ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี

‘เมนิลา’ ตกงาน ถังแตก แถมยังโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก...แต่โชคร้ายของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น
เมื่อเธอได้พบกับ ‘ญาณวดี’ วิญญาณสาวที่สิงสถิตอยู่ในกล่องไพ่ยิปซี
และเพื่อที่จะกอบกู้สถานะการเงินให้กลับมาสู่สภาวะปกติ เมนิลาจึงยอมรับข้อเสนอของญาณวดี
โดยญาณวดีจะสอนเมนิลาดูดวงไพ่ยิปซี แล้วให้เมนิลาไปตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเธอ
ด้วยเหตุนี้เมนิลาจึงต้องร่วมมือกับ ‘ร้อยตำรวจเอกอัศวิน’ ตำรวจหนุ่มรูปงามที่ติดตามคดีนี้อยู่ลับๆ
จากร่วมมือ มาเป็นร่วมใจ และพัฒนาก่อเกิดเป็นความรัก
แต่แล้วความรักของทั้งคู่ต้องสะดุดลง เมื่อแฟนเก่าของเมนิลากลับมาพร้อมบอกว่าเธอเข้าใจผิด
สุดท้ายเมนิลาจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าคนใกล้ตัวมีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้
แล้วความรักของเมนิลากับอัศวินจะจบลงแบบไหน
และทั้งสองจะสามารถนำตัวฆาตกรออกมารับโทษตามกฎหมายได้หรือไม่
หาคำตอบได้ใน ‘ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี’

Tags: ลิขิตรักไพ่ยิปซี, ลิขิตรัก, ไพ่ยิปซี, อรุณ, ต้นช่อ, ช่อสุนันท์, สืบสวน, ตำรวจ, ฆาตรกรรม

ตอน: ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (2/3)

เช้าวันใหม่ก่อนเที่ยงวันเล็กน้อย...หลังจากเมนิลาทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเรียบร้อย เธอก็ขับรถตรงไปยังสถานีตำรวจที่ญาณวดีบอก

หญิงสาวที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายคอกว้างสีขาวยาวคลุมสะโพก กับกางเกงยีนส์ขายาวแนบขาเรียว ผมยาวสวยถูกถักเป็นเปียปล่อยไว้กลางหลัง ยืนมองบันไดที่ทอดยาวอยู่ด้านหน้าอยู่สักครู่ ก่อนตัดสินใจเดินขึ้นไป

และด้วยความที่ไม่เคยมีเหตุให้ต้องขึ้นโรงพักมาก่อน ทำให้เมนิลาทำได้แค่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า และกวาดตามองไปรอบๆ เพราะไม่รู้จะไปติดต่อที่ไหนดี

“เข้าไปบอกตำรวจคนนั้นสิ ว่าจะขอพบร้อยตำรวจเอกอัศวิน” ร่างโปร่งใสกระซิบบอก

หญิงสาวมองไปยังตำรวจที่นั่งประจำโต๊ะที่ติดป้ายว่า ‘ติดต่อสอบถาม’ แต่ไม่ทันที่เธอจะก้าวออกเดิน เธอก็เซถลาลงไปกองกับพื้นซะก่อน

“ว้าย!” เมนิลาร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองคนที่ชนเธอจนล้ม โดยลืมสนใจสายตาของคนบนโรงพักที่หันมามองตามเสียงร้องของเธอเป็นตาเดียวกัน

“เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างโปร่งใสถามด้วยความห่วงใย จึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่ชนหญิงสาวนั้นเป็นใคร

“ฉันไม่เป็นไร” ว่าแล้วคนที่บอกไม่เป็นไร รีบลุกขึ้นยืน มือเรียวจัดการปัดกางเกงยีนส์ตัวสวยที่เปื้อนฝุ่น ดวงตากลมโตจ้องมองตำรวจแต่งกายครึ่งท่อนอย่างเอาเรื่อง

‘มีอย่างที่ไหนชนคนอื่นล้ม แล้วยังไม่ขอโทษอีก อย่างนี้ยอมไม่ได้ ต่อให้เป็นตำรวจก็เถอะ’ เมนิลานึกโมโหอยู่ในใจ ก่อนรีบวิ่งตะโกนไล่หลังตำรวจนายนั้นที่กำลังเดินลงไปด้านล่าง

“นี่! ไม่คิดจะขอโทษกันหรือไง”

“ผมขอโทษ” ตำรวจนายนั้นหันมาบอกแต่ไม่ยอมหยุดเดิน เขายังคงเดินมุ่งหน้าต่อไปยังลานจอดรถ

“คุณวิน!” ญาณวดีร้องอย่างดีใจเมื่อได้เห็นหน้าตำรวจนายนั้นชัดๆ ก่อนรีบตะโกนบอกเมนิลา “เมย์ คนนี้ไง...”

แต่เนื่องจากตอนนี้หญิงสาวโกรธจนลมออกหู เลยไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น และเธอก็ไม่ยอมรับคำขอโทษของเขาที่พูดมาก่อนหน้านี้ด้วย เธอคิดแต่ว่า เธอต้องจัดการตำรวจไม่มีมารยาทคนนี้ให้ได้ ดังนั้นเธอจึงยังคงเดินตามหลังไปต่อว่าอย่างไม่ลดละ

“นี่หยุดเลยนะ เป็นตำรวจประสาอะไร กินเงินเดือนภาษีประชาชน แล้วจะยังมาทำร้ายประชาชนอีก”

ได้ยินดังนั้นตำรวจคู่กรณีจึงหยุดเดินและหันหน้ากลับมาทันที ทำให้ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัวชนกับอกแกร่งของคนข้างหน้าเข้าอย่างจัง

“อุ๊ย! หยุดเดินก็ไม่บอก” เสียงใสบ่นอุบ พร้อมกับเอามือลูบศีรษะตัวเองแก้เก้อ
ตอนนี้เองที่เมนิลาเพิ่งสังเกตเห็นว่าตำรวจตรงหน้ามีส่วนสูงที่สูงกว่าเธอ รูปร่างสมส่วนแบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดวงตาคมเข้มน่าหลงใหล รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวสวยจนผู้หญิงบางคนยังต้องอาย แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็น่าจะเป็นรอยบุ๋มตรงคาง ส่วนอายุถ้าดูจากหน้าตาที่ดูดี จนเหมือนนักแสดงที่กำลังสวมชุดตำรวจเข้าฉากแสดงละครแล้ว คงจะไม่มากกว่าเธอสักเท่าไหร่

“ก็คุณบอกให้ผมหยุดเดินไม่ใช่เหรอ” ร่างสูงกอดอกตอบอย่างยียวน

เมื่อหญิงสาวเห็นท่าทางแบบนั้น จากเมื่อครู่ที่ความโมโหลดระดับลงเพราะเจอรูปร่างและหน้าตาที่ดูดีของคนตรงหน้า ก็ตีกลับและเพิ่มดีกรีขึ้นมาอีก

“นี่คุณ...” นิ้วเรียวชี้หน้าตำรวจหนุ่มอย่างเอาเรื่อง สมองพยายามค้นหาคำต่อว่า แต่ไม่ทันที่ประมวลผลเสร็จ เขาก็พูดขึ้นมาซะก่อน

“คุณผู้หญิงครับ ผมจะรีบไปสอบปากคำพยาน ถ้าผมไปสอบปากคำพยานไม่ทัน ผมมีสิทธิที่จะจับคุณในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้นะครับ”

“งั้นฉันก็จะแจ้งความกลับ ข้อหาทำร้ายร่างกาย” เมนิลาเท้าสะเอวตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

‘เอาซิ! ในเมื่อเขาเอาข้อกฎหมายมาขู่ เธอก็เอาข้อกฎหมายมาโต้กลับได้เหมือนกัน’

ญาณวดีเห็นแบบนั้นก็กลัวเรื่องราวบานปลายจึงรีบร้องบอกหญิงสาว

“ใจเย็นก่อนนะเมย์...เขาคนนี้ก็คือคนที่ฉันให้เธอมาพบไง”

“อะไรนะ! คนนี้น่ะเหรอ” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ แล้วถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “คนนี้แน่นะ”

“ใช่” ร่างโปร่งใสพยักหน้ายืนยันคำตอบ “คนนี้ก็คือร้อยตำรวจเอกอัศวินที่ฉันให้เธอมาพบไง”

ตำรวจมองคู่กรณีสาวที่กำลังพูดกับอากาศอย่างงงงวย ก็เขาไม่เห็นใครยืนอยู่ตรงนั้น จะว่าพูดกับหูฟังบลูทูธก็ไม่ใช่ จึงต้องออกปากถาม

“คุณสบายดีหรือเปล่า”

“ถามอะไรบ้าๆ” หญิงสาวมองค้อน คนที่ถามว่าสบายดีหรือเปล่า

“คุณแหละบ้า มีอย่างที่ไหนพูดคนเดียว”

และเมนิลาก็นึกได้ว่า สิ่งที่เธอคุยด้วยก่อนหน้านี้เป็นผี แล้วก็มีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถมองเห็น

‘โอ้! ตายแล้ว แล้วทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะเนี่ยะ’

ใบหน้าสวยแดงระเรื่อด้วยความอับอาย ตอนนี้เธออยากจะมุดดินหายตัวไปจากตรงนี้เหลือเกิน แต่ว่า...เสียอะไรก็เสียได้ แต่อย่าเสียฟอร์ม

เมนิลาเชิดหน้าแล้วหันไปถามกับตำรวจคู่กรณีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณคือร้อยตำรวจเอกอัศวินใช่ไหม”

ดวงตาเรียวมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าเขาไม่เคยเจอหรือรู้จักเธอมาก่อน แล้วเธอมารู้ชื่อของเขาได้อย่างไร

“ใช่ ผมร้อยตำรวจเอกอัศวิน”

“คือว่า...” เมนิลาพยายามกลั่นกรองคำพูดที่คิดว่าจะดูดี และหวังว่าเขาน่าจะเข้าใจ “คุณรู้จักคนที่ชื่อญาณวดีใช่ไหม” เธอเริ่มพูดเกริ่นนำ

คำถามนี้ทำให้ตำรวจหนุ่มตกใจ และด้วยสัญชาตญาณตำรวจทำให้เขาต้องมองเธออย่างจับผิด

“ครับ ผมรู้จัก”

“เธอให้ฉัน...เอ้ยไม่ใช่ ฉันจะมาบอกว่าที่จริงแล้วญาณวดีไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกฆาตกรรม”

และคำบอกของหญิงสาวก็ทำให้เขาต้องตกใจเป็นครั้งที่สอง

“คุณรู้ได้ไง คุณมีหลักฐานงั้นเหรอ”

ตอนนี้ร้อยตำรวจเอก ‘อัศวิน’ เองก็กำลังสืบคดีของญาณวดีอยู่อย่างลับๆ เพราะดูจากสถานที่เกิดเหตุและรูปคดีแล้ว เขาก็คิดว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมอย่างแน่นอน ไม่ใช่การฆ่าตัวตายตามที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้สรุป

“ฉันไม่รู้ ฉันมีหน้าที่มาบอกเท่านั้น เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณจะไปสอบปากคำพยานไม่ใช่เหรอ งั้นก็รีบไปสิ...อ้อ! แล้วอย่าไปทำมารยาทแย่ๆ กับพยานของคุณล่ะ เดี๋ยวเขาจะไม่ให้ความร่วมมือ แล้วทีนี้คุณจะมีความผิดในข้อหาปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง” พูดจบร่างบางก็รีบหมุนตัวเดินจากไป

คนถูกสวดเป็นชุดถึงกับงงกับท่าทางของหญิงสาว ก่อนส่ายหน้าไปมาอย่างเสียดาย

“หน้าตาก็สวย ไม่น่าบ้าเลย”

และเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของอัศวินสั่นร้องบอกว่ามีคนโทรเข้ามา เขาไม่รอช้ารีบหยิบขึ้นมากดรับทันที

“ครับ ผมกำลังจะไปแล้วครับ คุณรอผมก่อนไม่ได้เหรอ ไม่เกินสิบห้านาที พอดี…” ไม่ทันได้พูดต่อ คนปลายสายก็กดตัดสัญญาณไปแล้ว ตำรวจหนุ่มจึงพยายามโทรศัพท์กลับไปหาคนปลายสายหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เขาเลยได้แต่สบถอย่างหัวเสีย ที่ตอนนี้พยานคนเดียวในคดีนี้ไม่ยอมรอเขาแล้ว

“เป็นเพราะ ‘ยัยบ้า’ นั่นแท้ๆ” ชายหนุ่มอาฆาตต้นเหตุที่ทำให้เขาพลาดนัดสำคัญครั้งนี้ และเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบมองหา ‘ยัยบ้า’ ภาวนาว่าขอให้เธอยังไม่ไปไหน

และคำขอของร้อยตำรวจอัศวินเป็นจริง เมื่อดวงตาเรียวเห็น ‘ยัยบ้า’ ที่เขามองหากำลังก้าวเข้าไปในรถฮอนด้าแจ๊สสีชมพู เขาจึงไม่รอช้ารีบวิ่งไปสุดแรงเกิดเพื่อขวางรถคันนั้นเอาไว้ เพราะเขาจะไม่ยอมทิ้งเบาะแสเดียวที่เหลืออยู่ให้หลุดลอยไปเด็ดขาด อย่างน้อยเธอต้องรู้เรื่องของญาณวดีบ้างล่ะ ไม่งั้นเธอก็คงไม่มาพูดเรื่องที่เขาเองก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันหรอก

‘เอี๊ยด!’ หญิงสาวเหยียบเบรคจนมิด เมื่อเห็นตำรวจคนเมื่อครู่กระโดดมาขวางหน้ารถ พอตั้งสติได้ เธอก็รีบลงจากรถทันที

“นี่คุณอยากตายหรือไง” เสียงใสแว้ดใส่อย่างโมโห ก็ตำรวจนายนี้เกือบทำให้เธอต้องติดคุก ข้อหาขับรถชนคนตาย

“ผมแค่อยากถามว่าคุณรู้เรื่องญาณวดีได้ไง” อัศวินถามด้วยอาการหอบ

“ฉัน...เออ...” เมนิลาหันไปมองญาณวดี ก่อนตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริง ก็ขืนบอกไปว่าญาณวดีเป็นคนให้มาบอก ตำรวจหนุ่มตรงหน้าต้องหาว่าเธอบ้า และอาจจับเธอส่งโรงพยาบาลศรีธัญญาก็ได้ “ฉันเห็นข่าว เลยเดาเอา”

ร้อยตำรวจอัศวินมองหญิงสาวอย่างจับผิด สัญชาตญาณของเขาบอกว่าเธอโกหก และเธอกำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเขาอยู่

“ผมไม่เชื่อ เมื่อกี้คุณบอกว่า คุณมีหน้าที่มาบอกผม”

“จะเชื่อไม่เชื่อมันก็เป็นเรื่องของคุณ ฉันไปล่ะ” ว่าแล้วเธอก็รีบหมุนตัวกลับขึ้นรถ เพราะกลัวเขาจะจับได้ว่าเธอโกหก แต่แขนเรียวถูกรั้งเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน ถ้าไงคุณให้เบอร์ติดต่อกับผมได้ไหม”

ดวงกลมโตมองหน้าตำรวจหนุ่มก็นิ่งคิดนิดนึง แล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“ได้สิ แต่ขอฉันเข้าไปดับเครื่องรถก่อนได้ไหม ทิ้งไว้แบบนี้มันเปลืองน้ำมัน อีกอย่างจะได้ช่วยลดโลกร้อนด้วย”

“อืม งั้นคุณก็เข้าไปดับเครื่องรถสิ แต่อย่ามาตุกติกกับผมนะ” อัศวินพยักหน้าตอบตกลง พร้อมพูดขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ แต่มีเหรอที่คนอย่างเมนิลาจะกลัว

“ฉันไม่ตุกติกหรอก” หญิงสาวยิ้มบอกเสียงหวาน แล้วต่อท้ายประโยคในใจ ‘และฉันจะไม่มีทางบอกเบอร์โทรศัพท์มือถือกับคุณด้วย’

ร่างบางก้าวเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ ก่อนรีบปิดประตูและกดปุ่มปิดล็อค โชคดีที่ตอนลงจากรถเธอไม่ได้ดับเครื่องรถ ดังนั้นเธอจึงรีบเร่งเครื่องแล้วขับออกไปทันที

“เฮ้ย!” อัศวินร้องลั่นแล้วรีบวิ่งตามรถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูอีกครั้ง แต่แรงคนหรือจะสู้แรงเครื่องยนต์ได้ เขาจึงได้แต่หยุดยืนหอบ

‘ฝากไว้ก่อนเถอะ ‘ยัยบ้า’ อย่านึกว่าจะหนีฉันไปได้นะ’ ตำรวจหนุ่มอาฆาตหญิงสาวในใจ



เมนิลากลับถึงห้องพักด้วยความรู้สึกกังวลระคนปนอับอาย เธอกังวลว่าจะมีปัญหาตามมา เพราะตั้งแต่ที่เธอมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ คนเดียว เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายตามกฏระเบียบของบ้านเมือง เธอไม่เคยแม้จะโดนใบสั่งสักใบด้วยซ้ำ และเธอก็อับอายเหลือเกินที่ตัวเองไปทำเรื่องขายหน้า เพราะเธอเกลียดการเสียหน้าเป็นที่สุด มีอย่างที่ไหนไปจับกบหน้าสถานีตำรวจไม่พอ ยังเผลอไปทำเปิ่น จนตำรวจบ้านั่นหาว่าเป็นคนสติไม่สมประกอบ ต่อไปนี้เธอคงไม่กล้าไปเหยียบสถานีตำรวจแห่งนั้นอีกเป็นแน่

“เมย์...ฉันมีอีกเรื่องที่อยากให้เธอช่วย เธอช่วยไปที่ห้องพักของฉันหน่อยได้ไหม” ญาณวดีออกปากขอร้อง

“ไม่” เมนิลาปฏิเสธทันที เธอตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งกับเรื่องบ้าบอนี้อีกแล้ว เพราะขนาดแค่ยุ่งไปแค่วันเดียว ชีวิตเธอก็วุ่นวายแล้ว อีกอย่างเธอก็คิดว่า

...การช่วยคนอิ่มใจ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้...

แม้จะดูใจจืดใจดำ แต่เธอก็ต้องตัดสินใจพูดออกไป และคิดเข้าข้างตัวเองว่า มนุษย์ก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนที่จะไปช่วยใครไม่ใช่เหรอ

“ญาณวดี ฉันขอโทษนะ แต่ฉันคงช่วยเธอไม่ได้แล้ว เธอไปหาคนอื่นดีกว่า”

“ทำไมล่ะ แค่เธอไปที่ห้องพักของฉันเอง มันไม่ได้ยากเย็นไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่ แต่ฉันคิดว่าเธอคงไม่แค่ให้ฉันไปที่ห้องพักของเธออย่างเดียวแน่ แต่ถึงจะแค่ไปห้องพักของเธอ ฉันก็คงไม่มีเวลา เพราะฉันก็กำลังตกงาน ถังแตกอยู่ แถมแฟนยังมาบอกเลิกอีก” หญิงสาวบอกสถานะที่แสนจะตกอับตอนนี้ของเธอให้ญาณวดีฟัง หวังว่าร่างโปร่งใสจะเห็นใจ และยอมจากไปโดยดี แต่คำตอบที่ได้มาแทบจะทำให้เธอหงายหลังตกเก้าอี้

“แล้วไง?”

“ตกงาน ก็ต้องไปหางานทำ เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องน่ะสิ แล้วฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปช่วยเธอ”

“โธ่! นึกว่าเรื่องอะไร” ญาณวดีพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก่อนจะเสนอ “เธอก็มาเรียนดูดวงไพ่ยิปซีกับฉันสิ รับรองมีเงินใช้ชัวร์”

“บ้าเหรอ จะให้คนจบปริญญาได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งแบบฉันไปเป็นหมอดูไพ่ยิปซีนี่นะ...ไม่มีทาง...ฉันไม่ทำหรอก” เมนิลานี้โบกมือปฏิเสธ ขืนใครรู้ได้อายเขาตาย

“แต่เธอเป็นคนมีพรสวรรค์นะ เพราะเธอมีสัมผัสที่หก”

“พรสวรรค์อะไรฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าหัวเด็ดตีนขาด ฉันก็จะไม่ยอมเป็นหมอดูไพ่ยิปซีหรอก” หญิงสาวยืนยันหนักแน่นโดยไม่รู้อนาคตข้างหน้าเธอจะต้องถอนคำพูด...กลืนน้ำลายตัวเอง




หลังจากที่ร้อยตำรวจเอกอัศวินโดนหญิงสาวแปลกหน้าหรือที่เขาเรียกว่า ‘ยัยบ้า’ หลอก เขาก็รีบเดินกลับไปที่สถานีตำรวจ เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างน้อยก็น่าจะเห็นหมายเลขทะเบียนรถของเธอบ้าง และก็เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ เมื่อกล้องสามารถจับภาพรถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูคันนั้นเอาไว้ได้ เขาจึงมองไปที่หมายเลขทะเบียนรถ แล้วรีบจดลงในกระดาษทันที

“ยัยบ้า...คราวนี้เธอหนีฉันไม่พ้นแน่” ตำรวจหนุ่มพูดอย่างโมโห ที่หญิงสาวตัวเล็กๆ กล้ามากระตุกหนวดเสืออย่างเขาได้



TonChor
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2555, 16:24:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2555, 16:24:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1532





<< ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (1/3)    ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (3/3) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account