เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์

ตอน: บทที่ 3

บทที่ 3

เสียงปรบมือเกรียวกราวเมื่อสิ้นเสียงเพลงเพราะเพลงสุดท้ายจากนักร้องสาวคนสวยชุดเดรสสีแดงเลือดนก เธอยิ้มหวานแล้วกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อที่มาใช้บริการ มณฑกานต์ ดาวเด่นของไนท์คลับแห่งนี้ เธอเป็นม่ายสาวทรงเสน่ห์ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน จึงไม่แปลกนักที่หนุ่มน้อยใหญ่มากหน้าหลายตาอยากใกล้ชิดกระดังงาลนไฟดอกนี้

มณฑกานต์เป็นคุณแม่ในวัยสิบเก้าปี แม้ว่าเธอจะสำเร็จการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายก็ไม่เคยมีความคิดจะทำลายอีกหนึ่งชีวิตบริสุทธิ์เลย เธอต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูกสาวมาโดยลำพัง แม้ว่าเธอจะมีสามีที่ขยัน ทำงานสุริต หนักเอาเบาสู้ แต่เงินเดือนของเขาก็หมดไปกับการหาความสำราญนอกบ้าน

“ฮัลโหล คุณอยู่ไหนคะเนี่ย มณเลิกแล้วนะคะ”

“ผมบอกคุณไปแล้วนะว่าเรื่องของเราให้มันจบไปได้แล้ว” ปลายสายถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงกระเง้ากระงอด
ใบหน้าของมณฑกานต์ตึงเล็กน้อยเมื่อฝ่ายชายตัดสัมพันธ์อย่างซึ่งๆ หน้า หญิงสาวไม่คิดว่าตนจะได้รับคำปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ เสียงหวานในคราแรกห้วนขึ้นอย่างไม่ต้องควบคุมอารมณ์

“เอ๊ะ คุณจะทิ้งมณง่ายๆ ไม่ได้นะ คุณทำอย่างนี้กับมณไม่ได้นะ ไหนคุณบอกว่าคุณรักมณไงคะ” เธออ้างความรู้สึกที่ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่ามีให้

“คุณอย่าอ้างความรักโง่ๆ ได้มั้ย คุณก็รู้ว่ามันกินไม่ได้ เงินต่างหากที่กินได้”

“คุณ...”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะมณฑกานต์ ผมยังจะให้เงินคุณเหมือนเดิม เพียงแต่คุณกับผมไม่ต้องเจอกันอีก” ฝ่ายชายจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจเมื่อมณฑกานต์เริ่มพูดไม่ฟัง ไม่อยู่ในโอวาทเหมือนแต่ก่อน

“หมายความว่าคุณมีคนใหม่แล้วใช่ไหมคะ”

“ใช่ ผมเจอคนใหม่ที่สวยกว่า สาวกว่าคุณ อีกอย่างเราก็ต่างฝ่ายต่างได้จะโอดครวญกันไปทำไม เงินที่ผมส่งเสียให้ลูกสาวคุณทุกเดือนมันก็มากโขเชียวนะ แล้วคุณจะเอาอะไรอีก” บวรบอกอย่างถือไพ่เหนือกว่าขณะคลอเคลียกับผู้หญิงคนใหม่

“คุณทิ้งมณไม่ได้นะคะ มณรักคุณนะ” หญิงสาวยังไม่ยอมแพ้

“คุณรักผมหรือว่ารักเงินผมกันแน่ เอาน่า อย่าทำตัวงี่เง่าได้มั้ย ผมไม่ปล่อยให้คนที่ได้ชื่อว่าเมียผมลำบากหรอก” น้ำเสียงของเขาห้วนอย่างไม่พอใจเมื่อมณฑกานต์ยังไม่ยอมไปตามทางที่เขาขีดเส้นให้

“คุณจะไปจากชีวิตผมพร้อมเงินก้อนโต หรือจะไปอย่างไม่เหลืออะไรก็เลือกเอานะมณฑกานต์ ผมรู้ว่าคนฉลาดอย่างคุณคิดเองได้”

“ก็...ก็ได้คะ”

ด้วยคำว่า ‘ศักดิ์ศรี’ ของหญิงสาวที่มีมากเหลือเกินทำให้เธอกัดฟันพูดออกไป แม้ในใจจะเสียดายบ่อเงินบ่อทองที่ตักตวงมานานกว่าสี่ปี

เธอรู้จักบวรในงานเลี้ยงวันเกิดของพลทหารท่านหนึ่งที่เธอก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามผู้จัดการไนท์คลับไป ด้วยความสวยและมั่นใจในตนเองที่ทำให้บวรสนใจในตัวเธอได้ไม่ยาก จากนั้นเธอและเขาก็ติดต่อ สานสัมพันธ์กันเรื่อยมา

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ภายในโรงภาพยนตร์ ที่นั่งวีไอพีถูกจับจองไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ธนาดล แทบไม่ได้กระดิกตัว นั่งให้ถนัดเมื่อแขนแข็งแรงของเขาถูกชุติมากอดไว้แน่น

โซฟานิ่มใหญ่บุกำมะหยี่สีแดงหาได้ทำให้ความสบายกับชุติมาเท่าแขนของธนาดล ชุติมาเงยหน้ามองคนที่มีศักดิ์เป็นน้าชาย สำรวจใบหน้าคมคายตั้งแต่คิ้วหนาที่อยู่เหนือดวงตาสีน้ำตาล จมูกเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ไกล เธออยากจะตามไปอยู่ด้วยให้รู้แล้วรู้รอด

“มีอะไรติดหน้าน้าหรือเปล่าคะน้องเอ้” เสียงทุ้มปลุกชุติมาจากภวังค์

“ไม่มีอะไรคะ”

“กอดน้าแน่นเหมือนหมีโคอาล่าเลยนะ” ชายหนุ่มกระซิบกับหลานสาวที่หลานสาวอ้างว่าหนาว

“ก็เอ้ลืมเอาผ้าคลุมมานี่คะ น้าดลก็ใจดีให้เอ้กอดหน่อยเถอะค่ะ ถือว่าสงสารคนตัวเล็กๆ ” ชุติมาทำตาปริบๆ อย่างพองาม

“ค่ะ นางฟ้าของน้า”

ธนาดลบีบจมูกรั้นของหลานสาวอย่างหมั่นไส้ ชายหนุ่มมองหลานสาวที่ก้มหน้างุดอย่างเอ็นดู ก่อนกระชับร่างอ้อนแอ้นไว้แนบอกเนื่องจากอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ โดยหารู้ไม่ว่ามันทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความริษยาพองคับอก

“น้าดลจะกลับไปเชียงใหม่อีกไหมคะ” ชุติมาถามพลางกระชับแขนเขาแน่น

“อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับแม่หนูแล้วนะ น้องเอ้” ชุติมาครุ่นคิดกับคำตอบของเขา

ถ้าแม่ไม่ฟื้นขึ้นมาคงจะดี เธอจะได้อยู่กับคุณดล...ตลอดไป

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ชั้นบนสุดของอาคารพาณิชย์ย่านใจกลางเมือง เป็นแหล่งรวมบรรดานักเสี่ยงโชคจากหลากหลายอาชีพ และชนชั้นทางสังคม ด้วยความโลภเป็นเหตุทำให้ใครหลายคนยังอยู่ในวงจรอบายมุขนี้

“เอาอีกแล้วหรือวะเมศร์” คำถามของสักรินทร์ทำให้เมศร์ต้องหันตามโฟกัสเดียวกับผู้เป็นนาย

“ครับคุณริน นายบวรน่ะเข้าๆ ออกๆที่นี่มาสองสามอาทิตย์แล้ว ครั้งก่อนก็เพิ่งขอเครดิตเพิ่มอีกห้าล้าน แต่ผมว่านะมันไม่มีปัญญาจ่ายแน่”

“ดูแลเป็นพิเศษหน่อยแล้วกัน คนนี้ แขกวีไอพีของเจ้าดล” สักรินทร์ตบบ่าเมศร์ก่อนขึ้นไปชั้นบนของบ่อน

สักรินทร์ยังคิดไม่ออกว่าบวรกับรัตติกาลมีความสัมพันธ์กันแบบไหน เพราะคนของเขารายงานว่าทั้งคู่ไม่เคยพบปะกันเลย มีเพียงความเคลื่อนไหวของตัวเลขในบัญชีธนาคารเท่านั้น เพื่อนของเขาก็ค้านหัวชนฝาว่าเป็นแผนลวงให้เขาตายใจ จึงหลีกเลี่ยงไม่พบกันในช่วงนี้ก็เป็นได้

ทางด้านบวรก็หัวเสียเนื่องจากจำนวนชิปของเขาที่ยืมมานั้นหมดไป เมื่อเจอเมศร์กับลูกน้องที่ตรวจงานกับผู้จัดการบ่อน ก็ปากสั่น กลัวว่าเมศร์จะทวงหนี้

“ผมจ่ายแน่คุณเมศร์ แต่โชคไม่เข้าข้างผมเลย”

“ครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกนะครับ คุณบวรเป็นแขกพิเศษของเรา” เมศร์รู้ว่าเขาหมายถึงเงินจำนวนห้าล้านนั่น

“ครับ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าผมยังจะ...”

บวรรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที ตามันวาว เมื่อเห็นแสงสว่างปลายทางหลังจากที่อยู่ในอุโมงค์ที่มืดมิด และคนที่หยิบยื่นแสงสว่างให้ก็ไม่ใช้คนอื่นคนไกล เพชรฆาตประจำกายของสักรินทร์นั่นเอง เวลานี้บวรคิดถึงแต่จำนวนเงินที่ตัวกำลังจะได้เท่านั้น

“เท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณต้องการครับ คุณบวร อมรวัฒนกุล” เมศร์เรียกบวรเต็มยศพลางพยักหน้าให้ลูกน้อง บวรยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินตามคนของเมศร์ไป


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ธนาดลมองร่างอ้อนแอ้นของหลานสาวที่วิ่งตึงตังลงบันไดอย่างขำๆ ก่อนจะสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มกุ้งเพิ่มอีกหนึ่งที่สำหรับหลานสาวสุดที่รักของเขา

“วันนี้น้องเอ้ไปทำงานด้วยได้ไหมคะ” เสียงหวานบอกขณะพยายามเปิดฝาขวดซอส

“ได้สิคะ”ว่าแล้วผู้เป็นน้าเอื้อมมือมาหยิบขวดซอสที่ชุติมาพยายามเปิดมันออกอย่างง่ายดายแล้วเหยาะในชามของเธอ

“แล้วน้าดลว่างพาเอ้ไปเที่ยวไหมคะ”

“น้าไม่แน่ใจนะคะ แต่ถ้าน้าเคลียร์งานเสร็จ น้าก็จะพาไปนะ” น้าชายต่อรอง

“จริงนะคะ”

“ค่ะ”

“เอ้รักน้าดลที่สุดเลย” ชุติมายิ้มร่า ด้วยรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าทะนงตน และรักในศักดิ์ศรีมาก หญิงสาวเชื่อว่าเขาจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอแน่นอน

หากหญิงสาวจินตนาการไปถึงทะเลหวานในวันหยุดสุดพิเศษ ที่ท่ามกลางอากาศร้อน บนหาดทรายมีเพียงเขาและเธอคลอเคลียกัน

รอมาได้ตั้งสิบปีรออีกนิดหน่อยจะเป็นไรไป เธอบอกกับตัวเอง

สายวันนั้นชุติมาก็ยิ้มแป้นที่ได้นั่งชูคอเป็นตุ๊กตาหน้ารถของธนาดล ชายหนุ่มเองก็อยากพาชุติมาไปเที่ยว แต่เนื่องด้วยเขามีธุระบางอย่างที่ต้องทำให้เสร็จ เพื่อความสบายใจของเขา

ธนาดลเดินเข้าบริษัทโดยมีชุติมาเดินเคียงข้าง เรียกความสนใจกับพนักงานได้เป็นอย่างดีเพราะจำได้ว่าชุติมาเคยแผลงฤทธิ์กับภราดามาแล้ว อีกทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะไม่มาเหยีบที่นี่อีกต่อไป

“คุณดลคะ วันนี้มีประชุมตอนสิบโมงคะ” เมรยาบอกก่อนที่เขาและชุติมาจะเข้าไปในห้อง

“อืม ถ้าคุณเมจัดเอกสารให้ผมเรียบร้อย ผมขอกาแฟกับน้ำส้มให้น้องเอ้ด้วยนะครับ”

คล้อยหลังธนาดล ชุติมาจิกสายตามองเมรยาหากฝ่ายตรงข้ามได้กลัวไม่ เลขาสาวก็มองเธอตาขวางเช่นกันนั่นทำให้ชุติมาไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงเดินตามธนาดลเข้าไปในห้อง

เมรยาครุ่นคิดเรื่องของภราดาและชุติมา หญิงสาวไม่ได้กลัวลูกสาวของเจ้านายเก่าของเธอเลยแม้แต่น้อย ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ และเฉียบขาดนั่นแหละ คร้านชุติมาจะเกรงเธอ

ผู้เป็นหลานสาวเบ้ปากอย่างขัดใจเมื่อธนาดลยังไม่ออกจากห้องประชุม พลางก้มดูนาฬิกาหน้าปัดฝังเพชรเรือนหรูแล้วถอนหายใจเมื่อเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ ก่อนทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอีกครั้งแล้วคว้านิตยสารแฟชั่นสี่สีที่เมรยาเอาเข้ามาให้ตามคำสั่งของธนาดล ชุติมาจำใจเปิดอ่านมันอีกครั้งแม้ว่าจะอ่านไปหลายรอบแล้วก็ตาม

“เป็นไงบ้างคะน้องเอ้ หิวหรือยัง” ราวกับเสียงสวรรค์ ชุติมายืนขึ้นทันทีแล้วเดินไปหาธนาดล

“ก็เริ่มหิวแล้วคะ น้องเอ้ว่าเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะ”

“ได้สิคะ น้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” น้ำเสียงของธนาดลที่บ่งบอกว่าเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด

หากแม่ของเธอไม่ต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาล เขาก็คงไม่เหนื่อยอย่างนี้ คิดได้อย่างนี้ชุติมาต้องพึมพำออกมา ”เอ้ ขอโทษ”

“ว่าอะไรนะคะ น้องเอ้”

“ไม่มีอะไรคะน้าดล น้องเอ้ว่าน้องเอ้หิวมากเลย” ว่าแล้วหลานสาวก็ชกท้องน้าชายจนจุก ธนาดลยีผมของเธออย่างหมั่นไส้เล็กน้อย

“อย่ามาทำแบบนี้กับผมเอ้นะ ผมเสียทรงหมด” ชุติมาย่นจมูกบอกอย่างแกล้งว่าไม่พอใจ ทิ้งให้เมรยามองตามคนทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปอย่างไม่สบายใจ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รัตติกาลทำงานพิเศษที่ร้านไอศกรีมหน้ามหาวิทยาลัย เป็นฆ่าเวลาระหว่างที่รอการประกาศผลจากสายการบิน รัตติกาลมีผลการเรียนที่ดี มีทักษะทางภาษาทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมันที่ดีเยี่ยมซึ่งมาจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอนมัธยมศึกษาปีที่ห้า เมื่อกลับมาประเทศไทย หญิงสาวก็ไม่ได้ทิ้งความรู้ทางภาษาเยอรมัน ยังหมั่นทบทวนและเรียนพิเศษอีก

ตะวันคล้อยเย็น รัตติกาลและเพื่อนร่วมงานช่วยกันเก็บเก้าอี้ในร้านอย่างขันแข็ง ข้อดีของการทำงานพิเศษในช่วงปิดเทอมคือ นิสิตที่ลงทะเบียนเรียนภาคฤดูร้อนนั้นบางตาทำให้พวกเธอไม่ต้องเหนื่อยมาก

“กลับบ้านได้แล้วนิกซ์ เย็นแล้วนะ” พลัมหรือภานุมาศ รุ่นน้องคณะเดียวกับน่านน้ำ หญิงสาวเป็นทั้งน้องรหัสและคนรักของน่านน้ำด้วย

“เย็นนี้ไปเที่ยวกันไหมพลัม” สาวเปรี้ยวที่เช็ดโต๊ะอยู่ชะงักแล้วหยิกตัวเองเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป

“โห วันนี้นิกซ์ชวนเที่ยว ฝนจะตกไหมเนี่ย”

รัตติกาลหัวเราะกับคำพูดของภานุมาศ เธอก็รู้สึกถูกชะตากับสาวเปรี้ยวเข็ดฟันเพื่อนร่วมงานคนนี้ อีกอย่าง น่านน้ำได้ฝากฝังให้ดูแลแฟนสาวตลอดสามเดือนที่ตนไม่อยู่

ภานุมาศขาวตามฉบับสาวเหนือ รูปร่างเหมือนนางแบบที่ได้รับความนิยม แต่ที่สะดุดตาของเธอคือคำพูดที่ฉะฉาน สรุปแล้วเธอไม่ได้สวยแต่รูปอย่างที่ใครหลายคนสบประมาท

‘พี่ว่าชาติที่แล้วพี่ต้องเป็นโลกแน่เลย’ น่านน้ำพูดขณะพาน้องรหัสมาแนะนำตัวกับรัตติกาล

‘พี่น้ำเป็นอะไรหรอคะ เป็นโรคอะไร’ ภานุมาศถามซื่อๆ

‘โลก ครับโลก ไม่ใช่โรค’ น่านน้ำกระดกเสียงชัดเจน

‘ทำไมอ่ะ เราไม่เห็นเข้าใจเลย’ รัตติกาลขมวดคิ้วกับคำพูดของชายหนุ่ม

‘ก็ชื่อนิกซ์หมายถึงกลางคืนใช่ไหม แล้วน้องพลัมชื่อน้องเขาหมายถึง...’

‘พระอาทิตย์คะ ภานุมาศแปลว่าพระอาทิตย์’

หญิงสาวนามภานุมาศชิงตอบคำถามของน่านน้ำเสียงดังฟังชัด คนภายในโรงอาหารต่างหันมามองคนทั้งสามราวกับเป็นตัวประหลาดที่หัวเราะกันอย่างไม่เกรงใจใคร ราวกับโรงอาหารเป็นของพวกตน

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


สายตาคมกริบของธนาดลมองตามสองสาวต่างสไตล์ที่เดินกอดคอกันออกมาจากผับดัง ขณะเดียวกันนั้นรถตู้สีขาวก็ขับมาอย่างรวดเร็ว

‘เอี๊ยด!!!’

มือบางที่กำลังโบกแท็กซี่ชะงัก ภานุมาศสะดุ้งเฮือกแม้สติของเธอจะไม่สมบูรณ์แต่เธอก็จำได้ว่ารถตู้คันนี้เป็นของใคร แล้วกระชากแขนของรัตติกาลให้วิ่งตามโดยมีชายร่างใหญ่ไม่ต่ำกว่าสามคนวิ่งตาม

“วิ่ง!!”

แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รัตติกาลก็วิ่งตามแรงกระชากของภานุมาศ ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ไถลไปกองกับพื้นแน่

“ว๊าย /เฮ้ย” เสียงของภานุมาศและรัตติกาลอุทานเมื่อมีมือลึกลับปิดปากพวกเธอไว้ แล้วยัดทั้งคู่เข้าไปในรถยนต์สีดำปลาบแล้วเคลื่อนรถออกไป เป็นเวลาเดียวกันที่ชายชุดดำวิ่งมาถึง

“โธ่โว้ย” หนึ่งในนั้นสบถอย่างหัวเสีย ได้แต่มองตามรถสีดำปลาบเคลื่อนตัวออกไปจนสุดสายตา

“เอายังไงดีครับ”

“ก็กลับสิโว้ย ถามได้” ชายคนเดิมคำรามออกมาลั่น แล้วเดินกลับไปที่รถอย่างหัวเสีย

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


บรรยากาศภายในรถยนต์ที่ทะยานด้วยความเร็วสูงนั้นทำให้หญิงสาวทั้งสองกลับมามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน เหมือนสวรรค์เล่นตลกที่ถนนวันนี้โล่งจนเธอทั้งคู่ไม่อาจขอความช่วยเหลือได้จากใคร แล้วอย่าแม้แต่จะคิดเปิดประตูรถแล้วกระโดดลงไปเชียวถ้ายังไม่อยากตีตั๋วกลับบ้านเก่า

รัตติกาลพยายามหาทางรอด แล้วก็ต้องขนลุกซู่ รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากเบาะหน้า

“เฮ้ย ไอ้โรคจิต” ธนาดลสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ เสียงค่อนข้างแหบของรัตติกาลอุทานอย่างตกใจ

“นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”

ธนาดลพูดพลางเลียริมฝีปากตัวเองมองหญิงสาวผ่านกระจก นั่นทำให้รัตติกาลกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอก่อนหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้กับชายหนุ่มอีกหนึ่งคนที่ยึดมือของเธอและภานุมาศไว้มือละข้าง

“ไอ้บ้า” รัตติกาลพึมพำเบาๆ ขยะแขยงกับท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยราวกับกุ๊ยข้างถนนของชายหนุ่ม

“นิกซ์รู้จัก...คนพวกนี้ด้วยหรอ” ภาณุมาสถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ

รัตติกาลส่ายหน้า ภานุมาศพยายามสลัดข้อมือจากการเกาะกุมของสักรินทร์ หญิงสาวต้องเบ้หน้าเมื่อเขาเพิ่มแรงกดที่ข้อมือเธอ

“เจ็บนะ ไอ้...คุณ” สรรพนามเรียกคนที่จับแขนเธอไว้นั้นต้องเปลี่ยนไปเมื่อสบกับดวงตาวาววับเอาเรื่องของเขา

“ถ้าเธอพูดไม่เข้าหูฉันล่ะก็ ฉันจัดการเธอแน่”

สักรินทร์ ชายหนุ่มบ้าอำนาจผู้เย่อหยิ่ง ยอมหักไม่ยอมงอ เขาเค้นเสียงต่ำใกล้ใบหูของภานุมาศ ขณะที่หญิงสาวมองหน้าเขา ตาจ้องตาไม่มีใครกลัวใคร

ธุรกิจนอกกฎหมายหลายประเภท หากเอ่ยชื่อของสักรินทร์ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา ทั้งบ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล เงินกู้นอกระบบ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวคือ ยาเสพติด

“นี่คุณ จะพาพวกฉันไปไหน พวกฉันต้องกลับบ้านนะ” ภานุมาศตะโกนบอกชายหนุ่มด้านหน้าที่ขับรถเลี่ยงเมืองด้วยความเร็ว ธนาดลหันมามองเธอแวบหนึ่งแล้วยักไหล่ไม่สนใจคำร้องของเธอ

“นี่นาย บอกเพื่อนนายสิ” ภานุมาศฮึดฮัดอย่างขัดใจ คิดถึงแฟนหนุ่มที่ไปหาประสบการณ์ถึงแดนไกล ถ้าเขาอยู่ เรื่องบ้าๆ แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

สักรินทร์หรี่ตามองหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวสั้นกับเสื้อกล้ามสีเหลืองที่เขย่าแขนเขาอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนหลับตาลงอย่างเดิม

“ฮึ่ม...นายทึ่ม” ภาณุมาสสะบัดแขนจากการเกาะกุมแล้วเขยิบนั่งชิดประตูรถ เหมือนยิ่งแกล้งที่ร่างใหญ่ของสักรินทร์เซมาทับเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง “ว๊าย ทับฉันทำไมอีตาบ้า”

“เดี๋ยวฉันจะลงไปซื้อของ เธอกับเพื่อนลงมาด้วย” ธนาดลหันไปบอกหญิงสาวที่นั่งด้านหลัง
ทันทีที่เขาปลดล็อค ร่างบางทั้งคู่แทบถลาออกจากรถทว่าช้ากว่ามือแข็งแรงของสักรินทร์ที่กระชากให้ทั้งคู่ไว้ หากโชคร้ายเป็นของภานุมาศที่สะบัดไม่หลุด

“อยากตายหรือไง อยู่เฉยๆ เซ่” สักรินทร์ตวาดภานุมาศขณะที่ธนาดลปิดประตูรถเสียงดังแล้ววิ่งตามรัตติกาลไป

“ปล่อยฉันนะไอ่บ้า ฉันจะกลับบ้าน” ภาณุมาสตวาดกลับด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน

“โยนคำว่ากลับบ้านของเธอทิ้งไปเลยนะ วันพรุ่งนี้ฉันจะปล่อยเธอไปแน่”

ภานุมาศได้ยินแค่ว่าวันพรุ่งนี้ก็เต้นเป็นเจ้าเข้า เพราะสาวรักสะอาดอย่างเธอไม่ชินกับการนอนแปลกที่ ที่สำคัญคืนนี้เธอมีนัดคุย Skype กับน่านน้ำนั่นเอง

“ไม่ได้นะ ฉันต้องกลับบ้านวันนี้ เดี๋ยวนี้! ฉันไม่อยากโดนขโมยหมู” ภานุมาศเริ่มโยเย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอผสมพันธุ์หมูทิ้งไว้ (เกมส์แฮปปี้คนเลี้ยงหมูใน Facebook)

“ฮ่าๆ เธอนี่ตลกชะมัด” ถ้าเป็นคนอื่นคงกลัวที่โดนจับมา แต่นี่กลับโวยวาย ไม่ได้เล่นเกมส์ “หึ เธอชื่ออะไรนะ” หญิงสาวปรับอารมณ์แทบไม่ทันเมื่อจู่ๆ สักรินทร์เปลี่ยนเรื่องขึ้นมากะทันหัน

“นายจะรู้ไปทำไม” ภานุมาศก็ตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิดให้มาก

สักรินทร์ตวัดสายตามองอย่างไม่พอใจ ทว่าเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น จึงได้แต่ส่งสายตาไปมองราวกับบอกว่า ฝากไว้ก่อน

“มีอะไรหรือเปล่าเมศร์” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ

เมศร์ผู้เป็นน้องชาย หากไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวข้องกันเนื่องจากผู้เป็นบิดาเขาได้อุปการะเมศร์เป็นบุตรบุญธรรม ด้วยความรักที่เมศร์ได้รับจากครอบครัวเขา และเขาก็ไว้ใจเมศร์ให้ดูแลธุรกิจของเขาเป็นส่วนใหญ่

“คือ คนของเราทำงานพลาดครับ”

“งานอะไรวะ” สักรินทร์ไม่ได้เข้าไปในบ่อนเป็นอาทิตย์แล้ว เนื่องจากธนาดลขอร้องให้ตนช่วยเหลืองานที่คั่งค้างเพื่อสะสางธุระที่เขาว่าสำคัญกว่า

“ก็คนที่เข้ามาโกงเงินในบ่อนเราน่ะครับ”

“แล้วไปทำยังไงให้มันพลาดกันล่ะ” เขายังคิดไม่ตกกับการทำงานของลูกน้องฝีมือตัวฉกาจที่ส่วนใหญ่ล้วนเคยเป็นนักโทษเดนตาย หลังจากพ้นโทษคนเหล่านั้นได้รับโอกาสจากเขาให้รับการฝึกฝนทั้งด้านร่างกายให้แข็งแกร่งและขัดเกลาจิตใจให้มีมนุษยธรรมกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รัตติกาลหมายวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากพนักงานในร้านสะดวกซื้อ หากแต่ธนาดลปราดเข้าถึงตัวเธอก่อน

“ถ้ายังคิดจะหนี เพื่อนเธอไม่รอดแน่” เสียงทุ้มกระซิบบอกเบาๆ แล้วยึดลำแขนหล่อนไว้แน่นก่อนละใช้ริมฝีปากงับใบหูเธอเบาๆ

“ไอ้...ไอ้โรคจิต” รัตติกาลรู้สึกหวิวๆ ร้อนวูบที่หน้ากับการกระทำอันอุกอาจ

“เฮอะ ปากอย่างใจอย่าง ฉันจำได้ว่าเธอติดใจรสจูบของฉันยิ่งกว่าอะไรดี”

“นาย...” รัตติกาลทั้งโกรธทั้งอาย

“พูดไม่ออกเลยล่ะสิ แล้ววันพรุ่งนี้ฉันจะทำให้เธอเรียกหาฉันอยู่ำ่ไป”

“ไม่มีวัน” รัตติกาลอยากจะชกหน้าคนอวดดีให้คว่ำนัก

“ไม่ต้องรีบร้อนบอกฉันหรอก ไว้ค่อยพิสูจน์กัน” ธนาดลแสยะยิ้มแล้วกระชากร่างค่อนข้างสูงให้ตามเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ภานุมาศหายใจอย่างติดขัดเมื่อสัมผัสถึงความรู้สึกจากสายตาวาววับของชายหนุ่ม เกลียดหรือโกรธที่เธอก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร

“เธอคือภานุมาศใช่ไหม” เสียงกร้าวของสักรินทร์ทำเอาเธอสะดุ้ง ร่างบางเขยิบหนีชายหนุ่มตัวโต “ฉันถามทำไมไม่ตอบ”

“กรี๊ด” ภานุมาศตัวสั่นเมื่อเขากระชากเธอปะทะอกแกร่ง

หญิงสาวไม่อาจหลบตาเขาได้ เธอรู้ว่าเขามีอำนาจเหนือเธออย่างประหลาด คล้ายกับความมีเสน่ห์ ดุดัน เร่าร้อนทำให้เธออ่านสายตาเขาไม่ออก ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ แทนคำตอบ

“ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อยตามล่าตัวเธอ”

“ตามล่า ตามล่าฉันเนี่ยนะ ผิดคนแล้วมั้ง” เสียงหวานแหวอย่างลืมตัว หญิงสาวชี้หน้าตนเองประกอบคำถามหากคำพูดสุดท้ายอ่อนลงแฝงไว้ด้วยความไม่มั่นใจ แล้วแสงไฟกระพริบหลากสีใกล้เท้าเธอก็ส่องแสงสว่างวาบ

ภานุมาศก้มลงไปเก็บโทรศัพท์มือถือของตนที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“ว่าไงคะพ่อ” หญิงสาวอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร

“พลัม นั่นลูกอยู่ไหน” ภานุมาศแปลกใจกับเสียงสั่นๆ ของบิดาที่ซ่อนความเป็นห่วงไว้ไม่มิด

“เอ่อ...พลัม...พลัมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับนิกซ์คะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอตอบตะกุกตะกัก ไม่กล้าบอกว่าถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้จับตัวมา ขืนบอกไปมีหวังพ่อเธอเป็นลมล้มตึงแน่ๆ

“ดีแล้วลูก สอบเสร็จแล้วก็พักผ่อนเสียบ้างนะ ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาให้ไกลเลยนะลูก ไม่ต้องรีบกลับมานะ พ่อจะไปมาเก๊าสักพัก ไม่ต้องห่วงพ่อนะแล้วพ่อจะติดต่อกลับไปเองนะลูก แค่นี้นะ” ภานุมาศยังจับต้นชนปลายไม่ถูก หญิงสาวได้แต่ฟังบิดาสั่งเสียชุดใหญ่ ไม่ทันได้ถามอะไรปลายสายก็ตัดไปแล้ว

ธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงรุ่นของบิดาของเธอประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ตั้งแต่จำความได้ภานุมาศได้รับการเลี้ยงดูจากบิดา และปู่ ท่านทั้งสองไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับมารดามากนัก และด้วยความรักที่ได้รับอย่างอบอุ่นก็ไม่ได้ทำให้เธออยากทราบว่ามารดาของเธอคือใคร ภานุมาศทราบดีว่าปู่ของเธอนั้นหวงแหนปางไม้มากเพียงใด อาจกล่าวได้ว่ามันคือลมหายใจของท่าน หากเมื่อสิ้นท่านไปก็เหมือนสิ้นปางไม้ด้วย เมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าลูกชายซึ่งก็คือบิดาของเธอนั้นได้ขายมันไปเพื่อนำเงินก้อนใหญ่เพื่อนำเงินจำนวนหนึ่งไปใช้หนี้การพนัน เหลือเงินจะนวนไม่น้อยสำหรับการเริ่มต้นอาชีพใหม่ต่างบ้านต่างเมือง

สองพ่อลูกได้เข้ามาใช้ชีวิตในเมืองหลวงของประเทศ เป็นเวลาเดียวที่เธอสอบเข้าเรียนคณะเภสัชศาสตร์ได้สำเร็จ ภานุมาศทราบดีว่าเลือดผีพนันของผู้เป็นบิดายังฉีดพล่านในร่างกาย แม้จะรับปากหลายครั้งว่าจะเลิก แต่บิดาก็ทำให้เธอเสียใจตลอดมา

บิดาของเธอไม่ทราบเลยว่าลูกสาวถูกตามระรานจากทางบ่อนหลายครั้งหลายคราด้วยกัน โชคดีที่ครั้งก่อนเป็นเงินจำนวนไม่มากนักน่านน้ำจึงช่วยจัดการปัญหาให้ได้ แต่ครั้งนี้เขาไปต่างประเทศ เธอจึงเอาตัวไม่รอด

“พ่อเธอว่ายังไงล่ะ ภานุมาศ”

“ไม่มีมารยาท” ภานุมาศว่าเขาขณะที่เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋า หญิงสาวรูดซิปเสียแรง แสดงกิริยากระแทกกระทั้นว่าไม่พอใจ

สักรินทร์ยักไหล่ไม่ยินดียินร้ายกับคำพูดของหญิงสาวที่ว่าให้เขาแอบฟังโทรศัพท์กับบิดานั่นเอง

“พ่อเธอคงบอกให้เธอหนีไปไกลๆ สินะ”

“พ่อฉันจะบอกอะไรก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“ใครบอก เกี่ยวกับฉันโดยตรงเลย ในเมื่อฉันเป็นเจ้าของบ่อน แล้วพ่อเธอก็ติดหนี้ฉันอยู่เจ็ดแสน รวมดอกเบี้ยอีกสามแสน เบ็ดเสร็จก็หนึ่งล้านบาทถ้วน หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน เลขศูนย์กลมๆ หกตัวเชียว” ชายหนุ่มพูดเนิบๆ พลางนิบนิ้วจาระไนเงินก้อนใหญ่

“ฉัน...ฉัน...ไม่รู้ แต่เงินแค่ล้านเดียว คนรวยอย่างคุณหาเมื่อไหร่ก็ได้ เงินคุณก็มีเยอะไม่ใช่หรือ”

“หึ แล้วไง พูดง่ายดีนี่ คิดจะเบี้ยวฉันหรือไง”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อย แค่ขอเวลาให้ฉันกับพ่อหน่อย ฉันขอเวลาแค่สามเดือน”

ภานุมาศบอกเสียงอ่อย หญิงสาวอับจนหนทาง ไม่รู้หาเงินจำนวนนั้นมาคืนเขาได้อย่างไรด้วยซ้ำ ลำพังเงินเก็บที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตนเองก็เทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวของหนี้ที่บิดาเป็นคนก่อ หากในใจยังถวิลหาแฟนหนุ่มที่จะเป็นอากาศเฮือกสุดท้ายของหล่อนก็เป็นได้

“เป็นไปไม่ได้หรอกภานุมาศ ฉันไม่มีนโยบายผัดผ่อนหนี้ กฎต้องเป็นไปตามกฎ”

“ให้ฉันทำงานที่บ่อนใช้หนี้คุณก็ได้”

“ฉันไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง”

“งั้น กลับไปกรุงเทพฯ ฉันจะขายรถ เอาเงินมาใช้หนี้คุณ” แม้ในใจจะเสียดายมินิคูเปอร์ที่บิดาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่เธอไม่มีทางเลือก

“ฉันอยากได้เงินฉันตอนนี้ เดี๋ยวนี้” สักรินทร์เฉไฉหน้าตาย

“แล้วคุณจะเอายังไงเล่า ไอ้นู่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ แล้วถ้าจะฆ่าฉันหรือฆ่าพ่อฉันก็ไม่ได้ทำให้คุณได้เงินคืนหรอก” หญิงสาวหงุดหงิดเป็นกำลัง นึกเคืองบิดาที่ขยันสร้างเรื่องปวดหัวให้เธอเสียจริง

พ่อนะพ่อ แล้วพลัมจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ให้พ่อล่ะเนี่ย

“ก็ตัวเธอไง” สักรินทร์พูดหน้าตาเฉย

“ไอ่บ้า ฉันไม่ใช่...ไม่ใช่อีตัว...นะ”

ภานุมาศโกรธจัดที่สักรินทร์บังคับให้เธอขายศักดิ์ศรี นึกแค้นที่เขาปฏิบัติกับเธอว่าเป็นลูกไก่ในกำมือ ต้อนให้จนมุมแล้วค่อยบีบให้ตายอย่างเลือดเย็น

“ก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรอ หนึ่งล้านนะคิดให้ดีนะ“ สักรินทร์ยื่นข้อเสนอให้ภานุมาศแล้วหัวเราะในลำคอก่อนเปิดประตูลงไปโดยไม่ลืมลากเธอให้ตามไปด้วย

“จะไปไหน ฉันไม่ไป” หญิงสาวขัดขืนสุดฤทธิ์

“ไปหาอะไรกิน หรือว่าเธอไม่หิว”

ภานุมาศได้แต่เดินตามคนยัดเยียดความหิวให้ไป คิดในใจว่าจะจัดการเขาอย่างไรดี ทั้งคู่สวนกับธนาดลและรัตติกาลเดินออกมาพร้อมกับเสบียงสองถุงใหญ่

สักรินทร์เลือกซื้อเครื่องดื่มสองสามอย่างและลูกอมดับกลิ่นปากอย่างสบายใจแล้วส่งให้หญิงสาวที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับที่แคชเชียร์

“จ่ายเงินให้ด้วย”

“ไม่เป็นสุภาพบุรุษ” คนปากไวตำหนิเสียงดัง

สักรินทร์ไม่สนใจวาจาเชือดเฉือนของภานุมาศ ชายหนุ่มอยากสั่งสอนคนปากกล้าที่บังอาจว่าเขาต่อหน้าธารกำนัล เขาเสหยิบกล่องเล็กๆ ใกล้มือสองกล่องให้เธอจ่ายเงินด้วย

“ไอ้บ้า...จะเอาไปทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงดังเมื่อเห็นสิ่งที่เขาหยิบมา

มันคือ...ถุงยางอนามัย

“เผื่อได้ใช้” ว่าแล้วสักรินทร์ก็ออกไปรอที่หน้าร้านไม่รอฟังว่าภานุมาศจะพูดอะไร

“ไอ้โรคจิต ไอ้ลามก ไอ้คน...”

ภานุมาศหน้าแดงกับคำตอบของเขา เธอรู้สึกว่าหน้าเธอร้อนกว่าปกติ แล้วก้มหน้างุดเมื่อรับถุงจากแคชเชียร์ที่อมยิ้มนิดๆ ให้หญิงสาว

“คุณ...คุณชื่ออะไร” ภานุมาศกระตุกชายเสื้อชายหนุ่มที่ยืนสูบบุหรี่

“ริน” สักรินทร์ยังแสดงความหยาบคายด้วยการพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหวานอีกทำให้เธอสำลักควันพิษ

“แค่กๆ ฮะ อะไรนะ” มือบางโบกควันสีเทาให้เจือจางกับอากาศ หญิงสาวตะลึงกับชื่อหวานจ๋อยของเขามากกว่าจะสนใจกับกิริยาแสนแย่ที่เขาทำกับเธอเมื่อครู่

“ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ นะ ไปได้แล้ว”

สักรินทร์อัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วทิ้งมันบนพื้น ใช้เท้าใหญ่ขยี้จนดับแล้วคว้าแขนร่างบอบบางให้ปลิวตามไปยังที่จอดรถ ไม่สนใจว่าคนที่ตามมาจะเดินทันหรือไม่

“เบาๆ ก็ได้”

“ไม่สวยแล้วยังจะพูดมากอีก” สักรินทร์พลางเปิดประตูแล้วกดศีรษะของภานุมาศให้เข้าไปในรถ

/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ติ๊งต่องๆๆ เสน่หาในเพลิงแแค้น บทที่ 3 มาส่งแล้วค่ะ เรียงอักษร ตั้งใจจะอัพนิยายทุกวันเลย แต่ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ล่าช้า เพราะติดธุระจริงๆ ค่ะ เรียงอักษรต้องช่วยรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเตรียมงานรับน้องค่ะ ฮั่นแน่ คิดกันใหญ่เลยว่าเรียงอักษรเรียนอยู่ปีอะไร :]

ขอบคุณ คุณปูสีน้ำเงิน คุณGingfara และคุณlovemauy สำหรับการติดตามผลงานนะคะ




เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 เม.ย. 2554, 18:15:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2554, 19:46:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2415





<< บทที่ 2    บทที่ี่ 4 >>
Gingfara 30 เม.ย. 2554, 18:24:44 น.
มาช้าดีกว่าไม่มาค่ะ อิอิ
คู่นี้น่ารักจัง


lovemuay 30 เม.ย. 2554, 19:29:49 น.
มาเพิ่มอีกคู่แระ อิอิ >______<


ปูสีน้ำเงิน 30 เม.ย. 2554, 22:04:33 น.
นั่นสิคะ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
ช้าแค่ไหนก็รอได้เสมอค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account