ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี

‘เมนิลา’ ตกงาน ถังแตก แถมยังโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก...แต่โชคร้ายของเธอยังไม่หมดเพียงแค่นั้น
เมื่อเธอได้พบกับ ‘ญาณวดี’ วิญญาณสาวที่สิงสถิตอยู่ในกล่องไพ่ยิปซี
และเพื่อที่จะกอบกู้สถานะการเงินให้กลับมาสู่สภาวะปกติ เมนิลาจึงยอมรับข้อเสนอของญาณวดี
โดยญาณวดีจะสอนเมนิลาดูดวงไพ่ยิปซี แล้วให้เมนิลาไปตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเธอ
ด้วยเหตุนี้เมนิลาจึงต้องร่วมมือกับ ‘ร้อยตำรวจเอกอัศวิน’ ตำรวจหนุ่มรูปงามที่ติดตามคดีนี้อยู่ลับๆ
จากร่วมมือ มาเป็นร่วมใจ และพัฒนาก่อเกิดเป็นความรัก
แต่แล้วความรักของทั้งคู่ต้องสะดุดลง เมื่อแฟนเก่าของเมนิลากลับมาพร้อมบอกว่าเธอเข้าใจผิด
สุดท้ายเมนิลาจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่าคนใกล้ตัวมีส่วนรู้เห็นกับคดีนี้
แล้วความรักของเมนิลากับอัศวินจะจบลงแบบไหน
และทั้งสองจะสามารถนำตัวฆาตกรออกมารับโทษตามกฎหมายได้หรือไม่
หาคำตอบได้ใน ‘ลิขิตรัก...ไพ่ยิปซี’

Tags: ลิขิตรักไพ่ยิปซี, ลิขิตรัก, ไพ่ยิปซี, อรุณ, ต้นช่อ, ช่อสุนันท์, สืบสวน, ตำรวจ, ฆาตรกรรม

ตอน: ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (3/3)

ท่ามกลางตึกสูงในย่านธุรกิจใจกลางเมือง วันแล้ววันเล่าที่เมนิลาต้องเดินเข้าเดินออกไปยื่นใบสมัครตามบริษัทต่างๆ ตามที่ประกาศรับสมัครคนเข้าทำงาน จนหญิงสาวเริ่มท้อ เมื่อไม่มีวี่แววที่ได้งานทำดังหวัง สงสัยช่วงนี้เธอคงดวงตกอับโชคจริงๆ
ร่างบางกลับมาห้องพักด้วยความอ่อนล้า แต่แล้วความอ่อนใจก็เพิ่มเข้ามาร่วมวงด้วย เมื่อซองสีต่างๆ มากมายพากันอัดแน่นในตู้จดหมาย ซึ่งเธอก็คาดเดาได้ว่าคือจดหมายอะไร

เมนิลากุมขมับ นั่งมองใบเสร็จเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าผ่อนบ้านผ่อนรถ ค่าส่วนกลาง และค่าจิปาถะอื่นๆ อีก ที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
และขณะกำลังใช้สมองคิดหาทางออก เสียงโทรทัศน์ที่กำลังโฆษณาดูดวงทางโทรศัพท์ก็ดังแว่วเข้าหู ดวงตาคู่สวยก็รีบมองหาญาณวดีทันที

“ญาณวดี เธอยังอยู่ไหม ถ้ายังไม่ได้ไปไหน ก็ออกมาหน่อยสิ”

“มีอะไร” ร่างโปร่งใสที่หลบหน้าไปหลายวันร้องตอบก่อนค่อยๆ ปรากฏตัว

เดิมทีญาณวดีก็อยากจะไปจากเมนิลาเหมือนกัน แต่เธอก็ไม่รู้จะไปไหน ก็ตอนนี้มีแต่เมนิลาคนเดียวเท่านั้นที่มองเห็น แล้วพูดคุยกับเธอได้ และเธอก็ยังแอบหวังลึกๆ ว่าหญิงสาวอาจเปลี่ยนใจมาช่วยเธอ

“เป็นหมอดูไพ่ยิปซี ได้รายได้ดีรึเปล่า”

“ถามทำไม ไหนบอกไม่สนใจไง”

เมนิลายิ้มแหยงๆ ก่อนจะบอกเสียงอ่อน

“ก็ตอนนี้ฉันสนใจแล้วนี่ อีกอย่างเธอก็เคยบอกว่าจะสอนฉันดูดวงไพ่ยิปซี แถมยังบอกว่าฉันมีพรสรรค์ด้วยไม่ใช่เหรอ”

“ใช่! แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันว่าเธอไปทำอาชีพอื่นดีกว่า” ญาณวดีบอกตามที่คิดเอาไว้ เพราะหลังจากที่มีเวลาได้คิด เธอก็คิดว่าเธอจะสนใจแต่ผลประโยชน์ตัวเอง จนลืมผลที่จะกระทบต่อชีวิตของเมนิลาไม่ได้ แม้เธออยากให้หญิงสาวมาช่วยเธอมากขนาดไหนก็ตาม

“ญาณวดี เธอช่วยสอนฉันดูไพ่ยิปซีเถอะนะ ฉันขอร้อง” เมนิลาบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“อย่าเลย มันไม่เวิร์คหรอก” ญาณวดีโบกมือพัลวัน

“ทำไมล่ะ หรือว่าเธอยังโกรธฉันอยู่”

“เปล่า...ไม่ได้โกรธ แต่เธอรู้ไหมว่าการเป็นหมอดูไพ่ยิปซีมันต้องแลกกับอะไรบ้าง”

“แลกกะอะไรฉันก็ยอม” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนบอกถึงความจำเป็นของเธอ “ตอนนี้ฉันต้องการใช้เงิน”

“อย่าเลย มันจะได้ไม่คุ้มเสีย” ญาณวดีปฏิเสธอีกครั้ง เพราะเธอเชื่อว่าการดูไพ่ยิปซีก็คือการเปิดเผยความลับสวรรค์ และคนที่เป็นผู้เปิดเผยความลับก็จะต้องพบกับบทลงโทษเสมอ ซึ่งหมายถึงว่ามันจะชักนำเรื่องร้ายๆ เข้ามาหาตัว

เมื่อดูท่าวิญญาณสาวจะไม่ยอมตกลง เมนิลาต้องงัดไม้เด็ดที่คิดว่าวิญญาณสาวต้องปฏิเสธไม่ลงขึ้นมาใช้

“ถ้าเธอช่วยสอนไพ่ยิปซี ฉันจะช่วยเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้ไปไหน ไปหาใคร หรือให้ไปหาหลักฐานว่าใครเป็นคนฆ่าเธอก็ยังได้” เมนิลาพยายามพูดโน้มน้าวให้ญาณวดียอมตกลงกับเธอ เมื่อเห็นร่างโปร่งใสนิ่งใช้ความคิด เธอจึงรีบรุกต่อ “ไม่ดีเหรอ เธอก็จะได้ให้ฉันทำเรื่องต่างๆ ตามที่ต้องการ เสมือนฉันเป็นตัวแทนของเธอ ส่วนฉันก็จะได้เงินใช้...วินวินทั้งสองฝ่าย”

ญาณวดีนิ่งใช้ความคิดสักครู่ ความตั้งใจที่เคยมีเริ่มสั่นคลอนลง เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นฆาตกรที่ฆ่าเธอ

“ก็ได้” วิญญาณบอกตกลง และต่อไปนี้มันจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นไปตาม

…โชคชะตา…




ดวงตะวันทอแสงของวันใหม่ ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส สายลมเย็นพัดผ่านเข้ามาในห้องท่ามกลางเสียงนกกาแข่งกันส่งเสียงขับขาน เปรียบดั่งเป็นสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ

เมนิลาตื่นแต่เช้าโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกคู่ใจเหมือนเคย เธอเตรียมพร้อมที่จะเรียนรู้การดูไพ่ยิปซีจากญาณวดีอย่างเต็มที่

“ระหว่างนี้ฉันจะเล่าเรื่องของไพ่ยิปซีให้ฟังไปพลางๆ ก่อนนะ” ร่างโปร่งใสบอกลูกศิษย์ที่กำลังเตรียมอาหารเช้าอย่างง่ายๆ

“อืม เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน”

“ไพ่ยิปซี หรือเรียกอีกอย่างว่าไพ่ทาโรต์ เป็นศาสตร์หนึ่งที่ใช้ในการพยากรณ์ แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดหรอกนะ ว่ามาจากประเทศไหน แต่มีการเดากันว่า น่าจะมาจากประเทศอินเดีย โดยกลุ่มยิปซี”

“ไม่น่าล่ะถึงเรียกว่าไพ่ยิปซี” เมนิลาพูดไปก็เตรียมชงกาแฟไป

“ถ้าเธอไปตามร้านที่ขายไพ่ยิปซีก็จะเห็นว่ารูปแบบของไพ่ยิปซีหรือไพ่ทาโรต์มีจำนวนมากมายหลากหลาย แล้วออกแบบต่างๆ กัน แต่ความหมายก็จะคล้ายคลึงกัน”

ระหว่างรอเครื่องต้มกาแฟทำงาน หญิงสาวก็เดินไปหยิบขนมปังมาใส่เครื่องปิ้งก่อนจะถามอย่างสงสัย

“แล้วสมัยก่อนมีคนทำนายไพ่ยิปซีที่มีชื่อเสียงแบบสมัยนี้ไหม แบบขุนทอง อสุนี หรืออาจารย์หมอคฑา ชินบัญชร ไม่ก็แบบพวกหมอลักษณ์ฟันธง หมอกฤษณ์คอนเฟิร์มอะไรแบบนี้น่ะ”

ร่างโปร่งโสพยักหน้าตอบรับ แล้วลอยไปอยู่ใกล้ๆ คนถาม

“มีสิ...เธอชื่อ มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ เธอเกิดในฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1722 ความสามารถในการทำนายไพ่ของเธอ ทำให้เธอได้เป็นที่ปรึกษาของจักรพรรดินีโยเซฟิน ของ นโปเลียน โบนาปาร์ท จักรพรรดิแห่งฝรั่งเศสด้วยนะ เธอทำนายเหตุการณ์สำคัญๆ หลายเหตุการณ์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้เธอก็ยังมีฐานะที่ร่ำรวย แถมก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ แต่ความจริงแล้วเธอมีความรู้ และมีความสามารถในการให้คำทำนายได้หลายอย่างเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นลายมือ หรือ การใช้สัมผัสที่หก”

“สัมผัสที่หก?” เมนิลาทวนคำ

ญาณวดีเห็นดวงตากลมโตแสดงความสงสัยเธอจึงอธิบาย

“หมอดูสมัยก่อนมักเป็นผู้มีสัมผัสที่หก จึงมีบทบาทเหมือนเป็นผู้วิเศษ มีพลังที่เหนือกว่าคนธรรมดา ซึ่งการทำนายทายทักได้อย่างตาเห็นนั้นเป็นไปได้ยากมาก จึงถือเป็นความสามารถเฉพาะตัว เพราะแม้จะให้มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ มาเป็นอาจารย์บอกเล่าความหมายของไพ่แต่ละใบให้ฟังก็เถอะ แต่ถ้าไม่มีสัมผัสที่หกในการทำนาย ก็ยากที่จะให้คำทำนายได้แม่นยำ”

“งั้น ฉันก็น่าจะดูได้แม่นนะ เพราะเมื่อวันก่อนเธอบอกว่าฉันมีสัมผัสที่หก” หญิงสาวคุยโวทันทีที่ได้ยินเรื่องสัมผัสที่หก

“แล้วรู้ไหมว่ามารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ ได้ทำนายการตายของตัวเองเอาไว้ด้วยนะ”

“จริงเหรอ แล้วเขาทำนายไว้ว่าอย่างไรล่ะ”

“มารี อาน อาเดอเลด เลอนอร์มองด์ ทำนายการตายของตัวเองเอาไว้ว่าจะเกี่ยวกับนกจำพวกอีกา และในปี ค.ศ.1843 เธอได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย เพราะตกใจที่เห็นนกพิราบบินเข้ามาในห้อง และคิดว่าเป็นอีกา เนื่องจากสายตาไม่ดี เธอเสียชีวิตเร็วกว่าที่เธอทำนายเอาไว้ซะอีก”

พอพูดถึงเรื่องตาย น้ำเสียงของร่างโปร่งใสก็เศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอก็เคยดูดวงไพ่ยิปซีให้กับตัวเองและพบว่าเธอจะมีเคราะห์หนัก เธอจึงตระเวนไปทำบุญตามวัดต่างๆ แต่สุดท้ายมันก็ไม่อาจช่วยให้เธอรอดพ้นจากเคราะห์หนักครั้งนี้...ดวงเธอคงถึงฆาตแล้วจริงๆ

“วดี เธอไม่เป็นไรนะ” เมนิลาถามอย่างห่วงใย

“อืม ฉันไม่เป็นไร...เธอรีบกินอาหารเช้าให้เสร็จเถอะ จะได้เริ่มเรียนกันจริงๆ จังสักที” วิญญาณสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเป็นกังวลกับความรู้สึกของเธอ

“ได้เลย” ใบหน้าสวยตอบรับพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะรีบทานอาหารเช้าจนหมด แล้วนำถ้วยกาแฟ และจานใส่ขนมปังปิ้งไปล้างจนเสร็จเรียบร้อย

เมนิลาเดินไปหยิบกล่องไพ่ยิปซีมาวางไว้บนโต๊ะ ตามคำสั่งของญาณวดี และเมื่อพอหญิงสาวหยิบไพ่ยิปซีในกล่องไม้ออกมา ญาณวดีจึงเริ่มทำการอธิบาย

“ไพ่ยิปซีทั้งหมดเจ็ดสิบแปดใบ แยกออกเป็นสองชนิด คือ ชุดใหญ่ หรือเมเจอร์อาคาน่า (Major Arcana) มียี่สิบสองใบ และชุดย่อย หรือไมเนอร์อาคาน่า (Minor Arcana) มีห้าสิบหกใบ”

“โห! เยอะเอาการเหมือนกันนะเนี่ย” หญิงสาวหน้าเบ้ มองไพ่ยิปซีในมือ
ญาณวดีเห็นใบหน้ามุ่ยของลูกศิษย์ที่กำลังพลิกดูไพ่ทีละใบก็อดขำไม่ได้

“ตอนนี้จะเปลี่ยนใจ เลิกคิดเป็นหมอดูไพ่ยิปซีก็ยังทันนะ”

“ไม่มีทาง! คนอย่างเมนิลา เมื่อตัดสินใจเดินหน้าจะทำอะไรแล้ว ไม่มีคำว่าถอย” เมนิลาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

เมื่อเห็นลูกศิษย์ยืนยันแบบนั้น อาจารย์จึงสอนต่อและเริ่มทำการอธิบายความหมายของไพ่แต่ละใบอย่างละเอียด เพราะการรู้และจดจำความหมายของไพ่ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการดูไพ่ยิปซี โดยเมนิลาตั้งใจฟังและจดทุกอย่างที่วิญญาณสาวสอนลงสมุดเล่มน้อย เพื่อบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้...กันลืม ทำให้ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังย้อนเวลากลับไปสมัยเรียนหนังสืออีกครั้ง

จนกระทั่งญาณวดีอธิบายความหมายของไพ่แต่ละใบจนครบ เธอก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเพิ่งรู้ว่าการเป็นผู้ถ่ายทอดนี่มันช่างเหนื่อยยากจริงๆ นึกๆ แล้วก็รู้สึกรักครูบาอาจารย์มากขึ้นอีกโข ที่มีความอดทนในการสั่งสอนให้ลูกศิษย์มีความรู้ในเรื่องที่สอน แต่เธอก็ดีใจที่เห็นลูกศิษย์คนแรกของเธอตั้งใจเรียนรู้ ไม่งอแงเกเรอย่างที่นึกกลัวในตอนแรก

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน รอให้เธอจำความหมายของไพ่ยิปซีได้ครบหมด ฉันถึงจะมาสอนบทเรียนต่อไป”

เมนิลาได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่เธอได้ก้าวไปอีกขั้นแล้ว ใบหน้าสวยฟุบลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยอ่อน ตอนนี้สมองน้อยๆ ของเธอเบลอไปหมดแล้ว ก็วิญญาณสาวเล่นถ่ายทอดความรู้ให้เธอแบบนอนสต็อปไม่มีพัก บอกตามตรงว่าเธอจำไม่ได้หมดหรอก ดังนั้นเธอขอนอนพักสักงีบ ตื่นมาค่อยเอาสมุดที่จดมาทบทวนอีกที



เช้าวันใหม่ร้อยตำรวจเอกอัศวินถูกผู้บังคับบัญชาเรียกให้เข้าพบตั้งแต่เช้า ซึ่งชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ตั้งแต่แรกว่าเป็นเรื่องอะไร

“ผมสั่งไม่ให้คุณยุ่งคดีของญาณวดีแล้วไม่ใช่เหรอ” ผู้กำกับประจำโรงพักถามอย่างโมโหเมื่อรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาขัดคำสั่ง

“ครับ” อัศวินยอมรับตรงๆ

“แต่ทำไมผมถึงยังได้รับรายงานว่าคุณไปขอเอกสารผลชันสูตรศพ และผลการพิสูจน์รอยนิ้วมือจากที่เกิดเหตุอีกล่ะ”

“ก็ผมคิดว่าคดีนี้ไม่น่าจะใช่การฆ่าตัวตาย แต่น่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่า” ตำรวจหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“คุณก็เลยขัดคำสั่งผมงั้นสิ” ว่าแล้วมือหนาของท่านผู้กำกับก็ทุบลงบนโต๊ะทำงานตรงหน้าเสียงดังลั่น เขาโกรธมากที่ตำรวจหนุ่มอนาคตไกลคนนี้ไม่เชื่อฟังเขา ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะผลักดันตำรวจหนุ่มให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เพราะผลงานและความมุ่งมั่นของตำรวจหนุ่มนายนี้โดดเด่นกว่าเพื่อนตำรวจในรุ่นเดียวกัน แต่ตอนนี้เขาคงต้องคิดทบทวนซะใหม่ เพราะความมุ่งมั่นของตำรวจนายนี้กำลังทำให้เขาต้องเดือดร้อน

“คือ...ผม”

“ผมขอสั่งพักราชการคุณจนกว่าคดีนี้จะเรียบร้อย”

“ครับท่าน”

อัศวินจนคำพูด เมื่อนึกถึงกฏระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงได้แต่ก้มหน้ายอมรับโดยดี แต่ผู้บังคับบัญชาจะไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาจะยอมแค่ปากว่าเท่านั้น เพราะภายในใจของเขานั้นไม่มีวันยอมเด็ดขาด เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่เขาสันนิษฐานนั้นเป็นเรื่องจริง และเพื่อจะได้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนตายซึ่งเป็นคนที่เขารู้จัก จากนั้นก็นำตัวฆาตรกรมารับโทษตามกฎหมาย ตามหน้าที่ที่เขาพึงกระทำ

และเมื่อตำรวจหนุ่มออกมาจากห้องผู้บังคับบัญชา เขาก็ยิ้มกว้างทันที เพราะเขาคิดว่าการที่เขาถูกสั่งพักราชการจะทำให้เขามีเวลาในการสืบเรื่องญาณวดีเพิ่มขึ้น ว่าแล้วเขาก็หยิบที่อยู่ของ ‘ยัยบ้า’ ที่จดเอาไว้ในกระดาษขึ้นมาดู

หลังจากที่เขารู้หมายเลขทะเบียนรถของ ‘ยัยบ้า’ เขาก็โทรศัพท์ไปขอให้เพื่อนที่อยู่กรมขนส่งช่วยสืบค้นหมายเลขทะเบียนให้ทันที ว่าเจ้าของรถเป็นใครและอยู่ที่ไหน และก็โชคดีที่ชื่อของเจ้าของรถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูคันนั้นเป็นผู้หญิง ซึ่งเขาก็ภาวนาให้เป็นคนคนเดียวกับ ‘ยัยบ้า’

ร่างสูงรีบเดินไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่หน้าสถานีตำรวจ แล้วรีบขับรถออกไป จุดหมายก็คือ ที่ตั้งของคอนโดมิเนียมที่เขาจดเอาไว้บนกระดาษ เพื่อหาคำตอบว่าเจ้าของรถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูที่ชื่อเมนิลา คือคนเดียวกับ ‘ยัยบ้า’ ที่เขาเจอเมื่อวันก่อนหรือเปล่า



ด้านเมนิลา...

แม้ดวงอาทิตย์ขึ้นจนเกือบตั้งฉากกับพื้นโลก แต่เธอก็ยังคงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงอย่างสบาย ไม่มีท่าทางที่จะตื่นขึ้นมาเลย

“เมย์ๆ ตื่นได้แล้ว” ญาณวดีร้องปลุกคนบนเตียง

“อืม” เมนิลางัวเงียตอบ ก่อนพลิกตัวหันไปอีกทาง ก็เธอไม่ได้นอนหลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว เธอจึงอยากอิ่มเอมกับการนอนบนเตียงต่อไปอีกสักพัก

“สายแล้ว ตื่นเถอะๆ”

“ขอห้านาทีนะ” ว่าแล้วคนยังไม่อยากลุกจากเตียงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงหลีกหนีทันที

เมื่อดูท่าแล้วหญิงสาวคงไม่ยอมลุกจากเตียงง่ายๆ ร่างโปร่งใสจึงใช้ไม้เด็ดมาขู่

“ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันจะเข้าฝัน และหลอกเป็นผี แบบหน้าเละๆ เลือดสาดกระจายเลย” วิญญาณสาวรู้ดีว่าเมนิลากลัวผีมาแค่ไหน “จะตื่นหรือไม่ตื่น หนึ่ง… สอง…” ไม่ต้องนับถึงสาม เมนิลาก็กระเด้งตัวขึ้นมาทันที

“จ้าๆ ตื่นแล้วจ้า” ตอนนี้เธอหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“ไปอาบน้ำ แต่งตัว และไปข้างนอกกัน” ร่างโปร่งใสออกคำสั่ง

“จะไปไหน ฉันยังง่วงอยู่เลย” คนถูกปลุกโอดครวญ

“ไหนว่าจะยอมช่วยฉันทุกอย่างไง หรือจะคิดเบี้ยวกันแล้ว” ญาณวดีทวงสัญญากับหญิงสาว

“ไม่ใช่สักหน่อย” เมนิลารีบปฏิเสธทันควัน ก่อนจะบ่นอุบ “แต่เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืน”

“ถ้างั้นเธอนอนต่อไปเถอะ เรื่องการนอนของเธอมันสำคัญกว่าเรื่องของฉัน”
วิญญาณสาวบอกอย่างน้อยใจ

“โอ๋ๆ อย่าพูดอย่างนั้นสิ ฉันสัญญาไว้แล้ว ฉันก็ต้องทำตามนั้นสิ” พูดจบหญิงสาวก็ผุดลุกจากเตียง ก่อนรีบไปเตรียมตัวออกข้างนอก ไม่ช้าเธอก็เดินลงลิฟต์มายังชั้นล่าง แล้วเดินไปที่รถที่จอดไว้อยู่ด้านหน้า โดยไม่รู้ว่าอัศวินได้จอดรถเฝ้ารออยู่นานแล้ว

ชายหนุ่มยิ้มกริ่มที่รถฮอนด้าแจ๊สสีชมพูคันนั้นเป็นของ ‘ยัยบ้า’ จริงๆ และเมื่อเห็นเจ้าของรถขับรถออกไป เขาจึงออกรถแล้วรีบขับตามไปทันที




TonChor
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2555, 12:57:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2555, 12:59:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1909





<< ไพ่ใบที่ 1 I - THE MAGICIAN ไพ่เทพแห่งเวทมนตร์ (2/3)    ไพ่ใบที่ 2 V – THE HIEROPHANT ไพ่การช่วยเหลือเกื้อกูล (1/2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account