช้วาจาร้ายกาจกับหล่อนเหลือเกิน

“นี่คุณ...ใจเย็นๆก่อนสิคะ เราไม่ได้มีเจตนาที่ต้องการจะให้คุณมาเจอกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ”

“ก็เธอไม่ได้มาเป็นอย่างฉันนี่!” ทัตดรงค์กระแทกเสียงตอบกลับ ใบหน้าและดวงตาแดงก่ำ วิไลฉัตรเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้าและอารมณ์ของตน ทว่าก็นึกถึงอกเขาอกเรา เขาคงเสียใจมากจนคุมสติไว้ไม่อยู่

ประกอบกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นมาเสียก่อน ประหนึ่งโยนบรรยากาศอันคุกรุ่น ส่งต่อมาให้นีรนาทเป็นผู้รับผิดชอบเสียเอง

“อ๋อค่ะพี่ เดี๋ยวฉัตรจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะพี่ พอดีว่า...มีธุระด่วนนิดหน่อยค่ะ แต่ไม่มีอะไรแล้วนะคะ เดี๋ยวพอไปถึง เดี๋ยวฉัตรจะไปดูแลนางแบบเองค่ะ ตอนนี้ปพัชชามาถึงแล้วใช่ไหมคะ...ค่ะพี่ ได้ๆค่ะ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ฝากขอโทษทีมงานด้วยนะคะ ค่ะๆสวัสดีค่ะ”

วิไลฉัตรกดปิดสาย สีหน้าหวั่นวิตกยังไม่คลายไปไหน ครั้นพอกลับมาดูการสนทนาของชายหญิง...ก็ยิ่งพาให้หล่อนต้องวางหน้าถอดสี ระคนกับความรู้สึกขุ่นในใจมากขึ้นไปอีก

“ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! เธอทำให้ฉันต้องเสียทุกอย่าง! ฉันไม่มีเงิน! ไม่มีอนาคตอีกแล้วเธอเข้าใจฉันไหม! เธอดูขาฉันสิ!”

นีรนาทกลืนความประหม่ากลัวลงสู่อกร้อน เธอพยายามจะคลี่คลายสถานการณ์ปัจจุบันให้มันดีขึ้น

“ตะ...แต่ฉันพร้อมจะชดใช้ค่าเสียหายให้คุณนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องอาการบาดเจ็บและเรื่องอื่นๆ” นีรนาทพยายามประนีประนอม ประคับประคองให้อารมณ์ของเขาอย่าพุ่งแรงมากไปกว่านี้

“ชดใช้อย่างนั้นหรือ...” เสียงขุ่นของทัตดรงค์ พาให้หญิงสาวใจหล่นวูบลงไปอยู่ที่ฝ่าเท้า “เธอจะเอาเงินฟาดหัวฉัน แล้วก็ปล่อยฉันให้ไปอยู่ตามยถากรรมใช่ไหม!”

วิไลฉัตรก้าวมายืนนำหน้านีรนาทอีกครั้งหนึ่ง เห็นทีว่าจะทนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ ขืนปล่อยให้นีรนาทยืนมึนเป็นหุ่นไม่มีชีวิตอยู่อย่างนี้... มีหวัง หล่อนคงถูกเรียกร้องค่าเสียหายเป็นแสนๆแน่ทีเดียว

“คุณพูดอะไรของคุณ” วิไลฉัตรกระแทกเสียงโต้ “ทางเราก็บอกแล้วไงคะ ว่าจะช่วยดูแลคุณเป็นอย่างดี ฉันจะเรียกญาติของคุณให้มารับ จะให้เงินค่ารักษาทุกอย่าง ทุกนัดหมายของหมอ แต่ฉันคงจะช่วยเหลือปัญหาชีวิตอื่นๆของคุณไม่ได้หรอกนะคะ มันจนปัญญาจริงๆ จะต้องให้บอกกันกี่ครั้ง ว่าเราไม่ได้มีเจตนา!”

“แต่ฉันไม่มีญาติที่ไหน! ไอ้เด็กไร้ญาติที่เติบโตมาด้วยตัวเองอย่างฉัน! เธอจะเรียกใครให้มารับฉันอย่างนั้นหรือ!”

คราวนี้...วิไลฉัตรถึงกับต้องยืนอมดอกพิกุล... นีรนาทยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก นี่เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้จริงๆใช่หรือเปล่า!

“ทุกวันนี้ฉันต้องหาเงินตัวเป็นเกลียว เพื่อที่จะจ่ายค่าเช่าห้อง ค่ากินอยู่ทั้งหมด! ฉันคนเดียวเท่านั้น! แล้วพวกเธอดูซิ... ต่อจากนี้ไป สภาพอย่างฉันเนี่ย ใครจะรับไปทำมาหากินด้วย!” ผืนผ้าปูที่นอนถึงตรึงไว้แน่น ด้วยฝ่ามือร้อนของทัตดรงค์ พาให้ผู้ที่เห็นท่าทีอันระอุเช่นนั้น...ถึงกับยืนหน้าเย็นสลับร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว คล้ายจะเป็นลมไข้

“เอาอย่างนี้ไหมคะ...” นีรนาทจำต้องตัดสินใจ เพื่อให้แวดล้อมและอณูอากาศโดยรอบนี้ พ้นไปจากความร้อนระอุทางอารมณ์อย่างที่กำลังเป็นอยู่ “เรื่องที่พัก...คุณไม่ต้องกังวล คุณอยู่ที่ไหนคะ”

กว่าทัตดรงค์จะตอบคำถามของเธอได้ เขานิ่งเงียบไปราวกับใช้ความคิด...

ใช่...คนอย่างทัตดรงค์ ไม่เคยปล่อยให้อารมณ์นำหน้าความคิด เขาเป็นบุรุษนักคิด...คิดเสมอไม่ว่าจะตัดสินใจเลือกทำสิ่งใด ‘เพื่อตัวเอง’ ทว่าความคิดของเขา กลับกลายเป็นความคิดที่ถูกต้องแค่ตัวเองเท่านั้น

“ฉันจะไม่กลับไปอยู่ที่เดิมอีกแล้ว... เธอต้องหาที่อยู่ใหม่ให้ฉัน”

“เอ๊ะ!” วิไลฉัตรลั่นเสียงแทรกขึ้นมาทันควัน “อะไรกันนี่คุณ! หาที่อยู่ใหม่?”

“ก็ใช่น่ะสิ!” ทัตดรงค์ไม่สบอารมณ์กับวิไลฉัตร นึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่ที่ได้พบหน้า ยิ่งพอเห็นหล่อนค้านขึ้นมา เขายิ่งกลับไปสู่อารมณ์เดือดดาลเช่นเดิม “หอพักที่ฉันอยู่ สูงตั้งเจ็ดแปดชั้น ฉันอยู่ชั้นที่เจ็ด...ลิฟต์ก็ไม่มี! ใจคอเธอสองคน จะให้ฉันขึ้นลงตึก ด้วยสภาพทุเรศๆแบบนี้อย่างนั้นเหรอ!”

วิไลฉัตรอยากกรีดร้องให้ลั่น ใส่หน้าผู้ชายมากเรื่องตรงหน้า... ทว่าโชคดีที่โทรศัพท์มือถือของหล่อนดังขึ้นมาอีกครั้ง นีรนาทจึงหันมากล่าวต่อผู้มีพระคุณ ด้วยสีหน้าปรากฏรอยยิ้มฝืน

“พี่ฉัตรคะ นาทว่า...ทางนี้ปล่อยให้นาทจัดการเองเถอะค่ะ ที่มิราเคิลคงเรียกตัวพี่แล้ว พี่รีบไปทำงานเถอะค่ะ ทางนี้ฉันจัดการได้”

วิไลฉัตรนึกเป็นห่วง...หากปล่อยให้นีรนาทยอมรับข้อตกลงของผู้ชายคนนี้ มีหวัง...ฝ่ายหญิงมีแต่จะเสียกับเสีย ทั้งๆที่เธอก็มิได้เป็นต้นเหตุของเรื่องแท้ๆ เพราะไอ้ผู้ชายสันดานเลวอย่างอินทัชต่างหาก ที่หนีเข้ากลีบเมฆ เงียบหายไปโดยไร้ร่องรอย

แต่เมื่อเห็นสีหน้ายืนยัน และรอยยิ้มของนีรนาท... วิไลฉัตรก็ตัดสินใจทำตามความต้องการของหญิงสาว หล่อนถอนฉุนทิ้งอารมณ์หงุดหงิด ส่งท้ายให้ทัตดรงค์ได้ยลเห็น...ก่อนจะก้าวออกไป

นีรนาทเหลียวตัวกลับมาทางทัตดรงค์อีกครั้ง... บนใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มเจื่อน ด้วยเธอต้องการจะจบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้เธอและเขาต้องตกอยู่ในแวดล้อมชวนวิวาทกันอย่างนี้

“ว่ายังไงล่ะ... เธอจะช่วยฉันยังไง” ทัตดรงค์ลดระดับเสียงลง แม้ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าว ทั้งน้ำเสียงและสีหน้า รุกไปถึงแววตาสีนิลคู่คมนั้น... แต่ชายหนุ่มก็นึกมั่นใจว่า นีรนาท...น่าจะพูดง่ายกว่า หญิงสูงวัยอีกคน

“ตกลงค่ะ... ฉันจะทำตามความต้องการของคุณ คุณอยากจะพักที่ไหนล่ะคะ”

“พักที่ไหนก็ได้...ที่มันสบายสำหรับฉัน” ทัตดรงค์ตอบกลับราวกับคิดไว้แล้ว

นีรนาทไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ผู้ชายคนนี้เรียกร้องในสิ่งที่เธอมโนภาพไม่ได้...

“แล้วมันที่ไหนล่ะคะ...”

“มันเป็นหน้าที่ของเธอนะ ที่จะต้องหาให้ฉัน...ลำพังคนไม่มีอะไรสักอย่างอย่างฉัน จะไปรู้ไหมล่ะ ว่าที่ไหนมันจะเหมาะสมและสะดวกสบาย”

หญิงสาวยืนทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ในความต้องการของคนตรงหน้า... เขาเรื่องมากเกินไปแล้วใช่ไหม? สองคำแล้วที่เธอได้ยิน ว่าเขาต้องการจะย้ำว่า เขาปรารถนาถึงความ ‘สะดวกสบาย’

“ก็ได้ค่ะ... ไว้ฉันจะหาที่พักให้กับคุณเอง แล้ว...ยังมีอะไรที่จะให้ฉันช่วยอีกไหมคะ”

“คืนนี้ใครจะอยู่เฝ้าฉัน...เธอหรือเปล่า?” ทัตดรงค์ถามด้วยท่าทีเย็นลง นึกยิ้มอยู่ในใจ เมื่อสมความปรารถนาไปได้หนึ่งข้อ

“ฉันคงจะไม่ว่าง... แต่จะวานพยาบาลพิเศษคอยดูแลคุณนะคะ”

ทัตดรงค์ตอบสนองด้วยท่าทีนิ่งเฉย...เบนสายตาคมที่แฝงไว้ด้วยนัยน์มืดลึก กับรอยยิ้มสมใจที่ซ่อนอยู่ในวงหน้า

“ถ้าอย่างนั้น...ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ ถ้าคุณมีอะไร...ก็ติดต่อฉันผ่านพยาบาลได้เลย”

“คงไม่มีอะไรแล้วมั้ง” เขาตอบกลับเสียงเย็น โดยที่ไม่หันมามองหญิงสาวแม้สักเพียงนิด “ก็ขอให้ทำตามที่พูดเท่านั้นพอ... แต่ฉันสาบานได้ ถ้าฉันถึงกับต้องพิการ...เสียขาไปข้างหนึ่งล่ะก็”

คราวนี้...แววตาคมกร้าว หันมาทางนีรนาท ให้เธอสัมผัสถึงความปรารถนาอันชัดเจน

“ฉันจะเอามากกว่านี้เป็นร้อยเท่า! ฐานที่เธอทำลายชีวิตและความรุ่งโรจน์...ที่ฉันควรจะได้รับมันในอนาคต! เธอจะต้องชดใช้!”

ไม่สมควรที่หญิงสาวจะต้องมายืนพัดฟืนให้ร้อนขึ้นไปกว่านี้ นีรนาทผละออกมา...แม้จะรู้ว่ากิริยาดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นถึงความเสียมารยาทมากแค่ไหน... แต่เธอกลับรู้สึกว่า มันช่างไม่ยุติธรรมเลย... เธอทำอะไรผิดนักหนา ถึงต้องเจอกับเรื่องร้ายๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ในระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ก็เช่นกัน... วิไลฉัตรเรียกสายเข้ามา เพื่อเตือนให้หญิงสาวรู้ว่า เธอไม่ควรจะเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ของโรงพยาบาล แต่ควรจะลงชั้นสอง แล้วใช้ช่องทางหนีไฟจะดีกว่า... เนื่องจากนักข่าวผู้มีหูตาว่องไวเป็นเลิศ... บัดนี้ มารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงชั้นล่างของโรงพยาบาล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


+++++++++++++++

งานเทศกาลวันทุเรียนประจำปีปีนี้...ช่างคึกคักกว่าปีไหนๆที่ผ่านมา...

ก็แม่งาน...ว่าจ้างนางแบบสาว ผู้ครองความฉาวโฉ่มาเย้ยท้าฟ้าดิน ตั้งแต่ก่อนงานจะเริ่ม... ภายในห้องแต่งตัว ซึ่งเดิมเป็นห้องพักผ่อนส่วนตัวของเจ้าของร้านขายทุเรียนขนาดใหญ่ร้านหนึ่ง เบื้องนอกได้ยินเสียงนายกเทศมนตรีฯ กำลังทำหน้าที่โฆษก ปลุกให้ชาวนนทบุรีเตรียมความพร้อมกับฤกษ์พิธีเปิดงาน...

เพียงได้รู้ว่างานปีนี้...จะมีนางแบบสาวพราวโลกีย์อย่าง ‘เนวี่’ หรือ เนวตี ศิริภัทรกุล เดินทางมาร่วมตัดริบบิ้นเปิดงานวันนี้... เหล่าไทยมุงคนมุ่งประชาทัณฑ์ ก็พร้อมใจกันเดินทางมาถึงที่นี่...โดยมิได้นัดหมาย

ในห้องพักผ่อนของร้าน ที่ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่แต่งหน้าทำผมของนางแบบ และบรรดานักเรียนที่มาร่วมฟ้อนรำในช่วงแรกของงาน... เนวตีนั่งประกอบสีหน้าเข้มขุ่น ให้แต๋วละเลงบรัชออนในมือกระหน่ำลงหน้า

“มันจะคุ้มเงินไหมเนี่ยพี่แต๋ว ฉันไม่อยากจะมาเล้ย...งานบ้านนอกแบบนี้!”
แต๋วเหยียดริมฝีปากอย่างแสดงให้เห็นชัด “ไม่ชอบงานบ้านนอก...หรือสยองหนามทุเรียน พูดให้ถูก”

“เฮอะ คนอย่างฉันไม่กลัวหรอก... ใครจะกล้ามาทำอะไรฉัน!” เนวตีกวาดสายตามองไปรอบห้อง ประกอบท่าทีโอหัง ไม่เกรงของมีคม อย่างที่ปากหล่อนว่า


“จ้า! แม่เนวี่...ชะนีเหนือหนาม” แต๋วลากเสียงยานเต็มความหมั่นไส้ “แต่ก็น่าจะเตรียมหมวกกันน็อค มาป้องกันตัวไว้บ้างนะจ้ะหนู... เรื่องทำครอบครัวคนอื่นเค้าฉิบหาย ก็ทำหนูหน้าแหกไปแล้วรอบหนึ่ง... เดี๋ยวคราวนี้ ทำประมาทเลินเล่อ... จะหน้าแหกรอบสองนะหนูนะ... คราวนี้ล่ะ แหกจริงๆนะจ้ะ แหกชนิดที่คนจีนพูดว่า ‘หน้าแหก หาแหลกไม่ล่าย’ เลยล่ะฮ้า”

“พี่แต๋ว! นี่พี่จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมาเนี่ย! พูดเรื่องเก่าอีกทีนะ...ฉันจะกลับจริงๆด้วย!”

แต๋วเป็นอันต้องปิดปากเพียงเท่านั้น...แต่มิใช่เพราะเกรงกลัวฤทธิ์เดชของแม่นางแบบตกอับผู้นี้หรอก แต่เพราะความรำคาญ...และอาจจะต้องเสียหน้า เสียเครดิตกับชื่อเสียงของตัวเองไปอีก หากแม่นางแบบผู้นี้จรลีกลับบ้าน และผู้จัดการส่วนตัวของเขา เป็นต้องอันวิบัติไปกับหน้าที่การงานตามเนวตีไปด้วย

งานเทศกาลจึงเริ่มต้นขึ้นตามฤกษ์หมาย... กระทั่งกำหนดเวลาของการเปิดตัวนางแบบสาวชื่อดัง ผู้มีภาพลักษณ์ฉาวโฉ่ทันทีจากเหตุการณ์อันอัปยศที่ตัวหล่อนสร้างขึ้น

ความอลหม่านก็เริ่มต้น โดยไม่รอฤกษ์ยาม... เปลือกทุเรียนเนื้อแข็งประจำตัวของแต่ละคน ถูกโยนขึ้นมาบนเวทีขนาดใหญ่ของงาน สาเหตุสำคัญของเหตุการณ์อันน่าหวาดเสียว...ไม่มีใครจำเป็นต้องสืบ ช่างภาพรอจังหวะที่คาดหมาย ว่าจะเกิดเหตุการณ์ประเภทนี้ขึ้นอยู่แล้ว... จึงกระหน่ำชัตเตอร์กดรัวนิ้วเป็นมัน ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวถูกบันทึกไว้โดยไม่มีพลาดขาดตอนสำคัญ... แต๋ว คือคนแรกในเฟรมภาพถ่าย ที่วิ่งลงจากเวทีราวกับมีสังหรณ์ก่อนผู้อื่นผู้ใด... ตามด้วยโฆษกและบรรดาผู้ถูกจ้างวาน ที่ถูกสั่งให้ขึ้นไปยืนถือทุเรียนลูกยักษ์ อันเป็นเครื่องหมายประชาสัมพันธ์ และบุคคลสำคัญที่ทุกชีวิตจับตามองด้วยความสมเพช... เนวตีที่สาวเท้าวิ่งหนีลงจากเวทีไป ไม่พ้นภัยเบื้องหลังจากพวกชาวบ้านที่รออยู่เบื้องล่าง หวิดถูกหนามทุเรียนประทับหน้าด้วยความรักเข้าแล้วนั่นปะไร เคราะห์ดี...ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสกัดฝูงชนไว้ได้เสียก่อน




สุริยาทิศ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2555, 16:52:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2555, 16:52:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1288





<< บทที่ ๒ ผ่านภัย...ไม่พ้น   บทที่ ๔ ภาระที่ไม่อาจหลีกพ้น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account